คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เพลงดาบที่3
เพลงดาบที่3
แสงแห่งอรุณรุ่งปลุกให้คนที่อยู่ในบ้านร้างตื่นขึ้นมา พวกเขาเตรียมตัวที่จะออกเดินทางไปยังปราสาทเอโดะตามที่คิดไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
“ไซโซล่ะ”ซาสุเกะถาม ก่อนที่คนที่ถามถึงจะโผล่หน้ามาทักทายด้วยสภาพที่เรียกว่าโทรมสุดๆ “ฮ้าว~ ซาสุจังเรียกข้ามีอะไรเหรอ” ผู้ถูกพาดพิงกล่าวขึ้น ก่อนที่จะลากอะไรบางอย่างเข้ามาในที่พัก
ครืด~ ครืด~
“ใครเนี่ย ไซโซ”ยูคิถามพลางชี้ไปยังคนสองสามคน ที่ถูกมัดเรียงรายติดกัน ไซโซทำหน้าเบื่อก่อนจะพูดขึ้น
“ก็พวกที่มีค่าหัวไงล่ะ เมื่อคืนพวกมันมาทำรุ่มร่ามกับข้า ข้าก็เลย...”ไซโซค้างไว้แค่นั้น แต่ถึงจะไม่พูดก็คงจะพอรู้กันอยู่ เมื่อเห็นสภาพเหยื่อของไซโซที่ปากแตก จมูกมีเลือดติดเกรอะกรัง และมีบาดแผลเต็มตัวไปหมด ฮิเดะก้มหน้าหัวเราะก่อนจะพูดขึ้นแทนเจ้าตัว
“ก็เลยเผลอซัดไปสินะ”ยูคิหัวเราะแล้วก้มตัวลงไปดูเหยื่อที่นอนเรียงรายกันอยู่
“ให้ตายสิ เล่นกับใครไม่เล่น ดันมาเล่นกับ 4 ผู้พิทักษ์ซะได้”ยูคิยิ้มกว้างแล้วเงยหน้าขึ้น หันไปบอกกับคนอื่นๆ “ให้พวกมันทำงานให้เราดีกว่านะ ส่งให้ทางการก็คงได้เงินแค่ 200 เยน ว่าไง! สนใจทำงานให้มั้ยล่ะ แลกกับที่พวกข้าจะไม่ส่งพวกเจ้าไปทางการ”ยูคิถาม พวกมันพยักหน้ารัว
“งั้นงานแรกของพวกเจ้า ไปปราสาทโอซาก้า บอกกับใครก็ได้ในวัง ว่าพวกข้า 4 ผู้พิทักษ์จะไปหา ให้เตรียมตัวไว้ด้วย”ยูคิกล่าวแล้วตวัดดาบตัดเชือกที่พันคนพวกนั้นเอาไว้ออกไป
“ขอบคุณท่านมากขอรับ”พวกมันผงกหัวรัวเร็วก่อนจะพากันวิ่งออกไปนอกที่พักนั้น “เอาล่ะ พวกเราก็ไปกันเถอะ” ยูคิหันมาบอกกับคนอื่นๆในที่พัก
“โอนุคุจังจะไปถึงไหนแล้วนะ”ไซโซพึมพำก่อนจะแบกข้าวของต่างๆของตัวเองขึ้นบ่า เดินออกมารอคนอื่นๆด้านนอก ซาสุเกะเดินตามออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อวาน ข้าเจอคนๆหนึ่ง เขามีจิตสังหารแรงมาก และมันก็พุ่งใส่พวกเราซะด้วยสิ”ซาสุเกะบอก
“ข้าก็รู้ ตอนที่สู้กัน ข้ากดดันเพราะจิตสังหารนั้นแหละ ซาสุจังก็มีจิตสัมผัสที่ดีเหมือนกันนี่”ไซโซกล่าว พอดีกับที่ยูคิและฮิเดะเดินออกมาพอดี
“ไปปราสาทเอโดะกันเถอะ”ฮิเดะพูดแล้วเดินนำทุกคนออกไปทันที ทั้งหมดไปที่ปราสาทเอโดะในเวลาไม่นานนัก ก่อนจะเข้าไปเดินเที่ยวภายในตัวปราสาท จนเวลาผ่านไปครึ่งวันกว่าแล้วจึงออกไปหาซื้อทาโกยากิแถวนั้นกินรอท้อง
