คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : บทที่ 9 (3)
เพราะรู้ว่ากำลังจะหลุดจากการควบคุม เขาจึงคว้าหมวกกันน็อกมาสวมไว้เพื่อปิดบังสีหน้าเอาไว้ แทนที่จะให้รัตน์วลีใส่ไว้เหมือนตอนที่เดินทางมายังร้านส้มตำแห่งนี้
“เดี๋ยวรัตน์ให้เพื่อนไปส่งก็ได้ อีกอย่างพี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถกลับไปกลับมาด้วย” คอนโดของภูศิลป์ก็อยู่คนละทางกับบ้านที่เธอต้องกลับ แต่เธอก็เลือกที่จะให้ไอ้หมอนั่นไปส่ง น่าหงุดหงิดชะมัด!
“พี่เอริคขับช้าหน่อยได้ไหมคะ” เสียงตะโกนที่ดังขึ้นปลุกเขาให้หลุดออกจากภวังค์ มือเล็กที่จิกเกร็งอยู่ตรงหน้าท้องทำให้รู้ว่าคนที่ซ้อนอยู่กำลังหวาดกลัวเพียงใด ทว่าเขายังไม่ทันได้ทำตามที่เธอขอ
“ถ้าพี่รีบ พี่จอดให้รัตน์ลงเถอะ เดี๋ยวรัตน์ให้โอมไปส่ง” เสียงตะโกนที่ดังขึ้นอีก ทำให้ทำให้ความหงุดหงิดที่ยังคั่งค้างอยู่ในใจทวีขึ้นอีก และเขาก็ระบายด้วยด้วยการบิดคันเร่งจนสุดไมล์
แต่อยู่ๆ ฝนก็เทลงมากะทันหัน ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้มดำทะมึนจนบรรยากาศรอบกายหม่นสลัว และฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนทัศนวิสัยในการขับรถย่ำแย่ทำให้เขาต้องชะลอความเร็วลง เพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
“ใส่ซะ” ชายหนุ่มถอดหมวกกันน็อกส่งให้คนที่แนบใบหน้ากับหลังของเขา แล้วตะโกนสั่งแข่งกับเสียงฝน ก่อนจะรูดซิปเสื้อหนักออกแล้วสั่งคนที่นั่งซ้อนท้ายอีกครั้งเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เอามือใส่เข้ามาในเสื้อ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เร็วๆ สิเดี๋ยวเฝือกเปียก ฉันขี้เกียจพาไปโรงพยาบาล มันเสียเวลา”
พอหญิงสาวยอมเอามาซุกมือข้างที่ใส่เฝือกไว้เข้ามาในเสื้อหนังราคาแพงที่สามารถกันน้ำได้ เขาก็หันกลับไปสนใจการบังคับรถต่อทันที
เพราะคิดว่าไหนๆ ก็เปียกแล้ว และการตากแดด เปียกฝน ก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนรักรถสองล้อจึงคิดจะขับให้ถึงบ้าน
ทว่า... ร่างบางที่สั่นระริกอย่างน่ากลัวอยู่ด้านหลัง เสียงฟันที่กระทบกันจนดึงกึกๆ ก็ทำให้เขาต้องเลี้ยวกลับไปยังโรงแรมที่เพิ่งขับผ่านมา
แม้ว่าความเร็วของรถจะไม่ได้น่าหวาดเสียวเหมือนก่อนหน้านี้แต่เพราะความหนาวเหน็บที่เกิดจากการหยาดฝนเย็นเฉียบที่เปียกโชกร่างเป็นเวลานานและสายลมจากการขับขี่ที่ปะทะร่างก็ทำให้เธอยังกอดเอาสอบไว้แน่นเพื่อขอไออุ่น
แล้วเมื่อรับรู้ถึงรถที่จอดสนิท และเสียงท่อรถที่เงียบลง รัตน์วลีก็ลืมตาขึ้น...
