คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #133 : ผลกระทบ
ที่ราบสูงบนอาณาเขตพระราชวังชั้นกลาง บริเวณป้อมราการพายุหอก
“เหอะ ๆ พวกเอ็งเห็นหรือยัง ไอ้ตัวแสบมันเป็นตัวดูดภารกิจลับอย่างที่ข้าเคยว่าไว้ไม่ผิด” มังกรเฒ่ากล่าวขึ้นเจือความตื่นเต้น ขณะคนทั้งกลุ่มต่างก็แสดงใบหน้าเหลอหลาอ้ำอึ้งไปชั่วครู่
“นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะโว้ย!” พอได้สติ เฒ่าทารกพลันอุทานเสียงดัง
“พวกเราควรรีบย้อนกลับไปถามไถ่จากไอ้เด็กแสบกันอีกที ทางนี้เองก็ฟาร์มเลเวลกันมาพอสมควรแล้วด้วย” ภูผาเพลิงพยายามควบคุมสถานการณ์
“ผมเห็นด้วยกับลุงหิน ดูเหมือนระบบเพิ่งบอกว่าภารกิจลับยึดเมืองยังไม่สำเร็จดี ยี่ฟงอาจกำลังต้องการความช่วยเหลือบางอย่างอยู่ก็ได้” เหนือฟ้ากล่าวสนับสนุน
ทุกคนเองก็พยักหน้าเห็นตรงกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงพากันเหินทะยานเร่งรุดย้อนกลับไปทันที เหลือทิ้งไว้แต่เพียงร่องรอยความเสียหายและเศษซากกระจัดกระจายของกองทัพนักรบตายซาก
ขณะเดียวกันบนพื้นที่อันตรายแห่งหนึ่ง มองไปทางไหนก็พบเจอแต่มอนสเตอร์เลเวล 60
ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนจะเริ่มงานเทศกาลแข่งขันประจำปีแทบจะทุกกิลด์ที่คาดหวังในชัยชนะล้วนนำกลุ่มกองกำลังหลักของพวกตนออกมาเก็บค่าประสบการณ์เพื่อเลื่อนระดับเลเวลและความแข็งแกร่งกันทั้งสิ้น วังฟีนิกซ์เยือกแข็งซึ่งเป็นถึงกิลด์ใหญ่อันดับห้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“ฉันคงไม่ได้หูเพี้ยนไปเองหรอกใช่ไหม?” จ้าววังสาวเซียนหิมะอุทานเสียงตะกุกตะกัก
“เธอได้ยินถูกต้องแล้วล่ะ ช่างเป็นผู้ชายที่สร้างเรื่องได้ไม่หยุดไม่หย่อนซะจริง” เมฆาอัสนีช่วยยืนยันพลางทอดถอนหายใจ
เซียนหิมะขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ หัวใจเต้นกระหน่ำเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกทั้งตกใจ
ตื่นเต้นและยินดีอย่างที่สุด ทุกอารมณ์ในจิตใจดีดพุ่งขึ้นถึงจุดที่ไม่สามารถบ่งบอกบรรยายได้อีกต่อไป
เมฆาอัสนีเห็นท่านจ้าววังอึ้งอยู่นาน จึงเอ่ยกระตุ้นเตือนขึ้นว่า “เราควรจะติดต่อไป เผื่อเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ”
“นะ…นั่นสินะ!” เซียนหิมะกล่าวติดขัดจนต้องกระแอมไอ แต่เมื่อเช็กดูรายชื่อสหายบนลิสของระบบ เธอก็ต้องผิดหวัง “พวกเขายังอยู่ภายในพื้นที่พิเศษ
ติดต่อไม่ได้”
“อืม ก็คงได้แต่รอให้ทางนั้นติดต่อกลับมาเอง ถ้ายี่ฟงต้องการให้ช่วยก็คงอีกไม่นานนักหรอก” เมฆาอัสนีกล่าวคาดการณ์
เซียนหิมะจึงพยักหน้าเห็นด้วย
พื้นที่เก็บเลเวลของทางวังวิหคเพลิงฟ้าซึ่งเป็นกิลด์ใหญ่อันดับหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์ไทย
