คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #132 : ความหวังแห่งฉางอาน
บริเวณพื้นที่ฝึกฝนมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย อย่างแรกที่เห็นได้ชัดก็คือธารน้ำ จากความเสียหายทั้งหมดที่ปรากฏต่อสายตาส่งผลให้เกิดทางแยกนับสิบสายขึ้นมา มวลน้ำสายหลักจึงกระจายออกไปบรรจบลงที่หลุมบ่อข้างทางเต็มไปหมด หินก้อนใหญ่ที่ปรากฏให้เห็นอยู่บ้างก่อนหน้านี้ล้วนแตกหักกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยใต้ลำธาร พื้นดินสองฟากข้างแทบจะเตียนโล่งไปตลอดแนว
ยี่ฟงเปิดระบบตรวจเช็กวันเวลาดูอีกทีเพื่อความแม่นยำ “ยังพอมีเวลา”
ก่อนที่จะไปสมทบรวมกับกลุ่มของตน ยี่ฟงต้องการชินกับพลังความแข็งแกร่งที่ก้าวสูงไปอีกขั้นให้มากกว่านี้ เมื่อสิบชั่วโมงก่อนที่ตัวละครเลื่อนขึ้นสู่คลาสยอดฝีมือระดับสูง ยี่ฟงก็ทดลองระเบิดพลังวิชาทะลวงขีดจำกัดในทันที ระดับเลเวล 60 จึงเลื่อนขึ้นเป็น 65 และแน่นอนว่าที่ระดับนี้เขายังสามารถปลดปล่อยขีดจำกัดได้อีกครั้ง เคล็ดวิหคอหังการขั้นสูงสุด จะแสดงผลนานถึง 15 นาที ซึ่งระหว่างที่ตัวละครยี่ฟงถูกคลื่นพลังมหาศาลสองสายม้วนพัน ไอความร้อนกับดวงจิตวิหคเพลิงก็ขยายอาณาเขตใหม่ตามไปด้วย ธารน้ำถึงขนาดเดือดปุด ๆ จนระเหยกลายเป็นไอ ผืนแผ่นดินในระยะสิบเมตรรอบกายแทบจะหลอมเหลวลงให้ได้ เพียงเพิ่งเริ่มต้นแสดงพลัง ก็อาจสร้างความเสียหายถึงในระดับที่เหล่าเพลเยอร์เลเวล
60 จำต้องถอยร่นทิ้งระยะห่างด้วยสีหน้าซีดเผือดกันแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงกลุ่มเพลเยอร์ที่อ่อนแอกว่านั้น
ซึ่งการทะลวงขีดจำกัดสองครั้งซ้อนเมื่อสิบชั่วโมงก่อน จึงมีรายงานจากระบบดังขึ้นมาอีก
“เนื่องจากตัวละครยี่ฟงมีระดับเลเวล 70 หรือเข้าสู่คลาสเทพยุทธ์แล้ว วิชาตัวเบาท่องเมฆจึงเลื่อนขึ้นเป็น วิชาเทพไร้เงา”
“ทักษะยุทธ์ระเบิดพลังปราณเลื่อนขึ้นเป็น เขตแดนเทพยุทธ์”
จากข้อมูลการก้าวกระโดดของตัวละครยี่ฟงทั้งหมดนี้ สามารถกล่าวว่าโกงได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ทดลองใช้วิชาตัวเบาท่องเมฆด้วยซ้ำพริบตาก็ต้องมาเรียนรู้วิชาตัวเบาเทพไร้เงาแทนแล้ว ยังมีทักษะใหม่คือเขตแดนเทพยุทธ์ ซึ่งหลังจากไล่ศึกษาอ่านเพื่อทำความเข้าใจอยู่พักหนึ่ง ทำให้ทราบว่าเทพไร้เงาช่วยเพิ่มจำนวนของการเหยียบอากาศขึ้นมาอีกเป็น
