คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #117 : เรื่องราวหลังฉาก
การคลุกคลีสนิทสนมกับยี่ฟงมาช่วงเวลาหนึ่ง มีผลทำให้มังกรเฒ่าค่อย
ๆ ชื่นชมอีกฝ่ายขึ้นทีละนิดทีละหน่อย กระทั่งกลายเป็นความเอ็นดู รู้สึกอยากช่วยสนับสนุนประคับประครองจนได้เห็นความสำเร็จของเด็กคนนี้ในท้ายสุดกับตา เมื่อครั้งเจอกันนอกเกม บุคลิกภาพการวางตัว แววขี้เล่นกับดวงตาไร้เดียงสา องค์ประกอบทุกอย่างของชายหนุ่มพลันสะท้อนภาพลูกชายของเขาลงไปอย่างไม่มีขาดเกิน มังกรเฒ่าเฝ้าสังเกตอีกฝ่ายด้วยสายตาแฝงความเศร้าโศก ความรู้สึกภายในบีบคั้นจนจุกอกร้อนรุ่ม แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมานานยี่สิบปีเศษแต่การสูญเสียบุคคลสำคัญถึงสองไปพร้อม
ๆ กันส่งผลให้จวบจนบัดนี้กลายเป็นตราคำสาปที่ไม่มีวันถูกลบหาย ทุกช่วงที่เกิดความนึกคิดใฝ่หา ความโดดเดี่ยวจะกระตุ้นความเจ็บปวด ทุกซอกทุกมุมภายในอาณาบริเวณบ้านประทับภาพความทรงจำของภรรยาและลูกชายอย่างชัดเจนทุกอิริยาบถ บีบบังคับจิตใจให้โหยหาอ้อมกอดอันคุ้นเคยซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งที่รู้อยู่เต็มหัวใจว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีก
ทุกเรื่องราวยังคงกระจ่างชัดไม่มีเลือนรางสูญหายไปจากใจ แผลในกายจะกลับมาสดใหม่ตอกย้ำให้รู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่รู้จบ ความรักความผูกพันอันลึกซึ้งบริสุทธิ์กลับกลายเป็นปมปัญหาที่ยากเกินจะคลี่คลายแก้ไขด้วยลำพังตัวคนเดียว
แต่ในยามนี้ดุจดังฟ้าเห็นอกเห็นใจ โศกเศร้ารื้นน้ำตาไปด้วยกันกับชายชราไม้ใกล้ฝั่งผู้นี้ นายวาดหรือยี่ฟงคือโอกาสที่ปรากฏเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน มังกรเฒ่าไม่ได้เปรียบชายหนุ่มเป็นตัวแทนลูกชายที่เสียไปของตนแต่อย่างใด แต่รู้สึกกับอีกฝ่ายเหมือนหลาน ฉะนั้นการช่วยสนับสนุนเด็กคนนี้ไปจนสุดทางอาจนับเป็นคำตอบที่ชายชรากำลังใฝ่หาต้องการมาโดยตลอดก็ได้ อดีตเขาเคยผิดพลาดไม่ให้ความสำคัญกับครอบครัวเท่าที่ควร จนเมื่อโอกาสที่เขามีมันอยู่ตลอดละลายหายไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ทว่าเขาทนอยู่กับความเจ็บปวดรวดร้าวมาได้จนป่านนี้ย่อมตกผลึกความคิด วางทิฐิที่เคยมีและตัดสินใจก้าวเดินต่อ เพื่อนฝูงญาติมิตรหยิบยื่นน้ำใจช่วยเหลือมาให้ เขาก็ยินดีรับเอาไว้ จะอยู่มองดูโลกใบนี้ไปให้นานเท่าที่จะนานได้แทนภรรยากับลูกชายตน เมื่อถึงเวลาความตายมาเยือน หากเรื่องเหนือธรรมชาติมีจริง ตัวเขาเองสมควรเต็มไปด้วยเรื่องเล่าและประสบการณ์ชีวิตมากมายที่จะใช้พูดคุยบอกต่อภรรยากับลูกชายได้อย่างภาคภูมิโดยไม่ต้องรู้สึกเสียดายภายหลังมิใช่หรือ?
