คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : EP14: The Masquerade Man 100%
Yurin Part
“พานายหญิงหนีไปก่อน!!!”
ปั้งๆๆ
เสียงของอีกอนที่ตะโกนท่ามกลางเสียงปืนที่ดังสนั่น
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าที่ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก เพียงเมื่อรถของพวกเราจอดยังที่ๆพี่เจคเกิดอุบัติเหตุได้ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
คนกลุ่มหนึงก็บุกเข้ามาโจมตีพวกเราทันทีโดยที่เผ้าหมายของพวกมันก็คือฉันเอง
อีกอนจึงสั่งให้ทีมอารักขาสามคนพาฉันวิ่งหนีออกมาโดยที่อีกอนเอง
ยิงสกัดพวกมันไว้ให้เพราะคนของเรามีน้อยกว่าฝ่ายนั้นอยู่พอตัว
คนของเราที่จริงมีมากกว่านี้
แต่ฉันสั่งให้พวกเขาส่วนหนึ่งเคลียร์พื้นที่แลหาหลักฐานที่รังของพวกไนท์วูฟก่อนค่อยตามมาสมทบ
ฉันวิ่งหนีเขาไปในป่าข้างทางพร้อมทีมอารักขาที่มีคนหนึ่งนำทางฉันมาทางนี้
ฉันวิ่งไปพร้อมกับคำถามที่ว่า พวกมันรู้ได้ยังไงว่าฉันจะมาที่นี่ ฉันส่งข่าวไปบอกพี่ซอกจินเท่านั้น
มีแค่พวกเราเท่านั้นที่รู้ คนของพี่เจคที่อยู่กับฉัน
ฉันคัดมาแล้วว่าทุกคนที่มาด้วยกันคือคนที่พี่เจคไว้ใจจริงๆ แต่ทำไมกัน
ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้ หรือเพราะฉันพลาดอะไรไปกันแน่?
ปั้งๆ
“อั่ก!”
จนคำถามที่ฉันอยากได้มันก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เมื่อเสียงปืนดังขึ้นที่ข้างตัวฉันสองนักพร้อมกับทีมอารักขาอีกสองคนที่ล้มลงไปนอนแน่นนิ่งกับพื้น
“นาย...”
สุดท้ายก็เหลือเพียงฉันกับหนึ่งในทีมอารักขาที่เขานั่นแหละเป็นคนยิงเพื่อนร่วมงานของเขาอีกสองคนต่อหน้าต่อตาฉัน ฉันไม่อยู่รอให้คนทรยศมันเอาชีวิตของฉันได้ง่ายๆหรอก
ฉันจึงวิ่งออกจากตรงนั้นทันที ก่อนที่มันจะตั้งตัวทัน
ฉันวิ่งเข้ามาในป่า
ยิ่งวิ่งก็ยิ่งรู้ว่ามันเป็นป่าทึบขึ้นเรื่อยๆ
ถือว่าโชคยังดีที่เรามาถึงที่นี่ท้องฟ้ายังไม่มืด
แต่เพราะแบบนี้แหละฉันกลัวว่าคนที่กำลังตามล่าตัวฉันอยู่จะหาฉันเจอในไม่ช้าเพราะฉันวิ่งเร็วมากไม่ได้
มันอึดอัดไปหมด หากวิ่งเร็วขึ้นฉันก็อาจจะหนีพ้น
แต่มันอาจกระทบกระเทือนกับลูกของฉันได้
แต่หากฉันวิ่งช้าแบบที่ทำอยู่ฉันก็กลัวว่าอีกไม่นานฉันจะถูกมันหาเจอและฆ่าฉันเหมือนที่มันฆ่าทีมอารักขาทั้งสองคน
“ผมเจอคุณแล้วนายหญิง”
“กรี๊ด!!!” เสียงนั้นที่ดังไม่ห่างจากตัวฉันเลย
แม้ฉันมองไม่เห็นตัวคนพูดแต่ฉันก็รู้ว่าอันตรายใกล้เข้ามาทุกที
และสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ก็คือออกแรงวิ่งอีกครั้ง
ในใจได้แต่หวังว่าฉันจะเจอใครสักคนที่จะช่วยให้ฉันรอดพ้นไปจากเรื่องเลวร้ายนี้ได้
ฉันยังไม่อยากตาย ฉันต้องกลับไปเจอพี่เจค
กลับไปรอเขาฟื้นขึ้นมารับของขวัญชิ้นสำคัญจากฉัน
แต่ยิ่งวิ่งไป
ก็ยิ่งได้ยินเสียงฝีเท้าของใครอีกคนที่ทับซ้อนมา มันเข้าใกล้ตัวฉันมากขึ้นเรื่อยๆ
จนฉันรู้สึกว่าตัวเองหมดหนทางเเล้ว หมดเเล้วจริงๆ เมื่อพบว่า
ข้างหน้าของฉันคือกำแพงสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า
ไม่ต้องตั้งคำถามว่าฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่
ไม่ต้องคิดเเล้วว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะพาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงชีวิตครั้งนี้มั้ย
เพราะคำตอบที่ได้ก็คือ ฉันจะทำทุกอย่างอย่างที่ทำในวันนี้ เพื่อพี่เจคอยู่ดี
