ตอนที่ 7 : The Accidental Love [7]
The Accidental Love
Pairing : Erik Lencherr x Charles Xavier
AU Fic X-men
[ 7 ]
“ คิดยังไงถึงได้ชวนฉันออกมาเนี่ย” ชาร์ลส์หันหน้าไปถามคนขับรถข้างตัว จู่ๆเมื่อคืนอีริคก็โทรมาหาเขาและชวนให้ออกมาเที่ยวด้วยกัน แถมยังลงทุนขับรถมารับถึงที่คฤหาสน์ สร้างความประหลาดใจให้เรเวนกับโลแกนพอสมควร
“ เป็นวิธีที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดให้กับคนไข้” อีริคตอบเสียงเรียบ
“ นายชวนคนไข้ทุกคนออกมาเที่ยวงั้นเหรอ” ชาร์ลส์ถามตรงๆ
“ เปล่า” อีริคปฏิเสธ “ มีศาสตราจารย์…แล้วก็นาย”
ชาร์ลส์กะพริบตาปริบๆ รู้สึกอุ่นวาบในอกอย่างประหลาด “ ขอบคุณครับ” ชวนให้รู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษชอบกล แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดออกไป
“ แล้วจะไปไหนล่ะ”
“ ห้าง”
“ ห้าง?” ชาร์ลส์ทวนคำ เขาไม่ได้ไปห้างมานานแค่ไหนแล้วนะ
“ นายไม่ได้ไปที่นั่นบ่อยๆหรือไง” เหมือนอีริคจะจับจากน้ำเสียงได้ว่าชาร์ลส์คงไม่ได้ไปที่นั่นเป็นประจำ
“ อ้อ ไม่ได้ไปสัก…ปีกว่าแล้วมั้ง ที่ไปบ่อยๆก็มีแค่สวนสาธารณะกับมหาวิทยาลัย มีบ้างที่ไปร้านอาหารด้านนอกหรือร้านหนังสือ” ชาร์ลส์เสริมต่ออีกว่า “ ขาแบบนี้จะเดินทางไปที่ไหนก็ไม่สะดวกหรอก”
“ ข้ออ้าง” โต้สั้นแต่ทำให้คนฟังนึกฉุนขึ้นมาในทันที ก่อนที่ศาสตราจารย์หนุ่มจะอ้าปากว่าอะไร คุณหมอหนุ่มก็รีบอธิบายเสียก่อน “ ศาสตราจารย์ก็เป็นเหมือนนายแต่เขายังไปเที่ยวอิตาลีกับพ่อฉันได้เลย”
“ ศาสตราจารย์น่ะนะ” ชาร์ลส์ไม่อยากจะเชื่อ
อีริคพยักหน้า “ มันขึ้นอยู่กับจิตใจ อย่างที่นายบอกนั่นแหละ ถ้าใจเข้มแข็งร่างกายก็จะดีขึ้นตามลำดับด้วย มีรายงานทางการแพทย์ว่าบางครั้งเราไม่ต้องให้ยากับผู้ป่วยแต่แค่ให้กำลังใจ บางครั้งก็พบว่าดีขึ้นได้”
“ พูดเป็นทางการเชียว” เขาหัวเราะเบาๆ ความโกรธเมื่อครู่หายไปอย่างรวดเร็ว แอบสังเกตความนัยที่แฝงในคำพูดยาวเหยียดผิดวิสัยคนเงียบขรึมเมื่อครู่
หากช่วยให้ผ่อนคลาย จิตใจดีขึ้น ร่างกายก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
“ นายเป็นหมอที่ดีนะ” เขาชมจากใจ
ดวงตาสีเทาเหลือบมอง โดยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ
“ ห้างนี้ฉันไม่เคยมา” สงสัยว่าจะเป็นห้างที่เปิดใหม่
“ ฉันก็ไม่เคย” อีริคบอก ชาร์ลส์เข้าใจว่าเป็นเพราะคุณหมอคนนี้พึ่งจะเดินทางมาจากเยอรมนีเลยไม่เคยมา