หากโอกาสที่ว่ามีจริง…
สามมารเฒ่ามองเพื่อนรักที่กำลังเหม่อลอยแต่ในแววตาเศร้าหมองตลอดยี่สิบปีมานี้ค่อย ๆ
จางหาย ต่างทราบกันดีว่าผู้ที่ช่วยฉุดดึงมังกรเฒ่าขึ้นมาจากหล่มเหวอันโดดเดี่ยวสิ้นหวังนั้น คือชายหนุ่มนามยี่ฟง ชั่วขณะที่มังกรเฒ่าบอกเล่าเรื่องราวของเขา คนทั้งสามล้วนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันพิเศษ
คล้ายกับปู่ที่นำเรื่องของหลานขึ้นมาอวดในวงเพื่อนอย่างไรอย่างนั้น เห็นแบบนี้แล้วสามมารเฒ่าจะปฏิเสธคำเชื้อเชิญของมังกรเฒ่าได้เช่นไร? เจตนาของเพื่อนรักคนนี้ชัดเจน และพวกเขาทั้งสามคนยิ่งกว่ายินดีที่จะสนองตอบเพื่อเยียวยารักษาบาดแผลในกายให้อีกฝ่ายเต็มที่
พวกเขาไม่เคยพูดถึงบุตรหลาน ไม่กล้าพอจะนำมาเป็นหัวข้อสนทนาหลักต่อหน้ามังกรเฒ่าสักครั้งเดียว แต่ในวันนี้ดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องกังวลกันอีกต่อไปแล้ว
สามมารเฒ่าสบตากันเองแวบหนึ่ง ก่อนจะเป็นภูผาเพลิง ชายชราผู้องอาจกล่าวเรียกสติมังกรเฒ่าขึ้นว่า “ไอ้กร ความจริงแล้วพวกข้าเองก็มีเป้าหมาย”
มังกรเฒ่าหลุดจากภวังค์ หันไปตอบโดยไม่รู้ตัว “งั้นหรือ เป้าหมายอะไร”
“กอบโกยชัยชนะทุกรายการของการแข่งขันในฤดูกาลนี้ไงล่ะ” ภูผาเพลิงตอบทันทีทันใด
“อืม ๆ…เฮ้ย!!” มังกรเฒ่าที่มัวแต่ตามน้ำไปเรื่อยเฉื่อยพลันฉุกคิดได้ในไม่กี่วินาทีถัดมา เขากวาดสายตาคมวาวมองสามมารเฒ่า รีบกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “พวกเอ็งคาดหวังสูงกันเกินไปไหม”
“ไม่มีใครไม่คาดหวังแต่พวกข้าไม่ได้ตั้งเป้าหมายสูง ๆ
กันไว้อย่างเลื่อนลอยหรอกนะ” เฒ่าทารกเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“หมายความว่าไง หรือพวกเอ็งมีแผน?” มังกรเฒ่าสงบลงทีละนิด เขารู้จักคนทั้งสามดี หากออกตัวกันมาถึงเพียงนี้แสดงว่าไม่ใช่เรื่องเล่นคุยโม้โอ้อวด
“แกคิดว่าสามมารเฒ่าอยู่รอดมาได้ยังไงท่ามกลางยุทธภพอันป่าเถื่อนแห่งนี้” เฒ่าทารกไม่ตอบแต่เลือกจะตั้งคำถามกลับไปแทน
“ความจริงแล้วเหล่ากิลด์ใหญ่ในวงการอาชีพแทบจะส่งกลุ่มมือสังหารมาไล่ล่าพวกข้าทุกวี่วัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกข้าก็ยังหลบหนีรอดพ้นความตายมาได้ทุกครั้งไป” มารตะกละเอ่ยด้วยสีหน้าท่าทางภาคภูมิทระนง
เป็นความจริง สิบกิลด์ในวงการอีสปอร์ตที่แข่งขันห้ำหั่นกันเองอย่างดุเดือดมาตลอดสามปีหลังนี้ แต่พวกเขาไม่เคยลืมเลือนการมีอยู่ของขวากหนามอันชั่วร้าย สามมารเฒ่า ในเมื่อการดึงตัวเข้าร่วมไม่เป็นผลก็มีแต่ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ใครเล่าจะมั่นใจว่าแก๊งวัยชรากลุ่มนี้ไม่เป็นภัย เกิดวันดีคืนดีพวกเขาไปเข้าร่วมกับกิลด์ใหญ่ที่ไม่ใช่กิลด์ของพวกตนขึ้นมา ถึงตอนนั้นไม่แย่หรือ? สามมารเฒ่าก็ตอบโต้กลับไม่นิ่งนอนใจเช่นกันด้วยวิธีการสารพัด แต่ที่ลงมือกันประจำจนกลายเป็นกิจธุระไปแล้วนั้น เห็นจะเป็นภารกิจขนส่งเสบียงสินค้าข้ามเมืองซึ่งมันเป็นรายได้หลักและรางวัลตอบแทนสูงประจำสัปดาห์ สามมารเฒ่าจะลอบปล้นสะดมอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น
