ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ลงแบบ E-BOOK ที่ MEB] FIC WIDOWER : { MARKBAM }

    ลำดับตอนที่ #3 : widower :: chapter three

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 59


    ? themy butter
    +


    WIDOWER

    #MARKBAM

    CHAPTER THREE

     
     

                    กลิ่นขนมที่ถูกอุ่นจนหอมกรุ่นในช่วงเช้าของวันตลบอบอวลไปทั่วห้องพักโทนสีขาวของแบมแบมเพราะว่าเขาเพิ่งจะเอาขนมปังที่คุณบก.อย่างพี่โฮมินซื้อมาฝากถึงห้องพักเมื่อวันก่อนเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟเพื่อจะนำมากินกับกาแฟที่ยกดื่มไปแล้วค่อนแก้ว ทว่าการกระทำทั้งหมดต้องหยุดลงกลางคันเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่วางทิ้งไว้ด้านนอกเกิดแผดเสียงขึ้นมา

     

    “มาแล้วๆ” คนตัวเล็กวิ่งออกมาพลางใช้ฝ่ามือตัวเองถูไปกับผ้ากันเปื้อนสีครีม มองดูหน้าจอเห็นว่าเป็นชื่อของคนที่เขาแอบน้อยใจก็ไม่รอช้าที่จะหยิบมันมากดรับเข้าแนบใบหู

     
     

    “สวัสดีครับ” แบมแบมกรอกเสียงไปก่อนที่ปลายสายจะได้ทักทาย ลอบอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเสียงแหลมเล็กของคนปลายสายละล่ำละลั่กขอโทษเขาที่ย้ายออกไปโดยไม่ได้บอกกล่าวกันล่วงหน้า

     
     

    “อ๋า...อย่างนั้นเหรอครับ”

     

    “ผมน้อยใจคุณนายโคดี้มากๆเลยนะ แล้วทีนี้ผมจะไปหาลาซานญ่าอร่อยๆที่ไหนกินล่ะ” แบมแบมแกล้งตัดพ้อเสียงสูงแม้ว่าใบหน้าจะเปื้อนด้วยรอยยิ้ม คุณนายโคดี้บอกเขาว่าขอโทษที่ย้ายออกไปโดยไม่ได้บอกใครเพราะเหตุจำเป็นจริงๆ แบมแบมเองก็เข้าใจและตอบรับไปจนเธอสบายใจขึ้นแล้ว

     
     

    “อ๋อ เจอแล้วล่ะครับ” แบมแบมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ยกขาเรียวขึ้นมาไขว่ห้างกันพลางเท้าคางไว้กับฝ่ามือข้างที่ว่าง

     
     

    “ก็...โอเคนะครับ เขาก็ดูไม่มีพิษภัย” ตอนนี้เขากำลังพูดถึงคนข้างห้องอย่างมาร์คที่ย้ายมาได้สองอาทิตย์กว่าๆแล้ว คุณนายโคดี้บอกเขาว่ามาร์คเป็นหลานชายของเพื่อนบ้านที่ต่างจังหวัดของเธอ กำลังต้องการที่อยู่แบบเงียบสงบ ประจวบเหมาะกับเธอที่กำลังจะย้ายออก เธอจึงจัดการแนะนำให้มาร์คเข้ามาดูห้องที่นี่

     


    “ครับ เธอน่ารักมาก” แบมแบมยิ้มออกมาตอนที่คุณนายโคดี้เล่าให้ฟังว่าลูกสาวของมาร์คนั้นน่ารักน่าชังมากๆและแบมแบมควรจะได้เห็นเธอสักครั้งหนึ่ง

     


    ซึ่งแบมแบมก็อยากจะบอกว่าเขาน่ะทั้งเห็นทั้งเลี้ยงมาหลายครั้งแล้วล่ะ...


     

    “ไม่เป็นไรหรอก ผมเกรงใจนะ ฮ่าๆ”

     
     

    “ไว้ถ้าไปแถวนั้นผมจะแวะไปเยี่ยม ดูแลสุขภาพด้วยนะครับคุณนายโคดี้”

     
     

    “เช่นกันครับ” จนสุดท้ายปลายสายก็วางไป แบมแบมยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าแม้ว่าคุณนายโคดี้จะวางหูไปแล้ว แบมแบมบอกแล้วว่าเธอน่ะเป็นคนที่น่ารักมากๆ ขนาดย้ายไปแล้วยังมีการบอกว่าถ้าลูกหลานเธอเข้ามาในเมืองจะฝากลาซานญ่ามาให้อีกแน่ะ

     
     

    “...”

