คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เพลงดาบที่4
เพลงดาบที่ 4
ท่านมาซามูเนะ... กระผมเอาน้ำมาให้ท่านมาซามูเนะขอรับ
ท่านมาซามูเนะ... กระผมออกไปเล่นในป่านะขอรับ
ท่านมาซามูเนะ... กระผมฝึกเพลงดาบจุดกลับผลิกผันสายเลือดได้แล้วขอรับ
ท่านมาซามูเนะ... กระผมอยากรู้ว่า เพลงดาบนิโอะคืออะไรหรือขอรับ?
ท่านมาซามูเนะ... กระผมจะลงไปในเมืองนะขอรับ
ท่านมาซามูเนะ... กระผมจะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆนะขอรับ
“ท่านมาซามูเนะ!!!”ยูคิสะดุ้งตื่นก่อนจะจับหน้าอกของตัวเองที่เต้นรัว เหงื่อไหลชุ่มโชกทั่วร่างกาย ดวงหน้าที่เคยมีรอยยิ้มบัดนี้กลับมีแต่สีหน้าของคนที่ตื่นตระหนก กระดาษใบเล็กๆถูกถ่ายทอดสิ่งสำคัญไว้ให้แก่คนที่นอนอยู่ข้างๆ ต้นไม้ใหญ่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับนักดาบที่มีฝีมือเก่งกาจเกินใคร เขากระโดดลงจาต้นไม้ลงไปยืนอยู่บนพื้นด้วยเวลาเพียงเล็กน้อย
“อืม...”ไซโซครางในลำคอก่อนจะลืมตาขึ้นมา ‘อะไรเนี่ย’ เขาคิดก่อนจะเพ่งมองตัวอักษรที่อยู่ภายในกระดาษ ข้าจะรีบไปหาท่านมาซามูเนะ พวกเจ้าเดินตามข้ามาในตอนรุ่งเช้าแล้วกัน
“จริงๆเลยเชียว ท่านยูคินี่ล่ะน้า~”ไซโซบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ ในความมืดมิดนั้น ยูคิกำลังวิ่งขึ้นไปยังบนสุดของภูเขาลูกนี้ด้วยความเร็ว ก่อนที่ทุกอย่าง... จะสายเกินไป
“ฮ้าว~ อ้าว! ยูคิล่ะ”ซาสุเกะหาวพลางสอดส่ายสายตามองหายูคิที่ตอนนี้สมควรนอนอยู่บนต้นไม้กับไซโซ
“นู้น! ขึ้นเขาไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว บอกให้พวกเราตามไปทีหลัง”ไซโซว่าพลางชี้ไปบนยอดเขา
“อือ~ เช้าแล้วเหรอเนี่ย”ฮิเดะพึมพำพลางขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่ง “โคฟุคุ ตื่นได้แล้ว”ฮิเดะหันไปปลุกริรินแล้วเขย่าตัวคนที่ยังไม่ตื่นแรงๆ
“โอ๊ย~ มันเจ็บน้า~”ริรินว่าก่อนกระเด้งตัวให้ลุกขึ้นนั่ง
“เอ้า! ถ้าตื่นหมดแล้วก็ตามยูคิไปกับเถอะ”ไซโซบอกพลางโดดลงจากต้นไม้ด้วยวิชาตัวเบาที่ได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก
“นี่! ข้าวปั้น กินกันแก้หิวไปก่อนนะ”เขาบอกพลางหยิบข้าวปั้นยื่นให้ทุกคน คนละก้อน
“ฮ๊า~ ฝีมือเจ้าเหมือนจะตกลงเลยนะเนี่ย แต่ก็กินได้ล่ะนะ ไซโซ ข้าขออีกก้อนได้รึเปล่า”ซาสุเกะว่าพลางกัดข้าวปั้นอีกคำหนึ่ง ต่างกับไซโซที่มองตาเขียวปั้ด ‘ว่าอาหารข้าไม่อร่อยแล้วขออีกเนี่ยนะ มันช่างน่าฆ่าเสียจริงๆเลย’ เสียงในใจของไซโซโวยวาย ก่อนที่ฝ่ามือเล็กๆจะพลาดมาโดดหัวของเขา
