ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sorova - เมื่อประเทศฉันมันบัดซบ

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 9 : อาวุธเถื่อน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 79
      2
      20 ธ.ค. 63

    เช้ามืดของวันต่อมา กองกำลังของโดนาทอร์ในตอนนั้น บางส่วนก็ยังเฝ้ายามอย่างขันแข็ง บางส่วนก็ยังคงหลับไหล แต่ส่วนใหญ่ก็ตื่นมากันแล้วเพราะพวกเขาต้องเฝ้าระวังภัยทุกเมื่อ และทางด้านของเนวิส ในตอนนั้นพวกเขาคนอื่นๆก็พากันนอนหลับพักผ่อน ในตอนนั้นเจซซินก็แอบตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะติดต่อกับคนที่หน่วยใหญ่ เธอเชื่อมต่อข้อมูลและคุยกับคนในหน่วยทันที

    “นี่ฉันเจซซิน อยู่หรือเปล่า??”

    “เจซซิน ติดต่อมาซะกลางดึกเลยนะ มีอะไรหรือเปล่า??”

    “ตอนนี้สถานการณ์ที่นี่กำลังย่ำแย่ กองกำลังจากเขต 2 กำลังจะโจมตีเมืองหลวงหน่ะ”

    “อืม ฉันเองก็ได้ยินมาแบบนั้น ยังไงก็อัพเดทให้ฟังเป็นระยะๆแล้วกัน ถ้าพวกนั้นยึดเมืองหลวงได้ เธอรีบหนีไปเขต 4 ทันทีเลย”

    “ไม่ต้องห่วง ฉันทำอยู่แล้ว ตอนนี้ฉันกำลังติดตามพวกใต้ดินอยู่”

    “ดีๆ ตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไรหล่ะ จับตาดูพวกเขาไว้ก่อน พวกเขาต้องการจับเป็น”

    แต่ยังไม่ทันที่เจซซินจะทำอะไร ในตอนนั้นเนวิสก็ตื่นมาหาเจซซินในทันที เจซซินรีบเก็บแท็บแล็ตของเธอเก็บในกระเป๋าทันทีเพื่อไม่ให้เนวิสเห็น

    “อ้าว เจซซิน นอนไม่หลับเหรอ??” เนวิสถามไป

    “อ้อ ใช่จ้ะ แล้วเธอมีอะไรหรือเปล่า??” เจซซินถามอย่างสงสัย

    “ก็ไม่มีอะไร เห็นเธอตื่นมาเลยมาดูหน่ะ แต่นี่ก็ใกล้จะเช้าแล้ว ตื่นได้แล้วหล่ะ” เนวิสพูดขึ้น

    “เออนี่ นายว่านายจะชนะสงครามครั้งนี้ได้หรือเปล่า??” เจซซินถามเนวิสไป

    “ฉันก็ไม่รู้หรอก แต่ถ้าฉันทำเพื่อประเทศของฉัน ฉันยอม” เนวิสพูดขึ้น

    “อืม ฉันเข้าใจ”

    ยังไม่ทันที่เจซซินจะพูดจบ ในตอนนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น

    “ตู้ม!!”

    เสียงระเบิดนั่นทำเอาทหารของโดนาทอร์และคนอื่นๆถึงกับสะดุ้งตื่น ในตอนนั้นพวกเขารีบหยิบอาวุธขึ้นมาแล้วไปหลบในสนามเพลาะในทันที ส่วนพวกของเนวินคนอื่นๆก็รีบมารวมตัวกันในทันทีเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    “เฮ้ย เสียงระเบิด นี่มันอะไรกัน??” ฟรอนเทียร์ถามอย่างสงสัย

    “พวกมันคงเตรียมบุกแล้วหล่ะ นี่มันเสียงปืนใหญ่ชัดๆ” เนวิสพูดขึ้น

    “ตู้ม!!” เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำเอาพวกเขาต้องหาที่หลบกันให้วุ่น

    “รอนนี่ รีบเชื่อมต่ออาวุธและเตรียมตัวเลย!!” วาลิน่าตะโกนบอกรอนนี่

    “ยินดีจัดให้!!” รอนนี่หยิบแท็บแล็ตของเขาขึ้นมา จากนั้นก็รีบจัดการแฮ็กระบบของเรือบรรทุกเครื่องบินในทันที แล้วก็รีบเช็คว่าเครื่องบินลำไหนพร้อมบ้างผ่านแท็บเล็ตของเขา

    “เครื่องบินขับไล่ ติดจรวดต่อสู้ภาคพื้น 46 ลำ สถานะพร้อมรบ!!” รอนนี่เห็นดังนั้นจึงตบเข่าฉาด

    “พวกมันบุกมาแน่ๆเลยหว่ะ แต่ต้องลองดูกว่าพวกมันจะมาเมื่อไหร่” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “นั่นสิ มาร์ติน ให้คนของเราไปเตรียมยิงสนับสนุนได้เลย” เรนิต้าพูดขึ้น จากนั้นมาร์ตินก็พยักหน้าและเดินออกไปในทันที และในตอนนั้นเอง พลุส่งสัญญาณก็ยิงมาจากอีกฝากหนึ่งของพื้นที่

    “ตู้ม!!”

    เมื่อสิ้นเสียงพุล เสียงรถถังและรถหุ้มเกราะของกองกำลัง Khorne ก็เข้ามาแทนที่ ในตอนนั้นทหารของโดนาทอร์ก็รีบไปป้องกันที่ด้านหน้าในทันที พร้อมกับเตรียมยิงปืนครกเพื่อสกัดกั้นการบุกของพวกมัน

    “ตู้ม!!”

    พวกของเนวิสที่เหลือตอนนั้นก็แยกกันไปคนละทางเพื่อยิงสกัดทหารของ Khorne พวกเขาได้ทำการยิงต่อสู้อย่างดุเดือด แต่กองกำลังของ Khorne มีมากมายมหาศาล แถมยังมียานเกราะคอยยิงสนับสนุน ทำเอาพวกเขาตอบโต้ได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก

    “บ้าเอ้ย รถถังพวกนี้จะยิงไปถึงไหนวะ??” เนวิสไล่ยิงพวกมันไปเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นเจซซินก็เล็งและยิงพวกมันอย่างช่ำชอง ทุกนัดของเธอเข้าเป้าไม่มีพลาด 

    “เนวิส ขอกระสุนเพิ่มหน่อยสิ!!” เจซซินตะโกนบอกเนวิส จากนั้นเนวิสก็โยนกระสุนให้กับเธอไป

    “ฉันเหลือแม็กสุดท้ายแล้วนะ ประหยัดๆหน่อยหล่ะ” เนวิสพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง” เจซซินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง เนวิสก็เห็นรถถังคันหนึ่งเล็งกระบอกปืนใส่เจซซินที่กำลังยิงสกัดพวกมัน ทำเอาเนวิสต้องตะโกนบอกเจซซินในทันที

    “เจซซิน หลบ!!”

    เนวิสวิ่งไปกระชากเจซซินออกมา จากนั้นรถถังก็ยิงใส่

    “ตู้ม!!”

