ตอนที่ 6 : BOY IN A JAR :: What should I do ?
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
BOY IN A JAR
MARK x BAMBAM
#FICJARMB
CHAPTER
- 6 -
( What should I do? )
ผ่านไปแล้วหนึ่งอาทิตย์หลังจากวันที่แจ็คสันหวังบุกมาดักหน้าห้องของมาร์คแถมยังพูดจาคล้ายกับว่ามันรู้ความลับของเขาที่ซ่อนคนตัวเล็กเอาไว้ กับคนที่ไม่คิดอะไรมากอย่างแบมแบมน่ะเจ้าตัวคงจะลืมไปสนิทแล้วล่ะ ต่างกันกับมาร์คที่ยังคงเก็บเอาคำพูดเหล่านั้นมาคิดวนไปมา
เขาไม่รู้ว่าแจ็คสันคิดอะไรอยู่
จริงที่ว่าเขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าแจ็คสันสักเท่าไหร่ แต่นั่นมันก็มาจากแค่สาเหตุเล็กๆสมัยมัธยมที่แจ็คสันนั้นชอบทำตัวกร่างไปทั่วเสียจนมีเรื่องกระทบกระทั่งกับมาร์คอยู่บ่อยๆก็เท่านั้น ซึ่งพอโตมาต่างคนก็ต่างแยกย้าย แต่สุดท้ายแล้วอพาร์ทเมนต์ที่มาร์คเลือกเช่าเพราะคิดว่าทำเลมันดีทั้งใกล้มหาวิทยาลัยสมัยที่เขาเรียนและยังสะดวกต่อการเดินทางนั้นกลับกลายเป็นของพ่อไอ้แจ็คสันซะอย่างนั้น
“มาร์ค! ขอชิม” ขณะที่กำลังเหม่อคิดไปไกลเสียงเล็กๆก็ดึงให้มาร์คกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ชายหนุ่มสะบัดหัวเบาๆเพื่อไล่ความคิดไร้สาระนั่นออกไปแล้วหันมาสนใจคนตัวเล็กบนเคาน์เตอร์เตรียมอาหารตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนกำลังเรียกร้องอะไรบางอย่างจากเขาอยู่
“หืม...” มาร์คก้มลงไปมองก็เห็นว่านิ้วเล็กๆนั่นจิ้มจึกๆอยู่บนถ้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่มาร์คลองซื้อมาติดห้องเอาไว้เผื่อเวลาแบมแบมไม่มีอะไรกินหรือเกิดเบื่ออาหารเดิมๆขึ้นมาอีก
“กินได้ไหม” ดวงตากลมโตใสแจ๋วหันมามองมาร์คอย่างน่าเอ็นดู และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่มาร์คจะปฏิเสธความน่ารักนั้นได้ลงคอ มือใหญ่เอื้อมไปหยิบถ้วยโยเกิร์ตออกมาจากแพ็ค จัดการฉีกฝาออกแล้วใช้นิ้วชี้ปาดลงบนถ้วยแล้วยื่นไปตรงหน้าคนที่ยืนรอ
“...”
แบมแบมจ้องนิ้วยาวที่ตรงส่วนปลายนิ้วเปื้อนไปด้วยเนื้อโยเกิร์ตตรงหน้าด้วยความรู้สึกตื่นเต้น สองขาเล็กก้าวเข้าไปใกล้กว่าเดิมก่อนใบหน้าเล็กจะโน้มลงไปเพื่อแลบลิ้นแดงๆของตัวเองออกมาเลียเจ้าครีมสีขาวตรงหน้า
อร่อย!
แบมแบมเพลิดเพลินกับการกินโยเกิร์ตจากนิ้วมาร์คต้วนไปเสียแล้ว แต่คนที่กลับรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีในตอนนี้อย่างมาร์คต้วนก็ได้แต่ยกมือข้างที่ไม่ได้ใช้ทำอะไรขึ้นมาขยี้ปาดเม็ดเหงื่อที่จู่ๆก็เกิดซึมออกมาตามไรผมของตัวเองทิ้งแบบลวกๆ ก่อนจะตัดสินใจเบนสายตาออกจากภาพที่ชวนให้ใจสั่นตรงหน้าไปมองหลอดไฟนีออนด้านบนแทนเสียอย่างนั้น
“อ๊ะ..”