“โอ๊ะ! ขอโทษที มันพลาดไปโดนน่ะ”ฮิเดะบอกแล้วเดินล้ำหน้าเขาไปเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ‘เหมือน เหมือนยูคิมาก เหมือนยูคิที่ชอบเรียกสติเขาเวลาที่เขาอารมณ์เสียแบบนี้เสมอๆ’ไซโซคิดก่อนจะเดินช้าลง ให้ริรินเดินไปอยู่ด้านหน้าเขา
“เดี๋ยวข้าปิดท้ายให้เอง เจ้าไปเดินด้านหน้าเถอะนะ”เขาบอกก่อนจะกระชับเสื่อที่แบกเอาไว้ให้แน่นขึ้น ริรินเดินขึ้นไปด้านหน้าก่อนที่จะเดินไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับซาสุเกะ ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมาชูนิ้วโป้งให้แก่เขาแล้วโค้งหัวเบาๆ
“อีกนานมั้ยกว่าจะถึงยอดเขาน่ะ”ไซโซตะโกนถามคนที่อยู่ด้านหน้า “ไม่หรอก ข้าเห็นบ้านหลังนั้นแล้วล่ะ”ซาสุเกะตะโกนตอบกลับก่อนจะเร่งจังหวะการเดินให้เร็วขึ้น
“เฮ้อ! ถึงซะที”ฮิเดะถอนหายใจพลางมองหายูคิที่สมควรจะอยู่ที่นี่
“อ้าว! มาถึงกันเร็วจังเลยยูคิที่กำลังพยุงชายวัยกลางคนคนหนึ่งออกมาจากหน้าประตูทักขึ้น ไซโซเดินไปหาคนที่ยูคิพยุงอยู่ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้า มือทั้งสองข้างแนบลงกับพื้นแล้วก้มตัวลงแนบพื้น
“ท่านมาซามูเนะ”ไซโซว่า คนๆนั้นยิ้มให้แก่คนตรงหน้าก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“ไซโซเองรึ ลุกขึ้นเถิด ไปนั่งคุยกันในบ้านข้าเถอะนะ”มาซามูเนะว่า เขามีรูปร่างที่ดูสง่า ถึงแม้กาลเวลาจะทำให้เขาดูแก่ลงไปก็ตามที
“ท่านมาซามูเนะ ท่านไม่ควรขยับกายให้มากนัก”ยูคิกล่าวเตือน
“ช่างข้าเถอะหน่า ยังไงข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว ให้ข้าได้มีชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขไม่ได้รึไง แค่ตอนที่ข้าสอนเจ้า ข้าก็แทบจะกระอักเลือดอยู่แล้ว คนอะไรไม่รู้ดื้อด้านสุดๆเลย”มาซามูเนะว่าก่อนจะไอออกมาเป็นเลือดสีแดงสด “แค่ก!” เลือดสีแดงที่ติดมาในฝ่ามือของมาซามูเนะทำให้ยูคิเกิดอาการร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านมาซามูเนะ เข้าไปในบ้านก่อนเถอะนะครับ”ยูคิพูดก่อนจะพยุงร่างของมาซามูเนะเข้าไปพักในบ้าน
“นานๆข้าจะได้ออกไปข้างนอกบ้าง เจ้าก็ยังไม่ยอมให้ข้ามีความสุขเลยนะ”มาซามูเนะกล่าว ก่อนจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงเป็นท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมียูคิคอยช่วย
“พวกเจ้าคงจะเป็น 4 ผู้พิทักษ์สินะ”มาซามูเนะพูด ก่อนจะถูกริรินแย้งขึ้น “ข้าคือ 1 ใน 9 องค์เทพ โคฟุคุเจ้าค่ะ”ริรินแย้ง มาซามูเนะยิ้มแล้วหันไปถามริริน