3 ครั้ง จากนั้นตัวละครยังเหินทะยานไปได้ไกลเป็นระยะทางถึง
15 เมตร
เลือกที่จะหยุดลงก่อนครบระยะทางที่กำหนดก็ยังได้ นั่นแสดงว่าปัจจุบันยี่ฟงสามารถที่จะเหยียบมวลอากาศได้มากถึง
6 ครั้ง
เพราะรวมเอาผลของท่าเท้าเมฆาซ่อนมังกรเข้าไปด้วย และยังเหินพุ่งไปบนอากาศได้ไกลตามที่กล่าวมาข้างต้นอีกต่างหาก
ถัดมาคือทักษะเขตแดนเทพยุทธ์ ซึ่งมันไม่แตกต่างกับการระเบิดพลังปราณเท่าไรนัก แต่การเรียกใช้เขตแดนเทพยุทธ์จะสร้างค่าความเสียหายได้ระดับหนึ่งต่อศัตรูที่มีเลเวลต่ำกว่า
69 ลงไปหรือน้อยกว่าผู้ใช้ กล่าวอีกอย่างก็คือ แรงผลักดันของพลังยุทธ์ในระดับเลเวล 70 ทำให้เกิดเป็นเขตแดนที่ว่าขึ้นมา เมื่อยี่ฟงนึกย้อนกลับไปช่วงสงครามหังโจว
ภาพของสามมารเฒ่าที่ระเบิดพลังยุทธ์ผลักกระแทกทัพศัตรูจนต้องถอยร่นไปยังติดตาอยู่เลย แม้จะปรากฏเพลเยอร์เลเวลหกสิบกว่าจำนวนหนึ่งสามารถยืนหยัดอยู่ในเขตแดนได้ก็ตาม
ชายหนุ่มยืนนิ่งทบทวนข้อมูลภายในใจ สุดท้ายค่อย ๆ ขยับร่างกายแก้เมื่อยจนกระดูกลั่น
ยี่ฟงใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดเคลื่อนร่างทะยานผาดโผนไปมา ความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นแม้กระทั่งเจ้าตัวเองยังตกใจ ภายหลังกลายเป็นความรู้สึกยินดีปรีดา ดูเหมือนยิ่งวิชาตัวเบาระดับสูงเท่าไรตัวละครของเขาก็ยิ่งเหินบินอยู่ได้นานและไกลขึ้นเท่านั้น ความฝันของเขาค่อย ๆ กลายเป็นจริงเข้าไปทุกทีแล้ว
ยี่ฟงหยุดร่างลง เปิดระบบค่าสถานะตัวละครขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียด
ปัจจุบันความสามารถที่เกี่ยวกับ
สัมผัสรับรู้ ประสาทรับเสียง การมองเห็น และประสาทรับกลิ่นยังคงได้รับการบวกเพิ่มขึ้นมาจากพื้นฐานจำนวนเท่าเดิมคือ
10%
ขณะที่ปริมาณโลหิตมังกรเพิ่มมาได้เกือบครึ่งทางแล้วซึ่งอยู่ที่
47% จากสูงสุด
100%
ดวงจิตพิสุทธิ์แห่งโลกา
– ธาตุอัคคี
, โจมตีด้วยพลังวิชาธาตุอัคคีรุนแรงขึ้นสองเท่า ,
ได้รับค่าความเสียหายต่อธาตุอัคคีน้อยลง 90% แต่จะได้รับค่าความเสียหายต่อธาตุน้ำรุนแรงขึ้น 10%
สถานะพลังกาย +7.7% อันมาจาก…ชุดลมปราณเกล็ดอสูรไม่สมบูรณ์คลาส D + พลังกาย 2% , รางวัลด่านประลองกำลัง + พลังกาย 1% , ปริมาณโลหิตมังกร + พลังกาย 4.7%
สถานะความเร็ว +1% อันมาจาก…รางวัลด่านประลองตัวเบา + ความเร็ว 1%
