ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My mafia husband name is JK {BTSxYOU}

    ลำดับตอนที่ #21 : EP13 : สิ่งที่ไม่คาดคิด 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.63K
      98
      14 มี.ค. 64




    โรงพยาบาลแฮอิน

    หลังจากผ่านการตรวจร่างกายโดยละเอียดเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ยูรินกำลังนั่งรอฟังผลตรวจจากคุณหมออยู่ โดยมีเพื่อนสนิทอย่างนายอนนั่งอยู่ด้วย ส่วนปาร์คจีมินนั่งรออยู่ด้านนอก

    ไม่นาน คุณหมอสาวสวยคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ซึ่งไม่ใช่คนเดียวกับคุณหมอคนแรกที่ตรวจร่างกายเธอ สร้างความแปลกใจให้กับยูรินไม่น้อยเลย แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร

    “สวัสดีค่ะคุณนัม” คุณหมอทักทายเธออย่างเป็นมิตร ส่วนทั้งคู่ก็ทักทายคุณหมอกลับไป

    “ปกติพักผ่อนน้อยรึเปล่าคะ”

    “มีบ้างค่ะ ที่นอนดึก” ยูรินตอบไปตามความจริง

    “มีทานอาหารไม่ตรงเวลาบ้างมั้ยคะ”

    “ประจำเลยค่ะรายนี้” เป็นนายอนที่ปากไวตอบคำถามคุณหมอแทนเพื่อน ส่วนยูรินก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้กับคุณหมอ เพราะเธอรู้ดี ว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเองมันเป็นการไม่รักษาสุขภาพสักเท่าไหร่

    “เอาเป็นว่าก่อนหน้านี้คุณอาจจะเครียด หรือเคย พักผ่อนน้อย หรือทานอาหารไม่เป็นเวลา ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะมันผ่านไปแล้ว”

    คุณหมอพูดด้วยรอยยิ้มทำให้คนฟังใจชื้นขึ้น เพราะเธอกลัวว่าคุณหมอจะดุเอา

    “แต่หลังจากนี้ ทำไมได้แล้วนะคะ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอและทานอาหารให้ตรงเวลา เน้นทานอาหารที่มีสารอาหารเพียงพอ และที่สำคัญเลย คุณแม่ไม่ควรเครียดนะคะ”

    “ได้ยินที่คุณหมอบอกมั้ย ว่าคุณแม่ไม่ควรเครียด” อิมนายอนเน้นย้ำกับเพื่อน แต่พอเธอคิดทบทวนสิ่งที่ตัวเองพูดตามคำหมอออกไป ทำเอาเธอตกใจไม่น้อยเลย

    “ยูรินนี่เธอ!” ส่วนเจ้าตัวนั้น ในเวลานี้ได้แต่นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ หูทั้งสองข้างอื้ออึงไปหมดแล้ว โดยมีคุณหมอพยักหน้าแทนคำตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงความยินดีส่งมาให้

    “จริงเหรอคะ ไม่มีอะไรผิดพลาดใช่มั้ยคะ” คำถามนั้นถูกถามด้วยคนที่รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่ดวงตา เธอกำลังจะร้องไห้ แต่ไม่ใช่เพราะความเสียใจ แต่เอกำลังจะร้องไห้เพราะความตื้นตัน อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่ขอให้เธอแน่ใจกว่านี้ก่อน เพราะกลัวว่าตัวเองจะดีใจเก้อ

    “ไม่มีค่ะ ทางเราตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ผลที่ได้คือ คุณตั้งครรภ์ได้หกสัปดาห์แล้วค่ะ ภาวการณ์ตั้งครรภ์สมบูรณ์ดีทุกอย่างค่ะ”

    เมื่อมั่นใจแล้วว่าสิ่งสิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นกับเธอจริงๆแล้ว เธอจึงปล่อยให้น้ำตาไหลงลงมาได้อย่างเต็มที่ไปพร้อมๆกับมือเล็กที่แตะลงที่ท้องของตัวเองเบาๆ แต่ภายใต้ความดีใจนั้น ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เธอไม่มั่นใจ

    พ่อจะดีใจมั้ย ถ้ารู้ว่ากำลังจะมีหนู

     

    “กังวลอะไรคะคุณแม่” นายอนถามขึ้นมาส่งยูรินถึงเตียงนอนแล้ว โดยมีจีมินตามมาส่งด้วยอีกคน

    “ถ้ากังวลว่าพี่จะบอกเจคก่อน สบายใจได้เลยนะ น้องยูรินบอกมันเองน่าจะเซอร์ไพรส์กว่า แต่อย่าลืมแอบถ่ายคลิปหน้ามันตอนที่รู้ว่ากำลังจะเป็นพ่อคนไว้ด้วยนะพี่อยากเห็น” ปาร์คจีมินพูดไปยิ้มไป

    “ไม่ใช่เรื่องนี้เหรอ” นายอมถามเมื่อยูรินได้ยินจีมินรับปากแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องลูกกับจองกุก เพื่อให้เธอเป็นคนบอกเขาเอง

    “ฉันกลัวว่าพี่เจค จะยังไม่โอเค”

    “เธอรู้เรื่องนั้นใช่มั้ยนะยอน”

    “เรื่องน้องสาวคนเล็กของไอ้เจคน่ะเหรอ” เป็นจีมินที่พูดแทรกขึ้นมา

    “ถึงเรื่องนั้น จะเป็นแผลในใจมันมาตลอด แต่เชื่อพี่เถอะว่าข่าวดีที่มันกำลังจะรู้ ต้องทำให้มันมีความสุขที่สุดเลย ดูพี่สิ พี่ไม่ใช่พ่อนะ พอรู้ยังดีใจเลย นับประสาอะไรกับมัน รับรองเลยว่ามันต้องดีใจจนร้องไห้ขี้มูกโป่งชัวร์”

    “เวอร์ไปแล้วคุณ” นายอนพูดขึ้นเพราะหมั้นไส้คนพูดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

