ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [LoL Fanfic] Lover Birds ปีกคู่กู้โลก♡[Rakan × Xayah story]♡

    ลำดับตอนที่ #5 : เส้นทางสู่แหล่งกบดานลับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 211
      14
      21 ต.ค. 62

     ครั้งหนึ่งพวกเรานั้นต่างก็เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน รอบๆภูเขาที่กำลังลุกเป็นไฟ 

    แต่บัดนี้

    มันกลับเหลือแค่เพียงกองเถ้าถุลีดินที่ไหม้เกรียม



    [Rakan]

    "แฮ่ก แฮ่ก.. อั่ก!"

    ซวยแล้วๆๆ!  ตอนนี้เจ้าปีศาจนั้นมันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้! แล้วข้าก็วิ่งคนเดียวมาสักพักนึงแล้วด้วย ข้าอยากจะหยุดพักสักนิดนะ แต่หมอกที่หนาๆที่ก่อตัวขึ้นรอบๆตัวของข้ามันทำให้ข้าไม่ไว้ใจเลย  ขาของขายังคงวิ่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะที่ข้าจะต้องมาคิดว่า...

    ข้ามาอยู่ที่นี้ได้ยังไงกัน!? รู้ตัวขึ้นมา ก็มีเสียงหัวเราะน่ากลัวๆ พร้อมกับเสียงฝีเท้าเล็กๆที่รวดเร็วจนข้าคิดว่ามันจะตามข้าทัน

    อันที่จริง ตอนแรกข้าคิดว่าจะลองทักทายมันดูนะ  ...แต่ว่ายังไม่เห็นตัวก็กลับมีกิ่งไม้เล็กๆที่มีกลายแหลมคมพุ่งผ่านเฉียดขาข้าไป พร้อมกับเสียงคำรามไม่พอใจที่รู้ว่ามันปากิ่งไม้มาไม่โดนข้า

    ทั้งหมดนั้นก็ทำให้ข้ารู้ตัวเลยว่าต้องใส่เกียร์นกกระจอกเทศวิ่งหนีเอาชีวิตรอดให้อย่างเร็วที่สุด แต่บ้าเอ้ย! ตอนนี้เสียงฝีเท้าที่ตามมามันหายไปแล้ว...

    หรือว่าบางทีมันอาจจะยอมแพ้กับการไล่ตามข้าไปแล้วนะ..?


    แต่แล้วทันทีที่ขาของข้ากำลังชะลอความเร็วลงไป ในเสี้ยววินาทีที่ข้ารู้สึกว่าเท้าข้างซ้ายของข้านั้นได้เหยียบเข้ากับอะไรนุ่มๆที่เหมือนกับหมอนที่ทำจากรากไม้แก่ๆ...

       'ปะคู้ม!'

    ข้ารู้สึกถึงแรงระเบิดมหาศาลส่งร่างของข้าให้ลอยขึ้นมากลางอากาศ ก่อนที่จะร่วงลงไปตกใส่หินโสโครกก้อนนึงพอดีเป๊ะ ในระหว่างนั้นที่ข้าเองก็ได้ยินเสียงหัวเราะแสดงความพึงพอใจของเจ้าปีศาจนั้นดังขึ้นมาแสดงว่า...

    มันคือกับดัก!

    พระเจ้าช่วยไอเวิร์นโดนเนิร์ฟ!(คำสบถ,อุทาน) ข้าพยายามจะขยับขาลุกขึ้นมานะ แต่ว่าร่างกายของข้าไม่ยอมขยับเลย ความรู้สึกเจ็บปวดแผ่ซ่านมาทั่วร่างกายของข้า รู้สึกเหมือนกำลังโดนไฟรนทั้งตัว แสดงว่าอะไรที่ข้าโดนเมื่อกี้นี้มันมีพิษ!


    ด้วยเรี่ยวแรงที่ยังพอมีอยู่ ข้าขยับตัวเอาหลังชนกับก้อนหินที่เพิ่งกระแทกหลังข้ามา มันคงเป็นที่พึ่งให้ข้าสักหน่อยแล้วล่ะนะ..


    ในม่านหมอกรอบตัวของข้านั้นได้เกิดเสียงฝีเท้าเล็กๆค่อยใกล้เข้ามา หรือบางทีเจ้าปีศาจนี่อาจจะไม่ได้ตัวใหญ่น่ากลัวอย่างที่คิดนะ?


