ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sorova - เมื่อประเทศฉันมันบัดซบ

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 8 : สงคราม Khorne

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 96
      2
      13 ธ.ค. 63

    ด้านในโกดังเก็บสินค้าแห่งนั้น เนวิสพาเพื่อนใหม่ที่เขาเจอมาหาอะไรกินแถวนั้น เขาเดินไปเปิดกล่องๆหนึ่งซึ่งเป็นกล่องใส่เนื้อกระป๋อง เนวิสหยิบมันมากระป๋องหนึ่ง จากนั้นเขาก็ยื่นมันให้กับเจซซินในทันที เจซซินหยิบมันมาเปิดเพื่อเตรียมจะทาน แต่ด้านในมีแต่น้ำ มีเนื้อจริงๆแค่บางส่วน ทำเอาเจซซินถึงกับหัวเสีย

    “โห นี่มันวิญญาณเนื้อชัดๆ!!” เจซซินพูดอย่างอารมณ์เสีย

    “แน่หล่ะ ก็สินค้าพวกนี้พวกโทรัสผลิตมาเพื่อเอากำไรนี่นะ” เนวิสพูดขึ้น

    “เฮ้อ พวกนายทุนสินะ ถ้างั้นลองกินหน่อยดีกว่า” เจซซินพูดขึ้น และเมื่อเธอตักเข้าปากไปหนึ่งคำ เธอก็บ้วนออกมาแทบไม่ทัน ทำเอาเนวิสถึงกับแอบหัวเราะ

    “เป็นไงบ้างหล่ะ อร่อยหรือเปล่า??” เนวิสถามอย่างสงสัย

    “นี่ คนที่นี่เขากินขยะแบบนี้กันได้ยังไงหล่ะ??” เจซซินถามอย่างสงสัย

    “กินไม่ได้ก็ต้องกินหล่ะ ไม่มีทางเลือกนี่” เนวิสพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เนวิสก็หยิบเอาปลากระป๋องกระป๋องหนึ่งขึ้มา จากนั้นก็ยื่นให้กับเจซซินไป

    “เอ้านี่ อันนี้น่าจะช่วยได้” เนวิสพูดขึ้น จากนั้นเจซซินก็เปิดกระป๋องแล้วกินเข้าไปในทันที แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเจซซินจะพอกินได้

    “ว่าแต่ เธอมาจากเขตไหนเหรอ??” เนวิสถามอย่างสงสัย

    “อ่า.. ฉันเคยอยู่เขต 4 หน่ะ แต่ย้ายไปอเมริกาซักพักหน่ะ” เจซซินตอบไป

    “อ้อ แล้วเธอก็กลับมาเข้าร่วมกลุ่มใต้ดินใช่หรือเปล่าหล่ะ เยี่ยมไปเลย ตอนนี้คุณโดนาทอร์ต้องการสร้างชาติใหม่ เราควรจะช่วยเขา” เนวิสพูดขึ้น

    “นายคิดว่าโดนาทอร์จะช่วยได้อย่างงั้นเหรอ??” เจซซินถามอย่างสงสัย

    “แน่นอน ตอนนี้ไม่มีใครจะทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าเขาแล้วหล่ะ ประเทศนี้ตกอยู่ในนรกทั้งเป็นมานาน ประชาชนต้องการเขาทั้งนั้น” เนวิสพูดขึ้น

    “แล้วเธอไม่คิดว่าสหรัฐจะช่วยได้อย่างงั้นเหรอ??” เจซซินถามไป

    “พวกมหาอำนาจสนแต่ผลประโยชน์ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะช่วยได้หรือเปล่า เราโดนจีนกับรัสเซียขายอาวุธห่วยๆให้จนเราแพ้สหรัฐมาแล้ว” เนวิสพูดขึ้น

    “เฮ้อ ใครจะโง่ไปซื้อของกับไอ้พวกนั้น มันก็หลอกขายของเสียๆให้ประเทศเผด็จการโลกที่สามนี่หล่ะ” เจซซินพูดขึ้น

    “ดีจังเลย ฉันว่าเราทั้งคู่นี่ก็คุยกันถูกคอดีนะ” เนวิสพูดขึ้น

    “อืม ยินดีที่ได้รู้จักนายนะ ว่าแต่ นายสนิทกับหัวหน้าแก๊งค์นั้นด้วยเหรอ??” เจซซินถามเนวิสไป

    “ก็ใช่ พวกเขาช่วยเรากู้ประเทศนี้หน่ะ” เนวิสพูดขึ้น

    “ฉันว่า นายต้องระวังหน่อยแล้วกัน ถ้าพวกนั้นใช้งานเสร็จแล้วกำจัดทิ้งหล่ะ??” เจซซินถามอย่างสงสัย

    “ถ้าเป็นอย่างงั้นก็ช่างเถอะ ถือว่าฉันทำเพื่อประเทศนี้ก็แล้วกัน” เนวิสพูดขึ้น

    “ฉันเข้าใจนะ เอาเป็นว่า ฉันไม่รบกวนนายแล้วหล่ะ ขอบใจมากนะ” เจซซินบอกกับเนวิสไป

     

    และอีกด้านหนึ่งของโกดัง ซึ่งกลุ่มของลูซิน่าก็เดินมาตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม เพื่อดูว่ามีอะไรใช้การได้บ้าง พวกเขาตรวจสอบกันอยู่ซักพัก พวกเขาก็คุยกันในทันทีว่าจะทำอย่างไรกันต่อ

    “อืม ของในนี้ฉันตรวจดูแล้ว มูลค่าน่าจะไม่ต่ำกว่าพันล้านดอลล่าห์เลยหล่ะ” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะ ถ้าขายได้นี่รวยเลยนะ??” ฟรอนเทียร์ถามอย่างสงสัย

    “เอาไปขายให้ชาวบ้านในราคาถูก ซื้อใจพวกเขา ตอนนี้เราต้องการกำลังคนเพิ่ม” วาลิน่าออกความเห็นไป

    “นั่นสินะ น้ำใจสร้างชาติ คิดเหมือนกันหรือเปล่าพวก??” รอนนี่สะกิดมาร์ติน ทำเอามาร์ตินพยักหน้าไป

    “อืม แล้วนี่ เนวิสหายไปไหนของเขากัน??” เรนิต้าถามอย่างสงสัย

    “สงสัยไปหาไรกินแถวนี้หล่ะมั้ง ช่างเถอะ” ลูซิน่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง รอนนี่ก็หยิบแท็ปแล็ตของเขามาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์เพิ่มเติม และในตอนนั้นเอง เขาก็บอกกับเพื่อนๆคนอื่นๆในทันที

    “เฮ้ ทุกคน มีข่าวสามข่าว จะเรียงลำดับให้ฟัง ข่าวแรก ตอนนี้พวกเขต 2 เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว หลังจากที่พวกเรายึดเขต 3 ได้” รอนนี่พูดขึ้น

    “มันต้องนำกำลังพลมาเมืองหลวงแน่ๆ แล้วนี่เราเข้าระบบเรือบรรทุกเครื่องบินได้หรือยังหล่ะ??” วาลิน่าถามไป

