ตอนที่ 9 : ตอนที่ 9 แผนการขั้นที่ 1 : รู้จักเล่นตัว (กุลสตรีที่คุณแม่เคยสอนไว้)
ตอนที่ 9 แผนการขั้นที่ 1 : รู้จักเล่นตัว (กุลสตรีที่คุณแม่เคยสอนไว้)
บรรยากาศวันทำงานของชาร์โก้ทรานสปอร์ตยังดำเนินต่อไปอย่างเคร่งเครียดและเร่งรีบดังปกติ พนักงานหลายร้อยชีวิตเดินมุ่งหน้าสู่ตัวตึกที่ตั้งสำนักงานใหญ่ไม่ต่างจากผู้บริหารระดับสูงอย่าง บุรินทร์ ภักดีบุรมย์
ผู้บริหารหนุ่มเป็นขวัญใจของสาวๆ ทั้งบริษัท ด้วยความที่เป็นคนยิ้มแย้มและเป็นกันเองกับลูกน้อง (สาวๆ) ที่เรียกง่ายๆ อีกอย่างว่าสมภารที่ตั้งท่าจะกินไก่ในวัดเสียให้ได้ ทำให้ตลอดทางเดินพนักงานหญิงหลายนางต่างชม้ายชายตาทอดสะพานให้อย่างเปิดเผย
เคียงคู่มากับภักดีบุรมย์คนน้องที่แม้จะเงียบขรึมและเต็มที่กับการทำงานจนดูน่าเกรงขามก็ยังถูกเชิญชวนทางสายตาอยู่บ่อยครั้งจนคนถูกมองได้แต่ตีหน้ายักษ์กลับไปให้ และสิ่งที่ได้กลับมาก็คือเสียงกรี๊ดกร๊าดราวกับเจอศิลปินคนโปรดจนสิงขรคร้านที่จะห้ามปราม ปล่อยให้บรรดาคุณเธอทั้งหลายทำต่อไป ขอเพียงไม่ให้เสียงานก็เป็นพอ
“วันนี้นายอารมณ์ดีนะครับ สงสัยจะได้ชิมของหวานทั้งคืน”
อนุชิตที่ยืนรออยู่หน้าลิฟต์ของผู้บริหารเอ่ยแซวยิ้มๆ เพราะเมื่อคืนหลังจากที่เขาส่งเจ้านายและหญิงสาวที่คอนโดฯ เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็รีบกลับบ้านไปหาภรรยาตามประสาคนไม่โสดทันที จึงเดาว่าเจ้านายคงใช้ชีวิตยามค่ำคืนกับหญิงสาวเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนั้นอยู่เป็นแน่
บุรินทร์ไม่ตอบแต่ส่งยิ้มให้ เมื่อร่างสูงก้าวเข้าไปในลิฟต์ สิงขรที่เดินตามหลังก็อาศัยจังหวะที่เดินผ่านอนุชิตเอนกายรายงานผลทันที
“กินเหล้าทั้งคืนต่างหากครับพี่นุ”
คนแซวเปลี่ยนสีหน้าเป็นขมวดคิ้วก่อนจะก้าวตามเข้าไปในลิฟต์และเลือกกดปุ่มชั้นสูงสุดของตึกอันเป็นสถานที่ทำงานของชายหนุ่ม หน้าปัดดิจิทัลบอกตัวเลขที่ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนชั้นที่เคลื่อนผ่าน
“เรื่องที่สั่งจัดการเรียบร้อยหรือยังหิน”
นักธุรกิจหนุ่มเรียกชื่อเล่นของน้องชายอย่างเป็นกันเองให้รู้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในโหมดเคร่งขรึมเหมือนทุกครั้ง คนที่กำลังเปิดสมุดบันทึกดูตารางงานของพี่ชายหันมามองด้วยสายตาสงสัย
