ตอนที่ 24 : 03 บทพิเศษ : ก้าวแรกสู่การหวนคืน
03 บทพิเศษ : ก้าวแรกสู่การหวนคืน
มันเลวร้ายกว่าที่คิด...หรือชิชิโอะ มาโคโตะเลือกที่จะต้อนรับเขาตั้งแต่แรก
ตั้งแต่ที่ถูกไหว้วาน ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายส่งลูกน้องของตัวเองมาบอกเขา อีกฝ่ายจงใจให้เขาได้เห็นความโหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ กดดันให้เขากลับไปเป็นตัวตนที่ดำมืดยิ่งกว่าเงาร้ายอีกครั้ง
หมู่บ้านที่อยู่เลยโอดาวาระไปเล็กน้อยถูกกดขี่ ครอบครัวของเด็กคนหนึ่งที่ยืนหยัดขึ้นมาเพื่อต่อต้านอำนาจของชิชิโอะได้รับบทลงโทษราคาแพงแสนแพง
เคนชินจดจำได้ดีถึงเสียงกรีดร้องของเด็กชายที่มาขอความช่วยเหลือจากเขา
ทั้งกรีดร้อง คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าศพของบุพการีที่ถูกแขวนคอประจานอย่างน่าเวทนา
แม้แต่นินจาสาวอย่างมากิมาจิ มิซาโอะยังไม่กล้าแม้แต่จะแหกปากตะโกนโวยวายอย่างที่ตัวเองทำ
ก้าวแรกสู่การหวนคืน
เพลงดาบล่องนภาอันโดดเด่นถูกร่ายรำ แม้จะมีไว้เพื่อสังหาร แต่ด้วยดาบสลับคมในมือก็ทำให้ศัตรูสลบศิโรราบแก่ตนเท่านั้น
เพื่ออุดมการณ์ที่จะเป็นจริง
เพื่อตัวเองที่ปฏิญาณไว้แล้วว่าจะไม่ฆ่าใครอีก
นักดาบที่ไม่มีวันได้เป็นซามูไรเหล่านั้นพ่ายแพ้ราบคาบในพริบตา รอยยิ้มไร้เดียงสาบนใบหน้าของเซตะ โซจิโร่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อีกฝ่ายยืนนิ่งมือไขว้หลังราวกับกำลังชื่นชมกับฝีมืออันล้ำเลิศของเขาอยู่
พวกชาวบ้านที่ต่างหวาดกลัวเริ่มโผล่หัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครสักคนที่กล้าสู้หน้าเด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้งในอ้อมแขนของมิซาโอะ
แม้จะรู้สึกสงสารและรู้สึกผิดต่อคนที่พวกตนทอดทิ้ง
แต่ที่เหนือไปกว่านั้นคือความละอายใจที่ทิ้งให้เด็กน้อยต้องเผชิญหน้ากับเหล่าคนชั้นต่ำพวกนั้นแต่เพียงลำพัง ปิดหูปิดตาเมินเฉยเพื่อเอาชีวิตรอด
น่าสังเวทเหลือเกิน
“ช่างแข็งแกร่งเกินกว่าจะให้เป็นมนุษย์”
น้ำเสียงเย็นเยียบ เมื่อเคนชินเงยหน้าขึ้นมอง ที่ตรงนั้นกลับยังเหลือร่างของอีกคนหนึ่งที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะล้มลงเหมือนคนอื่นๆ
ไม่สิ—ต้องบอกว่ามาปรากฏตัวตอนไหนก็ไม่ทราบถึงจะถูก
เป็นชายหนุ่มที่มีบรรยากาศโดดเด่นไม่ต่างจากเด็กหนุ่มที่ยืนยิ้มอยู่เลย
เพียงแต่มีบางอย่างที่บิดเบี้ยวกว่ามาก