    “ตอนนี้ได้แล้วหล่ะ เรือบรรทุกเครื่องบินรัสเซีย 2 ลำ มีเครื่องบินรบ 65 ลำ ติดอาวุธพร้อม” เรนิต้าพูดขึ้น

    “เยี่ยม ทำแบบนั้นพวกมันคงไม่สงสัยแน่ๆ” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “แล้วก็ข่าวที่สอง ฉันเจอบัญชีของนักการเมืองที่รับใช้นายพลปราฟยาฟ 20 คน ฝากไว้ที่บัญชีธนาคารในเช็ก ฉันจะแฮ็กมันมาก่อน ฟอกผ่านบัญชีธนาคารจีน รัสเซีย อเมริกา แล้วให้มันเข้าบัญชีเรา” รอนนี่พูดขึ้น

    “แล้วแน่ใจเหรอว่ามันจะปลอดภัย??” ฟรอนเทียร์ถามอย่างสงสัย

    “แน่นอน พอเกิดเรื่องขึ้นมา ไอ้พวกมหาอำนาจนั่นก็ซวยแทน” เรนิต้าพูดขึ้น

    “ฉลาดมาก บีบให้พวกมันอยู่ไม่ได้” วาลิน่าพูดขึ้น

    “แล้วอีกข่าวหล่ะ ข่าวอะไร??” ลูซิน่าถามรอนนี่ไป

    “มีเรือบรรทุกอาวุธกำลังจะเดินทางเข้ามาในเขต 4 ดูเหมือนว่ามันจะมาส่งให้พวกผู้มีอิทธิพลในนั้น เรือมีประมาณ 10 ลำ ไม่รู้ว่าจะบรรทุกอะไรบ้างนะ” รอนนี่พูดขึ้น

    “หรือว่า เราอาจจะต้องไปดูด้วยตาตัวเองนะ??” วาลิน่าถามอย่างสงสัย

    “อืม นั่นสิ งั้นเราจะแอบลักลอบไปที่เขต 4 ถ้าเป็นไปได้ เราจะขโมยของๆพวกมันมาด้วย” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “เยี่ยมเลย ฉันเองก็อยากเขต 4 มานานแล้ว ฟรอนเทียร์ ถ้าเจอเนวิส บอกเขาด้วยว่าเราจะไปทำงานที่เขต 4 บ่ายนี้เราจะออกเดินทางกัน” เรนิต้าพูดขึ้น

    “โอเค ถ้าเจอหมอนั่นฉันจะบอกให้แล้วกัน ว่าแต่หมอนั่นหายไปไหนกันนะ??” ฟรอนเทียร์ถามอย่างสงสัย แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ต่างก็ไปเตรียมกำลังพลของเขาเพื่อย้ายไปที่เขต 4 และทำงานต่อไป 

     

    กลับมายังเมืองหลวง เขตชานเมือง ในวันนั้นโดนาทอร์ก็ได้มาตรวจเยี่ยมพื้นที่ชายแดน เพื่อดูว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมหรือเปล่า ซึ่งในตอนนั้นทั้งทหารและชาวบ้านอาสาก็มาช่วยกันขุดสนามเพลาะเพื่อขวางทางของรถถัง รวมที่หลุมหลบภัยอื่นๆเพื่อป้องกันการโจมตีจากเขต 2 โดยที่โดนาทอร์ได้ปรึกษากับนายทหารคนหนึ่งไปด้วย

    “ท่านนายพล ท่านว่าเราจะต้านพวกมันไว้ได้หรือเปล่าครับ??” โดนาทอร์ถามอย่างสงสัย

    “ถ้าพวกนั้นมีแต่ทหารราบน่าจะต้านไว้ได้ แต่ถ้าพวกมันมียานเกราะ พวกเราอาจจะต้านไม่ไหวครับ” นายพลคนนั้นพูดขึ้น

    “”

    “ผมเห็นด้วยนะ ตอนนี้เราต้องมีอาวุธต่อสู้รถถังของพวกมัน” ปาโบลพูดขึ้น

    “ตอนนี้เรือขนอาวุธของเราจะเดินทางมาถึงตอนเย็น ค่อยรอรับมอบแล้วกัน” โดนาทอร์พูดขึ้น

    “ได้ยินว่าทางยุโรปจะส่งรถถังมาให้เรา 10 คัน และอาวุธอื่นๆ แต่นั่นก็ยังไม่พออยู่ดีครับ” นายพลพูดขึ้น

    “แต่ดูจากชัยภูมิแล้ว พวกเราได้เปรียบมากเลยนะครับ ถ้าเราวางกำลังดีๆ น่าจะยันพวกมันไว้ได้” ปาโบลพูดขึ้น

    “แล้วเราจะไม่ยอมเกณฑ์ทหารจริงๆเหรอครับท่าน??” นายพลถามโดนาทอร์ไป

    “ไม่ ถ้าเขาไม่เต็มใจก็จะรบพุ่งไม่เต็มที่ คราวสงครามกับอเมริกา เราเกณฑ์ทหารได้ราว 2 ล้านคน แต่ก็แพ้ทหารอเมริกันย่อยยับ แถมทหารเกณฑ์ยังตายไปมากมายอีกแทบจะครึ่งทัพ” โดนาทอร์พูดขึ้น

    “เฮ้อ นั่นสิ ยังจำได้เลยว่าอเมริกันถล่มชายฝั่งเราย่อยยับ ทหารที่เกณฑ์มานี่หนีตายกันจ้าละหวั่น เฮ้อ น่าสมเพชจริงๆ” ปาโบลพูดขึ้น

    “นั่นสิ ตอนผมยังเป็นผู้กองที่นั่น ผมก็เกือบตายที่ชายหาดเหมือนกัน” นายพลคนนั้นพูดขึ้น

    “แล้ว ตอนนี้กำลังคนที่พร้อมจะรบต้านทานพวกมันมีเท่าไหร่หล่ะ??” โดนาทอร์ถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้ที่ชายแดน เรารวบรวมได้มากที่สุด 5000 ครับ” นายพลพูดขึ้น

    “ถ้าเทียบกับพวกมัน ก็ยังถือว่าน้อยกว่า 3 4 เท่าเลยนะ” ปาโบลพูดขึ้น

    “ผมได้ยินว่ามีหลายคนจากเขตอื่นพร้อมจะช่วยเหลือเรา ยังไงก็แจกอาวุธให้พวกเขาด้วยหล่ะ” โดนาทอร์พูดขึ้น

    “รับทราบครับ ตรงนี้ผมจะจัดการเอง” นายพลพูดขึ้น

    “เฮ้อ สงครามครั้งนี้คงจะอีกยาวไกลหล่ะสินะ” ปาโบลพูดพลางถอนหายใจไปด้วย

     

    กลับมายังเขต 2 ของพวก Khorne หลังจากที่เรดเดวิลถูกลอบยิง แต่ไม่ตาย เนื่องจากเกราะสีแดงของเขาสามารถต้านทานกระสุน .50 cal ได้ ในตอนนั้นตัวเขาก็กลับมาพักผ่อนและหลบในบ้านของเขาเพราะกลัวว่าจะมีการลอบสังหารเขาอีก เรดเดวิลไม่พอใจมากที่ศัตรูลอบเข้ามาในแดนเขาได้