    พวกเขาทั้งคู่หลบได้ทัน แต่เนวิสในตอนนั้นก็โดนแรงระเบิดของรถถังจนกระเด็น เจซซินเห็นจึงรีบไปดูเขาในทันที

    “เนวิส เนวิส ตื่นสิ ทำใจดีๆไว้นะ!!” เจซซินตะโกนออกไป และอีกด้านหนึ่ง กองกำลังทั้งของโดนาทอร์และของกลุ่มภาคีใต้ดินก็โดนรุกอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีปืนต่อสู้รถถังมากพอ ทำเอาพวกเขาต้องถอนร่นเข้ามาพื้นที่ด้านในเรื่อยๆ

    “บ้าเอ้ย ถ้าไม่มีใครมาช่วย พวกเราจบเห่แน่ๆ” ลูซิน่าพูดขึ้นจากนั้นก็ยิง M4 สกัดพวกมันเอาไว้

    “รอนนี่ เครื่องบินได้หรือยัง??” วาลิน่าตะโกนถามไป

    “แป๊ป ฉันกำลังจะแฮ็กได้แล้ว!!” รอนนี่พูดขึ้น จากนั้นเขาก็กดอีกไม่กี่ปุ่มบนแท็บเล็ต

    “บ้าเอ้ย พวกมันมาจากไหนกันเยอะแยะวะ??” ฟรอนเทียร์ตะโกนถามในขณะที่ยิงเครื่องยิงลูกระเบิดใส่พวกมัน

    “มาร์ติน ถ้าพวกเรายันไม่ได้ เราต้องถอยแล้วหล่ะ” เรนิต้าตะโกนบอกมาร์ติน ตอนนั้นมาร์ตินก็ใส่กระสุนใหม่และยิงสวนพวกมันกลับไปในทันที ในขณะที่พวก Khorne ก็เดินทัพเข้ามาอย่างช้าและยิงทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างไม่มีปรานี

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในคอสตาริก้า บ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่งซึ่งดูภายนอกดูเหมือนจะธรรมดา แต่ภายในบ้านหลังนั้น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นโปรแกรมแชทในห้องลับห้องหนึ่ง

    “หวัดดีทุกคน นี่ฉันซิลลินเรีย!!”

    “เด็กซ์เตอร์รายงาน สบายดีนะทุกคน!!”

    “เมเดอลีนออนไลน์ คอสตาริก้าอากาศดีนะ??”

    “ซิลลินเรีย : แน่นอน ฉันมีข่าวจะบอกพวกนายทุกคน!!” 

    “เด็กซ์เตอร์ : เฮ้อ หวังว่าจะเป็นข่าวดีๆนะ”

    “เมเดอลีน : นี่ อย่าชักใบให้เรือเสียดิยะ!!”

    “ซิลลินเรีย : ฉันจะบอกว่า รอนนี่ส่งข่าวมาหาฉันแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่โซโรวา”

    “เมเดอลีน : โซโรวาเหรอ ได้ยินว่าที่นั่นอย่างกับนรกเลยนะ” 

    “เด็กซ์เตอร์ : น่าสนุกนี่ แล้วเธอจะเอายังไง ไปหาเขาที่นั่นเหรอ??”

    “ซิลลินเรีย : ใช่ เตรียมตัวให้พร้อม เจอฉันที่คอสตาริก้าพรุ่งนี้ แล้วเจอกัน!!” 

    ออฟไลน์!!

     

    อีกด้านหนึ่ง ในที่ไหนซักแห่งของทะเลแคริบเบียน เรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งค่อยๆแล่นลอยลำไปตามจุดหมายปลายทางของพวกเขา ในวันนั้นเองช่างคนหนึ่งก็เดินมาที่ดาดฟ้าเครื่องบินเพื่อมาตรวจสอบเครื่องบินที่มี แต่ในตอนนั้น จู่ๆเครื่องบินก็เคลื่อนที่ได้เองราวกับมีผีสิง ทำเอาช่างถึงกับต้องเรียกทหารมาดูในทันที

    “นี่ ทหาร วันนี้เราไม่มีการส่งเครื่องขึ้นบินไม่ใช่เหรอ??” ช่างคนนั้นถามไป

    “หือ ชิบหายแล้ว รีบไปบอกผู้บังคับการ เร็ว!!”

    ทหารคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ประกาศแจ้งเตือนลูกเรือกันยกใหญ่ พวกเขาพยายามหยุดระบบของเครื่องบินแต่ก็ไม่ทันแล้ว ตอนนี้เครื่องบินราว 40 กว่าลำบินขึ้นฟ้าไปแล้ว เครื่องพวกนั้นเดินหน้ามุ่งตรงสู่โซโรวา และทางด้านของรอนนี่ ตัวเขาก็วางเป้าหมายการโจมตีของเครื่องบิน โดยการที่ใช้ดาวเทียมกะระยะ และเมื่อได้ระยะที่เขาต้องการแล้ว เขาก็วางเป้าในการโจมตีในทันที

    “ทุกคน อีก 1 นาทีเครื่องบินจะมาแล้ว!!” รอนนี่พูดขึ้น

    “โห 1 นาทีนี่คงนานเป็นชาติเลย สถานการณ์แบบนี้” ฟรอนเทียร์พูดขึ้นจากนั้นก็ยิงสกัดพวกนั้นจนกระสุนของเขาหมดเกลี้ยง จนเขาต้องชักปืนพกของเขาขึ้นมายิงแทน

    “แล้วนี่ ตั้งพิกัดการยิงหรือยังหล่ะ??” วาลิน่าถามไป จากนั้นรอนนี่ก็พยักหน้าตอบ ส่วนมาร์ติน ในตอนนั้นเขาก็ถูกกระสุนยิงเฉี่ยวมาที่แขนจนล้มลง ในตอนนั้นเรนิต้าต้องลากเขาเข้ามาดูอาการในทันที

    “มาร์ติน เป็นอะไรหรือเปล่า??” เรนิต้าดูที่แขนของเขา ก็พบว่ากระสุนเฉี่ยวแขนไปนิดเดียว มาร์ตินในตอนนั้นก็ลุกขึ้นมาจับปืนสู้ต่อในทันที

    “เวรเอ้ย เมื่อไหร่เครื่องบินจะมาเนี่ย เราจะตายอยู่แล้ว??” วาลิน่าถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นแสงอะไรบางอย่างจากบนฟ้า ซึ่งฝูงเครื่องบินขับไล่ติดอาวุธกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลูซิน่าเลยตะโกนบอกกับทุกคนในทันที

    “เครื่องบินมาแล้ว หาที่หลบเร็ว!!”

    ลูซิน่าและคนอื่นๆรีบก้มหัวหลบในทันที และเครื่องบินทิ้งระเบิดก็แล่นเข้ามาเรื่อยๆ เมื่อถึงตำแหน่งที่ต้องการ เครื่องบินพวกนั้นก็ยิงจรวดและปืนกลใส่กลุ่ม Khorne ที่อยู่ด้านล่างในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆๆ”

    “ตู้ม!!”