“ยี่ฟง! เขาอีกแล้ว” ลวงภพอุทานอย่างไม่เชื่อหู
ด้วยร่างที่เล็กกะทัดรัดทำให้เสียงของเธอแหลมสูง แต่น้ำเสียงนุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์
“ฉันเริ่มอยากจะเห็นเขาขึ้นมาจริง ๆ บ้างแล้วล่ะ” เพลิงพิษกล่าว
แววตาดุเปล่งประกาย
ก่อนหน้านี้ข่าวสมาพันธ์มังกรซ่อนแห่งฉางอานดังไปทั่ว เพราะความเร็วในการเติบโตที่แสดงออกมาผ่านตารางอันดับของระบบ อีกทั้งยังมีข่าวลือว่าจ้าวสมาพันธ์ปริศนาคนนี้เป็นคนเดียวกันกับผู้ที่ตัดหน้าแย่งชิงการสืบทอดพลังแห่งกษัตริย์ไปจากมือเหล่ากิลด์ใหญ่ทั้งห้า ทีแรกไม่มีใครเชื่อถือเท่าไรนัก จึงยังไม่มีขุมกำลังใดเคลื่อนไหว ทว่าบัดนี้นามยี่ฟงเพิ่งจะถูกประกาศก้องผ่านระบบเกมไปทั้งยุทธภพ นี่ส่งผลให้ข่าวลือทั้งหมดทั้งมวลกลายเป็นน่าเชื่อถือขึ้นมากะทันหัน
ขณะสองสาวคนสนิทของจ้าววังวิหคเพลิงฟ้ากำลังถกเถียงกันอย่างออกรส นภากลับนั่งเงียบแทบไม่ปริปากกล่าววาจาใดด้วยซ้ำ สายตาของนางเรืองประกายชั่ววูบ
สีหน้าท่าทางไม่แสดงออกถึงความแปลกใจต่อเหตุการณ์สะท้านโลกนี้แม้สักนิด
“นภา
เธอมีความคิดเห็นยังไงบ้าง” ลวงภพหันมาเอ่ยถาม รู้สึกสงสัยนิด ๆ
กับพฤติกรรมอันไม่สมเหตุสมผลของท่านจ้าววังสาว
นภาหันไปสบตาผู้ถาม รัดเกล้าสีทองบนศีรษะส่งเสียงกระทบเบา ๆ “เรื่องของยี่ฟง
ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญในเวลานี้
พวกเราจะยังคงปักหลักฟาร์มเลเวลกันไปจนถึงวันแข่งขันนั่นแหละ”
“เอ่อ…ไอ้เรื่องนั้นมันก็ใช่
แต่ฉันอยากจะรู้ว่าเธอคิดยังไงบ้างกับเหตุการณ์นี้” ลวงภพไม่ปฏิเสธ เพียงแต่มันไม่ใช่คำตอบที่เธอต้องการ
“เขานับเป็นนักพเนจรที่ไม่ธรรมดาเลยสักนิด ไม่ช้าหรือเร็วพวกเราก็ต้องได้เผชิญหน้ากับเขาแน่” นภาแสดงความคิดเห็นด้วยรอยยิ้มบางไร้ซึ่งอารมณ์ร่วม บรรยากาศนิ่งสงบจนน่ากลัว ลวงภพกับเพลิงพิษจึงไม่กล้าถามซักไซ้อะไรให้มากความอีก
ที่นภาแสดงออกเช่นนี้เป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น แต่ความจริงในใจแทบจะลุกโหมมอดไหม้ไปด้วยเพลิงอันร้อนแรงแล้ว หากให้เท้าความก็คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงสอบที่สถาบัน จากสีหน้าท่าทางของพวกน้อง ๆ หรือก็คือพวกดาว
หยกและมุกเกี่ยวกับชื่อของตัวละครยี่ฟงที่เพื่อนสาวคนสนิทของเธอกล่าวขึ้นมา ส่งผลให้ตัวนภาเองได้แอบลอบสั่งการให้สายข่าวลับเฝ้าติดตามคนทั้งหมดมาโดยตลอดกระทั่งพบเห็นพฤติการณ์ประหลาดของลิลลี่เพื่อนสาวของตน ซึ่งในเกมเธอก็คือเซียนหิมะจ้าววังฟีนิกซ์เยือกแข็ง กลุ่มของเธอจู่ ๆ
ก็รั้งรออะไรบางอย่างอยู่ที่เมืองดาบมังกร
ไม่ช้าหลังจากที่เกมอัปเดตแพตช์เสริม สายข่าวลับก็รายงานกลับมาถึงนภาในที่สุด รายละเอียดนั้นเป็นการนัดเจรจากับบุรุษนามยี่ฟง ดูเหมือนคนคนนี้จะเป็นสหายที่รู้จักกันดีกับพวกน้อง