    “มันเป็นใครวะ ถึงกล้ามายิงกู??” เรดเดวิลถามอย่างดุเดือด

    “เราส่งคนไปตามล่ามันอยู่ครับ แต่มันหนีไปทางเมืองหลวงครับ” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ผมว่า ต้องเป็นคนของโดนาทอร์จ้างมาฆ่าท่านแน่ครับ มันคงรู้ว่าต้านทานกำลังเราไม่ได้ จึงส่งคนมาสังหารเพื่อตัดกำลังใจครับ” สูราจาพูดขึ้น

    “อาจจะเป็นไปได้ น่าจะเป็นไอ้ปาโบล ไอ้ตัวแสบ!!” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเอายังไงต่อครับท่าน??” ทหารคนหนึ่งถามไป

    “ถ้าพวกมันอยากเล่นกับฉันแบบนี้ ฉันก็จะเล่นกับมันแรงๆไปเลย สั่งให้ทหารตามชายแดนเตรียมพร้อม เราจะบดขยี้กองทัพของพวกมันให้ราบ ยึดเมืองหลวงมันมาเลย” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “ฉลาดมากครับท่าน เราควรจะเล่นงานมันให้จบไป ถ้ายึดเมืองหลวงได้ เราจะได้ภาษีจากที่นั่นเพิ่มด้วยครับ” สูราจาพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเดินทางไปที่เขต 3 ด้วยหรือเปล่าครับ??” ทหารคนหนึ่งถามไป

    “ไม่ต้องหรอก ถ้ายึดเมืองหลวงได้ เขต 3 ก็ไม่พ้นมือของเราแน่นอน” สูราจาพูดขึ้น

    “จริงด้วย ยิงถล่มพวกมันให้หมด ยึดของๆพวกมันมาให้ได้” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “แล้วไอ้สิรานิสที่โดนจับหล่ะครับ??” ทหารคนหนึ่งถามไป

    “ฆ่ามันทิ้งซะ มันทำพวกเราขายหน้า แล้วนี่ ฉันได้ข่าวจากเขต 4 ว่าตอนนี้กำลังรบกันหนักเลย??” เรดเดวิลถามต่อไป

    “ใช่ครับ ไอ้มาร์ชินนำกำลังไปปราบกบฏ แต่พวกมันดันโดนโจมตีกลับอย่างหนักเลยครับ” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เฮ้อ น่าขำ แบ่งกำลังของเราไปกลืนเขตของมันด้วย ตอนนี้กำลังของพวกมันคงกำลังอ่อนแอเต็มที่ เราน่าจะได้พื้นที่ของพวกมันมาบางส่วนแน่นอน” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “ถ้าเราชนะได้ กับไอ้มาร์ชิน จะเอายังไงต่อครับ??” ทหารถามอย่างสงสัย

    “จับมันมา ฉันอยากจะเลี้ยงดูมันเล่นๆก่อนตาย” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “ท่านครับ ท่านอยู่ที่นี่มันจะเหงาๆหน่อย ให้ผมไปพาอีหนูมาดีหรือเปล่าครับ??” สูราจาถามอย่างสงสัย

    “ดีๆ หามาเยอะๆเลย ฉันคงจะอยู่ในนี้ซักพัก” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “แต่สงครามกับพวกโดนาทอร์ จะเอายังไงต่อครับ??” ทหารถามไป

    “เออใช่ งั้นฉันแต่งตั้งให้แก นำกำลัง 2 หมื่นเตรียมพร้อมที่ชายแดน รอถึงเวลา เราจะบดขยี้พวกมันให้ราบไปเลย” เรดเดวิลพูดขึ้น 

    “ท่านครับ เรื่องเกราะของท่าน เราอาจจะใช้เวลาซ่อม 3 วันนะครับ” สูราจาพูดขึ้น

    “เออๆ อะไรก็ช่างเถอะ เอาอีหนูมาให้ฉันก่อน ตอนนี้ฉันอยากมากๆ!!” เรดเดวิลพูดขึ้น

     

    กลับมายังเขต 4 หลังจากที่กลุ่มของบาร์มามัสเพิ่งจะต้านกองกำลังของมาร์ชินได้สำเร็จ ในวันนั้นพวกเขาก็รีบเก็บอาวุธของฝ่ายตรงข้ามและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งดูเหมือนความเสียหายจะมีมากเกินกว่าที่พวกเขาจะรับไหว เคนโนช่ามารายงานสถานการณ์กับบาร์มามัสอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

    “บาร์ม เราเสียคนไปหลายร้อย ตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึง 300 เราคงต้านพวกมันไม่ได้อีกแล้วหล่ะ” เคนโนช่าพูดขึ้น

    “ไม่หรอก พวกมันคงไม่กลับมาแล้วหล่ะ เสียทัพยับย่อยขนาดนี้ มันคงกลับไปเลียแผลตัวเองซักพัก” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “ฉันว่า คนอย่างมาร์ชินมันไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอก” แองเจลิก้าพูดเสริม

    “นั่นสิครับ ผมว่ายังไงพวกมันต้องกลับมาแน่ๆ ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไหร่” โอเมอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงรักษาที่นี่ได้ไม่นานแล้วหล่ะ คงต้องหนีไปอยู่ในเขตของพวก UN แล้วหล่ะ” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “อืม ว่าแต่ พวกนั้นจะต้อนรับเราอย่างงั้นเหรอ??” เคนโนช่าถามไป

    “ถึงยังไงก็ต้องลองดูก่อน ไม่อย่างงั้นก็เหมือนกับเรารอวันตายที่นี่นั่นแหละ” แองเจลิก้าพูดขึ้น

    “แต่ถ้าเราหนีไปเขตนั้น พวกนั้นก็ต้องปลดอาวุธพวกเราอยู่ดีนะครับ” โอเมอร์พูดขึ้น

    “เฮ้อ มันก็จริง แต่ตอนนี้เราคงสู้ใครเขาไม่ได้หรอก” บาร์มามัสพูดขึ้น และในขณะที่พวกเขากำลังปรึกษาแผนการกันนั้นเอง จู่ๆลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็ขี่มอไซค์มาหาเขาอย่างเร่งรีบ เพื่อมารายงานข่าวกับเขาในทันที

    “ลูกพี่ มีข่าวจะชายแดนเขต 4 ไม่รู้ว่าเป็นข่าวดีหรือเปล่านะครับ!!”

    “มีอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??” บาร์มามัสถามไป

    “ตอนนี้พวก Khorne จากเขต 2 เดินทัพข้ามเขต 4 กำลังโจมตีพวกของมาร์ชินครับ!!”