"หมดทางหนีเเล้ว
นายหญิง" ฉันถอยร่นมาจนรู้เเล้วว่าหมดทางหนเมื่อเเผ่นหลังสัมผัสกับความเย็นเฉียบของกำเเพงที่อยู่ข้างหลัง
ผู้ชายคนเดิม
คนที่เป็นหนึ่งในคนของพี่เจคที่พวกเราไว้ใจเขามาตลอด
เเต่ที่เเท้เขาก็คือหนอนบ่อนไส้ที่พี่เจคกำลังตามหาอยู่
เเละฉันเชื่อว่าเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผู้ชายคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเเน่นอน
ไม่อย่างนั้นมีเหรอที่คนนอกจะรู้เรื่องภายในของบลูอีเกิ้ลได้ เเละทุกอย่างที่ฉันวางเเผนเอาไว้มันคงไม่ผิดพลาด
หากไม่มีพวกที่ทรยศหักหลังพวกพ้องปะปนอยู่กับพวกเราเเบบนี้
"ทำเเบบนี้ทำไม" แม้จะพยายามมากๆที่จะควบคุมให้น้ำเสียงของตัวเองมั่นคง
แต่ฉันรู้ตัวเองดีว่า ฉันกำลังจะไม่ไหวอยู่แล้ว
ทั้งเวียนหัวจนมองทุกอย่างพร่ามัวไปหมด
ไหนจะกลิ่นของสถานที่ไม่คุ้นเคยจนอยากจะอาเจียนออกมา ร่างกายที่ควบคุมไม่ได้อยากจนไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเกิดฉันล้มลง
ฉันยังจะมีเรี่ยวแรงพยุงตัวเองให้วิ่งต่อไปได้อีกไกลแค่ไหน
"คำถามเชยว่ะ
เเล้วก็ไม่อยากเสียเวลาตอบด้วย"
"ขอโทษนะครับนายหญิง
จริงๆผมก็ไม่ได้อยากลงมือฆ่าผู้หญิงเเบบนี้หรอก เเต่มันจำเป็น...อั่ก"
ฉันออกเเรงถีบคนตัวโตกว่าตรงหน้าในขณะที่เขาเผลอ
เเล้วตัดสินใจออกวิ่งอีกครั้งเพื่อหวังเอาตัวรอด
เเต่ฉันพลาดเอง
เขาคือคนของบลูอีเกิ้ลที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
เเรงเเค่นั้นของฉันคงทำอะไรเขาไม่ได้มาก
เพราะไม่ถึงนาทีฉันก็รู้สึกได้ถึงเเรงดึงมหาศาลมาที่ผมของตัวเอง
วินาทีนั้นทุกอย่างรอบตัวฉันมันก็มืดสนิท ฉันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหยัดยืนอีกแล้ว
กลิ่นชื้นของดินทำให้รับรู้ว่าตอนนี้ฉันคงล้มลงแล้วจริงๆ
คนร้ายคงดีใจที่เห็นว่าสภาพนี้ของฉันมันคงง่ายสำหรับเขามากเลยล่ะ
ที่สามารถจัดการกับฉันโดยไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย
ฉันไม่ได้หลับตา
แต่ไม่รู้สึกถึงแสงใดอีก
ฉันอยากร้องตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ก็ทำไม่ได้มันยากเกินไป
ทำได้เพียงเพรียกหาใครบางคนอยู่ในใจ ชื่อของเขา ใบหน้าของเขา อ้อมกอดของเขา
แผ่นหลังแกร่งที่คอยปกป้องฉันทุกครั้ง ในนาทีสุดท้ายที่กำลังจะมาถึง
แม้แต่เปล่งเสียงเรียกชื่อองเขาออกมาฉันยังทำไม่ได้เลย ประสาทสัมผัสที่ยังทำงานอยู่ก็คงจะเป็นการรับรู้กลิ่นจากปลายจมูก
และได้ยินเสียงทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบกายเพียงเท่านั้น
“หลับไปก่อนก็ดี
นายหญิงจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดและทรมานก่อนตาย”
"กระสุนผมหมดเเล้ว
ก็คงต้องใช้จัดการกับคุณเเทน" เขาคงหมายถึงมีดสินะ
“ลูกจ๋าแม่ขอโทษนะคะ
แม่ปกป้องหนูไม่ได้”
“พี่เจคยินขอโทษนะคะ
ที่ทำเพื่อพี่ได้แค่นี้”
End Yurin Part
ฉึก!
เพราะเสียงของคมมีดแทงผ่านบางอย่างทำให้
คนที่เตรียมรับความเจ็บปวดที่ทำใจไว้เเล้วว่าต้องเเล่นเข้าสู่ร่างกาย
พร้อมๆกับเลือดสีเเดงฉานหลั่งไหลทะลักออกมา
เเต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เมื่อยูรินพยายามเพ่งมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ภาพเลือนลางที่เธอมองเห็นก็คือเเผ่นหลังกว้างของใครคนหนึ่งที่กำลังยืนประจันหน้ากับคนร้ายเเทนเธอ
เลือดสีแดงไหลหยดลงมาจากร่างกายของคนๆนั้นแทนร่างกายของเธอ
“คุณ!!”