ๆ แต่แรกแล้วด้วย ส่วนรายละเอียดเชิงลึกสายข่าวของหญิงสาวไม่สามารถล้วงมาได้
‘ยัยเพื่อนตัวแสบเอ๊ย
ไม่คิดว่าจะเก็บเรื่องของยี่ฟงเอาไว้ได้มิดซะขนาดนี้ พวกเธอกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่’ นภากล่าวรำพึงรำพันอยู่ในใจ
คาดการณ์ความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานาที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปเงียบ ๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากิลด์ใหญ่อันดับสองและอันดับสามจะต้องรู้สึกว้าวุ่นต่อเหตุการณ์นี้อยู่เช่นกัน แค่เรื่องของสามมารเฒ่าก็สร้างความปั่นป่วนมากพออยู่แล้ว ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนงานแข่งขันประจำปีมันเป็นอาถรรพ์หรือยังไง ปีก่อน ๆ ทุกฝ่ายก็ชิงเคลื่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองเพื่อสร้างความได้เปรียบให้แก่ฝ่ายตนในโค้งสุดท้าย นี่ช่างวุ่นวายไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยเสียจริง ๆ
ถ้าหากทุกฝ่ายตระหนักรับรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง ว่าทุกเหตุการณ์มันมีต้นเหตุมาจากยี่ฟงแล้วล่ะก็ พวกเขาจะต้องสลักชื่อของชายหนุ่มขึ้นเป็นตัวอันตรายและตัวป่วนอันดับหนึ่งไว้ทันทีเป็นแน่
เมืองดาบมังกร เส้นทางไกลสายเหนือ
“ไอ้สารเลวบัดซบนั่น!” เดชสวรรค์คำรามลั่นอย่างอิจฉาปนโกรธแค้น
“ใจเย็นน่า ถึงนายจะแหกปากไปมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ” มังกรสมุทรแทบจะเป็นคนเดียวที่กล้าเอ่ยปากกระแทกแดกดันอีกฝ่าย
ยามนี้กลุ่มของเดชสวรรค์บรรลุถึงเขตเมืองดาบมังกรแล้ว ห่างออกไปไม่ไกลก็คือกำแพงเมืองที่เห็นในสายตา ความจริงพวกเขามาช้าเกินไปมาก เสียเวลาไปตั้งสี่วันโลกจริงเพื่อไล่ล่าสังหารกลุ่มคนใส่หน้ากากบนเส้นทางไกลสายเหนือ เป็นเพราะเดชสวรรค์เชื่อฝังใจว่ากลุ่มคนที่ปิดบังตัวตนเหล่านี้จะต้องเป็นกลุ่มของยี่ฟงแน่
ๆ จึงยินดีไล่ล่าด้วยเสียงหัวเราะขบขันเบิกบานใจ
หลังจากทำลายขบวนรถขนสินค้าจนย่อยยับ
การไล่ล่าเกิดขึ้นทันทีและลากยาวกินเวลาจนคนทั้งสองกลุ่มเบื่อหน่าย สุดท้ายเป็นกลุ่มของเดชสวรรค์ที่เข้มแข็งกว่าสามารถไล่ตามจนทัน ก่อนลงมือสังหารย่อมต้องกระชากหน้ากากยืนยันตัวตน แต่ทว่ากระชากออกมาจนไม่เหลือใครแล้วก็ยังไม่พบเจอตัวเป้าหมายหลัก เดชสวรรค์มันจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกล่อด้วยแผนโง่
ๆ เข้าให้แล้ว อารมณ์ความรู้สึกช่วงหลัง ๆ
มาจึงไม่มีทางดีไปกว่านี้ได้อีก
คมอักษรที่ผิดหวังสุด
ๆ ก็ย่ำแย่พอกัน ตอดลทางเธอเล่นพุ่งตัวเข้าใส่มอนสเตอร์ถี่ยิบทั้งที่สามารถหลบเลี่ยงได้ง่าย