    ระเบิดจากเครื่องบินทำเอากลุ่ม Khorne ถึงกับล้มตายราวกับใบไม้ร่วง ยานเกราะบางส่วนก็โดนทำลายย่อยยับ พลขับบางคนต้องสละยานเกราะเพื่อหนีตาย ส่วนกองกำลังของโดนาทอร์คนอื่นๆก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เครื่องบินพวกนั้นมาจากไหน ทำไมถึงมาช่วยพวกเขา และในตอนนั้นเอง เมื่อสิ้นการโจมตีทางอากาศ กองกำลังของ Khorne ตอนนี้ก็เริ่มจะร่อแร่เต็มที่ ทำเอาทหารของโดนาทอร์ให้สัญญาณโจมตี

    “ทุกคน บุกเข้าไป!!”

    ทหารของโดนาทอร์ที่เหลือลุกขึ้นมาจากหลุมเพลาะ และยิงขับไล่กลุ่ม Khorne ให้ถอยทัพไปในทันที ตอนนี้ยานเกราะของพวกเขาแทบไม่มีพิษสงอะไรแล้ว พวกเขาไล่ต้องกองกำลัง Khorne จนบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย บางส่วนก็รีบทิ้งอาวุธหนีเอาชีวิตรอด จนกระทั่งพวก Khorne หนีหายกันไปจนเกือบหมดแล้ว พวกเขาก็ไชโยโห่ร้องราวกับได้รับชัยชนะ พวกของลูซิน่าถึงกับดีใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น

    “พวกมันถอยไปแล้ว เยี่ยมไปเลย ถอยไปให้หมดเลย!!” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “เฮ้อ ในที่สุดมันก็จบซะที” วาลิน่าพูดขึ้นพลางถอนหายใจ

    “ใจเย็น พวกมันคงจะไปตั้งหลักก่อนหล่ะ ฉันว่านะ” ฟรอนเทียร์พูดปรามเธอไป

    “ทุกคน มาร์ตินต้องรีบรักษาแล้วหล่ะ” เรนิต้าพูดขึ้นพลางพาตัวมาร์ตินมาหาทุกคน

    “เดี๋ยวกลับไปจะเรียกให้หมอทำแผลให้แล้วกัน แล้วนี่เนวิสไปไหนหล่ะ??” รอนนี่ถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง เจซซินก็วิ่งมาหาพวกของลูซิน่าในทันทีอย่างรวดเร็ว เพื่อมาบอกถึงอาการของเนวิส

    “ทุกคน ช่วยเนวิสด้วย เขาโดนระเบิด!!” เจซซินพูดขึ้น ทำเอาพวกเขาต้องรีบวิ่งไปหาเนวิสในทันที และในตอนนั้น พวกเขาก็เห็นร่างของเนวิสที่นอนนิ่งไป ลูซิน่าไม่รอช้าไปดูชีพจรของเขาในทันทีเพื่อดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง

    “ชีพจรยังเต้นปกติ สงสัยน่าจะโดนแรงกระแทกหน่ะ” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นอีกซักพักคงจะหาย รีบให้คนของเราแบกเขาไปพักเถอะ” วาลิน่าพูดขึ้น

    “ศึกนี้เราขับไล่พวกมันไปได้ แถมยังได้อาวุธพวกมันอย่างรถยานเกราะมาอีก ป่านนี้พวก Khorne คงนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้วหล่ะ” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “นั่นสิ พวกมันคงต้องระดมกำลังมาใหม่เพื่อแก้มือแน่ๆ” รอนนี่พูดขึ้น จากนั้นก็กดแท็บแล็ตของเขาต่อไป

    “ฉันว่า พวกเรารีบไปดูคนเจ็บ แล้วพาไปรักษากันดีกว่า” เรนิต้าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นฉันดูเนวิสเอง พวกเธอไปจัดการที่อื่นก่อนก็แล้วกัน” เจซซินบอกกับคนอื่นๆไป จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปดูสถานการณ์ที่อื่นในทันที แต่ในตอนนั้นเจซซินก็ดันคิดในใจขึ้น

    “ทำไมกันนะ ทำไมต้องมาห่วงเขาด้วยเนี่ย เจซซินเอ้ย??”

     

    และอีกด้านหนึ่งในเมืองหลวง โดนาทอร์และคนในรัฐบาลคนอื่นๆก็รีบมาดูสถานการณ์สงครามในตอนนี้ทันที พวกเขาเดินเข้าสู่สนามเพลาะที่เพิ่งจะมีการรบกันเกิดขึ้น โดยที่มีนายทหารคนหนึ่งคอยบอกสถานการณ์ด้วย และในระหว่างนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็มารายงานสถานการณ์กับโดนาทอร์และคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ ตอนนี้พวกข้าศึกถอยทัพไปแล้วครับ พวกมันตายไปหลายพัน บาดเจ็บไปได้อีกหลายพันเหมือนกัน ส่วนพวกเราเท่าที่ดู ตายแค่ 2000 เองครับ!!”

    “ห่ะ เป็นไปได้ด้วยเหรอ ที่พวกเราชนะได้??” ปาโบลถามอย่างสงสัย

    “ครับ เรายังยึดอาวุธและยานเกราะพวกมันมาได้จำนวนหนึ่ง ถึงแม้ว่าทั้งหมดจะเสียหาย แต่เราก็พอซ่อมแซมได้ครับ” 

    “คุณพอจะบอกผมได้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น??” โดนาทอร์ถามอย่างสงสัย

    “เครื่องบินครับ มีเครื่องบินปริศนามาช่วยพวกเรา ฝูงบินพวกนั้นทิ้งระเบิดใส่กองกำลังของ Khorne จนย่อยยับเลยครับ!!”

    “ห่ะ เครื่องบินเหรอ กองทัพของเราไม่มีอากาศยานพอจะรบกับพวกมันนี่” ปาร์บี้พูดขึ้น

    “หรือว่า จะมีใครมาช่วยพวกเราอย่างงั้นเหรอคะ??” พาร์นิต้าถามอย่างสงสัย

    “คงต้องรีบสอบสวนเรื่องนี้เลย ว่าเครื่องบินพวกนั้นเป็นเครื่องบินสัญชาติอะไร เราคงไม่อยากมีปัญหากับชาติมหาอำนาจหรอก” โดนาทอร์พูดขึ้น

    “อืม แต่ผมว่า แบบนี้น่าจะเป็นการดีนะครับ อย่างน้อยก็ช่วยให้เราชนะสงครามได้” ปาโบลพูดขึ้น

    “แล้วนี่ พวกของเราที่เหลือเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” โดนาทอร์ถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้บางส่วนกำลังช่วยเหลือคนเจ็บ ซ่อมแซมสนามเพลาะ เคลื่อนย้ายยานเกราะที่เสียหายอยู่ครับ!!”

