คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : ปัญหาซ้ำซ้อน
ยี่ฟงกลอกตาพินิจทุกรายละเอียดที่โจทย์ให้มา เมื่อประตูทั้งสองบานบรรจบเข้าด้วยกันก็จะปรากฏเส้นแบ่งใจกลางกระดานหมากขึ้นมาพอดิบพอดี ภูมิประเทศภายในขอบเขตกระดานที่แสดงอยู่หากวิเคราะห์แล้วล้วนสามารถเดินทัพเข้ายึดเป็นที่มั่นได้แทบทั้งสิ้น
“จะจัดวางตำแหน่งทัพยังไงดีนะ…”
ยี่ฟงพึมพำและเหลือบกลับไปมองคำอธิบายของโจทย์นี้อีกครั้ง
“แม่น้ำอยู่ไม่ไกลเท่าไร เดี๋ยวนะ…ต้นน้ำมาจากฐานบัญชาการฝ่ายเราหรือ”
ยี่ฟงไล่สายตาตามลำธารสายเล็กไปเรื่อย
ๆ กระทั่งพบเห็นแม่น้ำอีกแหล่งที่มีน้ำตกสูงใหญ่ประกอบอยู่ด้วยทั้งยังตั้งอยู่บนเนิน แม้จะเป็นแค่กระดานหมากไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแต่ทุกคนย่อมคาดการณ์ได้ว่าสายน้ำจะต้องไหลเอื่อยลงเนินไป จุดบรรจบก็คือแม่น้ำห่างออกไม่ไกลอีกแหล่ง
“ถ้ามีตัวเลือกให้ก็ดีสิ จะได้วางยาพิษผ่านลำธารไปซะเลย ฮ่า ฮ่า ฉันนี่มันชั่วจริง ๆ”
ยี่ฟงหัวเราะขำให้กับความคิดตัวเอง
เมื่อแผนชั่วที่ว่าไม่มีทางทำได้ ยี่ฟงจึงทดลองเลื่อนตัวหมากที่ใช้แทนกองทหารทั้งกองเดินทางไปยึดพื้นที่แถวแม่น้ำก่อนศัตรูเป็นลำดำแรก ขณะเดียวกันฝ่ายศัตรูก็มีการเคลื่อนไหวตาม ตัวหมากทุกตัวเคลื่อนที่พร้อมกันลดระยะใกล้เข้ามาก่อนจะหยุดลง ยี่ฟงหางคิ้วกระตุก เขารีบคำนวณจำนวนครั้งที่ศัตรูจะใช้เพื่อเดินทัพเข้าประชิดฝ่ายตัวเองอย่างเคร่งเครียด หากศัตรูเข้าประชิดได้แล้วแต่ฝ่ายเขายังจัดทัพเตรียมรับมือไม่เสร็จจะพ่ายแพ้เอาได้ง่าย
ๆ
“ผลัดกันเดินแผนจริง ๆ ด้วยแฮะ”
ยี่ฟงกล่าวและคิดว่ามันก็สมกับเป็นกระดานหมากแล้ว
แต่เมื่อกำลังจะเอื้อมมือไปเลื่อนตัวหมากกองทหารอีกหนึ่งกอง ยี่ฟงก็ต้องชะงักฝ่ามือนั้นและรีบกวาดสายตาไปทั่วทั้งกระดานหมากอีกครั้ง จากนั้นยังหันกลับไปทบทวนคำอธิบายของโจทย์เป็นหนที่สาม
“เกือบฉิบหายแล้วไหมล่ะ!”