ๆ ยิ่งทำให้การเดินทางของคนทั้งกลุ่มเชื่องช้าลงไปอีก
“แกจะไปไหนก็ไปเหอะ อย่ามาสอดปากไม่เข้าเรื่อง!” เดชสวรรค์ขึ้นเสียงราวกับคนบ้า
“ฉันเป็นหัวหน้ากองกำลังที่นายสังกัดนะโว้ย ระวังปากระวังคำหน่อยไอ้หนู” มังกรสมุทรเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง ทั้ง ๆ ที่พยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่แล้วก็ตาม
“พวกนายเลิกเห่าใส่กันสักทีเถอะน่า!” คมอักษรตะโกนด่า เธอตั้งสติได้มาสักพักใหญ่แล้ว เพราะการไล่ทุบตีมอนสเตอร์ตามรายทางคือวิธีปลดปล่อยความเครียดของเธอ ซึ่งเมื่อเห็นคนทั้งกลุ่มหันมามองจึงค่อยกล่าวน้ำเสียงจริงจังต่อไปว่า “ระบบก็ประกาศอยู่ชัด ๆ หูหนวกกันหรือไง แสดงว่ายี่ฟงมันก็ต้องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมหานครฉางอานนั่นแหละ เป้าหมายของนายเองก็คือที่นั่นอยู่แล้วนี่ ไปด้วยกันเหมือนเดิมและช่วยตามล่าศัตรูของพวกฉันด้วยก็จะขอบคุณมาก”
คมอักษรจ้องไปทางหัวหน้ากองกำลังร่วมที่สามเขม็ง ซึ่งที่เธอพูดมาก็ไม่มีอะไรผิดพลาด ทุกคนจึงพยักหน้าเห็นดีด้วย
“ถ้างั้นก็เร่งเดินทางต่อกันได้แล้ว ฉันไม่อยากพลาดโอกาสกระทืบไอ้เวรนั่นอีกเป็นครั้งที่สอง” เดชสวรรค์กล่าวสรุปด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหดดุดัน ความแค้นที่เขามีต่อยี่ฟง รุนแรงอย่างที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ทั้งสิ้น
กลับมายังดันเจี้ยนใต้มหานครฉางอาน
ยี่ฟงที่ล่ำลาอาจารย์เหิงเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ได้มายืนหยัดอยู่ตรงกำแพงยักษ์สูงชันเป็นครั้งที่สอง เขากระโดดขึ้นทันทีอย่างสุดกำลัง และเหยียบอากาศเพื่อดีดตัวพุ่งทะยานสูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่องถึงหกครั้ง ทว่าระยะทางก็ยังเหลืออยู่อีกนิดหน่อยกว่าจะบรรลุถึงที่ราบสูงข้างบน นั่นทำให้ยี่ฟงต้องเหินบินสูงขึ้นไปอีกด้วยวิชาเทพไร้เงา สายลมที่ปะทะสวนเข้ามาคล้ายกับถูกพลังลมปราณกรีดกันออก กระทั่งหลงเหลือเพียงลมพัดอ่อน ๆ
ที่สัมผัสกายเท่านั้น พริบตาร่างของยี่ฟงก็เหาะเหินขึ้นไปได้จนถึงพื้นดินข้างบนที่ราบสูง พอดีกับที่ทางกลุ่มของเขาเพิ่งเดินทางย้อนกลับมาถึงที่นี่โดยบังเอิญ
“อยู่นี่เองไอ้ตัวแสบ” มังกรเฒ่ากล่าวทักขึ้นเป็นคนแรก
“ผลการฝึกเป็นยังไงกันบ้าง” ยี่ฟงเลือกจะตั้งคำถามกลับไปแทนเพราะเวลามีจำกัด
“แผนการฝึกไม่เลว ตอนนี้พวกเด็ก ๆ แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว” ภูผาเพลิงตอบอย่างรู้งาน
สามมารเฒ่าผลัดกันบรรยายคนละช่วง สรุปความได้ว่า เหนือฟ้า หยกราตรีและมุกทิวาซึ่งมีเลเวลเท่ากันที่
47
แต่ยามนี้ก้าวกระโดดขึ้นมาถึงแปดเลเวลจนอยู่ที่ 55
