[SF Jonghyun - Taeyeon]
12 PM
“Hey Girl’s! Listen to ma love story
This song for one and only
เฮ้! สาวๆ มาฟังเรื่องราวความรักของฉันกันเถอะ
เพลงนี้เพื่อใครคนนั้นคนนั้นล่ะ...”
Girl’s Day – Oh Great!
Taeyeon Part
ฉันก้าวเข้ามาในห้องนอนของตัวเองพร้อมกับแก้วน้ำอัดลมแก้วใหญ่เย็นเจี๊ยบในมือ ก่อนจะต้องทำหน้าเบ้เพราะอากาศอันร้อนระอุราวกับถูกขังอยู่ในเตาอบของวันแรกในเดือนเมษายน เดือนที่ร้อนที่สุดในรอบปี ฉันทิ้งร่างของตัวเองลงนั่งบนเก้าอี้บุฟองน้ำนุ่มนิ่มก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปของตัวเองและเริ่มวันที่แสนน่าเบื่อด้วยการท่องโลกโซลเชี่ยวเน็ทเวิร์ก ก่อนอยู่ๆก้อนเนื้อที่หน้าอกข้างซ้ายมันจะเต้นตึกตักขึ้นมาเพราะรูปถ่ายรูปแรกที่ปรากฏแก่สายตาบนทามไลน์ของฉันในเฟสบุ๊คส์.....รูปถ่ายของผู้ชายผิวขาวราวกับกินกลูต้าแทนข้าว เจ้าของผมสีดำสนิทตัดกับสีผิว ดวงตาคมจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากสีแดงจัดที่มักจะยกยิ้มกว้างโชว์ลักยิ้มที่ข้างแก้มให้คนอื่นอยู่เสมอ ยิ้มที่ทั้งสดใสและอบอุ่นราวกับแสงแดดอ่อนๆในยามเช้า.......ลีจงฮยอน มือกีต้าร์สุดหล่อหนึ่งในสมาชิกวงดนตรีประจำโรงเรียนที่สาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันกรี๊ดกร๊าดและแทบจะลงไปนอนแดดิ้นอยู่บนพื้นเมื่อเขาหันมามองและส่งยิ้มให้.....และแน่นอนที่พูดๆมาทั้งหมดนั่นน่ะมันรวมถึงฉันด้วย!......ก็เขาเล่นทั้งหล่อขาว เรียนดี กีฬาเด่น อัธยาศัยเยี่ยม เล่นดนตรีเลิศ แถมร้องเพลงก็เพราะจับจิต....
.........บอกตรงๆว่าคนนี้น่ะสเป็คแทยอน!!!........
ฉันเลื่อนเม้าส์ในมือกดเข้าไปดูโปรไฟส์ของเขาโดยอัตโนมัติและเริ่มต้นเซฟรูปของเขาอย่างบ้าคลั่ง เหมือนเช่นทุกวัน.......... ฉันคลิกออกมาจากโปรไฟส์ของจงฮยอนอย่างอิ่มเอิบใจหลังจากได้เสพรูปคนหล่อเป็นอาหารตาไปเกือบร้อยรูป พลางเลื่อนดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆในเฟสบุ๊คส์ก่อนคิ้วจะขมวดเข้าหากันนิดๆเมื่อชักสังเกตว่าข้อความบนหน้าทามไลน์มันออกมาในแนวเดียวกันเกือบหมด
จ่าเงิงมหาเสน่ห์
“วันนี้ฉันไปดัดฟันมาล่ะ ฟันฉันหายเงิงแล้วนะ! # Happy April fool day!
ควอน ยูริ
“ฉันขาว #นี่เรื่องจริงนะ#เชื่อมั้ย#Happy April fool day!”
น้องซอรักโลก
“วันนี้ฉันไปกินแฮมเบอร์เกอร์มาค่ะ และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะเลิกกินผักเพราะมันเป็นการตัดต้นไม้ทำลายป่า ซอรักโลกนะคะ # สุขสันต์วันเมษาน่าโง่!”
April fool day ? วันเมษาน่าโง่? จริงสินะวันนี้มันวันที่หนึ่งเมษายน วันโกหกโลกนี่นา.....ฉันลืมไปซะสนิทเลยนะเนี่ยว่าเคยมีวันแบบนี้ถือกำเนิดขึ้นบนโลกกลมๆใบนี้ด้วย ข้อความบนหน้าเฟสบุ๊คมันไม่ได้ทำให้ฉันสนใจมากนัก เพราะส่วนใหญ่มันจะเป็นการโพสเรื่องโกหกเล็กๆน้อยๆเพื่อร่วมสนุกในวันเมษาน่าโง่ซะมากกว่า ฉันเกือบจะปิดหน้าเฟสบุ๊คส์ไปและไปหาอย่างอื่นทำอยู่แล้วถ้าดวงตากลมโตไม่ไปสะดุดเข้ากับข้อความที่รุ่นน้องที่รู้จักโพสขึ้นมาซะก่อน
Kang Minhyuk
“เขาว่ากันว่าถ้าโกหกหลังเที่ยงในวันเอพริ่วฟูเดเรื่องโกหกจะกลายเป็นเป็นความจริง อย่าโกหกหลังเที่ยงกันนะครับ^^”
................ห้ามโกหกหลังเที่ยง พึ่งเคยได้ยินเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ฉันเผลอเหลือบไปมองบนหน้าจอแล็ปท็อปและพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงหนึ่งนาทีพอดีเป๊ะ เหมือนสวรรค์จะเป็นใจอยากให้ฉันลองของซะเหลือเกิน ฉันนิ่งคิดอยู่ซักพัก ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่ข้อความของ Kang Minhyuk ก่อนไอเดียประหลาดๆที่ผุดขึ้นมาในหัวผสมกับความอยากรู้อยากลองมันจะสั่งให้ฉันรัวเคาะคีบอร์ดพิมพ์ข้อความสั้นๆลงบนกล่องข้อความในเฟสบุ๊คส์
Taeyeon_SS
“ลีจงฮยอนบอกรักฉัน!! #Happy April fool day”
ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะหลับหูหลับตากดส่งข้อความนั่นเข้าสู่โลกโซเชี่ยวเน็ทเวิร์ก แค่ลองดูมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายใช่มั้ยล่ะ! ....และถ้าไอ้ความเชื่อเรื่องห้ามโกหกหลังเที่ยงนั่นเป็นเรื่องจริง....
......ลีจงฮยอน งานนี้นายเสร็จฉันแน่!!
************************(((10%)))***************************
“อะไรนะ! เมื่อวานแกโพสลงเฟสว่าถูกจงฮยอนบอกรัก!”
ยัยมิยองเพื่อนสนิทของฉันโวยวายเสียงดังลั่นโรงอาหารจนคนอื่นหันมามองทางเรากันเป็นตาเดียวทันทีที่ฉันเล่าวีรกรรมของตัวเองให้ยัยนั่นฟังจบ
“เบาๆหน่อยสิวะ กลัวคนอื่นเขาไม่รู้รึไง!”
“ขอโทษๆ ก็คนมันตกใจนี่หว่า”
มิยองพูดโดยลดระดับเสียงให้เบาลงก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบกับฉัน
“แล้วนี่แกจะทำยังไงต่อ”
“ทำยังไง หมายความว่าไง ฉันต้องทำอะไรด้วยเหรอ”
“เอ๊า! ไหนๆก็อุตส่าห์ลงทุนเสี่ยงโดนแฟนคลับของจงฮยอนตบโพสว่าถูกเขาบอกรักไปขนาดนั้นแล้ว ทำไมไม่พิสูจน์ให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลยเล่าว่าไอ้เรื่องห้ามโกหกหลังเที่ยงนั่นมันจริงรึเปล่า”
“ฉันไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ขนาดนั้นซักหน่อย แล้วอีกอย่าง.......”
“ไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้ว ที่รักแกเดินมานู่นแล้วลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลย!”
ยังไม่ทันพูดจบประโยคคำพูดที่เหลือมันก็ถูกกลืนหายลงคอไปทันทีเมื่อยัยมิยองพูดแทรกขึ้นมาแถมยังฉุดให้ฉันลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ และลากให้ฉันเดินตามไปแบบไม่ถามความเห็นซักคำว่าฉันอยากจะไปกับมันด้วยรึเปล่า
..........แล้วฉันก็เห็นจงฮยอนยืนอยู่ตรงนั้น ที่หน้าประตูทางเข้าโรงอาหารพร้อมกับเพื่อนในกลุ่มของเขาอีกสามคนที่ระดับความหน้าตาดีไม่มีใครแพ้ใครเลยซักนิด หัวใจของฉันมันเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาอยู่นอกอกเมื่อมิยองลากให้ฉันเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้นทุกที.....ยิ่งมองผิวขาวๆนั่นของเขาใกล้ๆ ยิ่งได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเทพบุตรตกลงมาจากสวรรค์นั่นในระยะประชิด หัวใจของฉันมันก็ยิ่งทำงานหนัก ให้ตายเถอะ! ถ้าขืนเข้าไปใกล้เขามากกว่านี้ฉันต้องเป็นลมหรือหัวใจวายตายเพราะโดนออร่าความหล่อของเขาเล่นงานแหงๆ!
“นี่! เลิกทำหน้าเหมือนพวกโลกจิตชอบถ้ำมองผู้ชายแบบนั้นได้แล้ว เก๊กๆหน่อยสิยะ!”
เสียงกระซิบของมิยองดึงให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะแกล้งทำหน้านิ่งเหมือนไม่สนใจในจังหวะที่กำลังจะเดินสวนกับจงฮยอน ถึงมันจะดูไม่เนียนเอาซะเลยเพราะแก้มแดงๆสองข้างของฉันก็เถอะ..........หันมามองฉันสิ ฉันมายิ้มให้ฉัน แล้วบอกว่านายรักฉัน พิสูจน์ว่าเรื่องห้ามโกหกหลังเที่ยงนั่นมันเป็นความจริง! ......ฉันภาวนาพร้อมกับอวัยวะที่เต้นกระหน่ำอยู่ในอกข้างซ้าย
“อ้าว”
นั่นไง! เขาทักฉันแล้ว!! จงฮยอนหันมาทางฉันพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างที่ทำให้โลกกลมๆใบนี้ดูสดใสขึ้นอีกเป็นกอง ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณวัน April fool day ขอบคุณที่ทำให้เรื่องโกหกที่ฉันโพสไปนั่นมันกลายเป็นความจริง!
“มากินข้าวเหรอเจสสิก้า”
อ่อใช่ เจสสิก้า....หะ! อะไรนะเจสสิก้า! ใครคือเจสสิก้า! ฉันชื่อแทยอนต่างหากเล่าแทยอน!
จงฮยอนทำให้หัวใจฉันแทบหยุดเต้นเมื่อเขาสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ฉันทีละก้าวๆและ.....เดินผ่านไปหน้าตาเฉย!
......แล้วความจริงที่ลอยมากระแทกหน้ามันก็ทำให้ฉันแทบล้มทั้งยืนเมื่อรู้ว่าคนที่จงฮยอนทักแถมยังส่งยิ้มชวนละลายนั่นไปให้ไม่ใช่ฉันแต่เป็นผู้หญิงผมทองหน้าหวานที่ยืนอยู่ด้านหลัง
เพล้ง เพล้ง!
.......ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหน้าตัวเองแตกเลยล่ะ ใครก็ได้ช่วยเก็บเศษให้ที!
“ทำไมเขาไม่เห็นสนใจแกเลยวะ”
มิยองยื่นหน้าเข้ามากระซิบกับฉัน รู้แล้วโว้ย! ว่าถูกเขาเมินจะย้ำให้มันชีช้ำระกำใจกันไปถึงไหนยัยเพื่อนบ้า!
“แบบนี้ก็แสดงว่าเรื่องห้ามโกหกหลังเที่ยงอะไรนั่นของแกมันโม้น่ะสิ”
“เออ!”
ฉันกระแทกเสียงอย่างหัวเสีย แล้วก็ยิ่งหัวเสียหนักกว่าเดิมร้อยเท่าเมื่อเห็นว่าจงฮยอนกำลังหัวเราะต่อกระซิบอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อเจสสิก้าอย่างสนิทสนม.....โอ้ย! จะมาโชว์หวานความสัมพันธ์เกินเพื่อนอะไรกันแถวนี้ยะ เห็นแล้วหมั่นไส้! ห้ามโกหกหลังเที่ยงอะไรกัน คำสาปวันเอพลิ้วฟูเดอะไรกัน มันเพ้อเจ้อทั้งเพ!
ตู้แช่ไอศกรีมถูกฉันเปิดออกก่อนไอศกรีมรถผลไม้มากมายจะถูกฉันโยนลงตะกร้าในมือตัวเอง เพื่อตุนไว้กินหลังเลิกเรียนในวันที่อากาศร้อนนรกแตกเหมือนพระเจ้าลงโทษแบบนี้ ฉันเลียริมฝีปากบางเคลือบลิปมัน กลิ่นสตอเบอรี่ของตัวเองเมื่อเหลือบไปเห็นไอศกรีมรสกีวี่ของโปรดแท่งสุดท้ายในตู้แช่ แต่ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบ ไอศกรีมสุดที่รักกลับถูกใครบางคนฉกไปต่อหน้าต่อตา
“นี่!..........”
ฉันขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ ตั้งใจจะด่ากราดคนที่ยังอาจมาแย่งไอศกรีมจองฉันไปต่อหน้าต่อตาให้หูชา ก่อนคำด่ามากมายจะถูกดีลีททิ้งไปโดยอัตโนมัติเหลือเพียงแค่สีขาวโพลนในหัว เมื่อพบว่าคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ...........ลีจงฮยอน!!
..........อยู่ๆก็บังเอิญเจอกันนอกโรงเรียนแบบนี้แถวบ้านฉันเรียกว่าพรหมลิขิตชัดๆ!!
“ฉันแย่งไอศกรีมของเธอรึเปล่า”
“ปะ....เปล่า ถ้านายอยากได้ก็เอาไปเถอะฉันหยิบอันอื่นมาเยอะแล้ว”
จงฮยอนพยักหน้าช้าๆ เขาหันไปเลือกไอศกรีมอีกสองสามแท่งในตู้แช่ ก่อนจะทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบผูกเป็นโบว์เพราะประโยคต่อมาของเขา
“ยูสเซอร์เธอในเฟสบุ๊คส์ใช่ Taeyeon_SS รึเปล่า”
เขารู้ชื่อยูสเซอร์ของฉันด้วยเหรอ! ฉันควรจะดีใจใช่มั้ยเนี่ย....แต่ทำไมอยู่ๆฉันถึงรู้สึกเหมือนได้กลิ่นลางร้ายมันลอยมาเข้าจมูกแบบนี้ล่ะ....
“เมื่อวาน.....ฉันเห็นนะว่าเธอโพสอะไร”
ตุ่บ!
ตะกร้าในมือฉันมันร่วงลงไปนอนแอ่งแม้งบนพื้นทันทีเพราะประโยคเรียบๆของคนตรงหน้า จงฮยอนไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าฉันตอนพูดด้วยซ้ำเขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเลือกไอศกรีมในตู้แช่ แต่ฉันนี่สิ!