    ข้าเพ่งสายตาพยายามมองหามัน ไม่นานนักตรงด้านหน้าของข้าได้ปรากฎเงาดำของตัวอะไรบางอย่างที่ตัวเล็กๆค่อยๆมุ่งเข้ามาหาข้า


    จนใกล้พอที่จะเปิดเผยร่างกายของมัน สิ่งที่ข้าได้เห็นนั้นก็เป็น...

    .

    ..

    ...

    ....

    .....แค่ยอเดิลเนี่ยนะ?

    ตัวของมันเล็กและมีขนปุก'ปุย' มันใส่ชุดประหลาดๆที่ทำให้ข้านึกถึงพวกลูกเสือของพวกมนุษย์เลย แม้จะมองได้ไม่ชัดนัก ยอเดิลตัวนี้มีรอยยิ้มที่ดู...เป็นมิตร? อยู่บนใบหน้า ตาของมันปิดลงทั้งสองข้าง ข้าพยายามที่จะส่งเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่แน่ เจ้านี่อาจจะเป็นผู้ที่ไล่เจ้าสัตว์ร้ายนั่นไปก็ได้?!


    "เฮ้ เอ่อ... เจ้ายอเดิลตัวน้อย อ่า.. อ่ะฮ่ะๆๆ คือว่านะ..อั่ก..." เสียงของข้าถูกตัดไปด้วยเสียงร้องของความเจ็บปวดของพิษที่ยังอยู่ในร่างกาย ถ้าเกิดว่าข้าขอแบ่งพลังชีวิตของเจ้ายอเดิลตัวน้อยนี่มาช่วยรักษาพิษ เขาจะยอมมั้ยนะ?

    "นี่ เจ้าปุกปุย...ช่วยข้าทีสิ คือว่า... ข้าโดนกับดักยา-" แต่ไม่ทันที่ข้าจะได้พูดจนสุดประโยคนั้น ไม่ทันได้กระพริบตา เจ้ายอเดิลกลับพุ่งเข้ามาหาข้าอย่างรวดเร็ว และมาหยุดอยู่บนหน้าอกของข้า เท้าเล็กๆของมันเดินเหยียบย่ำบนตัวข้าขึ้นมา ตัวของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ใบหน้าแสยะยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมข้างใน ตาของมันจ้องมองเข้ามาในดวงตาของข้าพร้อมกับที่ให้ความรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกไฟนรกเผาทั้งเป็น

    "เมื่อกี้...เรียกข้าว่า 'ปุย' งั้นเหรอ?" เสียงแหบหาวที่เหมือนกับเสียงขอนไม้ที่กำลังแตกหักพูดขึ้นมา ข้าอยากจะตอบกลับว่า 'ไม่ได้ตั้งใจ' หรือ 'เจ้าน่ารักจัก' แต่ปากของข้านั้นไม่ยอมขยับเลย

    เสียดายจัง


    มันใช้มือที่มีกรงเล็บสีดำสนิทสำผัสที่ใบหน้าของข้าเบาๆแล้วยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ มันยิ้มขึ้นมา

    "จงสละวิญญานแสนอันโอชะของเจ้า ให้กับข้า จอมมาร 'ทีโม่' ผู้ทรงพลังนี้เถอะนะ♡" เมื่อพูดจบ ปากของมันก็อ้าออกมา เขี้ยวเล็กๆนับพันของมันใกล้เข้ามาในใบหน้าของข้าเรื่อยๆ


    ไอ้หย่า พ่อแก้ว แม่แก้ว! ข้าต้อง... ข้าต้อง

    "ฆรี้ดดดดดดด!!!" ทันทีที่ข้าสามารถขยับปากได้สำเร็จ สิ่งแรกที่หลุดออกมานั้น ข้าจะไม่ขอจดจำมันไว้ชั่วชีวิต...

    และข้าพยายามจะขยับร่างกายดิ้นรนออกมาอย่างสุดชีวิต ข้าจะไม่มอบวิญญานให้ใครหรอกเว้ยยยยย!!!

    จนกระทั่ง...


    'เพี้ยะ!'


    ใบหน้าของข้าสั่นไป 2.5 ริกเตอร์ แต่สติของข้านั้นกลับมาอย่างยิ่งใหญ่(หรือไม่มีอยู่แล้วก็ไม่อาจจะรู้) ข้ากระโดดโย่งขึ้นมาด้วยความที่ตกใจนะ แต่เว่อร์ขึ้นอีกเพื่อให้ดูดี 

    และบุคคลแรกที่ข้าได้เห็นหลังจากฝันร้ายนี่ก็คือ...

