คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กองทัพปลาทู : Chapter 1
1
“ถ้างั้น...” ร่างสูงสำรวจฉันอีกครั้งก่อนจะลากเสียงยาวแต่ไม่ยอมพูดต่อทำให้ฉันเลิกคิ้วใส่งงๆ
“คะ?”
“ปลาทูตัวนี้กินได้ปะ?”
หา?
นี่เขากำลังเต๊าะหรือว่าไง? งง
“นี่คัพเค้กค่ะหนูไม่ได้ทำปลาทูมาให้”
ฉันยิ้มแหยๆพร้อมกับชูจานใส่ขนมไปตรงหน้าอีกครั้งซึ่งร่างสูงก็หยิบคัพเค้กไปหนึ่งชิ้นแล้วกัดกินเลยซะงั้น
“อืม อร่อย” ที่ปากจะเคี้ยวขนมแต่สายตายังคงจดจ้องที่ฉันตลอดเวลาจนเริ่มทำตัวไม่ถูกเลยพูดขึ้นแก้เก้อ
“หนะ หนูทำมาให้สามชิ้นค่ะ”
“เอาสองพอ”
มือใหญ่เอื้อมมาหยิบคัพเค้กไปอีกชิ้นพร้อมกับดันจานกลับมาให้ฉันพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ
“ที่เหลือเอาไปกิน”
ก็คือฉันก็ทำเผื่อตัวเองแล้วปะวะแต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยเขาก็รับมันไปแล้วกัน
“งั้นหนูไปก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว” ฉันที่กำลังจะกลับห้องก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงทุ้มนั้นเรียกดักไว้จึงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเขาว่ามีอะไร
พอเห็นท่าทีของฉันคุณกองทัพเลยพยักพเยิดหน้าไปในห้อง “มากินไอติมในห้องก่อนปะ?”
อะไรวะ อุตส่าห์ชื่นชมว่าหล่อแต่ท่าทีแบบนี้มันเฒ่าหัวงูชัดๆ!
“หา?”
อีกฝ่ายหน้าเหวอไปเลยหลังจกได้ยินสรรพนามที่ฉันเรียกใช้ เรียกลุงนั่นแหละเหมาะกับคนอย่างเขาแล้ว!
“ฉันเนี้ยนะลุง?” พูดพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ใช่ค่ะ” ฉันยิ้มหวาน “หรือจะให้หนูเรียกว่าพ่อดีคะ?”
“เฮ้ย เรียกพี่ก็ได้มั้ยฉันเพิ่งสามสิบห้าปะ” โอ้โห้กล้าพูด
ห่างจากฉันตั้ง...เอ๋ สามสิบห้าลบยี่สิบสามเป็นเท่าไหร่วะ? อืม...สิบสอง ใช่!
ห่างจากฉันตั้งสิบสองปี
“แก่แล้วก็ยอมรับความจริงว่าแก่ดิลุง” นี่ถ้าไม่ติดว่าถือจานคัพเค้กอยู่ฉันเท้าเอวคุยกับเขาด้วยแล้วเนี้ย
คิดว่าฉันจะยอมเรียกเขาว่าพี่เหรอ? ฝันไปเหอะ
หล่อซะเปล่าแต่ม่อเด็กเข้าห้องฉันไม่เรียกตาเฒ่าก็บุญแล้วมั้ย!
“ยิ่งแก่ยิ่งหล่อไม่เคยได้ยินรึไง?” พูดไม่พอยังเอามือจับคางโชว์ความพราวของใบหน้าตัวเองอีก
อะไรของลุงเขาวะ
“ไม่” ฉันปฏิเสธ “เคยได้ยินแต่ยิ่งแก่ยิ่งสมรรถภาพแย่” เอาซี่ รู้จักปลาทูกวนเบื้องล่างคนนี้น้อยไปซะแล้ว
“พูดแบบนี้เคยลองเหรอครับ?”
ตาลุงทำหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมกับก้าวเท้าออกมาจากห้องประชิดตัวฉันเข้าเรื่อยๆจนเริ่มใจดีไม่ดี
มองแบบนั้นหมายความว่าไงวะ? ลุงแม่งต้องคิดอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆ
“จะทำอะไรของลุงอะ?” ฉันถามเสียงสั่นพลางก้าวถอยหลังออกมา
“ไม่อยากลองเหรอว่าอายุปูนนี้สมรรถภาพยังดีรึเปล่า?”