     

    ฟี้ดด ~

     

    “โอ๊ะ เกือบลืม” เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นจากในห้องครัวทำให้คนที่เผลอปล่อยตัวนั่งเหม่อบนโซฟาต้องผุดลุกอย่างกะทันหัน สองขาพาตัวเองเข้าไปในโซนห้องครัว มือเล็กเอื้อมหมุนหัวแก๊สเป็นอันดับแรกก่อนจะตามด้วยการบิดหมุนเตาทำอาหารให้ดับตามกัน ที่คีบบนเคาน์เตอร์ถูกแบมแบมจุ่มลงไปในหม้อต้มตรงหน้าแล้วหนีบเอาขวดนมใบเล็กขึ้นมาสะบัดน้ำทิ้งเบาๆอย่างระมัดระวัง

     
     

    เหมือนคุณแม่มือใหม่ไหมล่ะ


     

    ก็เพราะว่าเมื่อวานเขาเข้าไปเล่นกับลิลลี่ที่ห้องแล้วได้เห็นว่าศิลปะการล้างขวดนมของมาร์คนั้นเป็นอะไรที่น่าแขยงและยี๋สุดๆ ชายหนุ่มทำเพียงแค่เอาขวดนมไปล้างน้ำเปล่าจากอ่างล้างจาน จากนั้นก็นำมาเขย่าน้ำร้อนจากกระติกแล้วเช็ดน้ำออกด้วยผ้าขนหนู

     

    “...” ดังนั้นเขาเลยอาสาเอาขวดนมทั้งหมดของยัยหนูมาต้มทำความสะอาดให้ที่ห้อง ถือว่าเป็นโชคดีของมาร์คต้วนหรอกที่เขาว่าง ถ้าหากว่าอยู่ในช่วงปั่นงานล่ะก็ฝันไปเถอะที่จะได้รับการช่วยเหลือสุดพิเศษแบบนี้จากเขาน่ะ

     
     

    ใช้เวลาไม่นานขวดนมเกือบสี่ใบถูกนำมาวางใส่ตะกร้าเป็นที่เรียบร้อยรวมทั้งจุกนมและฝาขวด ฝ่ามือบางยกมันขึ้นเขย่าเบาๆให้น้ำร้อนไหลออกมาตามรูตะกร้าอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จพิธี ไม่จำเป็นต้องเอาผ้าหรืออะไรไปเช็ดหรอก ปล่อยให้มันแห้งไปเองน่าจะปลอดภัยกว่า

     


    I like being independent

    Not so much of an investment

    No one to tell me what to do ~

     
     

    จากนั้นเสียงเพลงสากลก็ถูกเปิดคลอเบาๆจากคอมพิวเตอร์ด้วยฝีมือของเจ้าของห้อง แบมแบมฮึมฮัมเพลงตามไปด้วยในลำคอ ตะกร้าขวดนมถูกวางผึ่งเอาไว้ในห้องครัวรอเวลาให้มันแห้งและเอาไปคืนให้เจ้าของห้องข้างๆ คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวพลางปิดเปลือกตา...

     
     

    เขาชักจะชอบเวลาว่างแบบนี้ขึ้นมาเสียแล้วสิ

     


     



     

                เผลอหลับไปเกือบสามสิบนาทีตื่นมาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบบ่ายโมงแล้ว แบมแบมดันตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางงัวเงียก่อนจะเดินสะลึมสะลือเข้าไปหยิบเอาตะกร้าขวดนมที่ตอนนี้แห้งสนิทมาถือเอาไว้แล้วเดินออกจากห้องตัวเองตรงไปยังห้องข้างๆ ปลายนิ้วกดลงไปบนปุ่มเล็กๆแล้วยืนรอ

     
     