“งั้นฮิคิสบายดีหรือเปล่าล่ะ ยังไงข้าขอฝากความคิดถึงไปหาเขาหน่อยนะ”มาซามูเนะถาม ริรินทำหน้าเศร้าลงก่อนจะพูดขึ้น
“ถ้าท่านหมายถึงฮิคิคนเก่าล่ะก็... เขาตายไปแล้วเจ้าค่ะ”มาซามูเนะไม่มีท่าทีตกใจใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่ทำหน้าเสียดาย
“งั้นหรือ แต่นิสัยของเขา ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าคงจะมีชีวิตได้ไม่นานหรอก”เขาบอกก่อนจะทำหน้าตาให้ดูเป็นการเป็นงานขึ้น
“ยูคิ เจ้าเคยถามข้าใช่ไหมว่าเพลงดาบนิโอะคืออะไร”มาซามูเนะถาม ยูคิพยักหน้าแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น
“ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะบอกเจ้าแล้ว เพลงดาบนิโอะ เป็นเพลงดาบที่จะใช้ได้เมื่อมีคนครบ 4 คน และดาบทั้ง 4 เล่ม ได้แก่ สุซาคุ เบี๊ยกโกะ เซริว และเกนบุ ประกอบด้วย เพลงดาบที่ชื่อ นิ ระ ซึ โอะ เพลงดาบนี้ถือว่าเป็นขั้นสูงสุดของเพลงดาบทั้งหมด สำหรับพวกเจ้าแล้ว นิ หมายถึงความอ่อนโยนที่แข็งแกร่ง นั้นคือเจ้า ยูคิ ส่วน ระ คือเพลงดาบที่ต้องให้ผู้ที่มีสายเลือดอื่นผสมอยู่ด้วย ดังนั้นเพลงดาบนี้เป็นของเจ้า ไซโซ เพลงดาบ ซึ หมายถึงความว่างเปล่า เป็นเพลงดาบสำหรับเจ้า ฮิเดะ และสุดท้ายเพลงดาบ โอะ เป็นเพลงดาบที่ต้องใช้ความตั้งใจจริง เป็นเพลงดาบที่สำคัญที่สุด และเพลงดาบนี้เป็นของเจ้า ซาสุเกะ เจ้าที่ไร้สายเลือดของนักดาบแต่กลับดันตัวเองขึ้นมาจนฝีมือเทียบเท่ากับนักดาบคนอื่นๆ ต้องมีความตั้งใจมากกว่าคนอื่นหลายร้อยเท่า ดังนั้นเพลงดาบนี้จึงเหมาะกับเจ้ามากที่สุด ส่งดาบของพวกเจ้ามาสิ”มาซามูเนนะกล่าวไปแบบเรื่อยๆไม่เร่งรีบ ก่อนจะรับดาบของทุกคนเอามาไว้ที่หน้าตักของตัวเอง
“ดาบพวกนี้ เป็นพี่น้องของพวกเจ้า พวกเจ้าต้องดูแลมันให้ดี ดาบไม่ใช่อาวุธฆ่าคน แต่มันคืออาวุธที่เอาไว้ใช้ปกป้องเราจากอันตรายต่างๆ คนที่มีฝีมือ ดาบจะช่วยขับฝีมือที่แท้จริงออกมา แต่ถ้าคนที่ใช้ดาบไม่เป็น ดาบนั้นคืออาวุธที่ใช้สังหารตนเอง แค่ก!”มาซามูเนะกล่าวเอื้อยๆและกระอักไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้งหนึ่ง กล่องยาที่อยู่ข้างตัวถูกหยิบมาเทออกทานเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย
“เอาจริงนะ ร่างกายของข้าแทบจะไม่ไหวแล้ว ยังไงซะ ข้าขอเวลาเพียงสองวันสุดท้ายก่อนที่ร่างกายข้าจะดับสูญไปถ่ายทอดเพลงดาบนิโอะให้แก่พวกเจ้า”มาซามูเนะว่าก่อนจะทานยาอีกชนิดหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายเค้นพลังสุดท้ายของชีวิตออกมา