“เรื่องไหนครับ นายสั่งผมหลายเรื่องมาก” แม้จะเดาออกจากสีหน้าของพี่ชายว่า ‘เรื่องที่สั่ง’ นั้นหมายถึงเรื่องอะไร แต่น้องชายตัวดีก็ยังอยากจะกวนอารมณ์คนเป็นพี่ที่อารมณ์ดีแต่เช้าทั้งที่ผ่านการโดนผู้หญิงทิ้งกลางคันไปหยกๆ
แล้วคำตอบที่ได้ก็ทำให้คนถูกกวนเปลี่ยนจากท่ายืนสบายๆ มาเป็นกอดอกพิงผนังมองคนเป็นน้องด้วยสายตาเอาเรื่อง
อนุชิตที่ร่วมโดยสารมาต้องหลบไปยืนเสียชิดผนังฝั่งหนึ่งเพื่อเปิดโอกาสให้นายและน้องชายนายได้ยืดแข้งยืดขาได้เต็มที่ แต่สิงขรกลับยิ้มขำจนปรากฏรอยบุ๋มลึกข้างแก้มขณะตอบกลับด้วยท่าทางกวนโมโหดุจเดิม
“จัดการให้แล้วครับ คิดว่า...” ข้อมือหนาที่มีนาฬิกาเปลือยอันลิมิเต็ดรุ่นล่าสุดคาดอยู่ถูกยกขึ้นดู เรียวคิ้วชนกันเล็กน้อยขณะคำนวณเวลาของคำสั่ง “อีกสักสิบนาทีก็น่าจะถึงเป้าหมาย”
สิบนาทีไม่ขาดไม่เกินตามการคำนวณของสิงขร หนึ่งหญิงสาวและหนึ่งชายหนุ่มใจสาวก็กำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอกโดยมีจุดหมายที่กิจการร้านกาแฟเป็นแห่งแรกเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ก่อนจะตามด้วยห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางกรุงที่ทั้งสองหมายมั่นปั้นมือว่ามันจะเป็นแหล่งละลายทรัพย์ของวัน
“หล่อนลงไปก่อนนะ ฉันขอไปหยิบผ้าพันคอแป๊บหนึ่ง”
ปกรณ์หันมาสั่งแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องพักของเพื่อนสาวเพื่อหยิบของที่ลืมไว้ ปกติแล้วปกรณ์มีบ้านอยู่ชานเมือง แต่เมื่อใดที่พิชชาภรณ์ลงมาเมืองหลวงเขาก็มักจะมาอยู่เป็นเพื่อนอีกฝ่ายเป็นประจำตามคำขอร้องของพ่อเลี้ยงพนาบิดาของพิชชาภรณ์ ทั้งที่ความจริงจะเรียกว่าคำสั่งแกมบังคับก็ไม่ผิดนัก
“แล้วรีบตามลงไปนะคะเจ๊”
พิชชาภรณ์หันมาตอบ นิ้วเรียวกดหมายเลขชั้นที่ต้องการและกอดอกพิงผนังลิฟต์ดูตัวเลขที่ลดลงตามชั้นที่เคลื่อนผ่านฆ่าเวลาพลางทบทวนไปด้วยว่าวันนี้เธอต้องทำอะไรบ้าง มือนุ่มล้วงหยิบเอกสารปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าใบโตพร้อมกับเพ่งมองข้อความที่ปรากฏบนหน้ากระดาษอีกครั้ง
‘ข้อมูลส่วนตัวของ พิชชาภรณ์ ธีระปกรณ์ชัย’