หากเปรียบเซตะ โซจิโร่เป็นน้ำเย็นสดชื่น อีกฝ่ายคงเป็นเปลวเพลิงอันเยือกแข็งที่แผดเผาศัตรูจนมอดม้วย
“เจ้าเองก็รับใช้ชิชิโอะอย่างนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มเอื้อนเอ่ยต่อผู้มาใหม่
“ข้าไม่เคยรับใช้ใคร” อีกฝ่ายตอบมาพร้อมแสยะยิ้มปีศาจร้าย “เพียงแค่เป็นผู้เฝ้ามองที่จะเห็นความพินาศของมนุษย์อย่างพวกเจ้าเท่านั้น”
เอ่ยราวกับไม่ใช่มนุษย์...ไม่สิ ด้วยรูปร่างภายนอกที่ดูราวกับเปลวเพลิงแล้ว เคนชินยังเคลือบแคลงว่าอีกฝ่ายใช่มนุษย์จริงๆ หรือเปล่า
บางตำนานเคยเล่าขานถึงมนุษย์ที่กัดกินมนุษย์ด้วยกันเองจนเริ่มกลายเป็นอย่างอื่น รูปลักษณ์บิดเบี้ยวผิดเพี้ยนจนเหมือนปีศาจร้าย
แม้ชายหนุ่มตรงหน้านี้จะไม่ได้อัปลักษณ์ แต่บรรยากาศนั้นช่างบิดเบี้ยวจนไม่น่าไว้วางใจ
“แค่เห็นพวกเจ้าเข่นฆ่ากันเองก็บันเทงไม่ใช่น้อยๆ แล้ว” ชายหนุ่มหัวเราะ ดึงคาตานะที่เรี่ยราดแถวนั้นขึ้นมาพิจารณา ไล่มือไปตามคมดาบอย่างไม่เกรงกลัว
“เจ้าไม่คิดแบบนั้นหรือ บัตโตไซ?”
รอบข้างคล้ายจะถอยไปก้าวหนึ่ง แววตาเริ่มฉายแววหวาดกลัว
ทุกอย่างล้วนจับจ้องมาที่เขา
เคนชินกำดาบแน่น “สิ่งที่เจ้ามองเห็นนั้นมีเพียงเลือดอย่างนั้นเหรอ?”
มีแค่ความตายที่เป็นสิ่งสวยงามอย่างนั้นหรือ?
หรือแค่เพราะว่ามันทำให้รู้สึกสาสมจนอยากหัวเราะแค่นั้น?
ชายหนุ่มยิ้มแย้ม ชี้ปลายดาบมาที่เขา “ใช่แล้วล่ะ”
ก่อนจะตั้งท่าหมายจะพุ่งเข้ามา “เจ้าไม่ลองกลับไปเพลิดเพลินกับมันอีกครั้งดูล่ะ?”
และเพียงพริบตาเดียว ร่างตรงหน้าก็หายไปแล้ว!
เคร้ง!
หนักหน่วง—ถึงแม้จะตั้งท่ารับเอาไว้ได้ แต่เคนชินรู้ดีว่าแรงที่กดลงมานั้นไม่ธรรมดา จิตสังหารที่แผดพุ่งก็แทบจะปลุกสัญชาตญาณของเขาให้ตื่นขึ้นมา
สัญชาตญาณเข่นฆ่าที่หายไปนานแล้วกำลังถูกกระตุ้นเพื่อป้องตัวเองจากตัวตนที่แข็งแกร่งกว่า
แล้วครั้งเมื่อได้จดจ้องที่ดวงตาคมสีเพลิงของอีกฝ่าย เขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมชิชิโอะถึงมีคนๆ นี้ร่วมอยู่ในอุดมการณ์
เพราะมันมีแต่ความบ้าคลั่ง—ความบ้าคลั่งที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งอย่าง
ความบ้าคลั่งที่เหนือกว่าเขาจนน่าขนลุก
“ตัวเจ้าในตอนนี้กำลังฟาดฟันอยู่หรือเปล่า?” อีกฝ่ายถาม กดแรงลงมาจนเขาต้องถอยหลัง
เรี่ยวแรงมหาศาลนี้มาจากไหนกัน?—ชายหนุ่มคิดอย่างตื่นตระหนก
“หรือว่าเจ้าอยากจะร่ายรำไปกับมันดีล่ะ?”