“ข้ามีเวลาเพียง 48 ชั่วโมงเท่านั้นที่จะถ่ายทอดพลังให้แก่พวกเจ้า”เขาบอกก่อนจะลุกขึ้น ยูคิถลาตัวจะเข้าไปพยุงแต่ถูกห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ไม่จำเป็น ตอนนี้ข้าอยู่ในสภาพไร้รูปร่าง ในตอนนี้ข้าเหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่มีความรู้สึกอะไรหรอก เอาล่ะ! พวกเจ้าตามข้าออกมาข้างนอก”มาซามูเนะบอกก่อนจะเดินออกไปรอนอกบ้าน
“การฝึกครั้งนี้ เนื่องจากเวลามีไม่เพียงพอ ข้าจะส่งพลังไปในร่างของพวกเจ้า ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า ว่าพวกเจ้านั้นจะกักพลังที่ข้าส่งเข้าไปแล้วนำมันมาเป็นพลังของตัวเองได้หรือเปล่า ก่อนหน้านั้น ยูคิ ถอดเสื้อแล้วเดินมานี้ มาหาข้าหันหลังไปซะ”มาซามูเนะพูดเป็นฉากๆ เมื่อยูคิอยู่ในสภาพที่พร้อมแล้ว เขาก็เค้นพลังก่อนจะดันพลังนั้นเข้าไปในร่างของยูคิอย่างรวดเร็ว
“จับพลังนั้นไว้ แล้วเอามันเป็นพลังของเจ้าซะ ดาบเกนบุจะคอยช่วยเหลือเจ้าอยู่”หน้าตาของยูคิบิดเบี้ยวดูท่าว่าคงจะทรมานอย่างถึงที่สุดกับการต่อสู้ของพลังในร่างกาย ที่ตีกันจนเกือบจะรักษาสมดุลพลังเอาไว้ไม่อยู่ “อ๊ากกกกกกก!!!!”กรีดร้องเสียงดังก่อนที่พลังนั้นจะค่อยๆสงบลง ยูคิเงยหน้าขึ้นมามองทุกคนก่อนจะเห็นที่หน้าที่ตกตะลึงของไซโซหรือแม้กระทั่งฮิเดะที่ทำสีหน้าอื่นไม่ค่อยจะเป็น แสงสีขาวสว่างห้อมล้อมยูคิเอาไว้ก่อนจะซึมเข้าไปในตัวของยูคิจนสิ้น
“สมกับที่เป็นศิษย์ของข้า คงจะควบคุมพลังได้แล้วล่ะ”มาซามูเนะกล่าวก่อนจะเรียกไซโซให้เข้าไปหาใกล้ๆ “จงจับพลังนี้ให้ได้ เหมือนกับสายน้ำเชี่ยวกราดที่ไหลวนอยู่ภายในหัวของเจ้าในตอนนี้”กล่าวก่อนจะดันพลังในส่วนของ ระ เข้าไปในตัวของไซโซ
“อึ๊ก!!”เหมือนกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวราวพายุร้าย เขาร้อนดั่งถูกไฟแผดเผา สายเลือดกึ่งหนึ่งในตัวร้องเรียกให้ทำลายพลังนี้ซะ ขณะที่สายเลือดอีกกึ่งหนึ่งกลับผสมกับพลังนั้นได้ดี เหงื่อผุดขึ้นทั่วใบหน้า ฟันกัดแน่นจนถึงขนาดมีเลือดสีแดงหยดลงพื้นดินที่เต็มไปด้วยผืนหญ้าสีเขียว
“จับพลังนั้นเอาไว้ ทำให้สายเลือดที่สองนั้นยอมรับในพลังนี้ให้ได้”ในร่างกายอุณหภูมิเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อพลังนั้นกำลังต่อสู้อยู่กับสายเลือดอีกกึ่งหนึ่ง ร่างกายเย็นราวน้ำแข็งและอีกสักครู่ก็จะร้อนราวกับเปลวเพลิงแผดเผา เป็นแบบนี้ร่วมชั่วโมง เลือดสีแดงที่ไหลออกมา ในตอนนี้ชุ่มผืนหญ้าไปหมด
กึก!