รอยยิ้มอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมปากสวย เอกสารแสดงตนที่เธอนั่งตัดต่อเกือบทั้งคืนตรงหน้าคือสิ่งที่เธอต้องทำเป็นอันดับแรกเมื่อลงไปถึงแผนกต้อนรับของคอนโดฯ เพื่อการโกหกที่แนบเนียนข้อมูลส่วนใหญ่จึงไม่แตกต่างจากตัวเธอเองนัก ที่ต่างออกไปก็มีเพียงนามสกุลจริงและภูมิลำเนาเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เขาตามหาเธอเจอเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกัน
“คุณเพลงลงมาแล้วค่ะ”
เสียงประชาสัมพันธ์สาวของคอนโดมิเนียมหรูกลางกรุงดังขึ้นพลางผายมือไปทางคนที่กำลังออกมาจากลิฟต์ บุรุษในชุดหมีสีขาวบนอกด้านซ้ายติดโลโก้ร้านดอกไม้ชื่อดังหันมามองพลางค้อมศีรษะขอบคุณและผละจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมของหอบใหญ่ในมือ
“คุณเพลง พิชชาภรณ์ ธีระปกรณ์ชัย ใช่มั้ยครับ”
เขาเอ่ยถามและเฝ้ารอคำตอบรับเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งของผิด เจ้าของชื่อชะงักเล็กน้อย แต่แล้วก็พยักหน้าช้าๆ
“ค่ะ”
“มีดอกไม้ส่งถึงคุณครับ” เอ่ยพร้อมกับยื่นดอกไม้ช่อโตให้กับหญิงสาว กุหลาบสีขาวสวยดอกใหญ่บ่งบอกสายพันธุ์จากต่างประเทศชูช่อแข่งกับลิลลี่สีขาวก้านโตอย่างไม่มีใครยอมใคร คัตเตอร์ดอกน้อยช่วยเสริมให้ช่อดอกไม้งดงามจนผู้พบเห็นต้องนึกอิจฉา
“จากใครคะ” อดไม่ได้ที่จะถามถึงผู้เป็นเจ้าของ เพราะราคาของมันตามที่เธอประเมินดูคงไม่ต่ำกว่าครึ่งหมื่นเป็นแน่ มวลดอกไม้ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวลไปทั่วห้องโถงของคอนโดมิเนียมหรู
พนักงานส่งดอกไม้ส่งยิ้มให้แทนการไม่ตอบคำถามเพราะผู้จ้างวานกระชับไว้ว่าห้ามเอ่ย
“เซ็นรับตรงนี้ด้วยครับ”
พิชชาภรณ์รวบกุหลาบขาวช่อโตไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง ก่อนจะตวัดลายเซ็นลงบนใบรับของ สายตาสำรวจช่อดอกไม้อีกครั้ง แต่พอเงยหน้าขึ้นคนส่งดอกไม้ก็หายไปแล้ว จึงไม่รู้ว่าใครกันแน่คือเจ้าของดอกกุหลาบช่อโตที่ส่งมาให้
ปกรณ์เดินบิดสะโพกปราดเข้ามาหาเพื่อนสาวที่ยืนหันหลังชะเง้อมองไปที่ประตูทางออก และเมื่อเอ่ยเรียก พิชชาภรณ์ก็หันกลับมาพร้อมกับของที่อยู่ในอ้อมแขน
“กรี๊ด! ดอกไม้ของใครกันยะ ยายเพลง”
ปกรณ์ร้องถามเสียงดังเมื่อเห็นสิ่งที่เพื่อนรักกอดอยู่ พิชชาภรณ์ยักไหล่เป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกันว่าใครส่งมา แต่ผู้มีประสบการณ์มากกว่าเดาออกในทันทีว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำมัน แสดงว่าแผนของเพื่อนสาวเธอได้ผล
“สวยมากกกก!”
