คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #134 : Login 131: God Slayer
Login
131: God Slayer
อิงศรฟอร์เมชั่นแบบใหม่
หน่วยโจมตี
หน่วยสนับสนุน
หน่วยโจมตี
ที่จริงมันก็ต่างจากแบบเก่าแค่เพิ่มหน่วยโจมตีเป็นสองฟากเพราะมีคนเพิ่มขึ้นมา
เริ่มจากหน่วยโจมตีสี่คน
แนวหน้าที่เก่งที่สุดในกลุ่มคือมนุษย์ต่างดาวชั้นครูมิ่งขวัญกับชั้นราชครูโซเดียมตั้งแถวยืนขนานกันอยู่ด้านหน้าถัดมาเป็นมิกซ์ที่ปืนกับสกิลเป็นระยะกลางคอยคุ้มกันมิ่งขวัญและฟูที่ช่วยสนับสนุนโซเดียมเพราะความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดูจะไปด้วยกันได้
ดังนั้นแนวโจมตีจึงไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว
แถวของโซเดียมกับฟูเป็นแนวหน้าที่เน้นโจมตีและเปิดทาง
แถวของมิ่งขวัญกับมิกส์จะเน้นไปที่การเปิดกลยุทธ์กับสลับไปเป็นแนวป้องกันในตัวเอง
ถ้าเทียบกับแบบเก่าโซเดียมกับฟูก็คือตำแหน่งของเมษาที่จะเปิดทางให้กวินทร์เข้าไปแช่แข็งศัตรู
มิ่งขวัญกับมิกส์จะเป็นตำแหน่งเดิมของกวินทร์คือเป็นตัวเปิดกลยุทธ์
และหน่วยสนับสนุนที่มีอิงศรหรือตัวเขาเองกับคนอื่นๆ
ก็จะเป็นหน่วยดำเนินกลยุทธ์หลักซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับในรูปแบบเก่าคือคนที่ยิงสายน้ำออกไปเพื่อเพิ่มพลังแช่แข็งจากเดม่อนแอปพลิเคชั่นของกวินทร์
ระหว่างที่แนวหน้าทั้งสี่ต่อสู้ซื้อเวลาให้หน่วยสนับสนุนเตรียมแผน
รูปแบบของฟอเมชั่นก็กลายเป็นอย่างที่ว่าไปโดยไม่รู้ตัว
“เริ่มได้”
อิงศรประกาศเริ่มแผน
แนวหน้าทั้งสี่คนก็แยกกันไปสองทางตีขนาบปีศาจให้อยู่ในเส้นทางโจมตีของหน่วยสนับสนุน
“ยิงเลย!”
คำพูดนั้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนใช้สกิลธาตุน้ำโจมตีไป
อิงศรใช้ยันต์หนึ่งแผ่นยิงลูกศรฉลามออกไป
พลอย เน็กส์ และนิว ทั้งสามคนมีอาชีพพ้นฐานเป็นสเปลเลอร์อยู่แล้วถึงสามารถใช้สกิล ‘ธารา’ ซัดสายน้ำจากอาวุธออกไปโจมตีได้
กวินทร์ที่อยู่ในโหมดเวพ่อนไนซ์ก็มีท่าที่ใช้น้ำในการโจมตีเหมือนกันพอเริ่มใช้พลัง
“คมเขี้ยววารีพิชิตเภทภัย
โอเทนตะ มิทสึโยะ”
ดาบในมือก็ส่งเสียงอย่างฮึกเหิมผิดกับตอนแรกที่วิ่งหางจุกก้นเลยทีเดียว