ฝ่ายกิลด์ใหญ่พากันเห็นแก่ตัวไม่คิดเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้เติบโต ฝ่ายสามมารเฒ่าเองก็เข้าชนอย่างแข็งขืน งัดสารพัดวิธีการโจมตีเข้าใส่โดยไม่เก็บมาสนใจว่ามันจะชั่วร้ายเลวทรามแค่ไหนต่อสายตาคนทั้งโลกให้หนักหัว
ซึ่งสาเหตุที่สามมารเฒ่าอยู่รอดพ้นภัยมาได้ จริง ๆ แล้วอาศัยเพียงพวกเขาสามคนยังไม่พอ
“ก็จริง ถ้างั้นพวกเอ็งหลบหนีคนเป็นร้อยเป็นพันมาได้ยังไงกันวะ” มังกรเฒ่าคิดตามแล้วก็ถามออกไปอย่างจนปัญญา
“ฮ่า
ฮ่า ฮ่า ก็พวกข้ามีสายวงในอยู่ในสิบกิลด์น่ะสิวะ” เฒ่าทารกตอบเสียงดังปนหัวเราะ ทุกครั้งที่จะถูกไล่ล่า สามมารเฒ่าจะทราบข่าวก่อนเสมอทำให้การคิดแผนตอบโต้หรือหาลู่ทางหลบหนีไว้ก่อนย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก แต่เมื่อคนนอกมองมากลับเข้าใจผิด คิดว่าพวกสามมารเฒ่าเชี่ยวชาญสามารถจนยากหยั่งถึง เป็นกลุ่มอาวุโสที่หนังเหนียวเขี้ยวลากดิน
มังกรเฒ่าฟังแล้วก็หน้ายับย่น “เหอะ ไอ้ข้าดันคิดไปว่าพวกเอ็งมีดี ใช้กลยุทธ์เทพ ๆ เอาตัวรอดกันมาได้ตลอดซะอีก”
“ไอ้เทพน่ะมันก็เทพจริง แต่เผชิญหน้าคนมากมายขนาดนั้นย่อมต้องมีขีดจำกัดกันบ้างสิโว้ย” ภูผาเพลิงแก้ตัว
แถมยังพูดได้เต็มปากว่าพวกตนเทพอย่างนั้นเทพอย่างนี้จนดูน่าหมั่นไส้
“แล้วยังไง
สายพวกเอ็งรวมกันแล้วมีมากพอจะสร้างสถานการณ์อย่างเช่นการซิวแชมป์ได้หรือ” มังกรเฒ่าดึงเข้าประเด็นหลักอย่างเอือมระอา
“มีไม่เยอะหรอก ก็แค่สิบกองกำลังเท่านั้นเอง” มารตะกละเชิดหน้าตอบ
ในเกมลำนำจ้าวยุทธจักรไม่มีระบบปาร์ตี้ จะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ตามถ้าอยู่ในระยะหวังผลของพลังวิชายุทธ์ล้วนถูกสร้างความเสียหายได้เหมือนกันทั้งหมด ส่วนคำว่ากองกำลัง คือเรียกแทนกลุ่มปาร์ตี้ซึ่งเพลเยอร์เป็นผู้บัญญัติกันขึ้นมาเอง หนึ่งกองกำลังภายใต้สังกัดกิลด์หรือกลุ่มเพลเยอร์ทั่ว ๆ ไปมักจะแบ่งออกเป็นจำนวนคนสูงสุดสิบคนก็เพื่อไม่ให้ถูกลูกหลงทำร้ายกันเองในยามศึกสงคราม
นี่คือเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการจัดตั้งกองกำลังสักหนึ่งกองแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าในสงครามสุดปั่นป่วนยิ่งกว่าพายุมืดทะเลคลั่งนั้นกลุ่มก้อนเพลเยอร์นับพันหมื่นรวมอยู่บนสนามรบหนึ่งเดียว มีแต่คำว่า
เละยิ่งกว่าโจ๊ก ที่พิธีกรจะสามารถหยิบยกขึ้นมาบรรยายได้แล้วจริง ๆ
“รวมแล้วก็แค่ร้อยคนเองนี่หว่า” มังกรเฒ่าทราบข้อมูลเบื้องต้นดี เกรงว่าจำนวนเท่านี้ยังไม่ทันจะได้แสดงฝีมือก็สมควรจมหายไปท่ามกลางคลื่นทะเลมหาชนจากกิลด์ใหญ่แล้วกระมัง