    “ดี ตอนนี้ต้องรีบดูแลคนเจ็บก่อนเลย จัดกำลังคุ้มกันเต็มที่ พวกนั้นต้องกลับมาอีกแน่ๆ” โดนาทอร์พูดขึ้น

    “ว่าแต่ เรื่องนี้มันฝีมือใครกันนะ??” ปาร์บี้ถามอย่างสงสัย

    “นั่นสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน แต่เราคงต้องขอบคุณพวกเขาแล้วหล่ะ” พาร์นิต้าพูดเสริมไป

    “งานนี้เราคงต้องตอบคำถามสื่อหลายเจ้าแน่ๆ แต่ช่างเถอะ พวกเรารับมือได้อยู่แล้วหล่ะ” ปาโบลบอกกับทุกคนไป

     

    เช้าวันต่อมา ที่พักของเรดเดวิล หัวหน้าของกองกำลัง Khorne ซึ่งเขาตื่นมาในตอนเช้าหลังจากที่เสพสมกับอีหนูของเขา เขาตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น โโยที่สูราจาก็คอยหาอาหารเช้าให้เขาไปด้วย แต่ในวันนั้นเอง จู่ๆทหารคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานสถานการณ์การรบให้กับเรดเดวิลได้ฟัง 

    “ท่านครับ การรบที่เมืองหลวงจบลงแล้วครับ!!”

    “ห่ะ เร็วขนาดนี้เลยเหรอ เยี่ยมเลย แล้วการรบเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” เรดเดวิลถามไป

    “พวกเราแพ้ยับเลยครับ!!” ทหารคนนั้นพูดขึ้น ทำเอาเรดเดวิลถึงกับไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน

    “ห่ะ นี่แกว่ายังไงนะ??”

    “ครับ กองกำลังของเราตอนนี้ล่าถอยออกจากเขตการรบแล้วครับ”

    “เฮ้ย พวกเราแพ้ได้ยังไงวะ พวกเรามีตั้งสองหมื่นกว่าๆ พวกมันมีรวมๆกันแล้วไม่ถึงหมื่นเลยนะเว้ย??” สูราจาถามอย่างสงสัย

    “คือ มีฝูงบินไม่ทราบสัญชาติถล่มพวกเราครับ ทหารของเราตายไปราว 8 พันกว่า ขาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วนครับ ตอนนี้เหลือรอดมาแค่ 6 พันเองครับ!!”

    “เฮ้ย เหลือแค่ 6 พันเองเหรอ ไอ้บ้าเอ้ย!!” เรดเดวิลพูดพลางตบโต๊ะดังปัง

    “ใจเย็นๆครับท่าน ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ”

    “ระยำเอ้ย มีอะไรอีกหล่ะ นี่พวกมันมีกองกำลังทางอากาศด้วยงั้นเหรอ เห็นทีเราคงลำบากแล้วหล่ะ แล้วมีข่าวจากที่อื่นหรือเปล่า??” เรดเดวิลถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้เขต 5 ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนในเขต 4 เรากำลังติดตามเรื่องการขนส่งอาวุธอยู่ครับ และเราได้ข่าวว่า ไอ้มาร์ชินมันทิ้งบ้านหนีไปที่เขต UN แล้วครับ!!”

    “เออ ไอ้หมาขี้ขลาด เอาของมีค่ามาให้หมด ยึดพื้นที่เอาไว้ ตามล่าตัวไอ้มาร์ชินให้ได้ ฉันต้องชำระความกับมันหน่อยหล่ะ” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “แต่ว่า ที่เขต 4 ตอนนี้กองกำลังกบฏในพื้นที่ยังคงออกอาละวาดอยู่นะครับ”

    “ก็ปราบพวกมันสิ พวกมันมีไม่กี่ร้อย ยังไงก็จัดการได้อยู่แล้วนี่” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “รับทราบครับท่าน เราจะรีบดำเนินการครับ!!”

     “ผมว่า เห็นทีเราคงต้องใช้อาวุธหนักแล้วหล่ะครับ” สูราจาพูดขึ้น

    “เออ เครื่องจักรกลของเรายังไงหล่ะ รีบให้พวกนั้นซ่อมให้เสร็จ ฉันอยากใช้มันเต็มที่แล้ว” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “ครับ อะไหล่ของเราจะมาถึงพรุ่งนี้ ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ” สูราจาพูดขึ้น

    “เออ ขอให้มันจริง เพราะถ้าเราแพ้ขึ้นมาทุกอย่างจบแน่ๆ แกคงไม่อยากมีชะตากรรมแบบสิรานิส ใช่หรือเปล่าวะ??” เรดเดวิลถามไป

    “แน่นอนครับท่าน ผมจะจัดการไม่ให้เกิดปัญหา ท่านไว้ใจได้เลยครับ” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “เออ กูเชื่อใจมึงนะเว้ย!!” เรดเดวิลพูดด้วยอาการหัวร้อน

     

    กลับมายังเขต 4 ของบาร์มามัส ในวันนั้นบาร์มามัสก็ได้พาคนของเขาเดินทางไปตามแนวป่าเพื่อหาเสบียงเพิ่มเติม พวกเขาเดินลัดเลาะไปตามถนนซึ่งตัดผ่านไปยังเขตสหประชาชาติ ซึ่งพื้นที่แถบนั้นยังมีสัตว์จำพวกไก่ป่าและหมูป่าที่อุดมสมบูรณ์อยู่ พวกเขาเดินทางไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดๆหนึ่ง พลลาดตระเวนคนหนึ่งได้วิ่งกลับมาหาพวกเขาอย่างเร่งรีบ แล้วมารายงานกับบาร์มามัสในทันที

    “ลูกพี่ครับ ทางนี้ครับ พี่ต้องไม่เชื่อแน่ๆผมเจออะไร!!”

    พลลาดตระเวนพาบาร์มามัสและคนอื่นๆ มายังจุดหมายที่เขาได้เจอ เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็พบกับซากรถประมาณ 6 คันจอดเรียงกันอยู่ พร้อมกันนั้นก็มีศพนอนเรียงรายกันมากมาย แองเจลิก้าถึงกับต้องเอามือปิดจมูกในทันทีเมื่อได้เห็น

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย??” โอเมอร์ถามอย่างสงสัย

    “ไม่รู้สิ แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” แองเจลิก้าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เคนโนช่าก็เกิดคุ้นๆหน้าชายคนหนึ่ง ซึ่งนอนเป็นศพอยู่ในรถ เธอรีบเดินไปดูในทันที แล้วก็พบว่าเป็นคนที่เธอรู้จัก

    “นี่มันลูกน้องคนสนิทของไอ้มาร์ชินนี่!!” 