พอก้มตัวปักดาบลงบนพื้นที่ว่างเปล่าน้ำจำนวนมากก็ไหลทะลักออกมาพร้อมกับตัวหนังสือเอฟเฟคเขียนว่า
‘ซ่า’ ดูเหมือนจะเป็นพลังอย่างหนึ่งของท่ากระมัง
เป็นสกิลที่โหวกเหวกจนทำให้ศัตรูรู้ไต๋ระหว่างที่สู้อย่างไม่ต้องสงสัย…อิงศรลงความเห็นเช่นนั้น
สายน้ำที่ห้อมล้อมรอบกวินทร์ก่อตัวเป็นรูปจิ้งจอกตัวใหญ่
ขนาดที่ยืนคร่อมกวินทร์ไว้ตรงระหว่างขาหน้าได้
จิ้งจอกน้ำส่งเสียงหอนแล้วสายน้ำก็เริ่มก่อตัวเป็นคลื่นซัดออกไป
เทียบกับลูกศรฉลามหรือกระสุนสายน้ำแล้วความเร็วของคลื่นไล่ตามไปไม่ทัน
จากลักษณะที่แผ่ออกไปมากกว่าจะพุ่งไปข้างหน้าตรงๆ
ท่านี้น่าจะใช้สำหรับป้องกัน
ปกติแล้วสายอาชีพที่เน้นสร้างความเสียหายจะมีปัญหาที่สกิลกับสายการบิลด์จะไม่ค่อยจะมีสกิลสำหรับป้องกันและหลบหนี
ถึงมีก็น้อยมากส่วนใหญ่ใช้การไม่ค่อยได้แต่ชุดสกิลที่พี่สาวของกวินทร์จัดให้นั้นได้คำนึงถึงปัญหานี้ไว้และพ่วงวิธีแก้ทางมาให้ในตัว
เป็นชุดสกิลของกวินทร์อย่างแท้จริงเพราะกวินทร์สามารถมองเห็นแก่นของการโจมตีที่มุ่งเข้ามาแล้วสะบั้นมันด้วยท่าโจมตีหรือหักล้างได้อย่างชำนาญสำหรับกวินทร์แล้วท่าโจมตีก็คือท่าป้องกันนั่นเอง
ระหว่างนั้นปีศาจก็เหมือนจะรู้ตัวมันให้ไฮดร้าทั้งเจ็ดหัวพ่นไฟสวนทางน้ำมา
สายน้ำเย็นปะทะกับเพลิงร้อนระอุระเหยเป็นไออยู่ตรงกลางทางแต่น้ำเหมือนจะมีภาษีดีกว่าเพราะเป็นธาตุที่ชนะทาง
เกมโลกาวินาศกำหนดมันไว้แบบนั้นและแทบไม่สนความเป็นจริงเรื่องที่ไฟหรือน้ำฝ่ายไหนจะมีน้อยมากกว่ากัน
อันจริงก็ไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปเพราะครั้งหนึ่งก็เคยเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีพลังเวทสูงมากสร้างไฟที่ระเหยน้ำได้โดยไม่สนใจหลักการอะไรมาแล้ว
ไฟเริ่มถูกดันกลับไป
ไม่สิ…
“เสร็จกันเจ้านั่นมันคิดจะใช้ไฟแทนไอพ่นแล้วหนีอย่างนั้นหรอกเรอะ”
อิงศรพูดสบถ
เขาไม่รู้เลยจนกระทั่งเห็นว่าร่างของปีศาจกำลังลอยออกห่าง
เพราะทัศนวิสัยแย่เกินไป
ไอหมอกที่ระเหยจากการปะทะกันของเปลวเพลิงกับสายน้ำกระจายปกคลุมพื้นที่จนหนาแน่นเกินไป
ตอนนั้นเองเน็กส์ก็ร่ายคาถาเสียงดัง
“…ข้าขอวิงวองสดับฟังเสียงชีพจรแห่งผู้ปกครองลมทั้งสี่
มหาวาโยราโอ!!”