ดาบเบี๊ยกโกะถูกยันลงพื้นผืนหญ้าที่ๆเลือดนั้นชุ่มโชก และเลือดนั้นก็ค่อยๆซึมเข้าไปในดาบคล้ายกับดาบนั้นกำลังดื่มเลือดของไซโซอยู่
“อ๊ากกกกกกกกก!!!!”เสียงกรีดร้องดังระงมแล้วร่างที่เคยยืนหยัดอยู่ก็ล้มลงไปบนพื้น แต่น่าแปลกที่ดาบเบี๊ยกโกะถูกตั้งเอาไว้อยู่กับไม่โดนตัวองคนที่ล้มลงไปเลยสักนิด
“หึ! ดาบนั้น ยอมรับไซโซเป็นผู้ควบคุมแล้วรึ”มาซามูเนะพึมพำพลางมองฮิเดะที่เดินไปนั่งข้างๆตัวของไซโซแล้วจับชีพจรของไซโซขึ้นตรวจ
“คงจะเหนื่อยจากการฝืนอยู่นาน ตอนนี้จึงทำให้ตัวอยู่ในสภาพหยุดการเคลื่อนไหวไปก่อนน่ะ”ฮิเดะบอก
“เจ้า... มานี่”มาซามูเนะกวักมือเรียกฮิเดะก่อนจะหยิบดาบเซริวขึ้นมาดู “อืม! ดาบนี้เป็นดาบที่ดีนะ ยังไงก็ดูแลมันให้ดีด้วยล่ะ”บอกแล้วคืนดาบให้แก่ฮิเดะ
“เอ้า! ถอดเสื้อแล้วหันหลังมาสิ”มาซามูเนะพูด ฮิเดะทำตามอย่างว่าง่าย พลัง ซึ ที่ว่างเปล่าถูกถ่ายทอดลงในตัวของฮิเดะ
“ทำใจที่ว่างเปล่าเหมือนกับพลังนั้น”มาซามูเนะว่า ฮิเดะดิ้นรนสักครู่ก่อนจะสงบลงได้โดยง่าย ทำให้ยูคิถึงกับตกตะลึง
“ที่จริง ถือว่านานไปหน่อยนะ พลัง ซึ เป็นพลังเดียวที่ทำให้ผู้รับไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่เมื่อครู่เจ้ายังคงรู้สึกเจ็บปวด แสดงว่าจิตใจเจ้าไม่ได้ว่างเปล่าจริงๆ ยังไงข้าก็ขอภาวนาไม่ให้มันเป็นความเคียดแค้นแล้วกันนะ”มาซามูเนะกล่าว ก่อนจะหันไปมองคนสุดท้ายที่ต้องทำหน้าที่ควบคุมพลัง โอะ พลังที่ต้องมีความพยายามมากกว่าคนอื่นๆ
“จงนึกถึงพลังที่เจ้าเพียรพยายามฝึกเพื่อให้เทียบเท่ากับทุกคน แล้วเจ้าจะรับรู้ได้ถึงพลังของมัน”เอ่ยก่อนจะดันพลังสุดท้ายเข้าไปในร่างของซาสุเกะ
“ซารุโทบิ ซาสุเกะ ชื่อที่หมายถึงความเพียรพยายาม การฝึกฝน และชัยชนะ จงทำให้ได้เหมือนชื่อแล้วกัน”มาซามูเนะบอกแล้วร่างของเขาก็ล้มพับลงไป ยูคิรีบวิ่งเข้าไปดูอาการเมื่อเห็นว่าแค่หมดสติไปท่านั้นหันไปดูซาสุเกะที่ต่อสู้กับพลังในร่างตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน เพียงเวลาไม่ถึง 1 นาที เหงื่อมากมายก็แย่งกันไหลออกมาจากร่างกายเป็ฯเวลาหลายชั่วโมงกว่าที่ร่ายกายจะสงบลง เมื่อนับเวลาที่มาซามูเนะเหลืออยู่ 48 ชั่วโมงนั้น ตอนนี้เหลืออยู่เพียง 30 ชั่วโมงเท่านั้น
“อ๊ากกกกก!! แฮกๆๆๆ”เหนื่อยจนเสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผืนหญ้าก็ชุ่มน้ำเต็มไปหมด เสียงหอบหายใจดังจนได้ยินชัดเจน
“ไง ไหวรึเปล่า ไปนั่งพักก่อนสิ”ไซโซที่ฟื้นขึ้นมาพักใหญ่เดินเข้ามาพยุงซาสุเกะให้เข้าไปนั่งพักในบ้าน มาซามูเนะที่กำลังนั่งกินข้าวต้มฝีมือไซโซอยู่หันมาดูอาการซาสุเกะก่อนจะเอ่ยปากชม