ปั้ง!!
สิ้นเสียงกระท่อนกระแท่นของชายคนร้ายก็ตามด้วยเสียงปืนที่ดังก้อง
และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที้ธอรับรู้
“เฮือก!!!”
“ยูริน!!” เพราะจู่ๆคนที่กำลังหลับอยู่ก็ดีดตัวขึ้นจากที่เตียงคนไข้
ทำให้อิมนายอนถึงกับต้องทิ้งผลไม้ที่กำลังปลอกในมือแล้ววิ่งเข้าไปหาเพื่อนทันทีด้วยความตกใจและดีใจไปพร้อมกัน
“เธอฟื้นแล้ว”
คนที่เพิ่งได้สติมองรอยยิ้มปริ่มน้ำตาคลอเบ้าของนายอนไปพร้อมๆกับประมวลเหตุการณ์มากมากในหัว
ก่อนที่สติของเธอจะบอกว่า เธอไม่ได้จากโลกนี้ไปอย่างที่เธอคิด
“คุณยูริน!!”
จองโฮซอกเป็นอีกคนที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องนี้พร้อมกับปาร์คจีมิน
“ฉัน
ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” นั้นคือคำถามแรกที่ผุดขึ้นมา
เธอเตรียมใจไว้แล้วว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ แต่เธอรอดชีวิตมาได้ยังไงกัน
“คุณโฮซอกบอกว่า
ไปเจอเธอนอนหมดสติอยู่ในป่า เลยรีบพาเธอส่งโรงพยาบาล”
“อีกอนล่ะคะ
อีกอนเป็นยังไงบ้าง” เธอเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล
เพราะต้องปกป้องเธออีกอนเลยต้องตกอยู่ในสถานการร์ที่ลำบาก
“อีกอนปลอดภัยดีครับ”
ได้ยินจากปากของจองโฮซอกก็รู้สึกโล่งใจ
“แล้วคุณโฮซอกไปเจอฉันได้ยังไงคะ”
“คืออย่างนี้ครับน้องยูริน
พอโฮซอกฮยองรู้ว่าน้องกำลังจะไปที่เกิดเหตุ
ฮยองก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเลยรีบตามไปช่วย และมันก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
โชคดีมากๆเลยนะที่รอดมาได้ เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับน้องยูรินกับลูก ไอ้เจคต้องเสียใจมาก
และพวกพี่คงไม่ให้อภัยตัวเองเลย”
ปาร์คจีมินอธิบายสิ่งที่เกิด
ในขณะที่ยูรินพอจะนึกออกแล้วว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยเธอเอาไว้
และเธอคิดว่าคงเป็นจองโฮซอกนี่แหละที่เป็นคนช่วยชีวิตเธอ
“ขอบคุณคุณโฮซอกมากๆเลยนะคะ
ที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ไม่อย่างนั้นฉันคง...”
“เรียกว่าช่วยชีวิตไม่ได้หรอกครับ
เพราะผมแค่บังเอิญไปเจอคุณหมดสติอยู่เท่านั้น เลยพาคุณกลับมา”
ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงนิ่งๆตามสไตล์ของเขา
“แต่ฉัน..ฉันเห็นว่ามีคนเข้ามาช่วยฉันจริงๆนะ
ฉันได้ยินเสียงปืนด้วย ผู้ชายคนนั้นยิงคนร้ายฉันมั่นใจ” ยูรินไม่เข้าใจว่าทำใมทุกคนถึงแสดงสีหน้าฉงนสงสัยเมื่อเธอพูดถึงคนที่ช่วยเธอ
“คุณอาจจะกำลังตกใจ
ถ้าคนร้ายถูกยิงจริงๆ คงต้องมีศพอยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ผมไม่เห็นใครเลยนอกจากคุณ”
จองโฮซอกยิ่งได้ยินอย่างนั้น ความสับสนก็เริ่มทำงานทันที
ถึงตอนนั้นสติของเธออาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่เธอมั่นใจว่ามีใครสักคนมาช่วยเธอจากคนร้ายแน่ๆ
คนร้ายกำลังจะฆ่าเธอ แต่จู่ๆจะหายวับไปราวกับเสกได้ยังไงกันล่ะ? แต่ทำไมจองโฮซอกถึงบอกว่าไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น และคำถามที่สำคัญคือ คนที่เข้ามาช่วยเธอคือใคร?