    “จริงเหรอ ดีแล้ว สมน้ำหน้ามัน ปล่อยให้มันโดนซะบ้าง!!” เคนโนช่าพูดขึ้น

    “แล้วนี่ เราจะเอายังไงต่อหล่ะครับ จะหนีต่อหรือเปล่าครับ??” โอเมอร์ถามไป

    “นั่นสิ นายว่าไงพวกเราก็เอาด้วย นายว่ามาเลย” แองเจลิก้าถามเสริมไป

    “อืม รอดูว่าพวกมันเอากำลังไปต้านพวก Khorne มากแค่ไหน แล้วถ้าเกิดพวกนั้นสาละวนกับการป้องกันเขตของมัน เราจะเอากำลังคนไปปล้นของๆมันตอนที่พวกมันกำลังแย่ด้วย แต่ถ้าเป็นไปได้ พยายามอย่าเล่นงานพวก Khorne ตอนนี้เรายังสู้พวกมันไม่ได้ ตามนี้ไปก่อนแล้วกัน” บาร์มามัสบอกกับทุกคนไป จากนั้นตัวเขาก็ยืนดื่มน้ำจากกระติกน้ำของเขาไปด้วย

    และที่เขตของมาร์ชิน ซึ่งพวกเขายังไม่ทันจะหายเหนื่อยจากการรบ พวกเขายังต้องเผชิญกับการโจมตีของพวก Khorne อีก ซึ่งตอนนี้กองกำลังของมาร์ชินแทบจะไม่มีไปต่อกรกับพวก Khorne ได้เลย ตัวเขาในตอนนี้จึงรีบปรึกษษกับคนของเขาในทันที

    “โธ่เอ้ย นี่เอาทหารไปต้านพวกมันไว้หรือยัง??” มาร์ชินถามลูกน้องของเขาไป

    “เรากำลังส่งไปครับ แต่ทหารของเรากำลังเหนื่อยล้าและอาวุธก็ด้อยกว่าพวกมันด้วยครับ!!”

    “โธ่เอ้ย แล้วแบบนี้จะให้ฉันยอมแพ้มันอย่างงั้นเหรอ??” มาร์ชินถามต่อ

    “ผมว่า เราหนีกันดีกว่าครับ ไปขอความช่วยเหลือจากเขต UN หน่ะครับ!!”

    “เออ จริงด้วย ถ้าอย่างงั้นพวกมึงสั่งให้คนของเราไปเก็บของ เก็บทองของฉันมาให้หมด ปล่อยให้พวกที่เราเกณฑ์มาไปถ่วงพวกมันไว้ก่อน เร็ว!!”

    เมื่อมาร์ชินสั่งไป ลูกน้องของเขาก็รีบไปขนของ ทั้งสมบัติ และเสบียงต่างๆ ไปขึ้นรถบรรทุกที่เตรียมไว้ ซึ่งตอนนี้ด้านในมีแต่ความวุ่นวายสุดขีด เพราะพวก Khorne ก็เริ่มจะเดินทัพใกล้เข้ามาแล้ว มาร์ชินต้องรีบหนีก่อนที่จะถูกพวกมันจับได้ ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เมื่อลูกน้องของเขาขนของเรียบร้อยแล้ว มาร์ชินก็ประคองสังขารของตัวเองไปขึ้นรถในทันที

    “รีบไปสิโว้ย เดี๋ยวพวกมันก็ตามมาทันหรอก!!” มาร์ชินสั่งลูกน้องของเขาไป

     

    กลับมายังโกดังของอเล็กซานเดอร์ในเขตเมืองหลวง ในวันนั้นตัวอเล็กซานเดอร์ก็อยู่กับปีเตอร์เพื่อช่วยเหลืองานบางส่วนให้กับเขา ปีเตอร์เห็นอเล็กซานเดอร์เลี้ยงสัตว์ไว้มากมายเลยเข้าไปสอบถามเขาเล็กน้อย

    “อืม นายเลี้ยงสัตว์พวกนี้ไว้เยอะแยะเลยนะ!!” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ใช่ ผมเลี้ยงมัน และพวกมันก็เลี้ยงผมด้วย” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “อืม น่าสนใจนะคะ แล้วมันเลี้ยงคุณยังไงบ้างหล่ะคะ??” ซาโตะถามอย่างสงสัย

    “ก็หลายอย่าง ช่วยงาน แถมยังขายได้ ราคาดีด้วยหล่ะ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “อืม ผมเองก็เคยเลี้ยงหมานะ ตอนนี้ยังนอนรอผมอยู่ที่บ้านอยู่เลย” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “เฮ้อ นั่สิคะ ป่านนี้มันคงกระโดดข้ามรั้วบ้านอื่นได้หล่ะมั้งคะ” ซาโตะพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากวิทยุสื่อสารของพวกเขา พวกเขารีบไปฟังวิทยุในทันทีเพื่อดูว่าใครติดต่อมา

    “ท่านปีเตอร์ครับ นี่การ์เซีย ตอบด้วยค่ะ!!”

    “นี่ปีเตอร์พูด ว่ามาเลย” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ค่ะ ดิฉันมีข่าวอยู่ 3 ข่าวที่จะมาบอกค่ะ ข่าวแรก มีแนวโน้มว่าพวก Khorne กำลังจะโจมตีเมืองหลวงในไม่กี่วัน ข่าวที่สอง มีโกดังสินค้าเถื่อนถูกยึดได้ในเขต 3 และเป็นข่าวดังไปทั่วโลก และข่าวที่ 3 มีเรือต้องสงสัยว่าจะขนอาวุธเถื่อนจะไปส่งในเขต 4 ค่ะ!!”

    “ขอบใจมาก เดี๋ยวถ้ามีอะไรฉันจะรีบติดต่อไป ตอนนี้จับตาดูไว้ก่อนแล้วกัน” ซาโตะบอกกับลูกน้องของเธอ

    “นี่พวกมันจะบุกเมืองหลวงแล้วเหรอ แบบนี้ตายกันหมดแน่ๆ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “ผมจะรีบติดต่อกับวอชิงตัน ดูว่าพวกเขาจะมีท่าทียังไง” ปีเตอร์พูดขึ้น 

    “ถ้าอย่างงั้นฉันจะติดต่อไปเอง!!” ซาโตะพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบติดต่อไปที่วอชิงตันในทันที แต่ซักพัก ซาโตะก็มารายงานปีเตอร์ในทันที

    “ท่านคะ วอชิงตันสั่งให้เราสังเกตการณ์ก่อน ถ้าเมืองหลวงถูกยึด พวกเขาสั่งให้เราถอยไปที่เขต 4 ทันทีเลยค่ะ” ซาโตะพูดขึ้น

    “เฮ้อ ฟังแล้วอบอุ่นใจจริงๆ สั่งพวกเราให้ถอยกลับมาก่อน รอดูสถานการณ์อีกที” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ถ้าพวก Khrone มาที่นี่จริงๆ พวกเราตายกันหมดแน่ๆ แบบไม่ต้องสืบเลย” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    และอีกด้านหนึ่ง ร้านบะหมี่ของหลิว ในวันนั้นเขาก็กลับมาที่ร้านหลังจากที่ทำงานกับปีเตอร์แล้ว แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะเปิดร้าน ในวันนั้นเองเขาก็เจอกับ G ที่นั่งรอเขาอยู่หน้าร้าน พร้อมกับมอไซค์ที่เขาขอหลิวไปด้วย หลิวเห็นดังนั้นก็รีบไปคุยกับเขาในทันที

    “อ้าวเฮ้ย ลื้อกลับมาแล้วเหรอ งานสำเร็จแล้วเหรอ??” หลิวถาม G ไป จากนั้นเขาก็พิมพ์ข้อความให้หลิวอ่านผ่านแท็บแล็ตในทันที

    “ไม่รู้สิ ยังยืนยันไม่ได้ แต่ฉันทำมันเจ็บหนักเลย!!”