“เอ็งตัดสินเร็วไป พวกหลาน ๆ ข้าไม่ใช่ไก่อ่อนนะโว้ย สิบกองกำลังลับที่แฝงอยู่ในแต่ละกิลด์ใหญ่ตอนนี้เฉพาะหลานข้าก็เป็นถึงหัวหน้ากองกำลังที่สามของวังเทวาห้วงสมุทรเลยนะ” ภูผาเพลิงพยายามบรรยายความเก่งกาจให้หลานตนสุด
ๆ
“ส่วนหลานข้าคือหัวหน้ากองกำลังที่สี่ของวังเดชกระบี่มาร เจ๋งกว่าขั้นหนึ่ง” มารตะกละเกทับ
“เฮอะ พวกแกสองคนอวดไม่เข้าเรื่อง ทั้งที่รู้ ๆ
อยู่ว่าหลานข้าคือหัวหน้ากองกำลังที่ห้าของวังวิหคเพลิงฟ้า แฝงเข้าไปรั้งตำแหน่งสูงขนาดนี้ภายในกิลด์ใหญ่อันดับหนึ่งเชียวนะ เจ๋งกว่าหลานของพวกเอ็งสองคนเยอะ” เฒ่าทารกไขว้สองแขนในระดับอก คุยโวและยืดเต็มที่
มังกรเฒ่าฟัง ๆ ดูแล้วตัดส่วนไร้สาระทิ้งไป พลันตระหนักได้ว่า กลุ่มคนทั้งหมดสมควรแฝงตัวอยู่นานปีแล้วแน่ ๆ ถึงได้รับความไว้วางใจและตำแหน่งสูงกันขนาดนั้น พลังฝีมือหลาน ๆ ของพวกสามมารเฒ่าก็ย่อมไม่อาจดูแคลน แผนการระยะยาวเช่นนี้คงมาถึงขีดจำกัดแล้ว กลุ่มสายลับที่แฝงตัวอยู่ก็คงไม่อาจเลื่อนตำแหน่งสูงไปกว่านี้กันได้อีก
“หึหึ” มังกรเฒ่าส่งเสียงหัวเราะ จนเพื่อน ๆ หันมามองเป็นตาเดียวอย่างสงสัย
“หลานของพวกเอ็งทั้งหมด ยังไงสุดท้ายก็ต้องมาจบลงที่สมาพันธ์ของไอ้ตัวแสบอยู่ดี แบบนี้ไม่ใช่ว่าคนของข้าเหนือกว่าหรือไงวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” มังกรเฒ่าเกทับปิดท้ายตอกหน้า สามมารเฒ่าถึงกับสะอึกแต่ก็เพียงพริบตาเดียว
“งั้นมารอดูกันเถอะ ไอ้ตัวแสบที่เอ็งอวยนักอวยหนาจะผ่านพิธีการครั้งนี้ไปได้ไหม” ชายชราทั้งสามแทบจะเอ่ยออกมาประสานเป็นเสียงเดียวกันอย่างท้าทาย
ทางด้านยี่ฟงปัจจุบันใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เขาเดินทางได้รวดเร็วกว่ามังกรเฒ่าอยู่หลายช่วงตัวเพราะอานิสงส์จากพลังวิชาตัวเบาขั้นสูงสุดที่ปลดล็อคมาในเลเวล
60 ยังมีผลจากท่าเท้าเมฆาซ่อนมังกรคลาส S อีกด้วยซึ่งช่วยเพิ่มพูนความเร็วเคลื่อนที่ให้อย่างมหาศาล
ก่อนจะบรรลุถึงเส้นทางหลักตรงไปสู่เมืองหังโจว ยี่ฟงตัดสินใจชะลอความเร็วลงเพื่อไม่ให้ตกเป็นจุดสนใจมากเกินไปนัก เขายังได้ติดต่อไปถามไถ่สถานการณ์ทางฝั่งของชีกอหรือฉี่ไกลพันลี้เอาไว้ด้วยนิดหน่อย พอทราบว่าการหลอกล่อเป็นตัวตายตัวแทนให้กับตัวเขาดำเนินไปอย่างราบรื่นจึงค่อยวางใจ ดูเหมือนยังไม่มีฝ่ายไหนกล้าลงมือเปิดฉากโจมตีขบวนรถขนสินค้า
“หือ มายืนตากฝนกันทำไมนอกเมืองน่ะ…” ยี่ฟงที่มีสายตายอดเยี่ยม มองเห็นกลุ่มคนประหลาดได้ก่อนจากระยะไกล ยิ่งเดินทางใกล้เข้าไปเท่าไรยี่ฟงก็เริ่มคิดได้ว่าพวกเขาคงมารอสังหารมอนสเตอร์หรือรอเก็บไอเท็มภารกิจ สุดท้ายไม่ได้ให้ความสนใจอีก แต่เมื่อกำลังจะทะยานร่างผ่านไป สามในหกคนกลับเข้ามาขวางกั้นเสียก่อนพร้อมกับถ้อยคำขยะแบบฉบับตัวประกอบ
“คิดจะไปไหนไม่ทราบ ไม่เห็นหัวพวกพี่เลยหรือไงกัน”
ความคิดเห็น