    "ซะ-ซาย่า!?" น่าแปลกที่ตอนนี้ดวงตาของนางเบิกกว้างสีหน้าเหมือนกับกำลังตกใจอย่างสุดขีดพร้อมกับท่าทางที่หันมือขวาไปอีกทาง ดูเหมือนเพิ่งจะตบอะไรบางอย่างมา

    "ไอ้เจ้าบ้า! ข-ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเห็นนะ! ข้ารู้แล้วว่าไม่ควร...   ตะ-แต่อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเชียวนะ!" นางหลับตาแล้วตะคอกใส่ข้าอย่างเกรี้ยวกราด ใบหนาของนางมีรอยสีแดงเรือนรองออกมาอย่างชัดเจนอย่างไม่ทราบสาเหตุ

    ข้างงสุดๆไปเลยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ล่าสุดมันเป็นยังไงนะ? 


    ข้าเอาเหรียญ์มาคืนซาย่าห์ แต่มาเจอนางกำลังมีปัญหา ข้าเลยพานางหนี แล้วก็... แล้วก็... แล้วนี่ข้าอยู่ที่ไหนกัน? แก้มก้นของข้าเจ็บชะมัดยาด เสื้อผ้าขาดริ่ว(ม่ายยยยย ผ้าคลุมมม) และสิ่งแรกที่ข้ารู้สึกว่าสำคัญที่จะต้องถามมากที่สุด..

    "ซาย่าห์ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?"  นางเงียบไปซักพักแล้วเปิดตาขึ้นมาข้างนึงสายตามองข้าด้วยความงงเล็กน้อย

    "อ่ะ.. อ่อ เรื่องนั้น..." นางพูดอย่างตะกุกตะกักพลางหลบสายตาจากข้าไปอย่างน่าสงสัย

    "..ข้าไม่เป็นไรแล้วล่ะ... มีมนุษย์มะเร็งไม่ยอมระบุนามตัวเองมาช่วยพวกเราเอาไว้แล้วน่ะนะ" ซาย่าห์พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบไม่มีสัญญานความอันตรายอะไรจากในน้ำเสียงเลย คิดว่านางคงหายโกรธข้าแล้วมั้งนะ?

    "แล้วเอ่อ... เจ้าน่ะ... เห็นอะไรที่ข้าพยายามจะทำก่อนหน้านี้รึเปล่า?" ซายาห์ถามขึ้นมาพลางมองไปทางอื่น นางหมายถึงไรวะครับ? 

    "ข้าจะไปเห็นได้ยังไงเล่า? ก็สลบอยู่อ่ะ เจ้าทำไรบ้างข้าไม่รู้หรอก" ข้าตอบไปตามตรงที่สุดเท่าที่ข้าจะตรงได้

    "งั้นเหรอ? ก็ดีแล้วล่ะถ้างั้น..." ซาย่าห์ทำเสียงงเหมือนโล่งใจกับอะไรบางอย่าง

    "อ้อจะว่าไป...  ทำไมถึงย้อนกลับมาช่วยข้าล่ะ? มาทันถูกเวลาเสมอเลยนะเจ้าน่ะ..." ซาย่าห์พูดเบาลงแล้วหันไปทางอื่นอีกครั้ง นางแปลกๆแหะ ข้าก็สงสัยอยู่เหมือนกันนะว่าทำไม? แต่ว่าข้าควรจะตอบคำถามก่อนดีกว่า

    "มาคืนเจ้านี่น่ะ" ข้าโยนเหรียญ์ออกไปให้นางรับ ซาย่าห์รับมันไว้แล้วพลิกขึ้นมาดูแล้วทำสีหน้าตกใจ

    "นี่เจ้า... แอบเอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันห้ะ?!" ซาย่าห์เริ่มมีน้ำเสียงที่อันตรายอีกครั้ง

    "โว้วๆๆ ใจเย็นๆก่อน เจ้าเอามาให้ข้าดูเมื่อคืนไง แต่ข้าขอโทษ ข้าลืมคืนน่ะ เลยจะมาคืนเนี่ยแหละนะ" ซาย่าห์นิ่งไปสักพัก

    "...ก็จริงนะ..." ซาย่าห์ตอบกลับแบบเรียบง่าย แล้วหันกลับไปมองทางอื่นอีกครั้ง  

    "....ขอบใจนะ"  นางพูดคำนั้นออกมา มันทำให้ข้ารู้สึกตื้นตันเหมือนจะเป็นบ้าแน่ะ

    "เอาล่ะ งั้นก็ ถ้าเกิดว่าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็คงต้องแยกทางกัน ถูกมั้ย?" ข้าพูดขึ้นมา ใจจริงแล้วก็ไม่อยากจะจากลนางไปจริงๆหรอกนะ แต่ถ้านางต้องการแบบนั้นจริงๆ ข้าไม่ขัดใจนางจะดีกว่า 

    "เดี๋ยวก่อนสิ..."  นางดึงรั้งผ้าคลุมของข้าไว้ก่อน  

    "หืม?" 