เสียงเล็กร้องออกมาเมื่อจู่ๆมาร์คต้วนก็เล่นกระชากมือตัวเองกลับไปอย่างเร็วเสียจนแบมแบมที่ชิมรสชาติของโยเกิร์ตอยู่เพลินๆในตอนแรกนั้นเกือบหน้าทิ่มคะมำลงพื้น คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันหน่อยๆ ทำไมมาร์คชอบแกล้งกันแบบนี้อยู่เรื่อยเลย
“พอแล้ว”
มาร์คว่าแค่นั้นก่อนจะหันไปหั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยใส่ถ้วยใหญ่สีขาวตรงหน้าแทน ปล่อยให้แบมแบมที่ชักสีหน้าง้ำงอไม่พอใจบ่นพึมพำอยู่ในลำคอไปคนเดียว เพราะเดี๋ยวพอบ่นจนเบื่อก็จะเลิกไปเอง มาร์ครู้ข้อนี้ดีเลยล่ะ
“...”
“วันนี้ทำอะไรให้แบมแบมกินน้า...” นั่นไงล่ะ ไม่ทันไรคนหงุดหงิดเมื่อครู่ก็เปลี่ยนท่าทางมาเป็นตื่นเต้นกับสิ่งที่มาร์คกำลังทำอยู่แทน วิ่งเข้ามาเขย่งปลายเท้าเกาะขอบถ้วยใบใหญ่พยายามจะมองลงไปด้านล่างของถ้วยอย่างทุลักทุเลเสียจนได้ยินเสียงทุ้มของคนตัวโตหัวเราะหึหึในลำคอ
“แอปเปิ้ลราดโยเกิร์ต”
บอกเมนูให้คนตัวเล็กรับทราบเรียบร้อยมาร์คก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองนี่ชักจะครีเอทขึ้นทุกวันตั้งแต่ตัดสินใจกับตัวเองว่าจะพยายามเลี้ยงและใส่ใจแบมแบมให้มากกว่าเดิม เลยทำให้จากที่ไม่เคยสนใจเรื่องอาหารการกิน กินก็ได้ไม่กินก็ได้ตามนิสัยเดิมนั้นก็ต้องเปลี่ยนเพราะคนตัวเล็กนี่ต้องกินทุกมื้อ จะมาอดมื้อกินมื้อแบบมาร์คไม่ได้หรอก...เจ้าตัวคงโมโหตายเลย
“ดีจัง! แบมแบมชอบทั้งคุณแอปเปิ้ลทั้งโยเกิร์ต มาร์คทำดี!” ไงล่ะ เดี๋ยวนี้พัฒนามีการออกปากชมเขาเสียด้วย...
“เงียบเถอะน่า” เสียงทุ้มแกล้งพูดขัดใจจนได้ยินเสียงถอนหายใจแรงๆออกมาจากอีกคน ขี้หงุดหงิดนี่ที่หนึ่งเลยล่ะเขาน่ะ
“...”
“มาร์ค”
“อะไรอีก” นับไม่ถ้วนจริงๆว่าตั้งแต่แบมแบมกล้าพูดกับเขามากขึ้นนั้นคนตัวโตได้ยินคำว่ามาร์คออกจากปากคนตัวเล็กนี่วันละกี่ร้อยรอบกันแน่
“เล่าเรื่องคุณแทมมี่กับคุณเบ็ธตี้ให้ฟังอีกสิ” คนตัวเล็กเอ่ยขอเสียงอ่อนคล้ายว่าพยายามจะอ้อน ก็แบมแบมชอบเวลามาร์คเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังนี่นา...มันดูอบอุ่นจะตายไปเวลามาร์คพูดถึงสองคนนั้นน่ะ ทำให้เขายิ้มตามไปด้วยได้ง่ายๆเลย
“หมดเรื่องจะเล่าแล้ว”
“ได้ยังไงกัน!” แต่เมื่อถูกขัดใจแบมแบมคนอ่อนหวานเมื่อครู่ก็เผลอตัวขึ้นเสียงดังเสียจนคนขี้แกล้งอย่างมาร์คต้องลอบยิ้มกับตัวเองที่ได้ขัดใจคนตัวเล็กให้หน้ามุ่ยอีกครั้ง
“นายก็เล่าเรื่องนายให้ฉันฟังบ้างสิ” มือใหญ่หยิบถ้วยโยเกิร์ตที่ถูกเปิดเอาไว้เมื่อครู่มาเทลงไปบนถ้วยใหญ่ที่มีแอปเปิ้ลเขียวและแดงถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆอยู่ในนั้น ตามด้วยใช้ช้อนส้อมคลุกเคล้าให้เข้ากัน
“อ่า...”
