คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #104 : ไร้เยื่อใย
หากเป็นผู้อื่นย่อมถูกเหล่าพนักงานสอบสวนรุมทึ้งจนไม่เหลือชิ้นดีแน่ ทว่านายวาดไม่ใช่คนที่จะยอมโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วถึงขนาดเป็นกระแสดังไปทั่ว ภายในเว็บไซต์หลักของสถาบันการศึกษานานาชาติเพียงชั่วข้ามคืนกลับมีผู้เข้าชมเหยียดล้าน กระทู้ที่วาดเป็นคนตั้งขึ้นมาเพื่อใช้โจมตีสินทองหรือผู้อำนวยการใหญ่ถูกแชร์ออกไปทุกช่องทาง ความคิดเห็นครึ่งหนึ่งคล้อยตามชายหนุ่ม กระนั้นอีกครึ่งกับยึดอยู่บนความเป็นจริง จะบอกว่าพวกเขาเอียงไปทางฝ่ายสถาบันก็ไม่ผิด ไม่ใช่ทุกคนที่จะเชื่อว่านายวาดมีปัญญาสูงส่งประมวลผลรวดเร็วเทียบเท่าคอมพิวเตอร์ การสอบเก้าวิชาสามัญพร้อมกันในวันเดียวว่าน่าตกใจแล้ว แต่วาดกลับใช้เวลาในการทำข้อสอบรวมกันทั้งหมดน้อยยิ่งกว่าน้อยและได้คะแนนสูงติดอันดับโลกจนน่าตื่นตกใจเสียยิ่งกว่า
ทางผู้อำนวยการใหญ่สินทองยืนยันมาว่าให้ชายหนุ่มสอบใหม่ได้ทุกเมื่อ ซึ่งก็มีกลุ่มคนที่เห็นด้วยอยู่มากเช่นกัน
ถ้าเก่งถึงขั้นนี้แล้วการสอบใหม่ย่อมไม่ทำให้ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
ฝ่ายใดถูกฝ่ายใดผิดยังไม่อาจตัดสิน
อย่างไรก็ตาม
สินทองกำลังถูกกระแสด้านลบโจมตีไม่เว้นแต่ละวัน เพราะถ้าเขาผิด นั่นจะหมายความว่าเป็นการขัดขวางอัจฉริยะบุคคลไม่ให้ก้าวหน้าไปโดยปริยาย
ปัจจุบันสื่อต่าง ๆ แทบจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เข้าถึงตัวนายวาดแต่พวกเขาไม่พบใครที่บ้านตระกูลพิทักษ์วงศ์เดชาอย่างที่คาดหวังไว้ ซึ่งที่วาดย้ายออกไปอยู่คอนโดเก่าของแม่เงียบ ๆ ก็มีผลมาจากความวุ่นวายของสื่อเหล่านี้เอง ชื่อเสียงของวาทินกับดาราในวงการไม่ใช่ธรรมดา ปกติจะมีสื่อเวียนมาขอสัมภาษณ์ถึงหน้าบ้านแทบไม่ขาดสายและตอนนี้ลูกชายเพียงคนเดียวของทั้งสองก็กำลังตกที่นั่งเดียวกันหรืออาจจะหนักกว่าพวกเขาเสียด้วยซ้ำไป
“สรุปแล้วนายโดนโทษอะไรบ้าง”
หยกรฐาเอ่ยปากถามทันทีที่พบหน้าชายหนุ่ม
“ไม่แย่อย่างที่คิด แต่ตอนนี้ฉันหิวข้าว เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลังแล้วกันนะ”
วาดตอบกลับอย่างไม่ค่อยใส่ใจ
หญิงสาวจึงแสดงสีหน้าบึ้งและทำได้แค่รอ
“ที่นี่เขามีศูนย์อาหารอยู่ นายสนใจหรือเปล่าล่ะ”
เก้าเอ่ยแนะนำสถานที่
“โอเค ฉันไม่ใช่คนเรื่องมากสักหน่อย”
วาดผงกศีรษะพลางกล่าว
ใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก
กลุ่มของวาดก็ลงมาถึงศูนย์อาหารขนาดใหญ่ พนักงานส่วนมากแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นวัยรุ่นล่วงล้ำเข้ามาได้เป็นกลุ่ม กระทั่งละความสนใจกลับไปเพื่อใช้เวลาพักของตนดีกว่าที่จะไปยุ่งเรื่องคนอื่น ขณะวาดและเพื่อน ๆ ได้โต๊ะกับอาหารมาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน วาดจึงถือโอกาสเล่าเรื่องบทลงโทษให้ฟังระหว่างกินไปด้วย
“นายโชคดีเท่าไรแล้วที่ไม่โดนลบตัวละครทิ้ง”
สองกล่าวตามตรงหลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมด
“เอ็งตัดสินใจถูกต้อง การยอมรับโทษเป็นผลลัพธ์ดีที่สุดแล้ว ถ้าทำให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้คงได้เสียหายหนักจนมานั่งร้องไห้เอาทีหลังแน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ลุงกรมีสีหน้าผ่อนคลายลง
ดูเหมือนพวกเขาจะผ่านความยากลำบากไปได้ด้วยดีกว่าที่คิด
“ถ้าอีตานี่ไม่ยอมรับความผิดล่ะคะ?