    “เออ เยี่ยม แต่ตอนนี้เรามีปัญหาใหม่ ลื้อรู้เปล่าว่าอะไร ได้ข่าวมาว่าพวก Khorne กำลังจะบุกเมืองหลวงแล้ว ถ้าพวกมันบุกมาจริงๆ พวกเขาซีเลี้ยวแน่ๆ” หลิวพูดขึ้น และ G ก็พิมพ์ข้อความถามต่อไป

    “เป็นไปได้ยังไง ก็ฉันยิงเจาะเกราะมันไปแล้วนี่??”

    “นี่ๆ ลื้อคิดว่าพวกมันไม่มีลูกน้องคนอื่นหรือไง มันก็ใช้คนอื่นมาโจมตีนั่นแหละ แล้วถ้าพวกมันยึดที่นี่ อั๊วว่าลื้อต้องออกไปจากประเทศนี้เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างงั้นมันฆ่าลื้อตายแน่ๆ” หลิวพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เปิดร้านสำเร็จจนได้ แล้วก็พูดกับหลิวไป

    “ลื้อจะอยู่ที่นี่ซักพักก็ได้ แต่ระวังไว้ด้วยหล่ะ พวกมันจะค้นทั่วประเทศเพื่อตามล่าลื้อแน่ๆ” หลิวพูดขึ้น จากนั้น G ก็พิมพ์ตอบกลับไป

    “ขอบคุณมากนะ ที่นายช่วยเหลือฉัน!!”

    “เฮ้ย ไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอก เออนี่ เอาปืนไปเก็บด้านในก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยมาช่วยอั๊วขนของเข้าบ้านหน่อย” หลิวพูดขึ้น จากนั้น G ก็เอาปืนสไนเปอร์ของเขาเข้าไปเก็บในบ้าน จากนั้นก็เดินออกมาช่วยกันยกทั้งแป้งและวัตถุดิบในการทำบะหมี่อื่นๆเข้าบ้านในทันที และในตอนนั้นเอง G ก็พิมพ์ถามอะไรบางอย่างกับหลิวไป

    “เฮ้ย แล้วมอไซค์นี่ นายจะเอายังไงต่อ??”

    “โอ้ย เดี๋ยวเก็บไว้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวอั๊วให้ช่างโมเครื่องให้ใหม่ ตอนนี้เราต้องรับมือพวก Khorne ที่กำลังจะมานะ ไม่รู้ว่าพวกของโดนาทอร์จับรับมือพวกมันได้หรือเปล่า เห็นทีอั๊วคงต้องออกจากประเทศนี้ด้วยหล่ะ” หลิวบ่นอย่างต่อเนื่อง ทำเอา G ถึงกับไม่กล้าถามอะไรต่อมากนัก เลยได้แต่ช่วยหลิวทำงานอยู่ในบ้านไปเรื่อยๆ

     

    กลับมายังเขตหมู่บ้านที่ฟรานซิสก้าอาศัยอยู่ ในวันนั้นเธอก็จัดการทำบ้านของเธอใหม่ หลังจากที่ตอนนี้สาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศก็เริ่มจะกลับมาเป็นปกติแล้ว เธอจัดการทำความสะอาดบ้านของเธอรวมถึงเก็บกักตุนน้ำไว้กินไว้ใช้เพิ่มเติมด้วย เพราะในวันนั้นเธอลองเปิดก๊อกน้ำในบ้านของเธอดู ก็พบว่าในตอนนี้น้ำไหลมาแล้ว

    “โห เยี่ยมเลย แบบนี้ต้องเก็บไว้ให้เยอะๆแล้วหล่ะ”

    ฟรานซิสก้ารีบกักเก็บน้ำอย่างรวดเร็ว รวมถึงทำโน่นทำนี่ในบ้านไปด้วย และเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็นึกอะไรบางอย่างได้ ไหนๆวันนี้ของสดก็ได้เข้าตู้เย็นแล้ว แถมยังมีน้ำสะอาดๆกินอีก

    “ทำอะไรกินหน่อยดีกว่า!!”

    ในวันนั้นเธอก็ได้ตั้งหม้อต้มซุปหม้อใหญ่ของเธอ จากนั้นก็เตรียมพร้อมที่จะทำอาหารในทันที และในตอนนั้นเธอก็เปิดวิทยุฟังไปด้วย เพราะเธออยากรู้ว่าตอนนี้สถานีวิทยุดำเนินการได้หรือยัง และเมื่อเธอเปิดวิทยุขึ้น เธอก็ได้ยินเสียงผู้ประกาศจากวิทยุในทันที

    “สวัสดีค่ะ ดิฉันลิซ่า รายงานสดจากสถานีวิทยุโซโรวา หลังจากที่คุณโดนาทอร์ได้พัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้กลับมาใช้งานได้ เราจึงได้กลับมารายงานข่าวอีกครั้งค่ะ แต่การคลื่นวิทยุยังไม่เสถียร ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ..”

    “ดีจังเลย วิทยุใช้ได้แล้ว!!” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “แต่ตอนนี้เรามีข่าววงในมาจากคณะรัฐบาลชั่วคราวของคุณโดนาทอร์ ตอนนี้กองกำลังจากเขต 2 กำลังเตรียมคนเพื่อเข้ายึดเมืองหลวงค่ะ แต่เราได้รับรายงานมาว่า มีชาวบ้านหลายคนในเมืองได้ออกมาร่วมต่อสู้กับกองกำลังทหารของคุณโดนาทอร์ ซึ่งทางเราตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีชาวเมืองถึง 5000 คนได้มาขอร่วมต่อสู้ด้วย และอาจจะหลั่งไหลมาไม่หยุด ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจมากค่ะ…”

    “ตายหล่ะ จะมีสงครามอีกแล้วเหรอเนี่ย??” ฟรานซิสก้าอุทานออกมาและถอนหายใจไปด้วย

     

    กลับมาที่เรือบรรทุกเครื่องบินสัญชาติบราซิล ซึ่งนายพลฟิลิปเป้ประจำการอยู่ ในตอนนั้นตัวเขาก็ได้รับข่าวจาก G ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจึงสั่งให้ G ไปกบดานอยู่ในโซโรวาซิตี้ซักพัก แต่ในระหว่างที่กำลังคุยกัน จู่ๆพวกเขาก็ได้รับข่าวกรองมาจากโซโรวา ซึ่งเมื่อพลวิทยุได้รับข่าว พวกเขาก็รายงานนายพลฟิลิปเป้ในทันที

    “ท่านคะ มีข่าวไม่ค่อยดีจากเขต 2 ค่ะ!!”