“ทะ...ทำ...กึก...ไม...ถึงมา...กึก ที่นี่คะ” เสียงของเธอออกมาอย่างยากลำบากเมื่อความหนาวทำให้ร่างกายสั่นไปทั้งตัว โดยเฉพาะคางที่สั่นระริกจนฟันกระทบกันดังกึกๆ อย่างน่ากลัว
คงเพราะความหนาวที่ทำให้สั่นสะท้านไปทั้งตัวจึงทำให้เวลาที่ซ้อนอยู่ท้ายมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ยาวนานกว่าที่เป็นจริง จนเธอคิดว่าตัวเองมาถึงบ้านแล้ว ทว่าสถานที่ที่รถจอดไม่ใช่ที่ที่เธอคิด
“ถ้าดันทุรังขับกลับบ้านเธอได้ตายก่อนพอดี” พอตอบเสร็จเสียงทุ้มก็สั่งเรียบๆ “เราจะอยู่นี่จนกว่าฝนจะหยุดตก”
“อ้อค่ะ”
“รู้แล้วก็ลงไปสิ”
รัตน์วลีเกาะไหล่เขาไว้แล้วก้าวขาสั่นๆ ลงไปยื่นบนพื้น แต่เพราะร่างของเธอสั่นมากเกินไป ถึงได้เกือบพลาดตกมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมันคงจะไม่ใช่แค่เกือบหากว่าเขาไม่เอื้อมมือมาคว้าแขนเธอไว้ก่อน
พอร่างสั่นเทายืนได้อย่างมั่นคง มือหนาก็ถูกละออกไป เอริคเหวี่ยงขาลงไปยืนบนพื้น ยื่นมือไปหาร่างเล็กที่ตกใจจนเผลอถอยไปก้าวหนึ่ง แต่เขาก็ไม่สนใจร่างสูงก้าวตาม ก่อนจะยื่นมือไปถอดหมวกกันน็อกออกจากศีรษะเล็ก แล้วเอาไปแขวนไว้ที่แฮนด์รถ ก่อนจะเดินนำไปที่ประตู
พอติดต่อห้องพักเสร็จ รัตน์วลีก็เดินตามร่างสูงตรงไปที่ลิฟต์ หยาดน้ำหยดตามพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องเป็นทางยาวทำให้พื้นลื่น แม้จะเดินอย่างระมัดระวัง แต่เพราะต้องพยายามก้าวตามเขาให้ทัน สุดท้ายก็พลาด
“ว้าย!” หญิงสาวร้องออกมาขณะที่ร่างกำลังจะหงายหลัง แต่ก่อนที่เธอจะล้มลงไป มือหนาก็คว้าแขนของเธอไว้เสียก่อน
“ขอบคุณค่ะ” รัตน์วลีบอกเขา ความร้อนจากมือหนาที่แตะผิวกายทำให้ความหนาวที่สุมอยู่ในร่างดีขึ้น แต่ความหนาวก็กลับมาอีกครั้งเมื่อมือหนาถูกเจ้าตัวดึงกลับไปทันทีที่เธอกับเขาเข้ามาอยู่ในลิฟต์แล้ว
รัตน์วลียกมือขึ้นกอดอก เธอเปียกไปทั้งตัว ยกเว้นศีรษะที่ชื้นเล็กน้อยเพราะสวมหมวกกันน็อกไว้ แต่ก็รู้สึกหนาวเข้ากระดูก และสั่นเหมือนเจ้าเข้า ในขณะที่เอริคเปียกซ่กไปทั้งตัว แต่เขากลับดูสบายๆ เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มเสยผมที่มีหยดน้ำหยดลงบนไหล่ขึ้นลวกๆ ก่อนจะหันมามองเธอ
ทั้งๆ ที่ยังหนาวจนสั่นไม่หยุด ไม่สิ ยิ่งกว่าเก่าเสียอีกเมื่อร่างเปียกปะทะกับไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ ทว่าใบหน้าของเธอกลับร้อนวูบวาบเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองเขาอยู่ รัตน์วลีรีบหลุบตาลงต่ำ ทว่าเสื้อหนังที่คลุมมาที่ร่างก็ทำให้เธอต้องช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูงอีกครั้ง เสื้อยืดสีขาวเปียกน้ำโปร่งแสงและแนบเนื้อจนกล้ามเนื้อเป็นลอนแน่นที่ขยับเขยื้อนตามจังหวะการหายใจพุ่งเข้ากระแทกตาเธอเต็มๆ
ซึ่งถ้าเขาไม่เสียสละหมวกกันน็อกให้ ไม่รูดซิปออกเพื่อให้เธอเอามือที่เข้าเฝือกอยู่ซุกเข้าไป เขาก็คงไม่ต้องเปียกไปทั้งตัว และดวงตาของเขาก็คงไม่แดงก่ำเพราะถูกน้ำเข้าตาแบบนี้ด้วย
‘เพราะห่วงเหรอ?’ คำถามผุดขึ้นมาทันที ทว่า...
‘ไม่ใช่หรอก เขาก็เคยประกาศก้องไว้แล้วนี่! เขาก็แค่ไม่อยากเสียเวลาไปส่งเธอที่โรงพยาบาลอย่างที่เขาบอกเท่านั้น’
‘แต่ถ้าเฝือกเปียกขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนพาเธอไปโรงพยาบาลก็ได้ หรือจะเป็นอย่างที่น้ากานต์บอก?’
‘เป็นไปไม่ได้แน่นอน!’
แม้สมองจะปฏิเสธสิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจ แต่หัวใจของเธอกลับเต้นแรงรัว มือเล็กที่ยกกอดอกไว้ กระชับแน่นอีกแต่ไม่ใช่เพราะต้องการคลายหนาว แต่เป็นเพราะต้องการประคองหัวใจที่เหมือนจะหลุดออกมานอกอก...
_____________________________
อีบุ๊กใกล้แล้วจ้า น่าจะมาประมาณต้นเดือนหน้านะคะ
ความคิดเห็น