ทั้งช็อกทั้งอายจนอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีอยู่แล้ว เพราะโพสเดียวที่ฉันโพสลงเฟสบุ๊คส์เมื่อวาน และคงเป็นโพสเดียวกับที่เขาเห็นมันคือ....โพสที่ฉันบอกว่าถูกเขาบอกรัก!
Taeyeon_SS
“ลีจงฮยอนบอกรักฉัน!! #Happy April fool day”
ชื่อเป๊ะ นามสกุลมี ในจักวาลนี้มันจะยังมีลีจงฮยอนคนไหนอีก เขาต้องรู้แน่ว่าฉันหมายถึงเขา ถึงจะมีคำว่า Happy April fool day ต่อท้ายก็เถอะแต่ฉันกับเขาไม่ได้สนิทกันซักหน่อยเคยพูดกันยังไม่ถึงสิบประโยคเลยมั้ง เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นเขาต้องโกรธฉันมากแน่ๆเลย! ตาย ตาย ตาย! คิมแทยอนงานนี้เธอตายหยังเขียดแน่! ฉันก้าวเท้าถอยหลังออกมาห่างจากเขาโดยอัตโนมัติก่อนจะหันหลังกลับและใส่เกียร์หมาวิ่งแบบไม่คิดชีวิตออกมาจากมินิมาร์ท ปล่อยให้สุดที่รักของฉัน(?)ยืนงงเป็นไก่ตาแตกกับท่าทางแปลกๆอยู่ในมินิมาร์ทนั่นคนเดียว ให้ตายเถอะคิมแทยอนงานนี้เธอไม่มีหน้ากลับไปเจอเขาอีกแล้วแหงๆ ให้ตายเถอะๆ ให้ตาย!!!
.............แต่รู้อะไรมั้ย การไม่ได้เห็นหน้าจงฮยอนซักวันสำหรับฉันมันหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการก่อการร้ายซะอีก!
เพราะงั้นวันนี้ฉันถึงต้องมายืนอยู่ตรงนี้ไง ในซอกมืดๆระหว่างอาคารเรียนข้างๆสนามบาสกลางแจ้งที่พวกนักบาสกำลังขับเขี้ยวกันอย่างเมามันอยู่อยู่ในสนาม และนั่น! จงฮยอนก็เป็นหนึ่งในนักบาส พวกนั้น วันนี้เขาสวมเสื้อกล้ามสีแดงและกางเกงขาสั้นสีเดียวกันเพื่อความคล่องตัวในการเล่นบาส เสื้อผ้าสีสดพวกนั้นมันยิ่งช่วยคลับผิวขาวๆของเขาให้ยิ่งดูขาวสว่างเข้าไปอีก เม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าคมคายเพราะการเล่นกีฬามันเกือบทำให้ฉันกรี๊ดออกมาอยู่แล้วถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าฉันกำลังพยายามซ่อนตัวจากสายตาของทุกคนน่ะนะ.....ทำไมฉันต้องซ่อนตัวน่ะเหรอ? ก็เพราะฉันไม่อยากถูกจงฮยอนมองเหมือนเป็นตัวประหลาดแล้วชี้มาที่ฉันและหันไปพูดกับเพื่อนของเขาว่า “เฮ้ย! ดูนั่นดิยัยนั่นโกหกคนอื่นว่าถูกฉันบอกรักว่ะ!” น่ะสิ! แต่ถ้าไม่ได้เห็นหน้าเขาเลยทั้งวันมีหวังฉันต้องขาดใจตายแน่(เว่อร์!) สุดท้ายก็เลยต้องมายืนแอบเป็นผีเฝ้ามุมตึกอยู่แบบนี้....
“เฮ้ย! นั่นมึงจะชู้ดไปไหนวะ!”
เสียงตะโกนโหวกเหวกในสนามเรียกให้ฉันหลุดออกจากภวังค์และหันกลับมาสนใจสนามบาสตรงหน้า เสียงโวยวายอย่างหัวเสียนั่นดังมาจากผู้ชายผิวเข้มอย่างกร้านแดด ส่วนสูงของเขาน่าจะราวๆหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรได้มั้ง ถือว่าไม่สูงเท่าไหร่สำหรับพวกนักบาส แต่ฝีมือบาสของผู้ชายคนนี้น่ะเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยนะบอกให้ ฉันได้ยินมาว่าเขาคนนี้แหละคือกัปตันทีมบาสของโรงเรียนที่พาทีมบาสไปได้แชมป์ระดับภาคมาแล้วหลายสมัย ทำไมฉันถึงรู้ข้อมูลของเขาดีนักน่ะเหรอ
....แฮะๆ ก็เพราะว่าผู้ชายคนนี้เขาเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของจงฮยอนน่ะสิ เขากำลังบ่นลูกทีมคนหนึ่งทำนองว่าเพราะชอบโดดซ้อมเลยทำให้ฝีมือตกเลยชู้ดพลาดบ่อยๆแบบนี้
“เดี๋ยวกูไปเก็บลูกเองแล้วกัน”
จงฮยอนตะโกนบอกเพื่อนของเขา ผู้ชายอะไร! นอกจากหล่อแบบไม่บันยะบันยังแล้วยังน้ำใจประเสริฐเป็นเลิศ อุตส่าห์อาสาไปเก็บบาสให้เพื่อนอีก เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวนะนั่นจงฮยอนกำลังวิ่งมาทางฉันนี่ เขากำลังวิ่งมาทางฉันจริงๆด้วย! หรือว่าเขาจะเห็นแล้วว่าฉันอยู่ตรงนี้ก็เลยจะมาไล่ ไม่นะ ไม่!
..........อาจจะเป็นเพราะฉันกำลังฟุ้งซ่านและสติแตกกับร่างสูงที่วิ่งมาทางนี้เลยทำให้ลืมสังเกตไปซะสนิทว่าลูกกลมๆสีส้มกำลังลอยมาหาฉันและ......
โป๊ก!!
“โอ้ย!!”
กระแทกเข้ากับหัวของฉันแบบเต็มๆ แรงกระแทกจากลูกบาสนั่นทำให้ฉันล้มลงไปกองกับพื้นแบบหมดสภาพ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันช็อกยิ่งกว่าการโดนลูกบาสกระแทกหัวแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่มันคือคนที่วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันและเข้ามาช่วยให้ฉันยืนขึ้นต่างหาก
“เป็นอะไรรึเปล่า!”
“ม.....ไม่....ไม่เป็นไร”
ฉันตอบเสียงตะกุกตะกักอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ก้อนเนื้อที่หน้าอกข้างซ้ายมันกำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง จงฮยอนเป็นห่วงฉันล่ะ เขาช่วยพยุงฉันด้วย! ตอนนี้ฉันกำลังโดนเขาโอบเอาไว้ล่ะเห็นมั้ย กรี๊ดดดด!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบชาติฉันก็จะไม่มีวันลืมเลย!
“ไม่เป็นไรกับผีอะไรล่ะเธอหัวโนยังกับลูกมะนาวแหนะ.....เฮ้ย! เธอเลือกกำเดาไหล!”
“ห....หา”
คำพูดของจงฮยอนมันทำให้ฉันรู้ตัวว่ามีของเหลวอุ่นๆกำลังไหลออกมาจากโพลงจมูกของตัวเอง ฉันยกมือขึ้นเช็ดใต้จมูกก่อนจะต้องเบิกตาโพล่งเมื่อพบว่าสิ่งที่ติดอยู่บนมือคือของเหลวสีแดงสด และรู้อะไรมั้ยว่าฉันน่ะ.......กลัวเลือด!!!
“ก.........กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!”