“ใครจะอยากรู้ ถอยออกไปเลยนะลุง!” ฉันใช้มือข้างที่ว่างผลักอกร่างสูงให้ออกห่างก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องของตัวเองพร้อมกับล็อคประตูทันที
ยืนหายใจหอบอยู่สักพักก็นำจานไปวางไว้บนโต๊ะ
ดูท่าการสานสัมพันธ์กับเพื่อนข้างห้องนี่จะเละไม่ได้ท่าเอาซะเลย...
“เป็นไงบ้างแกห้องใหม่?” เสียงของฟ้าใสดังขึ้นรบกวนการส่องผู้ชายในอินสตาแกรมของฉัน
ยิ่งเรื่องที่มันพูดยิ่งทำให้หงุดหงิดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว “ทำไมทำหน้างั้นวะ
ไม่โอเคเหรอ?”
อาจเป็นเพราะเธอเป็นคนหาที่พักให้เลยกลัวว่าหากฉันไม่ถูกใจก็จะรู้สึกไม่ได้
“เปล่า ก็ดี” ดีทุกอย่าง... “ยกเว้นตาลุงของห้อง”
ยิ่งคิดมันยิ่งโมโห อุตส่าห์ซ้ายดูขวาแล้วว่าทางสะดวกแต่ไม่วายมาเจอตรงชั้นล่างจนได้แถมยังตะโกนเรียกฉันว่า
‘อีหนู อีหนู’ อย่างกับรู้จักกันมาชาติเศษ
“ทำไมวะ? เขานิสัยไม่ดีเหรอ?” น้ำถามขึ้นมา
“เออ หล่อซะเปล่าเสือกม่อ” โอ๊ยหงุดหงิด!
“หล่อเหรอ? แต่เมื่อกี้แกเรียกเขาว่าลุง”
“เออสิแม่งสามสิบห้าปี”
“ก็ไม่ได้เยอะมากที่จะเป็นลุงนะ” ฟ้าใสจับคางครุ่นคิดฉันจึงกรอกตาเบื่อหน่ายให้เธอ
เป็นเธอเธอก็ต้องเรียกว่าลุงเชื่อดิ
มันก็จริงที่ตาลุงนั้นไม่ได้แก่เวอร์วังขนาดนั้น “การกระทำอะ
เหมือนลุงแก่ๆที่ชอบกินเด็ก”
มีอย่างที่ไหนชวนไปกินไอติมในห้องทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงห้านาที
ให้ตายเถอะ...
“นี่ค่ะ” ฉันยื่นแบงค์ยี่สิบส่งให้วินมอเตอร์ไซค์ก่อนจะหมุนตัวกลับพร้อมเดินเข้าหอ
โชคดีที่ระยะทางระหว่างที่นี่กับมหา’ลัยไม่ได้ห่างกันซะเท่าไหร่ทำให้นั่งวินไปไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง
“อ้าวอีหนูกลับมาแล้วเหรอ?” ในขณะที่กำลังควานหากุญแจห้องในกระเป๋าสะพายเสียงทุ้มของตาลุงข้างห้องก็ดังแทรกเข้ามา
ฉันหันหน้าไปมองแล้วถอนหายใจแรงหนึ่งที
“นี่ลุง บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกอีหนู หนูชื่อปลาทูนะ”
เรียกซะเหมือนฉันไปเป็นเด็กเสี่ยอะ
“นี่ก็ชื่อกองทัพ”
ร่างสูงกอดอกเอนหลังพิงกับกำแพงแล้วเบนหน้ามาทางฉัน “ไม่ได้ชื่อลุง”
พอ ขี้เกียจคุย
“อ้าวจะไปไหนยังคุยไม่เสร็จเลย” ตาลุงประท้วงตอนที่เห็นว่าฉันเสียบกุญแจเปิดประตูพร้อมเดินเข้าไปไม่สนใจใยดีเขาแม้แต่นิดเดียว
“นี่คุยกันก่อน... เฮ้ย! ให้ตายสิ” ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากบานประตูแต่ฉันก็ไม่สนใจจนได้ยินเสียงเดินกระทืบเท้าออกไปพร้อมกับเสียงบ่นอย่างหงุดหงิด
อะไรของเขาวะ ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้
- สองชั่วโมงผ่านไป -
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ใครวะ?