เกิดสู้ไปฟ้องร้องกันขึ้นมาจริง ๆ มันจะจบอย่างไร”
หยกรฐาชิงเปิดประเด็นที่ตนกำลังสงสัยอยู่แทรกกลางวงสนทนา ลุงกรเห็นทุกคนเงียบจึงตอบคำถามนั้นแทนว่า
“ขั้นแรกพอเรื่องมันเป็นข่าวออกไป ไอ้ตัวแสบคงถูกกระแสด้านลบโจมตีก่อนชัวร์”
“ลุงพูดถูก เริ่มต้นมาเลเวล 30 แบบนี้ใครก็รู้ว่ามันผิดปกติ ผมยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมบทลงโทษมันไม่ได้หนักอย่างที่ควรจะเป็น โชคดีของนายจริง ๆ วาด”
เก้าเอ่ยเสริม
“หมายความว่าต่อให้ชนะในการเรียกร้องสิทธิ์จริง
ๆ ความเสียหายที่ได้รับก็ยังมากกว่าผลประโยชน์อีกเหรอ”
มุกทิตาถามตรงประเด็น
วาดที่เคี้ยวอาหารเพิ่งเสร็จได้จังหวะเป็นคนอธิบายด้วยตัวเองว่า
“คิดว่าจะได้อะไรจากบริษัทไมโครดราก้อนล่ะ ทางนั้นคงไม่มีทางมอบไอเทมอะไรให้หรอก จะกลายเป็นว่าอาจถูกบังคับลบตัวละครที่มีปัญหาทิ้งและให้ไปเริ่มใหม่แต่ต้นแทนด้วยซ้ำ หรือถ้าจะมอบไอเทมล่ะก็ไม่มีทางจะเป็นไอเทมคลาสสูงแน่ ๆ มีไอเทมอีกจำนวนมากที่ทางนั้นสามารถใช้เป็นค่าเสียหายได้มากเกินพอ แต่สุดท้ายก็ยังเสี่ยงที่จะถูกลบตัวละครอยู่ดีใช่ไหมล่ะ? ทั้งตัวฉันเองสมควรถูกนำไปก่นด่าตามเว็บบอร์ดในโลกไซเบอร์ไม่จบไม่สิ้นไปอีกนาน ทุกคนก็รู้ดีนี่ การเอาเปรียบผู้อื่นในยุคนี้ไม่ค่อยจะเป็นที่ยอมรับต่อทุกสังคมเท่าไร”
“ข้าขอเสริมหน่อยว่ะ เว้นแต่จะมีอำนาจล้นฟ้า มีเส้นสายอยู่ทุกวงการคอยปิดข่าวเสียของตัวเองนั่นแหละ ถ้าไม่จับได้คาหนังคาเขาหลักฐานมัดตัวล่ะก็ อย่าหวังจะทำอะไรพวกมันได้ เหอะ ๆ”
ลุงกรค่อนข้างใส่อารมณ์เมื่อกล่าวนอกประเด็นไปถึงกลุ่มคนในโลกมืด
“ลุงทำใจเถอะ
จะกี่ยุคกี่สมัยก็ไม่มีทางหนีพ้นเรื่องพวกนี้ไปได้หรอก อยู่ที่ว่าคนมีอำนาจมันคิดจะโกงมากโกงน้อยและแนบเนียนขนาดไหนเท่านั้น พวกที่ไม่ทันระวังตัวก็จะถูกปราบปรามซึ่งมันก็ไม่มีทางสิ้นซากหมดไปจากแผ่นดินง่าย
ๆ อยู่แล้วเพราะจะเกิดรากเหง้าที่เลวระยำขึ้นมาแทนที่ใหม่เสมอ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
วาดกล่าวปนหัวเราะทั้งน้ำตาพลางตักข้าวใส่ปาก