    “มีอะไรหล่ะ ว่ามา??” ฟิลิปเป้ถามไป

    “ค่ะ ตอนนี้ที่เขต 2 กองกำลัง Khorne กำลังเตรียมการโจมตีโซโรวาซิตี้ค่ะ”

    “ห่ะ จริงเหรอ พวกนั้นมีกำลังประมาณเท่าไหร่หล่ะ??” ฟิลิปเป้ถามไป

    “ประมาณ 2 หมื่นได้ค่ะ พวกนั้นเกณฑ์ทหารส่วนใหญ่มาจากที่อื่น เพื่อเตรียมโจมตีค่ะ” 

    “ฉันว่า น่าจะเกิดจาก G แน่ๆ ที่ไปลอบสังหารหัวหน้าของมัน” ฟิลิปเป้พูดขึ้น

    “แล้วนี่ เราจะเอายังไงต่อดีคะ??” 

    “ติดต่อเขาว่าเราจะส่งเรือประมงไปรับเขา ถ้าพวกมันยึดเมืองหลวงได้” ฟิลิปเป้พูดขึ้น

    “ค่ะ ดิฉันจะรีบติดต่อเขาเองค่ะ”

    “ไม่ว่าจะยังไง ต้องพาเขาออกจากโซโรวาให้ได้ ไม่อย่างงั้นพวก Khorne เอาเขาตายแน่” ฟิลิปเป้บอกกับลูกน้องคนอื่นๆไป

     

    กลับมายังเขต 4 เขตสหประชาชาติ ในวันนั้นมารีนเนอร์เองก็ยังคงแจกจ่ายเสบียงและดูแลผู้อพยพอย่างเต็มที่ ซึ่งในคราวนี้ดูเหมือนว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และบางส่วนก็เป็นกองกำลังติดอาวุธด้วย พวกนั้นชูปืนขึ้นเหนือหัวเป็นสัญญาณว่ายอมจำนน และเจ้าหน้าที่ UN ก็ไปปลดอาวุธพวกเขาในทันที มารีนเนอร์ที่เห็นเหตุการณ์ก็ลองสอบถามทหารของเธอในทันที

    “นี่ คนพวกนั้นเป็นใครอย่างงั้นเหรอ??”

    “คงจะเป็นกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ธรรมดาๆหน่ะครับ ไม่น่ามีอันตราย” ทหารนาวิกพูดขึ้น

    “อืม ลองสอบถามเขาดู ดูว่าเขามาจากไหน และเหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง??” มารีนเนอร์บอกกับทหารนาวิกไป

    “รับทราบครับ!!” ทหารนาวิกคนนั้นเดินออกไป และในตอนนั้นเอง มีทหารนาวิกอีกคนหนึ่งเดินมาหามารีนเนอร์เพื่อรายงานสถานการณ์กับเธอในทันที

    “คุณมารีนเนอร์ครับ มีข่าวไม่ค่อยดี ทางหน่วยข่าวกรองแจ้งมาว่าจะมีการขนถ่ายอาวุธเถื่อนกันบริเวณเขต 4 ครับ!!”

    “ห่ะ จริงเหรอ พวกนั้นจะมาในเขตนี้เหรอ แล้วแถวนี้มีท่าเรือที่ไหนบ้างหล่ะ??” มารีนเนอร์ถามไป

    “ก็มีอยู่ 2 3 ที่ครับ แต่นาวิกโยธินส่งคนไปดูแล้วครับ”

    “อืม ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้พวกเขามาอาละวาดแถวนี้แล้วกัน เดี๋ยวชาวบ้านจะพลอยเดือดร้อนกันไปด้วย” มารีนเนอร์พูดขึ้น

    “ผมว่า อีกไม่นาน เราก็คงต้องไปจากที่นี่แล้วหล่ะครับ”

    “ฉันจะกลับเมื่อไหร่ ฉันตัดสินใจเองค่ะ ตอนนี้ชาวบ้านพวกนี้กำลังรอความช่วยเหลือจากเราอยู่ ถ้าเราไม่ช่วยพวกเขา พวกเขาตายหมดแน่ๆ ตอนนี้พวกคุณก็ช่วยประคับประคองหน่อยแล้วกัน” มารีนเนอร์บอกกับทหารนาวิกพวกนั้นไป

    “รับทราบครับผม!!”

     

    กลับมายังเขต 5 ของแอลรอน หลังจากที่พวกเขายึดเขต 5 ได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว พวกเขาก็นั่งฉลองกันอยู่ในบ้านหลังเก่าของไฮโซชาร์ลีในทันที โดยที่อาหารในบ้านของชาร์ลีก็ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง แอลรอนบังคับใช้เชฟที่ชาร์ลีจ้างมาทำอาหารให้ และตัวเขาก็นั่งดื่มแชมเปญที่ยึดมาได้อย่างสบายอารมณ์ ในระหว่างนั้นเอง ลูกน้องของเขาก็มาคุยเรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาในทันที

    “นายครับ ตอนนี้เราส่งข่าวไปหาพ่อแม่ของไอ้ชาร์ลีมันแล้ว พ่อแม่มันบอก จะส่งเงินมา 20 ล้านดอลล่าห์ตามที่คุณขอครับ!!”

    “ดีมาก ดูแลมันให้ดีก็แล้วกัน อย่าให้มันตายก่อนหล่ะ ไม่งั้นเงินฉันสูญแน่ แล้วผู้หญิงที่ฉันส่งไปให้พวกแก เป็นยังไงบ้าง??” แอลรอนถามไป

    “เยี่ยมเลยครับ ตอนนี้ทหารของเราน่าจะกำลังสนุกอยู่เลยครับ”

    “ดี แล้วมีข่าวอื่นต่อหรือเปล่า??” โรสเซียถามอย่างสงสัย

    “ครับ เราได้ข่าวมาว่าพวก Khorne กำลังจะเตรียมโจมตีเขตเมืองหลวงแล้วครับ!!” 

    “จริงเหรอ แบบนี้ก็ดีหน่ะสิ โอกาสก็เข้าข้างฉันแล้ว” แอลรอนพูดขึ้น

    “โอกาสเข้าข้าง ทำไมกันหล่ะ??” โรสเซียถามอย่างสงสัย

    “ถ้าพวก Khorne มันโจมตีเขตเมืองหลวงเมื่อไหร่ คงได้เจอการต่อต้านอย่างหนักแน่ และดูเหมือนว่าพวกมันต้องแบ่งกำลังไปโจมตีที่นั่นด้วย ถ้ากองกำลังของพวกมันเริ่มเบาบางลง เราก็สามารถโจมตีพวกมันได้” แอลรอนพูดขึ้น

    “จริงด้วย อาศัยจังหวะที่พวกมันตีกันเล่นงานพวกมันสินะ” โรสเซียพูดขึ้น

    “สั่งคนของเราจับตาดูไว้ ถ้ามีเรื่องอะไรให้รายงานฉันได้เลย” แอลรอนสั่งลูกน้องของเขาไป

    “ครับผม แล้วก็อีกเรื่องที่เขต 7 ครับ!!”