    "ช่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้เถอะ ... ก็ได้ เห็นว่าเจ้าช่วยข้าไว้ได้จริงๆหรอกนะ จะตามมาก็มาสิ"

     ซาย่าห์ยิ้มให้กับข้า รอยยิ้มของนางสะกดหัวใจและโลกของข้าหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็แค่แป๊ปเดียวเท่านั้นแหละเพราะรอยยิ้มขอ่นแหละงนาง มีให้เห็นแค่ชั่วครู่เท่านั้นก่อนท่ี่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว ข้าละอยากเห็นอีกจังเลย

    "เยี่ยมไปเลย! งั้นข้าขอติดตามไปด้วยนะ!" ข้าแทบจะกระโดดโลดเต้น แต่เกรงใจ กลัวนางเปลี่ยนใจแล้วจะแย่เอาได้... "ว่าแต่ว่านะ นี่พวกเราจะเดินทางไปไหนเหรอปเจ้า?" ข้าถามออกไปด้วยความสงสัย บางที ข้าอาจจะลืมไปเฉยๆก็ได้นะ

    "ไปที่ 'แหล่งกบดานลับ' ของวาสทาย่าห์ที่ซ่อนอยู่ในเมืองใหญ่อาคันดานั้นแหละ ข้าต้องเอาเหรียญนี่ไปส่งให้กับสยข่าวคนนึง"  ซาย่าห์ชูเหรียญนั่นขึ้นมาอีกครัั้ง "แล้วสรุปเจ้าจะมามั้ย?" 

    "แน่นอน! ข้าขอตามไปด้วยแหละ!"

    "ดี งั้นเดินตามมาเงียบๆล่ะ"

    "รับทราบครับ!"


    หลายชั่วลมหายใจก่อนหน้า...

    [Xayah]

    'พวกเรา' ร่วงลงมาจากขอบผามาด้วยกัน ด้วยความสูงขนาดนี้พวกเราคงจะไม่รอดแน่...

    ตอนนี้ราคานสลบไปแล้ว ด้วยลูกดอกพิษที่เขาโดนไป ในขณะที่แผลและพิษของข้าถูกรักษาให้หายไปด้วยพลังบางอย่างที่เขามอบให้แก่ข้า แต่ถึงอย่างงั้นพวกเราก็คงไม่รอดกันอยู่ดี...

    ...แต่ในขณะที่ข้ากำลังหลับตาแล้วรอรับความตาย ข้าก็รู้สึกถึงสายลมที่เร็วแรงแต่นุ่มนวลพัดพาเข้ามาโอบรับพวกเราเอาไว้อย่างน่าอัศจรรย์

    และข้ารู้ว่ามันไม่ใช่ฝีมือของธรรมชาติแน่ๆ...

    สายลมโอบร่างของพวกเราไว้ แล้วค่อยพาลงมาแตะกับพื้นดินเบื้องล่างอย่างนุ่มนวล ข้ารีบมองหา 'ต้นตอ' ของพลังเวทย์มนตร์ผิดธรรมชาติที่ควบคุมสายลมเหล่านี้

    'แกร็ก!' เสียงของหัวกรวดที่กระทบกันดังขึ้นจากช่องว่างในหน้าผาเบื้องบนหัวของข้าทำให้ข้าหันไปเห็นเงาดำรูปร่างคล้ายพวกเรายืนมองดูอยู่

    แต่ว่าเขากำลังจะหันกลับไป!

    "ช้าก่อน! เจ้าเป็นใครน่ะ?" ข้าตะโกนถามเขาออกไป ดูท่าแล้วเขาคงไม่ใช่พวกนักทวงบุญคุณสักเท่าไหร่เลย ไม่ก็กำลังกลัวข้าอยู่

    "...ข้าก็แค่สายลมที่ผ่านทางมา แล้วก็กำลังจะผ่านไป อย่าใส่ใจนักเลย ยินดีที่ช่วยล่ะกัน... อะค่อกๆ" ในท้ายประโยคเขาไอออกมาเสียงดังจนน่าเป็นห่วง ข้าเองก็ไม่ใช่ใครที่เย็นชาพอที่จะเผิกเฉยต่ออะไรแบบนี้นักหรอกนะ

    "อาการไอของเจ้ามันรุนแรงอยู่นะ... เจ้าเป็นอะไรรึเปล่านั่น?"