“หมอบอกว่าที่เธอหมดสติไป
เพราะร่างกายอ่อนเพลียบวกกับความเครียดจัด แต่รวมๆตอนนี้ทั้งเธอและเด็กในท้องปลอดภัยดี”
พอได้ยินนายอนเอ่ยถึงลูก
ยูรินก็ใช้มือสัมผัสกับหน้าท้องของตัวโดยสัญชาตญาณความเป็นแม่
ที่รับรู้ว่าลูกปลอดภัยทำเอาเธอลืมเรื่องที่กำลังขบคิดอยู่ไปเลย
ห้องประชุม
ความตึงเครียดเกิดขึ้นอีกครั้งเป็นเพราะบลูอีเกิ้ลในตอนนี้เหมือนกับนักรบที่ขาดแม่ทัพ
ถึงแม้นัมยูรินจะเข้ามาดูแลงานในส่วนของการบริหารจัดการทุกอย่างภายในตึกทกซูรี
โดยมีคิมซอกจินและปาร์คจีมินที่ตกลงกันว่าทั้งสองคนจะช่วยตามสืบหาต้นตอของตัวบงการการลอบทำร้ายจอนจองกุกต่อแต่พวกเขาก็ยังคงเข้ามาร่วมประชุมเหมือนเช่นทุกครั้ง
และกำลังสำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ
จองโฮซอก ผู้ที่เป็นมือขวาของจอนจองกุก
เขาเก่งรอบด้านและถือได้ว่าเป็นอีกคนสำคัญของบลูอีเกิ้ลก็ว่าได้
เพราะเขาคือคนที่จอนจินโมอุปการะมาตั้งแต่ยังเด็กและเติบมาจนเลือดเข้มข้นของบลูอีเกิ้ลคงไหลเวียนอยู่ในกายของเขาไปแล้ว
ในที่ประชุมประจำเดือนนี้
ความตึงเครียดเกิดขึ้นเพราะปัญหาการขาดผู้นำอย่างเป็นทางการของบลูอีเกิ้ลมันทำให้ส่งผลต่อความมั่นคงขององค์กร
“ปัญหานี้เรารอให้นายใหญ่คนก่อนเข้ามาดูแลแทนคุณเจคไปก่อนจะได้รึเปล่า”
หนึ่งในผู้จัดการฝ่ายธุรกิจเสนอ
“แต่ตามธรรมเนียมของเรา
ผู้นำคนก่อนที่วางมือแล้ว จะไม่อาจเข้ามามีบทบาทในการบริหารได้ และอีกอย่าง
นายใหญ่จอนจินโมช่วงนี้ก็สุขภาพไม่ค่อยเอื้ออำนวยนัก”
หนึ่งในทีมบริหารที่อยู่ในห้องประชุมนี้แย้งขึ้น หากผู้นำคนก่อนเข้ามาบริหารงานแทนมันอาจะเกิดความสับสนในเรื่องของขั้วอำนาจได้
รวมถึงกุศโลบายที่อยากให้คนที่ทำงานอย่างหนักมาตลอดชีวิตได้พักผ่อนอย่างจริงจังเสียที
ทำให้บลูอีเกิ้ลมีธรรมเนียมที่จะไม่ดึงผู้นำคนก่อนให้กลับมาบริหารงานอีกครั้ง
ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดก็ตาม
“แล้ววิธีไหนล่ะคะ
ที่จะแก้ไขปัญหาตอนนี้ได้” ยูรินที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของสามีเอ่ยถามเสียงเครียด
“ผมอยากเสนอให้แต่งตั้งผู้รักษาการแทนนายใหญ่อย่างเป็นทางการ”
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น เขาคือเบซูบอมหัวผู้อำนวยการฝ้ายภาพลักษณ์องค์กร
เขาเป็นคนที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานให้กับบลูอีกเกิ้ลได้ไม่นาน แต่ผลงานของเขามาแรงจนได้เลื่อนขั้นมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายได้อย่างเช่นทุกวันนี้
“แต่ตอนนี้คุณยูรินก็เข้ามาดูแลทุกอย่างแทนคุณเจคได้ทั้งหมดแล้วนี่ครับ”
“อย่าหาว่าผมมองข้ามความสามารถของคุณนัมเลยนะครับ
คุณทำทุกอย่างได้ดี แต่คุณกำลังตั้งครรภ์ การทำงานมากเกินไปมันเครียด
และมันอาจส่งผลกระทบต่อทายาทของตระกูลจอนได้นะครับ”
ทุกคนในที่นี่ต่างฟังข้อเสนอของเขาและคิดตามไปด้วย
การพยักหน้าของทีมบริการคนอื่นๆมันทำให้เห็นว่า พวกเขาคล้อยตามข้อเสนอของเบซูบอม
“ผมขอเสนอให้คุณโฮซอกขึ้นมารับหน้าที่รักษาการแทนนายใหญ่น่าจะเหมาะสมที่สุด”
สิ้นประโยคนั้นทุกคนในห้องประชุมนี้ต่างพากันมองไปยังเจ้าของชื่อที่ถูกกล่าวถึงรวมถึงยูรินด้วย
เธอหันไปมองจองโฮซอกที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเธอด้วยสาตาที่กำลังประเมินท่าทีของเขาอยู่
“ผมเห็นด้วยกับคุณเบนะครับ