“แบมแบมไม่มีคุณแทมมี่หรือคุณเบ็ธตี้แบบมาร์คนี่นา...จะเล่ายังไงล่ะ” เสียงหวาดสลดลงไปเสียจนมือใหญ่ที่กำลังคลุกเคล้าอาหารในถ้วยค่อยๆหยุดชะงักลง ใบหน้าคมเสมองแบมแบมด้วยแววตาที่อ่อนลงเมื่อเห็นว่าใบหน้าเล็กนั่นดูหมองลงไปหน่อยๆ
“...”
“แบมแบมอยู่ในป่าก็มีแต่คุณต้นไม้ คุณกระรอกก็น่ารักดีแต่ขี้แกล้งมากๆเลย คุณนกตัวใหญ่ก็มีแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยเป็นมิตรซักเท่าไหร่ อ้อ! ยกเว้นคุณนกฮูกสีเทาเอาไว้ตัวนึงนะ” คำพูดประหลาดๆที่หาฟังที่ไหนได้ไม่บ่อยนักทำให้มาร์คต้องตั้งใจฟัง หยุดการทำอาหารไว้ชั่วครู่แล้วเปลี่ยนท่าทางมาเป็นกอดอกเอนหลังพิงกับเคาน์เตอร์ทำครัวนั่นแทน
“นายคุยกับนกได้เหรอ” มาร์คหันไปเลิกคิ้วถามอีกคนทีเล่นทีจริง และคำตอบที่ได้ก็เป็นเพียงกลุ่มผมดำนั้นส่ายไปมาช้าๆ
“เปล่าหรอก...แต่แบมแบมไม่รู้จักใครนี่นา” มาร์คคิดว่าชีวิตในป่าใหญ่นี่คงดูน่าสบสนสำหรับคนตัวเล็กอยู่พอตัว แบมแบมก็ไม่ได้ต่างไปจากเขาสักเท่าไหร่หรอก อยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็กๆแต่โชคดีที่มาร์คยังมีพี่สาวอย่างแทมมี่ ทุลักทุเลแค่ไหนแต่ก็ยังมีคนคอยช่วยประคอง
แต่แบมแบมน่ะมีเพียงตัวเองเท่านั้น...
“นายรู้จักฉันแล้วนี่ไง” เสียงทุ้มดังขึ้นหลังจากเห็นว่าแบมแบมเริ่มที่จะเงียบไปหลังจากจบประโยค เขาก็แค่ไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกแย่ก็เท่านั้น
“อ...อื้อ” และดูเหมือนว่าแบมแบมเองก็ยอมรับในประโยคเมื่อครู่ของมาร์คเช่นกัน...
หลังจากมื้ออาหารยามเช้าผ่านไปได้สองสามชั่วโมง ห้องทั้งห้องที่เงียบสนิทเพราะมาร์คสั่งห้ามแบมแบมส่งเสียงดังรบกวนจนกว่างานของมาร์คจะเสร็จก็ยังคงถูกปกคลุมด้วยความเงียบต่อไป
แน่นอนว่าการอยู่นิ่งๆและทำตัวเงียบเป็นเวลานานๆนั้นมันไม่ใช่อะไรที่ถูกใจแบมแบมเอาเสียเลย แต่การที่คนตัวเล็กยอมนอนพลิกคว่ำไปคว่ำมาเอาหัวไล่ถูไถอยู่กับเบาะโซฟานุ่มๆนั้นโดยไม่ส่งเสียงรบกวนซักแอะเดียวมันก็มาจากข้อแลกเปลี่ยนของมาร์คต้วนนั่นเอง
“ฮึ...”