ยี่ฟงคิดว่าตัวละครของเขาอยู่ในเกณฑ์ต่ำด้านค่าสถานะที่จะต้องได้รับจากอุปกรณ์สวมใส่ หากเป็นค่าสถานะของเพลเยอร์ระดับสูงทั่วไป พวกเขาจะต้องมีสถานะพลังกาย พลังชีวิต
ความเร็วอยู่มากกว่าเป็นแน่ เพราะอุปกรณ์สวมใส่กับเครื่องประดับที่มีคลาสสูงนั่นเอง สำหรับยี่ฟงแล้วค่าสถานะที่แสดงอยู่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดสูงสุดของตัวละคร เมื่อคิดคำนวณวางแผนเสร็จแล้วจึงเลื่อนไปเปิดระบบทักษะยุทธ์ขึ้นมาดูบ้าง
วิชาตัวเบาขั้นสูงสุด
---> ท่องเมฆ ---> เทพไร้เงา
ทักษะยุทธ์ระเบิดพลังปราณ
---> เขตแดนเทพยุทธ์
ทักษะยุทธ์แฝงลมปราณในวัตถุ
ออร่าคุ้มภัยขณะเข้าฌาน ช่วยป้องกันการลอบจู่โจมได้เป็นเวลา 3 วินาที เริ่มนับหลังจากได้รับค่าความเสียหาย
ทักษะยุทธ์ไต่กำแพงเลื่อนขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดคือ
13
ทักษะฟื้นฟูลมปราณเลื่อนขึ้นมาอยู่ที่ระดับ
15 จากสูงสุดคือ
20
ทักษะยุทธ์จิตเซียน ช่วยเพิ่มความเร็วในการบรรลุทักษะอื่นเพิ่มขึ้น
5%
ทักษะจิตสังหารอยู่ระดับกลาง
เทียบกับทักษะยุทธ์ ตัวละครยี่ฟงสมควรยืนอยู่ในแถวหน้า นี่จึงทำให้เขาพอจะยิ้มออกได้บ้าง
“เจ้าจะต้องได้พบเจอผู้ที่มีความสามารถในการรักษาจุดชีพจรลมปราณสักวันหนึ่ง” เหิงอีเดินเข้ามากล่าวให้กำลังใจ
เรียกสติยี่ฟงให้หันกลับไปมอง
“ศิษย์มั่นใจว่าวันนั้นจะต้องมาถึงในไม่ช้าท่านอาจารย์” ยี่ฟงตอบกลับด้วยสีหน้าแววตามั่นคง เพราะเขาคงไม่สามารถอธิบายกับเหิงอีได้ตรง ๆ ว่า ตนกำลังชดใช้ความผิดโดยการยินยอมให้ระบบเกมปิดกั้นทางระดับเลเวลเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนโลกจริง
จึงได้แต่แสดงให้อีกฝ่ายเห็นถึงจิตใจอันแน่วแน่ไม่สั่นคลอนแทน
“ประเสริฐ
อาจารย์ผู้นี้ช่างวาสนาดียิ่งนักที่ตัดสินใจยอมรับเจ้าเป็นศิษย์เมื่อครานั้น” เหิงอีกล่าวปนหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
ยี่ฟงไม่ทราบจะกล่าวขอบคุณอย่างไรให้เห็นถึงความจริงใจ สุดท้ายคุกเข่ากับพื้นก้มลงโขกศีรษะคารวะอาจารย์เหิงเพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับทุกเรื่อง ซึ่งภาพที่เห็นอยู่นี้ย่อมไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีเพลเยอร์คนไหนจะแสดงความเคารพต่อตัวละครเอไอได้มากเท่าที่ชายหนุ่มกระทำลงไปอยู่อีกแล้ว
กระทั่งมันเกิดเหตุการณ์แทรกซ้อนขึ้นมาจนได้!