    “เหรอ ฉันเจอยิ่งกว่านั้นอีก ฉันเจอลูกพี่มันนอนอยู่นี่หน่ะ เคนนี่!!” บาร์มามัสพูดขึ้น 

    จากนั้นเขาก็ลากศพของมาร์ชินที่นั่งตายคาที่พร้อมกับร่างอีหนูสองคนในรถออกมาให้ทุกคนได้ดู ซึ่งมาร์ชินตายอย่างเวทนาด้วยแผลจากของมีคม และในมือของอีหนูคนนั้นก็ถือมีดเอาไว้ด้วย บาร์มามัสลองเรียงลำดับเหตุการณ์จึงพอได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    “มาร์ชินโดนอีหนูสองคนนี้แทง ถ้าให้ฉันเดานะ พวกนี้ต้องหักหลังกันเองแน่ๆ” บาร์มามัสพูดขึ้น 

    “บาร์ม ดูนี่สิ ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ตาย!!” เคนโนช่าไปดูอาการของอีหนูคนหนึ่ง จากนั้นแองเจลิก้าก็ไปดูอาการในทันทีเพราะตัวเองก็เคยเรียนหมอมาก่อน

    “เธอเป็นยังไงบ้างพี่??” โอเมอร์ถามอย่างสงสัย

    “คงต้องพาไปรักษาที่ค่ายเราหล่ะ” แองเจลิก้าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลูกน้องคนหนึ่งก็เรียกพวกบาร์มามัสมาดูอะไรบางอย่างในรถบรรทุกสองคันในทันที

    “ลูกพี่ ดูนี่สิ ทองเต็มไปหมดเลย!!”

    พวกเขารีบไปดูทองพวกนั้นอย่างตื่นเต้น ทองในรถมีมูลค่าราวหลายล้านเหรียญสหรัฐได้ และนั่นก็ทำให้พวกเขาประติดประต่อเรื่องได้ในทันที

    “โห ทองขนาดนี้ซื้อที่ดินของเราได้ทั้งหมดเลยนะเนี่ย” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “นี่สินะ สาเหตุของการหักหลังหน่ะ??” เคนโนช่าถามอย่างสงสัย

    “เฮ้อ ความโลภนี่นำพาทุกอย่าง แม้กระทั่งความตายจริงๆ” แองเจลิก้าพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ทองพวกนี้ เราจะเอายังไงดีหล่ะครับ??” โอเมอร์ถามอย่างสงสัย

    “ฉันจะแบ่งส่วนหนึ่งไว้ซื้ออาวุธ เสบียงกับยุทธปัจจัยอื่นๆ อีกส่วนหนึ่ง ฉันจะแบ่งให้ทุกคนเท่าๆกัน” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “ผมนึกว่าเราจะเก็บไว้ซะอีก เรารวยเละเลยนะครับ” โอเมอร์พูดขึ้น

    “ไม่ใช่เพราะความโลภหรอกเหรอโอเมอร์ ที่ทำให้ไอ้มาร์ชินมันนอนตายอยู่เนี่ย ฉันจะไม่มีทางจบแบบมันแน่นอน” บาร์มามัสพูดขึ้น ทำเอาโอเมอร์ถึงกับต้องขอโทษขอโพย

    “เอาหล่ะ เอารถ อาวุธ และของพวกนี้กลับไปค่ายของเรา ทองพวกนี้น่าจะต่อชีวิตให้กับค่ายของเราได้บ้าง” เคนโนช่าพูดขึ้น

    “ได้เลย แต่เราต้องช่วยกันเคลียร์ศพพวกนี้ก่อนนะ แล้วเอายังไงกับศพของมาร์ชินหล่ะ??” แองเจลิก้าถามไป

    “ทิ้งไว้ให้สัตว์ป่า อย่างน้อยให้ชีวิตมันมีประโยชน์บ้าง แล้วก็พาผู้หญิงไปรักษาด้วย ฉันมีอะไรจะถามเธอหน่อย” บาร์มามัสตอบไป

     

    กลับมายังโกดังของอเล็กซานเดอร์ ศูนย์บัญชาการชั่วคราวของปีเตอร์ ตอนนั้นเองปีเตอร์ที่เพิ่งจะตื่นนอนหลังจากที่ไม่ได้นอนมานาน ในระหว่างนั้นเอง ซาโตะที่เพิ่งจะฟังข่าวจากลูกน้องคนอื่นๆก็รีบวิ่งมารายงานข่าวให้กับปีเตอร์ฟังในทันทีอย่างตื่นเต้น

    “ปีเตอร์ พวกเรารายงานมาจากสนามรบชานเมืองหลวง การต่อสู้ยุติลงแล้วค่ะ”

    “เหรอ การรบเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ปีเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “พวก Khorne โดนตีแตกถอยกลับไปแล้วค่ะ”

    “หือ เป็นไปได้ด้วยเหรอ พวกนั้นมีมากกว่าตั้งเยอะนะ??” ปีเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “พวกเขารายงานมาว่า มีกองบินไม่ทราบสัญชาติทิ้งระเบิดใส่พวก Khorne จนพินาศยับเลยค่ะ”

    “หือ เครื่องบินเนี่ยนะ ไม่น่าเป็นไปได้ เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ แล้วนี่บอกทางวอชิงตันไปหรือยังหล่ะ??” ปีเตอร์ถามไป

    “เพิ่งส่งข้อมูลไปเมื่อเช้านี่เองค่ะ” ซาโตะพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินสัญญาณวิทยุดังขึ้น พวกเขารีบไปรับข้อมูลจากวิทยุนั้นในทันที

    “อีเกิ้ลเรียกปีเตอร์ ตอบด้วย!!”

    “นี่ปีเตอร์รับทราบ เปลี่ยน!!” ปีเตอร์ตอบกลับไป

    “ปีเตอร์ มีข่าวจากแพนตาก้อนว่าตอนนี้กองทัพรัสเซียกำลังสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นฝีมือใคร ตอนนี้พวกเขาหัวเสียมาก!!”

    “แต่ก็ไม่ใช่ฝีมือเรานี่คะ!!” ซาโตะพูดขึ้น

    “มันก็ใช่ แต่รัสเซียพยายามติดตามเรื่องนี้อยู่ พวกเขาไม่ยอมง่ายๆแน่ๆ”

    “ถ้าถึงตอนนั้น พวกเราจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??” ปีเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “พวกนั้นไม่มีหลักฐานว่าเราทำ พวกนั้นไม่กล้าเอาผิดเราหรอก พวกนายทำงานกันต่อก็แล้วกัน ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”

    “ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ซาโตะตอบกลับไป จากนั้นวิทยุก็ตัดไป

    “เธอคิดว่านี่เป็นฝีมือใครกัน??” ปีเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “หนูว่า ต้องเป็นรอนนี่แน่ๆเลยค่ะ พวกนั้นต้องแฮ็กระบบจากที่ไหนซักแห่ง เพียงแต่เรายังไม่มีหลักฐานเท่านั้น น่าเจ็บใจจริงๆ” ซาโตะพูดพลางตบเข่าฉาด

    และอีกด้านหนึ่งของโกดัง ในวันนั้นอเล็กซานเดอร์ก็ยังคงเลี้ยงสัตว์ตามปกติของเขา แต่ในวันนี้ฟรานซิสก้ามาเยี่ยมเขาด้วย อเล็กซานเดอร์ก็ต้อนรับเธอในทันที

    “อ้าว คุณฟรานซิสก้า ว่ายังไงครับ??”

