ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #132 : ความหวังแห่งฉางอาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.13K
      1.1K
      5 ก.ย. 61

    บริเวณพื้นที่ฝึกฝนมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย  อย่างแรกที่เห็นได้ชัดก็คือธารน้ำ  จากความเสียหายทั้งหมดที่ปรากฏต่อสายตาส่งผลให้เกิดทางแยกนับสิบสายขึ้นมา มวลน้ำสายหลักจึงกระจายออกไปบรรจบลงที่หลุมบ่อข้างทางเต็มไปหมด  หินก้อนใหญ่ที่ปรากฏให้เห็นอยู่บ้างก่อนหน้านี้ล้วนแตกหักกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยใต้ลำธาร พื้นดินสองฟากข้างแทบจะเตียนโล่งไปตลอดแนว

    ยี่ฟงเปิดระบบตรวจเช็กวันเวลาดูอีกทีเพื่อความแม่นยำ  ยังพอมีเวลา

    ก่อนที่จะไปสมทบรวมกับกลุ่มของตน   ยี่ฟงต้องการชินกับพลังความแข็งแกร่งที่ก้าวสูงไปอีกขั้นให้มากกว่านี้  เมื่อสิบชั่วโมงก่อนที่ตัวละครเลื่อนขึ้นสู่คลาสยอดฝีมือระดับสูง ยี่ฟงก็ทดลองระเบิดพลังวิชาทะลวงขีดจำกัดในทันที  ระดับเลเวล 60 จึงเลื่อนขึ้นเป็น 65  และแน่นอนว่าที่ระดับนี้เขายังสามารถปลดปล่อยขีดจำกัดได้อีกครั้ง  เคล็ดวิหคอหังการขั้นสูงสุด  จะแสดงผลนานถึง 15 นาที  ซึ่งระหว่างที่ตัวละครยี่ฟงถูกคลื่นพลังมหาศาลสองสายม้วนพัน  ไอความร้อนกับดวงจิตวิหคเพลิงก็ขยายอาณาเขตใหม่ตามไปด้วย  ธารน้ำถึงขนาดเดือดปุด ๆ จนระเหยกลายเป็นไอ  ผืนแผ่นดินในระยะสิบเมตรรอบกายแทบจะหลอมเหลวลงให้ได้ เพียงเพิ่งเริ่มต้นแสดงพลัง ก็อาจสร้างความเสียหายถึงในระดับที่เหล่าเพลเยอร์เลเวล 60 จำต้องถอยร่นทิ้งระยะห่างด้วยสีหน้าซีดเผือดกันแล้ว  ไม่ต้องกล่าวถึงกลุ่มเพลเยอร์ที่อ่อนแอกว่านั้น

    ซึ่งการทะลวงขีดจำกัดสองครั้งซ้อนเมื่อสิบชั่วโมงก่อน  จึงมีรายงานจากระบบดังขึ้นมาอีก

    เนื่องจากตัวละครยี่ฟงมีระดับเลเวล 70 หรือเข้าสู่คลาสเทพยุทธ์แล้ว วิชาตัวเบาท่องเมฆจึงเลื่อนขึ้นเป็น วิชาเทพไร้เงา

    ทักษะยุทธ์ระเบิดพลังปราณเลื่อนขึ้นเป็น  เขตแดนเทพยุทธ์

    จากข้อมูลการก้าวกระโดดของตัวละครยี่ฟงทั้งหมดนี้ สามารถกล่าวว่าโกงได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ทดลองใช้วิชาตัวเบาท่องเมฆด้วยซ้ำพริบตาก็ต้องมาเรียนรู้วิชาตัวเบาเทพไร้เงาแทนแล้ว ยังมีทักษะใหม่คือเขตแดนเทพยุทธ์ ซึ่งหลังจากไล่ศึกษาอ่านเพื่อทำความเข้าใจอยู่พักหนึ่ง ทำให้ทราบว่าเทพไร้เงาช่วยเพิ่มจำนวนของการเหยียบอากาศขึ้นมาอีกเป็น 3 ครั้ง  จากนั้นตัวละครยังเหินทะยานไปได้ไกลเป็นระยะทางถึง 15 เมตร  เลือกที่จะหยุดลงก่อนครบระยะทางที่กำหนดก็ยังได้ นั่นแสดงว่าปัจจุบันยี่ฟงสามารถที่จะเหยียบมวลอากาศได้มากถึง 6 ครั้ง  เพราะรวมเอาผลของท่าเท้าเมฆาซ่อนมังกรเข้าไปด้วย   และยังเหินพุ่งไปบนอากาศได้ไกลตามที่กล่าวมาข้างต้นอีกต่างหาก