ฉันมองบานประตูที่ถูกเคาะแว็บหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินตรงไปเพื่อเปิดดูว่าใครมา
คือประตูที่นี่มันไม่มีตาแมวเหมือนหอเก่าของฉันเลยไม่รู้ว่าคนข้างนอกนั้นเป็นใคร
หอมจัง...
ทันทีที่แง้มบานประตูออกสิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลของบะหมี่สำเร็จรูปสักยี่ห้อเลยเปิดประตูให้กว้างขึ้นอีกจนเห็นว่าเจ้าของกลิ่นนี่คือใคร
“กินปะ?”
“ลุง?”
ฉันเลิกคิ้วงงให้ตาลุงข้างห้องที่กำลังยิ้มร่าพร้อมชูมาม่าสองถ้วยขึ้น “มาทำไมอะ?”
“ถ้าบอกว่าคิดถึงจะเชื่อมั้ย?”
“งั้นกลับไปเลยค่ะ” ฉันบอกเสร็จก็ทำท่าจะปิดประตูแต่คนตรงหน้ากลับใช้ลำตัวมากั้นไว้ซะก่อน
“อะไรของลุงเนี้ย?”
“จะชวนกินมาม่า” เขาพูด “เป็นการตอบแทนคัพเค้กเมื่อวานไง”
กลิ่นหอมนั้นชวนให้อยากรับมาไว้เหลือเกินแต่ว่า... “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” จะให้รับมาเลยมันก็แปลกๆ ยิ่งเป็นลุงคนนี้ด้วยแล้ว
“อ้าว” ลุงกองทัพครางออกมา “ทีฉันยังรับไว้เลย
นี่เป็นน้ำใจจากคนข้างห้องเลยนะจะไม่รับไว้เหรอ?”
จะว่าไปตั้งแต่กลับมาจนตอนนี้หกโมงกว่าแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงห้องเลยสักนิดนอกจากน้ำเปล่า
อีกอย่างเขาบอกว่าเป็นสินน้ำใจเหมือนที่ฉันเอาคัพเค้กไปให้ถ้าฉันไม่รับไว้ก็จะทำตัวไม่มีมารยาทใช่มั้ยล่ะ?
ไม่อะ...ความจริงคือหิว
“ขอบคุณค่ะ” ฉันจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปหวังจะรับถ้วยมาม่าแต่อีกคนกลับชักมือกลับไปซะงั้น
“ไหนบอกเอามาให้?”
แต่กลับเอาไปซ่อนไว้ข้างหลังเนี้ยนะ
“ก็เอามาให้” ตาลุงยกคิ้วขึ้นกวนๆ “กินด้วยกัน”
“หา? หนูไม่...เฮ้ย เดี๋ยวสิลุง!” ไม่รอให้ฉันพูดจบร่างสูงก็ยัดถ้วยมาม่ามาใส่มือฉันไว้ถ้วยหนึ่งก่อนจะดึงฉันออกมาจากห้องแล้วลากไปตามทางเดิน
ฉันขัดขืนเขาแทบตายแต่ตาลุงบ้านี่ดันแรงเยอะฉิบหาย แก่แล้วควรจะอ่อนปวกเปียกกว่านี้ปะวะ
แต่จะว่าไปฉันก็แอบลอบมองท่อนแขนเขาอยู่นะ มันเต็มไปด้วยมัดกล้ามจนรู้สึกได้ถึงการออกกำลังกายอย่างหนัก
ในที่สุดลุงกองทัพก็พาฉันมาตรงโต๊ะไม้หินอ่อนข้างอาคาร
เขากดบ่าฉันให้นั่งลงก่อนที่ตัวเองจะอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“อะ กินได้” พูดเสร็จก็จัดการตักเส้นมาม่าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
ฉันส่ายหัวให้กับคนแก่ตรงหน้าแล้วจัดการในส่วนของตัวเอง
เราทั้งคู่นั่งต่างคนต่างกินไม่มีใครปริปากอะไรพูดออกมาจนกระทั่งฉันรู้สึกแปลกๆถึงได้เป็นฝ่ายเริ่มชวนคุย
“ลุงทำมาม่าอร่อยนะเนี้ย” ไม่ได้อวยนะมันอร่อยจริงๆ
ตอนแรกฉันนึกว่ามันจะเป็นมาม่าธรรมดาแต่เขามีการใส่พวกลูกชิ้นกับผักลงไปด้วยนะ
แถมยังมีไข่ด้วย