    “เข้ามาเลย” เหมือนกับรออยู่แล้ว เพราะไม่ถึงสามสิบวินาทีบานประตูตรงหน้าก็เปิดออกพร้อมกับใบหน้าหล่อคมเปื้อนยิ้มจากคุณพ่อลูกอ่อน แบมแบมยิ้มให้อีกฝ่ายตามมารยาทก่อนจะเดินเข้ามาด้านใน ส่งขวดนมให้อีกฝ่ายรับไปแทน

     
     

    “ขอบคุณมากนะ ผมคิดว่าแค่เขย่าน้ำร้อนก็ได้ซะอีก”

     


    “ไม่ได้นะคุณ มันไม่ถูกสุขอนามัย...แล้วเด็กเล็กแบบนี้ด้วย” คนตัวเล็กพูดด้วยท่าทางจริงจัง เขากะว่าเอาขวดนมมาคืนให้มาร์คแล้วก็จะกลับห้องเพราะว่าเย็นนี้เขามีนัดกับเพื่อนสนิทอย่างยองแจและคนอื่นๆที่เป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียน ซึ่งก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก...ห้องเขาเองนี่แหละ

     
     

    “ว่ายังไงลิลลี่ของน้าแบม” แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของแววตาใสแจ๋วที่คลานคว่ำอยู่บนเปลตั้งตรงกลางห้องนั้นจะมีแรงดึงดูดที่ทำให้คนตัวเล็กต้องเดินเข้าไปหา เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นเมื่อแบมแบมหยิบเอาของเล่นที่เขาเป็นคนซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อนขึ้นหลอกล่อ

     
     

    “...”

     
     

    รู้ตัวอีกทีก็ปาไปเกือบสองชั่วโมงแล้วที่แบมแบมนั่งเล่นอยู่กลางห้องของมาร์ค เด็กหญิงตัวน้อยซึ่งถูกอุ้มออกจากในเปลลงมานั่งตักนุ่มนิ่มของแบมแบมก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย มือคู่น้อยไล่จับของเล่นที่มาร์คหลอกล่ออยู่ตรงหน้าจนมือแทบเป็นระวิง

     


    “ฮ่าๆ หนูสู้ปะป๊าไม่ได้หรอก” มาร์คยิ้มกว้างเสียจนเห็นฟันเขี้ยวซี่ใน แบมแบมเองก็มีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่บนใบหน้า แต่ว่าตอนนี้คนที่อยู่ในโฟกัสสายตาของเขากลับไม่ใช่ลิลลี่อย่างตอนแรก มันกลับกลายเป็นคุณพ่อตัวโตอย่างมาร์คต้วนที่เล่นเป็นเด็กๆอยู่ตรงหน้านี่แทน

     
     

    “...” มาร์คนี่ยิ่งมองก็ยิ่งหล่อ แถมยังดูไม่มีพิษภัยอะไร...ไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงที่ทิ้งไปเลยแฮะ

     
     

    “ลิลลี่ครับ น้าแบมเขามองพ่อทำไมเหรอ” ก่อนจะสะดุ้งเฮือกใจหายวาบเมื่อเขาถูกจับได้ แบมแบมเม้มปากแน่นพลางเบนใบหน้าหนีไปทางอื่นอย่างมีพิรุธ เรียกเสียงหัวเราะจากมาร์คก่อนที่ของเล่นแบบเด็กๆจะถูกยื่นมาบีบใส่หน้าเขาแทน

     
     

    Beep!

     
     

    “อ๊ะ”

     
     

    “ฮ่ะๆ มีอะไรหรือเปล่าครับ” แบมแบมเบนสายตากลับมามองหน้าชายหนุ่มอีกครั้งคล้ายกับว่ากำลังใช้ความคิด อันที่จริงแบมแบมก็มีเรื่องที่อยากรู้นะ...แต่ไม่รู้ว่าถ้าถามออกไปจะเป็นการเสียมารยาทหรือเปล่า

     
     

    “เอ่อ...ผมแค่คิดว่าคุณแม่ของลิลลี่คงจะสวยมากนะครับ ลูกสาวของเธอถึงออกมาหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาแบบนี้” แบมแบมแก้ตัวแบบอ้อมๆ เขาก็แค่อยากรู้เรื่องภรรยาของมาร์ค เพราะว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกันนั้นมาร์คก็ไม่เคยหลุดพูดถึงเธออีกเลยสักครั้งเดียว

     
     

    “อ๋อ...”