แบมแบมเบื่อเต็มทีจนได้แต่แอบฟึดฟัดกับตัวเอง หากไม่ใช่เพราะมาร์คบอกกับเขาว่าถ้ายอมทำตัวดีไม่ส่งเสียงรบกวนตอนมาร์คทำงานมาร์คจะพาออกไปเลือกซื้อคุณเบอร์รี่ที่ซูเปอร์มาเก็ตเย็นนี้ด้วยกันแล้วล่ะก็เขาจะไม่ยอมมานอนเบื่ออยู่เฉยๆแบบนี้หรอก
“หลับไปเลยก็ได้นะ”
สะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆเสียงทุ้มของมาร์คก็ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบที่ยาวนาน ดวงตากลมมองไปทางเจ้าของเสียงก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะยื่นออกมาน้อยๆด้วยความไม่พอใจ ถ้าจะพูดแบบนี้ไม่ต้องพูดดีกว่าไหมล่ะ!
Rrrr..~
“...” คราวนี้เป็นเสียงริงโทนมือถือของคุณศิลปินเสียเองที่ดังแผดขึ้นจนแบมแบมที่นอนคว่ำก้นโด่งอยู่บนโซฟาต้องสะดุ้งตกใจอีกรอบ แถมยังแอบคลานดุ๊กดิ๊กมาแอบมองมาร์คที่ทำท่าเหมือนว่ากำลังคุยกับใครบางคนผ่านวัตถุสี่เหลี่ยมในมือที่มาร์คบอกเมื่อวันก่อนว่ามันคือโทรศัพท์มือถืออยู่ด้วย
“ครับ มาร์คต้วนครับ” มือที่ถือพู่กันชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงลอดมาจากปลายสาย
“อ๋อ...จำได้ครับ”
“...” คนตัวเล็กที่แอบมองอยู่บนโซฟาไม่ไกลนักพยายามที่จะฟังบทสนทนานั่นแบบสุดๆแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวนใกล้ๆมาร์คตอนนี้
“อ่า อันที่จริงคุณจีอาไม่ต้องลำบากก็ได้นะครับ” มาร์คเริ่มขยับตัวลุกขึ้นยืนหลังจากวางพู่กันในมือลงกับพื้น ทำท่าเหมือนจะเดินออกไปหน้าประตู เล่นเอาคนที่แอบมองอยู่อย่างแบมแบมนั้นชักรู้สึกแปลกๆกับท่าทางของคนตัวโต
สักพักหนึ่งเหมือนมาร์คจะเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองไปแล้ว แต่คนตัวโตก็ยังยืนอยู่แถวๆหน้าประตูอยู่แบบนั้น เล่นเอาดวงตากลมที่มองตามอีกคนมาตั้งแต่แรกนั้นได้แต่ฉายแววงุนงงอยู่กับตัวเองทว่าไม่กล้าเอ่ยปากถามออกไปเพราะกลัวว่ามาร์คจะดุเอา
ออด...
ยิ่งเสียงกริ่งที่ดังขึ้นพร้อมกับมาร์คที่เอื้อมมือไปเปิดประตูออกทำให้แบมแบมต้องชะเง้อชะแง้มองด้วยความอยากรู้เข้าไปใหญ่ ทำไมมาร์คไม่เห็นบอกกันก่อนเลยว่าจะมีคนมา
หมอนอิงใบใหญ่บนโซฟาถูกแบมแบมใช้เป็นเกาะกำบังตัวเองจากคนแปลกหน้า คนตัวเล็กค่อยๆเบียดตัวเองจนเข้าไปอยู่ด้านหลังของหมอนกำมะหยี่ทรงสี่เหลี่ยมใบโตแล้วโผล่ออกมาเพียงแค่ส่วนของดวงตาได้สำเร็จ
ผู้หญิง!
“ขอบคุณนะคะมาร์ค” แบมแบมเห็นว่ามาร์คกำลังพาคุณผู้หญิงคนนั้นเดินมาทางโซฟาด้วย เธอหย่อนกายนั่งลงไขว่ห้างอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับคนตัวเล็กโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่กับใบหน้าสวยที่เปื้อนรอยยิ้มหวานตลอดเวลานั่น
“คุณจีอารอสักครู่นะครับ” มาร์คพูดก่อนจะเดินเลยเธอไปยังอีกมุมหนึ่งของห้องที่เหมือนจะเป็นส่วนของงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว เสียงรื้อค้นดังออกมาเรื่อยๆจากคนตัวโตซึ่งเป็นเสียงเดียวที่ช่วยไม่ให้ห้องทั้งห้องเงียบเกินไปในตอนนี้
ใบหน้าสวยของคิมจีอากวาดมองไปรอบๆห้องของมาร์คอย่างพินิจพิจารณา และแบมแบมเองก็ลอบมองพิจารณาใบหน้าของเธออยู่อีกทีเช่นกัน ตั้งแต่อยู่กับมาร์คมาแบมแบมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลยนี่เป็นครั้งแรก
แถมมาร์คก็ยังเอาแต่พูดดีกับเธอเสียจนน่าอิจฉา...