“จ…เจ้า! ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ช่างสมกับเป็นบุรุษผู้มอบความหวังให้แก่มหานครฉางอานจริง ๆ”
เหิงอีแทบจะทรุดร่างลงไปโอบชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน แววตาที่เคยไร้ประกายบัดนี้ส่องสว่างเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง ยี่ฟงจึงต้องยินยอมลุกขึ้นและรีบยกฝ่ามือห้ามปรามไม่ให้อาจารย์เหิงต้องคุกเข่าตามลงมาจนเปรอะเปื้อน
“ข่าวสารในช่วงเวลาหนึ่ง มีเรื่องการก่อตั้งสมาพันธ์มังกรซ่อนแห่งฉางอานขึ้นมา ซึ่งคงเป็นเจ้าที่รับตำแหน่งจ้าวสมาพันธ์ใช่หรือไม่” จู่ ๆ เหิงอีก็หยิบยกเรื่องสมาพันธ์ขึ้นมาสนทนา
ยี่ฟงแม้สงสัยแต่ปากก็เอ่ยตอบไปว่า
“เป็นข้าเอง
ท่านอาจารย์”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรักษาสัจจะวาจาที่ลั่นไว้เมื่อคราก่อนได้อย่างสมศักดิ์ศรี แต่มันควรที่จะยิ่งใหญ่สมเกียรติมากกว่านี้ เจ้าเห็นด้วยหรือไม่ศิษย์ของข้าเอ๋ย” เหิงอีกล่าวราวกับตำหนิ
ขณะยี่ฟงกำลังหวนรำลึกถึงอดีตที่เขาเพิ่งมาเยือนดันเจี้ยนนี้ครั้งแรก ซึ่งดูเหมือนตัวเขาจะไม่ได้ลั่นวาจาอะไรเป็นมั่นเป็นเหมาะกับอาจารย์เหิง ทว่ายามที่รับสืบทอดพลังแห่งกษัตริย์ ยี่ฟงจดจำได้ว่าตนประกาศกร้าวสัญญาจะนำชื่อเสียงของฉางอานให้กลับมากึกก้องอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์ได้ยินสิ่งที่ศิษย์กล่าวออกไปด้วยหรือ แต่ครั้งนั้นศิษย์อยู่คนเดียวท่ามกลางห้องโถงกษัตริย์…”
“หึ
ภายในอาณาเขตฉางอาน อาจารย์กับสหายที่ยังเหลือรอดมาจากยุคสงครามล้วนได้ยินได้ฟังผู้คนสนทนากันอย่างชัดแจ้ง
ไม่ว่าใครอยู่ตำแหน่งไหนย่อมไม่มีทางพ้นหูพ้นตาไปได้” เหิงอีเฉลยสิ่งที่เหลือเชื่อออกมา
“ถ้าเช่นนั้นศิษย์ต้องขออภัยด้วย ยามนี้สมาพันธ์มังกรซ่อนแห่งฉางอานเพิ่งริเริ่มก่อตั้ง แต่ศิษย์รับรองได้ว่าอีกไม่นานสมาพันธ์จะต้องมีชื่อเสียงกึกก้องเกรียงไกรขึ้นมาได่แน่” ยี่ฟงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อย่าได้เข้าใจผิดไป อาจารย์ไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิอะไรเจ้า” เหิงอียกฝ่ามือโบกปัด จากนั้นกล่าวอธิบายขึ้นว่า “เป็นเรื่องจริงที่สมาพันธ์ของเจ้าเพียงเพิ่งก่อตั้ง ฉะนั้นจึงไม่มีพื้นที่หรือฐานอันมั่นคง…อาจารย์กำลังจะเสนอว่า ไม่มีฐานที่มั่นแห่งไหนจะเหมาะสมมากไปกว่าตัวมหานครฉางอานเองอีกแล้ว”