“เร็วดีนะ ธรรมดาพลังของ โอะ กว่าจะควบคุมได้ก็ใช้เวลาเกือบ 2 วันเต็ม เจ้าใช้เวลาไปเพียง 18 ชั่วโมง ถือว่าเป็นคนที่มีจิตใจแข็งแกร่งมากๆ”มาซามูเนะชม
“เอ้า! ข้าวต้ม เจ้าไม่ได้กินอะไรมาตั้งนาน คงจะหิวแย่ ดีที่ยูคิลงไปขอเครื่องปรุงจากน้าซึโนะมาได้ ข้าเลยเอามาทำเป็นข้าวต้ม หวังว่าคงจะกินได้นะ”ไซโซบอก
“ฮิเดะไม่กินเหรอ”ซาสุเกะถาม เมื่อเห็นฮิเดะนั่งเช็ดดาบของตนอยู่ข้างๆประตูทางเข้าบ้าน
“รายนั้นอิ่มไปนานแล้วล่ะ เหลือแค่เจ้ากับมาซามูเนะเท่านั้นล่ะ ที่ยังกินอยู่น่ะ”ไซโซบอกก่อนจะหันไปเก็บชามข้าวต้มของมาซามูเนะที่บัดนี้เหลือแต่ความว่างเปล่า
“บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตนี้สวยจัง เจ้าว่าไหม”มาซามูเนะ มองออกไปนอกประตู เวลาอีก30 ชั่งโมงที่เหลือขอให้เขาได้ทำตามใจตัวเองบ้างเถอะนะ
แสงของดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆตกลงสู่พื้นดิน นกหลายตัวบินกลับรังของมันเพียงเข้านอนแล้วกินอาหารที่หามาได้ในวันนี้ แสงสีส้มทอประกายสะท้อนกับผิวน้ำที่บ่อน้ำหน้าบ้าน ปลาที่มาซามูเนะเลี้ยงไว้ 6-7 ตัวว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำกินแมลงที่บินมาอยู่แถวผิวน้ำพอดี ต้นซากุระต้นใหญ่ที่ปลูกมาเกือบ 50 ปีเป็นร่มเงาให้กับบ้านหลังนี้ พื้นดินใต้ต้นซากุระมีดอกไม้ที่ร่วงโรยลงมาตามกาลเวลา ขณะที่ดอกใหม่ก็เริ่มจะผลิบาน เฆมหมอกเริ่มบางตาลงแทนที่ด้วยดวงดาวที่ส่องแสงบนท้องนภา และถ้าใครสังเกตดาวของวันนี้ให้ดี คงจะพบว่ามีกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่ง ที่ดาวดวงในสุดส่องแสงคล้ายอ่อนแรง ในขณะที่มีดาวอีก 5 ดวงที่เหลือล้อมรอบและพากันส่องแสงเพื่อให้ที่แห่งนั้นสว่างไสว เหลือเวลาอีก 23 ชั่วโมงสำหรับชีวิตของมาซามูเนะ ยังไม่มีใครนอนทุกคนต่างนั่งฟังเรื่องที่มาซามูเนะตั้งใจเล่าอยากตั้งอกตั้งใจ หัวเราะไปกับเขา และร้องไห้ไปกับเขา บางช่วงก็มีเหมือนกันที่มาซามูเนะทำท่าคล้ายหวาดหวั่น แต่ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ช่วยกันปลอบและหัวเราะให้กำลังใจ ถึงจะเป็นโคฟุคุที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่นางก็ยังคงร่วมที่จะฟังเรื่องเล่าของมาซามูเนะ ที่เล่าถึงชีวิตที่ชอบผจญภัยไปในดินแดนต่างๆและเมื่อมาถึงที่นี้ก็ได้ตั้งหลักอยู่ที่นี้โดยให้เหตุผลว่าอยากจะดูแลซากุระที่หน้าบ้านนั้นให้อยู่ได้นานที่สุด ในค่ำคืนนี้เอง ที่ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของทุกคน ความสุขที่ได้ฟังมาซามูเนะพูดคุยและยิ้มไปพร้อมกับ เศร้าเมื่อมาซามูเนะทำท่าหวาดกลัว ทุกอย่างยังคงติดอยู่ในใจของทุกคนไปอีกนานแสนนาน โดยเฉพาะคนที่เคยอยู่กับมาซามูเนะมาเป็นเวลานาน คงจะทำใจได้ลำบากกว่าคนอื่นๆ