    “ทำไมหล่ะ ที่เขต 7 มีปัญหาอย่างงั้นเหรอ??” โรสเซียถามอย่างสงสัย

    “ครับ พวกเขต 7 ต้องการพื้นที่ในส่วนหุบเขาของเราครับ พวกนั้นบอกว่าจะยอมจ่ายเป็นเงินถ้าพวกคุณขายที่ให้พวกเขา” 

    “อืม พวกมันต้องการพื้นที่แถบภูเขานั่นไปทำไมกันนะ??” แอลรอนถามไป

    “ฉันว่า มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ พวกนั้นถึงต้องมาซื้อพื้นที่ตรงนั้น เพราะแถวนั้นมีแต่ภูเขาทั้งนั้น หรือมันจะมีแร่อะไรอยู่??” โรสเซียถามไป

    “ถ้ามีแร่จริงๆ เรื่องอะไรจะยอมยกให้พวกนั้นแลกเศษเงินหล่ะ ส่งข่าวไปบอกพวกมัน ว่าฉันไม่ขาย และถ้ามันอยากจะรบ ก็ให้พวกมันมาเลย!!” แอลรอนพูดขึ้น

    “ครับผม ผมจะรีบไปส่งข่าวเลยครับ!!” ลูกน้องของเขาพูดขึ้นและเดินออกไปในทันที

    “สงสัยเราคงจะเลี่ยงสงครามกับพวกเขต 7 ไม่ได้แล้วสินะ” โรสเซียพูดขึ้น

    “นั่นสิ แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงเราก็รับมือพวกมันได้อยู่แล้ว เราได้เงินทุนมาเยอะ น่าจะพอซื้ออาวุธมาได้” แอลรอนพูดขึ้น

    “แต่ว่า พวกนั้นมีกองทัพจีนหนุนหลังอยู่นะ มันอาจจะมีพิษสงก็ได้” โรสเซียพูดปรามไป

    “ไม่ต้องห่วงหรอก พวกนั้นเปิดหน้าสู้ตรงๆไม่ได้หรอก ยังไงพวกมันก็ต้องให้คนในพื้นที่สู้แทนอยู่แล้ว” แอลรอนบอกกับโรสเซียไป

     

    กลับมายังเขต 7 ค่ายใหญ่ของโบริส ซึ่งในตอนนั้นเรซนอร์ฟและโพคลอนสกายาก็เดินทางมาพักที่ค่ายด้วย ในวันนั้นพวกเขาได้รับข้อความจากแอลรอนและกองกำลังของเขาว่าพวกเขาจะไม่ยอมขายพื้นที่ให้ ทั้งคู่และโบริสก็มาคุยกันในห้องทันทีเพื่อหาทางอื่นต่อ

    “ดูเหมือนว่าพวกแอลรอนมันอยากจะรบกับเรานะ” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “ถ้ามันอยากจะรบก็ให้มันรบ ฉันจะไปรายงานคุณบาร์บาร่าเอง” โพคลอนสกายาพูดขึ้น

    “เหรอ แล้วพวกเขตนั้นมีกำลังมากแค่ไหนหล่ะ ได้ยินว่ามันเพิ่งยึดเขต 5 ไปได้ด้วยนี่??” โบริสถามไป

    “เฮ้อ พวกเขต 5 มันขี้ผง พวกเรายกไปไม่กี่คนก็ปราบได้แล้ว กำลังของมันตอนนี้มีไม่กี่พันหรอก” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “เออ ตอนนี้อยู่ที่แกแล้วหล่ะว่าจะร่วมสู้ด้วยหรือเปล่า??” โพคลอนสกายาถามต่อ

    “สู้สิๆ ยังไงฉันก็สู้ด้วย แต่อย่าลืมส่วนแบ่งของฉันก็แล้วกัน” โบริสพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก คุณบาร์บาร่าจัดการได้อยู่แล้ว แกก็ทำงานให้มันคุ้มเงินก็แล้วกัน” เรซนอร์ฟพูดขึ้นจากนั้นก็กระดกวอดก้าไปหนึ่งช็อต

    “แล้วถ้าแกเกิดปอดแหก ฉันสาบานเลยว่าแกไม่รอดแน่ๆ ฉันหาคนอื่นมาแทนแกได้ทุกเวลา รู้ไว้ด้วย!!” โพคลอนสกายาพูดตอกย้ำกับโบริสไป และที่ด้านนอก ชายสองคนที่กำลังยืนเฝ้าประตูห้องของโบริสก็เดินออกมาและไปเข้าห้องน้ำบริเวณนั้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ยื่นบุหรี่ให้กัน แล้วก็พูดคุยกันในห้องน้ำไปด้วย

    “เครื่องดักฟังยังใช้ได้ผลเหมือนเดิมเลยนะ แจ๊กกี้!!”

    “นั่นดิ แต่ถ้าโดนจับได้ เราสองคนคงตายในประเทศบ้าๆนี่แน่ๆ” แจ๊กกี้ตอบไป

    “ดูเหมือนว่าพวกมันกับเขต 6 ของแอลรอนกำลังจะรบกันนะ” ดีมีทรีพูดขึ้น

    “คงงั้น เราคงต้องส่งข้อความไปหาคุณปีเตอร์แล้วหล่ะ วันนี้เราเจอไอ้เรซนอร์ฟตัวเป็นๆด้วย” แจ๊กกี้พูดขึ้น

    “นั่นสิ ตอนนี้ยังไม่เจอกับบาร์บาร่าเลย แต่คงอีกไม่นาน ฉันว่าเธอต้องอยู่ที่เขตเหมืองแน่ๆ” ดีมีทรีพูดขึ้น

    “นั่นดิ หรือเราจะไปที่นั่นหล่ะ??” แจ๊กกี้ถามไป

    “อืม ไว้มีโอกาสก็ลองไปที่นั่นแล้วกัน” ดีมีทรีตอบไป จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ต่อบุหรี่กันเพื่อสูบในทันที

     

    และในตึกหนึ่งของเขต 7 ซึ่งเป็นที่พักชั่วคราวของฟอร์ด ซึ่งตัวเขาก็นอนพักอยู่ในห้องพร้อมกับดูรูปรายชื่อเป้าหมายที่บาร์บาร่าส่งให้มาด้วย ในระหว่างนั้นเอง จู่ๆก็มีคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องของเขา เขาหยิบปืนที่อยู่บนโต๊ะของเขาแล้วเดินออกไปดูในทันที และเมื่อเขาเปิดออกมา เขาก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้อง ฟอร์ดเห็นหน้าเธอแล้วรีบดึงเธอเข้ามาด้านในห้องทันที ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า

    “นี่ เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย เซเนย์??”

