คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #133 : Login 130: ห้าศาสตราแห่งใต้หล้า
Login
130: ห้าศาสตราแห่งใต้หล้า
‘มาเธอ์ฮาลอทเหรอนึกไม่ถึงเลยนะว่านอกจากยัลดาเบาธ์แล้วยังจะมีปีศาจตัวอื่นพ่วงมาด้วยแบบนี้’
ซากิริที่อยู่บนหน้าจอคอมฯพูด
ตอนนั้นเองหัวหนึ่งของไฮดร้าก็ชูขึ้นแล้วอ้าปากกว้างพ่นสายธารเพลิงลงมา
ฟูกับโซเดียมเป็นสองคนแรกที่ขึ้นไปรับมือ
“ทำอย่างที่บอกไว้เมื่อกี้เลย”
ราชครูสาวพูดเหมือนส่งสัญญาณให้กับฟูดูเหมือนทั้งสองจะตกลงกันมาก่อน
ทั้งคู่ร่ายสกิล
“เยลโล่วโซล!”
“เยลโล่วโซล”
ทันใดนั้นร่างก็เปล่งแสงออร่าสีเหลืองอ่อนๆ
ตัวเลขพลังชีวิตสูงสุดบนหัวของทั้งสองคนเพิ่มขึ้นมาประมาณหนึ่ง
แล้วก็บุกตะลุยไฟเข้าไปทั้งอย่างนั้นโดยพยายามปกป้องส่วนใบหน้าเอาไว้
ปล่อยให้ไฟแผดเผาร่างโดยไม่สนใจว่าพลังชีวิตจะลดลง
เป็นกลยุทธ์เอาตัวเข้าแลกที่บ้าบิ่นไม่น้อยแต่ก็ได้ผลเป็นอย่างดี
สกิลที่พวกนั้นร่ายคลุมตัวเอาไว้ช่วยเพิ่มพลังชีวิตให้มากขึ้นและยังเร่งอัตตราการฟื้นฟูไปในตัวนอกจากนี้พลังป้องกันของฟูเองก็ไม่ธรรมดาจากรูปแบบของการบิลด์คลาสและสายอาชีพทำให้แทบจะลุยไฟได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
แต่โซเดียมก็ยังเหนือไปกว่านั้นพลังชีวิตของหล่อนไม่ลดต่ำลงไปกว่าเดิมราสกับว่าไฟทำอะไรหล่อนไม่ได้พลังป้องกันระดับราชครูสูงถึงขนาดนั้น
ทั้งสองคนลุยจนเข้าไปยืนอยู่ใต้ปากไฮดร้าหัวนั้น
หัวอื่นๆ ก็ตามเข้ามาจัดการแต่ก็ถูกฟูเหวี่ยงค้อนซัดจนกระเด็นออกไปหมด
โซเดียมกระโดดเพียงครั้งเดียวก็ขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะไฮดร้าจากนั้น…
“โพไซดอนแสต็ป!”
ร่ายสกิลห่อหุ้มมือด้วยสามง่ามน้ำแล้วดิ่งลงมาพร้อมกับตวัดมือตัดลำคอของไฮดร้าขาดสะบั้นไฟที่มันพ่นออกมาจึงหยุดไปด้วย
ส่วนของลำคอที่เหลือติดอยู่กับตัวสะบัดดิ้นไปมาทุรนทุรายน่าดู
การโจมตีเริ่มจะมีผลแล้ว…อิงศรคิดอย่างนั้น
ไม่เหมือนกับตอนที่มันยังคงรูปเป็นม้าหมุนในตอนนั้นการโจมตีไม่ส่งผลอะไรกับมันเลย
ถ้าหากเป็นอนนี้ควเอาชนะได้แล้ว
แต่ทว่า
ส่วนของศีรษะไฮดร้าที่ขาดกระเด็นไปนั้นกลับระเหยเป็นไอแล้วลำคอที่ดิ้นพล่านอยู่ก็งอกหัวขึ้นมาใหม่