“...”
ไม่รู้ว่าแบมแบมเผลอคิดอะไรไปไกลแค่ไหน แต่รู้ตัวอีกทีคนตัวเล็กก็เลือกที่จะหลุบใบหน้าของตัวเองส่วนที่โผล่ออกไปจากหมอนอิงให้หลบเข้ามาอยู่ด้านหลังเหมือนเดิม ดวงตากลมหลุบลงในความมืดด้วยความไม่เข้าใจ
แบมแบมได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นอีกครั้งจากคนทั้งสองแต่คราวนี้เจ้าตัวกลับรู้สึกว่าไม่อยากรู้เอาเสียเลย จะคุยอะไรกันก็คุยไปเถอะแต่คนตัวเล็กน่ะไม่อยากจะได้ยินแล้ว! ทำไมทีกับเขามาร์คสั่งให้ห้ามพูด ให้อยู่เงียบๆ แต่กับผู้หญิงคนนี้มาร์คอนุญาตให้พูดเสียงดังได้แบบนี้ล่ะ...ไม่ยุติธรรมเลย
เพียงสักพักเดียวเสียงพูดคุยก็เงียบไป แบมแบมไม่รู้หรอกว่าคุณผู้หญิงคนนั้นออกไปจากห้องหรือยัง หรือว่ามาร์คจะออกไปด้วยแล้วทิ้งเขาเหมือนคราวนั้นอีกแบมแบมก็ไม่รู้...
“...”
“นี่” มัวแต่คิดอะไรเพลินๆจนไม่รู้ว่าหมอนอิงที่ตัวเองใช้เป็นที่ซ่อนตัวจากสายตาคนแปลกหน้านั้นถูกยกออกโดยคนตัวโตตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มๆนั่นดังมานั่นแหละแบมแบมถึงได้หันขวับไปมอง
“...”
“เย็นนี้ฉันต้องออกไปข้างนอก” มาร์คพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบราบแต่แน่นอนว่าทันทีที่จับใจความได้แบมแบมก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาแบบสุดๆ
“ล...แล้วที่บอกว่าจะพาไปซื้อคุณเบอร์รี่ล่ะ” ถึงหน้าจะนิ่วคิ้วจะขมวดหนักแค่ไหนแต่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะพยายามเต็มที่ในการหักห้ามตัวเองไม่ให้ออกอาการไปมากกว่านี้
“ขอเลื่อนไปเป็นพรุ่งนี้แทนแล้วกัน” คนตัวโตเองก็ไม่ใช่ว่าไม่ลำบากใจ แต่ว่าการที่คิมจีอาบอกว่าญาติผู้ใหญ่ของเธอนั้นชื่นชอบผลงานของมาร์คต้วนเลยอยากจะชวนไปกินข้าวร่วมโต๊ะนั้นมันก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำให้อาชีพของเขานั้นเติบโตกว่าเดิม
“...อื้อ” นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะยอมพยักหน้ารับเหมือนยอมจำนน เล่นเอาคนที่มองอยู่รู้สึกผิดเสียจนใจหายวูบ ย่อตัวลงไปนั่งยองๆเพื่อให้ใบหน้าของตัวเองเสมอกันกับอีกคนแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
“เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา ห้ามซน ห้ามหนีนะเข้าใจไหม”
แล้วแบมแบมควรจะทำยังไงล่ะมาร์ค ในเมื่อเล่นพูดมาซะขนาดนี้แล้วน่ะ...
.
.
.
แบมแบมกำลังเบื่ออีกแล้ว แถมยังเบื่อมากๆเสียด้วย...
“เฮ้อ...”
ถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ล้าน แบมแบมล่ะเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุดเลย มันทำให้นึกถึงวันที่มาร์คลืมเขาเอาไว้ในห้องแล้วกว่าจะกลับมาก็ทำให้เขาเกือบตายอยู่ข้างนอกนั่น แต่คราวนี้ไม่ใช่...มาร์คบอกเขาแล้วว่าจะรีบกลับมา แต่แค่ไหนกันล่ะที่เรียกว่ารีบของมาร์คน่ะ!