    "...มะเร็ง.. ค่อค อะแค่ก!"

    "เจ้าควรลงมานะ เจ้าหมอนี่มีพลังเวทย์มนตร์ที่อาจจะช่วยรักษามะเร็งให้เจ้าได้.." ข้าถูกสอนมาตลอด ว่าถ้ามีใครช่วยเราไว้ ก็จงรีบตอบแทน บางทีเขาอาจจะเป็นชาววาสทาย่าที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ก็ได้

    "ไม่ล่ะ ขอบใจ มะเร็งน่ะรักษาไม่หายหรอกนะ ทีแค่บรรเทาลงเท่านั้น และข้ามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ ข้าขอตัว.."

    "เดี๋ยวสิ!" ข้าตะโกนเรียกเข้าออกไป แต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่อยู่ซะแล้ว

    ...ช่างเป็นวาสทาย่าห์ที่ลึกลับดีจริงๆ ข้าสงสัยว่าจะได้เจอเขาอีกมั้ยนะ?

    แต่อย่างไรก็ตาม มาสนใจปัญหาตรงนี้ก่อนดีกว่า ข้าหันมามองเจ้าขี้เซ้าที่กำลังนอนสลบอยู่บนตักข้าตอนนี้ เจ้านกยูงนี่ชื่ออะไรนะ? ริคาโด่มั้ง? ข้าไม่แน่ใจ แต่การที่เข้ามามันทำให้ข้ารู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

    ข้ามองไปที่รอยแผลที่เขาถูกยิง มันกำลังสมานกันอย่างรวดเร็ว เป็นเวทย์ที่น่าสนใจดีนะ ข้าคิดว่า... บางที ถ้ามีเขามาช่วยด้วยอีกแรง ทุกอย่างก็คงจะง่ายขึ้นละมั้ง?

    ในตอนที่สายลมกำลังสงบลงและเสียงทุกอย่างก็เงียบลงไป มีเพียงเสียงของเผ่าพันธ์ต้นแบบของพวกเรา 'นก' น้อยๆต่างก็ส่งเรียงร้องเพลงครอไปกับธรรมชาติ หรือไม่ก็กำลังร้องเพลงให้กับข้า...เอ่อ... 'พวกเรา' อยู่

    พอข้าได้มามองเจ้าหมอนี่ใกล้ๆแล้ว เขา 'งดงาม' ดีนะ แถมกลิ่นตัวก็หอมดีด้วย...

    ข้ายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กับเขา มองสีหน้าของเขาที่นิ่งเงียบสงบ ถ้าเกิดว่าตอนนี้ข้าลองจูบเขา เขาก็คงไม่รู้ตัวสินะ อ่า..ข้าเป็นไรไปเนี่ย? ยังไม่รู้จักกับเขาดีเลยด้วยซ้ำนะ แต่ถึงอย่างงั้น...

    ข้ายื่นหน้าของตัวเข้าไปใกล้อีก ข้าสาบานว่าถ้าเขารู้ตัวตื่นขึ้นมาก่อนล่ะก็ ข้าจะตบหน้าของข้าจนทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไปเลยซะ..

    และทันทีที่ข้าคิดจบ ร่างของเขาก็สั่นตัวขึ้นมาพร้อมกับเสียง...

    "ฆรี้ดดดดดด!!!"

    และจากนั้นมือของข้าทำงานของมันเองโดยที่สมองยังไม่ทันได้สั่งเลย...

    'เพี้ยะ!!"

    เวลาปัจจุบัน

    หลังจากที่ยอมพาเจ้านี่มาด้วย การเดินทางของข้าก็ไม่สงบอีกครั้ง... ราคาน ถ้าเขาไม่เป็นพวกที่ซุกซนและเต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่จำเป็น เขาก็คงจะน่ารักดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้เขากำลังเดินชมนกชมป่าไม้ พร้อมกับฮัมเพลงของเขาไปด้วย ถ้าไม่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะยอมพาเขาไปที่กบดานลับด้วยข้าก็คงจะไล่ตะเพิดเขาไปอีกรอบนั่นแหละ

    "นี่เจ้าไม่มีเผ่าให้อยู่ด้วยงั้นเหรอ?" ข้านั้นที่ทนไม่ไหวกับเพลงแสนไพเราะของเขา ผสมกับความที่ข้าเองก็สงสัยเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ก็เริ่มถามออกไป เขาหยุดฮัมเพลงแล้วก็หันมาสนใจในคำถามของข้า ...สักที