    ถัดมาคือทักษะเขตแดนเทพยุทธ์  ซึ่งมันไม่แตกต่างกับการระเบิดพลังปราณเท่าไรนัก  แต่การเรียกใช้เขตแดนเทพยุทธ์จะสร้างค่าความเสียหายได้ระดับหนึ่งต่อศัตรูที่มีเลเวลต่ำกว่า 69 ลงไปหรือน้อยกว่าผู้ใช้  กล่าวอีกอย่างก็คือ แรงผลักดันของพลังยุทธ์ในระดับเลเวล 70 ทำให้เกิดเป็นเขตแดนที่ว่าขึ้นมา เมื่อยี่ฟงนึกย้อนกลับไปช่วงสงครามหังโจว  ภาพของสามมารเฒ่าที่ระเบิดพลังยุทธ์ผลักกระแทกทัพศัตรูจนต้องถอยร่นไปยังติดตาอยู่เลย  แม้จะปรากฏเพลเยอร์เลเวลหกสิบกว่าจำนวนหนึ่งสามารถยืนหยัดอยู่ในเขตแดนได้ก็ตาม

    ชายหนุ่มยืนนิ่งทบทวนข้อมูลภายในใจ  สุดท้ายค่อย ๆ ขยับร่างกายแก้เมื่อยจนกระดูกลั่น

    ยี่ฟงใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดเคลื่อนร่างทะยานผาดโผนไปมา  ความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นแม้กระทั่งเจ้าตัวเองยังตกใจ  ภายหลังกลายเป็นความรู้สึกยินดีปรีดา  ดูเหมือนยิ่งวิชาตัวเบาระดับสูงเท่าไรตัวละครของเขาก็ยิ่งเหินบินอยู่ได้นานและไกลขึ้นเท่านั้น  ความฝันของเขาค่อย ๆ กลายเป็นจริงเข้าไปทุกทีแล้ว

    ยี่ฟงหยุดร่างลง  เปิดระบบค่าสถานะตัวละครขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียด


    ปัจจุบันความสามารถที่เกี่ยวกับ สัมผัสรับรู้ ประสาทรับเสียง การมองเห็น และประสาทรับกลิ่นยังคงได้รับการบวกเพิ่มขึ้นมาจากพื้นฐานจำนวนเท่าเดิมคือ 10%

    ขณะที่ปริมาณโลหิตมังกรเพิ่มมาได้เกือบครึ่งทางแล้วซึ่งอยู่ที่ 47% จากสูงสุด 100%

    ดวงจิตพิสุทธิ์แห่งโลกา ธาตุอัคคี , โจมตีด้วยพลังวิชาธาตุอัคคีรุนแรงขึ้นสองเท่า , ได้รับค่าความเสียหายต่อธาตุอัคคีน้อยลง 90% แต่จะได้รับค่าความเสียหายต่อธาตุน้ำรุนแรงขึ้น 10%

    สถานะพลังกาย +7.7% อันมาจากชุดลมปราณเกล็ดอสูรไม่สมบูรณ์คลาส D + พลังกาย 2% , รางวัลด่านประลองกำลัง + พลังกาย 1% , ปริมาณโลหิตมังกร + พลังกาย 4.7%