เสียงกรี๊ดราวกับกลายเป็นอีบ้าที่พึ่งหลุดออกมาจากโรงพยาบาลประสาทของตัวเองคือเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินก่อนภาพทุกอย่างรอบตัวมันจะดับวูบลง......
ฉันค่อยขยับเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งเพราะแสงจากหลอดไฟนีออนที่แยงตา ก่อนจะต้องอ้าปากค้างและยกมือขึ้นหยิกแขนตัวเองแรงๆเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป เมื่อภาพแรกที่เห็นหลังจากลืมตาขึ้นมาคือภาพของจงฮยอนที่นั่งกุมมือฉันอยู่ข้างเตียง!
....อ๊ะ! เดี๋ยวนะกลับขึ้นไปอ่านบรรทัดเมื่อกี้อีกทีซิ ฉันบอกว่าจงฮยอนกุมมือฉันอยู่งั้นเหรอ...
กรี๊ด! เขากุมมือฉันอยู่จริงๆด้วย!
“เธอฟื้นแล้ว....”
“นี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“ห้องพยาบาลน่ะสิ อยู่ๆเธอก็เป็นลมฉันไม่รู้จะทำยังไงก็เลยพาเธอมาที่นี่......มึนหัวรึเปล่า”
โถจงฮยอนจ๋า แค่เห็นหน้านายโรคภัยไข้เจ็บของฉันมันก็หายเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะ
“ความจริงที่เป็นลมน่าจะเป็นเพราะฉันตกใจที่เห็นเลือดมากกว่า ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำไมเธอถึงหน้าแดงล่ะ มีไข้รึเปล่า”
เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยจนอดทำให้ฉันใจสั่นไม่ได้ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะบนหน้าผากของฉันเบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิ
“ตัวไม่เห็นร้อนเลยนิ”
จงฮยอนพึมพำเบาๆกับตัวเอง เขาหันไปหยิบกระเป๋าเป้ที่วางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะด้านหลังขึ้นมาสะพายไหล่ ก่อนจะทำให้หัวใจที่พึ่งจะพองโตได้ไม่นานของฉันห่อเหี่ยวลงอีกครั้งด้วยประโยคต่อมาของเขา
“เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นฉันกลับล่ะ”
“อย่า.....อย่าพึ่งไปได้มั้ย!”
เสียงตะโกนของฉันเรียกให้จงฮยอนที่กำลังจะเดินออกจากห้องพยาบาลไปหันกลับมามองฉันอีกครั้ง เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนต้องการถามทางสายตาว่า “มีอะไรอีก”
“คือ.....คือฉันอยากขอโทษนายเรื่องเมื่อวาน”
“เรื่องเมื่อวานไหน?”
“ทำเป็นความจำเสื่อมไปได้ ก็เรื่องที่ฉันโพส...ว....ว่า”
“ว่าฉันบอกรักเธอ”
เขาต่อประโยคของฉันให้จบ เมื่อเห็นว่าฉันชักจะพูดตะกุกตะกักมากขึ้นทุกทีเพราะความกระดากอาย จงฮยอนเดินกลับมาหาฉันอีกครั้งก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงของฉัน และเป็นฉันเองที่ต้องกระเถิบหนีออกมาจนเกือบจะชิดขอบเตียงเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเราสองคนเอาไว้......ถ้าขืนอยู่ใกล้กันกว่านี้มีหวังหัวใจฉันมันได้เต้นแรงจนกระเด็นออกมาอยู่นอกอกแหงๆ.....
“ขอโทษนะ....ฉันคงทำให้นายโกรธมาก”
“ฉันไม่โกรธหรอก แต่ตกใจมากกว่าว่าเธอรู้ความลับของฉันได้ยังไง”
“...”
“...”
“ฮะ!”
ฉันหันกลับไปมองจงฮยอนตาแทบถลนทันทีที่สมองประมวลผลประโยคของเขาเมื่อกี้ได้ ก่อนคิ้วของฉันมันจะขมวดมุ่นเข้าหากันจนแทบผูกเป็นปมแน่นเมื่อเห็นเขายกยิ้มมุมปากเหมือนพวกผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่ชอบมีแผนการในหัวตลอดเวลา........ต่างกับเทพบุตรจงฮยอนผู้แสนดีที่ฉันเคยรู้จักแบบสุดขั้ว...
“ที่พูดเมื่อกี้.....นายหมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่าเธอมันไม่ได้เรื่องไงล่ะ ทำไมเอาเรื่องจริงมาบอกว่าเป็นเรื่องโกหกแบบนั้น”
จงฮยอนพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันจนทำให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของเขา ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำเอาหัวใจฉันแทบหยุดเต้นด้วยเสียงกระซิบ
“ฉัน........รักเธอ”
“!!!!”
ฉันกระพริบตาถี่ๆมองคนตรงหน้าราวกับกลัวว่าเขาจะเป็นแค่ภาพลวงตาแล้วพอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็จะหายไป แต่เขาก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ จงฮยอนยังคงยืนส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ฉันอยู่ที่เดิม และเรื่องที่เขาบอกรักฉันมันคือความจริง.......แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อที่ผ่านมาฉันแอบชอบเขาข้างเดียว จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อที่ผ่านมาฉันกับเขาแทบคุยกันไม่ถึงสิบประโยค!!!
......หรือว่านี่มันจะเป็นปาฏิหาริย์ ? ปาฏิหาริย์ที่เกิดจากการโกหก!
“เขาว่ากันว่าถ้าโกหกหลังเที่ยงในวันเอพลิ้วฟูเดเรื่องโกหกจะกลายเป็นเป็นความจริง”
คุณเองก็เหมือนกัน....ถ้าไม่อยากเจอเรื่องช็อกโลกแบบฉัน......อย่าโกหก!
จบ!!!
ซะที่ไหน....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Jonghyun Part
ถ้าจะถามว่าเรื่องนี้มันเริ่มขึ้นตอนไหน อืม....มันคงจะเป็นตอนนั้นล่ะมั้ง วันธรรมดาๆวันหนึ่งในเดือนเมษายนเมื่อสามปีที่แล้ว......
วันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อนจนทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าออกไปเดินกลางแจ้งตอนแดดเปรี้ยงแบบนี้นานๆมันจะทำให้เครื่องในของผมสุกรึเปล่า ผมเดินปาดเหงื่อตรงมาที่ร้านขายชานมไข่มุกร้านหนึ่งในโรงอาหารหลังจากหมดคาบเรียนพละ ความจริงผมก็ไม่ได้ชอบไอ้เครื่องดื่มรสหวานผสมลูกดำๆลื่นๆที่เรียกว่าไข่มุกนี่เท่าไหร่ แต่เพราะในวันที่อากาศร้อนจัดแบบนี้ร้านขายน้ำคนแน่นเอี๊ยด คนต่อแถวซื้อน้ำยาวเหยียดจนแทบจะเลยออกไปนอกรั้วโรงเรียน ด้วยความที่ผมขี้เกียจรอจึงเลือกจะเลี่ยงมาซื้อเครื่องดื่มๆเย็นๆที่พอจะดับกระหายได้อย่างชานมไข่มุกแทน.......และในระหว่างที่ผมกำลังต่อแถวยืนรอซื้อชานมไข่มุกเสียงร้องไห้ดังลั่นจากใครบางคนก็ลอยมาเข้าหู
“นั่นมันชานมของฉันนะ....ฮึก....ทำ....ทำไมนายถึงทำแบบนี้ล่ะ!”