“ งั้นก็เป็นครั้งแรกของพวกเราทั้งคู่น่ะสิ” ชาร์ลส์เอ่ยโดยไม่คิดอะไร คนข้างตัวหลุดขำเบาๆ “ นายขำอะไร”
“ ท่านศาสตราจารย์เลือกใช้คำพูดได้ตลกดีนะ” ตอนนั้นเองที่ชาร์ลส์ระลึกได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เขาไม่ได้โวยวายแค่แย้งกลับเรียบๆว่า
“ ถ้าคนฟังไม่คิดลึก มันก็ไม่มีอะไร”
อีริคยิ้ม ไม่ได้ต่อปากต่อคำ เขาขับรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถ ลงจากรถมาหยิบรถเข็นที่ด้านหลังออกมาจึงค่อยเปิดประตูฝั่งคนนั่งข้างๆ
“ หยุดๆ” ชาร์ลส์รีบห้าม เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะอุ้มเขาในท่าเจ้าสาวอีกแล้ว
“ ถ้าไม่ให้ฉันอุ้มนายลงมาแบบนั้นแล้วปกติทำยังไง”
ชาร์ลส์บอกว่าโลแกนสามารถหิ้วชาร์ลส์ลงมาได้โดยไม่ต้องอยู่ในท่านั้น ใช้วิธีจับเอวกับข้อพับแล้วก็ยกทั้งแบบนั้นมาวางเลย อีริคเถียงว่าอย่าเอาเขาไปเปรียบกับชายกล้ามใหญ่แบบนั้น
“ เราจะไม่เสียเวลาเถียงกันทั้งวันใช่ไหมชาร์ลส์” เจ้าของชื่อส่ายหน้า “ ถ้าอย่างนั้นหลับตาสิ”
แม้จะไม่เข้าใจแต่ดวงตาสีฟ้าก็ปิดโดยดี
วืด!
“ เฮ้!” ลืมตาโพลงวินาทีเดียวกับที่ร่างกายสัมผัสกับเบาะนุ่มของรถเข็น เมื่อครู่อีริคอุ้มเขาในท่านั้นอีกแล้วแต่จงใจวางเขาลงอย่างเร็วทว่าเบา
“ แค่ไม่เห็นก็พอแล้วสินะ” ชาร์ลส์อยากจะเถียงใจจะขาดแต่เขารู้ว่ามันเปล่าประโยชน์จึงยอมปล่อยเลยตามเลยไป แล้วก็ปล่อยให้อีริคได้ช่วยเข็นรถให้เขาตามที่อีกฝ่ายอยากทำ ช่วงที่พวกเขามาถึงห้างเป็นเวลาเที่ยงพอดี จึงได้เลือกเข้าร้านอาหารก่อน
“ แอบรู้สึกแปลกๆแฮะ” ชาร์ลส์พึมพำยิ้มๆ
“ แปลกอะไร” อีริคถาม
“ ที่เรามานั่งทานอาหารกันแบบนี้” ชาร์ลส์บอก “ วันแรกที่เจอกันนายยังไล่ฉันไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะอยู่เลย”
คนนั่งตรงข้ามเพียงพยักหน้าน้อยๆ เขาส่งเมนูให้ศาสตราจารย์เลือก พวกเขาคุยกันเพียงเล็กน้อยจนถึงทานเสร็จ
เป้าหมายแรกหลังมื้ออาหารที่ทั้งคู่เลือกตรงกันก็คือร้านหนังสือ สมกับที่นี่เป็นห้างใหม่ขนาดใหญ่ แม้แต่ร้านหนังสือก็มีขนาดใหญ่ตามไปด้วย และนั่นก็ทำให้คนที่รักการอ่านสองคนยิ้มออก ( ใช่…แม้แต่อีริคก็ยิ้ม) อีริคยังใจดีช่วยเข็นพาชาร์ลส์ไปมุมที่เป็นหนังสือวิทยาศาสตร์ก่อน แล้วจึงแยกไปดูหนังสือทางการแพทย์ของตนบ้าง
“อ้าว?” ชาร์ลส์อุทานเสียงเบา เมื่อเห็นอีริคที่เดินไปแล้วย้อนกลับมา
“ หนังสือแพทย์อยู่ตรงนี้” อีริคบอกอย่างรู้ทัน เป็นเรื่องบังเอิญที่หนังสือที่ร่างสูงต้องการวางเรียงถัดจากหนังสือที่ชาร์ลส์เล็งเพียงสามชั้นวาง
คนฟังพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเริ่มเลื่อนสายตาไปตามชั้น มือยื่นไปหยิบออกมาเล่มหนึ่ง ลองพลิกดูชื่อคนเขียน เนื้อหาด้านในอยู่ราวห้านาทีก็ยัดหนังสือกลับคืนชั้นวางแล้วหาเล่มใหม่ หยิบวางอยู่สามครั้ง ดวงตาสีฟ้าจึงสะดุดที่หนังสือเล่มหนาบนชั้นเหนือศีรษะ เขาเลื่อนรถเข็นมาให้ตรงกับหนังสือด้วยตัวเอง เอื้อมขึ้นไปสุดแขนแต่ก็ทำได้เพียงปลายนิ้วสะกิดที่สันหนังสือด้านล่าง
ชาร์ลส์นั่งลงอีกครั้ง เมื่อคลายความเมื่อยก็เอื้อมแขนขึ้นไปอีก คราวนี้เขาสามารถเกี่ยวตรงสันแล้วดึงมาได้นิดหน่อย ทว่ายังหยิบไม่ได้
หลังทิ้งตัวลงนั่งอีกรอบเขาก็ยืดตัว เอื้อมแขนเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้ปลายนิ้วไปดึงเอาหนังสือ แต่ว่าไม่สามารถรับไว้ในมือได้เพราะหนังสือหนาและหนักเกินไป
ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างตอนที่เห็นว่าหนังสือนั่นร่วงลงจากชั้น และตอนที่มันกำลังจะกระทบใบหน้าชาร์ลส์ก็ปิดตาแน่น เตรียมรอรับคามเจ็บที่กำลังจะมาถึง
หนึ่งวินาที…
สองวินาที…
ห้าวินาที…
แต่มันก็ยังไม่รู้สึกอะไร เขาเลยลืมตาขึ้นสิ่งที่เห็นไม่ใช่หนังสือแต่เป็นมือใหญ่ที่รับหนังสือนั้น พอเลื่อนสายตาไปตามแขนก็จะเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของคนที่ช่วยเขา
“ ทำไมนายไม่เรียกให้ฉันช่วยห๊ะ” อีริคขมวดคิ้ว ว่าอีกฝ่ายเหมือนว่าเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ “ ถ้าหนังสือนี่หล่นทับจะเป็นยังไง”
“ ก็เจ็บน่ะสิ” ชาร์ลส์ไม่ได้ตั้งใจจะกวนแต่ปากมันไปไวกว่าความคิด
“ รู้แล้วยังไม่ระวังอีก” อีริคว่าต่อ
“ ขอโทษที” ชาร์ลส์ยกมือยอมแพ้ เขายอมรับผิดจริงๆ “ แล้วก็…ขอบคุณมากที่ช่วยฉัน”
อีรคิถอนหายใจสั้นๆ เขาส่งหนังสือให้ชาร์ลส์ แล้วยังกำชับว่า “ ครั้งหน้าถ้าหยิบไม่ถึงเรียกฉัน”
“ เข้าใจแล้วอีริค” ชาร์ลส์ยิ้ม พึมพำว่าขอบคุณอีกครั้ง
ตอนออกจากร้านหนังสือพวกเขาได้หนังสือมาคนละเล่ม หนังสือที่ชาร์ลส์ซื้อมาก็คือหนังสือที่อีริครับเอาไว้ให้นั่นเอง ส่วนหนังสือของอีริคนั้น…
“ นายซื้อหนังสือเกี่ยวกับหมากรุกทำไม” ชาร์ลส์ตาไวสังเกตเห็นตอนที่จ่ายเงิน
“ ฉันซื้อให้นาย” อีริคตอบเสียงเรียบ
“ ให้ฉัน?” ชาร์ลส์ทวนคำ “ ให้ฉันทำไม”
“ ให้นายเอาไว้ฝึก” อีริคยกยิ้มดูดี แต่สำหรับชาร์ลส์มันเป็นรอยยิ้มที่น่าเกลียดมาก
“ ขอโทษนะคุณเลนเชอร์ ผมไม่เห็นเหตุผลที่ผมจะต้องอ่านหนังสือนี้เลย ในเมื่อ…ผมสามารถเอาชนะคุณในเกมหมากรุกได้” เขาแกล้งพูดสุภาพแต่แอบกระทบกระเทียบ