มหาวาโยราโอ
สกิลโจมตีขั้นสูงสุดธาตุสายลมของบิลด์คลาสควินเอสเซนท์ที่เป็นผู้ควบคุมเวทแห่งธาตุทั้งสี่ตามหลักวงจรเวทมนต์สายยุโรป
ต้องอาศัยการร่ายบริกรรมที่เนิ่นนาน
ท่อนที่ได้ยินนั้นเป็นท่อนปิดท้ายแล้วบางทีคงจะร่ายรอตั้งแต่ตอนที่เริ่มสาดสายน้ำออกไป
เน็กส์สะบัดไม้เท้าทันทีที่ร่ายจบ
ทันใดนั้นสายลมก็เริ่มก่อตัวขึ้นที่ด้านหลังหมุนเป็นเกลียวและโหมกรรโชกอย่างรุนแรง
เกลียวพายุแตกตัวเป็นห้าสายพุ่งอ้อมตัวผู้ร่ายไล่ตามสายน้ำไป
ลมช่วยดันคลื่นของกวินทร์เกิดเป็นกระแสคลื่นที่ซัดอย่างเชี่ยวกราก
แนวคลื่นเริ่มก่อตัวสูงล้มทับใส่เพลิงไฟแล้วพุ่งต่อไปข้างหน้า
กระแทกใส่หัวของไฮดร้าทำให้พวกมันระเหยเป็นไอเสียงเหมือนน้ำมันเดือดดังฉู่ฉ่า
คลื่นที่ได้ลมช่วยหนุนยังสาดกระทบขึ้นไปถึงตัวโครกระดูกที่อุ้มจอกและพัดมันตกจากหลังของไฮดร้าที่จมน้ำไปเป็นที่เรียบร้อย
บางทีเน็กส์อาจจะคาดการไว้แล้วเด็กชายอายุน้อยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในวันนั้นเติบโตขึ้นจนกระทั่งคาดคะเนในสิ่งที่เขามองข้ามก็อยากจะชมเต็มๆ
อยู่หรอกถ้าไม่ใช่เพราะว่าวิธีการมันมีจุดบอดมากเกินไป
อย่างแรกพวกหน่วยโจมตีหวิดจะโดนคลื่นพัดไปเหมือนกัน
แต่มิ่งขวัญที่บินได้ก็ช่วยแบกมิกส์ให้และฟูก็ถูกโซเดียมอุ้มด้วยแขนข้างเดียวพลางกระโดดสูงจนตัวลอยอยู่กลางอากาศได้นานเล็กน้อยถึงจะในส่วนนี้ความสามารถเอาตัวรอดของทีมโจมตีก็ช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้แต่ยังมี...
อย่างที่สองน้ำซึ่งกลายเป็นคลื่นและกระแสเชี่ยวทำให้เป้าหมายถูกพัดจมน้ำหายไปทำให้กะเป้าหมายโจมตีได้ยากนี่ก็ถือเป็นเรื่องที่จะต้องตักเตือนกันในภายหลังแต่...
“แต่เอาเถอะแบบนี้เราอาจจะได้โอเปอเรเตอร์คนใหม่ก็ได้”
อิงศรก็คาดหวังในตัวเน็กส์อยู่ไม่น้อย
ครั้นเมื่อจอกที่จมไปในกระแสน้ำลอยขึ้นมาทีมโจมตีก็ทุ่มแรงโจมตีใส่พร้อมๆ
กัน
“แทคีออนสไลเซอร์!”
มิ่งขวัญที่บินลอดห่วงเพลิงทะยานเป็นลำแสง
มองเห็นจอกกลวงเป็นรูไปแวบหนึ่งก่อนจะจมหายไปในกระแสน้ำอีกครั้ง
ปืนของมิกซ์
ค้อนของฟูที่ถูกโซเดียมจับโยนลงไปและหล่อนก็ใช้กำปั้นที่ร่ายสกิลซุกนัคเคิล
เพิ่งจะตามมาถึง
หน่วยโจมตีจมสู่กระแสน้ำหลังจากการโจมตีถล่มลงไปที่จอกซึ่งไม่รู้ว่าถูกพัดหายไปหรือยังแต่ตัวการที่นั่งอยู่ในนั้นน่าจะ…
จู่ๆ น้ำก็กระฉอกขึ้นมา
ทารกปีศาจบินขึ้นจากน้ำนั่นเอง
อิงศรเดาะลิ้นพลางพูดว่า
“ชิ ตายยากตายเย็นจริง”
แล้วดึงสายธนูจนตึง
เล็งเป้าไว้ที่ศีรษะของทารกแต่ก็ยิงออกไปไม่ได้เพราะหน่วยโจมตีทั้งสี่คนอยู่ในแนวยิงถึงจะมั่นใจฝีมือตัวเองขนาดไหนเขาก็ไม่กล้ายิงโดยที่ไม่ตกลงกันไว้ก่อน