ลากเสียงยาวประกอบกิริยาระริกระรี้จนดูน่าขัน แต่ทว่ายังไม่ทันที่พิชชาภรณ์จะได้เอ่ยคำใดเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น พิชชาภรณ์ส่งช่อดอกไม้ให้เพื่อนไปชื่นชมต่อพลางควานหาที่มาของเสียง และเมื่อค้นเจอก็ไม่รีรอที่จะกดรับสายโดยไม่ได้มองว่าใครกันที่โทร.มา
“สวัสดีครับสุดสวย ชอบดอกกุหลาบขาวกับลิลลี่ที่ผมส่งไปให้หรือเปล่า”
เสียงทุ้มที่ดังมาตามสายทำให้เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตากลมตวัดมองของที่อยู่ในมือของเพื่อนอย่างใช้ความคิดก่อนจะปริยิ้มเมื่อเข้าใจว่านี่คงเป็นของกำนัลจากเขา
“ของคุณเองหรือคะ”
พิชชาภรณ์จำเสียงของเขาได้แม่นอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่เป็นครั้งแรกที่ได้คุยกันทางโทรศัพท์ รอยยิ้มหวานถูกแต่งแต้มที่กลีบปากอิ่ม มือข้างที่ว่างแตะไล้ที่ดอกกุหลาบสวยดอกหนึ่งก่อนที่จะโน้มหน้าเข้าไปสูดความหอมของมันเบาๆ
เสียงหัวเราะห้าวทุ้มเป็นคำตอบที่เธอได้รับกลับมาจนอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มตาม
“ชอบมั้ยครับ”
“ชอบค่ะ มันสวยมาก” พูดจากใจจริงไม่ได้แกล้งยอให้ปลายสายหลงเคลิ้ม ดอกไม้ที่เขาส่งมาสวยมากจนหญิงสาวหลายคนที่เดินผ่านห้องโถงของคอนโดมิเนียมต้องมองมาด้วยความริษยา “เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“ทำไมคุณชอบถามหาโอกาสจัง” เสียงปลายสายแกล้งตัดพ้อคล้ายน้อยอกน้อยใจ ร้อนให้คนชอบถามหาโอกาสหน้าเสีย รู้สึกผิดเพราะไม่คุ้นเคยกับการพูดคุยกับผู้ชาย
“แหม! ก็เราเพิ่งรู้จักกันได้แค่สองวันเองนี่คะ ฉันก็ต้องถามสิ”
ทว่าคำว่า ‘รู้จักกันแค่สองวัน’ ทำให้คนที่ยืนกอดดอกไม้บิดไปบิดมามองหน้าเพื่อนสาวตาโต
“งั้นก็สำหรับโอกาสที่ผมรู้จักคุณเป็นวันที่สองครับ” บุรินทร์หาโอกาสได้ในที่สุด และโอกาสที่เขาว่าก็เป็นสิ่งที่ทำให้หญิงสาวหัวเราะคิกถูกใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอรับไว้ด้วยความยินดีค่ะ”
“เย็นนี้คุณว่างมั้ยครับ” ชายหนุ่มถามเข้าประเด็นที่ตั้งใจ และปลายสายก็หัวเราะตอบกลับมาเบาๆ
“จะชวนฉันไปดินเนอร์หรือคะ”
แทนคำตอบที่เขาต้องการพิชชาภรณ์เลือกที่จะถามกลับแทน ใบหน้าเนียนซับสีชมพูจางๆ ขณะที่ดวงตากลมโตฉายแววเจ้าเล่ห์ และสิ่งที่ดังมาตามสายก็คือเสียงหัวเราะทุ้มของคนตัวโตก่อนจะเอ่ยสารภาพออกมา
“ครับ”
“ฉันก็อยากจะไปนะคะ แต่ว่าคืนนี้ฉันต้องอยู่ดูแลเพื่อนสนิทที่ไม่สบายน่ะค่ะ”