    สถานะความเร็ว +1% อันมาจากรางวัลด่านประลองตัวเบา + ความเร็ว 1%


    ยี่ฟงคิดว่าตัวละครของเขาอยู่ในเกณฑ์ต่ำด้านค่าสถานะที่จะต้องได้รับจากอุปกรณ์สวมใส่  หากเป็นค่าสถานะของเพลเยอร์ระดับสูงทั่วไป  พวกเขาจะต้องมีสถานะพลังกาย พลังชีวิต ความเร็วอยู่มากกว่าเป็นแน่  เพราะอุปกรณ์สวมใส่กับเครื่องประดับที่มีคลาสสูงนั่นเอง สำหรับยี่ฟงแล้วค่าสถานะที่แสดงอยู่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดสูงสุดของตัวละคร  เมื่อคิดคำนวณวางแผนเสร็จแล้วจึงเลื่อนไปเปิดระบบทักษะยุทธ์ขึ้นมาดูบ้าง


    วิชาตัวเบาขั้นสูงสุด ---> ท่องเมฆ ---> เทพไร้เงา

    ทักษะยุทธ์ระเบิดพลังปราณ ---> เขตแดนเทพยุทธ์

    ทักษะยุทธ์แฝงลมปราณในวัตถุ

    ออร่าคุ้มภัยขณะเข้าฌาน  ช่วยป้องกันการลอบจู่โจมได้เป็นเวลา 3 วินาที  เริ่มนับหลังจากได้รับค่าความเสียหาย

    ทักษะยุทธ์ไต่กำแพงเลื่อนขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดคือ 13

    ทักษะฟื้นฟูลมปราณเลื่อนขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 15 จากสูงสุดคือ 20

    ทักษะยุทธ์จิตเซียน  ช่วยเพิ่มความเร็วในการบรรลุทักษะอื่นเพิ่มขึ้น 5%

    ทักษะจิตสังหารอยู่ระดับกลาง


    เทียบกับทักษะยุทธ์  ตัวละครยี่ฟงสมควรยืนอยู่ในแถวหน้า  นี่จึงทำให้เขาพอจะยิ้มออกได้บ้าง

    เจ้าจะต้องได้พบเจอผู้ที่มีความสามารถในการรักษาจุดชีพจรลมปราณสักวันหนึ่ง” เหิงอีเดินเข้ามากล่าวให้กำลังใจ  เรียกสติยี่ฟงให้หันกลับไปมอง

    ศิษย์มั่นใจว่าวันนั้นจะต้องมาถึงในไม่ช้าท่านอาจารย์ยี่ฟงตอบกลับด้วยสีหน้าแววตามั่นคง เพราะเขาคงไม่สามารถอธิบายกับเหิงอีได้ตรง ๆ ว่า  ตนกำลังชดใช้ความผิดโดยการยินยอมให้ระบบเกมปิดกั้นทางระดับเลเวลเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนโลกจริง  จึงได้แต่แสดงให้อีกฝ่ายเห็นถึงจิตใจอันแน่วแน่ไม่สั่นคลอนแทน

    ประเสริฐ  อาจารย์ผู้นี้ช่างวาสนาดียิ่งนักที่ตัดสินใจยอมรับเจ้าเป็นศิษย์เมื่อครานั้น” เหิงอีกล่าวปนหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ

    ยี่ฟงไม่ทราบจะกล่าวขอบคุณอย่างไรให้เห็นถึงความจริงใจ  สุดท้ายคุกเข่ากับพื้นก้มลงโขกศีรษะคารวะอาจารย์เหิงเพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับทุกเรื่อง ซึ่งภาพที่เห็นอยู่นี้ย่อมไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีเพลเยอร์คนไหนจะแสดงความเคารพต่อตัวละครเอไอได้มากเท่าที่ชายหนุ่มกระทำลงไปอยู่อีกแล้ว

    กระทั่งมันเกิดเหตุการณ์แทรกซ้อนขึ้นมาจนได้!