ไม่เหมือนตอนที่ตอนที่สู้กับมีนาที่ถูกสิงร่างโดยสัตว์เทวะมันไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงขนาดนั้น
อิงศรกำคันธนูเหล็กติดตั้งใบมีดจนแน่น
“…”
ก่อนจะตัดใจได้จึงค่อยลดมือลง
“รีบตามมันไปเร็ว”
แล้วสั่งแบบนั้นพร้อมกับวิ่งออกไป
คลื่นจากสกิลหยุดไปแล้วน้ำเจิ่งนองท่วมพื้นตรงหน้า
ทุกคนวิ่งตามหลังเขามา
กลุ่มจู่โจมพอเห็นแบบนั้นเข้าก็เตรียมตัวลุกกันอย่างร้อนรนจนสะดุดน้ำลื่นล้มกันไปคนละที
มีแต่มิ่งขวัญที่บินได้เท่านั้นที่ไม่ล้ม
เมื่ออิงศรวิ่งมาถึงจุดที่เป็นแอ่งน้ำขังซึ่งทั้งสี่คนกระจุกตัวกันเด็กหนุ่มก็กระโดดข้ามไปแล้วปล่อยให้พวกที่ตามมาช่วยเป็นธุระดึงพวกนั้นขึ้นมาจากสภาพเปียกปอนนั่น
ใกล้จะไล่ทันทารกปีศาจแล้ว...
“ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วถึงจะเสียดายที่ไม่ได้กินก็ขอขังพวกแกไว้ในนี้ไปตลอดกาลเลยก็แล้วกัน”
ได้ยินทารกพูดพึมพำอย่างนั้นด้วยการสนับสนุนของตัวเกมทำให้ประสาทสัมผัสที่เฉียบคมและหูที่ดีเยี่ยมเหนือมนุษย์ไปแล้ว
มองเห็นว่าทารกกำลังทำอะไรบางอย่าง
ที่ด้านหน้าของทารกเหมือนจะมีแสงสว่างแยงออกมา
“คิดจะหนีงั้นเรอะ”
อิงศรสรุปเช่นนั้นเมื่อเห็นต้นกำเนิดแสง
แท้จริงแล้วมันคือแสงจากอีกด้านของช่องว่างมิติที่ทารกพยายามจะแหวกออก
เห็นว่าสู้ไม่ได้ก็เลยจะขังพวกเขาไว้ในมิติแห่งนี้อย่างนั้นสินะ
“ไม่ยอมให้ทำได้หรอกน่า
เมอร์คาบาห์!”
พอเรียกปีศาจ ไพ่อาคานาร์ก็ปรากฏขึ้นในมือขวา
เด็กหนุ่มโยนมันออกไป
ปีศาจพุ่งออกจากไพ่
รู้สึกได้ว่าพลังเพิ่มสูงขึ้นกว่าครั้งก่อนๆ
พอมีความรู้สึกอันรุนแรงพลุ่งพล่านอยู่ในอกปีศาจก็จะแข็งแกร่งขึ้น
เมื่อความปรารถนาแรงกล้าขึ้นปีศาจก็เลยดาวน์โหลดข้อมูลตัวเองลงมาอยู่ในร่างผู้ใช้ได้มากขึ้น
ความปรารถนาก็เหมือนกับพื้นที่เก็บข้อมูล...
จู่ๆ
ก็คิดอะไรแบบนั้นออกมาคิดในสิ่งที่ปกติแล้วไม่น่าจะคิดได้
ดังนั้นตัวการก็น่าจะเป็นเมอร์คาบาห์ที่ถูกเรียกออกมาบางทีคงพยายามทำให้เข้าใจว่าควรจะใช้งานปีศาจอย่างไร
จำได้ว่าซีลอร์ดเคยพูดไว้
อาคานาร์คือสิ่งที่ผูกมัดปีศาจไว้กับมนุษย์ ปีศาจน่ะโหยหาโชคชะตาที่พวกเขาไม่มีดังนั้นเป้าหมายจึงเป็นมนุษย์แล้วอาคานาร์ก็ได้มอบพลังให้ปีศาจ
ถ้าหากว่าที่แล้วมาตีความหมายของคำว่าอาคานาร์ผิดไปล่ะ
หากอาคานาร์ไม่ได้หมายถึงโชคชะตาล่ะ
ที่จริงแล้วมันคือก้อนความปรารถนาที่ทำให้เกิดโชคชะตาถ้าเป็นอย่างนี้แล้วคำพูดของซีลอร์ดก็จะเข้าร่องเข้าลอย
ถ้าอย่างนั้นอะไรคือปรารถนาที่แรงกล้าในตอนนี้กัน?