“อ่า~ อร่อยจัง”ฮิเดะพูกแล้วจิ้มทาโกยากิอีกลูกเข้าปาก ควันร้อนโชยขึ้นจากในปาก ซาสุเกะจิ้มทาโกยากิขึ้นมาดูแล้ววางกลับลงไปอย่างเดิม ประมาณสองสามครั้งจนไซโซรำคาญยัดทาโกยากิของตัวเองเข้าไปในปากคนที่มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มทั้งลูก
“กินๆไปซะ ไม่ตายหรอก”ไซโซว่าก่อนจะจิ้มทาโกยากิในจานของซาสุเกะคืนไปหนึ่งลูก “ขอคืนนะซาสุจัง” ไซโซยิ้มหวานแล้วกินต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ไม่รู้เลยว่าในอีกไม่กี่นาทีต่อไป จะเกิดการต่อสู้ขึ้น ณ ที่ตรงนี้
“เฮ้ย! พวกเจ้าน่ะ ใครอนุญาตให้ผ่านทางนี้กัน”เสียงหญิงสาวที่มีสำเนียงโอซาก้าพูดขึ้นจากด้านหลัง ทุกคนหันหลังควับกลับไปดูทันที หญิงสาวในชุดกิโมโนสีชมพูอ่อน ประดับด้วยลวดลายของมังกรในประเทศจีนที่ 4 ผู้พิทักษ์รู้จักเป็นอย่างดี 1 ใน 9 องค์เทพ โซโนมุ ริริน... ฉายา โคฟุคุ มังกรที่ชอบน้ำ
“เธอ... คนของท่านผู้นั้นสินะ”ซาสุเกะถาม หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วตวัดดวงตาสีเทาขึ้นมอง “ที่จริงข้าได้รับหน้าที่ให้มาพาพวกท่านไปยังปราสาทโอซาก้า คนที่ท่านส่งไปน่ะไม่ได้เรื่องเลยรู้รึเปล่า ข้าน่ะมาถึงเอโดะรอพวกท่านตั้งนานแล้ว พอข้าไปถามพวกมันว่าพวกท่านอยู่ไหน มันก็ดันไม่ตอบข้าก็เลยเผลอมือฆ่าพวกมันไปแล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่โกรธข้าหรอกนะ”ริรินว่า ยูคิส่ายหน้าน้อยๆ
“ข้าชอบท่านก็ตรงที่ท่านมีแต่รอยยิ้มเนี่ยล่ะ”ริรินกล่าวอีกครั้งก่อนจะแต่ตามเข้ามาในกลุ่ม ซาสุเกะกับไซโซสะดุ้งก้าวถอยหลัง ไปก้าวหนึ่ง
“จิตสังหารนี้มัน...!!!”ซาสุเกะครางในลำคอ ริรินยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ความรู้สึกไวดีนี่ เมื่อวานข้าก็สังเกตไว้แล้วล่ะ”
“งั้นก่อนที่ข้าจะพาพวกท่านไปหา ‘ท่านผู้นั้น’ ข้าขอทดสอบพวกท่านก่อนแล้วกัน ข้าอยากรู้ว่าพวกท่านมีความสามารถสมพอที่ข้าจะนำทางให้หรือเปล่า”ริรินกล่าวพลางถอยไปสองก้าว ชัดดาบออกจากฝักเตรียมมพร้อมที่จะสู้กับศัตรูเบื้องหน้าของนาง
“ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง”ซาสุเกะว่าแล้วก้าวไปด้านหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับนาง ดาบสุซาคุตวัดออกจากฝัก เพียงแค่สัญญาณอะไรที่ขึ้นมา ทั้งสองก็พร้อมจะฟาดฟันกันอย่างเต็มที่
“เจ้ารู้มั้ย ข้าน่ะ... เกลียดน้ำมากที่สุดเลยล่ะ”ซาสุเกะกล่าวแล้วลูบคมดาบของตนเองไปมา “และข้าก็เกลียดคนที่ใช้น้ำไม่แพ้กัน!”พูดจบทั้งสองก็เข้าฟาดฟันกันในทันที ดาบทั้งสองเล่มปะทะกันจนเกิดแสงสว่างในบางครั้ง และทุกครั้งที่เข้าไปก็จะต้องมีคนได้รับบาดเจ็บทุกครั้ง