     
     

    “ครับ เธอเป็นคนสวย...แถมยังเก่งและฉลาด เป็นที่รักของครอบครัวผมมากๆเลย” แต่มาร์คเองก็ตอบมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้แสดงถึงความเจ็บปวดหรืออึดอัดแต่อย่างใด แบมแบมพยักหน้ารับรู้ไปด้วยช้าๆพลางขยับร่างเล็กๆบนตักให้เข้าที่เข้าทาง

     
     

    “แล้ว...คุณมาร์คเลี้ยงยัยหนูด้วยตัวเองมานานหรือยังครับ”

     
     

    “เลี้ยงด้วยตัวเองจริงๆจังๆก็เมื่อเดือนที่แล้วครับ แต่อันที่จริงผมก็แยกทางกับเธอไปเกือบๆสองเดือนแล้ว” แบมแบมพยักหน้ารับพลางขมวดคิ้ว คิดๆดูก็ลำบากเหมือนกันนะที่ต้องมาเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แถมยังเพิ่งเลิกกับภรรยามาหมาดๆแบบนี้อีก

     

    สอนให้รู้ว่าคนหล่อก็อาภัพในเรื่องชีวิตคู่ได้เหมือนกันนะ...


     

    “ถือว่าคุณเก่งนะ ถ้าเป็นผมคงบ้าตายไปแล้วแน่ๆ” แบมแบมพูดพลางยู่ปาก เขาคงไม่มีภูมิต้านทานขนาดนี้หรอก

     
     

    “ฮ่ะๆ ไม่หรอกครับ...” มาร์คเอนตัวไปทางด้านหลังใช้ฝ่ามือเท้ากับพื้นไว้ด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนที่ความเงียบจะเข้าครอบคลุมบทสนทนา มีเพียงสายตาสองคู่ที่สบกันผ่านความเงียบเท่านั้น ใบหน้าของมาร์คยังเจือไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ ส่วนแบมแบมนั้นดูเหมือนจะนิ่งไปแบบแปลกๆ

     
     

    “...”

     
     

    “อ...อ้าว ยัยหนูหลับไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” มาสติกลับคืนก็ตอนที่รู้สึกหนักตรงหน้าขาแต่พอก้มลงไปดูก็เห็นว่าเด็กน้อยในชุดเสื้อกางเกงบางๆได้หลับปุ๋ยคาตักเขาไปเสียแล้ว นั่งหลับคอง้ำเชียว...

     
     

    “สงสัยจะฟังเราคุยกันเพลิน เดี๋ยวผมเอาลงเปลเอง” มาร์คขยับกายเข้ามาใกล้ก่อนจะช้อนอุ้มเอาเด็กน้อยที่หลับสนิทลงไปวางบนเตียงเปล ตบก้นกล่อมเบาๆสองสามทีเมื่อยัยตัวเล็กทำท่าขยุกขยิกเหมือนรำคาญสัมผัสที่รบกวน

     
     

    “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณมาร์ค” เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วคนตัวเล็กก็ขอตัวกลับ ซึ่งแน่นอนว่ามาร์คเองก็เดินตามออกมาส่งเสียจนถึงหน้าห้องราวกับกลัวว่าแบมแบมจะหลงทางถ้าหากว่าเขาไม่เดินออกมาด้วยอย่างนั้นแหละ...

     
     

    “เดี๋ยวครับ...” และในจังหวะที่คนตัวเล็กกำลังจะเปิดประตูห้องของตัวเองนั้นมาร์คต้วนก็ทำการรั้งแขนของอีกฝ่ายเอาไว้เบาๆ ส่งผลให้ใบหน้าหวานหันขวับมามองสัมผัสที่ข้อมือก่อนจะไล่สูงขึ้นเป็นใบหน้าหล่อคมของคุณพ่อลูกอ่อนข้างห้องด้วยความสงสัย

     

    “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์เข้ามาช่วยผมกับลิลลี่”

     
     

    อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยน่า...แบมแบมก็ทำไปเพื่อความสงบหูของตัวเองเท่านั้นแหละ






     

     