คนตัวเล็กไม่รู้ว่าตัวเองนอนแผ่อยู่บนพื้นห้องนานแค่ไหนแล้ว อาจจะหลังจากที่เขาไปรื้อกล่องสีของมาร์คออกมาแล้วพยายามละเลงมันเล่นบนพื้นเพื่อแก้เบื่อแต่มันกลับทำให้เบื่อหนักกว่าเดิม หรือจะหลังจากที่เจ้าตัวหยิบกระดาษสีขาวตามพื้นมาฉีกเล่นกัดเล่นจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายเต็มพื้นแต่ก็ยังไม่หายเบื่อกันแน่
มือเล็กๆชูขึ้นมาด้านบนทั้งสองข้างทำท่าเหมือนว่าจะไล่จับแสงไฟจากดวงไฟกลมติดเพดานด้านบน เพิ่งรู้เหมือนกันว่าถ้ามาร์คไม่อยู่แล้วมันจะน่าเบื่อขนาดนี้น่ะ...แต่ก็แปลก ตอนที่อยู่ในป่าคนเดียวแบมแบมก็ไม่เห็นจะรู้สึกแบบนี้เลย
“...”
นอนคิดอะไรไปเรื่อยๆเปื่อย แต่จู่ๆดวงตากลมก็ฉายแววหมองลงเอาเสียดื้อๆเมื่อความคิดประหลาดๆอย่างหนึ่งมันดันผุดขึ้นมาในหัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
.
.
ถ้าแบมแบมตัวโตแบบคุณผู้หญิงคนนั้นก็คงจะดีไม่น้อย...
.
.
“อ๋า...ไม่เอาแล้ว ปวดหัว” พอคิดแบบนั้นขึ้นมาก็ยิ่งใจร้อนรุ่มกว่าเดิมอย่างบอกไม่ถูก มือเล็กๆยกขึ้นมาขยี้ผมของตัวเองแล้วดิ้นพลิกไปมาอยู่บนพื้นเหมือนกับว่าพยายามจะลบล้างความคิดนั้นออกไป
ท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิทแล้ว...แต่มาร์คก็ยังไม่กลับมาซักทีเลย
กึก!
“มาร์ค!”
คนตัวเล็กกระเด้งตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงคล้ายกับประตูถูกไขจากด้านนอก สองขาเล็กๆพาตัวเองวิ่งไปยืนรออยู่หน้าประตูด้วยรอยยิ้มที่เริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า ปล่อยให้แบมแบมนอนเบื่ออยู่คนเดียวตั้งนาน...กลับมาซะที!
แอด…
เสียงบานประตูถูกผลักเข้ามาด้านในช้าๆนั่นทำให้คนตัวเล็กต้องถอยหลังมาสองสามก้าวเผื่อว่ามาร์คก้าวเข้ามาแล้วมองไม่เห็นเขาจะได้ไม่ถูกเหยียบ แต่ทว่าสายตาที่ไปปะทะเข้ากับรองเท้าสลิปเปอร์สีชมพูตรงหน้าก็ทำให้คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันอย่างฉับพลัน
อ่า...เดี๋ยวนะ มาร์คไม่ได้ใส่รองเท้าคู่นี้ออกไปนี่นา
“...”
“ไง ตัวเล็ก”
!!!
และยิ่งเสียงแหบพร่านั่นทำให้แบมแบมมั่นใจเสียยิ่งกว่ามั่นใจว่าคนตรงหน้าน่ะไม่ใช่มาร์คอย่างแน่นอน! ใบหน้าหวานฉายแววตื่นตระหนกเงยขึ้นมองผู้บุกรุกพลางก้าวถอยหลังเร็วๆเสียจนขาน้อยๆนั่นแทบพันกัน
“ค...คุณเจ้าของคริสตัล!”
เสียงเล็กสั่นเครือเมื่อเห็นว่านอกจากจะมีผู้บุกรุกแล้ว ผู้บุกรุกคนนี้ยังเป็นตัวอันตรายที่มาร์คย้ำนักย้ำหนากับเขาว่าห้ามให้อีกฝ่ายเห็นตัวเด็ดขาดเสียด้วย
แบมแบมไม่ผิดนะ...เขาบุกเข้ามาเองนี่!