ยี่ฟงอุทานอย่างโล่งอก
ความจริงคำตอบของปัญหานี้อยู่ในคำอธิบายที่โจทย์ให้ไว้แล้ว
ชายหนุ่มถูกลวงไปครู่หนึ่งเพียงเพราะคำว่า ‘ชนะ’ ซึ่งจริงอยู่ว่าหากไม่ชนะก็จะ
‘ตาย’
โจทย์ใช้คำที่สามารถกดดันและลวงผู้เข้าทดสอบไปได้พร้อม
ๆ กัน ไม่ว่าใครก็ตามที่ทราบว่าตัวเองจะตายหากไม่ชนะในเกมนี้ล่ะก็ พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำชัยชนะมาให้ได้จนหลงลืมบางสิ่งไปอย่างที่ยี่ฟงหลงไปตามเกมเมื่อครู่นี้
ยี่ฟงฉุกคิดได้กะทันหันเมื่อเห็นว่าฝ่ายศัตรูยกทัพทั้งหมดลดระยะใกล้เข้ามาโดยไร้ซึ่งแบบแผน นั่นเพราะศัตรูเป็นฝ่ายที่ ‘รุกราน’ เข้ามา ส่วนฝ่ายที่ชายหนุ่มกุมชะตาอยู่นั้นแม้บนกระดานไม่แสดงภาพของกำแพงเมืองให้ได้เห็นก็ตาม ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่เสียเมื่อไร หากพินิจดูใหม่ดี ๆ จะพบว่าตำแหน่งฐานบัญชาการสีฟ้าแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม หนึ่งคือกองทัพทหารปกป้องเมือง อีกหนึ่งคล้ายเป็นประชาชนที่กำลังรวมตัวกันเพื่อสวดวิงวอน
แน่นอนว่าประชาชนจะไม่มีทางมาโผล่อยู่ในฐานบัญชาการกองทัพทหารที่กำลังจะเกิดสงครามได้โดยเด็ดขาด นอกเสียจากว่ายี่ฟงคิดผิดและกลุ่มคนเหล่านั้นที่แท้ตกเป็นเชลย…
สาเหตุที่ศัตรูยกทัพทั้งหมดเข้าประชิดนั่นก็เพราะพวกมันกดดันหวังจะตีเมือง
ข้อสันนิษฐานที่คิดขึ้นมาล้วนสมเหตุสมผล
ดูเหมือนปัญหานี้จะเล่นหลักตรรกศาสตร์หรือวิชาปรัชญาสาขาหนึ่งว่าด้วยการคิดหาเหตุผลโดยใช้หลักเกณฑ์เพื่อยืนยันความคิดหรือความจริงที่มีอยู่
เพียงแต่ภาพบนกระดานหมากไม่ได้แสดงรายละเอียดให้ครบทั้งหมด มีบางส่วนขาดหายไปเพื่อลวงผู้เข้าทดสอบ โจทย์ให้เหตุผลมาแบบผิดครึ่งถูกครึ่งทั้ง ๆ
ที่วิธีการผ่านประตูกลนี้ง่ายแสนง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนใครที่หลงไปตามเกมหรือมองไม่ออกถึงความสมเหตุสมผลของภาพรวมบนกระดานหมากนี้แล้วย่อมไม่อาจผ่านไปได้โดยง่าย พวกเขาจะนำพาตัวเองเข้าสู่หนทางที่ลำบากอย่างไม่รู้ตัว
ยี่ฟงโชคดีที่ได้ผ่านตาเรื่องวิชาปรัชญามาบ้าง ยิ่งรวมเข้ากับประวัติศาสตร์สงครามยุคเก่าของแต่ละประเทศยิ่งง่ายที่จะตีความภาพบนกระดานตรงหน้าเมื่อได้พินิจอย่างถี่ถ้วน
“เจ้าเล่ห์จริงนะ
แต่แค่นี้ขวางฉันไม่ได้หรอกโว้ย”
ยี่ฟงไม่พูดเปล่า เขาเลื่อนหมากกองทหารที่นำออกไปยึดแม่น้ำเมื่อครู่ย้อนกลับเข้ามาประจำที่เดิม จากนั้นใช้เวลาไตร่ตรองอยู่เงียบ ๆ เพื่อมองหาวิธีผ่านรูปแบบอื่นดูบ้าง การส่งกองทหารออกไปยึดแม่น้ำก็นับเป็นวิธีที่ดีเช่นกัน แต่ก็ต้องวางกองกำลังในจุดอื่น ๆ ให้รัดกุมและส่งเสริมกันและกันให้ดีด้วย