“แค่นี้เอง ของกล้วยๆ” คนอายุมากกว่าไหวไหล่ไม่ยี่หระกับคำชมได้เพิ่งได้รับนั่นมันยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้ขึ้นเป็นเท่าตัว
“ชิ”
ฉันจึงจิ๊ปากเล็กน้อยก่อนจะตักเส้นที่เหลือน้อยนิดเข้าปากต่อให้หมด
“ซู๊ด~” คนตรงข้ามยกถ้วยมาม่าขึ้นซดเสียงดังบ่งบอกถึงความเอร็ดอร่อย
ปกติฉันก็ยกซดแบบนั้นไงแต่พอเวลาอยู่กับคนแปลกหน้าหรือคนที่ไม่ค่อยรู้จักกันดีมันก็มีความเกรงใจผุดขึ้นมา
จากการที่ลุงเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเมื่อครู่ฉันก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ
ถือซะว่าเป็นเพื่อนข้างห้องกันคงแอ๊บไม่ได้นานหรอก
“ซู๊ด~” ฉันยกถ้วยซดบ้างแข่งกับตาลุงที่นำหน้าไปก่อน ความหอมหวานแสนอร่อยไหลผ่านลำคอ
“อ่าห์...อร่อย”
พอละสายตาจากถ้วยที่เกลี้ยงตรงหน้าสายตาก็ไปปะทะกับลุงกองทัพที่อมยิ้มส่งมาให้จนฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมา
“มะ มองอะไรลุง?”
เขาชี้นิ้วไปยังริมฝีปากของตัวเอง “เลอะ” ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง “เหมือนเด็ก”
“พูดมากน่า” ฉันรีบใช้มือเช็ดปากตัวเองทันทีพร้อมกับว่าเขาไปแก้เก้อ
มาว่าฉันเหมือนเด็กเหรอยะ เออยอมรับว่าฉันเด็กเมื่อเทียบกับคนแบบลุงอะ!
“เรียนหนักเหรอ?” รอให้ฉันถูๆปากเสร็จเขาก็ถามออกมา
ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงไม่เข้าใจในคำถามนั้นอีกฝ่ายถึงได้ขยายความ “เห็นกินเหมือนแร้งลง คงจะหิวเอามาก ไม่ก็ไปอดอยากมาจากที่ไหน”
ดูปากเสียๆของลุงคนนี้สิคะทุกคน
เสียดายที่หล่อแต่ดันปากเสีย...แม่ง!
“ลุงรู้มั้ยว่าหนูอยากจะเฉาะปากของลุงแล้วโยนไปให้พวกอีกาจิกๆๆให้ไม่เหลือซากไปเลย” ฉันใช้มือทุบลงไปกลางอากาศประกอบคำพูดแต่กลับไปยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากคนที่ถูกพาดพิงถึงได้หยุดการกระทำแล้วจ้องตาเขม็ง
“หัวเราะอะไรลุง?”
ลุงกองทัพเท้าคางลงกับโต๊ะพลางยกมุมปากขึ้นเพิ่มความเท่ให้กับตัวเอง
“ปากของฉันมันเหมาะกับอย่างอื่นมากกว่านะอีหนู”
“เช่น?” ฉันจะไม่สนใจคำเรียกที่เขาใช้ก็แล้วกัน
“พ...พูดบ้าอะของลุงอะหะ!” ฉันปัดมือเขาออกอย่างรีบร้อน
บ้าจริง...ทำไมต้องพูดเสียงตะกุกตะกักแบบนี้ด้วยล่ะปลาทู!
“ท่าทางแบบนี้คงยังไม่เคยจูบใครเลยสิท่า”
“ค...ใครว่า หนูน่ะเซียนเลยขอบอก” เซียนกับผีน่ะสิ
อย่างมากก็แค่จับมือเท่านั้นแหละ
แต่แฟนคนล่าสุดได้หอมแก้มนี่นา...นั่นก็ผ่านมาสามปีแล้วนะ
“จริงดิ” ตาลุงเบิกตากว้าง “งั้นคนเซียนช่วยสอนคนด้อยประสบการณ์อย่างผมหน่อยสิครับ”
“ไม่มีทาง!” ด้อยประสบการณ์เหรอ? เหอะ กล้าพูดนะ
มองจากดาวพลูโตก็รู้ว่าคนอย่างลุงน่ะเซียนเรื่องพวกนี้ซะยิ่งกว่าเซียนอีก
อย่ามาหลอกเด็กเลยลุงมันโคตรไม่เนียน!