                    เสียงเพลงสากลจังหวะสนุกถูกเปิดคลอบรรยากาศการสังสรรค์ไปด้วยในระดับความดังที่ไม่มากจนเกินไป ตอนนี้เวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงดึกแล้วแต่ว่าบรรยากาศภายในห้องพักโทนขาวสะอาดตาของแบมแบมไม่ได้สงบตามไปด้วย เพื่อนๆในกลุ่มสมัยเรียนของแบมแบมนัดเจอกันโดยมีสถานที่คือห้องพักของเขานั่นเอง

     
     

    “กูบอกแล้วว่าพวกมึงต้องได้กันเอง”

     
     

    “ฮ่าๆ” เสียงพูดคุยยังคงดังต่อเนื่องเมื่อคนเริ่มเยอะบรรยากาศก็ยิ่งสนุก มีหลายคนที่เลิกงานช้าและกำลังตามมาสมทบ เพื่อนๆในก๊วนสมัยเรียนที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากครั้งล่าสุดเมื่อนานมาแล้วก็เลยทำให้ไม่ต้องหาเรื่องราวอะไรมาชวนคุยมากนัก

     
     

    “กูสารภาพก็ได้ว่าตอนมอหกกูโคตรชอบซินดี้เลย ใครจะไปรู้วะว่าพอจบมาแล้วแม่งดันเป็นทอม” คิมจงอีที่ดูเหมือนว่าจะกรึ่มๆได้ที่เปิดประเด็นที่ทำให้คนอื่นหัวเราะแทบน้ำตาไหลออกมาต่อจากนั้น ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าซินดี้เด็กแลกเปลี่ยนร่วมห้องนั้นไม่ได้ชอบผู้ชายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรทว่าคิมจงอีกลับไม่รู้

     
     

    “มึงโง่ไง ฮ่าๆ”

     
     

    “ไอ้ยองแจเดี๋ยวเถอะมึง” คนที่เอนหลังหัวเราะเสียงดังอย่างชเวยองแจโดนหมายหัวจากจงอีแต่ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด ไม่ต่างกันจากแบมแบมที่ยกแก้วเครื่องดื่มเข้าปากไม่ค่อยพูดค่อยจาเท่าไหร่แต่ก็ขำทุกเรื่องที่เพื่อนเล่า

     
     

    “เออ นี่พวกมึงรู้ยังว่าแบมมันมีลูกแล้ว” แต่จู่ๆชเวยองแจก็เปิดประเด็นที่ทำให้เพื่อนๆในวงเหล้าเงียบกริบ บางคนกำลังขำๆอยู่ถึงกับยิ้มค้างไปเลยก็มี สายตาทุกคู่จ้องมายังคนที่กำลังกระดกเหล้าอึกๆอย่างต้องการคำตอบ

     
     

    “แค่กๆ! บ้า...อย่าไปเชื่อมัน”

     
     

    “ฮ่าๆ จริงๆนะเว้ย มันซุกไว้ห้องข้างๆเนี่ย” ยองแจพูดกลั้วหัวเราะทำให้เพื่อนทุกคนโล่งอกเมื่อรู้ว่าเป็นแค่มุขของยองแจ ก็แบมแบมน่ะดูนิ่งที่สุดในกลุ่มแล้ว ถ้าเป็นพวกห้าวๆอย่างไอ้พวกตัวใหญ่ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำนั่นค่อยว่าไปอย่าง

     
     

    “เออแบม..แต่ตอนมาฉันเห็นผู้ชายคนนึงด้วยอะ อยู่ข้างๆห้องนายเนี่ย...” ดูเหมือนว่าแชรินสาวสวยประจำห้องจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอละล่ำละลั่กพูดทั้งที่ยังไม่วางแก้วในมือลง

     
     

    “ทำไมอะ”

     

    “หล่อมากน่ะสิจะยังไงล่ะ! ฉันนี่ตาค้างไปเลย” พอจบคำของแชรินเสียงโห่ของเพื่อนผู้ชายก็ดังกลบคำพูดต่อมาของหญิงสาวจนมิด เรียกเสียงหัวเราะและการส่ายหน้าเบาๆจากแบมแบมให้กับภาพความวุ่นวายที่เห็น

     
     

    ก็บอกแล้วว่ามาร์คน่ะดูดีจริงๆ








     