“ ล่าสุดที่เราเล่นด้วยกัน นายแพ้ห้าครั้งติด” อีริคทวนความจำให้อีกฝ่าย “ มันเป็นสถิติที่ไม่สวยงามเลยว่าไหม”
“ อีริค เลนเชอร์!” ต้องการจะกวนประสาทเขาหรือไงกัน ที่เขาแพ้ก็เพราะว่าเขาไม่มีสมาธิ มัวแต่กังวลเรื่องการผ่าตัด
อีริคหัวเราะในลำคอ “ เอาไปสิ ถือว่าเป็นคำท้าจากฉัน แล้วครั้งหน้าก็ชนะให้ได้” เขายื่นห่อกระดาษสีน้ำตาลให้
ชาร์ลส์พยายามยกยิ้ม แต่มันคงบิดเบี้ยวน่าดู “ ฉันจะรับเอาไว้แล้วครั้งหน้าที่ฉันชนะ ฉันจะยกเล่มนี้ให้นายไปศึกษามาแก้มือ”
“ รับคำท้าแล้วนะ” ชาร์ลส์รับของจากมือของอีริคไป
“ นายจะไปที่สวนสาธารณะไหม” อีริคถามหลังจากดูนาฬิกาแล้วพบว่ายังมีเวลาเหลือสำหรับวันนี้ ชาร์ลส์ไม่โต้แย้ง เขาคิดว่าไปนั่งกินลมธรรมชาติที่สวนสาธารณะหน่อยคงจะดี
แต่ว่าแผนของพวกเขาต้องเปลี่ยนกะทันหันเมื่อเห็นใครบางคน
“ นั่น…” ชาร์ลส์ไม่แน่ใจในตอนแรก แต่หลังจ้องอยู่หลายนาทีเขาก็มั่นใจว่าชายร่างหนาที่ยืนอยู่หน้าร้านแมคโดนัลด์คือโลแกน
“ มีอะไร” อีริคถามเมื่อคนบนรถเข็นดึงแขนเสื้อเขาให้หยุด
“ ฉันเห็นโลแกน” ชาร์ลส์ตอบ สายตายังจ้องที่บุรุษพยาบาลส่วนตัว “ ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
“ มีเหตุผลเป็นร้อยถ้านายอยากจะได้ชาร์ลส์” อีริคเริ่มร่าย “ มาเที่ยว มาซื้อของหรือ…นัดใครไว้” คำพูดสุดท้ายมาพร้อมการเลิกคิ้ว เมื่อดวงตาสองคู่สังเกตเห็นโลแกนโบกมือให้ใครบางคน พวกเขามองไปที่อีกคนทว่าไม่เห็นเนื่องจากคนที่เดินผ่านบังไว้ แล้วโลแกนก็เดินมาหาใครคนนั้น ก่อนจะเดินไปด้วยกัน
ชาร์ลส์กะพริบตาปริบๆ กำลังคิดอยู่ว่าควรจะเข้าไปทักหรือว่าปล่อยให้ผ่านไปดีกว่า
“ ชาร์ลส์!” เสียงสูงที่คุ้นเคยร้องเรียกพร้อมกับอ้อมกอดที่รัดโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้เจ้าของชื่อตกใจเล็กน้อย
“ เรเวน?” ชาร์ลส์เรียกชื่อผู้ที่กอดเขา “ อย่าจู่ๆก็โผเข้ามาแบบนี้ ฉันตกใจนะ”
เรเวนยิ้ม เชื่อสิว่านั่นทำให้เธอชอบใจมากกว่าจะสำนึก
“ เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย” ชาร์ลส์ถามน้องสาว
“ พี่จำไม่ได้เหรอว่าบ่ายนี้พวกฉันไม่มีคาบเรียน” เขาไม่ได้ลืม แต่ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่ พร้อมกับสงสัยว่าเธอมาทำอะไรที่นี่
“ เธอมากับโลแกนเหรอ”
เรเวนส่ายหน้า “ ฉันมากับแฮงค์”
พอพูดถึงเด็กหนุ่มที่สวมแว่นก็โผล่มาเลย