แขนของเขาเริ่มสั่น ก่อนที่จะมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น
ร้อน—ความร้อนที่ก่อเกิดขึ้นอย่างไร้สาเหตุกำลังทำให้ใบดาบของฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นสีแดง
เคนชินเบิกตากว้างก่อนจะตัดสินใจปัดดาบเล่มนั้นออกในกระบวนท่าถัดมา เสียงใบดาบหักก้องกังวานในโสตประสาท แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นไหล่ของเขากลับโดนคลื่นความร้อนฟาดหันเข้าใส่จนไหม้
ช่างเหมือนกับแผลที่ฟูจิตะ โกโร่ได้มาไม่มีผิดเพี้ยน
มองอีกฝ่ายที่ทิ้งดาบตนเองที่หักไปแล้วอย่างไม่ใยดี
“เป็นเจ้าเองสินะ” มองชายหนุ่มที่ไม่เหมือนมนุษย์ด้วยความระแวง “ที่ทำให้ไซโต้ ฮาจิเมะพ่ายแพ้”
อีกฝ่ายคล้ายกำลังเยาะเย้ย “ชื่อนี้ช่างน่าคิดถึงจริงๆ” เขาว่า “เจ้านั่นแพ้เพราะยังคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์อยู่ยังไงล่ะ!”
ถ้อยคำที่เป็นปริศนา กับความสงสัยที่เพิ่มพูนขึ้นมากทุกที
ตัวตนของชายคนนี้เป็นใครกันแน่
หรือแม้แต่ไซโต้ ฮาจิเมะเอง...ช่างน่าสงสัยในถ้อยคำนั้นยิ่งนัก
“เอาล่ะ ทักทายกันแค่นั้นก็พอเถอะขอรับ ท่านคาโนะ” โซจิโร่แทรกขึ้นมา ก้าวเข้ามาขวางพวกเขาทั้งสองเอาไว้
หันมามองเขาด้วยความอารีที่ไร้จิตใจ “ท่านชิชิโอะ เรียกให้ท่านไปพบขอรับ”
เป็นไปอย่างที่คิด นี่คือการต้อนรับ
การเชื้อเชิญที่ถูกตกแต่งด้วยเลือดและวิญญาณของผู้บริสุทธิ์
เคนชินเก็บดาบเข้าฝัก ใบหน้าของเขาในตอนนี้น่ากลัวจนไม่อยากที่จะมองหน้าใครทั้งนั้น
มิซาโอะมองด้านหลังของชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วงปนระแวง นั่นไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อครั้งอดีตนั้น กลุ่มโอนิวาบังไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับเขา
เคนชินได้ยินเสียงซุบซิบที่ปะปนมากับเสียงแห่งความหวาดผวา ชายหนุ่มหลุบตาต่ำ ความหม่นหมองกำลังฉุดในเขาตกลงไปในบ่อโคลนตม
นั่นเป็นความรู้สึกเดียวกับครั้งอดีต เมื่อยังออกสังหารผู้คนจนมีแต่คนหวาดกลัวและรังเกียจ
“เจ้าคือเจ้า”
ใบหน้าของคามิยะ คาโอรุคือแสงหนึ่งเดียว กับรอยยิ้มอันเดียงสาของนาง
“คือฮิมูระ เคนชิน...ไม่ใช่ฆาตรกรอย่างที่คนอื่นกล่าวว่า”
เซตะ โซจิโร่ยืนรออยู่นาน
“ข้าจะไป” ชายหนุ่มตอบ
ได้ยินเสียงหัวเราะของคาโนะลอยมากระทบหู ก่อนที่ทั้งสองจะออกเดินนำเข้าไปยังจุดหมาย
“หวังว่าดาบของเจ้าจะมั่นคงและแข็งแรงพอ ฮิมูระ บัตโตไซ” คาโนะกล่าว
เคนชินละทิ้งชาวบ้านออกมา หันหลังตามศัตรูไปด้วยความกรุ่นโกรธที่ถูกเคลือบไว้ด้วยความนิ่งสงบ
ชิชิโอะ มาโมโตะ—เป็นเจ้าเองที่ทำให้ข้าต้องลงมืออีกครั้ง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