เหมือนกับในตำนานไม่มีผิด
ไฮดร้าถึงจะตัดหัวทิ้งไปก็ยังงอกใหม่ได้ แต่นั่นก็คาดเอาไว้แล้วว่าน่าจะเป็นไปได้
ฟูกับโซเดียมถูกหนึ่งในหัวเหล่านั้นกระแทกจนถอยกระเด็นมาถึงตรงนี้
“เหวอ”
ฟูร้องเสียงหลงระหว่างที่ลอยมาก่อนจะทุบค้อนลงไปบนพื้นเพื่อยึดเป็นหลักให้ตัวเอง
ส่วนโซเดียมนั้นพลิกตัวกลางอากาศกลับมายืนได้อย่างสบายๆ
“งั้นลองเจอแบบนี้หน่อย”
อิงศรเปลี่ยนหน้าไม้กลับไปเป็นคันธนูแล้วล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อแต่ยันต์ที่สอดเก็บไว้ใช้ไปหมดแล้วจึงเปลี่ยนไปดึงเอาจากกระเป๋ากางเกงแทน
ยันต์สิบแผ่นถูกกำขณะล้วงขึ้นมาจนอยู่ในสภาพยับยู่ยี่
“ดราโคเม็ท”
[Dracomet
Lv(2/2)
Element:
Fire, Dragon, Star
Attribute:
Projectile, Special Attack
(Cast
Cost) 'ยันต์อาคม' 10 แผ่น; สร้างลูกศรอาคมแห่งมังกรดาราจุติทำให้เกิดฝนดาวตกโจมตีพื้นที่บริเวณหนึ่ง]
เมื่อร่ายสกิลแล้วยันต์ทั้งสิบแผ่นก็ลุกไหม้ด้วยเพลิงสีฟ้า
เปลวไฟไหลจากมือวนพันรอบแขนและขยายตัวเป็นลูกศรที่มีหัวเป็นมังกร
อิงศรขึ้นลูกศรบนคันธนูพลางกะตำแหน่งกับองศาทิศการตกแล้วปล่อยสายดีด
ลูกศรมังกรทะยานขึ้นไปข้างบน แตกตัวออกเป็นฝนดาวตกร่วงหล่นใส่พื้นในบริเวณที่เล็งเอาไว้
บนตัวของปีศาจ
เป้าหมายมีขนาดใหญ่ยังไงก็ไม่มีทางพลาดและที่เล็งเอาไว้ก็คือทารกปีศาจที่น่าจะเป็นร่างต้นหรือจุดอ่อนของมัน
โครงกระดูกที่อุ้มจอกกับทารกดึงตัวเด็กเข้าไปแนบไว้ใต้กระดูกซี่โครงแล้วให้หัวของไฮดร้าย้ายขึ้นมาซ้อนกำบังเป็นชั้นๆ
ดาวตกร่วงใส่
เกิดระเบิดอย่างรุนแรงฉีกหัวของไฮดร้าขาดกระจัดกระจายแต่เศษซากเหล่านั้นก็ระเหยเป็นไอจนเกิดหมอกควันปกคลุมบริเวณโดยรอบ
เมื่อควันจางลงลำคอของไฮดร้าก็ขาดไปหมดแล้วโครงกระดูกถูกทำลายครึ่งบนจนเหลือแต่ตักที่หนีบจอกเอาไว้
ตอนนั้นเองทารกปีศาจก็ชี้นิ้วไปทางที่กวินทร์ยืนแล้วใช้กลวิธีบางอย่างทำให้
ลูกไฟยูนิททั้งสี่สีที่ลอยห้อมล้อมใบดาบของรุ่นน้องลอยออกมา
“อุหวา
ยูนิทมัน...”
กวินทร์พยายามไล่จับยูนิทที่กำลังลอยหนีแต่ก็คว้าไม่ทัน
ทารกปีศาจอ้าปากรอจนยูนิทของกวินทร์ลอยเข้าไปและกลืนมันจากนั้นก็ส่งเสียงพึมพำ...
มันกำลังร่ายสกิล?