    “ฉันจะปล่อยให้นายเสี่ยงคนเดียวได้ยังไงหล่ะที่รัก หน่วยข่าวกรองส่งฉันมาที่นี่ เขาบอกว่านายมาที่เขต 7 หน่ะ แล้วฉันก็ลองสะกดรอยตามนายมาด้วย” เธอตอบกลับไป

    “อ่าๆ จริงๆเลยนะ ว่าแต่ทางนั้นมีข้อมูลอะไรเพิ่มหรือเปล่า??” ฟอร์ดถามเซเนย์ไป

    “ตอนนี้นายพลจาง เดินทางเข้าๆออกๆเขต 7 บ่อยมาก ซึ่งทาง CIA ก็กำลังสืบเรื่องนี้อยู่ ว่าทำไมกัน??” เซเนย์ตอบไป

    “ฉันว่าเขาต้องติดต่อกับบาร์บาร่าแน่ๆ” ฟอร์ดพูดขึ้น

    “วันนี้จะไปฆ่าใครอีกหล่ะ ขอดูหน้ามันหน่อยได้หรือเปล่า??” เซเนย์ถามไป จากนั้นฟอร์ดก็เอารูปของเป้าหมายให้เธอดูในทันที

    “มันชื่ออีริน มันเป็นคนสนิทคนหนึ่งของแอลรอน เธอรู้จักหรือเปล่า??” ฟอร์ดถามไป

    “แอลรอน จาร์นาต้า ใน CIA รู้จักมันทุกคนนั่นแหละ” เซเนย์พูดขึ้น

    “พรุ่งนี้ฉันต้องข้ามไปเขต 6 เพื่อไปตามจัดการมัน เธออยู่ที่นี่อย่าให้ใครเห็นหล่ะ ไม่งั้นเธอจะเป็นอันตรายแน่ๆ” ฟอร์ดพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก เธอก็รู้นิสัยฉันนิ คิดถึงฟอร์ดที่สุดเลย!!” เซเนย์พูดขึ้นและกอดจูบกับฟอร์ดไปด้วยความคิดถึง

     

    กลับมายังที่พักของบาร์บาร่าในเขตเหมือง ในวันนั้นเธอก็ได้ต้อนรับนายพลจางที่เดินทางมาเยี่ยมเหมืองของเธอ รวมถึงปรึกษาหารือเรื่องของเขตภูเขาที่พวกเขาเชื่อว่ามีแร่พิเศษอยู่ในพื้นที่ด้วย เธอนั่งดื่มน้ำชากับนายพลจางท่ามกลางสายลมอุ่นๆที่พัดปลิวไปมาอย่างสบายอารมณ์ไปด้วย

    “ท่านคะ ตอนนี้ฉันกำลังจับจองพื้นที่ภูเขานั่นแล้ว แต่เรามีปัญหานิดหน่อยค่ะ” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “เหรอ ปัญหาเรื่องอะไรหล่ะ??” นายพลจางถามไป

    “เขตนั้นมันอยู่ในอิทธิพลของพวกเขต 6 ซึ่งพวกมันคงไม่ยอมคุยกับเราแน่ๆค่ะ” 

    “คุณก็เลยอยากได้อาวุธกับกำลังคนสินะ ได้เลย ผมจะส่งมาให้คุณ 1000 คนพร้อมอาวุธ รวมถึงเสบียงด้วย” นายพลจางพูดขึ้น

    “ขอบคุณมากๆค่ะท่าน!!”

    “อืม หวังว่าธุรกิจนี้คงจะไปได้สวยนะ ผมเองก็กำลังโดนปักกิ่งเพ็งเล็งอยู่” นายพลจางพูดขึ้น 

    “แน่นอนค่ะ ท่านรอฟังข่าวดีได้เลยค่ะ” บาร์บาร่าตอบไป

     

    กลับมายังเขตเมืองหลวง หลังจากที่กลุ่มของเนวิสและภาคีใต้ดินได้เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง ในตอนนั้นพวกเขาก็รีบไปที่แนวหน้าในทันทีเพื่อดูสถานการณ์ ภาพที่พวกเขาเห็นในตอนนี้คือกองทัพของโดนาทอร์และชาวบ้านอาสาราวเกือบหมื่นพากันมาจับอาวุธเพื่อต่อสู้ป้องกันเมืองหลวงไว้ พวกเขารีบประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะวางแผนกันต่อไป

    “พวกเขามากันมากมายเลย ดูสิ พวกเขาต้องการสู้เพื่อประเทศนี้มากแค่ไหน” เนวิสพูดขึ้น

    “แต่ดูบางคนสิ คนแก่ก็มี เด็กก็มี บางคนมีแค่มีดเล่มเดียวเป็นอาวุธด้วยซ้ำ” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “แจกอาวุธที่ยึดได้บางส่วนให้พวกเขา ความจริงน่าจะให้พวกเขาไปช่วยแนวหลังนะ” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “แล้วนี่ รอนนี่ ดูแล้วเราจะยันพวกมันไว้ได้หรือเปล่า??” วาลิน่าถามรอนนี่ไป

    “เท่าที่ดูจากสายตา กองกำลังของเรายังอ่อนอยู่มาก แถมเรายังมีอาวุธต่อสู้รถถังไม่เพียงพออีก” รอนนี่พูดขึ้น

    “ถ้ามี RPG มากขึ้นก็ดีสินะ” เรนิต้าพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆเจซซินที่สะกดรอยตามเนวิสมาด้วยก็มาคุยกับเนวิสในทันที แต่มาร์ตินห้ามเอาไว้ก่อน

    “ใจเย็นมาร์ติน นี่เพื่อนผมเอง เพิ่งรู้จักกันหน่ะ” เนวิสพูดขึ้นแล้วไปหาเจซซินในทันที

    “เฮ้ เป็นยังไงบ้างหล่ะนาย??” เจซซินถามเนวิสไป

    “อ้อ ตอนนี้เราพยายามประเมินสถานการณ์อยู่ว่าจะเอายังไง” เนวิสพูดขึ้น

    “อืม ถ้าเราไม่มีอาวุธดีๆ พวกเราต้านได้ไม่นานหรอก” เจซซินพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นจากแนวรบของพวกเขา

    “ใครที่เป็นทหาร ขอให้ทุกคนมาอยู่ที่แนวหน้า ใครที่เป็นอาสา ขอให้ไปอยู่แนวหลัง คอยสนับสนุน ถ้าคนข้างๆพวกคุณตายเมื่อไหร่ พวกคุณต้องเก็บอาวุธเขาขึ้นมาแล้วยิงกับพวกมันต่อ!!”

    “ดูเหมือนว่างานนี้เราจะเสียเปรียบจริงๆนะเนี่ย” เรนิต้าพูดขึ้น

    “รอนนี่ นายเตรียมแฮ็กเรือบรรทุกเครื่องบินหรือยังหล่ะ??” ลูซิน่ากระซิบคุยกับรอนนี่

    “พร้อมแล้วหล่ะ ฉันดูสถานการณ์ตลอดน่า” รอนนี่กระซิบตอบ

    “ตอนนี้เราต้องใช้ทุกอย่างที่มีแล้วหล่ะ ส่วนเธอ เด็กใหม่หน่ะ เธอรบเป็นหรือเปล่า??” วาลิน่าหันไปถามเจซซินไป

    “ก็พอได้อยู่นะ” เจซซินพูดขึ้น

    “ก็พูดแค่พอได้สิ แต่เอาเถอะ ตอนนี้ต้องใช้ทุกอย่างที่มีแล้วหล่ะ” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “ผมว่า ตอนนี้เรามาโฟกัสเรื่องการรบดีกว่าครับ เจซซิน เธอพร้อมนะ??” เนวิสหันไปถามเจซซิน เจซซินในตอนนั้นก็พยักหน้าตอบกลับไป

    ===============================================================

    การโจมตีจากพวก Khorne กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว พวกเขาจะต้านทานได้หรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×