    "อ่อ เผ่าของข้า? แน่นอนว่ามีสิ! แต่ข้าไม่ค่อยชอบอยู่ที่เดิมๆเท่าไหร่หรอก ถ้ามีโอกาสข้าก็ชอบที่จะเดินทางออกมาผจญภัยโลกภายนอกแบบนี้แหละ เต้นรำอยู่รอบสุดขอบของกระแสเวทย์มนตร์ แม้ว่าผู้คนจะชอบเตือนว่าข้าไม่ควรทำแบบนั้นนะ แต่โลกนี้มันก็มีอะไรที่น่าค้นหาอีกเยอะแยะทีเดียวล่ะ เจ้าน่าจะลองอาหารของพวกมนุษย์ดูนะ ข้าว่าเนื้ออีกาผัดเผ็ดมันก็ไม่เลวเลยทีเดียว... เอ หรือว่าช็อคโกแล็ตจะเหมาะกับเจ้ามากกว่านะ? ข้าคิดถึงรสขมๆหวานๆของมันจังเลย แล้วก็..." อ่า... เอาแล้วสิ เขาเริ่มพูดสารธยายเรื่องของอาหารของพวกมนุษย์อย่างไม่หยุด และบทสนทนาก็เป็นรูปแบบ'เขาพูดอยู่คนเดียว' ซะแบบนั้น พูดเอง เห็นด้วยตัวเอง ตอบเองหมดทุกอย่าง มาคิดๆดูแล้ว เสียงฮัมเพลงแบบเดิมก่อนหน้านี้ก็ไม่เลวนักหรอกนะ...

    "ราคาน..."

    "จ๋า?"

    "หยุดสารธยายแล้วฮัมเพลงต่อไปซะ"

    "ครับ..."

    แหม่ว่านอนสอนง่ายดีจริงๆ น่ารักแหะ...

    หลายช่วงลมหายใจต่อมา

    [Rakan]

    และหลังจากที่เดินทางกันมาอย่างยาวนาน จนข้าแทบจะวิ่งเอา ข้าและซาย่าห์ก็ได้เดินทางมาถึงเขตเมืองใหญ่ของพวกมนุษย์ ด้านหน้าไกลออกไปนิดหน่อย มีด้านตรวจจับคนเข้าออกเมืองอยู่ และเช่นเคย พวกทหารมนุษย์นี่ รสนิยมการแต่งตัวมันห่วยเช่นเคย เกราะเหล็กหมวกหนาม? ไม่คิดแม้แต่จะย้อมสีให้เป็นสีทองด้วยซ้ำอ่ะ น่าเบื่อ

    "ซาย่าห์ นี่อย่าบอกนะว่าพวกเราต้องผ่านพวกนั้นเข้าไปน่ะ?" ข้าถามออกไป ในตอนนี้พวกเรากำลังซุ่มมองอยู่บนยอดไม้สูงใหญ่ ตามปกติแล้ว ถ้าข้าจะเข้าเมืองที่เต็มไปด้วยมนุษย์ ข้ามักจะหาที่ที่พวกทหารไม่อยู่กัน เพราะพวกนั้นไม่ค่อยชอบข้า และชาววาสทาย่าห์สักเท่าไหร่ โดนเห็นทีก็เป็นมีเรื่องตลอด ส่วนพวกชาวบ้านส่วนใหญ่จะชอบข้านะ แน่ล่ะ เพราะข้าหล่อมีเสน่ญมาก แม้แต่มนุษย์ยังมองข้าตลอดเลยล่ะ 

    "แน่นอนสิ พวกเราต้องผ่านทางนี้ไป" ซาย่าห์ชี้ไปที่ประตูด่านขนาดใหญ่นั่น ข้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จะให้เดินผ่านไป ข้าคงไม่โดนตัดหัวก่อนหรอกนะ? 

    "เอ จะให้เดินผ่านไปเลยเหรอ?" ข้าถามนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ หรือว่าซาย่าห์จะมีสิทธิพิเศษ เข้าเมืองฟรีนะ?