ความปรารถนาถ้าพูดอย่างง่ายๆ
ก็คือความอยากจะมีความอยากก็จำเป็นต้องมีเป้าหมาย
สิ่งที่ต้องทำในขณะนี้คือฆ่าพระเจ้าสิบแปดมงกุฎที่อยู่ตรงหน้า
นั่นคือความปรารถนาที่ทำให้เมอร์คาบาห์แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างนั้นหรือ?
เมอร์คาบาห์เป็นทูตสวรรค์ดังนั้นมันจึงปรารถนาที่จะทำลายผู้แอบอ้างชื่อของพระเจ้าในศาสนานั้น
คงตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้ว
“ฆ่ามันซะเมอร์คาบาห์!”
อิงศรสั่งให้ปีศาจทำในสิ่งที่มันน่าจะต้องการแล้วก็เหมือนจะถูกต้อง
เทวทูตกึ่งจักรกลขยับปีกทั้งหกขึ้นลงอย่างรวดเร็วพลางตั้งข้อศอกขึ้นเพื่อให้ใบมีดที่แขนหันคมเปิดออก
ตอนนั้นเองที่ขาก้าวพ้นประตูมิติซึ่งทารกนำออกไปก่อนแล้ว
ซากปรักหักพังของวิหารโผล่อยู่ตรงหน้า
พระจันทร์เต็มดวง
ดูเหมือนว่าจะกลับออกมาที่โลกแห่งความจริงได้ด้วยประตูนั้น
พอหันกลับไปมองหลังแวบๆ
ก็เห็นทุกคนกำลังวิ่งไล่หลังมา
เมอร์คาบาห์ไล่ตามปีศาจทารกไปจนถึงระยะลงดาบ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
ความปรารถนาที่สะสมมาจากมนุษย์นับหมื่นนับพันไม่น่าจะ...”
แต่เมอร์คาบาห์ตวัดใบมีดที่แขนลงตัดเข้าที่ลำคอของทารกปีศาจขาดโดยไร้เสียง
ศีรษะของทารกร่วงตกพื้นแล้วกลิ้งหลุนๆ
ก่อนจะไปติดขัดอยู่ตรงกองหินไม่ไกลนักส่วนร่างกายที่เหลือก็สลายเป็นอากาศธาตุไป
ใบหน้าของทารกหันมาทางนี้พอดีสายตากำลังจ้องเขม็ง
“โลกนี้ไม่มีพระเจ้า”
น้ำเสียงแหบแห้งราวกับเค้นแรงที่เหลือทั้งหมดออกมาถักทอคำพูด
การก่นด่าหรือสาปแช่งนั่นคือสิ่งเดียวที่จะพึงกระทำในตอนที่เหลือเพียงศีรษะเท่านั้น
แต่ทั้งอย่างนั้นมันก็เลือกที่จะพูดความจริง...
“...มีเพียงปีศาจที่คอยล่อลวงมนุษย์แสนโง่เขลาดั่งของเล่น”
พอได้ฟังที่มันพูดมาก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น
สัมผัสต่อการมีตัวตนของตัวเองกำลังหายไป
รู้สึกตัวอีกทีทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่มกับแสงแดดอันสดใสก็แผ่กว้างอยู่เบื้องหน้า
“มนุษย์จะถูกกอบกู้โดยมนุษย์เท่านั้น”
คำพูดนี้อีกแล้ว...