คำปฏิเสธมาพร้อมกับการปรายตามองคนที่ได้รับบทไม่สบายขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน เสียงหวานออดอ้อนบ่งบอกว่าเธอเสียใจเหลือเกินที่ไม่สามารถไปตามคำชวนของเขาได้
บุรินทร์นิ่งอึ้งเมื่อถูกยกความสำคัญไปวางไว้หลังเพื่อนสนิทที่ไม่สบาย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำกับเขาเช่นนี้มาก่อน ปกติพวกเจ้าหล่อนมักอ้างเหตุผลว่าเพื่อนอยู่กับเราตลอดแต่ผู้ชายผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ควรไปกับผู้ชายก่อนเพราะถึงแม้ผู้ชายจะจากไปแต่สุดท้ายก็ยังเหลือเพื่อนอยู่ แต่พิชชาภรณ์ไม่ใช่ เธอเลือกที่จะปฏิเสธเขา
และไม่ใช่แค่คนในสายเท่านั้นที่นิ่งอึ้งไปเพราะคำปฏิเสธ คนที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ อย่างปกรณ์ก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ไปเหมือนกัน
“ฉันขอโทษจริงๆ นะคะคุณบุรินทร์”
“ไม่เป็นไรครับ” เป็นนานกว่าที่เขาจะหาเสียงตัวเองเจอ
และก่อนที่จะได้เอ่ยคำใดมากกว่านั้นพิชชาภรณ์ก็ตีขลุมเอ่ยขอตัวเพื่อวางสาย นิ้วเรียวก็กดปุ่มตัดสัญญานทันทีโดยไม่รอให้เขาตอบกลับมา รอยยิ้มสมใจปรากฏบนใบหน้า หันมามองดอกไม้ช่อโตก่อนจะก้มลงสูดความหอมของมันอีกครั้ง
“เมื่อกี้เธอว่าฉันไม่สบายเพื่อปฏิเสธคุณบุรินทร์อย่างนั้นเหรอ” ปกรณ์ที่เพิ่งหาเสียงตัวเองเจอถามเสียงสั่น และเพื่อนสาวก็ยิ้มรับเต็มใบหน้า
“ใช่ค่ะ”
“ไหนว่าอยากจะจับเขาไง นี่ไงโอกาสที่เขาจะขอแกเป็นแฟน”
“เจ๊เนี่ย” พิชชาภรณ์ส่ายหน้าไปมาอย่างบอกให้รู้ว่าความคิดของอีกฝ่ายใช้ไม่ได้เอาเสียเลย “แม่หนูเคยสอนไว้ ผู้หญิงจะมีค่าเมื่อเรารู้จักเล่นตัว ออดอ้อนว่าเราก็อยากไปด้วยนะแต่เราไม่ได้ง่ายขนาดนั้น” พูดจบก็รวบช่อกุหลาบขาวขึ้นแนบอกแล้วเดินเชิดหน้าจากไป ทิ้งผู้ร่วมเดินทางให้ยืนอ้าปากค้าง
หญิงสาวแวะที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของคอนโดฯ ที่มีพนักงานสาวหน้าแฉล้มประจำการอยู่เพื่อดำเนินการบางอย่าง
“คุณเป็นเอกบอกแล้วใช่มั้ยเรื่องของพี่น่ะ” นักวางแผนสาวเข้าเนื้อหาของธุระ และเมื่อพนักงานพยักหน้ารับ เธอก็ยื่นเอกสารที่ถือติดมือมาให้ “ถ้ามีใครมาถามหาพี่ก็ให้บอกรายละเอียดตามนี้นะ บอกเพื่อนคนอื่นด้วย”
“ได้ค่ะคุณเพลง”
“ขอบใจจ้ะ” เธอส่งยิ้มให้พนักงานคนดังกล่าวอีกครั้งก่อนจะเดินไปทางประตูที่ลุงยามเปิดรอท่า เพื่อไปจัดการกับเรื่องอื่นๆ ที่วางไว้สำหรับวันนี้ให้เรียบร้อย โดยมีร่างของเพื่อนชายใจสาววิ่งตามมาติดๆ
“เมื่อกี้เธอทำอะไรน่ะ”
“ก็เรื่องที่หนูเล่าให้เจ๊ฟังเมื่อคืนไงคะ”
ฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