    "เจ้าบ้า เราต้องแอบไปสิ" ซาย่าห์ตอบมา นั่นทำให้ข้าสบายใจขึ้นนิดหน่อย "เห็นรถขนเหล้านั่นมั้ย?" นางชี้ไปที่รถเกวียนคันคันยาวมากๆคันหนึ่ง ถ้ามองดีๆบนคันรถก็จะมีขวดเหล้าของพวกมนุษย์อยู่เต็มคันรถเลยล่ะ

    "เกี่ยวอะไรกับเหล้าเหรอ?" ข้าถามออกไป ซาย่าห์กรอกตาใส่

    "เจ้านี่มันไม่มีสัญชาตญาณโจรเลยสินะ ก็แอบเข้าไปสิ จริงอยู่ที่ว่าจะมีพวกทหารมาคอยตรวจเช็คของข้างในนะ แต่ข้ารู้จักเจ้าพวกนี้ดี พวกมันจะสนใจเหล้าก่อน แล้วจะพยายามหยิบไปบ้าง จะไม่ตรวจค้นจนเจอพวกเราจริงๆหรอกนะ" ซาย่าห์อธิบาย

    "เข้าใจแล้ว เข้าไปเลยสินะ" ข้าเดินเข้าไปใกล้ๆรถเกวียนคันนั้นที่กำลังจอดอยู่ แปลกดีที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเฝ้ารถไว้เลย แต่ก่อนที่ข้าจะได้ขึ้นไป ซาย่าห์ก็ดึงผ้าคลุมของข้าไว้ก่อน 

    "เดี๋ยว!"

    "อะไรเหรอ?"

    "ข้าขอนั่งในสุด เวลาผิดแผนถ้ามันค้นลึกมาจริงๆ เจ้าจะได้โดนเจอตัวก่อน ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะช่วยที่หลัง" อย่างงี้ก็ได้เหรอ??

    "ก็ได้ ตามใจเจ้าเลย" ข้าหลีกทางให้ซาย่าห์ขึ้นไปก่อน นางมีท่าทีที่คล่องตัวมาก เหมือนกับว่าทำอะไรแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

    และเมื่อนางขึ้นไปสำเร็จ ข้าก็ขึ้นตามไปติดๆ

    "หลังจากนี้ช่วยเงียบปากที ข้าไม่รู้หรอกนะว่าคนขับมันจะหูดีแค่ไหน" ซาย่าห์สั่งกำชับ

    "แน่นอน ข้าจะเงียบเหมือนกับจิ้งรีดโดนเสียบไม้ย่างเลยล่ะ!" ซาย่าห์หัวเราะเบาๆ

    "ฮ่ะๆๆ คำพูดแต่ล่ะอย่างของเจ้านี่มัน..."

    "มีเสน่ญ?"

    "เปล่า น่าตลกมากต่างหาก ฮึๆๆ" นางทำเอาข้าไปต่อไม่ถูกเลย นางนี่เป็นคนที่พิเศษจริงๆแหละนะ...

    "เอาล่ะ เงียบได้แล้ว พวกมันเริ่มมากันแล้ว..." ซาย่าห์ทิ้งท้าย

    เวลาหลังจากนั้น. . .

    หลังจากที่นั่งรถเกวียนกันมาเงียบๆได้สักพัก รถก็เกิดอาการสั่นขึ้นมาอย่างกระทันหัน ข้าและซาย่าห์โดนแรงสั่นของเกวียน ทำให้เสียหลักไปเล็กน้อย... ข้าน่ะเล็กน้อย แต่ซาย่าห์อ่ะ ไม่น้อยเลย... นางเสียหลักล้มมาชนหลังแผ่นอกของข้าอย่างแรง

    "โอ้- !!" ข้ารีบใช้มือปิดปากของนางเอาไว้ก่อนที่นางจะเผลอส่งเสียงดังออกมาซะเอง

    นางใช้มือแกะมือของข้าออกมา

    "ขอบคุณ..." พร้อมกับพูดคำนั้นเบาๆ

    "เป็นไรรึเปล่า?" ข้ากระซิบ ตอนนี้พวกเราอยู่ใกล้กันมากๆ จนใจคอข้ารู้สึกไม่ดีเลย...

    "ไม่เป็นไรมากหรอก แค่เจ็บก้นนิดหน่อย...เมื่อกี๋รู้สึกว่าจะลงไปทับปลายขวดเหล้าพอดีน่ะ..." ซาย่าห์กระซิบตอบกลับมา แต่ว่านะ...

    "ซาย่าห์... คือเมื่อกี๋ที่ก้นเจ้ากระแทกลงมา ไม่ใช่ปลายขวดเหล้านะ..." ข้ารู้สึกอายแทนนางซะแล้วสิ...

    "ห้ะ...?" ซาย่าห์เงียบไปสักพัก และถึงแม้ว่าแสงในเกวียนจะมีน้อยจนมองได้ลำบากก็ตาม แต่ข้าก็เห็นสีหน้าตกใจพร้อมตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจของนาง

    "จะ..เจ้า! ไอ้เจ้าบ้า! ยะ-อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเชียวนะ!" นางส่งเสียงดุออกมา แต่ก็เบาพอที่มนุษย์ขับเกวียนจะไม่ได้ยิน พร้อมกระแทกศอกเข้ามาที่หน้าท้องของข้า...จุกเลย ข้ารู้ว่าเรื่องเข้าใจผิดมันดูน่าอายนะ แต่ก็ไม่เห็นต้องเป็นขนาดนี้เลยนี่นา...