ทุกคนอยู่กับมาซามูเนะจึงถึงช่วงเวล่สุดท้ายของชีวิต เวลานั้นเหลืออยู่เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ร่างกายของมาซามูเนะเริ่มกลายเป็นเศษเสี้ยวของอากาศ คำขอร้องครั้งสุดท้ายของมาซามูเนะคือ ‘พาข้าไปที่ใต้ต้นซากุระ’ จากนั้นทุกคนก็ได้แต่คอยเฝ้ามองร่างของมาซามูเนะที่ค่อยๆจางลงไปเรื่อยๆ และสุดท้ายทั้งหมดก็กลับคืนสู่ความว่างเปล่า ไม่เหลือใครอีกแล้วที่อยู่ในที่แห่งนั้น ทุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำในเวลาต่อไป ยูคิขุดดินแล้วฝังแผ่นไม้ที่เขียนเอาไว้ว่า ‘โอคาซากิ มาซามูเนะ’ อาจารย์ที่สอนทุกอย่างให้แก่เขาได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
“คอยดูข้าอยู่ที่บนนั้นเถอะนะ ท่านมาซามูเนะ”ยูคิว่าแล้วหันหลังเดินไปรวมกับพรรคพวกคนอื่นๆที่ตอนนี้เก็บของรอเรียบร้อยแล้ว
“จะแวะไปหาน้าซึโนะรึเปล่า”ซาสุเกะถาม
“โธ่! ซาสุจัง ก็ต้องไปสิ เนอะยูคิซังก็จะไปอยู่แล้วนี้... หน่า”ไซโซแทรกขึ้นตรงกลางก่อนที่ปลายเสียงจะแผ่วลงเมื่อเห็นใบหน้าของยูคิในยามนี้
“ยูคิ... ซัง”ไซโซเรียกเสียงเบาๆ
“ฮ๊ะ... อ๊ะ... อ่อๆ มีอะไรเหรอ”เปลี่ยนสีหน้าให้เป็นยิ้มแย้มเช่นเคยก่อนจะหันมาถามผู้ทีเรียกเมื่อครู่ ไซโซถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วกล่าวขึ้น “ซาสุจังถามว่าเจ้าจะแวะไปหาน้าซึโนะรึเปล่า”
“อ๋อ! ก็ต้องไปอยู่แล้ว แวะไปทักทายเขาหน่อย ไหนๆ นานๆ ก็จะมาที”ยูคิตอบ ก่อนจะเดินไปที่ด้านหน้าสุด
“ริริน เจ้าเดินไหวรึเปล่า”ยูคิถาม หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะปาดเหงื่อที่ไหนซึมออกจากหน้าผาก ฮิเดะที่เห็ฯดังนั้นก็เดินเข้ามาแย่งสัมภาระของริรินไปถือ ถึงแม้เจ้าตัวจะโวยวายอย่างไร ฮิเดะก็ไม่มีท่าทีว่าจะคืนให้จนในที่สุดก็ต้องปล่อยเลยตามเลย
“ถึงซะที น้าซึโนะพวกข้าไปแล้วนะ เฮ้ย!”ยูคิตะโกนเข้าไปก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นคนที่เคยหาเรื่องพวกเขาตอนขามาอยู่ในสภาพที่เรียกว่าดูไม่จืด
“พวกเจ้าจะไปแล้วหรือ”ซึโนะเดินเข้ามาถาม
“อืม พวกข้าต้องไปที่ปราสาทโอซาก้าอีก”ยูคิตอบ “แล้วเอ่อ... ท่านมาซามูเนะล่ะ”ซึโนะถาม
“ท่านมาซามูเนะ... ไปแล้วล่ะ”หลังจากพูดจบ ซึโนะก็ร้องไห้ทันที แต่ไม่นานนักก็หยุดเช็ดน้ำตาก่อนจะหันมายิ้มให้แก่ยูคิ
“งั้นหรือ ต่อไปข้าคงต้องไปดูแลต้นซากุระนั้นเองเสียแล้ว เดินทางให้ดีๆนะ ถ้าเหนื่อยก็กลับมาหาข้าได้ บ้านนี้ยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ”ซึโนะบอก ก่อนที่ทุกคนทำการล่ำลากันจนเรียบร้อยก่อนจะออกเดินทางไปยังปราสาทโอซาก้า จุดหมายปลายทางที่แท้จริงของทุกคน
ความคิดเห็น