“โอ้...รู้จักกันด้วยหรอ แสดงว่าไอ้มาร์คต้องสอนมาดีแน่ๆเลย ฮ่ะๆ”
คุณเจ้าของคริสตัลหรือแจ็คสันหวังหัวเราะออกมาด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะตัดสินใจนั่งยองๆลงตรงหน้าคนตัวเล็กที่ทำท่าเหมือนกับว่าพร้อมจะวิ่งหนีเขาเต็มที่ มือหนาค่อยๆยื่นออกไปหวังจะสัมผัสตัวอีกฝ่ายแต่ว่าก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อฝ่ามือเล็กนั่นปัดออกแบบเต็มแรง
“ออกไปเลยนะ!” แน่ะ...ดุอีกต่างหาก
“...”
แจ็คสันส่ายหัวน้อยๆให้กับท่าทางแบบนั้นก่อนที่เขาจะก้มใบหน้าลงไปใกล้ๆกับอีกฝ่ายโดยไม่สนใจท่าทีตื่นกลัวนั่น แจ็คสันกระซิบอะไรบางอย่างเข้าที่ข้างหูเล็กเพียงชั่วครู่ก่อนจะผละออกมามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มที่ถ้าหากมาร์คมาเห็นเข้าคงจะบอกว่ามันเป็นรอยยิ้มกวนตีนของแจ็คสันนั่นล่ะ
“จ...จริงเหรอ” เสียงเล็กถามกลับแผ่วเบาเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมาเสียเท่าไหร่นัก
“เชื่อฉันได้น่า อย่าไปฟังมาร์คมันมากเลย...มันก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าฉันตั้งแต่เด็กๆเลยปากหมาไปงั้น”
แจ็คสันเบะปากพลางยักไหล่เมื่อพูดถึงคุณเจ้าของห้องที่ตัวเขาลักลอบบุกเข้ามา ตัดสินใจเร็วๆหน่อยได้ไหมล่ะไอ้ตัวเล็ก เดี๋ยวไอ้มาร์คมันกลับมาเจอเขานี่แหละจะได้ย้ายรากฐานไปนอนในคุกแทน
“ม...ไม่โกหกใช่ไหม” แจ็คสันพยักหน้ารับเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยแววตาประหม่านิดๆ
“แน่นอน”
.
.
“แบมแบม...กินไม่หมดเหรอ” เสียงทุ้มพูดกับคนที่เอาแต่นั่งนิ่งๆอยู่บนโต๊ะกาแฟ สตรอเบอร์รี่ผลแดงในจานพร่องไปเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น
แปลก...
เมื่อวานเขากลับมาถึงห้องตอนเกือบๆตีหนึ่ง ซึ่งยังเห็นว่าแบมแบมนั่งเล่นอยู่บนพื้นห้องที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษและคราบสี มือเล็กๆนั่นก็เปื้อนไปด้วยคราบสีน้ำแห้งกรังจนมาร์คต้องจับไปล้างน้ำก่อนที่จะพาขึ้นไปนอนบนเตียง แต่มันก็น่าแปลกมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะที่คนตัวเล็กไม่ท้วงไม่ถามอะไรเขาเลยซักอย่าง
ทั้งที่เขาอุตส่าห์คาดเดาล่วงหน้าเอาไว้แล้วว่าถ้ากลับเข้าห้องมาจะต้องได้ยินเสียงของคนตัวเล็กมาชวนพูดคุยเจื้อยแจ้วอย่างที่เป็นมา แต่มันกลับผิดคาดซะงั้นในเมื่ออีกฝ่ายกลับเอาแต่นิ่ง ถามคำตอบคำแบบแปลกๆไป
“อื้อ” คนถูกถามทำแค่เพียงพยักหน้ารับก่อนจะหันกลับไปนั่งเหม่อตามเดิม...