“แล้วนายได้รับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากทางบริษัทเกมหรือเปล่า”
หยกรฐาถามต่อ
“คงไม่ได้อะไรนอกจากโดนลงโทษหรอก แค่ที่ฉันฉวยโอกาสด้วยการเริ่มต้นมาเลเวล 30 ก็มากเกินพอแล้ว คงมีฉันคนเดียวนี่ล่ะที่ใช้เวลาในโลกจริงแค่สี่วันพัฒนาตัวละครไปได้ไกลขนาดนี้”
วาดตอบทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่
“เอ็งกลืนอาหารลงท้องไปก่อนสิวะค่อยพูด ขยะแขยงโว้ย”
ลุงกรตำหนิและแสดงสีหน้าแหยงอย่างไม่คิดปกปิด
“โธ่ลุง คนหล่อแบบฉันทำอะไรก็ดูดีไปหมดแหละ ฉันยังคิดเลยนะว่าตอนนั่งขี้อยู่อาจจะมีคนอยากมาเซลฟี่ด้วยก็ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ลุงกรเผลอเอื้อมตัวไปเขกศีรษะสั่งสอนไอ้ตัวแสบจนได้ หยกรฐาถึงกับด่าไม่หยุดปาก ส่วนคนที่เหลือได้แต่เอือมระอาและพยายามไม่นึกถึงขี้ระหว่างทานอาหารกันอย่างสุดความสามารถ
บ้านตระกูล ไพพิบูล
“อะไรวะ!
แบบนี้ยังเรียกว่าเป็นการลงโทษได้อีกเหรอ”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานามสูงส่งว่า เทพ โวยวายเสียงดังลั่น
เกือบสิบนาทีหลังจากวาดออกจากห้องสอบสวน ทางบริษัทไมโครดราก้อนก็ส่งข้อมูลย้อนคืนกลับมาให้ผู้แจ้งเรื่องเข้าไป สรุปผลการแก้ไขปัญหาเป็นตัวหนังสือไม่กี่บรรทัด ซึ่งพอเทพได้อ่านดูแล้วถึงกับบังเกิดโทสะเลยทีเดียว แต่เมื่อสงบสติอารมณ์และคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนมันก็เหยียดยิ้มชั่วร้ายขึ้นมาแทนสีหน้าโกรธเคือง
“ถูกระงับการเลื่อนเลเวลหนึ่งเดือน นี่ถ้ามันถูกฆ่าซ้ำ ๆ จนเลเวลกลับไปเริ่มหนึ่งใหม่ก็แทบจะไม่มีปัญญาทำอะไรแล้วนี่หว่า เป็นฉันคงลบตัวละครไปสร้างใหม่แน่ หึหึ”
เทพพึมพำอย่างชอบใจ
กระทั่งมันรีบติดต่อกลุ่มเพื่อนที่มีอำนาจในเกมทุกคนพร้อม ๆ กัน
“มีอะไรวะไอ้เทพ?”
เสียงชายคนหนึ่งถามขึ้น จากนั้นเสียงอีกหลายคนก็ดังตามมาเมื่อถูกรวมสายเข้าด้วยกัน
“พวกแกเตรียมกำลังพลไว้ให้พร้อม ได้เวลาที่เราจะล่าไอ้บัดซบนั่นแล้ว”
เทพเอ่ยปากเสียงกร้าว
“ไอ้วาดน่ะเหรอ อืม…ข่าวบอกว่ามันกับทีมเดินทางออกจากเมืองดาบมังกรแล้ว”
“เฮอะ!