ไม่ทันที่อิงศรจะได้ตีความโครงกระดูดก็เริ่มสร้างตัวขึ้นมาใหม่เช่นเดียวกับหัวของไฮดร้าที่กำลังงอกตาม
‘ถึงการเปิดเผยตัวจริงจะทำให้โจมตีได้ผลแล้วก็เถอะแต่ดูเหมือนจะฟื้นฟูตัวเองได้นะที่แย่ไปกว่านั้นก็ไอ้ที่ดูดยูนิทคนอื่นไปใช้นี่มันออกจะน่าเกลียดไปรึเปล่า’
อย่างที่ซากิริพูดการฟื้นฟูร่างกายนั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรแค่ทำลายมันให้ได้ก่อนจะฟื้นฟูก็พอ
เพราะเท่าที่ดูแล้วพลังป้องกันไม่ได้ดีเด่นอะไรนักแต่การที่มันสามารถขโมยยูนิทได้ทำให้การใช้ท่าใหญ่ๆ
เพื่อปิดฉากเป็นเรื่องยาก
ช่วงที่กำลังชุลมุนกับความสามารถของปีศาจอยู่นี่เองที่กวินทร์เริ่มเคลื่อนไหว
เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดแสดงความโกรธที่ถูกปีศาจใช้ประโยชน์
“หนอย
ลองเจอนี่หน่อยเป็นไง”
ทั้งที่พูดเสียดิบดีว่าจะเอาคืนแต่กลับเปิดหน้าจอสกิลไล่อ่านทีละบรรทัดไม่วางตาราวกับนักเรียนสอบใบขับขี่เปิดแมมนวลอ่านระหว่างขับเลยทีเดียว
แต่ก็เพราะสกิลที่ติดตั้งอยู่ตอนนี้เป็นบิลด์แบบที่ไทเทเนียมหรือฟ้ากมลพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของกวินทร์เป็นคนจัดดังนั้นจึงมีสกิลที่ไม่รู้วิธีใช้ปนอยู่ด้วยหลายสกิล
สกิลที่กวินทร์เลือกขึ้นมาอ่านในตอนนี้อิงศรแอบชะเง้อมองเห็นมา
สกิลไม้ตายประเภทแปลงร่างของสายอาชีพเวพ่อนเอนแชนท์เตอร์ เวพ่อนไนซ์สกิล
รุ่นน้องร่ายสกิลทันทีที่อ่านรายละเอียดจบ
“เวพ่อนไนซ์เท็งกะโกะเคน!”
น่าแปลก...อิงศรตั้งข้อสังเกตด้วยความใคร่รู้
จากที่เห็นผ่านมิ่งขวัญกับฟ้ากมลใช้สกิลเวพ่อนไนซ์ของไชนิ่งเอนฟอร์ซเซอร์กับชาโดว์เอนฟอร์ซเซอร์มาแล้วทั้งคู่ต่างก็ต้องการเงื่อนไขในการร่ายที่แตกต่างกันไป
ของมิ่งขวัญต้องการอาวุธที่มีการเสริมพลังธาตุแสงในระดับหนึ่ง
ของฟ้ากมลก็เป็นการทำลายอาวุธเงาในจำนวนที่กำหนดและใช้ยูนิทสีดำที่เตรียมไว้กำหนดจำนวนอาวุธที่จะได้รับหลังจากร่ายสกิล
แต่กวินทร์กลับละเลยเงื่อนไขเหล่านั้นและร่ายสกิลทันที
เวพ่อนไนซ์ของเอเลเมนทัลเอนแชนท์เตอร์ สามารถทำแบบนั้นได้อย่างนั้นหรือ?
ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่ร่ายสกิล
“…”
กวินทร์ทำหน้างุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ท่าทางว่าจะต้องเข้าไปช่วยเสียแล้วกระมัง
ตอนนั้นเองเสียงของพลอยที่จะเตือนเรื่องเตรียมฟื้นฟูพลังก็ดังขึ้นมา
“ทุกคนจะฮีลแล้วนะ!!”
การที่ประกาศแบบนั้นหมายความว่าเตรียมการให้มิ่งขวัญรับดาร์คฮีลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ช่วงที่มัวแต่สังเกตกวินทร์อยู่นั้นทำให้ลืมไปแล้วว่าเวลาฟื้นฟูสกิลของพลอยวนครบรอบ
พลอยตวัดดาบร่ายสกิล
“ดาร์คฮีล”
ออร่าสีดำทมิฬกำลังจะแผ่พุ่งและเยียวยาบาดแผลให้ทุกคน
แต่แล้ว...
“อ้าว”
เด็กสาวส่งเสียงด้วยความประหลาดใจ
แต่ว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ว่าสกิลดาร์คฮีลจะเริ่มนับเวลาฟื้นฟูใหม่แล้วก็ตาม
หมายความว่าสกิลได้ร่ายออกมาแล้วแต่ถูกทำให้หายไปอย่างนั้นหรือ?
“น..นี่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ยทำไมไม่ออกมาล่ะ”
พลอยแกว่งดาบไปมาแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขณะเดียวกันที่แนวโจมตีหลักโซเดียมก็เริ่มจะเอาจริงขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ราชครูสาวได้ร่ายสกิล
‘เร้ดโซล’ ซึ่งเป็นอาคมเสริมพลังโจมตีกับเพิ่มความเร็วคลุมกายเอาไว้ทำให้มีแสงสีแดงอ่อนๆ
ปกคลุมตัวร่วมกับออร่าสีเหลืองอร่ามจาก ‘เยวโล่วโซล’
และตอนนี้หล่อนก็ร่ายสกิลระดับสูงขึ้นไปอีก
“เร้ดวอริเออร์!”