ชายเจ้าของคำพูดยืนอยู่ท่ามกลางหญ้าเขียวขจีเหล่านั้นและดำเนินบทสนทนากับชายอีกคนที่น่าจะเป็นซีลอร์ด
มโนภาพหรืออะไรก็ตามแต่มันกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เคยเห็นเมื่อตอนที่ไปช่วยซีลอร์ดที่รากแห่งอาคาชิกเรคคอร์ดในตอนนั้นยังมองไม่เห็นใบหน้าของชายเจ้าของวลีมนุษย์จะกอบกู้มนุษย์
ตอนนี้เองก็ยังไม่เห็นอีกเหมือนเคย
แต่ปากก็เริ่มขยับไปเอง
ตอบโต้คำพูดของปีศาจทารกยัลดาเบาธ์นั่น
“พวกเราไม่ต้องการพระเจ้าให้มาช่วยเพราะว่ามนุษย์จะถูกช่วยโดยมนุษย์เท่านั้น”
ยัลดาเบาธ์ได้ฟังดังนั้นก็ปรายยิ้มออกมาราวกับว่ามันได้รับการตอบสนองอย่างที่หวังเอาไว้
“นั่นสินะ...มนุษย์เราอาจจะมีแนวคิดเดียวกัน...ซักวันเราจะกลับมาหากมนุษย์ยังมีความปรารถนาอยู่นี่มิใช่การสูญสิ้นเราจะยังอยู่...อยู่ในความปรารถนาของพวกเจ้า”
“ความปรารถนาของอารย-สนธยามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!!”
จู่ๆ ก็มีเสียงคำรามดังขัดการสนทนาระหว่างเขากับปีศาจ
สายลมเริ่มโหมกรรโชกอย่างรุนแรงผิดวิสัยน์เป็นที่สุด
ท้องฟ้ามืดลงฉับพลันมีเมฆหรืออะไรบางอย่างลอยมาบังแสงจันทร์เอาไว้
มองเห็นเพียงแค่นั้นก็ต้องหรี่ตาลงเพราะเศษฝุ่นเศษดินถูกพัดหอบขึ้นมาจนคลุ้งไปหมด
เงาของสิ่งนั้นเคลื่อนตัวลงมาแล้วยังเหยียดเท้ากรงเล็บเหมือนนกบดขยี้ส่วนที่เหลือของยัลดาเบาธ์จมดินไป
มันร้องคำรามอย่างกึกก้องว่า
“อวโลกิตะชุบเลี้ยงเจ้าเพื่อให้รวบรวมความปรารถนาทุกอย่างที่เจ้าสะสมมาจะต้องเป็นพลังให้กับผู้กอบกู้”
อิงศรพยายามลืมตาสู้กับสายลมอันรุนแรงแล้วหันขึ้นไปเพื่อจะมองหน้าผู้ที่มาอย่างกะทันหัน
กายเนื้อสีทองปีกใต้วงแขนสีแดง
ใบหน้ามีจงอยปากยื่นยาวและมีหงอนเหมือนกับสวมชฎา
ร่างกำยำสูงใหญ่เท่าบ้านทั้งหลัง
“แก...พญาครุฑเมื่อตอนนั้น”
โจทย์เก่าของเขานั่นเองเจ้านี่เริ่มตามมารังควานหลังจากที่พามีนาไปเปลี่ยนอาชีพแล้วก็มันอีกนั่นแหละที่ลักพาตัวนรินทร์มาที่นี่
มีควันลอยขึ้นมาจากใต้เท้าของพญาครุฑ
“…”
ดูเหมือนยัลดาเบาธ์จะจากไปโดยไม่หลงเหลือหลักฐานว่ามันเคยอยู่ที่นั่นอีกและทิ้งไว้เพียงคำพูดที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ตลอดไปซึ่งบ่งบอกว่าครั้งหนึ่งมนุษย์ได้สรรสร้างพระเจ้าด้วยความปรารถนาอันบ้าคลั่งและไม่หยี่ระต่อโชคชะตา
แล้วความปรารถนาเหล่านั้นก็จะถูกสานต่อโดยเจ้าวิหกปีศาจที่โผล่มาไม่รู้จักเวลา
“นี่มันตัวอะไรกันล่ะเนี่ย!”
นั่นเสียงของมิ่งขวัญดังมาจากข้างหลัง
ทุกคนที่ไล่ตามมาพากันออกมาจากมิตินั่น
จู่ๆ
ก็ออกมาเจอบอสอีกตัวจะทำหน้าแบบไหนกันบ้างก็ไม่รู้แต่ว่า...
“ทุกคนเตรียมสู้ซะเจ้านี่ก็เป็นศัตรูเหมือนกัน!”
ความคิดเห็น