    “พี่จีมินคิดอย่างนั้นเหรอคะ พี่เจคจะดีใจใช่มั้ยคะ” ยูรินถามเพราะเธออยากแน่ใจ เพราะเธอกังวลมากๆเพราะกลัวว่าการที่เธอตั้งท้องลูกของเขามันจะทำให้เขาเป็นกังวล เธอกลัวว่าตัวเองจะเพิ่มความเหนื่อยให้กับสามี

    “พี่พูดแบบตรงๆได้มั้ย” จีมินถาม ยูรินเองก็พยักหน้าแทนคำอนุญาต

    “เจคมันไม่ใช่เด็กๆแล้ว การที่น้องยูรินท้องได้ ก็แปลว่ามันตั้งใจนั่นแหละ”

    “พูดอะไรของคุณเนี่ย!!” เมื่อเห็นใบหน้าแดงซ่านของเพื่อน ทำให้อิมนายอนหันไปวีนใส่จีมินทันที

    “น้องยูรินเข้าใจที่พี่ต้องการจะสื่อใช่มั้ย”

    “ขะ เข้าใจค่ะ O///O

    “ถ้าเข้าใจแล้ว ก็มั่นใจได้แล้วครับ ว่าถ้าเรื่องนี้ ต้องเป็นข่าวดีที่สุดในชีวิตของเพื่อนพี่แน่นอน”

    “แล้วก็อย่าเครียด อย่าคิดมาก พี่ได้ยินที่คุณหมอบอกตอนเดินออกมาส่งว่าช่วงเดือนแรกๆของการตั้งครรภ์ มันเสี่ยง ถ้าคุณแม่เครียด มันจะมีผลต่อเด็ก เข้าใจมั้ย”

    “ค่ะพี่จีมิน”

    คำพูดที่ตรงไปตรงมาจากปากเพื่อนสนิทของสามี มันสามรถสร้างความมั่นใจให้กับยูรินได้มากขึ้นจนเธอยิ้มออกมาได้อย่างเต็มที่เพราะความกังวลได้คลายลงไปมากแล้ว เธอจึงพูดกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในร่างกายของเธอในใจ สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นจากความรักของเธอและจอนจองกุก

    อดทนหน่อยนะคะ อีกไม่กี่วัน ก็จะได้ยินเสียงคุณพ่อแล้วนะ

     

    โกดัง13 คือหนึ่งในโกดังสำคัญในการเก็บสินค้านำเข้าของบลูอีเกิ้ล แต่เพราะว่ามันตั้งอยู่แถบชานเมืองและไม่ได้อยู่ติดกับท่าเรือ ที่เป็นเส้นทางการขนส่งหลักของบลูอีเกิ้ล ทำให้ที่แห่งนี้ไม่ได้ถูกใช้งานมานานพอสมควรจนแทบจะถูกลืมไปด้วยซ้ำ แต่เพราะจอนจองกุกต้องการจัดระเบียบการเก็บสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออกของบลูอีเกิ้ลให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น พอเขาคุยเรื่องนี้กับคิมซอกจิน เจ้าตัวก็เห็นดีเห็นงามด้วยและอาสาจัดการเรื่องนี้ให้ ดังนั้นการสังคยานาโกดังเก็บสินค้าของบลูอีเกิ้ลจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องนำเข้าที่ประชุม เพราะเป็นเหมือนกับช่วยเหลือกันของคิมซอกจินและจอนจองกุกมากกว่า

    “ขอบใจนะที่มาช่วย ช่วงนี้งานฉันก็ยุ่งว่ะ แต่รับปากเจคมันไว้แล้ว” เจ้าของใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นเอ่ยกับอีกอนที่ตามมาช่วยเขาจัดระเบียบโกดังที่เกือบร้างแห่งนี้

    “คุณเจคไม่อยู่พอดี แล้วที่ตึกก็มีคุณจีมินกับคุณโฮซอกคอยดูแลอยู่เลยไม่มีอะไรน่าห่วงครับ” อีกอนตอบบอกยิ้มๆ สายตาก็กวาดมองไปรอบๆก็พบสินค้าเก่าๆที่ถูกฝุ่นจับจนหนาเป็นนิ้วได้

    “ผมว่าต้องให้คนมาทำความสะอาดก่อนนะครับถึงจะจัดระเบียบได้ เราอยู่นานกว่านี้อาจจะสำลักฝุ่นตายได้”

    “ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น”  คิมซอกจินเหมือนจะรอให้คู่สนทนาตอบอะไรกลับมา แต่อีกอนก็เงียบกริบไม่มีคำพูดใดตอบกลับไป จนคิมซอกจอนต้องมองไปที่อีกอนที่ดูเหมือนว่ากำลังให้ความสนใจมือของตัวเองอยู่

    “ดูลายมือตัวเองอยู่เหรอวะ”

    “เปล่าครับ”

    “แล้วทำหน้าเครียดทำไมวะ ชะตาจะขาดรึไง” ซอกจินตั้งใจจะถามอีกอนเล่นๆ แต่ดูเหมือนอีกคนไม่ได้มีอารมณ์ร่วมสักเท่าไหร่

    “คุณซอกจินลองเอามือแตะตรงนี้ดูสิครับ” เขาไม่ได้ถามอะไร แต่ก็ยอมเอามือไปแตะลงตรงที่ๆดูด้วยตาก็มองออกว่าเป็นรถที่ถูกผ้าผืนใหญ่คลุมเอาไว้

    ซอกจินหงายมือขึ้นตามสัญชาตญาณเพราะรู้ว่าที่นี่มีฝุ่นหาจับตัวอยู่เต็มไปหมด แต่พอเขาเห็นปลายนิ้วของตัวเองที่เพิ่งจะเอาแตะลงไป ก็ต้องแปลกใจไม่น้อยเลย

    “แทบไม่มีฝุ่นเลย ทำไมวะ?

    “หรือว่า??

    พรึ่บ...