    เจ้า!  ฮ่า ฮ่า ฮ่า  ช่างสมกับเป็นบุรุษผู้มอบความหวังให้แก่มหานครฉางอานจริง ๆ

    เหิงอีแทบจะทรุดร่างลงไปโอบชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน  แววตาที่เคยไร้ประกายบัดนี้ส่องสว่างเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง  ยี่ฟงจึงต้องยินยอมลุกขึ้นและรีบยกฝ่ามือห้ามปรามไม่ให้อาจารย์เหิงต้องคุกเข่าตามลงมาจนเปรอะเปื้อน

    ข่าวสารในช่วงเวลาหนึ่ง  มีเรื่องการก่อตั้งสมาพันธ์มังกรซ่อนแห่งฉางอานขึ้นมา  ซึ่งคงเป็นเจ้าที่รับตำแหน่งจ้าวสมาพันธ์ใช่หรือไม่จู่ ๆ เหิงอีก็หยิบยกเรื่องสมาพันธ์ขึ้นมาสนทนา

    ยี่ฟงแม้สงสัยแต่ปากก็เอ่ยตอบไปว่า เป็นข้าเอง  ท่านอาจารย์

    ดูเหมือนว่าเจ้าจะรักษาสัจจะวาจาที่ลั่นไว้เมื่อคราก่อนได้อย่างสมศักดิ์ศรี  แต่มันควรที่จะยิ่งใหญ่สมเกียรติมากกว่านี้  เจ้าเห็นด้วยหรือไม่ศิษย์ของข้าเอ๋ยเหิงอีกล่าวราวกับตำหนิ

    ขณะยี่ฟงกำลังหวนรำลึกถึงอดีตที่เขาเพิ่งมาเยือนดันเจี้ยนนี้ครั้งแรก  ซึ่งดูเหมือนตัวเขาจะไม่ได้ลั่นวาจาอะไรเป็นมั่นเป็นเหมาะกับอาจารย์เหิง ทว่ายามที่รับสืบทอดพลังแห่งกษัตริย์  ยี่ฟงจดจำได้ว่าตนประกาศกร้าวสัญญาจะนำชื่อเสียงของฉางอานให้กลับมากึกก้องอีกครั้ง

    ท่านอาจารย์ได้ยินสิ่งที่ศิษย์กล่าวออกไปด้วยหรือ  แต่ครั้งนั้นศิษย์อยู่คนเดียวท่ามกลางห้องโถงกษัตริย์

    หึ  ภายในอาณาเขตฉางอาน  อาจารย์กับสหายที่ยังเหลือรอดมาจากยุคสงครามล้วนได้ยินได้ฟังผู้คนสนทนากันอย่างชัดแจ้ง  ไม่ว่าใครอยู่ตำแหน่งไหนย่อมไม่มีทางพ้นหูพ้นตาไปได้ เหิงอีเฉลยสิ่งที่เหลือเชื่อออกมา

    ถ้าเช่นนั้นศิษย์ต้องขออภัยด้วย  ยามนี้สมาพันธ์มังกรซ่อนแห่งฉางอานเพิ่งริเริ่มก่อตั้ง  แต่ศิษย์รับรองได้ว่าอีกไม่นานสมาพันธ์จะต้องมีชื่อเสียงกึกก้องเกรียงไกรขึ้นมาได่แน่ยี่ฟงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    อย่าได้เข้าใจผิดไป  อาจารย์ไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิอะไรเจ้าเหิงอียกฝ่ามือโบกปัด  จากนั้นกล่าวอธิบายขึ้นว่า เป็นเรื่องจริงที่สมาพันธ์ของเจ้าเพียงเพิ่งก่อตั้ง  ฉะนั้นจึงไม่มีพื้นที่หรือฐานอันมั่นคงอาจารย์กำลังจะเสนอว่า  ไม่มีฐานที่มั่นแห่งไหนจะเหมาะสมมากไปกว่าตัวมหานครฉางอานเองอีกแล้ว