“หึ” ร่างสูงหัวเราะในลำคอก่อนจะมองไปรอบๆเหมือนหาอะไรบางอย่างเสร็จแล้วจึงค่อยหันกลับมาหาฉัน
“เอากระเป๋าตังค์มารึเปล่า?”
กระเป๋าตังค์เหรอ?
“ไม่ได้เอามาค่ะ” ก็อยู่ๆลากฉันออกมาจะทันหยิบได้ยังไงเล่าตาลุงนี่
“ทำไมเหรอลุง?”
นัยน์ตาเขาดูเคืองๆที่ฉันยังเรียกว่าลุงแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรือขี้เกียจจะพูดแล้วก็ได้เพราะถึงยังไงฉันจะยังเลยเขาว่าลุงอยู่ดีถึงแม้ว่าหล่อจนอยากเรียกว่าอปป้าก็ตาม
ใครใช้ให้มาม่อใสฉันแบบนั้นก่อนล่ะ!
“พอดีไม่ได้เอามาเหมือนกัน” ตาลุงตอบเสียงเศร้าๆแต่ทำไมรู้สึกว่ามันเฟคจังวะ?
“งั้นพอมีเงินติดตัวบ้างปะ?”
“เงินเหรอ?” ฉันคิด “มีในกระเป๋า” ฉันล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมดึงแบงค์สีแดงและสีเขียวออกมา
“เยี่ยมเลย” คนตรงข้ามปรบมือเสียงดังจากนั้นจึงแบมือมาไว้ตรงหน้า
“ยืมเงินหน่อยดิ ร้อยหนึ่ง”
“หา?” อะไรวะนี่มันเหมือนการบังคับมากกว่าร้องขออีก
ขอย้ำอีกครั้งมามันเหมือนการบังคับ
“ไม่ต้องโอนหรอกลุง” ฉันวางแบงค์ร้อยลงบนฝ่ามือเขา “เดี๋ยวขึ้นไปค่อยเอาให้ก็ได้” ห้องอยู่ข้างๆกันเองปะ
“ไม่เอาอะไม่ชอบค้างใครนานๆ”
เขาทำหน้าเนือยเหมือนว่าไม่ชอบตามที่บอกจริงๆ ฉันจึงถอนหายใจออกมา
“เอางั้นก็ได้ค่ะลุง”
“ดี” เขาอมยิ้ม “เอาพร้อมเพย์มา”
“เลขบัญชีไม่ได้เหรอ?” ฉันมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเขาแล้วเลิกคิ้วถาม
คืออุตส่าห์ท่องจำเลขบัญชีได้ก็อยากจะโชว์พราวสักหน่อย
“ไม่ได้ พร้อมเพย์สะดวกกว่า”
แอบเห็นว่าลุงกองทัพเปลี่ยนหน้าจอไปเปลี่ยนสมุดบันทึกแทนแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
“ก็ได้ค่ะ” ฉันถอนหายใจอีกครั้งจากนั้นก็เอ่ยปากบอก “089XXXXXXX”
“โอเค เรียบร้อย”
มุมปากนั้นยกยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจหลังจากได้ฟังจนฉันนึกสงสัยในใจว่าทำไมถึงได้ทำหน้ามีความสุขขนาดนั้น
มันก็แค่พร้อมเพย์ปะวะ?
30% : โอ๊ยฉันควรจะสงสารใครดีระหว่างหนูปลาทูกับ(ลุง)กองทัพ55555555555555
เรื่องนี้ไรท์ยังไม่มีกำหนดอัพตายตัวนะคะ อันนี้มาแกล้งหย่อนไว้เฉยๆแต่ถ้าฟีคแบคดีไม่แน่อาจจะเลื่อนขึ้นมาอัพก่อนก็ได้นะคะ ฮาาา
หน้าปลาทูก็คือ...
"อิหยังวะ"
ความคิดเห็น