    อีกอนไม่รอให้ความสงสัยอยู่กับตัวเองนาน เขาจัดการดึงผ้าคลุมรถคันตรงหน้าออก จนทำให้ทั้งสองคนเห็นรถคันที่ถูกผ้าผืนดังกล่าวคลุมเอาไว้ มันกลับทำให้คิมซอกจินแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเพราะเขาคิดว่ารถที่ถูกเก็บเอาไว้ที่นี่น่าจะเป็นรถเก่าที่หมดสภาพใช้การไม่ได้แล้ว แต่เปล่าเลย รถสีดำสนิทคันนี้มันใหม่เกินกว่าที่จะถูกนำมาไว้ที่นี่ แต่คนที่ตกใจจนได้แต่ยื่นนิ่งไปเลยคืออีกอน เขาขมวดคิ้วไปพร้อมกับใช้สายตามองสำรวจรถคันตรงหน้าอย่างพิจารณา

    “เป็นอะไรไปวะอีกอน” คิมซอกจินถามอย่างสงสัย

    “รถคันนี้ ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด”

    “ป้ายทะเบียนxxx111

    “นี่มันรถไอ้เจคไม่ใช่เหรอ” คนสนิทของจอนจองกุกจะรู้ดีว่าเลขตองหนึ่ง คือเลขทะเบียนรถทุกคันของมาเฟียหนุ่ม

    “มันมาอยู่นี่ได้ไงวะ”

    “ที่น่าสงสัยกว่าคือคันไหนคือรถของคุณเจคจริงๆกันแน่”

    “คุณซอกจิน โทรหาคุณเจคดด่วน แล้วบอกให้ลงจากรถเดี๋ยวนี้!!” ท่าทางตื่นตระหนกและตึงเครียดของอีกอนทำให้คนที่อยู่ด้วยเครียดขึ้นมาเช่นกัน เพราะสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

    “รถที่คุณเจคใช้วันนี้ ก็คือรถคันเดียวกันกับคันนี้ครับคุณซอกจิน ผมกลัวว่ารถจะถูกสลับคัน...”

    “เจค!!” ไม่ต้องรอให้อีกอนพูดอะไรอีก คิมซอกจินเข้าใจในทันทีว่าเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น มือหนารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคนที่เขากำลังเป็นห่วงอย่างร้อนรน แต่แล้วเสียงแจ้งเตือนที่บอกว่าปลายสายนั้นคงกำลังติดอีกสายหนึ่งอยู่ทำให้คิมซอกจินยิ่งร้อนใจกว่าเดิม

    “สายไม่ว่างว่ะ!

    บนถนนที่ทอดยาวไปสู่ มหานครปูซาน เป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ รถปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริดสีดำสนิทแล่นไปด้วยความเร็วที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ และมีรถที่คอยดูแลความปลอดภัยให้กับผู้นำสูงสุดของบลูอีเกิ้ล ขับนำหน้าและตามหลังอย่างคัน ด้วยนิสัยของจอนจองกุกที่ไม่ชอบความเอิกเกริกหรือเป็นพิธีรีตองอะไรมากมายนัก ถ้าพ่อของเขาไม่กำชับเอาไว้ เขาตั้งใจจะเดินทางมากับโดยองแค่สองคนด้วยซ้ำ

    ครืดๆๆ

    แรงสั่นจากกระเป๋าเสื้อสูททำให้จอนจองกุกที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังรีบหยิบขึ้นมาแล้วกดรับสายที่โทรเข้ามาทันที เพราะเป็นสายจากคนที่เขามอบหมายภาระกิจสำคัญให้

    “ว่าไง”

    ยูรินเป็นอะไร!” เสียงตกใจของผู้เป็นนายทำให้โดยองลอบมองเขาผ่านทางกระจกมองหลังด้วยความเป็นห่วง

    “ไปโรงพยาบาลแล้ว?
    “แล้วเธอเป็นอะไร”

    “............”

    “เปล่าๆ คอยดูเธอเอาไว้ดีๆอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด”  หลังจากที่เขาวางสายไป มาเฟียหนุ่มก็นั่งนิ่งไปเลย จนโดยองอดถามไถ่เพราะความเป็นห่วงไม่ได้

    “เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณเจค”

    “คุณเจคครับ”

    “หะ! นายพูดอะไรนะ” พอโดยองใช้เสียงที่ดังขึ้น ผู้เป็นนายจึงตอบรับเขา

    “ผมถามว่า...มีอะไรรึเปล่าครับ”

    “............”

    “โดยองอ่า...”

    “คุณเจคครับ!!

    “คือ...”

    “คุณเจค!!!

    “ทำไม เกิดอะไรขึ้น!!!” จากที่โดยองเป็นคำถามคำถามนี้ แต่เพราะความตกใจที่โดยองแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดมันทำให้จองกุกถามคำถามเดียวกันกลับไป

    “รถเบรกไม่ได้ครับ!!

    “ว่าไงนะ!!!

    “โดยองระวัง!!!

    เอี๊ยดดดดดดดด

     เสียงล้อรถคันหรูบดกับถนนจนเกิดเสียงดังไปทั่ว เพราะเมื่อโดยองขับมาถึงทางที่มีลักษณะสี่แยก ก็มีรถคันบรรทุกหนึ่งขับพุ่งตรงมาจากด้านขวา เป็นเหตุให้โดยองจะต้องหักหลบด้วยการเลี้ยวซ้ายอย่างกะชั้นชิด

    แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพอโดยองหักหลบรถคันนั้นไปแล้ว แต่สถานการณ์มันไม่ได้ง่ายอย่างใจคิดอีกต่อไป เพราะมีรถบรรทุกอีกคันพุ่งตรงเข้ามาทางพวกเขาด้วยความเร็วสูง ทั้งสิ่งที่กำลังพุ่งเข้ามาตรงหน้า บวกกับรถบรรทุกคันแรกที่ไล่บี้มาจากทางด้านหลังมันทำ รถที่ไม่สามารถควบคุมเบรกได้อีกแล้วก็อันตรายอยู่แล้ว เคราะห์ซ้ำยังมีรถบรรทุกคันใหญ่สองคันที่ดูก็รู้ว่าจงใจพุ่งชนรถของเขาทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง หากตัดสินใจพลาดไปแม้แต่นิดเดียว รถคันนี้อาจถูกรถบรรทุกทั้งสองคันอัดก๊อปปี้ก็เป็นได้

    “ขอโทษครับคุณเจค!” คำนี้เป็นคำเดียวที่โดยองจะพูดกับเจ้านายที่เขารักได้ ขอโทษที่เขาไม่อาจปกป้องให้จอนจองกุกปลอดภัยได้อย่างที่เคยพูดเอาไว้ เพราสิ่งที่เขากำลังจะตัดสินใจทำในวินาทีต่อไป ไม่ว่าเขาจะเลือกทางใด ล้วนแล้วแต่มีชีวิตของ จอนจองกุกเป็นเดิมพันทั้งสิ้น

    เอี๊ยดดด

    โครม!!!!