สกิลที่ช่วยเพิ่มอำนาจของเร้ดโซลให้กลายเป็นสองเท่า
“…”
อนิจจา...เหตุการณ์แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นพลอยดันเกิดซ้ำกับหล่อนด้วย
ออร่าสีแดงที่เหมือนจะเริ่มเปล่งประกายยิ่งขึ้นกลับอ่อนลงและกลับไปเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิด
ความแปลกประหลาดนี้ได้สร้างจังหวะให้กับปีศาจได้เปิดฉากจู่โจมเข้ามาในตอนที่พวกเขากำลังเป็นงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี่เอง
“ก๊าซซซ”
ไฮดร้าส่งเสียงคำรามแล้วชะเง้อชูคอพ่นสายธารเพลิงรดลงมา
ทันใดนั้นมิ่งขวัญในร่างอัศวินทองคำโกลด์กาแลนต์ก็บินโฉบเข้ามาขวางเส้นทางเพลิงพลางตั้งโล่ในมือขึ้น
“โฟตอนการ์ด”
อาณาเขตแสงขยายวงรัศมีจากโล่ครอบคลุมด้านหน้าของกลุ่มได้ทั้งหมด
อำนาจของอาณาเขตแสงจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาพลังไฟนี้คงจะทำร้ายพวกเขาไม่ได้
“…”
ทว่าไฟทั้งหมดสลายหายไปราวกับอากาศธาตุเสียก่อนที่จะพุ่งมาอาณาเขตแสงและที่สำคัญยิ่งไปกว่า
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
อาณาเขตแสงเองก็หายไปจนมิ่งขวัญต้องสบถอย่างใคร่รู้
ถึงตรงนี้อิงศรก็เบี่ยงสายตาไปที่กวินทร์
คิดว่ารู้ต้นตอของเหตุการณ์ประหลาดทั้งหมดแล้ว
ดังนั้นอิงศรจึงเดินดุ่มๆ เข้าไปดึงคอเสื้อกวินทร์
“หวา
มีอะไรครับพี่...”
ก่อนที่จะทันได้ถามก็มีอะไรบางอย่างบินออกมาจากหลังคอเสื้อที่ถูกอิงศรดึง
เป็นป้ายไม้วงกลมขนาดเท่าฝ่ามือที่มีรูปแกะสลักนูนเป็นใบหน้าพยัคฆ์กับลูกประคำจำนวนห้าเม็ดประดับรอบป้ายแต่ละเม็ดมีสีแตกต่างกันไป
สีแดง สีฟ้า สีเขียว สีทอง และสีเทา
อิงศรตวัดมืออย่างรวดเร็วจนคว้าป้ายไม้นั่นมาได้
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ”
มีเสียงดังออกมาจากป้ายไม้แถมยังขยับดิ้นหนีได้อีกต่างหาก
“แกใช่ไหมตัวทำคนอื่นเขาวุ่นวายกันไปหมด”
อิงศรถามตามที่เห็น
ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์อะไรซักอย่างหายไปหลังคอเสื้อกวินทร์จะมีแสงกระพริบแวบวาบออกมาคิดว่านั่นคงจะเป็นฝีมือของป้ายไม้ประหลาด
ใบหน้าพยัคฆ์ขยับปากพูดตอบโต้มาอย่างฉุนเฉียวว่า
“สามหาวอย่ามากล่าวหากันง่ายๆ
สิมีหลักฐานอะไรรึเปล่า”
พอได้ฟังที่พูดจนหมดแล้วอิงศรก็จับป้ายไม้ด้วยสองมือแล้วดัดมันเบาๆ
“โอ้ย โอ้ย โอ้ย
พอแล้ว พอแล้ว เดี๋ยวข้าก็หักกันพอดี”
อิงศรปล่อยมือ
ป้ายไม้ลอยอย่างอ้อยอิ่งจนไปอยู่ในมือกวินทร์
“หมอนี่มันตัวอะไรกันล่ะเนี่ย”
รุ่นน้องจ้องมองป้ายประหลาดตาโตแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่รู้ที่มาของมัน
ป้ายไม้เริ่มพูดกับกวินทร์
“ข้าก็คือเท็งกิมารุที่เจ้าเรียกออกมายังไงล่ะเจ้าหนู”
“เท็งกิมารุ...จะว่าไปก็มีชื่อนี้เขียนอยู่ในรายสกิลของเท็งกะโกะเคนอยู่นะบอกว่าให้เติมเต็มเงื่อนไข”
กวินทร์พูด
“ใช่แล้ว
เมื่อประกาศใช้จะเป็นการเรียกข้าออกมาการเติมเต็มจะต้องให้ข้าได้กินกิริยาห้าอย่าง”
เมื่อได้ยินที่ป้ายไม้กล่าวมาก็เริ่มจะเชื่อมโยงอะไรได้ขึ้นมาบ้าง