“อาจารย์เหิงกับสหายทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า สมาพันธ์ของเพลเยอร์ยี่ฟงสมควรจะก่อตั้งรากฐานบนพื้นที่มหานครฉางอาน…เพลเยอร์ยี่ฟงได้รับข้อเสนอให้รับสืบทอดอาณาเขตเมืองโบราณ หากตอบยืนยัน มอนสเตอร์เผ่าอันเดดทั้งหมดภายในเขตแดนจะไม่เห็นท่านกับพันธมิตรเป็นศัตรู เนื่องจากตัวเมืองที่จะใช้ก่อตั้งสมาพันธ์มีขนาดกว้างใหญ่ ราคาของมันจึงสูงถึง 900,000,000 ตำลึงทอง ทรัพยากรอาทิเช่นดันเจี้ยนลับใต้ดินจะตกเป็นของท่าน และมีสิทธิ์ตั้งกฎเรียกเก็บค่าผ่านทางเหล่าเพลเยอร์ด้วยกันได้ตามความเหมาะสม”
เสียงรายงานยาวยืดของระบบเกม ถึงกับทำให้ชายหนุ่มติดสถานะสตันไปเลยทีเดียว การประมวลผลในหัวปั่นป่วนไม่ประติดประต่อไปชั่วขณะหนึ่ง กระทั่งเสียงระบบรายงานซ้ำขึ้นมาอีกรอบ จึงค่อยสงบจิตระงับใจได้บ้าง
‘ราคาก่อตั้งสมาพันธ์เกือบพันล้าน! ตรูจะไปหาให้ทันได้ยังไงวะ’ ยี่ฟงกรีดร้องภายในใจ
แต่แล้ว…
“ยืนยัน” ยี่ฟงลองตอบรับไปก่อน เขาคาดว่าระบบต้องให้เวลาในการเตรียมตัวเรี่ยไรเงินบ้างไม่มากก็น้อย
และก็เป็นจริงดังนั้น
“เพลเยอร์ยี่ฟงมีเวลาหนึ่งวันโลกจริงในการรวบรวมเงินจำนวนเก้าร้อยล้านตำลึงทอง…”
“วันเดียว!!” ยี่ฟงอุทานเสียงดังลั่นอย่างลืมตัว อาจารย์เหิงตรงหน้าถึงกับผงะไปเล็กน้อย
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เรื่องการก่อตั้งรากฐานสมาพันธ์ อาจารย์กับสหายทุกคนยินดีจะยกพื้นที่ทั้งหมดของมหานครฉางอานที่ทรุดโทรมให้แก่เจ้า ฉะนั้นเจ้าต้องดูแลและบูรณาการซ่อมแซมมันใหม่ด้วยตัวเอง คงไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้กระมัง” เหิงอีบอกกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบาน
ยี่ฟงได้แต่ผงกศีรษะตอบรับคำไปตามน้ำ จนกระทั่งเสียงระบบที่เงียบหายไป ได้ประกาศไปทั่วทั้งยุทธภพว่า
“ขอแสดงความยินดีกับเพลเยอร์ยี่ฟงหรือจ้าวสมาพันธ์มังกรซ่อนแห่งฉางอานด้วยค่ะ หลังจากนี้เป็นเวลาหนึ่งวันโลกจริง หากเพลเยอร์ยี่ฟงสามารถเคลียร์ภารกิจลับยึดครองเมืองที่เหลืออยู่ได้สำเร็จ ตัวมหานครฉางอานและทรัพยากรภายในเขตแดนก็จะตกเป็นของท่านกับสมาพันธ์ในทันที และจะได้รับสิทธิ์ในการจัดสรรพื้นที่ตามสะดวกเพื่อใช้ในการก่อตั้งรากฐานสมาพันธ์อย่างเต็มที่จากทางระบบ”
โลกทั้งโลกตะลึง ไม่อาจจะหาประโยคแบบใดมาบรรยายอารมณ์ของเพลเยอร์ทั้งเซิร์ฟเวอร์ได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว สำหรับตัวภารกิจลับยึดครองเมืองที่ระบบกล่าวถึง ก็มีแต่เพียงที่เซิร์ฟเวอร์หลักของทางจีนเท่านั้นที่เคยปรากฏขึ้นมาให้ได้เห็นจนเป็นข่าวใหญ่สะท้านโลกอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง
ทว่า ณ เวลานี้มันได้เกิดขึ้นอีกครั้ง…บนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่นอกสายตาของทุกคน!!
ความคิดเห็น