“เพลงดาบพิฆาตเพลิง!!!”ริรินว่าก่อนที่สายน้ำจะพวยพุ่งออกจากดายไปรัดตัวของซาสุเกะ “ตาย!!”ริรินว่าก่อนที่ดาบจะฟันลงมายังคนที่ถูกจับกุมตัวไว้อยู่
“ฮึ! นกเพลิงปีศาจ!!!”ซาสุเกะตะโกนก่อนจะดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการ นกเพลิงปีศาจบินเข้าใส่ศัตรู สายน้ำที่วนอยู่รอบตัวริรินเริ่มจะกลายเป็นน้ำเดือดเมื่อเปลวเพลิงนั้นเผาไหม้จนแทบจะระเหยไปหมด
“อ๊ากกกก!”ริรินร้องเมื่อนกเพลิงปีศาจนั้นบินโฉบเข้ามาในตัวของนาง ความร้อนแทบจะเผาไหม้ในนาง
“สุดท้ายก็แค่เสมอ แต่ยังไงซาสุจังก็ล้มที่หลังล่ะนะ”ไซโซว่า ฮิเดะเดินเข้าไปจับๆตัวซาสุเกะก่อนจจะเริ่มทำแผลให้แล้วก็หันไปทำให้กับริรินด้วยเช่นกัน
“เอาไงต่อ”ยูคิถาม
“ไม่รู้”ไซโซตอบกลับแล้วเดินไปนั่งรอใต้ต้นไม้ “รอสองคนนั้นฟื้นก่อนแล้วกัน” เขาบอก แล้วหันกลับไปกินทาโกยากิที่ตั้งทิ้งไว้ต่อ
“ทิ้งไว้แล้วไม่ค่อยอร่อยแฮะ”ไซโซบอกแล้วจิ้มทาโกยากิอีกลูกเข้าปาก รอเวลาที่หญิงสาวและซาสุเกะจะฟื้นขึ้นมาและบอกทางไปปราสาทโอซาก้า
ฟึบ!
“ใครน่ะ”ไซโซตะโกน ไพ่ที่เขาหยิบขึ้นมาถูกปาใส่คนในเงามืดทันที เนื่องจากเขามีสายเลือดของนินจาอยู่ในตัว ทำให้เขามองอะไรได้ไวกว่าคนอื่น และวิชาที่เขาถนัดที่สุดก็คือ การใช้ไพ่ฆ่าผู้อื่น เป็นอาวุธที่ใช้ได้ทั้งในระยะประชิดและระยะไกล
“ชิ! หนีไปได้งั้นหรือ”ไซโซบ่น ยูคิหันมามองเพื่อนของเขาก่อนจะหันไปตามสายตาของไซโซ “มีอะไรเหรอ” ยูคิถาม
“มีนินจาแอบดูพวกเราน่ะสิ”เขาว่า ยูคิยิ้มน้อยๆก่อนจะโยกหัวไซโซไปมา “ช่างมันเถอะ” ยูคิพูดแล้วร้องบอกคนอื่นๆ
“เอ้า! หมดเวลาสนุกแล้วล่ะ ต่อไปข้ามีธุระที่ต้องทำ หวังว่าคงจะพอมีเวลาให้ข้าสักสองสามวันนะ”ยูคิบอก ทุกคนพยักหน้าแทนการเอ่ยคำพูด แสงตะวันที่แสงสว่างค่อยๆมืดลงไป ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่น่าจะมีอะไรกลับทำให้ยูคิขนลุกชัน หวังจะให้ลางสังหรณ์ของเขานั้นผิดพลาด ‘ปรากฏการณ์ธรรมชาติน่ะ มันคือชะตาชีวิตของใครคนหนึ่ง เช่นถ้าฝนตก ก็แสดงว่ามีคนกำลังร้องไห้’ เสียงที่อาจารย์เคยพร้ำสอนเขาดังขึ้นในโสตประสาทการได้ยินของเขา ‘แล้วถ้าดวงตะวันถูกความมืดปกคลุมมันแปลว่าอะไรล่ะ ท่านอาจารย์บอกข้าได้รึเปล่า’ ยูคิคิด ถัดไปในเวลาไม่นานความมืดนั้นก็จางหายไป คงเหลือแต่ความสว่างเช่นเดิม ใจที่เต้นรัวของเขาก็เต้นช้าลงตามไปด้วยเช่นกัน
“ท่านมาซามูเนะรอท่านอยู่ที่เขาฟูโอะซึ รีบไปหาเถอะ เพราะตอนนี้อาจารย์ท่านป่วยหนัก และอยากเจอท่านมาก”นินจาคนหนึ่งที่เมื่อครู่ไซโซจับจิตสัมผัสได้แอบกระซิบบอกกับเขา ยูคิหันควับไปมองแต่แล้วก็พบกับความว่างเปล่า นินจาผู้นั้นได้หายไปแล้ว...