ป้ายไม้ยังคงพูดต่อไป
“นั่นก็คือ
การฟื้นฟู การเสริมพลัง การโจมตี การป้องกัน แล้วก็การหลบหลีก”
จากนั้นอิงศรก็แทรกเข้าไปเสริมว่า
“ที่ถูกทำให้หายไปเมื่อกี้คือ
การฟื้นฟูของพลอย การเสริมพลังของเอเลี่ยน การโจมตีของปีศาจ แล้วก็
การป้องกันของขวัญ งั้นที่เหลือก็การหลบหลีกสินะ”
ป้ายไม้ขยับขึ้นลงเหมือนจะตอบรับคำพูดของเขา
“แม่นแล้วถ้าข้ากินครบห้าอย่างก็อัญเชิญศาสตราแห่งใต้หล้าสำเร็จยังไงล่ะ”
จากที่ฟังมารวมกับที่ประเมินเอาไว้แล้ว
ถ้าอย่างนั้นการจะทำให้ท่าไม้ตายร่ายได้สมบูรณ์ก็ง่ายนิดเดียว
อิงศรพูด
“กวินทร์เดี๋ยวจะต่อยนะ
หลบด้วยล่ะ”
แล้วง้างกำปั้นเตรียมจะซัด
“เอ๋..เดี๋ยวก่อนสิครับ
จู่ๆ ก็”
ซัดกำปั้นออกไปแล้ว...
กวินทร์เอี้ยวตัวหักหลบตอบสนองต่อหมัดของเขาอย่างทันท่วงที
แน่นอนว่านี่ออมแรงกับความเร็วเอาไว้เพื่อให้หลบได้หากเอาจริงกวินทร์ที่เอาแต่ทำหน้าเหวออยู่จนถึงเมื่อครู่คงได้กินกำปั้นเข้าไปเต็มรัก...
“อัก”
จู่ๆ
ลำตัวที่เอี้ยวหลบไปแล้วของกวินทร์ก็เกิดดีดตัวจนกลับมาอยู่ในจุดเดิมทำให้หมัดกระแทกถูกใบหน้าจังๆ
“อะฮ้า
ทีนี้ก็ครบแล้ว”
ป้ายไม้ตอบสนองอย่างเริงร่า
ลูกประคำเม็ดที่มีสีเทาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มในเวลาเดียวกัน
“เจ็บรึเปล่า”
อิงศรถามแม้จะมั่นใจที่ตัวเองออมแรงกับพยายามเลี่ยงไม่ให้หมัดกระแทกโดยตรงแล้วก็ตาม
กวินทร์ยังคงอังมือในบริเวณที่โดนชกด้วยใบหน้ามึนงงพลางพูดว่า
“เอะ..ไม่เจ็บแฮะ”
แล้วปล่อยมือจากตรงนั้น
ไม่มีร่องรอยจากากรชกเกิดขึ้นเลย การยั้งมือทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ป้ายไม้พูด
“เจ้าหนูตอนนี้ก็เอาข้าเสียบกับดาบของเจ้าแล้วดึงลงไปให้ถึงกั้นดาบนะ”
กวินทร์พยักหน้าให้คำพูดนั้นแล้วจึวคว้าเอาป้ายไม้หันเอาด้านหลังเสียบเข้าที่ปลายดาบ
หน้าพยัคฆ์บนป้ายอ้าปากให้ใบดาบลอดผ่าน กวินทร์ดึงป้ายลงมาจนชนกับที่กั้นดาบ
ทันใดนั้น
กวินทร์ก็ตวัดดาบออก ปุบปับเสียจนหวิดเกือบจะฟันโดนเขาไปด้วย
“หวา
ขอโทษครับมือมันไปเองอ่ะ เดี๋ยวเซ่นี่มันอะไรกันเนี่ย”
กวินทร์เริ่มจะตั้งท่าแปลกๆ
ยกดาบขึ้นเหนือศีรษะตั้งให้ขนานกับพื้นแล้วปลายวางเฉียงลงพลางกางขายืนอย่างมั่นคงท่าร่างแบบนั้น…
“ซามูไรเรอะ”
อิงศรเปรยเขาจ้องมองท่วงท่านั้นด้วยใบหน้าเอือมระอาเล็กน้อยพลางก็คิดไปว่า…
เป็นสกิลที่เรื่องมากน่าดูแถมยังขั้นตอนยุ่งยากถ้านี่อยู่ในระหว่างการต่อสู้ที่กระชั้นชิดกว่านี้คงได้กลายเป็นการฆ่าตัวตาย
แต่ก็สมเหตุสมผลกับที่มันเป็นสุดยอดสกิลของสายนักเสริมพลังอาวุธจริงๆ นั่นแหละ
ใบดาบของกวินทร์เปล่งแสง
สกิลกำลังจะทำงานแล้ว
เวพอนไนซ์ที่แท้จริงกำลังจะแสดงโฉมหน้าของมัน
ตอนนั้นเองกวินทร์ก็กล่าวร่ายบทคาถาของสกิล
“โมงยามแห่งตำนานจงขับขาน
ดาบใหญ่วีระบุรุษจักฟาดฟัน ห้าดาบผ่าพิภพสวรรค์ ห้าศาสตราแห่งใต้หล้า”
ทันใดนั้นทุกสรรพสิ่งรอบข้างก็หยุดเคลื่อนไหว
เวลาถูกหยุดเอาไว้
ฉากอวกาศถูกเขียนทับลงบนมิติอันมืดมิดจนแทบแยกจากกันไม่ออก
โฮก!!