    "โอย...ข้าแค่จะบอกว่า เมื่อกี๋ที่ก้นของเจ้ากระแทกน่ะ ไม่ใช้ปลายขวดเหล้า... แต่เป็นปลายขวดไวน์นี่ต่างหาก" ข้าชูขวดไวน์ขวดนั้นเข้าไปใกล้ๆให้นางเห็น

    "..." นางเงียบไปสักพัก "ช่างมันเถอะ... ข้าขอโทษ" นางขอโทษซะด้วยสิ ทำไมรู้สึกว่านางน่ารักแหะ


    ไม่นานนักที่นั่งเงียบๆกันมาต่ออีก ในที่สุดรถเกวียนก็จอดที่ด่านตรวจ มันเป็นอย่างที่ซาย่าห์พูดไว้เลยไม่มีผิด พวกทหารแทบไม่ค้นเข้ามาข้างใน เมื่อหยิบขวดเหล้าไปกันได้ ก็ปล่อยให้รถคันนี้ผ่านไปได้อย่างง่ายดายจนรถเข้ามาจอดข้างในเมือง

    ซาย่าห์ยื่นผ้าคลุมสีดำเก่าๆในข้าผืนหนึ่ง

    "เอาไปคลุมตัวเจ้าไว้ซะ ปกปิดส่วนที่บอกว่าเจ้าเป็นวาสทาย่าห์ไปให้หมดก่อน แล้วรีบลงไป พวกมันยังไม่มาขนเหล้าตอนนี้"

    "เอ่อ.... ข้าขอสีที่มันดูดีกว่านี้ได้รึเปล่า? ข้าไม่ชอบสีดำเลย"

    "เงียบปากแล้วใส่ซะ! อย่าเพิ่งเรื่องมาก" ซาย่าห์ดุช้าอย่างน่ากลัวอีกครั้ง

    "ก็ได้ๆ ข้าใส่แล้วๆ" ข้าสวมมันไปจริงๆเลยนะ แหว่ะ แล้วข้าคงต้องรีบลงไปสินะ

    เมื่อพวกเราแอบย่องลงมาจากเกวียนด้วยกันแล้ว ซาย่าห์สั่งให้ข้าตามนางไปเรื่อยๆ นางพาข้าเดินลัดเลาะตามตรอกซอยต่างๆของตัวเมือง ไม่นานนัก พวกเราก็มาถึงส่วนลึกของตรอกซอยแห่งหนึ่งที่ไร้ซึ่งผู้คน มีร่องรอยของภาษาวาสทาย่าห์ดั้งเดิมเขียนอยู่บนกำแพง มีความหมายว่า 'ยินดีต้อนรับ' 

    ซาย่าเป่าขนกาของตัวเอง ขนของมันงดงามเป็นประกายเมื่ออยู่กลางอากาศ ก่อนมันที่มันจะแตะเข้ากับกำแพง แล้วเกิดเป็นแสงสีทองอร่ามออกมา และจากนั้น ประตูที่ถูกซ่อนด้วยเวทย์มนตร์ได้คลายตัว เผยให้เห็นทางเข้าไปหลังกำแพงนั่น ซาย่าห์เดินนำข้าเข้าไปก่อน และก็หันมาบอกว่า 

    "ถึงแล้วล่ะ ตามเข้ามาสิ" 

     เมื่อเข้ามาข้างใน ข้าก็ได้ค้นพบว่าห้องที่ซ่อนอยู่นั้นมันกว้างใหญ่กว่าที่ข้าคิดไว้มาก ลักษณะของห้อง เหมือนกับการรวบรวมวัฒนธรรมของชาววาสทาย่าห์เผ่าต่างๆมารวมเข้าไว้ด้วยกัน รอยสลักบนฝาผนังที่งดงามน่าจับตามอง กลิ่นอายของการใช้เวทย์มีอยู่ทั่วไป สถาณที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับ... บ้านที่อบอุ่นยังไงอย่างงั้นเลย

    "ราคาน... ยินดีต้อนรับ สู่แหล่งกบดานลับของเหล่าวาสทาย่าห์" 


    *******************************************************************************************************************************

    ตอนต่อไป "เหรียญตราเวทย์มนตร์กับภารกิจแรกของราคาน"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×