“อือ~”ซาสุเกะร้องครางก่อนจะพยุงตัวเองให้อยู่ในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอน ก่อนจะหันไปมองริรินที่กำลังนอนหมดสติอยู่ข้างๆเขา
“ดูท่าคงจะฟื้นแล้วกระมัง”ฮิเดะเดินไปก้มหน้าดูแล้วหันมาบอกแก่ซาสุเกะ
“อีกเดี๋ยวยูคิจะเดินทางไปที่เขาฟูโอะซึ ที่อยู่ทางทิศเหนือของเอโดะ ให้เตรียมตัวไว้ด้วย”ฮิเดะถ่ายทอดคำพูดของยูคิที่จู่ๆ ก็ตะโกนขึ้นว่า ‘ข้าจะไปเขาฟูโอะซึ รีบไปเตรียมตัวซะ’ เป็นครั้งแรกที่ฮิเดะเห็นใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มของยูคิ มันดูราวกับปีศาจที่พร้อมจะฆ่าคนที่เข้าใกล้เสมอ เขาจิตนาการไม่ออกเลยว่า ถ้ายูคิทำหน้าโกรธจะเป็นเช่นไร
“ริรินจัง ตื่นได้แล้วล่ะ ยูคิซังจะเริ่มเดินทางแล้ว”ซาสุเกะหันไปปลุกนข้างๆ เมื่อริรินตื่นขึ้นมา ซาสุเกะก็บอกสิ่งที่ได้ยินจากฮิเดะให้ริรินฟังอีกที ทั้งสองลุกขึ้นแล้วเดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆที่เตรียมตัวจะเดินทางต่อ ฮิเดะเดินเข้าไปหายูคิแล้วสะกิดเรียกเบาๆ
“มีอะไรเหรอ ฮิเดะ”ยูคิก้มหน้ามาถาม ฮิเดะมองหน้ายูคิเหมือนชั่งใจก่อนจะถามขึ้น
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เวลาข้าเห็นหน้าเจ้าตอนที่ไม่ยิ้ม ตรงนี้ของข้ามันเต้นแรง”ฮิเดะบอกก่อนจะชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้าย “แล้วเลือดในกายข้าก็เหมือนจะเดือดพล่านทุกที” เขาบอก ยูคิยิ้มแล้วก้มหน้ามาบอกกับคนถาม
“นั้นก็เพราะว่าเจ้าน่ะ... มีใจอยากจะสู้กับข้าน่ะสิ”ยูคิบอก ฮิเดะพยักหน้าเข้าใจก่อนจะพูดขึ้น “งั้นคราวหน้าเจ้ามาสู้กับข้าหน่อยนะ ข้าอยากรู้ว่าที่เจ้าพูดมันจริงหรือเปล่า”เขาพูด
“ได้สิ แต่ว่าเจ้าน่ะ... ต้องมีฝีมือเทียบเท่าข้าให้ได้ก่อนนะ”ยูคิกล่าวก่อนจะลูบหัวฮิเดะเบาๆ “แต่ข้าไม่มั่นใจว่าเมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะเก่งขึ้นไปอีกสักเท่าใด”ยูคิบอก แววตาของปีศาจเผยให้เห็นเพียงชั่วครู่ก่อนจะจางหายไป
‘ข้าผู้ที่เคยเป็นปีศาจถ้าหากว่าตอนนั้นยูคิไม่หยุดข้าเอาไว้ล่ะก็... ข้าก็คงหายไปจากโลกนี้ หลังจากนั้นข้าจึงได้มาอยู่กับเจ้า... ยูคิ แต่ว่าตอนนี้หน้าอกด้านซ้ายข้ามันเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา ในตอนที่ข้าเห็นหน้าเจ้าตอนนั้น ข้าอยากจะสู้ด้วยจนแทบจะทนไม่ไหว อยากจะลองดูสักครั้ง