เสียงคำรามเยี่ยงสัตว์ป่าดังสนั่นกึกก้องควบคู่มากับเสียงแหลมสูงเหมือนโลหะกำลังเสียดสีกัน
พอมองตามเสียงขึ้นไปที่ด้านบนก็พบเครื่องทำสวนพยัคฆ์
ไม่สิ สิงโต…
เครื่องทำสวนมีหัวเหมือนเสือแต่มีแผงคอดั่งสิงโต
ลำตัวมีลายพาดกลอนเหมือนเสือโคร่ง
ลวดลายเหล่านั้นส่องสว่างแสงสีขาวสะอาดเหมือนหลอดไฟ แต่แท้จริงแล้วเป็นช่องที่พ่นไฟสีขาวออกมา
ขณะที่มันวิ่งจะเหมือนกับมีไฟลุกท่วมตัว
แผงคอของสิงโตหมุนควงอยู่ตลอดเวลา มันวิ่งลงมาแล้วไปอ้อมหลังปีศาจ อ้อมหลังพวกพลอย
พอมันวิ่งอ้อมกลับมายืนด้านหลังกวินทร์ก็ส่งเสียงคำรามอีกครั้ง
‘นี่คือพลังที่สร้างอดีตไว้เป็นตำนานหากยอมรับมันไว้ร่างของเจ้าจะฉีกเป็นชิ้น
หรือไม่เช่นนั้นก็จงกลายเป็นวีระบุรุษคนใหม่แล้วขนานนามแห่งใต้หลา’
แผงคอพับเก็บไปทางด้านหลังแล้วกางใบหูเหมือนเสือขึ้นมาจากสิงโตกลายเป็นพยัคฆ์
ทันใดนั้นเองรอบตัวกวินทร์ก็มีพลังแห่งธาตุทั้งห้าพวยพุ่งห้อมล้อมให้เห็นเป็นเปลวไฟสีแดง
สีฟ้า สีเขียว สีน้ำตาลเข้ม และ สีทอง
กวินทร์ขานตอบรับคำท้าทายของเครื่องสวน
ประกาศชื่อสกิลที่ร่ายค้างไว้เพื่อให้มันสมบูรณ์
“เวพอนไนซ์!