คุณจองทำงานใกล้ชิดคุณเจคมาตลอด แถมตอนนี้ก็แทบจะทำทุกอย่างแทนคุณเจคไปหมดแล้ว
การที่จะขึ้นมาเป็นผู้รักษาการแทนผู้นำสูงสุดก็ถือว่าเหมาะสม”
หนึ่งในคณะกกรมการคนสำคัญเอ่ยขึ้นก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นในห้องประชุมนี้
ฟังดูก็รู้ว่าพวกเขาเห็นดีเห็นงามกับข้อเสนอนี้มากแค่ไหน
ปาร์คจีมินหันไปมองหน้าของยูรินด้วยความเป็นกังวลว่าเธอจะคิดจะรู้สึกยังไง
ถึงคนแก่ในห้องนี้จะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไม่ว่ายูรินน่ะทำทุกอย่างแทนเพื่อนของเขาได้ดีแค่ไหน
แต่ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ผู้หญิง’ แล้วล่ะก็ คงหนีไม่พ้นการที่ถูกมองว่าเป็นเพศที่อ่อนแอในสายตาของชายหัวโบราณคร่ำครึพวกนี้อยู่ดี
พวกนั้นคงไม่เห็นวินาทีทีเธอตัดนิ้วคังโมยองโดยไม่กระพริบตาสินะ
ถึงได้มองเธอเป็นแค่ผู้หญิงบอบบางอยู่แบบนี้
แต่เขาเห็นคลิปครั้งแรกก็ถึงกับช็อคไปเลย
ส่วนคิมซอกจิน
เขากำลังมองไปยังเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของเขา จองโฮซอก
เจ้าของใบหน้าที่เรียบนิ่งแม้กระทั้งตอนนี้ ดวงตาคมกำลังประเมินคนตรงหน้าเขาอย่างหนักและรอดูว่า
จองโฮซอกจะมีการตอบรับต่อข้อเสนอนี้ยังไง
แต่แล้วคนที่ถูกกล่าวถึงก็ค่อยๆยืนขึ้นจนเต็มความสูงท่ามกลางทุกสายตาที่มองมาและกำลังคำตอบรับจากเขาอยู่
จองโฮซอกกวาดสายตามองไปรอบๆห้องประชุมนี้ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆออกมา
“ผมต้องขอบคุณมากสำหรับความไว้วางใจจากทุกคน”
“หน้าที่นี้ควรที่จะอยู่กับคนที่เหมาะสม”
“และผมคิดว่าคุณยูริน
ทำได้ดีมากอยู่แล้ว
แต่ถ้าหากทุกท่านจะเป็นห่วงเป็นกังวลเรื่องสุขภาพนายหญิงของบลูอีเกิ้ลล่ะก็
ผมก็อยากให้วางใจ”
“เพราะผมจะคอยช่วยดูแลทุกอย่างอย่างใกล้ชิดเหมือนที่เคยทำเสมอมาครับ”
พูดจบสายตาของเขาก็เลื่อนไปมองยังคนที่เขาพูดถึง
แววตาของจองโฮซอกทำให้ยูรินยิ้มออกมา
แววตาที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามีคำพูดออกมาจากตาคู่นั้นว่าเธอทำได้
และเขาจะคอยช่วยเธอเอง นี่สินะความรู้สึกที่ทำให้สามีของเธอ
รักและเชื่อใจผู้ชายคนนี้มากขนาดนี้
ก๊อกๆ
“เข้ามา”
สิ้นเสียงปิดประตู
จองโฮซอกที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเองก็เห็นแล้วว่าใครคือคนที่เคาะประตู
เขารีบยืนขึ้นด้วยความแปลกใจไม่น้อยเลย
“เอ่อ คุณยูริน
มีอะไรรึเปล่าครับ” จองโฮซอกเอ่ยถามตะกุกตะกัก โดยมียูรินที่สังเกตเห็นว่าที่มือของเขากำลังมีผ้าพันแผลที่ถูกพันเอาไว้ลวกๆซึ่งต่างไปจากทุกที
“วันนี้ทำแผลเองเหรอคะ”
ถามจากเจ้าตัวมา เขาก็บอกว่าประสบอุบัติเหตุที่บ้านเล็กน้อย
ทำให้เกิดแผลที่มือมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ทุกวันจะมีฝ่ายพยาบาลขึ้นมาดูแลทำแผลให้
“วันนี้มีประชุมที่อีแทวอนต่อครับ
เลยไม่อยากเรียกพยาบาลมากลัวจะไม่ทัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งลงก่อนค่ะ”
ร่าบางเดินไปหาจองโฮซอก ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวยางที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้
“เอ่อ...”
ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เลยทำให้เขายืนเก้ๆกังๆอยู่อย่างนั้น
“ทำไมยังไม่นั่งคะ
รีบไม่ใช่เหรอ ใช้มือซ้ายทำแผลเองคงไม่ถนัดหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันช่วย”
“ไม่เป็นไรครับ
ผมทำเองได้...”