    “ใจคอจะไม่กลับบ้านกลับช่องตัวเองรึไงคะคุณจีมิน” เสียงแข็งๆถามคนที่กำลังนั่งจิบชาชิลล์อยู่บนโซฟา

    “ฉันก็เป็นห่วงน้องยูรินเหมือนกันนะ” ปาร์คจีมินตอบกลับไป

    “ยูรินหลับไปแล้วค่ะ แล้วมีฉันอยู่ทั้งคน คุณไม่ต้องห่วงแล้วก็เชิญกลับไป...”

    Ring… Ring…

    ปาร์คจีมินยกมือขึ้นเพื่อเป็นการขอเวลานอก เขายังไม่พร้อมปะทะคารมณ์กับอิมนายอนตอนนี้เพราะมีเสียงหนึ่งโทรเข้ามาเสียก่อน

    “ครับจินฮยอง”

    “ไอ้เจคเป็นอะไรนะ!!!

    “เป็นไปไม่ได้”  ปฏิกิริยาที่บ่งบอกได้ว่าร่างสูงตรงหน้ากำลังช็อค ทำให้อิมนายอนเป็นกังวลไปด้วยว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น

    “ฮยองไม่ต้องมาที่นี่ ไปเจอกันที่ห้องทำงานเจค”

    “เกิดอะไรขึ้นคะ!!” อิมนายอนถามขึ้นมาเมื่อเห็นมาปาร์คจีมินวางสายแล้ว

    “อิมนายอน ฟังให้ดี อยู่ที่นี่ แล้วดูแลยูรินให้ดี อย่างเพิ่งให้เธอรีบสายใครทั้งนั้น ทีวีก็ห้ามดู มือถือก็ห้ามเล่น เข้าใจที่ฉันพูดมั้ย”

    “เข้าใจค่ะ แต่...”

    “พี่ฝากด้วยนะนายอน” ทั้งสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดของคนตรงหน้าทำให้นายอนไม่กล้าถามอะไรต่อ

    “เข้าใจค่ะ” ได้ยินอย่างนั้นจีมินก็วางใจได้เรื่องหนึ่งแล้ว ก่อนจะรีบร้อนออกจากห้องไป

     

    ภายในห้องกว้างที่ปกติแล้วถ้าพวกเขาทั้งหมดอยู่กันครบจะมีกันทั้งหมดหกคน แต่วันนี้ เวลานี้มันไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งคิมซอกจิน จองโฮซอก ปาร์คจีมิน และอีกอน กำลังอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดเกินกว่าที่ใจจะรับได้ไหว

    ปึ้ง!!

    “มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงวะ!!” ปาร์คจีมินพูดด้วยอารมณ์หลังจากออกแรงทุบลงไปที่โต๊ะเพื่อระบายความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจ

    “กำลังให้คนของเราตามสืบอยู่ อีกไม่นานคงได้รู้แน่ว่าใครที่มันกล้าคิดจะเอาชีวิตไอ้เจค” คิมซอกจินกัดฟันพูดด้วยความคับแค้นใจ ตั้งแต่รู้จักกันมานี่เป็นครั้งแรกเลยที่จอนจองกุกถูกเล่นงานหนักขนาดนี้

    “ทางนั้นบอกว่า ทุกอย่างชี้ชัดแล้วครับว่าเป็นการจงใจก่อเหตุ แต่โชคดีที่ตอนนี้เราตามจับคนขับรถบรรทุกได้คนหนึ่งแล้วครับ” อีกอนรายงานสิ่งที่เขารับรู้มาจากคนของบลูอีเกิ้ลที่ปูซาน

    “ดี กูอยากจะรู้นัก ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” เสียงนิ่งๆของคิมซอกจินมันบอกได้ชัดว่าเขากำลังโกรธมาก

    “แล้วอาการของสองคนนั้นเป็นยังไงบ้างโฮซอกฮยอง” จีมินถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ส่วนจองโฮซอกถึงใบหน้าของเขาจะยังคงเรียบนิ่ง แต่แววตาแห่งความกังวลของเขามันก็ปิดบังได้ไม่มิดแม้แต่น้อย มือใหญ่กำแน่นก่อนจะบอกอาการของจอนจองกุกและคังโดยองตามทีเขาได้รับข้อมูลจากโรงพยาบาลที่ปูซาน

    “โดยองแขนหักทั้งสองข้าง อวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก โอกาสตอนนี้คือห้าสิบหเสอบ ส่วนนายน้อย...” พอจะพูดถึงอาการของนายน้อยของเขา เสียงของจองโฮซอกก็ขาดห้วงไป

    “เสียเลือดมากจากแผลที่หัว แต่ที่น่าห่วงที่สุดคืนกระดูกซี่โครงหักสี่สองจุด และจุดหนึ่งมันแทง...ทะลุปอด นายน้อยหยุดหายใจไปแล้วจากภาวะขาดออกซิเจนเพราะปอดรั่ว” อีกสามคนที่ได้ฟังได้แต่ยืนนิ่งงันไปตามๆกัน พวกเขาพอจะเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วตั้งแต่รู้ว่ารถคันที่โดยองขับและมีจอนจองกุกนั่งไปด้วย ประสบอุบัติเหตุพุ่งประสานงานกับรถที่ขับสวนมาด้วยความเร็วเช่นกัน

    เป็นผลให้รถของจอนจอนกุกที่ถูกเเรงปะทะอย่างรุนเเรงพลิกคว่ำจนรถมีสภาพพังยับเยิน ตามด้วยเพลิงลุกใหม่ท่วมคันจนเกิดเเรงระเบิดในที่สุด