มันอวดดีฉิบหาย ถึงกับเลือกเส้นทางมรณะปราบเซียนในการขนส่งขบวนรถสินค้า”
“แบบนี้ยิ่งทำให้ง่ายขึ้นเยอะสิวะ
เราก็ไปรวมพลกันรอดักกระทืบมันที่เมืองเศียรมังกรเลย”
“เราจะไม่รออยู่เฉย ๆ
แต่จะเข้าไปฆ่ามันยังเส้นทางมรณะปราบเซียนต่างหากล่ะ”
เทพกล่าวแทรกขึ้นอย่างเด็ดขาด
“แน่ใจแล้วเหรอไอ้เทพ? เส้นทางที่ว่าไม่ใช่ระยะทางสั้น ๆ เลยนะ บางทีเป้าหมายเราอาจจะชิงตายห่าไปก่อนก็ได้”
“งั้นเราก็แค่ฝ่ากลับไปยังเมืองดาบมังกรให้ได้แล้วฆ่ามันซ้ำอีกทีไง ฉันไม่ยอมเสี่ยงพลาดที่จะได้ฆ่ามันแน่ เกิดมันโชคดีผ่านไปถึงเขตเมืองเศียรมังกรล่ะก็ เราจะลำบาก”
เทพย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังและไม่คิดจะเปลี่ยนใจง่าย ๆ
“งั้นค่อยเจอกันเย็นนี้ ขอไปทำธุระก่อนว่ะ”
“เออ ตกลงตามนี้
เจอกันอีกทีที่เมืองเศียรมังกร…”
ทุกสายค่อย ๆ ตัดไปจนสิ้น
เทพที่คล้ายเป็นตัวการหรือผู้นำกลุ่มล่าสังหารรู้สึกกระตือรือร้น มันเปิดรายชื่อคนรู้จักขึ้นมาเพื่อติดต่อไปหาอีกคนหนึ่งพร้อมสีหน้าสะใจ
“ว่าไงคะ?”
เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังขึ้น
“เรามีนัดรวมตัวกันที่เมืองเศียรมังกร เธออย่าพลาดเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
เทพใช้น้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง
“จี้อยู่ไม่ไกลเท่าไร น่าจะไปทันพอดีแหละ รวมตัวกันจะไปล่าอะไรเหรอครั้งนี้”
หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า จี้ กล่าวขึ้นโดยไม่คิดปฏิเสธ
“ฉันจะพาไปล่าไอ้ของเล่นเก่าที่ไม่เชื่องของเธอไงล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เทพตอบกลับพลางหัวเราะสนุกสนาน
“งั้นเหรอ ดีเหมือนกัน จี้อยากจะสั่งสอนให้มันหลาบจำอยู่แล้วด้วย จะได้รู้ว่าการเมินสาวสวยมันต้องพบกับจุดจบอย่างไร”
หญิงสาวกล่าวขึ้นท่าทางตื่นเต้นยินดีกว่าที่คิด เทพที่ตั้งใจฟังรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยเพราะคิดว่าแฟนสาวของตนจะมีเยื่อใยต่อเป้าหมายจนแสดงออกมาบ้าง
แม้จะไม่เป็นไปตามที่คิด
ทว่าก็ยังทำให้เทพชอบอกชอบใจมากไม่ต่างกันเท่าไรอยู่ดี
“เราจะทำให้มันต้องลบตัวละครทิ้งให้ได้ ใช่ไหม?”
“ถ้าเป็นไปได้ ทำลายทุกอย่างของมันเลยก็ดี จะเป็นเพื่อน กิลด์ หรือคนที่เกี่ยวข้อง อย่าให้เหลือซากจนกลับมาช่วยมันได้อีกเป็นครั้งที่สอง แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอที่รัก? ฮิฮิ”
“เธอพูดมามีเหตุผล...ใช้ได้เลยต่างหากล่ะ ฉันคิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
คนทั้งสองใช้เวลาสนทนากันอีกสักพักใหญ่ ส่วนมากแล้วเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและช่วยกันสืบค้นเรื่องราวของตัวละครยี่ฟงเป็นหลักนั่นเพราะท้ายที่สุดแล้วจะเป็นการทำลายอย่างไม่เลือกหน้า ขอเพียงมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายล่ะก็ ล้วนต้องถูกกำจัดทิ้งไปพร้อม ๆ กันเพื่อไม่ให้มีโอกาสได้กลับมาง่าย ๆ อีกเป็นครั้งที่สอง นี่จึงจะถูกต้องและรู้สึกสะใจมากกว่าเป็นสิบเท่า!
ความคิดเห็น