“นั่งลงค่ะ” ยูรินยังคงยืนยันหนักแน่นว่าจะอาสาทำแผลให้เขา
จึงทำให้จองโฮซอกทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเธอ โดยเว้นระยะห่างเอาไว้พอสมควร
“ขอมือหน่อยค่ะ”
เธอแบมือของมือข้างที่เป็นแผลจากจองโฮซอก ซึ่งเขาเองก็ค่อยๆวางมือหนาลงบนมือเล็กตามที่เธอบอก
มือบางค่อยๆดึงผ้าก๊อซที่พันแผลอย่างลวกๆออกอย่างเบามือ
จนเผยให้เห็นแผลเป็นเป็นรอยขวางสองรอยแทบจะขนานกันบนฝ่ามือของจองโฮซอก
รอบแผลที่อกได้ว่าอุบัติเหตุที่เขาเจอมาคงจะหนักหนาน่าดู
“มีดบาดเหรอคะ”
ปากเล็กเอ่ยถามตามสิ่งที่เห็น
“เปล่าหรอกครับ
แต่ก็ไม่เชิง ใบมีดเครื่องตัดหญ้าน่ะครับ” จองโฮซอกตอบ
“แผลใหญ่มาเลยนะคะ
น่าแปลกที่คนระวังตัวและรอบคอบมากๆอย่างคุณโฮซอกจะถูกใบมีดตัดหญ้าบาดได้ขนาดนี้”
ปากก็พูดไป มือก็ค่อยๆบรรจงทำความสะอาดรอบๆแผลเพื่อทำความสะอาด
“ผมก็คนนะครับ
อุบัติเหตุมันเกิดกับใครก็ได้ทั้งนั้นแหละครับ”
“แต่ยังไงพี่ก็ต้องระวังนะคะ
มือนี้ของพี่สำคัญมาก ถ้าพังไปฉันจะทำยังละคะ” พูดจบยูรินก็ละสายตาจากมือหนาขึ้นมามองใบหน้าของจองโฮซอกแทน
แล้วพบว่าเขาก็มองหน้าเธออยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษที่ฉันเผลอใช้คำเป็นกันเองกับคุณโฮซอกนะคะ
คือ...”
“หึหึ ไม่เป็นไรหรอก”
คนฟังแปลกใจไม่น้อยที่เขาเองก็ตอบกลับเธอด้วยคำไม่เป็นทางการเช่นกัน
คงเพราะเขาไม่อยากให้เธอคิดมาก
“ถ้าอย่างนั้นไหนๆก็ไหนๆแล้ว
เราเลิกพูดเป็นทางการกันเถอะค่ะ ทำงานกับพี่ทุกวันพูดแบบนั้นมันเกรงๆยังไงไม่รู้”
“เอาอย่างนั้นเลยเหรอครับ”
“เอาอย่างนี้แหละค่ะ...”
หญิงสาวพูดพร้อมรอยยิ้มสดใส
“โอเค
งั้นผมก็จะแทนตัวว่าพี่แล้วกันนะ”
“โอเคค่ะ
พี่โฮซอก พี่โฮซอก เรียกแบบนี้ถนัดกว่าเยอะเลย”
“ครับ
เอาที่คุณ เอ้ย เอาที่เธอถนัดเลย”
ทั้งคู่ยิ้มให้กันจากความรู้สึกดีๆที่ก่อตัวขึ้น
ผู้ชายคนตรงหน้าเธอคงมีความเป็น ‘พี่’ อยู่มาก จนทำให้สามีของเธอรู้สึกได้
รวมถึงเธอตอนนี้ด้วย
หลังจากวันนั้นยูรินก็ยังคงทำหน้าที่ทุกอย่างแทนผู้เป็นสามีโดยมีจองโฮซอกที่คอยช่วยงานเธอทุกอย่าง
อย่างเต็มที่จนเธอรู้สึกว่าหากไม่มีเขาคงแย่แน่ๆ และยิ่งได้ใกล้ชิดกันมันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คลายความอึดอัดลงจนกลายเป็นความสนิทสนมและความไว้วางใจเข้ามาแทนที่
Yurin Part
ผ่านมาสองอาทิตย์เเล้วพี่เจคประสบอุบัติเหตุ
สองอาทิตย์ก็เป็นเวลาเเค่เพียงสิบกว่าวันสำหรับคนอื่น เเต่สำหรับฉันเเล้ว เวลาที่ผ่านมาเวลามันช่างเดินเชื่องช้าจนบางครั้งฉันก็รู้สึกราวกับว่า
เวลามันหยุดเดินไปเเล้วด้วยซ้ำ
เวลาเเห่งการรอคอยมันเนิ่นนานอย่างที่ใครต่อใครพูดเอาไว้จริงๆ
เป็นอีกวันที่คุณหมอบอกว่าอาการโดยรวมของพี่เจคทุกอย่างดีขึ้นมาก
เเผลทั้งภายในเเละภายนอกของเขา ทีมเเพทย์บอกเราว่า
เพราะพี่เจคเป็นคนที่เเข็งเเรงมาก ทำให้ร่างกายของเขาฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
มันถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ
เเต่มันก็ไม่เท่ากับการที่พี่เจคลืมตาตื่นขึ้นมาหรอก
ฉันได้เเต่ภาวนากับทุกอย่างบนโลกใบนี้ ขอให้เขาฟื้นขึ้นมาสักที
เพราะตราบใดที่เขายังนอนหลับสนิทอยู่เเบบนี้ ฉันก็ยังวางใจไม่ได้เลยจริงๆ
ฉันรำคาญตัวเองที่รับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าวที่ดวงตาอีกเเล้ว
ฉันพยายามอย่างมากที่จะเข้มเเข็งต่อหน้าใครต่อใคร เพื่อปกป้องบลูอีเกิ้ลเเทนพี่เจค
เพื่อรักษาทุกอย่างที่เป็นของสามีของฉันเอาไว้ เเต่ไม่รู้ว่าทำไม
เวลาที่อยู่กับเขา ด้านที่อ่อนเเอมันก็ต้องเปิดประตูออกมาทักทายฉันทุกครั้งไป
"ร้องออกมาเถอะครับ"
"พี่โฮซอก"
พี่โฮซอกที่กำลังเดินเข้ามาดูจะชะงักไปเล็กน้อย
เเต่ก็เดินเข้ามาจนถึงตัวฉันในที่สุด
"คุณยูรินไปพักก่อนเถอะครับ
ผม..."