    โชคดีแค่ไหนที่เมื่อทีมกู้ภัยไปพบร่างของทั้งสองนอนหมดสติอยู่นอกรถ สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากแรงหวี่ยงที่รุนเเรงเลยทำให้ทั้งจอนจองกุกและคังโดยองกระเด็นออกมานอกตัวรถ แต่พอมารู้อาการจริงๆ ถึงแม้จะเตรียมใจมาแล้ว แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับได้ว่า อาการของทั้งสองคนน่าเป็นห่วงมากแค่ไหน

    “ตอนนี้นายใหญ่จินโมส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับนายน้อยกับโยดองให้มารักษาที่โซลแล้ว เพราะโรงพยาบาลแฮอินพร้อมกว่าที่นั่น”

    “งั้นเราไปรอที่โรงพยาบาลกันมั้ย” คิมซอกจินเสนอ เขาอยากเห็นหน้าของน้องรัก อยากเห็นว่าจอนจองกุกยังคงมีชีวิตอยู่กับตาของตัวเอง และทุกคนก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ ไปเห็นด้วยตาตัวเองอุ่นใจกว่า

    “แล้วน้องยูรินล่ะ เราจะบอกเธอยังไงดี” พอนึกถึงอีกคนหนึ่งที่สำคัญกับจองกุกมาก  และเธอจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องรับรู้เรื่องนี้

    “ก็คงต้องบอกตามความจริง”

    “ไม่ได้นะฮยอง ให้รู้ตอนนี้ไม่ได้”

    “ทำไมวะ” ซอกจินถามแทนคนอื่นในที่นี้ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงให้คนเป็นภรรยารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับสามีไม่ได้

    “ยูรินกำลังท้อง”

    “ว่าไงนะ!!!

    “หมอเจ้าของไข้รู้จักกับผม เธอโทรมาบอกผมตอนเย็นว่า จริงๆแล้วแต่พอมารู้อาการจริงๆ ถึงแม้จะเตรียมใจมาแล้ว แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับได้ว่า อาการของทั้งสองคนน่าเป็นห่วงมากแค่ไหนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนัก เธออาจมีภาวะแท้งคุกคามได้ถ้าเธอเครียด หมอไม่ได้บอกกับเจ้าตัวเพราะกลัวเธอกังวล เลยฝากบอกผมให้ไปบอกไอ้เจคมัน”

    “แต่เราจะปิดเรื่องนี้ได้อีกนานแคไหนวะจีมิน ยังไงเธอก็ต้องรู้อยู่ดี” ลำพังเรื่องของเมียเพื่อนเขาก็เครียดอยู่พอตัวแล้ว ยิ่งมาเจอเรื่องของจอนจองกุกเข้าไปอีก สถานการณ์ตอนนี้มันตรงกับคำว่า กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ

    ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ข่าวที่น่ายินดีจะมาพร้อมๆกับเรื่องร้ายๆที่ไม่มีใครคาดคิด อันที่จริงวันนี้จะต้องเป็นวันที่เพื่อนของเขามีความสุขที่สุด แต่ทำไมทุกอย่างมันกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้

     

     

    Yurin Part

    ฉันกำโทรศัพท์ในมือแน่น เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เจคถึงไม่รับสายฉัน ไม่รับไม่พอ โทรไปสองสามครั้งจู่ๆก็กลายเป็นปิดเครื่องไปดื้อๆ และอีกอย่างนึ่งคือ ฉันงงว่าโทรศัพท์อีกเครื่องที่ฉันใช้เป็นเครื่องหลักหายไปไหน เพราะพี่เจคอาจจะโทรหาฉันที่เครื่องนั้นก็ได้ ตื่นมาก็ไม่เจอแล้ว เลยเอาเครื่องสำรองมาโทรหาดเขา เพราะนึกเป็นห่วงไม่ได้เลย เพราะปัญหาที่เขาต้องไปจัดการมันไม่ใช่เรื่องๆเล็กๆเลย

    “หรือว่าบอกเรื่องลูกไปเลยดีนะ เผื่อพี่เจคจะมีกำลังใจทำงาน” ยิ่งคิดถึงรอยยิ้มของคุณสามี หัวใจของฉันยิ่งเต้นแรงขึ้นมา

    ฉันเดินออกมาจากห้องนอนแล้วพบว่านาอยนกำลังนั่งอยู่ที่โซฟา แต่พอรู้ว่าฉันเดินออกมาจากห้อง ยัยนั่นก็รีบกดรีโมทปิดทีวีทันที

    “อ้าว ไม่ดูแล้วเหรอ ฉันกำลังจะมาดูด้วยคนเลย”

    “อ้อ เอ่อ...มัน มันไม่มีอะไรให้ดูแล้วล่ะ น่าเบื่อจะตาย” นายอนกำลังพูดไปยิ้มไป นายอนเป็นคนที่ยิ้มสดใสมากๆ ใครที่รู้จักเธอก็รู้เรื่องนี้กันทั้งนั้น แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มเดียวกับตอนนี้ รอยยิ้มที่ดูฝืนยิ้มทั้งที่แววตาเต็มไปด้วยความกังวล มันไม่ใช่นายอนเลยสักนิด

    “เป็นอะไรรึเปล่า”

    “ปะ เปล่า ไม่มีอะไร แล้วทำไมเธอไม่นอนต่อล่ะ เป็นคุณแม่แล้วต้องพักผ่อนเยอะๆนะ”

    “ฉันหาโทรศัพท์ของฉันไม่เจอ”

    “เหรอ...หาดีรึยัง”

    “หาดีแล้วแต่ไม่เจอ เลยใช้เครื่องสำรองโทรหาพี่เจคแล้ว แต่ฉันติดต่อเขาไม่ได้เลย เครื่องสำรองไม่มีเบอร์โดยอง เลยโทรถามไม่ได้น่ะ”

    “เธอมีโทรศัพท์สองเครื่องเหรอ” ท่าทางที่ดูตกใจของนายอนมันคืออะไรกัน ฉันสัมผัสได้เลยว่าเพื่อนของฉันกำลังมีเรื่องที่ปิดบังฉันเอาไว้อยู่

    “เอามาไว้ที่ฉันดีกว่านะ เขาบอกว่าคนท้องไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือเยอะ มันอาจมีผลกับเด็กในท้องได้”