“ บังเอิญเห็นโลแกนเหมือนพี่นั่นแหละ” เรเวนอธิบายต่อ “ พี่รู้ไหมว่าเขามากับใคร”
ชาร์ลส์ส่ายหน้า
“ แล้วอยากรู้ไหม” เธอทำตาเป็นประกาย
“ ไม่ดีกว่า” ชาร์ลส์ส่งยิ้มให้เด็กสาวที่ทำหน้าบูด
“ แต่โลแกนเป็นหนึ่งในสมาชิกบ้านเรา” เรเวนพยายามเกลี้ยกล่อมพี่ชาย “ เราควรจะตามไปดูเผื่อว่าเขาจะเป็นอันตรายหรือโดนใครหลอกเอานะ”
“ ฉันมั่นใจว่าหุ่นแบบนั้นไม่มีใครทำอะไรได้แน่” อีริคตัดบท ประโยคนี้ทำให้ชาร์ลส์กับแฮงค์หลุดขำ แต่เรเวนไม่สนใจเธอแทรกเข้ามาด้านหลังรถเข็นแล้วจัดการเข็นรถให้พี่ชายแทน โดยมุ่งหน้าไปยังทางที่โลแกนพึ่งจะเดินไป
“ จริงๆแล้วเธอแค่อยากรู้ใช่ไหมว่าเขามากับใคร” ชาร์ลส์รู้ทัน
เรเวนยิ้มตอบรับ
“ นายจะกลับก่อนก็ได้นะอีริค” ชาร์ลส์บอกคุณหมอที่เดินมาข้างๆ กลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้อีกฝ่ายเสียเวลา เจ้าตัวพยักหน้ารับรู้แต่ยังคงตามพี่น้องเซเวียร์อยู่ดี ปิดท้ายด้วยแฮงค์ที่พยายามจะวิ่งตาม
มันคงจะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากถ้าหากโลแกนกับคนที่มาด้วยไม่สังเกตเห็นพวกชาร์ลส์ ก็รถเข็นออกจะเด่นขนาดนี้ต่อให้หลบได้สองสามครั้ง สุดท้ายก็ไม่พ้นอยู่ดี แต่จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่ทราบเพราะว่าพวกชาร์ลส์ได้เห็นคนที่โลแกนกำลังเดินด้วยแล้ว
คนที่อยู่ข้างโลแกนก็คือจีน เกรย์!
“ สวัสดีค่ะศาสตราจารย์” เธอทักทายอาจารย์ที่เธอเคารพก่อนตามด้วยทักทายคนอื่น
“ ชาร์ลส์…” โลแกนจะทักตาม สีหน้าเขาดูบิดเบี้ยวปนเประหว่างตกใจ ประหลาดใจ สับสนลังเลว่าจะพูดอะไร
และนี่คือสิ่งที่คนอื่นพูดทักโลแกน (พร้อมกัน)
“ นายพาจีนมาซื้อของเหรอ” ชาร์ลส์มองในแง่ดี ถามด้วยรอยยิ้ม
“ ทำไมเป็นจีนล่ะ!?” เรเวนตกใจ…และค่อนข้างดูไม่พอใจ
“ โลแกน! จีนพึ่งจะสิบเก้านะ แล้วคุณอายุพอจะเป็นพ่อเธอได้เลย” แฮงค์บอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ นายรู้กฎหมายใช่ไหม เกี่ยวกับพรากผู้เยาว์น่ะ” อีริคว่าหน้าตาย
“ หยุดๆ!” โลแกนยกมือห้ามให้ทุกคนหยุดพูด ก่อนจะเริ่มแก้ต่างทีละข้อ “ ฉันพาจีนมาซื้อของ…ใช่…หมายความว่ายังไงทำไมเป็นจีน…ฉันรู้ดีว่าเธอพึ่งจะสิบเก้า แล้วฉันก็รู้อายุฉันน่ะ ไม่ต้องให้นายย้ำหรอก…แล้วฉันก็ไม่ได้พรากผู้เยาว์หรือหรอกอะไรเธอทั้งนั้นด้วย”
ชาร์ลส์ยิ้มเช่นเดิม
เรเวนเบ้ปาก
แฮงค์มองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
อีริคหรี่ตามอง
“ ฉันพูดความจริง!” โลแกนยืนยัน
“ ไม่เชื่อ” เรเวนโต้เสียงดัง
“ จริง!”