"คุณอีกเเล้วนะคะ"
เราตกลงกันเเล้วนี่นาว่าจะเลิกคุยภาษาทางการกันสักที
"เอ่อ...ยูรินไปพักเถอะ
เฝ้านายน้อยมาทั้งคืนเเล้ว เดี๋ยวพี่ดูเเลต่อให้เอง"
"เเต่พี่โฮซอกก็เพิ่งเลิกงานมาไม่ใช่เหรอคะ"
เขาทำงานเเทนในส่วนของพี่เจคเกือบทั้งหมด ถ้าจะมีคนมองว่าฉันเหนื่อย
คนที่กว่าฉันก็เป็นพี่โฮซอกนี่เเหละ
"พี่ไม่เป็นไรหรอก...เเต่เธอกับลูกต้องการการพักผ่อนนะ
ถ้านายน้อยฟื้นขึ้นมา ก็คงอยากจะเห็นยูรินที่สดใสพร้อมกับข่าวดีที่จะได้ยินจากปากของเธอมากกว่า
ภรรยาในร่างซอมบี้เเบบนี้นะ"
"โห...พี่โฮซอกห่วงฉันหรือห่วงพี่เจคกันเเน่คะ"
"เเต่ว่าคงจะเป็นอย่างหลังมากกว่า"
เขาไม่ตอบเอาเเต่ยืนยิ้มบางๆเหมือนทุกที เเต่ฉันรับรู้ได้นะว่า
ผู้ชายคนตรงหน้าฉันคือคนที่รักพี่เจคมาก
"ขอบคุณนะคะ
ที่พี่อยู่เคียงข้างพี่เจคมากตลอด"
ตั้งเเต่ฉันเจอพี่เจค
ผู้ชายตรงหน้าของฉันก็เหมือนเป็นเงาของพี่เจคเสมอมา
หลายๆความสำเร็จที่พี่เจคได้รับ หรือเเม้กระทั่งนิสัยหรือทัศนะคติบางอย่างที่ทำให้พี่เจคเป็นพี่เจคในตอนนี้
เขาได้รับอิทธิพลมาจากพี่โฮซอกนี่เเหละ พี่โฮซอกน่ะ ไม่ต่างอะไรกับพี่ชายเเท้ๆของพี่เจคเลย
ไม่เเปลกใจจะนับถือพี่โฮซอกเป็นเเบบนั้นมาตลอด
ใครบ้างจะเอาเเต่เรียกคนที่มีฐานะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาว่า 'ฮยองอย่างนั้น
ฮยองอย่างนี้' กันล่ะ เเล้วยิ่งคนอย่างพี่เจคด้วยเเล้ว ยิ่งยากใหญ่เลย
"ก่อนหน้านี้อาจจะใช่"
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขามันค่อยๆจางหายไป เหมือนกับว่าเขากำลังมีอะไรอยู่ในใจ
เเต่ไม่อยากพูดมันออกมา
"เเต่หลังจากนี้
คนที่จะอยู่เคียงข้างนายน้อยก็คือยูรินนะ" ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
เเต่ฉันรู้สึกชัดเจนกว่าเดิมว่าพี่โฮซอกต้องการจะบอกอะไรฉันบางอย่างผ่านประโยคนัั้น
เเต่ที่เเน่ๆ มันต้องไม่ใช่เรื่องดี หากสังเกตจากเเววตาที่หม่นลงของเขา
"ดีนะคะที่พี่เป็นผู้ชาย"
"ทำไมล่ะ???"
เขาถามด้วยความไม่เข้าใจในคำพูดติดตลกที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศการสนทนาครั้งนี้ของเรา
"เพราะถ้าพี่โฮซอกเป็นผู้หญิง
ฉันคงมองว่าพี่เป็นคู่เเข่งเเน่ๆ เเล้วพี่เจคก็คงจะรักพี่มากกว่าฉัน"
"หึหึหึ
คิดอะไรของเราเนี่ย"
รอยยิ้มของเขากลับมาพร้อมกับมือหนาที่วางลงบนเรือนผมของฉัน
“ก็ยังไม่เห็นว่าพี่จะมีแฟนเลยนี่คะ
อายุปูนนี้แล้ว”
“จะบอกว่าพี่แก่สินะ”
“เปล่านะคะ
ก็ยังไม่เห็นเลยนี่คะว่าพี่โฮซอกจะชอบใคร”
“พี่ก็คนนะ
ของแบบนี้มันก็ต้องมีกันบ้าง” เขาพูดยิ้มๆ
“จริงเหรอคะ
บอกได้มั้ยน้าว่าใคร” เสียงเล็กถามออกไปทีเล่นทีจริง
ถ้าเขาตอบเธอก็จะได้รู้และคอยเป็นกำลังในความรักของเขา แต่ถ้าเขาไม่ตอบ
ก็ไม่เป็นไรเธอไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว
หากแต่จู่ๆคนตัวสูงตรงหน้าเธอก็นิ่งไป ก่อนจะพูดบางอย่างขึ้นมา
“นายน้อย!”