เท็งกะโกะเคน”
[Weaponize! Tenka Goken Lv(1/1)
Element:
Nature
Attribute:
Ultimate, Transform, Nature, Awakening
(Release
Condition) เติมเต็มพลังแห่งธาตุให้กับเท็งกิมารุ , ร่าย
‘โมงยามแห่งตำนานจงขับขาน ดาบใหญ่วีระบุรุษจักฟาดฟัน ห้าดาบผ่าพิภพสวรรค์
ห้าศาสตราแห่งใต้หล้า’;
ขณะร่ายสกิลนี้จะไม่ถูกขัดขวางและไม่ได้รับดาเมจ
, ล้างสถานะทั้งหมดออกแล้วTransform (Transform: ไม่ถือเป็นสถานะ
ไม่มีระยะเวลาคงอยู่ ไม่สามารถถูกล้างได้ ไม่ถูกยกเลิกหรือทำให้ไร้ผล)
“Tengeki”
พลังแห่งฟ้าจะสถิต
ณ ดาบใต้หล้า เปลี่ยนธาตุที่ต้องการได้จากธาตุแห่งธรรมชาติทั้งห้า
“Hissatsuwaza”
ปลดปล่อยท่าไม้ตายตามธาตุในดาบ; รับพลังจากอวตารแห่งนักษัตรพยัคฆ์แล้วสวมใส่เครื่องเคราแห่งตำนานจับดาบใต้หล้าขึ้นฟาดฟันพิชิตแผ่นดินสวรรค์]
กวินทร์ตวัดดาบแล้วพลังทั้งห้าธาตุที่ห่อหุ้มตัวก็พากันกระจัดกระจาย
แวบหนึ่งที่มองเห็นเหมือนไฟธาตุจับตัวรวมกันเป็นอักขระเหมือนเป็นตัวหนังสือเอฟเฟคในการ์ตูนก่อนจะสลายไป
เครื่องทำสวนก็หายไปเช่นกัน มิติท่าไม้ตายถูกยกเลิกแล้ว
กวินทร์ที่ปรากฏตัวออกมาจากสุมไฟซึ่งกระจัดกระจายไปนั้นได้สวมชุดเกราะญี่ปุ่นสีเขียวเข้ม
ตัวดาบที่เป็นอาวุธก็มีหน้าตาเปลี่ยนไป
ใบดาบหนามีรอยแหว่งจันทร์ครึ่งดวงที่ปลายดาบ
ด้ามจับเป็นเครื่องจักรมีปุ่มควบคุมเรียงกันเป็นแผง
พ่วงมาด้วยผ้าคาดหัวสีดำอีกผืนหนึ่ง
นี่คือเวพ่อนไนซ์ของเอเลเมนทัลเอนแชนท์เตอร์…ดูจะแปลกกว่าอันอื่นในสายเดียวกันอยู่พอสมควรแล้วก็แฝงไว้ด้วยพลังที่คาดไม่ถึง
ระหว่างที่อิงศรกำลังประเมินอยู่นั่นเองความอลังการของสกิลก็ได้ชักชวนให้ปีศาจหันเหความสนใจมาเช่นกัน
ไฮดร้าสามตัวกำลังเลื้อยมาทางนี้
เห็นดังนั้นแล้วกวินทร์ก็ย้ายขึ้นมาขวางหน้าเขาด้วยจุดประสงค์ที่เดาได้ง่าย
“อยากจะลองของแล้วสินะ”
ถึงจะพูดเหน็บแนมไปแต่ใจของเขาก็อยากเห็นพลังของมันเหมือนกันอาวุธที่เกิดจากท่าไม้ตายของผู้เสริมพลังอาวุธจะมีฤทธิ์เดชขนาดไหน
ไฮดร้าเปลี่ยนจากเลื้อยเป็นพุ่งเข้ามาและอ้าปากอวดเขี้ยวคมกริบที่เรียงรายอยู่เต็มปาก
แต่แค่นั้นข่มขู่พวกเขาไม่ได้หรอก
ใช่
แค่เฉพาะเขากับกวินทร์ที่ไม่ได้หวาดกลัวแต่ดาบของกวินทร์ดูเหมือนจะไม่คิดแบบนั้น
“คมเขี้ยววารีพิชิตเภทภัย
โอเทนตะ มิทสึโยะ”
ดาบส่งเสียงขึ้นมาจากนั้นกวินทร์ก็พลิกดาบไม่สิ เหมือนถูกดาบชักนำไปมากกว่า
“เหวอ!”
ข้อมือของกวินทร์ถูกดึงจนพลิกตาม
ตัวดาบหันปลายลงกับพื้นขณะที่ปลดปล่อยลูกแก้วแสงสีตามธาตุออกมาห้าลูกรายล้อมเป็นวงแหวนรอบปลายดาบ
ลูกแก้วสีฟ้าของธาตุน้ำเลื่อนตัวไปหยุดอยู่ในช่องรอยแหว่งพอดีแล้วสลายไป
ใบดาบเปลี่ยนเป็นสีฟ้าตามสีของลูกแก้วจากนั้นก็เริ่มเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง
ไถลไปบนความว่างเปล่าและปล่อยสายน้ำออกมาราวกับกำลังโต้คลื่นยิ่งไปกว่านั้นยังมองเห็นว่ามีตัวหนังสือเอฟเฟคเขียนว่า
‘ซ่า’ ลอยออกมา
“เฮ้! เดี๋ยวจะไปไหนน่ะศัตรูอยู่ทาง...บุ๋ง”
เมื่อดาบเคลื่อนที่เร็วขึ้นสายน้ำก็ถูกพัดกระฉอกใหญ่จนกลายเป็นคลื่นอัดใส่กวินทร์ที่ถูกลาก
รวมถึงคลื่นน้ำยังสาดใส่ไฮดร้าไปด้วย
ครั้นเมื่อสัมผัสถูกน้ำหัวของไฮดร้าก็สลายตัวกลายเป็นควันในพริบตาราวกับดวงไฟกำลังดับมอด
“นี่พวกมันแพ้น้ำงั้นเหรอ”
อิงศรรำพึงกับตัวเอง
ระหว่างนั้นก็มีเสียงของกวินทร์ที่ถูกลากไปดังแว่วมา
“หันกลับไปเซ่
จะหนีไปไหนของนาย!!”