เด็กผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกันกับผมกำลังยืนปาดน้ำตาชี้หน้าเด็กผู้ชายตัวอ้วนกลมผิวคล้ำคนหนึ่ง ที่เท้าของเธอมีชานมไข่มุกหกกระจายอยู่เต็มพื้น อะไร! นี่เราขึ้นม.ปลายปีหนึ่งกันแล้วนะ ยังจะร้องไห้เพราะแค่ทำชานมหกอีกเหรอ.....
“ช่วยไม่ได้ก็เธออยากถือไม่ดีเองนี่”
“แต่ถ้านายไม่แกล้งสกัดขาฉันมันก็ไม่หกหรอก!”
“เกิดอะไรขึ้นมิยอง”
แล้วเสียงใสๆของใครบางคนก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างบางที่รีบร้อนวิ่งเข้ามาหาเพื่อนวัยเดียวกันที่กำลังยืนร้องไห้ เธอเป็นผู้หญิงผิวขาว ขาวมากจนทำให้ผมที่กำลังจะเลิกสนใจการทะเลาะไร้สาระนั่นต้องหันกลับมามองอีกครั้ง ใบหน้าน่ารักนั่นฉายแววความไม่พอใจออกมาเมื่อเห็นว่ามีคนทำให้เพื่อนของตนต้องร้องไห้
“ขอโทษเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้ยักษ์กลายพันธ์!”
“เธอว่าใครน่ะยัยเตี้ย!”
“ก็ว่าแกไง! เป็นผู้ชายซะเปล่าแกล้งผู้หญิงแถมยังไม่ขอโทษ ทุเรศ!”
“เธอ!!”
ผู้ชายคนนั้นเงื้อหมัดเหมือนต้องการจะจัดการผู้หญิงปากกล้าตรงหน้า ผมตัดสินใจว่าจะเข้าไปช่วยเธอ แต่ยังไม่ทันจะก้าวไปไหนก็ต้องยืนอ้าปากค้างเพราะผู้หญิงคนนั้นจัดการเตะเข้าที่หน้าแข้งผู้ชายผิวคล้ำที่ตัวใหญ่กว่าเธอหลายเท่าจนหมอนั่นล้มลงไปกองกับพื้น
“ถ้าคิดว่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าแล้วมันเท่ก็ไปเอากระโปรงแม่มาคลุมหัวซะเถอะ!!”
เธอตะโกนเสียงกร้าวก่อนจะจูงมือเพื่อนที่กำลังร้องไห้เดินจากไป ท่าทางห้าวๆเหมือนไม่กลัวใครแบบนั้นของเธอมันทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถึงจะตัวเล็กแค่นั้น แต่แสบไม่เบาเลยแฮะยัยนี่......
หลังจากนั้นผมได้รู้ว่าเธอชื่อคิมแทยอน เราอยู่ชั้นม.ปลายปีหนึ่งเหมือนกันเพียงเต่อยู่กันคนล่ะห้องเลยทำให้ผมกับเธอไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่เธอมักจะมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆตัวผมเสมอ......จากตอนแรกที่เพียงแค่สะดุดตาก็กลายเป็นชิน และต้องมองหาทุกครั้งที่ไม่มีร่างบางความสูงต่ำกว่ามาตรฐานของเธอมาอยู่ในสายตา และแล้ววันหนึ่งผมก็รู้ตัวว่าความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่มีต่อแทยอนมันกำลังก่อตัวขึ้นที่อวัยวะในอกข้างซ้าย แต่มันกลับเหมือนเรื่องตลกร้ายที่คนบนฟ้าจงใจกลั่นแกล้ง ผมพยายามจะเข้าไปทักแทยอนก่อน พยายามเข้าไปแนะนำตัวให้เธอรู้จัก พยายามทุกอย่างเพื่อให้สถานะของเราสองคนมันไม่ใช่แค่คนแปลกหน้า.......แต่เธอกลับเอาแต่หลบหน้าผม แทยอนจะวิ่งหนีทุกครั้งที่ผมเข้าไปใกล้เธอเกินสามเมตร เธออาจจะคิดว่าผมไม่รู้ แต่ผมนี่แหละรู้ดีที่สุดและแทบกระอักเลือดทุกครั้งเวลาเห็นเธอทำท่าเหมือนรังเกียจผมแบบนั้น แล้วเวลาก็ค่อยๆผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนโลกเป็นตะคริว จากหนึ่งปีเป็นสองปีและจนถึงตอนนี้มันก็สามปีแล้ว
..........สามปีของการแอบมอง
..........สามปีที่ผมแอบชอบเธอข้างเดียว
..........และสามปีที่ยัยนั่นเอาแต่วิ่งหนีผม
แล้ววันนั้นมันก็มาถึง.......วันที่เป็นจุดเปลี่ยนของทุกอย่าง....
วันที่ 1 เมษายน วันธรรมดาๆที่ระดับอุณหภูมิสูงแบบไม่ธรรมดาเลยซักนิด ผมนอนตากแอร์อยู่ในห้องของตัวเองและกำลังเช็คความเคลื่อนไหวในหน้าทามไลน์บนเฟสบุ๊คส์ผ่านไอโฟนเครื่องใหม่ที่พึ่งจะถอยออกมาสดๆร้อนๆแก้เซ็ง ดูเหมือนวันนี้ใครๆก็ออกมาโพสเรื่องโกหกเพื่อร่วมสนุกกับวัน April fool day กันทั้งนั้น และส่วนใหญ่จะเป็นการโกหกเอาฮามากกว่าจริงจังแทบทั้งนั้น แล้วดวงตาคมของผมมันก็ไปหยุดอยู่ที่ข้อความหนึ่งที่เด้งขึ้นมาในหน้าทามไลน์ ผมจำทั้งชื่อยูสเซอร์และภาพดิสเพลย์นี้ได้ดีเพราะมันคือเฟสบุ๊คส์ที่ผมคลิกเข้าไปดูโปรไฟส์และความเคลื่อนไหวของเธอแทบทุกวัน....
Taeyeon_SS
“ลีจงฮยอนบอกรักฉัน!!”
ผมกระพริบตาถี่ๆมองข้อความบนหน้าจอมือถือเพราะคิดว่าบางทีผมอาจจะเบลอหรืออ่านผิด แต่ข้อความตรงหน้ามันก็ยังคงเหมือนเดิม ทำไมแทยอนถึงบอกว่าผมบอกรักเธอล่ะ หรือว่าเธอจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับเธอ...... หัวใจของผมมันเต้นแรงจนแทบบ้าทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในหัว ก่อนทุกอย่างมันจะต้องหยุดชะงักลงเพราะข้อความสั้นๆที่ถูกเธอกดเปลี่ยนบรรทัดให้มาอยู่ข้างล่างข้อความชวนหัวใจเต้นแรงเมื่อครู่.....
“#Happy April fool day”
Happy April fool day!! งั้นเหรอ แฮปปี้บ้าบออะไรกัน! นี่หมายความว่าเมื่อกี้ผมเผลอหัวใจเต้นแรงเพราะเรื่องโกหกในเทศกาลงี่เงาของเธองั้นเหรอ! ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมอุตส่าห์คิดว่าถ้าเธอรู้ว่าผมคิดยังไงเราอาจจะได้เป็นมากกว่าคนแปลกหน้า ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมอุตส่าห์ดีใจแล้วแท้ๆ คิดว่าการเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นมันสนุกมากนักรึไง!
.......ก็ได้ถ้าเธออยากโกหกนักผมจะทำให้เรื่องโกหกนั่นมันกลายเป็นความจริงให้ดู!
........แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ พอเจอหน้าแทยอนเข้าจริงๆความกล้าที่ตอนแรกพกมาเต็มกระเป๋ามันกลับหดหายไปหมดเกลี้ยง
บ่ายวันนั้นผมเดินลงมากินข้าวกับเพื่อนที่โรงอาหารตามปกติ และทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงอาหารสิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจไปจากสายตาของผมก็คือร่างเล็กๆของแทยอนที่กำลังถูกเพื่อนสนิทของเธอดึงกึ่งลากให้เดินมาทางนี้ สมองของผมมันตีรวนไปหมดเมื่อเห็นว่าเธอก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกทีๆ
........ผมควรจะบอกรักเธอใช่มั้ย ทำตามเจตนารมณ์ที่ตั้งเอาไว้เมื่อคืนใช่รึเปล่า ทำให้เธอรู้ว่าการเอาเรื่องความรักมาล้อเล่นมันไม่สนุก!
“เฮ้....เมื่อวานฉันเห็นนะว่าเธอโพสอะไร แต่ขอโทษด้วยนะ เพราะนั่นมันไม่ใช่เรื่องโกหก....ฉันชอบเธอ”
นั่นคือประโยคที่เมื่อคืนผมซ้อมพูดกับตัวเองหน้ากระจกมาเกือบร้อยรอบ เอาเลยลีจงฮยอน นายเป็นผู้ชายนะ แค่บอกรักผู้หญิงที่ตัวเองชอบแค่นี้ต้องทำได้สิ!
“อ้าว!”
.....เธอคือเจ้าของยูสเซอร์ที่บอกว่าถูกฉันบอกรักนิ นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจจะพูด แต่พอถูกดวงตากลมโตของแทยอนหันมามองอาการปอดแหกมันกลับกำเริบขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ลงมากินข้าวเหรอเจสสิก้า!”
ผมแกล้งทำเป็นทักเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งที่บังเอิญยืนอยู่ด้านหลังแทยอนพอดี ก่อนจะเดินตัวเกร็งผ่านแทยอนไปหาเจสสิก้าแบบมิพิรุธสุดๆแต่ดูเหมือนยัยตัวเล็กนั่นจะไม่ได้สังเกต เจสสิก้าเพื่อนร่วมห้องเจ้าของผมสีทองสว่างและใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตามองผมเหมือนต้องการด่าทางสายตาว่า “คนมาโรงอาหารก็ต้องมากินข้าวสิ จะให้มาซักผ้ารึไง” แต่ผมไม่มีกะจิตกะใจสนใจสายตาจิกกัดนั่นเลยซักนิด ดวงตาคมหันกลับไปมองทางแทยอนทันทีและพบว่าเธอกำลังลากเพื่อนสนิทของตัวเองเดินออกไปจากโรงอาหาร....เอา หน่าถึงตอนนี้จะยังไม่ได้บอกความรู้สึกกับเธอแต่โอกาสก็ยังมีนี่นา........
และดูเหมือนโอกาสที่ว่านั่นมันจะมาถึงเร็วกว่าที่ผมคิด หลังเลิกเรียนระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับบ้าน ผมหันไปเห็นว่าแทยอนกำลังเลือกไอศกรีมอยู่ในร้านมินิมาร์ทพอดี ภาพของเธอที่กำลังหยิบไอศกรีมแท่งแล้วแท่งเล่าลงตะกร้าจนมันแทบจะเต็มล้นปรี่ออกมานอกตะกร้ามันทำให้ผมต้องหยุดมองและยืนยิ้มเป็นไอ้บ้าอยู่คนเดียว ก็เธอออกจะน่ารักแบบนี้แล้วจะไม่ให้ผมแอบรักเธอมาตลอดสามปีได้ยังไง....ก่อนคำถามมากมายมันจะแล่นเข้ามาในหัวของผม
.........แล้วผู้ชายคนอื่นจะคิดแบบผมรึเปล่า นอกจากผมยังมีคนอื่นอีกมั้ยที่แอบชอบผู้หญิงตัวเล็กคนนี้อยู่ แล้วถ้าพวกนั้นมันบอกชอบแทยอนตัดหน้าผมล่ะผมจะทำยังไง......
ความคิดบ้าๆพวกนั้นมันทำให้ผมรู้สึกโหวงเหวงในอกขึ้นมายังไงชอบกล ก็อย่างที่บอก ผมแอบรักเธอข้างเดียวมาตั้งสามปีนะ! สามปีมันไม่ใช่เวลาน้อยๆเลยสำหรับผู้ชายคนนึงที่มองเพียงผู้หญิงคนเดียวโดยไม่สนใจคนอื่น......เพราะงั้นไม่ว่าใครหน้าไหนผมก็ยอมให้มันมาแย่งเธอไปจากผมไม่ได้ทั้งนั้น! ผมกำมือเข้าหากันแน่นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อไล่อาการปอดแหกเมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าเป็นตายร้ายดียังไงวันนี้ก็ต้องบอกรักแทยอนให้ได้ ผมเดินเข้าไปในมินิมาร์ทนั่นพร้อมกับความมั่นใจที่เหมือนจะถูกเรียกออกมาจนเกือบเต็มร้อย ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ที่ตู้ไอศกรีมข้างๆแทยอนและแกล้งทำเป็นสนใจแต่ไอศกรีมในตู้แช่เพื่อเลี่ยงการมองหน้าแทยอนเพราะรู้ดีว่าการทำแบบนั้นมันจะทำให้หัวใจของผมเต้นแรงจนไม่เป็นอันทำอะไร และแผนบอกความรู้สึกกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆมันจะล่มไม่เป็นท่าเหมือนคราวก่อน
“นี่!.......”
แทยอนพูดเสียงดัง ดูเหมือนเธอจะตกใจไม่น้อยที่เจอผม แต่ทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ กลัวผมจะเอาผิดเรื่องที่เธอโมเมว่าถูกผมบอกรักรึไง......
“ฉันแย่งไอศกรีมของเธอรึเปล่า”
“ปะ....เปล่า ถ้านายอยากได้ก็เอาไปเถอะฉันหยิบอันอื่นมาเยอะแล้ว”
ผมพยักหน้าให้เธอก่อนจะพึมพำเสียงเบาเพื่อเข้าเรื่องทั้งที่ตายังคงจับจ้องอยู่แต่ที่ไอศกรีมในตู้แช่
“ยูสเซอร์เธอในเฟสบุ๊คส์ใช่ Taeyeon_SS รึเปล่า”
“...”
“เมื่อวาน.....ฉันเห็นนะว่าเธอโพสอะไร”
“....”
“ที่เธอโพสน่ะมันไม่ใช่เรื่องโกหกหรอก ความจริงแล้วฉันแอบ.....”
คำพูดที่เหลือมันกลับต้องค้างอยู่ในลำคอเมื่อผมหันกลับมามองแทยอนอีกครั้งและพบว่าที่ๆเธอควรจะยืนอยู่ตอนนี้มันเหลือเพียงความว่างเปล่าและตะกร้าใส่ไอศกรีมที่หล่นอยู่บนพื้น ผมกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะพบว่ายัยตัวเล็กนั่นกำลังวิ่งกระหืดกระหอบออกไปจากมินิมาร์ทราวกับต้องการหนีใครซักคน
“ฉันแค่จะบอกว่าฉันแอบชอบเธอเธอมาสามปีแล้ว....”
ผมพึมพำคำพูดของตัวเองให้จบประโยค ดวงตาคมจับจ้องอยู่ที่ร่างบางของแทยอนจนกระทั่งเธอวิ่งหายลับไปจากระยะที่สายตามองเห็น.....เธอหนีผมไปอีกแล้ว หนีเหมือนกับที่ทำมาตลอดสามปี
“เมื่อไหร่เธอจะฟังฉันซักทีนะคิมแทยอน....”
สวบ!