                    เมื่อช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไป ช่วงเวลาแห่งความทรมานก็มาถึง...แบมแบมกำลังโลกหมุน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตื่นมาตอนกี่โมง เปลือกตาของเขาหนักอึ้งคล้ายกับว่าต้องใช้เวลาทั้งวันถึงจะบังคับให้มันเปิดออกจากกันได้ นี่ยังไม่รวมอาการปวดขมับตุบๆที่ทำให้หัวแทบระเบิดทั้งที่ยังหลับนี่อีก

     
     

    “อา...” เมื่อคืนแบมแบมดื่มหนักจริงๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนกลับกันไปหมดตอนไหน...แต่เดาว่ายองแจน่าจะเป็นคนจัดการทุกอย่างแทนเขาไปเรียบร้อยแล้ว

     
     

    ครืด!

     
     

    เสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือที่หัวเตียงทำให้แบมแบมต้องควานหาทั้งที่ยังหลับตา เผื่อว่าเป็นงานสำคัญจากบริษัทหรือเป็นคนในครอบครัวที่ติดต่อมา อาจเพราะด้วยนิสัยของเขาไม่ใช่คนที่ทำเมินเฉยต่อสิ่งรอบตัวอยู่แล้ว...

     
     

    “มาร์คเหรอ...” เสียงแบมแบมแหบพร่าเสียจนน่ากลัว หรี่ตาขึ้นมองนิดหน่อยก็เห็นว่าการแจ้งเตือนตรงหน้าเป็นชื่อของพ่อลูกอ่อนห้องข้างๆ เวลาบนหน้าจอบอกว่าตอนนี้ปาเข้าไปบ่ายสามแล้ว...นี่หลับหรือตายล่ะเนี่ย

     
     

    แฮงค์ใช่ไหม ผมห้อยถุงเครื่องดื่มแก้แฮงค์ไว้ให้หน้าประตูนะ’ - Mark 15.05


     

    “ให้ตาย...” แบมแบมครางฮือในลำคอด้วยความละอายใจที่ต้องให้คนอื่นหาของแก้แฮงค์มาให้ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองอยู่คนเดียวแล้วยังจะดื่มแบบไม่เจียมสังขารอีก ถ้าแม่เขารู้นี่ต้องโดนด่าเละแน่ๆกับนิสัยแย่ๆที่แก้ไม่หายแบบนี้น่ะ

     
     

    “...” คนตัวเล็กพาตัวเองลุกจากเตียงได้สำเร็จในที่สุด โลกทั้งใบหมุนเคว้งเสียจนแบมแบมทรงตัวลำบาก...และขั้นแรกที่ต้องทำก็คือการไปล้วงคออ้วกในห้องน้ำ แบมแบมไม่ไหวจริงๆ

     
     

    จนกระทั่งของเหลวแสบคอได้ไหลออกจากร่างกายไปบ้างแล้วแบมแบมจึงเดินออกไปหยิบเอาถุงยังชีพที่มาร์คแขวนไว้ให้หน้าประตูก่อนจะพาตัวเองกลับมานั่งที่ปลายเตียงได้ด้วยสีหน้าท่าทางที่ดีขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าหน้าจอการสนทนาที่อ่านค้างเอาไว้เพื่อพิมพ์อะไรบางอย่างกลับไปด้วยรอยยิ้มมุมปากบางๆ

     
     

    “ขอบคุณนะมาร์ค...ครั้งนี้ถือว่าช่วยชีวิตกันเลยอะ” ก่อนที่มาร์คเองจะตอบกลับมาด้วยข้อความสั้นๆอย่างรวดเร็วด้วยประโยคที่ทำให้แบมแบมถึงกับวาดยิ้มกว้างบนใบหน้า กับประโยคที่ว่า

     
     

    “ผมไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไรหรอกน่า J” 




     

     

                                             

     

     

    TALK!
    มีใครชอบฉากคุณแบมต้มขวดนมให้ลูกคุณมาร์คเหมือนเราบ้างไหม /เงียบ
    55555555555555555555
    คุณพ่อมาร์คเขาก็มานิ่งๆแต่ยิ่งใหญ่นะ คุณแบมเขาก็คนแมนอะเอาไงดี หิหิ
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ เจอกันตอนหน้าค่า ♥


    #ficwdwmb

    twitter : @since9397

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×