ยี่ฟงยอมเสียเวลาอยู่ถึงสิบนาทีก็เบื่อที่จะคิดอะไรอีกจึงประทับฝ่ามือยืนยันการจบเกม
สรุปแล้วเขาปล่อยหมากทุกตัวอยู่ในจุดเดิมทั้งหมด และรอคอยให้ทัพศัตรูเข้าใกล้มาเรื่อย ๆ อยู่ฝ่ายเดียว กระทั่งตัวหมากฝ่ายสีแดงบรรลุถึงแม่น้ำ พวกมันตั้งฐานบัญชาการใหม่ที่นั่นและกระจายกำลังเตรียมเปิดศึกขณะเดียวกันฝ่ายสีฟ้าก็พลันปรากฏภาพแท้จริงขึ้นมาในที่สุด มันคือภาพของกำแพงใหญ่ที่ล้อมฝ่ายสีฟ้าเอาไว้ภายใน ลำธารที่ว่าตัดผ่านเข้าไปในเมืองและไหลไปบรรจบลงยังแม่น้ำที่ทางฝ่ายศัตรูยึดเป็นที่มั่นอยู่ในตอนนี้
ส่วนฝ่ายสีฟ้าตระเตรียมรับการปะทะแล้วเช่นกัน บนกำแพงเมืองต่างมีตัวหมากเพิ่มขึ้นมาแสดงตำแหน่งมือธนูให้เห็นเป็นครั้งแรก อีกด้านหนึ่งใกล้ลำธารก็มีหมากตัวหนึ่งเลื่อนไปหยุดอยู่ข้างถังไม้กองใหญ่
“ในถังไม้มีน้ำมันหรือ…อาจจะใช้เปรียบเปรยเป็นยาพิษก็ได้เหมือนกันแฮะ”
ยี่ฟงกล่าวเสียงเบาพลางจับจ้องมองการเปลี่ยนแปลงและรอคอยผลลัพธ์
ไม่ช้าหนึ่งในตัวหมากฝ่ายศัตรูก็เลื่อนไปหยุดลงใกล้กับแม่น้ำ หลังจากนั้นความฉิบหายก็บังเกิด ทัพหนุนเสริมของศัตรูเริ่มถูกเคลียร์ออกจากกระดานจนเหลือแต่ตัวหมากทัพหน้า แน่นอนว่าการยกทัพตีเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างน้อยต้องเสียเวลาหลายวันหรืออาจมากเป็นเดือนถึงปี ยิ่งทัพหลังล้มตายไปก่อนแล้วกำลังใจของทหารย่อมไม่สู้ดี แม่น้ำลำธารสายเดียวที่ปรากฏอยู่บนกระดานก็ถูกวางยา ฝ่ายศัตรูที่รุกรานเข้ามามีแต่จะย่ำแย่ลงเรื่อย
ๆ ผิดกับฝ่ายสีฟ้าที่ไม่จำเป็นต้องออกไปสู้รบนอกเมืองแม้แต่ก้าวเดียว
ครืน!
เมื่อตัวหมากฝ่ายศัตรูถูกกวาดออกจากกระดานจนเหี้ยน ประตูกลไกก็พลันแยกเปิดออกในที่สุด ยี่ฟงไม่รอให้ใครเชิญ เขารีบพุ่งผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปสักระยะหนึ่งก็มีมอนสเตอร์ให้ฟาร์ม เป็นมอนเตอร์ทหารชั้นขุนพลเลเวล 44 แทบทั้งสิ้น แต่ละตัวปักหลักยืนอยู่ห่างกันเกือบสิบห้าเมตร ซึ่งยี่ฟงยอมสละเวลาทำลายพวกมันทุกตัวเก็บค่าประสบการณ์ไปเรื่อย
ๆ โดยไม่รีบเร่งอะไร
พอจัดการจนหมดก็ถึงช่วงทางเลี้ยว จากนั้นไม่ทันไรก็ปรากฏเสียงโครมครามดังแว่วมาเข้าหูชายหนุ่ม มันดังมาทั้งจากข้างหน้าและหลังพร้อม ๆ กัน ส่วนเส้นทางไปต่อนั้นยี่ฟงสังเกตเห็นช่องพอให้คนเข้าไปหลบได้อยู่ทั้งกำแพงด้านซ้ายและขวา แต่ละช่องทิ้งระยะห่างกันพอสมควร
‘เพลเยอร์ยี่ฟงได้ล่วงล้ำเข้าสู่ค่ายกลนรกแตก ด่านที่หนึ่งบดทำลาย’
เสียงแจ้งของระบบช่วยอธิบายได้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