อิงศรละความสนใจจากกวินทร์ไปเพราะเน็กส์กำลังวิ่งโดยที่ถือเครื่องคอมฯมาทางนี้
ซากิริที่อยู่ในคอมพูดว่า
‘วิเคราะห์จุดอ่อนกับความสามารถของมันได้หมดแล้วถ้าจัดการทารกที่อยู่ตรงนั้นได้มันก็จะฟื้นฟูปีศาจที่อยู่รอบๆ
ตัวไม่ได้’
“อย่างงั้นเองเหรอ
ดีล่ะมีแผนแล้ว”
อิงศรเรียกหน้าจอสื่อสารของปาร์ตี้ขึ้นมาแล้วกระจายคำสั่ง
“ทุกคนฟังนะจากนี้ไปเราจะจัดการกับทารกที่อยู่บนตัวปีศาจนั่น
กวินทร์นายก็รีบกลับมาได้แล้วต้องใช้พลังน้ำของนาย”
เสียงตอบกลับจากกวินทร์เป็นเสียงท้อแท้เหมือนกับจะคร่ำครวญ
‘แต่เจ้าดาบนี่มันไม่ยอมฟังผมเลยง่า’
“บอกมันซะว่าถ้าไม่กลับมาหลังจากเชือดปีศาจนี่ฉันจะหักมันเป็นสองท่อน”
อิงศรกล่าวอย่างเยียบเย็นและแฝงความอำมหิต
ครู่เดียวเท่านั้นก็เริ่มจะได้ยินเสียงร้องเหวอของกวินทร์พร้อมทั้งเสียงแหวกผ่านสายน้ำดัง
ซ่า ซ่า กลั้วกันมา
ดาบลากกวินทร์มาจอดอยู่ไม่ไกล
“กลับมาแล้วอย่าจับข้าหักเลยนะ”
แล้วส่งเสียงออดอ้อน
แต่อิงศรก็หาได้สนใจไม่ เขาเริ่มสั่งคนอื่นต่อเพื่อให้ดำเนินแผนการ
“ขวัญ ฟู
มิกซ์แล้วก็เอเลี่ยน พวกนายจะเป็นหน่วยโจมตีตอนนี้ให้ล่อมันไว้ก่อน พอฉันให้สัญญาณแล้วใช้สกิลแรงที่สุดที่ไม่ต้องพึ่งพายูนิทอัดมันให้เละเลยเข้าใจนะ”
มีเสียงตอบรับกลับมาแล้วสี่คนที่ว่าก็เริ่มจับกลุ่มกันออกไปล่อทางศัตรู
อิงศรเรียกพลอยเป็นคนถัดมา
“พลอยช่วยพานิวมารวมกับฉันทางนี้ที”
เมื่อพลอยมารวมกับทางนี้แล้วกลุ่มของเขาก็รวมเป็นห้าคน
อิงศรพูด
“พลอย นิว เน็กส์ ถ้ามีสกิลธาราหรือมหาธาราก็ให้ติดตั้งเอาไว้ด้วย”
พลอยกับนิวเปิดหน้าจอสกิลขึ้นมาทำตามที่สั่งไปทันทีแต่เน็กส์กลับมองมาที่เขาแล้วถามว่า
“พี่ศรจะใช้สกิลน้ำกวาดพวกงูใช่ไหมฮะ”
“ใช่”
อิงศรตอบ
ความจริงแล้วจะใช้ดราโคเม็ทยิงซ้ำอีกรอบก็น่าจะทำลายปีศาจรอบตัวทารกได้ในคราเดียวแต่ยังต้องรอเวลาฟื้นฟูสกิลของอื่นที่มีอาณาเขตโจมตีเป็นวงกว้างก็ใช้ไปตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่เผยตัวจริงยังต้องรอเวลาฟื้นฟูกันอีก
”...”
เน็กส์ไม่ได้ซักไซ้ต่อเพียงแต่พยักหน้าให้แล้วเปิดหน้าจอจัดการสกิลเหมือนคนอื่น
และแล้ว...
แผนการก็เตรียมพร้อมในที่สุด
ความคิดเห็น