    อาจารย์เหิงกับสหายทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า สมาพันธ์ของเพลเยอร์ยี่ฟงสมควรจะก่อตั้งรากฐานบนพื้นที่มหานครฉางอานเพลเยอร์ยี่ฟงได้รับข้อเสนอให้รับสืบทอดอาณาเขตเมืองโบราณ หากตอบยืนยัน มอนสเตอร์เผ่าอันเดดทั้งหมดภายในเขตแดนจะไม่เห็นท่านกับพันธมิตรเป็นศัตรู  เนื่องจากตัวเมืองที่จะใช้ก่อตั้งสมาพันธ์มีขนาดกว้างใหญ่  ราคาของมันจึงสูงถึง 900,000,000 ตำลึงทอง  ทรัพยากรอาทิเช่นดันเจี้ยนลับใต้ดินจะตกเป็นของท่าน  และมีสิทธิ์ตั้งกฎเรียกเก็บค่าผ่านทางเหล่าเพลเยอร์ด้วยกันได้ตามความเหมาะสม

    เสียงรายงานยาวยืดของระบบเกม ถึงกับทำให้ชายหนุ่มติดสถานะสตันไปเลยทีเดียว  การประมวลผลในหัวปั่นป่วนไม่ประติดประต่อไปชั่วขณะหนึ่ง  กระทั่งเสียงระบบรายงานซ้ำขึ้นมาอีกรอบ  จึงค่อยสงบจิตระงับใจได้บ้าง

    ราคาก่อตั้งสมาพันธ์เกือบพันล้าน!  ตรูจะไปหาให้ทันได้ยังไงวะยี่ฟงกรีดร้องภายในใจ

    แต่แล้ว

    ยืนยันยี่ฟงลองตอบรับไปก่อน  เขาคาดว่าระบบต้องให้เวลาในการเตรียมตัวเรี่ยไรเงินบ้างไม่มากก็น้อย

    และก็เป็นจริงดังนั้น

    เพลเยอร์ยี่ฟงมีเวลาหนึ่งวันโลกจริงในการรวบรวมเงินจำนวนเก้าร้อยล้านตำลึงทอง

    วันเดียว!!ยี่ฟงอุทานเสียงดังลั่นอย่างลืมตัว  อาจารย์เหิงตรงหน้าถึงกับผงะไปเล็กน้อย

    เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เรื่องการก่อตั้งรากฐานสมาพันธ์ อาจารย์กับสหายทุกคนยินดีจะยกพื้นที่ทั้งหมดของมหานครฉางอานที่ทรุดโทรมให้แก่เจ้า  ฉะนั้นเจ้าต้องดูแลและบูรณาการซ่อมแซมมันใหม่ด้วยตัวเอง  คงไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้กระมังเหิงอีบอกกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบาน

    ยี่ฟงได้แต่ผงกศีรษะตอบรับคำไปตามน้ำ  จนกระทั่งเสียงระบบที่เงียบหายไป  ได้ประกาศไปทั่วทั้งยุทธภพว่า

    ขอแสดงความยินดีกับเพลเยอร์ยี่ฟงหรือจ้าวสมาพันธ์มังกรซ่อนแห่งฉางอานด้วยค่ะ หลังจากนี้เป็นเวลาหนึ่งวันโลกจริง   หากเพลเยอร์ยี่ฟงสามารถเคลียร์ภารกิจลับยึดครองเมืองที่เหลืออยู่ได้สำเร็จ  ตัวมหานครฉางอานและทรัพยากรภายในเขตแดนก็จะตกเป็นของท่านกับสมาพันธ์ในทันที  และจะได้รับสิทธิ์ในการจัดสรรพื้นที่ตามสะดวกเพื่อใช้ในการก่อตั้งรากฐานสมาพันธ์อย่างเต็มที่จากทางระบบ

    โลกทั้งโลกตะลึง ไม่อาจจะหาประโยคแบบใดมาบรรยายอารมณ์ของเพลเยอร์ทั้งเซิร์ฟเวอร์ได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว สำหรับตัวภารกิจลับยึดครองเมืองที่ระบบกล่าวถึง ก็มีแต่เพียงที่เซิร์ฟเวอร์หลักของทางจีนเท่านั้นที่เคยปรากฏขึ้นมาให้ได้เห็นจนเป็นข่าวใหญ่สะท้านโลกอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง

    ทว่า ณ เวลานี้มันได้เกิดขึ้นอีกครั้งบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่นอกสายตาของทุกคน!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×