แม้ยี่ฟงไม่ทราบเสียงโครมครามในขณะนี้มาจากสิ่งใด แต่มันย่อมไม่ได้มาแบบเป็นมิตรแน่ ๆ ดังนั้นจึงรีบพุ่งทะยานเลือกเข้าไปหลบยังช่องว่างในตัวกำแพงเพื่อรอดูท่าทีก่อนเป็นลำดับแรก ยี่ฟงเหลือบซ้ายแลขวาอยู่ไม่นานเสียงกึงกังที่เกิดจากการกระทบกระแทกอย่างรุนแรงก็ค่อย
ๆ ดังใกล้ลดระยะเข้ามาเรื่อย ๆ
“ให้ตายเถอะ! นั่นมันก้อนหินนรกแตกอะไรวะเนี่ย”
ยี่ฟงอุทานเสียงหลง
บัดนี้มีก้อนหินทรงกลมกลิ้งกระแทกโผล่มาถึงทางหักเลี้ยว ผิวแทบทุกด้านของมันมีคมอาวุธหลากหลากชนิดดูยากจะรับมือ ส่วนเส้นทางไปต่อข้างหน้าก็มีก้อนหินขนาดใหญ่ไม่แพ้กันกลิ้งสวนกลับมาปิดทางหนี
“ถึงขนาดสร้างช่องว่างตามกำแพงให้หลบซ่อนแบบนี้คงใช้กำลังผ่านไปไม่ได้สินะ”
ยี่ฟงสันนิษฐาน และคิดว่าใครที่ห้าวอยากลองของคงได้กลับไปเกิดใหม่ที่เมืองทันทีแน่นอน
เขารอคอยอยู่ในช่องกำแพงกระทั่งหินยักษ์ทั้งสองก้อนพุ่งเข้ากระแทกใส่กันดังสนั่น ไม่ช้าพวกมันก็กลิ้งถอยหลังกลับไปตามเส้นทางเดิม ยี่ฟงตัดสินใจทะยานร่างออกไปเมื่อสบโอกาส แต่หินทั้งสองก้อนเมื่อย้อนไปถึงแค่ทางหักเลี้ยว พวกมันก็กระแทกกลิ้งกลับมาอีกครั้งได้รวดเร็วกว่าเดิมมากนัก ยี่ฟงถูกบีบให้ต้องเข้าไปหลบในช่องกำแพงอย่างไม่มีทางเลือก ทว่าช่องกำแพงตำแหน่งใหม่นี้กลับเผยปากเหวลึกสุดหยั่งที่ใครเหลือบไปเห็นหรือยืนอยู่ใกล้ต้องมีขาสั่นกันบ้าง
“ยังดีที่ฉันจัดการมอนสเตอร์ทุกตัวบริเวณนี้แล้ว”
ยี่ฟงรำพึงพลางถอนหายใจโล่งอก
แท้ที่จริงเหล่าขุนพลเลเวล
44 อันน้อยนิดถูกสร้างมาให้ดูกากเข้าไว้ ผู้เข้าทดสอบที่บรรลุถึงจะมีอยู่สองประเภท หนึ่งคือหยิ่งยโส อีกหนึ่งคือรอบคอบมีสติ
หลังจากคนทั้งสองประเภทแก้โจทย์ประตูกลผ่านเข้ามาถึงจุดนี้แล้ว พวกเขาจะเกิดความรู้สึกที่ว่า ตัวเองเสียเวลากับประตูกลก่อนหน้านี้มากเกินไปและไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้อีกกับพวกมอนสเตอร์เลเวลแค่
44 ตามรายทางที่พบเจอ
สำหรับกลุ่มคนที่หยิ่งยโสนั้นคงผ่านไปทันทีโดยไม่คิดจะเสียเวลาจัดการมอนสเตอร์แน่
ๆ เพียงแค่ผลักพวกมันออกไปให้พ้นทางได้ก็คงพอแล้ว ท้ายที่สุดนั่นจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะเมื่อเข้าสู่ค่ายกลนรกแตกเมื่อไรพละกำลังจะไม่ใช่ที่สุดอีกต่อไป ทุกคนต้องหลบซ่อนไปตามช่องกำแพง แต่มันมีช่องกำแพงส่วนหนึ่งที่ข้างในมีที่ให้เหยียบยืนนิดเดียว นอกนั้นเป็นหล่มเหวลึกดำมืด และไม่ช้ามอนสเตอร์เลเวล 44 ที่ไล่ติดตามมาทีหลังย่อมมีความสามารถเพียงพอที่จะกระโจนใส่ผลักดันผู้เข้าทดสอบโชคร้ายให้ร่วงหล่นเหวลงไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก…
ความคิดเห็น