    “แค่ใช้โทรหาสามีมันคงไม่ได้มีผกระทบมากหรอกมั้งอิมนายอน” ผิดปกติ ทุกอย่างตรงหน้าฉันมันดูผิดปกติไปหมด และสิ่งที่จะทำให้ฉันรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่นายอนกำลังซ่อนเอาไว้

    “คุณเจคอาจจะกำลังติดประชุมอยู่ก็ได้นะ ฉันว่าเธอรออีกสักพักดีกว่านะ”

    “ก็ได้ แต่ฉันหิวอ่ะ หาอะไรให้เพื่อนกับหลานกินหน่อยได้มั้ย” ฉันพูดพร้อมกับส่งโทรศัพท์เครื่องสำรองไปให้นายอน

    “ได้ ได้สิ เดี๋ยวป้านายอนจะรีบทำของอร่อยๆมาเสิร์ฟให้หลานกินนะ รับรองหลานต้องติดใจแน่ๆ”

    ฉันยิ้มให้นายอนที่ยิ้มร่าแล้วรีบเดินตรงไปที่ห้องครัว  โดยที่คงไม่รู้ตัวหรอกว่าเผลวางรีโมททีวีเอาไว้ที่โซฟา ฉันๆไม่รอช้า รีบคว้ามันขึ้นแล้วกดเปิดทีวีทันที

    สำหรับความคืบหน้าของผู้ต้องสงสัยในการก่อการอุกอาจครั้งนี้ ทางตำรวจขอปิดเป็นความลับเพราะมีความสำคัญต่อรูปคดี และอีกสิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้ก็คือ อาการของผู้ที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำสูงสุดคนใหม่ของบลูอีเกิ้ล ที่มีข่าวลือมาว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน

    End Yurin Part

     

    “ไม่จริง...”

    และแล้วความจริงที่เพิ่งจะได้รับรู้มามันเหมือนกันมีค้อนหนักๆทุบเข้าที่ศีรษะของหญิงสาวเข้าอย่างจัง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายหยุดนิ่งราวกับโลกของเธอหยุดหมุนไปชั่วขณะ เธอไม่เคยต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร หรือไม่รู้แม้กระทั้งว่า เธอจะหายใจให้เป็นปกติได้ยังไง

    ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใด น้ำตาของเธอไม่ไหลลงมาทั้งๆที่ควรจะร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อต้องพบเจอกับเรื่องที่ทำให่เสียใจ

    ในเวลานี้มันต่างออกไป เธอรู้แล้วว่าคำว่ามืดแปดด้านมันเป็นยังไง เมื่อเธอทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ แม้แต่การเรียกสติของตัวเองให้กลับมาอีกครั้ง

    “ในตู้เย็นมีกุ้งกับปลา ใส่อะไรในข้าวต้มดี ยูริน!!!

    อิมนายอนทิ้งทุกอย่างในมือเมื่อเห็นแล้วว่าเพื่อนของเธอกำลังนั่งดูข่าวที่กำลังแพร่สะพัดไปทุกสำนักข่าวในเกาหลี ข่าวใหญ่ที่เป็นที่พูดถึงกันทั้งประเทศว่า ผู้นำคนใหม่ของบลูอีเกิ้ลถูกลอบทำร้ายจนเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ อาการเป็นตายเท่ากัน และมันเป็นข่าวที่เพื่อนรักของเธอไม่ควรรับรู้ที่สุด แต่เธอก็พลาดจนได้

    “ใจเย็นๆก่อนนะ คุณเจคต้องไม่เป็นอะไร”

    “ไม่เป็นอะไร พี่เจคไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”
    “โกหกกันใช่มั้ย มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย”

    “ยูรินอ่า.. ใจเย็นๆก่อนนะ เธอกำลังท้อง” นอยอนพยายามหว่านล้อมให้เพื่อนสนิทที่กำลังช็อคอย่างหนักกับข่าวร้ายที่เพิ่งรับรู้มาสงบสติอารมณ์ เพราเธอกลัวว่าเธอจะรับมือไม่ไหว

    “ลูก ต้องไปบอกพี่เจค ต้องไปบอกเขา” พูดจบร่างบางก็ลุกพรวดขึ้นจากโซฟาแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที

     

    เท้าเล็กที่ไม่แม้แต่จะทันได้สวมรองเท้า วิ่งตรงไปที่ลิฟต์ โดยที่มีจุดหมายเป็นห้องทำงานของสามี ที่ๆไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เธออยากเจอเขา เธอต้องได้เจอ เขากำลังรอเธออยู่ที่นั่นเหมือนทุกที

    ผลั่ก

     “ยูริน!!!” แต่เมื่อเธอมาถึงหน้าห้องก็ต้องเจอกับ คิมซอกจิน ปาร์คจีมิน จองโฮซอกและอีกอนที่กำลังจะเดินออกจากห้องมาพอดี

    “มาหาพี่เจคกันเหรอคะ พี่เจคอยู่ข้างในใช่มั้ยคะ” คำถามที่แววตาของเจ้าของคำถามนั้นเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง มันยิ่งทำให้ทั้งสี่หนุ่มพูดออกออกไปไม่ออกสักคำราวกับน้ำท่วมปาก

    “ยูริน!!!” อิมนายอนที่วิ่งกระหืดกระหอบตามมา รีบตรงเข้าไปประคองเพื่อนเอาไว้ แต่เธอไม่ยอมง่ายๆ จนสลัดนายอนหลุด แล้วเดินเท้าเปล่าเข้าไปในห้องทำงานของสามี

    “พี่เจคคะ” ดวงตาร้อนผ่าวกวาดมองไปรอบห้องเพื่อเสาะหาคนที่เธอคิดถึงจับใจ คนที่เธอต้องการจะเจอมากที่สุดในเวลานี้

    “ฮึก พี่เจคล่ะคะ พี่เจคไปไหน” แต่พอหาคนที่อยากพบไม่เจอ เธอก็เดินกลับมาที่หน้าห้องอีกครั้ง

    “พี่จีมิน”

    “อีกอน”