“อะไรนะคะ
นี่พี่” ความคิดมากมายพุ่งเข้ามาในหัวคนตัวเล็กเต็มไปหมด
เธอเพิ่งถามเขาไปว่าคนที่เขาชอบคือใคร แต่เขากลับเอ่ยเรียกสามีของเธอขึ้นมา
แบบนี้จะให้เธอคิดยังไง
“ไม่ใช่”
ไม่พูดเปล่า จองโฮซอก ใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่มนของยูรินก่อนจะหมุนให้ตัวเธอหันไปมองด้านหลัง
“!!!”
และสิ่งที่เธอเห็นตอนนี้ก็ทำให้เธอลืมเรื่องทุกอย่างรอบกาย
หรือที่กำลังทำอยู่ไปจนหมดสิ้น เพราะเวลาแห่งการรอคอยอันแสนยาวนานของเธอได้จบลงแล้ว
“พี่เจค....”
น้ำตาแห่งความยินดีพรั่งพรูออกมา
เมื่อเห็นว่าคนที่เมื่อครู่ยังไม่มีสติใดๆเลย
กลับกลายเป็นลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วจ้องมองมาที่เธอนิ่งๆ
สองมือเล็กคว้ามือหนาขึ้นมากุมเอาไว้ดังเช่นทุกทีด้วยความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้น
จนไม่อาจถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้ เธอรู้แค่ว่าคำภาวนาของเธอเป็นจริงแล้ว
“พี่เจคฟื้นแล้ว
ฮึก พี่เจคกลับมาหายูรินแล้ว”
ถึงจะดีใจมากเพียงใดเธอก็ทำได้แค่จับมือเขาเท่านั้น
ทั้งๆที่ใจอยากจะพุ่งเข้าไปหาอกอุ่นที่เธอโหยหามากแค่ไหนก็ตาม
แต่เธอต้องห้ามตัวเองเอาไว้ก่อน เพราะกลัวว่ามันจะไปสร้างความกระทบกระเทือนให้กับร่างกายของสามี
แต่เธอยังไม่ได้ยินเสียงที่เธอคุ้นเคยจากปากของจอนจองกุกแต่อย่างใด
เขาเอาแต่มองจ้องเธอด้วยแววตาที่เหมือนกับว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
แววตาที่บ่งบอกว่าเขากำลัง งุนงง สับสน และมีความไม่พอใจปะปนอยู่ ยิ่งเห็นอาการนิ่งจนน่าแปลกใจของสามีมันยิ่งทำให้ยูรินเริ่มใจเสีย
มีครั้งหนึ่งหมอที่ดูแลจอนจองกุกบอกกับเธอแผลที่ศีรษะของเขาอาจทำให้เขามีอาการทางสมองได้
ความหวั่นกลัวแล่นเข้าสู่ความรู้สึกของหญิงสาวทันที เธอกลัวว่าการรอคอยของเธอที่จบลงมันอาจจะต้องแลกมากับการที่จอนจองกุกไม่มีเธออยู่ในความทรงจำของเขา
แต่แล้วสายตาที่มองเธออยู่ก็เปลี่ยนไปมองจองโฮซอกแทน เขาจ้องมองคนสนิทสลับกับยูรินอยู่หลายครั้ง
“ฮยอง”
เสียงแหบพร่าถูกเปล่งออกมาในที่สุด
แต่คำแรกที่เขาพูดออกมา ก็คือเขาไม่ได้ต้องการที่จะคุยกับภรรยาที่มองเขาอย่างมีความหวังอยู่
แต่เป็นจองโฮซอกแทน จอนจองกุกของสามีของเธอจำจองโฮซอกได้
แต่จะจำเธอไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? เธออดคิดไปไกลไม่ได้จริงๆ
“ผมหลับไปนานแค่ไหน”
“เอ่อ
สองอาทิตย์ได้ครับนายน้อย” ได้ยินคำตอบนั้นเขาก็นิ่งไป แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้ง
โดยที่ไม่ได้มองไปที่ยูรินที่กำลังเฝ้ารอเขาเหมือนเดิม
“มันนาน”
“นานพอจะทำให้ฮยอง
สนิทสนมกับเมียผมขนาดนี้เลยอย่างนั้นเหรอ???”
“ต่อให้เป็นฮยอง
ผมก็ไม่อนุญาตให้แตะต้องตัวยูรินหรอกนะ”
“ฮึก...พี่เจค!!!
100%+++
End EP:14
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฝาก สตรีมเเท็ก #พี่เจคใจเย็น ด้วยน้า
ชื่อทางการติดต่อไรท์
twt : @Lilyn_T_V
Facebook group : Lilyn-Fic
ความคิดเห็น