“ ไม่จริง!” เรเวนไม่ยอมแพ้ “ คุณมันคนหลายใจ โกหก เชื่อไม่ได้”
“ ฉันไม่ได้โกหกแล้วก็ไม่ได้หลายใจด้วย”
“ หมายความว่ายังไงที่หลายใจน่ะ” ชาร์ลส์ขมวดคิ้ว หันไปขอความเห็นจากอีริคและแฮงค์แต่ทั้งคู่ไม่มีคำตอบให้
“ ไหนคุณบอกว่าชอบสก็อตแล้วทำไมออกมากับจีนล่ะ!” เรเวนเผลอหลุดออกมา
“ ห๊ะ!?” แฮงค์อุทาน มองหน้าเพื่อนสาวทันที
ชาร์ลส์เบิกตากว้าง
ขณะที่อีริคไม่เข้าใจ
โลแกนจะปิดปากเด็กสาวแต่ไม่ทันแล้วทุกอย่างหลุดออกมาหมดแล้ว คราวนี้เลยต้องนั่งแก้ตัวแทนโดยมีจีนคอยช่วยอธิบายอีกคน
“ คือว่าอาทิตย์หน้าเป็นวันเกิดสก็อตค่ะ” จีนเล่า “ โลแกนเลยขอให้ฉันมาช่วยเลือกของขวัญให้เขา”
โลแกนหน้าแดงขึ้นมาเมื่อสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เวลาคนตัวใหญ่อายมันดูตลกจริงๆนะ
“ อย่างนี้นี่เอง” เรเวนพยักหน้าพอใจ
“ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย…” ชาร์ลส์พึมพำ
“ คุณกับสก็อตเนี่ยนะ” แฮงค์พูดต่อจากศาสตราจารย์
“ สก็อตนี่ก็ผู้เเยาว์สินะ ยังไม่พ้นโทษนี่” อีริคว่าอย่างเย็นชา
“ ฉันไม่เอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศให้คนอื่นรู้หรอก” โลแกนบอกทุกคน หันมาที่อีริคแล้วพูดเป็นพิเศษ “ ฉันไม่ใช่ตาแก่บ้ากามหลอกฟันเด็กสักหน่อย ที่สำคัญอาทิตย์หน้าสก็อตก็ยี่สิบแล้ว ไม่ใช่ผู้เยาว์”
“ แสดงว่ายี่สิบแล้วจะทำอะไรหรือไง” เรเวนก็ช่างจับผิด
โลแกนถลึงตามองเธอ แต่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย
“ จะรักจะชอบก็ไม่ได้ว่าแต่ทำอะไรก็คิดให้รอบคอบแล้วก็ระวังด้วย” ชาร์ลส์เตือนในฐานะอาจารย์ ถึงจะยังตกใจไม่หายก็เถอะ โลแกนพยักหน้าหงึกๆ
“ โอ๊ย! รู้เรื่องแล้วงั้นก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ” เรเวนเกาะแขนพี่ชาย แป็บเดียวเวลาก็ผ่านมาถึงตอนเย็นอีกแล้ว “ ชาร์ลส์ ฉันอยากกินสเต็ก”
คนเป็นพี่ชายหัวเราะบอกว่าโอเคๆ เขาเลยชวนทุกคนในที่นี้ด้วยซะเลย และยังยินดีเลี้ยงด้วย
“ นายจะมาด้วยไหม” ชาร์ลส์ถามอีริคเป็นการพิเศษเพราะรู้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ชอบสุงสิงกับใคร
อีริคเงียบไปชั่วครู่ ดวงตาสีเทามองดวงตาสีฟ้าที่มองมาเหมือนจะลุ้นผสมอ้อนวอน
สุดท้ายคุณหมอก็บอกว่า…
“ ก็ได้”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โลแกนกับสต็อก แอ๊ยยยยยย น่ารัก ชอบคู่นี้เหมือนกันๆๆ
(สตั้นท์คู่ที่อยู่ๆก็โผล่มาจนลืมความฟินของเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกับคำว่าเดทของเชริคไปเสียสิ้น)