    “นี่ ไม่ได้อ่านข่าวเมื่อเช้าเหรอ ฉันฟังข่าววิทยุเมื่อเช้า เขาบอกว่าพวกเราขับไล่ข้าศึกออกไปได้แล้ว” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “โห ไม่อยากจะเชื่อ ทั้งๆที่พวกนั้นมีคนมากกว่าแท้ๆ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “ใช่ ฉันเองก็แทบไม่อยากเชื่อ พวกเขารายงานกันทางวิทยุหน่ะ แล้วเขายังประกาศด้วยนะว่าพวกเขากำลังซ่อมเสาสัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วย” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “จริงเหรอ ถ้าอย่างงั้นผมไปชาร์จแบตโทรศัพท์ของผมดีกว่า” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “จ้าๆ ฉันแวะมาบอกแค่นี้แหละ ทำกับข้าวมาฝากด้วย” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ให้อาหารที่เธอทำกับอเล็กซานเดอร์ไป 

     

    กลับมาที่ร้านบะหมี่ของหลิว ในวันนั้นตัวเขาก็ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพื่อเตรียมเปิดร้าน เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำและเปิดน้ำในก๊อกน้ำเพื่อล้างหน้าฉลองให้กับน้ำประปาที่ไหลออกมา และในตอนนั้น เขาก็เปิดวิทยุฟังไปด้วย

    “สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวโซโรวาทุกท่าน เมื่อเช้าเวลาประมาณ ตี 5 24 นาที กองกำลังก่อการร้ายของเขต 2 ได้พยายามโจมตีเมืองหลวงของเราอย่างดุเดือด แต่กองกำลังผู้กล้าหาญของคุณโดนาทอร์ได้ขับไล่พวกนั้นออกจากพื้นที่ของเมืองหลวงได้ คุณโดนาทอร์ให้สัมภาษณ์ว่าเขาจะไม่นิ่งนอนใจ เพราะอีกฝ่ายต้องกลับมาแน่ และเขายังได้ประกาศว่าจะเร่งซ่อมแซมสาธารณูปโภคทุกอย่างที่เสียไปให้กลับคืนมาโดยเร็ว…”

    ในช่วงเดียวกันนั้นเอง G ก็ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วย G บังเอิญได้ยินวิทยุเข้าก็ลองไปฟังด้วย ในตอนนั้นหลิวที่เพิ่งจะล้างหน้าเสร็จ เขาก็เดินมาหา G แล้วก็คุยกันในทันที

    “อ้าว จะฟังข่าวเหรอ ข่าวเมื่อเช้าบอกว่าพวก Khorne จากเขต 2 ตอนนี้ได้โดนตีแตกจนถอยไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นไปได้ยังไง พวกมันมีมากกว่าตั้งเยอะ!!”

    G ได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งไปหยิบแท็บแล็ตของเขาออกมาในทันที จากนั้นก็พิมพ์ข้อความไปหาหลิว

    “แล้วพวกมันบาดเจ็บล้มตายเยอะแค่ไหน??”

    “โอ๊ย อั๊วไม่รู้หรอก ทางนั้นไม่ได้บอก!!” หลิวพูดขึ้น และในตอนนั้นเองวิทยุก็ดังขึ้นต่อ

    “จากการประเมินการสูญเสีย ฝ่ายของเราสูญเสียไปราว 2000 บาดเจ็บมากนับร้อย แต่ฝ่ายข้าศึกสูญเสียไม่ต่ำกว่า 7 พัน ซึ่งถือเป็นชัยชนะอย่างงดงามของพวกเรา!!”

    “โห นี่พวกมันตายเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ขนาดมียานเกราะพร้อมขนาดนั้นนะเนี่ย” หลิวพูดออกมา และในตอนนั้นเอง G ก็รีบต่อระบบในแท็บแล็ตและติดต่อกับหน่วยของเขาที่กำลังแล่นเรืออยู่ในมหาสมุทรบริเวณนั้นในทันที เพื่อคุยกันถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

    “G เข้าสู่ระบบ!!”

    “ท่านครับ ผมมีเรื่องจะรายงานครับ!!”

    “นี่ฉันฟิลิปเป้ นายจะมาบอกเรื่องที่พวก Khorne เพิ่งจะโดนตีแตกใช่หรือเปล่า??”

    “ท่านรู้ได้ยังไงครับ??”

    “หน่วยข่าวกรองของเราบอกมาว่า มีการแฮ็กระบบของเรือบรรทุกเครื่องบินรัสเซีย และใช้มันในการทำลายพวก Khorne หน่ะ”

    “แล้วพอทราบหรือเปล่าครับว่าฝีมือใคร??”

    “ฉันก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ไม่ต้องสนใจหรอก มันไม่เกี่ยวกับเรา นายทำงานของนายต่อเถอะ!!”

    “ครับท่าน G เลิกกัน!!” 

    “เออ ตกลงพวกลื้อติดต่อเรื่องอะไรกัน??” หลิวถามอย่างสงสัย และในตอนนั้น

    “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่รายงานข่าวให้หน่วยของฉันฟัง” G พิมพ์ตอบหลิวไป

    “อ้อๆ โชคยังดีนะที่พวกมันบุกมาไม่ได้ นายเลยรอดหน่ะ” หลิวพูดขึ้น

    “ฉันเข้าใจ แต่งานนี้ฉันก็ยังต้องทำให้สำเร็จอยู่ดี” G พิมพ์บอกหลิวไป

    “เออ แต่งานนี้เป้าหมายของนายคงไม่โผล่หัวออกมาแล้วหล่ะ หลังจากที่นายไปยิงมันหน่ะ แล้วนายจะเอายังไงต่อ??” หลิวถามอย่างสงสัย

    “ฉันยังไม่รู้เลย ยังไงก็รอดูต่อไปแล้วกัน” G พิมพ์ตอบหลิวกลับไป

     

    กลับมายังเขต 4 เขตสหประชาชาติ ซึ่งมารีนเนอร์ยังคงช่วยเหลือผู้อพยพลี้ภัยสงครามที่เดินทางมายังเขตของเธอ แต่ในระหว่างที่เธอกำลังทำงานอยู่นั้น จู่ๆชายกลุ่มหนึ่งในชุดนาวิกโยธินสหรัฐก็เดินผ่านทหาร UN มาหาเธอและก็พูดคุยกับเธอในทันที พวกเขาเห็นชุดที่มารีนเนอร์ใส่ก็ได้แต่กลืนน้ำลายไป

    “สวัสดีครับ คุณคือมารีนเนอร์ใช่หรือเปล่าครับ??”

    “ใช่ค่ะ พวกคุณเป็นใครคะ??” มารีนเนอร์ถามไป

    “ผมร้อยเอกบาร์ตัน ครีด นาวิกโยธินสหรัฐ ทางเราได้รับภารกิจมาครับ จะมีการขนส่งอาวุธผิดกฎหมายในละแวกใกล้เคียงกับเขตของคุณ ผมแค่อยากมาเตือนพวกคุณให้ระวังหน่ะครับ!!”