    “พี่เจคอยู่ไหน พาไปหาหน่อยได้มั้ย”

    เห็นอย่างนั้นนายอนรีบตรงเข้าไปโอบไหล่ที่กำลังสั่นระริกของเพื่อนสนิทเอาไว้ทั้งน้ำตา อิมนายอนไม่ใช่คนที่จะเสียน้ำตากับอะไรง่ายๆ แต่ภาพที่ยูรินเดินเท้าเปลือยเปล่าออกมา แล้วถามหาคนที่เธอรักไม่หยุด ทั้งๆที่เพื่อนเธอควรจะร้องไห้เพื่อระบายความรู้สึกภายในใจออกมา

    แต่จนตอนนี้เธอยังไม่เห็นน้ำตาสักหยด มันทำให้นายอนยิ่งนึกกลัว ที่กลัวเพราะธรรมชาติของมนุษย์ หิวก็ต้องกิน ดีใจก็ต้องหัวเราะ เสียใจก็ต้องร้องไห้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายแสดงออดสวนทางกับความรู้สึก มันแปลว่าสภาพจิตใจของคนๆนั้นต้องกำลังเผชิญกับเรื่องที่ต้องทำให้เจ็บปวดหรือหวั่นกลัวอย่างหนัก

    “นัมยูรินตั้งสติและฟังพี่ให้ดีๆ” และเป็นคิมซอกจิน ที่ทนเห็นภาพที่น่าสงสารตรงหน้าไม่ไหวอีกแล้ว เขาจึงตรงเข้าไปหายูรินแล้วใช้สองมือของเขาจับไหล่ของเธอเอาไว้

    “เธอคือนายหญิงของบลูอีเกิ้ล เธอจะอ่อนแอไม่ได้”

    “ฮยอง” จีมินกำลังจะร้องห้าม เพราะเขากลัวว่าคนตัวเล็กจะทนรับรู้ความจริงไม่ได้ แต่เพราะสายตาของอิมนายอนที่มองมา เป็นเชิงบอกว่าให้เขาปล่อยให้คิมซอกจินทำในสิ่งที่ถูกต้องคงจะดีที่สุดสำหรับเพื่อนของเธอ

    “ตอนนี้เจคประสบอุบัติเหตุ และกำลังรอพวกเราอยู่ที่โรงพยาบาล เธอจะไปหามันในสภาพแบบนี้ไม่ได้ เข้าใจที่ฉันพูดมั้ย!!” ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังใบหน้าที่จริงจังของคิมซอกจินด้วยความตกใจ ยูรินจ้องมองคนตัวสูงตรงหน้าด้วยแววตาที่สั่นระริก

    “เธอไม่ได้เป็นแค่เมีย แต่เธอคือภรรยาของจอนจองกุก ผู้นำสูงสุดของบลูอีเกิ้ล เธอกำลังจะเป็นแม่ของทายาทของตระกูลจอน เพราะฉะนั้น เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาสติแตก เธอต้องทำหน้าที่เป็นหลักให้กับทุกคนที่นี่ จำเอาไว้!!!

    “อึ่ก...”

    “ตั้งสติ แล้วแล้วพวกเราจะพาเธอไปเจอเจค”

    แววตาที่เคยหวาดกลัวและเศร้าโศกถูกแทนที่ด้วยแววตาที่มั่นคง มันคือความมั่นคงกว่าที่นัมยูรินเคยเป็น ปรากฏแก่สายตาของคิมซอกจิน ทำให้เขาวางใจได้แล้วว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อ่อนแออย่างที่ใครๆคิด

     

    โรงพยาบาลแฮอิน

    น้ำตาที่อดกลั้นเอาไว้หลังไหลลงมาเป็นทางเมื่อเธอทนมองภาพต้องหน้าไม่ไหวจริงๆ ภาพของร่างแกร่งที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ ร่างกายที่บาดเจ็บถูกผ้าพันแผลสีขาวปิดบังเอาไว้ จนแทบมองไม่ออกมาว่าคนที่กำลังนอนไร้สติอยู่ตรงหน้าเธอเป็นใคร เสียงของชีพจรที่ดังอยู่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ คงเป็นเสียงที่ฟังแล้วไพเราะที่สุดสำหรับเธอในเวลานี้ ไพเราะจนเธอไม่อยากให้มันหายไป เพราะถ้าหากว่าไม่มีเสียงนี้ หัวใจของเธอก็คงไม่ต่างอะไรกับถูกควักออกไปด้วย

    “คนไข้มีรอยแตกขนาดห้าเซนติเมตรที่กะโหลกศีรษะ ส่งผลทำให้เสียเลือดมาก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสมองหรือไม่ หมอยังให้คำตอบตอนนี้ไม่ได้ เราต้องรักษาและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด”

    “แต่นั่นไม่น่าห่วงเท่ากับภาวะ Pneumothorax* มีสาเหตุมาจากการได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนทำให้ลมจากภายนอกเข้าสู่ช่องปอด เคสของคุณจอนน่าเป็นห่วงที่รอบฉีกขาดที่ปอดมีขนาดใหญ่  แต่ทางเราได้ทำการผ่าตัดโดยสอดกล้องเข้าไปภายในปอดเพื่อดูความเสียหาย และเย็บเยื่อหุ้มปอดเข้าด้วยกันเพื่อปิดรอยรั่วหรือทำให้เยื่อหุ้มปอดทั้ง ชั้นเชื่อมกันสนิทเพื่อกำจัดอากาศให้เรียบร้อยแล้วนะครับ หลังจากนี้สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ในระหว่างรับการรักษาภาวะนี้ โดยหากมีการติดเชื้อ การอักเสบ การบาดเจ็บที่ปอดอย่างรุนแรง หรือมีของเหลวคั่งในปอด อาจนำไปสู่ภาวะช็อกซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”

    “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ทีมแพทย์ของเราจะทำทุกทางอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาคุณจอนครับ”