“นี่...เป็นอะไร” สุดท้ายแล้วมาร์คก็ตัดสินใจทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นเพื่อพูดคุยกับคนที่ปั้นหน้ามึนตึงใส่กันมาตั้งแต่เมื่อคืน เขารู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลยที่อยู่ดีๆแบมแบมมากลายเป็นแบบนี้ มันดูไม่ใช่คนตัวเล็กคนเดิมยังไงก็ไม่รู้สิ
“อะไรเหรอมาร์ค” ยังจะทำหน้าซื่อตาใสถามเขากลับอีกน่ะ
“โกรธหรือไง เรื่องเมื่อวานน่ะ” แบมแบมเงียบไปพลางหลบสายตาเมื่อถูกถามจี้จุด มือน้อยๆขยำชายเสื้อตัวเองแน่นก่อนจะเผลอกัดปากตัวเองเมื่อคิดย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืน
มาร์คบอกว่าจะรีบกลับ...แต่แบมแบมรอจนเข็มสั้นกับเข็มยาวของนาฬิกาเรือนใหญ่ชี้เลขสิบสองมาร์คยังมาไม่ถึงเลย
คนโกหก...
เขาไม่ชอบเลยเวลาที่มาร์คทำเหมือนลืมและทิ้งเขาไว้ข้างหลังแบบนั้นน่ะ!
“มาร์ค...” แต่แบมแบมเองก็มีความผิดอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ในอกโดยมีเพียงเจ้าตัวที่รู้ เขาแอบออกไปข้างนอกห้องกับคนที่มาร์คสั่งห้ามนักหนา แต่เขากลับเลือกที่จะเมินเฉยคำห้ามเหล่านั้นของมาร์คเพียงเพราะว่าได้ฟังถ้อยคำบางอย่างจากปากอีกคน...
“หื้ม”
“มาร์คว่าถ้าแบมแบมตัวโตกว่านี้...จะเป็นยังไงเหรอ” และแน่นอนว่ามันจะต้องเป็นความลับ...แบมแบมเลือกที่จะปิดปากเงียบกับเรื่องเมื่อคืนที่ตัวเองไม่เชื่อฟังคำสั่งของมาร์คก่อนจะยิงคำถามติดค้างในใจตั้งแต่เมื่อวานที่ทำให้คนถูกถามอย่างมาร์คนั้นชะงักไปครู่หนึ่งเลย
“...”
นั่นสิ...มาร์คไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยซักนิดเดียว เขาไม่รู้...ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าแบมแบมจะสามารถโตได้กว่านี้หรือเปล่า แต่มาร์คเชื่อว่าจินยองจะต้องกำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
“ถ้านายโตกว่านี้ได้น่ะเหรอ...อืม” เสียงทุ้มพึมพำคล้ายกับว่ากำลังใช้ความคิด มาร์คกวาดมองใบหน้าหวานๆนั่นอย่างพินิจ ดวงตากลมโต จมูกรั้น ปากอิ่มกับแก้มย้อยๆน่าแกล้งเอานิ้วจิ้มทั้งวันแบบนั้น ถ้าหากว่าจากภูติตัวจิ๋วๆนี้จะเติบโตไปเป็นมนุษย์น่ะหรอ...
“ฉันคิดว่า...”
.
.
“นายจะต้องเป็นเด็กที่น่ารักมากแน่ๆ”
กักตุนความหวานละมุนกันเอาไว้พอหรือยังน้า...
บอกก่อนเลยว่าไม่ถนัดดราม่า งานดราม่ากาก *ถือว่าเตือนแล้ว* 5555555555
เห็นมีคนสงสัยกันเยอะว่าน้องแบมจะโตมั้ย มีเฉลยอยู่ในเรื่องต้องติดตามนะ /อ้าวนังนี่
แล้วก็คนที่ถามเรื่องรวมเล่มมา น่าจะรวมนะคะถ้ามีคนสนใจเพราะฟิคไม่ยาวมาก ไว้จะสอบถามอีกที
มาถึงช่วงขอบคุณมิตรรักแฟนเพลงบ้าง เราเห็นหลายคนช่วยกันโปรโมทให้ ต้องขอบคุณมากจริงๆค่ะ
แล้วก็ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ - เฟบ - โหวตด้วย /ซึ้งใจ
แท็กฟิค : #FICJARMB
ติดต่อไรท์เตอร์ TWITTER : @since9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แล้วจั๋นบอกอะไรกับแบมแบมมมมม
แจ็คเป็นคนดีใช่ไหม แค่กวน
แกพูดอะไรกับน้อง
แล้วแจ็คคแอบคุยอะไรกับแบมอ่ะ เราไม่อยากให้แบมโกหกมาร์คเลยนะ
แบมแอบหึงมาร์คด้วยละ