ส่วนมังกรเฒ่าเห็นผลชัดเจนที่สุด ชายชราได้รับอานิสงส์จากช่วงต้นที่บุกดันเจี้ยนมากับยี่ฟงแค่สองคน ทำให้ระหว่างทางเลเวลเลื่อนขึ้นก่อนสองระดับเป็น
50 จากนั้นเมื่อตามมาฝึกรวมยังบริเวณป้อมปราการพายุหอก มังกรเฒ่าที่ครอบครองพลังจิตวิญญาณพยัคฆ์และเคล็ดลมปราณจ้าวพยัคฆ์ก็เผยความโดดเด่นกว่าสาว ๆ ได้อย่างมาก
สามารถสังหารนักรบตายซากไปได้จำนวนไม่น้อยโดยทิ้งห่างกลุ่มเหนือฟ้าไปหลายรอบทีเดียว เลเวลจึงเลื่อนขึ้นเป็น 60
รวมแล้วการฝึกภายในระยะเวลาสี่วันโลกจริงมังกรเฒ่าสามารถเลื่อนระดับเลเวลได้มากถึง 12 ระดับเพียงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เท่ากันกับยี่ฟงอย่างไม่น้อยหน้า
แต่อย่างที่ทราบกันดี เพดานเลเวลสูงสุดของเพลเยอร์ทั่วไปมักจะค้างคากันอยู่ที่
60-69 นั่นหมายความว่า การฝึกฝนเก็บระดับค่าประสบการณ์เพิ่งจะเริ่มต้นอย่างแท้จริงก็ตอนนี้เอง
“เยี่ยมมากทุกคน
ทำได้ดีเกินคาด” ยี่ฟงเอ่ยปากชมเพื่อน ๆ เล็กน้อย
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ว่าแต่นายเถอะ
สร้างเรื่องใหญ่โตอีกแล้วไม่ใช่หรือไง” หยกราตรียิ้มอย่างภาคภูมิทระนง พลางกล่าวชักนำไปถึงเรื่องทางยี่ฟงแทน
ยี่ฟงยิ้มแป้นและยอมเสียเวลาอธิบายให้คนทั้งกลุ่มฟังกระทั่งรายละเอียดทั้งหมดทำให้สีหน้าท่าทางของทุกคนค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป
“พะ…เกือบพันล้าน!!” สามมารเฒ่าแทบจะอุทานเป็นเสียงเดียวกัน
“นี่มันบ้าชัด ๆ ใครจะไปหามาให้ได้กันล่ะวะ แต่ว่าก็ว่าเถอะ ไอ้ภารกิจยึดเมืองแบบนี้ก็มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่พบเจอ” มังกรเฒ่ากล่าว
สายตาจับจ้องมองคนบ้าโดยไม่ละไปไหน
“แล้วนายหาวิธีแก้ปัญหาได้หรือยัง” หยกราตรีถามเป็นการเป็นงาน
“ก็พอจะมีเค้าโครงอยู่บ้าง” ยี่ฟงตอบน้ำเสียงไม่มั่นใจเท่าไรนัก
“หมายความว่าไง
ลองว่ามาสิ” หยกราตรีจี้ถามต่ออย่างสงสัย เช่นเดียวกับทุกคน
“ฮะฮะ
ตอนทุกคนย้อนกลับมา
พอจะสังเกตเห็นอะไรมันแยง ๆ ตาบ้างไหม” ยี่ฟงกล่าวเป็นปริศนา
“แยงตาอะไรของเอ็งวะไอ้ตัวแสบ?” มังกรเฒ่างุนงงจนต้องเอ่ยปากถาม
“ตอนข้ามสะพานน่ะ ไม่มีแสงแยงตากันบ้างหรือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ยี่ฟงใบ้อย่างเต็มที่ เป็นเพราะไม่กล้าบอกกล่าวออกมาตรง ๆ
ครู่หนึ่งหลายคนเริ่มตามทัน สีหน้าแววตายากที่จะบ่งบอกบรรยายได้
“เหอะ ๆ เอ็งยึดเมืองเขาแล้ว นี่ยังคิดจะยึดทรัพย์บ้านเมืองของเขาอีกหรือไง” ภูผาเพลิงผู้มีความชอบธรรมในจิตใจสูง กล่าวแดกดันขึ้นก่อนเป็นคนแรก
“คนบาป!” หยกราตรีไม่พลาดโอกาสที่จะตอกย้ำชายหนุ่ม ขณะเหนือฟ้ายกฝ่ามือเสยผมพลางหันหน้าหนี ไร้วาจาจะกล่าวช่วยอย่างสิ้นเชิง
ความคิดเห็น