    “งั้นเหรอ ฉันก็ได้ข่าวแล้วหล่ะ แล้วพวกคุณจะจัดการกันยังไงหล่ะคะ??” มารีนเนอร์ถามไป

    “ครับ เราได้รับแจ้งว่าคืนนี้จะมีการขนส่งทางอาวุธ ตอนนี้เรือไม่ทราบสัญชาติกำลังแล่นมาใกล้เขต 4 เราต้องบุกเข้าไปตรวจสอบว่าเรือพวกนั้นขนอะไรมาครับ”

    “อืม พวกคุณมาเหนื่อยๆ พักที่นี่กันก่อนก็ได้นะคะ” มารีนเนอร์พูดขึ้น

    “ครับ พวกเราคงไม่รบกวนคุณมากหรอกครับ”

    “ว่าแต่ พวกคุณพอทราบหรือเปล่าคะว่าเสบียงที่เหลือจะมาถึงตอนไหน ตอนนี้ชาวบ้านต้องการมันเพิ่มนะคะ??” มารีนเนอร์ถามอย่างสงสัย

    “เรากำลังตรวจสอบอยู่ แต่คาดว่าไม่น่าจะเกินพรุ่งนี้ครับ พวกเรากำลังคุ้มกันกองเรืออย่างเต็มกำลังอยู่ครับ” 

    “ค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ” มารีนเนอร์ตอบไป

     

    กลับมายังเขต 5 ของแอลรอน ในวันนั้นเขาก็ได้รับการติดต่อจากพ่อและแม่ของชาร์ลีว่าจะส่งเงินมาให้ แลกกับการปล่อยตัวเขา แอลรอนได้นัดพบกับลูกน้องของพ่อแม่เขา แต่ในระหว่างที่เขากำลังเตรียมการอยู่นั้น ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานสถานการณ์กับเขาในทันที

    “ลูกพี่ครับ เรามีข่าวจากเมืองหลวงมาครับ!!”

    “เออใช่ การรบเป็นยังไงบ้างหล่ะ??" แอลรอนถามอย่างสงสัย

    “กองกำลังของ Khorne ในเขต 2 พวกเขาพ่ายแพ้ยับ ตอนนี้ถอนกำลังออกจากเขตเมืองหลวงหมดแล้วครับ!!”

    “โห นี่พวกเขาแพ้ได้ยังไงกันเนี่ย??” โรสเซียถามอย่างสงสัย

    “ฮ่าๆๆๆ ดี แบบนี้เบื้องบนคงให้โอกาสกับเราแล้วหล่ะ โรสเซีย!!” แอลรอนพูดขึ้นพลางหัวเราะร่า

    “ทำไมถึงคิดอย่างงั้นหล่ะ??” โรสเซียถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้พวกเขต 2 คงจะบอบช้ำไปมาก พวกนั้นคงรบกับเขตอื่นได้ไม่เต็มที่ เราจะใช้จังหวะนี้จัดการพวกมันไปทีละน้อย บั่นทอนกำลังของพวกมัน” แอลรอนพูดขึ้น

    “จริงด้วย แต่ว่า ยังมีเขต 7 ที่เรายังต้องรบด้วยนะ??” โรสเซียถามอย่างสงสัย

    “พวกเขต 7 มันขี้ผง พวกมันไม่กล้าปะทะกับเราตรงๆหรอก” แอลรอนพูดขึ้น

    “ฉันรู้ แต่คุณจะเอายังไงถ้าพวกมันบุกมา??” โรสเซียถามอย่างสงสัย

    “กำลังของเราพร้อมจะยันกับพวกมัน ตอนนี้เราได้ทั้งเงินและอาวุธมาเสริม งานของเราจะง่ายขึ้น และถ้ามีโอกาส ฉันจะเล่นเขต 7 ให้ย่อยยับเลย” แอลรอนพูดขึ้น

    “อืม แต่คนของเราตอนนี้มีราว 8 พันเองนะ??” โรสเซียพูดปรามไป

    “เฮ้อ สู้กับพวกเขต 7 ฉันขอแค่ 3 พันก็พอแล้วหล่ะ ชัยภูมิของเราเป็นต่อ น่าจะยันพวกมันได้” แอลรอนพูดขึ้น จากนั้นเขาก็จิบวิสกี้ไปหนึ่งแก้วเพื่อผ่อนคลาย

    “ตอนนี้รีบจัดการเรื่องไอ้ชาร์ลีดีกว่า ฉันอยากจะใช้เงินเร็วๆแล้ว” แอลรอนพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของเขาก็ไปดำเนินการตามที่แอลรอนสั่งในทันที 

     

    และอีกด้านหนึ่ง เมืองใหญ่แห่งหนึ่งในเขต 6 มีเนินเขาอยู่ลูกหนึ่งอยู่ในแถบชานเมือง ฟอร์ดแบกปืนสไนเปอร์ beretta มาซุ่มยิงเป้าหมายของเขาบนภูเขา และในวันนั้น เซย์เนย์ก็ได้มากับฟอร์ดด้วยเพราะเธอรบเร้าจนฟอร์ดยอมใจอ่อน เซเนย์ใช้กล้องส่องทางไกลของเธอส่องไปยังตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกของซ่องประจำเมือง โดยที่ในตอนนั้นเอง รถสีแดงขัดเงาคันหนึ่งก็ขับเข้ามา เซเนย์รีบบอกกับฟอร์ดในทันที

    “ฟอร์ด ตึกเป้าหมาย 12 นาฬิกา รถสีแดง ต้องเป็น VIP แน่ๆ” เซเนย์พูดขึ้น และเมื่อรถสีแดงจอดที่หน้าตึกนั้น ชายคนหนึ่งก็เปิดประตูและลงมาจากรถ โดยที่มีชายคนหนึ่งมารอรับเขา ซึ่งน่าจะเป็นเด็กเชียร์แขก

    “นั่นไง อีริน!!” ฟอร์ดพูดขึ้น จากนั้นก็ปรับกล้องเล็งของเขาไป

    “แรงลมอ่อนพอดี ตัดสินใจได้เลย” เซเนย์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ฟอร์ดก็ไม่รอช้ายิงปืนใส่อีรินในทันที

    “ปัง!!”

    กระสุน .50 cal ลูกนั้นทะลุเข้าหัวของอีรินจนหัวระเบิดกระจาย ที่ด้านล่างตอนนั้นก็วุ่นวายเป็นอย่างมาก

    “โห งานดีเหมือนเดิมนะที่รัก” เซเนย์พูดขึ้น

    “รีบไปเร็ว เธอไปสตาร์ทรถเลย!!” ฟอร์ดพูดขึ้น จากนั้นฟอร์ดก็เก็บปืนสไนเปอร์ของเขาอย่างรวดเร็ว เขารีบแบกปืนแล้วไปขึ้นรถที่เซเนย์สตาร์ทรอในทันที

    “ฟอร์ด มาเร็ว!!”