การต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตน่ะ ไม่ว่าจะกี่พันกี่หมื่นคนที่ข้าเคยฆ่าไป ไม่มีคนไหนเลยที่จะมีแววตาอย่างเจ้า สัญลักษณ์ของปีศาจนั้นมันร้อนรุ่มอยากจะดื่มเลือดของเจ้า อยากจะกลับไปเป็นเครื่องจักรสังหารอีกครั้ง อ่า~ แววตาเจ้าในตอนนั้นมันทำให้ข้าอยากจะใช้ดาบในมือฟันเจ้าให้ขาดเป็นสองท่อน อยากได้ยินเสียงร้องของเจ้า อยากเห็นแววตาที่หยิ่งทระนงนั้นอีกครั้ง ยูคิ... ในคราวที่แล้วเจ้าหยุดเครื่องจักรสังหารในตัวข้าได้ แล้วคราวนี้เจ้าจะหยุดได้รึเปล่าล่ะ จิตใจของข้าที่เต็มไปด้วยความต้องการ ถ้าหากบางครั้งข้าควบคุมตัวไม่ได้ เจ้าอาจต้องเป็นคู่ต่อสู้ให้ข้า ข้ามันซื่อเกินไปรึเปล่านะที่เดินไปถามเจ้าเช่นนั้น หรือว่าเลือดในตัวข้ามันร้องให้ไปถามเจ้ากันแน่ แต่ว่า... ไม่ว่าข้าจะซื่อหรือเซ่อ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่พวกเจ้าจะหาคำมาเรียกข้า ข้าก็อยากจะสู้กับเจ้า เมื่อถึงวันนั้น วันที่ข้าจะเก่งเทียบเท่ากับเจ้า ข้าจะต้องแข็งแกร่งเป็นอันดับ 1 ข้าจะต้องชนะเจ้าให้ได้’เสียงจากจิตใต้สำนึกของฮิเดะคิด เขาออกจะเสียใจไปสักนิดที่อยากจะสู้กับคนที่ทำให้เขากลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง แต่ว่าจิตใจที่อยากจะสู้นั้นกลับมีมากกว่า
“นี่! ข้าเมื่อยแล้วนะ”ผู้ที่ได้ฉายาว่าโคฟุคุบ่น ก่อนจะทุบขาของตัวเองเบาๆ ฮิเดะหันไปมองก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าของริริน
“เจ้า... ทำอะไรน่ะ”นางถามก่อนจะถอยหลังไปประมาณ 2 ก้าว
“เจ้าบอกว่าเมื่อยไม่ใช่รึ ขึ้นหลังข้ามาสิ เดี๋ยวข้าแบกเจ้าไปก็ได้”ฮิเดะบอกหน้าซื่อ ก่อนจะเร่งอีกฝ่ายให้ขึ้นมาบนหลังของตน “เอ้า! เร็วสิ ข้าจะได้ไปต่อซะที”
“ใครจะไปขึ้นกันยะ”ริรินว่าแล้วสะบัดหน้าไปทางอื่นเดินตามคนอื่นๆต่อไป ฮิเดะมองตามอย่างงงๆแล้วลุกขึ้นเดินตามไป ระหว่างทางก็คิดไปด้วย ‘ข้าทำอะไรผิดอีกล่ะเนี่ย’
“พรุ่งนี้เช้าคงจะไปถึง ถ้าไม่มีอะไรออกมาให้เจอละก็นะ...”ยูคิบอกกับทุกคนหลงจากที่เดินกันมาจนใกล้เย็นใกล้จะมืดเต็มที ตอนนี้ทั้งหมดเดินอยู่ภายในป่าที่จะขึ้นไปบนยอดสูงสุด ที่อยู่ของคนๆนั้น
“ฮึบ!”ไซโซกระโดดตีลังกาวัดมือรับมีดสั้นไว้ได้อย่างฉิวเฉียว
“ดูท่า... คงจะไม่ได้ถึงตอนพรุ่งนี้เช้าแน่”ซาสุเกะว่าแล้วทั้งหมดก็ยืนให้หลังชนกันเป็นวงกลม เป็นการป้องกันด้านหลังของฝ่ายและให้อีกฝ่ายป้องกันหลังของตนเอง