เสียงของลูกบาสที่ถูกโยนลงห่วงกลมๆดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับจับวาง แต่นั่นมันไม่ใช่ฝีมือของผมหรอกครับ แต่เป็นเพื่อนของผมที่เป็นกัปตันทีมบาสโรงเรียนต่างหาก ส่วนผมน่ะเหรอได้แต่วิ่งไล่ลูกบาสไปไล่ลูกบาสมาในสนามนั่นแหละ ไม่ได้ทำลูกเสียซักลูกแต่ก็ชู้ตไม่ได้ซักลูกเหมือนกัน แต่อย่าพึ่งหาว่าผมอ่อนล่ะ ความจริงผมเป็นนักยูโดต่างหากล่ะไม่ใช่นักบาสมืออาชีพที่ต้องมาลงเล่นก็เพราะทีมบาสคนขาดเพราะงั้นจะฝีมือด้อยกว่าคนอื่นสนามก็ไม่แปลก
“เฮ้ย! นั่นมึงจะชู้ดไปไหนวะ!”
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นเมื่อมีลูกทีมคนหนึ่งชู้ตพลาด ถ้าจำไม่ผิดหมอนั่นชู้ตพลาดเป็นลูกที่ห้าแล้วล่ะมั้ง สู้ผมไม่ได้เลยใช่มั้ยล่ะ ถึงผมจะไม่ได้ชู้ตแต่ก็ไม่ได้ทำพลาดพร่ำเพรื่อแบบหมอนั่น เพื่อนผมที่เป็นกัปตันทีมมันเดินเข้าไปเฉ่งลูกทีมตัวเองทันทีทำนองว่าเพราะโดดซ้อมบ่อยเลยทำให้ฝีมือตกลงแบบนี้
“เดี๋ยวกูไปเก็บลูกเองแล้วกัน”
ผมตะโกนบอกเพื่อนเพื่ออาสาออกไปเก็บลูกเองเมื่อเห็นว่ากัปตันคงจะเทศน์ลูกทีมอีกยาวและตัวเองชักไม่มีอะไรทำ ผมวิ่งออกจากสนามตรงไปตามทางที่ลูกบาสกระเด็นออกไปก่อนความเร็วในการวิ่งมันจะค่อยๆเพิ่มระดับขึ้นทีล่ะนิดเมื่อเห็นว่าลูกบาสกำลังลอยไปหาใคร....
“แทยอนหลบ!!!!”
ผมตะโกนเสียงดังลั่นเพื่อบอกให้ผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนหลบอยู่มุมตึกรู้ตัวแต่ดูเหมือนมันจะสายเกินไปซะแล้ว
โป๊ก!!!
“โอ้ย!!”
แทยอนร้องเสียงหลงก่อนร่างเล็กๆของเธอมันจะล้มก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นไม่เป็นท่าเพราะแรงกระแทกจากลูกบาส ยัยบ้าเอ๊ย! ทั้งๆที่เห็นๆอยู่ว่าลูกมันลอยมาทางตัวเองทำไมถึงไม่หลบเล่า!
“เป็นอะไรรึเปล่า!”
ผมถามพลางเข้าไปช่วยพยุงให้เธอลุกขึ้นยืน
“ม.....ไม่....ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรกับผีอะไรล่ะเธอหัวโนยังกับลูกมะนาวแหนะ.....เฮ้ย! เธอเลือดกำเดาไหล!”
ผมตะโกนเมื่อเห็นของเหลวสีแดงข้นไหลทะลักออกมาจากจมูกของคนตัวเล็กในอ้อมแขน
“ห....หา”
แทยอนยกมือขึ้นป้ายบริเวณใต้จมูกก่อนดวงตากลมโตจะเบิกกว้างจนแทบถลน ใบหน้าขาวๆนั่นซีดเซียวจนแทบไร้สีเลือดเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ติดอยู่บนมือเรียวคือของเหลวสีแดงข้น
“ก.........กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!”
เธอกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นจนผมตกใจก่อนเปลือกตาบางจะปิดสนิทลงพร้อมกับร่างเล็กๆที่เกือบล้มลงไปกองกับพื้นถ้าผมรับเอาไว้ไม่ทัน
“แทยอนๆ!!!”
ผมเรียกชื่อเธอพร้อมกับเขย่าร่างบางแรงๆเพื่อปลุกให้เธอฟื้น แต่ก็ไร้การตอบสนองจากคนในอ้อมแขน แถมเนื้อตัวของเธอยังเย็นชืดจนน่าใจหาย
........ยัยบ้าเอ๊ย! ดูเหมือนเธอจะเก่งเหลือเกินนะไอ้เรื่องทำให้คนอื่นกังวลเพราะตัวเองเนี้ย!
ผมนั่งมองร่างบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงมาเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเปลือกตาบางของเธอสั่นไหวเบาๆก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“เธอฟื้นแล้ว....”
ผมพูดก่อนจะรีบปล่อยมือเรียวที่กุมอยู่ให้เป็นอิสระ
“นี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“ห้องพยาบาลน่ะสิ อยู่ๆเธอก็เป็นลมฉันไม่รู้จะทำยังไงก็เลยพาเธอมาที่นี่......มึนหัวรึเปล่า”
“ความจริงที่เป็นลมน่าจะเป็นเพราะฉันตกใจที่เห็นเลือดมากกว่า ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำไมเธอถึงหน้าแดงล่ะ มีไข้รึเปล่า”
ผมเอื้อมมือหนาไปแตะบนหน้าผากมนของเธอเพื่อวัดอุณหภูมิก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อพบว่าเธอตัวไม่ร้อนอย่างที่คิด
“ตัวไม่เห็นร้อนเลยนิ”
“...”
“เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นฉันกลับล่ะ”
ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบประเป๋าของตัวเองและเตรียมเดินออกไปนอกห้องพยาบาล ความจริงสถานการณ์ตอนนี้มันดูเป็นใจเหมาะกับการบอกรักไม่น้อย....... ผมอยากบอกแทยอนว่าผมรักเธอ อยากบอกให้เธอรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับเธอ แต่ดูเหมือนทุกครั้งที่พยายามหรือตั้งใจจะทำมันกลับเหมือนต้องมีอุปสรรคโผล่มาขัดขวางตลอด......ถ้าตอนนี้ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร ไหนๆก็รอมาตั้งสามปีแล้วรออีกหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลย
.......แต่แล้วผมก็ต้องหยุดยืนอยู่กับที่และเปลี่ยนความคิดเพราะเสียงเรียกของแทยอน
“อย่า.....อย่าพึ่งไปได้มั้ย!”
ผมหันกลับไปมองเธอพลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“คือ.....คือฉันอยากขอโทษนายเรื่องเมื่อวาน”
“เรื่องเมื่อวานไหน?”
“ทำเป็นความจำเสื่อมไปได้ ก็เรื่องที่ฉันโพส...ว....ว่า”
“ว่าฉันบอกรักเธอ”
ผมพูดต่อประโยคของเธอจนจบ พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆที่แล่นเข้ามาในอก ก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงพยาบาลข้างๆแทยอน
......ขอลองอีกทีหน่า อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ารอบนี้ยังไม่สำเร็จบางทีมันอาจจะเป็นเพราะคนบนฟ้าไม่อยากให้เราคู่กันจริงๆก็ได้.....
“ขอโทษนะ....ฉันคงทำให้นายโกรธมาก”
“ฉันไม่โกรธหรอก แต่ตกใจมากกว่าว่าเธอรู้ความลับของฉันได้ยังไง”
“...”
“...”
“ฮะ!”
แทยอนหันกลับมามองผมจนตาแทบถลน ใบหน้าสวยๆนั่นบ่งบอกชัดเจนว่าเธอกำลังตกใจกับสิ่งที่ผมบอกแค่ไหน.....