    “ขอบใจมาก ผมฝากด้วยนะ” จอนจินโมเอ่ยกับหัวหน้าทีมแพทย์ที่รักษาลูกชายของเขา ใบหน้าของเขายังคงเรียบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไร แต่หากเป็นคนใกล้ชิดกับเขาจะรู้ว่า ยิ่งจอนจินโมนิ่งมากเท่าไหร่ แปลว่าเขารู้สึกกับสิ่งนั้นมากเท่านั้น เขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะร้องไห้ฟูมฟายออกมาได้ เพราะในเวลานี้เขามีลูกสะใภ้ที่กำลังตั้งท้องหลานของเขายืนอยู่ข้างๆ

    “เข้าไปพี่เจคใกล้ๆได้มั้ยคะ” ยูรินเอ่ยถามออกมา เธอถามคำถามที่ตัวเธอเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าจะได้คำตอบแบบไหน

    “คนไข้เสี่ยงต่อการติดเชื้อไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้น จนกว่าร่างกายคนไข้จะตอบสนองต่อการรักษาในแนวโน้มที่ดี ถึงจะวางใจได้ครับ” คุณหมอตอบ

    “ขอบคุณค่ะ”

    “อยู่ใกล้กันแค่นี้เองแท้ๆ”  ทั้งที่เห็นแล้วว่าคนที่เธอรักอยู่ใกล้แค่เพียงเอื้อมมือ แต่กลับเอื้อมคว้าไม่ได้ มันคือความเจ็บปวดที่เธอไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้พบเจอกับตัวเอง

    “พ่อไปรอข้างนอกนะ” จอนจินโมคิดว่าเวลานี้คำปลอบโยนใดก็คงไม่อาจใช้กับลูกสะใภ้ของเขาได้ เลยคิดว่าการปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

     

    “พี่เจคขา...ฮึก”

    “ได้ยินยูรินมั้ยคะ”

    “พี่ไม่ใช้คนที่พูดแล้วทำตามที่พูดไม่ได้”

    “เพราะฉะนั้น อึ่ก เพราะฉะนั้น ได้โปรดกลับมาหาฉันตามที่พี่สัญญาเอาไว้ด้วยนะคะ”

    “ฉันจะรอพี่อยู่ตรงนี้ นานแค่ไหนก็จะรอ”

    “ไม่สิ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ฉัน คนเดียวแล้วนะคะที่กำลังรอพี่อยู่” หญิงสาวพูดออกไปทั้งน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาเป็นสาย

    “ลูกของเราก็กำลังรอคุณพ่ออยู่นะคะ อย่าทิ้งฉันกับลูกไปเลยนะคะ” 

    “ฉันจะเข้มแข็ง เพื่อที่จะรักษาลูกของเราเอาไว้ รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่รัก เพื่อรอพี่กลับมา” ยิ่งมองสภาพร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสของสามี ยิ่งคิดว่าเขาต้องเจ็บมากแค่ไหน เธอยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเจ็บแค่ไหน เธอก็ยังนึกอยากแบ่งเบาความเจ็บจากเขาบ้างหากว่าเธอทำได้ แต่ในความเป็นจริงเธอไม่อาจเจ็บแทนเขาได้ แต่เธอทำบางอย่างเพื่อเขาได้

    “คุณยูรินครับ กลับไปพักก่อนดีกว่านะครับดึกแล้ว” อีกอนเป็นคนที่เดินเข้ามาบอกนายหญิงของเขาด้วยความเป็นห่วง

    “ใครทำ”

    “ครับ?” อีกอนไม่เข้าใจคำถามของยูริน

    “ใครเป็นคนทำ” น้ำเสียงเรียบนิ่งที่นายหญิงของเขาเอ่ยออกมา เป็นโทนเสียงที่เขาไม่คุ้นเคยเลย

    “ตอนนี้เราจับคนที่ขับรถบรรทุกได้คนหนึ่งแล้วครับ พรุ่งนี้จะส่งตัวให้ตำรวจตามขั้นตอน”

    “ไม่ต้อง”

    “ไม่ต้องส่งให้ตำรวจ”

    “ครับนายหญิง” อีกอนรับคำสั่งอย่างไม่คิดตั้งคำถามดังเช่นเคย แต่คราวนี้เขาได้เปลี่ยนคำสรรพนามที่เคยใช้เรียกผู้หญิงตรงหน้าไปแล้ว

    “เตรียมคนของเราให้พร้อม”

     “พรุ่งนี้ฉันจะเป็นเปิดปากมันออกมาเองว่าไอ้ชาติชั่วตัวไหนเป็นตัวการของเรื่องนี้”

    “ออกไปรอข้างนอกเดี๋ยวฉันตามออกไป”

    “ครับนายหญิง”

    อีกอนเดินออกมาจากห้องอย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาใช้เวลาคิดไม่นานเลยว่า เขาเคยได้ยินคำพูดที่ออกมาจากปากนายหญิงของเขาเมื่อครู่จากใคร ก็ไม่ใช่ใครอื่น ทั้งคำพูด น้ำเสียงและแววตาของยูริน มันถอดแบบมาจาก จอนจองกุก ผู้เป็นนายของเขานั่นเอง

     

    มือเล็กทาบลงไปที่กระจกใสบานใหญ่ กระจกใสบางๆที่กั้นตรงกลางระหว่างเขาและเธอเอาไว้ เธอไม่ได้จ้องมองร่างที่นอนนิ่งสนิทของผู้ชายที่เธอรักด้วยสายตาแห่งความเศร้าโศกเสียใจอีกแล้ว เพราะมันถูกแทนที่ด้วยดวงไฟที่ลุกโชนอยู่ภายในตาคู่สวยคู่นั้น

    “ใครที่มันทำให้พี่เจ็บ พวกมันต้องเจ็บกว่าเป็นร้อยเท่า”

     100%

    End EP:13

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ***ภาวะ Pneumothorax  คือ ภาวะปอดรั่ว คือภาวะที่มีอากาศเข้าไปแทรกอยู่ภายในช่องปอดจนเบียดเนื้อปอด เป็นเหตุให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่และทำงานได้ไม่ดี ส่งผลต่อการหายใจของผู้ป่วย เป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้


    ฝาก สตรีมเเท็ก  #พี่เจคใจเย็น ด้วยน้า


    ชื่อทางการติดต่อไรท์

    twt : @Lilyn_T_V

    Facebook group : Lilyn-Fic


    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ?
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×