“นินจาแน่ๆ”ริรินว่า ไซโซเปลี่ยนอาวุธของตนจากดาบเป็นไพ่ นินจานั้นจะสู้ด้วยดาบคงไม่ดี เพราะนินจาได้ชื่อความรวดเร็วที่ยากจะตามทัน และมีพวกมากเหมือนหมาป่าที่ชอบล่าเหยื่อพร้อมกันเป็นฝูง
ฉึบ! ยูคิเก็บดาบของตัวเองเข้าฝักแล้วเดินไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ พยักหน้าให้คนอื่นๆทำตามใจตัวเอง ฮิเดะหยิบยาตัวหนึ่งขึ้นมาก่อนจะปามันขึ้นไปบนอากาศ ควันสีขาวพุ่งออกจากปากขวด เป็นยาที่เมื่อเจอกับอากาศภายนอกแล้วจะเกิดเป็นควันสีขาว ไม่มีอันตรายแต่สามารถใช้พรางตาศัตรูได้
“ย้ากกกก!!!!”เสียงผู้คนมากมายที่วิ่งเข้าใส่กลุ่มของไซโซ ยูคิแค่นั่งมองดูการต่อสู้ที่ดำเนินไปอย่างสบายใจ ในป่าแห่งนี้ เขามาเที่ยวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง สู้กับเจ้าพวกนี้ก็บ่อย จนเขากลายเป็นเพื่อนกับคนพวกนี้ไปแล้ว แต่คงเป็นเพราะเขาไม่ได้กลับมานาน จึงมีคนที่ไม่รู้จักเขาแล้วบุกมาหาพวกเขาแบบในตอนนี้
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!
ไพ่สามใบถูกส่งออกไป และที่ที่ไพ่พวกนั้นหยุดอยู่ก็คือใบหน้าของคนพวกนั้น ริรินและคนอื่นๆตวัดดาบไปมา แต่ก็ยังไม่มีนตายมีแค่เพียงคนที่บาดเจ็บหนักเท่านั้น
เคร้ง!
“พอได้แล้ว นานๆท่านยูคิจะกลับมาเยี่ยมทั้งที ตอนรับแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”เสียงของสตรีนางหนึ่งที่หยุดอาวุธของทุกคนได้ด้วยดาบเล่มเดียวกล่าว
“อ้าว! น้าซึโนะ”ยูคิทัก ทุกคนนึกแบบเดียวกันคือ ‘ยูคิ... เรียกคนๆนี้ว่าน้า ทั้งที่สวยขนาดนี้น่ะนะ’ หญิงสาวหันมายิ้มให้ทุกคนก่อนจะหันไปแว้ดใส่ยูคิ
“พี่สิยะ เรียกน้าได้ยังไง อย่าลืมสิ ใครกันที่พาเจ้าไปหามาซานูเมะ ใครกันที่เก็บเจ้ามาจากข้างถนน แล้วใครกันที่ทำให้เจ้าโตได้ขนาดนี้ แล้วตอบแทนข้าด้วยการเรียกข้าว่าป้าเนี่ยนะ”ซึโนะว่า ยูคิหัวเราะแล้วพูดขึ้น
“ก็ได้ๆ พี่ซึโนะ แล้วอาจารย์ข้าเป็นยังไงบ้าง”ยูคิถาม ซึโนะทำหน้าเบ้แล้วกระซิบเสียงเบา “ไม่ค่อยดีเลยนะ ข้าว่า ตอนนี้น่ะ มีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะยายืดอายุเท่านั้นเอง”
“งั้นข้ารีบไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวขากลับจะแวะมาเยี่ยมอีกรอบนะ”ยูคิบอก แล้วเดินจากไปจากตรงนั้นโดยมีคนอื่นๆตามท้ายไปด้วย