    ฟอร์ดขึ้นรถอย่างรวดเร็ว จากนั้นเซเนย์ก็บึ้งรถออกจากพื้นที่ในทันที ก่อนที่ขบวนรถของลูกน้องอีรินจะตามไล่ล่าพวกเขา พวกเขารีบขับรถข้ามเขาเพื่อหนีออกจากเขต 6 ในทันทีก่อนจะโดนตามล่า

     

    กลับมายังเขต 7 ซึ่งแจ๊กกี้และดีมีทรีกำลังจะเดินทางมาสืบความลับของบาร์บาร่าและนายพลจาง พวกเขาขี่มอไซค์มาตามทางเรื่อยๆ จนมาถึงด่านๆหนึ่ง ซึ่งเป็นด่านตรวจชั้นนอก และมียามติดอาวุธประมาณ 6 คนถืออาวุธเบายืนเฝ้าอยู่ ทั้งคู่จอดมอไซค์ไว้ด้านหน้า และพวกยามก็เดินมาตรวจพวกเขาในทันที

    “จะไปไหนพวก??”

    “อ้อ ฉันเร่ร่อนไปทั่วหน่ะ หาอะไรกินประทังชีวิตหน่ะ” แจ๊กกี้พูดขึ้น

    “เหรอ เขตนี้มันเขตหวงห้าม ไม่ใช่ที่ที่จะไปไหนมาไหนก็ได้นะเว้ย!!” ยามคนหนึ่งพูดขึ้น

    “โห ผ่านไม่ได้เหรอ ให้เราทำงานที่นี่ก็ได้ เราหิวหน่ะ!!” ดีมีทรีแกล้งพูดไป

    “เออ จะบอกให้ คุณบาร์บาร่ากำลังเกณฑ์คนอยู่ พวกนายสองคนก็หน่วยก้านดีนี่หว่า ถ้าทำงานให้เธอ น่าจะหาอะไรใส่ท้องได้หว่ะ” ยามคนหนึ่งพูดขึ้น

    “จริงเหรอ งานที่ว่ามันงานอะไรหล่ะ??” แจ๊กกี้ถามไป

    “ทำงานในเหมืองหน่ะ แต่ถ้าพวกนายเก่งเรื่องต่อสู้ นายก็ไปทำงานให้เธอได้ รับรองว่าค่าตอบแทนคุ้มแน่ๆ” 

    “อืม น่าสนใจ แล้วจะไปยังไงหล่ะ??” ดีมีทรีถามอย่างสงสัย

    “ไปด้านหน้าเลย ไปคุยกับคนที่อยู่ด้านใน ขอให้โชคดีแล้วกัน” 

    ยามคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกนั้นก็เปิดประตูด่านให้กับทั้งแจ๊กกี้และดีมีทรีในทันที และพวกเขาทั้งคู่ก็ขี่มอไซค์ต่อไปเพื่อไปสืบความลับของบาร์บาร่าในทันที

     

    กลับมายังที่พักของบาร์บาร่า ในวันนั้นเธอก็มานั่งพักผ่อนและรอฟังข่าวสถานการณ์จากเขตอื่นๆ และในขณะเดียวกันนั้นเอง เรซนอร์ฟและโพคลอนสกายาก็เดินทางมาเยี่ยมเธอและรายงานสถานการณ์ให้เธอฟังไปด้วย

    “อ้าว พวกเธอ มาเหนื่อยๆ ดื่มกาแฟก่อนสิ ฉันสั่งมาจากบราซิลเลยนะ” บาร์บาร่าพูดขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็ไปนั่งดื่มกาแฟที่บาร์บาร่าชงไว้ให้

    “ว่าไง พวกเธอมีข่าวอะไรมาเล่าให้ฟังบ้าง??” บาร์บาร่าถามอย่างสงสัย

    “ครับ ผมได้ข่าวที่เมืองหลวงมา กลุ่มของโดนาทอร์ขับไล่พวกเขต 2 ออกไปได้ครับ” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “โห พวกเขาเก่งมากเลยที่ขับไล่พวกนั้นออกไปได้ ทั้งๆที่มีกำลังคนน้อยกว่า” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “มีข่าวมาว่ามีกองบินปริศนามาทิ้งระเบิดใส่พวกของเขต 2 จนตายกันมากมายเลยค่ะ” โพคลอนสกายาพูดขึ้น

    “โห ถ้าพวกเขามีกองบินขนาดนี้ จะลุยกับพวกนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลย” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ค่ะ แล้วอีกอย่าง เราได้ยินว่าพวกของแอลรอนเตรียมเสริมกำลังเพื่อรบกับเราค่ะ” โพคลอนสกายาพูดขึ้น

    “อืม ตอนนี้กำลังของเราพร้อมรบหรือเปล่าหล่ะ??” บาร์บาร่าถามไป

    “พร้อมครับ แต่เรายังต้องการอาวุธเพิ่มเติมครับ” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “ท่านนายพลจางรับปากว่าจะช่วยหาให้ ไม่ต้องห่วงหรอก” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ค่ะ แต่เราคงต้องรีบหน่อยนะคะ ตอนนี้พวกแอลรอนมันคงตรึงกำลังไว้ที่ชายแดนของเราแล้วหล่ะ” โพคลอนสกายาบอกกับบาร์บาร่าไป

     

    ตกเย็นในวันเดียวกัน ที่เขตเมืองหลวง ที่พักชั่วคราวของกลุ่มใต้ดิน หลังจากที่เนวิสนอนสลบเหมือดอยู่นาน เขาก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยที่เจซซินนั่งอยู่ข้างๆเขาด้วย และเมื่อเจซซินเห็นเนวิสตื่นขึ้น เธอเลยไปเรียกคนอื่นๆมาในทันที

    “ทุกคน เนวิสฟื้นแล้ว!!”

    “เจซซิน นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย??” เนวิสถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง คนอื่นๆก็รีบมาดูอาการของเนวิสในทันที เรนิต้าลองตรวจนัยตาของเขา จากนั้นก็พูดขึ้น

    “โอเค ไม่เป็นไรแล้วหล่ะ” เรนิต้าพูดขึ้น

    “นายโดนแรงระเบิดจนสลบไปหน่ะ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “เฮ้ยนี่ พวกนายจะไปไหนกัน แต่งตัวกันเต็มยศเลย??” เนวิสถามอย่างสงสัย

    “พวกเราจะไปที่เขต 4 ได้ยินว่าที่นั่นจะมีการขนอาวุธเถื่อนกันหน่ะ” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “แต่ฉันว่า อเมริกาน่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว คงจะส่งคนไปที่นั่นด้วยเหมือนกัน” เจซซินออกความเห็นไป

    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เราเตรียมแผนการไว้แล้วหล่ะ” รอนนี่พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นฉันขอไปด้วย” เนวิสพูดขึ้นและเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงในทันที

    “ถ้านายไหว เดี๋ยวฉันให้มาร์ตินไปเอาอาวุธมาให้ แล้วตามพวกฉันไปที่รถแล้วกัน” วาลิน่าพูดขึ้น จากนั้นมาร์ตินก็เดินไปหยิบปืนกล MP5 พร้อมกับเสื้อเกราะให้กับเนวิส เนวิสรีบใส่เสื้อเกราะในทันที เพื่อเตรียมพร้อมเดินทางไปยังเขต 4 ในทันที

    ==============================================================

    การขนอาวุธเถื่อนจะเป็นอย่างไรต่อไป แล้วสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×