“ที่พูดเมื่อกี้.....นายหมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่าเธอมันไม่ได้เรื่องไงล่ะ ทำไมเอาเรื่องจริงมาบอกว่าเป็นเรื่องโกหกแบบนั้น”
“....”
“ฉัน........รักเธอ”
“!!!!”
พวงแก้มขาวๆของแทยอนมันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันทีที่ผมพูดประโยคนั้นออกไป ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆราวกับไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง....
...... คงจะช็อกมากล่ะสิท่า บอกแล้วว่าเรื่องโกหกในวัน April fool day นั่นของเธอผมจะทำให้มันเป็นเรื่องจริงเอง .......
“เขาว่ากันว่าถ้าโกหกหลังเที่ยงในวันเอพลิ้วฟูเดเรื่องโกหกจะกลายเป็นเป็นความจริง”
คุณเองก็เหมือนกัน....ถ้าไม่อยากโดนเอาคืนจนไปไม่เป็นแบบยัยนี่......อย่าโกหก!
จบ!!!!
จริงๆล่ะนะ!
************************************************************
12/04/2556
@คุณ M๐Rtune
แก้ไขคำผิดเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยตรวจทาน ^^
**************************************************************************************
08/04/2556
เย้! จบแล้ว จบแบบแปลกที่สุดตั้งแต่เคยเขียนมา-..- อ่านฟิคเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนเดจาวูมั้ยคะ55555
ตอนเขียนพาร์ทพี่แทใส่ฟิวลิ่งตัวเองไปเยอะมากแบบ..ถ้าเจอจงฮยอนตัวจริงฉันจะเป็นแบบนี้นะ55555
ปล.เหมือนจะมีคนชอบคู่ชานมไข่มุกคอบเพิลเยอะไม่น้อยเลยทีเดียว
ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมีโครงการแต่งฟิคยาวของคู่นี้ 555555+
*********************************************************************************
อีก90% จะมาอัพทีหลังนะคะ เป็นคู่แปลกไม่รู้จะมีคนอื่นรึเปล่า ฮุฮุ
ชอบคู่นี้มากกกกกกกก
ถึงใครไม่จิ้น
ถึงแม้ไม่มีโมเมนท์
แต่เราก็ฟิน 5555
พี่ยังรอเรื่องยาวคู่นี้นะคะ ฮี่ๆๆ
ชานมไข่มุก ไฟท์ติ้ง
อารมณ์นี้แหละ ฟีลลิ่งใช่เลยอร้า
ชอบๆ คู่นี้ก็ดีนะจงแท
รอเรื่องยาวค่า
ชอบอ่านเรื่องสั้นที่เป็น Two point of view แบบนี้ค่ะ
ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งสองมุมมองของตัวเอก
เห็นมีแย้มๆ ว่าอาจจะดขียนเรื่องยาวของคู่นี้
มายกมือรออ่านนะคะ ^^
แต่งดีมากเลยอ่ะ ตบมือ (แปะๆๆๆๆ)
ถ้าเราเป็นแทๆ ในเรื่องก็คงจะอารมณ์นั้นเลยล่ะ 555
พลิคล็อคเรื่องฮยอนสุดๆ ปริ่มมาก
ต่างกับเรื่อง Got A Boy สุดโต่งจริงๆ 55
ติมตามอยู่นะจ๊ะ :) เป็นกำลังใจให้นะ
น่ารัก ,,
ตอนอ่านพาร์ทของพี่แท ลุ้นมาก!!! กรี๊ดกร๊าดตามพี่แทไปด้วย
โดยเฉพาะฉันที่มินิมาร์ท ตอนฮยอนบอกว่ารู้ หูยยย แอบใจเต้นแรงตาม
แล้วยิ่งช็อตห้องพยาบาล สงสัยแต่แรกแล้วว่าทำไมต้องนั่งจับมือ
พอพูดออกมาแบบนั้น .. อื้อหือ ตกใจ หน้าเหวอตามพี่แทไปเลย
,, ฮยอน ดูหล่อ และอยู่แสนไกลมาก
แต่พอมาเป็นพาร์ทฮยอน เอ้า ที่แท้ฮยอนก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา
ที่หลงรักคิมแทนี่เอง เปลี่ยนความรู้สึกไปทันทีเลย
เดือนเมษาปีหน้าลองทำบ้างดีกว่า อิอิ
คู่แปลกแต่ฟินนนน้าาา
คู่นี้น่ารักไปป่ะ??
น่ารักจนตัวจะระเบิดอยู่แล้วววววว
ฟินคู่นี้เหมือนกันค่ะ ตั้งแต่เห็น Thank to ของแทในIGB
แต่งเรื่องยาวคู่นี้เถอะนะไรเตอร์
ชอบมากเลยจงแท แต่ฟิคก็หาอ่านยากเหมือนกันT__T
ชอบคู่นี้เหมือนกันค่ะไรทเตอร์ ตั้งแต่ Thank to
แสนพิศดารของแทๆ
แอบชอบคู่นี้ตอนแทเขียน thanks to ในอัลบั้ม
พยายามหาฟิคอ่านก็แทบจะไม่มีเลย
ไรท์เตอร์ทำให้เค้าฟินมากกกกกกกกกกกกกกนะคะ
เขียนเรื่องยาวเถอะนะคะ นะๆๆๆ
ชอบ ชอบ ชอบที่สุดเลยค่ะ มันน่ารักเกินไปอ่ะ >< !
ตอนที่รีดอ่านรีดอ้าปากหวอเลยค่ะ มันลุ้นจริงๆ นะ 5555555555
คู่โอโม่+โอโม่ กลายร่างเป็นคู่ ซุปเปอร์โอโม่ >[]< !!!!
ฮึ้ยยยย ย ย ~ ชอบจริงๆ นะคะเนี่ย การบรรยาย อะไรทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบไปหมดเลย
จงฮยอนที่ตอนแรกดูเข้มๆ จริงๆ น่ารักมากเลยนะเนี่ย >/////< !
นับวันยิ่งหลงผช.โอโม่มากขึ้นๆ ทุกที จริงๆ รีดเมนมินนะเนี่ย แต่ฟิคที่แต่งทำให้รีดหลงจงฮยอนหมดเลยอ่ะ ><
รอเรื่องยาวคู่นี้นะคะ ^_^
*มีคำผิดบางที่นะคะ ><
- ฮ่าว = ห้าว รึเปล่าคะ ?
- จิตร = จิต อันนี้เจอผิดตั้งแต่เรื่อง Got a boy ค่ะ ><
- หน้าผาก "มล" = มน อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ
แล้วก็ตอนท้าย พิมพ์คำว่า "เลือด" ผิดนะคะ ตรงที่จงฮยอนบอกว่า "เธอเลือดกำเดาไหล" ไรต์พิมพ์ "เลือด" เป็น "เลือก" ค่ะ
+ ช่วยตรวจเล็กน้อยด้วยความหวังดี ไมชอบก็ขอโทษน้า ><
ตั้งแต่รู้ว่าแทยอนเขียนขอบคุณจงฮยอนในอัลบั้ม
พอรู้ถึงขั้นไปรีเพลดูไลฟ์ที่cnblueได้ที่1 music bank มีโมเมน แทกับฮยอยด้วย
ยิ่งฟินเข้าไปอีก ขอบคุณไรเตอร์ที่ทำให้เราได้ฟินต่อน่ะคะ^^
เเต่ว่าไรเตอร์อย่าลืมจงเจสน้าาา 555
ถ้าพี่แทกับจงคู่กันลูกคงเรืองแสงได้ในที่มืดอ่ะ
สว่างจ้าเห็นแต่ลูกกะตาเลยทีเดียว
สนุกมากๆค่า