“ระวังตัวด้วยนะ”ซึโนะตะโกนตามไปก่อนจะหันมามองหน้าคนที่บุกเข้าไปทำร้ายพวกของยูคิ “พวกเจ้าตามมานี่”ซึโนะกวักมือเรียก แววตาเปลี่ยนไปต่างจากเดิม คนที่เห็นได้แต่กลืนน้ำลายก่อนจะตะโกนลั่น
“ข้าขอโทษ โอ๊ย! เจ็บ”และตามด้วยเสียงร้องโอดครวญที่ดังระงมไปทั่ว
“ยูคินั้นใครเหรอ”ซาสุเกะวิ่งจากด้านหลังขึ้นมาหายูคิ
“อ๋อ... นั้นน่ะเหรอ นั้นคือซึโนะ คนที่เก็บข้ามาเลี้ยงแล้วพาข้าไปฝากกับอาจารย์ของข้าน่ะ ตอนนั้นถ้าไม่มีซึโนะ ข้าก็คงต้องนอนตายอยู่ข้างถนนแล้วล่ะ”ยูคิบอกแล้วแสร้งทำหน้าเจ็บปวด
“ตอนนั้นน่ะ ข้านะ... หิวแทบตาย ขนาดข้าวหมาข้ายังแย่งมันกินเลย แล้วซึโนะ คนๆนั้นน่ะก็ยื่นขนมปังให้ข้าแล้วชวนข้ามาอยู่ด้วย เจ้ารู้มั้ย อาหารที่ได้ตอนที่ใกล้ตายน่ะ มันมีค่าแค่ไหน”
“หลังจากนั้น เจ้าก็เลยเก็บเด็กที่มีชีวิตคล้ายเจ้า เหมือนกับที่เจ้าเก็บข้ามาจากสงครามที่ทำให้ครอบครัวของข้าตายหมดนั้นน่ะเหรอ”ซาสุเกะถาม แล้วยกตัวอย่างเหตุการณ์ของตัวเองให้ยูคิฟัง ยูคิพยักหน้าตอบรับก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“แต่ที่ข้าเก็บเจ้ามาก็เพราะว่า แววตาของเจ้า มันทำให้ข้าสนใจยังไงล่ะ”ยูคิยิ้มแล้ววางฝ่ามือไว้บนหัวของซาสุเกะ “จำไว้นะ ซาสุเกะ ถึงเจ้าจะเป็น 4 ผู้พิทักษ์ แต่เจ้าไม่ใช่สายเลือดนักดาบ เจ้าจงอย่าทระนงในฝีมือตัวเองให้มากนัก เพราะไม่เช่นนั้น สักวันเจ้าคงจะตายด้วยฝีมือของตนเองเช่นกัน”ยูคิเตือน
“ข้ารู้แล้วหน่า 4 ผู้พิทักษ์อะไรกัน ข้ายังไม่เคยเห็นพวกเราต้องพิทักษ์อะไรสักอย่าง”ซาสุเกะบ่นพึมพำ
“ใช่แล้ว แต่อีกไม่นานพวกเราก็จะได้รับหน้าที่นั้นแล้วล่ะนะ รอไปก่อนเถอะ อย่ารีบเลย เดี๋ยวจะเหนื่อยซะเปล่าๆ”ยูคิตอบก่อนจะเร่งการเดินให้เร็วขึ้นเมื่อความมืดเริ่มปคลุมท้องนภา
“เอาล่ะ พวกเราจะพักกันที่นี่ ริรินเจ้านอนได้ใช่ไหม”ไซโซตะโกนบอก
“ได้อยู่แล้วหน่า ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้าอยู่ง่าย”ริรินตะโกนตอบกลับ ไซโซที่ได้ยินดังนั้นจึงปูเสื่อที่แบกเอาไว้ตั้งแต่แรกลงพื้น ก่อนจะหันไปบอกกับยูคิ
“นี่ ยูคิ... เจ้ากับข้าไปนอนบนต้นไม้แล้วกัน รู้สึกว่าเสื่อจะใหญ่ไม่พอ 5 คนนะ”ว่าแล้วก็ใช้วิชานินจาที่ตนเองถนัดโดดขึ้นไปบนต้นไม้
“ไม่ต้องห่วงนะ ป่านี้ไม่มีสัตว์ป่าหรอก นอนได้สบายๆ”ยูคิยิ้มบอกก่อนจะกระโดดขึ้นไปนอนบนต้นไม้เช่นเดียวกับไซโซ
นามของข้าคือ โอดะ โนบุนากะ
ข้าขอสั่งให้เจ้ารออ่านตอนต่อไปซะ
คนแต่งคนนี้แต่งเก่งนะเออ
...
ความคิดเห็น