คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #105 : ส่งสาว
เกือบเที่ยงกลุ่มของวาดก็กลับออกมาจากศูนย์อาหาร พวกเขาใช้เวลาสนทนากันซะส่วนใหญ่จนได้รับรู้เรื่องราวของกันและกันมากขึ้น โดยเฉพาะเก้า เท็นและสองซึ่งมีเป้ามายในชีวิตค่อนข้างชัดเจน คนทั้งสามคาดหวังจะเปิดร้านอาหารผสมผสานหลากวัฒนธรรม ถึงแม้การเดินทางทั่วโลกในยุคนี้จะสะดวกปลอดภัยและราคาถูกจับต้องได้ทุกฐานะไม่ว่ารวยหรือจน แต่การมีความคิดริเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างไม่ถือว่าสูญเปล่า วาดจึงรู้สึกชื่นชมพวกพี่เลี้ยงอยู่ในใจ เทียบกับตัวเองแล้วพลันห่อเหี่ยวลงถนัดตาเพราะวาดยังไม่รู้เลยจะไปเอาดีทางด้านไหน
อัจฉริยะก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่เหมือนกัน…
“ข้าจะกลับไปออนไลน์เร็วหน่อย นัดกับแก๊งวัยชราไว้เมื่อเช้า ส่วนเรื่องความปลอดภัยเอ็งไม่ต้องห่วง รับรองข้าจะใช้ทุกอย่างเพื่อปกป้องกลุ่มของเราเต็มที่”
ลุงกรกล่าวน้ำเสียงมาดมั่น
“มีของดีอยู่ในมือแล้วก็อย่าให้เสียเปล่าล่ะลุง”
วาดตอบกลับยิ้ม ๆ แสดงความไว้วางใจ
“ลุงคิดว่าจะชักชวน สามมารเฒ่าหังโจว
เข้าร่วมสมาพันธ์ได้จริง ๆ หรือครับ?”
เก้าอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
คำเรียกขานในตำนานแห่งเมืองหังโจวเป็นที่รู้กันไปทั่วยุทธภพ สามมารเฒ่านับเป็นกลุ่มคนเก่งฉกาจและไม่ควรเป็นศัตรูด้วยอย่างแท้จริง แม้ประกอบด้วยจำนวนคนเพียงแค่สามกลับสร้างเรื่องเป็นที่โจษจันไปทั่วแดนดิน สามมารเฒ่าปฏิเสธทุกคำเชื้อเชิญ ไม่มีวี่แววจะตบเท้าเข้าร่วมกับสังกัดกิลด์ใดจนมาถึงบัดนี้ ทั้งลี้ลับ อันตราย และน่าหลงใหลเชิดชูเกียรติ
ถึงขนาดมีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาว่า สามมารเฒ่าปักหลักต้านทัพเรือนแสน
ข่าวลือมักแต่งแต้มจินตนาการเกินจริงเสมอไปซะทุกเรื่อง กระนั้นดันมีคนโง่หลงเชื่อเสียนี่!
“ต้องได้สิวะ ที่ข้ามาเล่นเกมนี้ก็เพราะพวกมันสามตัวเป็นคนชวน ถึงทีข้าชวนพวกมันบ้าง”
ลุงกรตอบโดยไม่รู้สึกกังวลอะไรนัก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แบบนี้ได้เปลี่ยนชื่อแก๊งเป็นสี่มารเฒ่าชัวร์ป้าบ อย่าให้หลุดมือไปได้เชียวนะลุง”
วาดกล่าวปนหัวเราะชอบใจ ขณะลุงกรเหล่มองไอ้ตัวแสบอย่างรู้ทันพลางตอบกลับไปว่า
“ข้ารู้นะเอ็งคิดอะไร แต่เอาเถอะ
เพื่อความรุ่งโรจน์ของสมาพันธ์เรา
ข้าเห็นดีด้วย ฮ่า ฮ่า”
เพื่อนคนอื่นพลันนึกสงสารผู้ที่กำลังตกเป็นเหยื่อของสองคนนี้จริง ๆ
“ถ้าลุงมั่นใจว่าจะคุมสามมารเฒ่าได้แบบนี้พวกผมก็สบายใจ
เราคงไม่ได้รวมทีมกันอีกสักพัก”
เก้ากล่าวขึ้นยิ้ม ๆ
“พวกพี่จะแยกออกไปหลังจากนี้หรือคะ?”
มุกทิตาเอ่ยถามสีหน้าตกใจ ในช่วงที่กลุ่มตัวเองมีศัตรูทั่วสารทิศ การลดจำนวนลงไม่ใช่เรื่องดี
“ติดภารกิจประจำกิลด์จ้ะน้องมุก พวกเราคงได้เจอกันอีกทีก็งานแข่งขันประจำปีนู่นเลยมั้ง”
เท็นตอบตามตรง ก่อนจะเป็นเก้าที่ช่วยเสริมขึ้นอย่างนึกเอ็นดู
“พี่เชื่อว่าวาดจะดึงวังฟีนิกซ์เยือกแข็งเข้าเป็นพันธมิตรได้ ยิ่งมีสามมารเฒ่าหังโจวที่ลุงกรจะพามาร่วมด้วยอีกแบบนี้ ไม่มีศัตรูหน้าไหนโง่พอจะขุดหลุมฝังตัวเองด้วยการโจมตีพวกเราแน่ ๆ”
อันที่จริงมุกทิตาไม่ได้ห่วงเรื่องความปลอดภัยแต่แรก เธอเข้าใจดีในสิ่งที่ได้ยิน เพียงแค่รู้สึกว่าการแยกจากกับเพื่อนที่เพิ่งสนิทใจคงจะทำให้กลุ่มเงียบเหงาและน่าเสียดายอยู่บ้าง
“พยายามเข้าแล้วกันนะคะ”
มุกทิตาผงกศีรษะพลางฝืนยิ้มกล่าว
พอเอ่ยล่ำลากันเสร็จแล้วลุงกรก็เป็นคนแรกที่แยกกลับไปก่อน ตามด้วยสามพี่เลี้ยงจนเหลือแค่นายวาดกับสองสาว
“พวกเธอล่ะ จะกลับบ้านยังไง?”
วาดเอ่ยปากถามด้วยความหวังดี
“ฉันขับรถมาเหมือนกันค่ะ ว่าแต่เธอจะไปกับฉันหรือเปล่าหยก”
มุกทิตาตอบและหันไปถามเพื่อนสาว
“ไม่ต้องลำบากหรอก บ้านเธอกับฉันอยู่คนละทาง เดี๋ยวฉันให้อีตานี่ไปส่งแทนแล้วกัน”
หยกรฐาปฏิเสธด้วยรอยยิ้มขอบคุณ
ส่งให้ชายหนุ่มถึงกับเลิกคิ้วประหลาดใจ
“เอ่อ…เธอแน่ใจแล้วเหรอ ไม่ใช่ว่าไปตีกันบนรถจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาหรอกนะ?”
มุกทิตาถามยืนยันสีหน้าไม่ค่อยดียิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก ขณะวาดผงกศีรษะเห็นด้วยยกใหญ่
“เดี๋ยวเถอะเธอนี่…!”
หยกรฐาดุเพื่อนสนิทและคิดจะตีแขนสั่งสอนสักเพียะแต่อีกฝ่ายชิงกระโดดหนีไปหารถของตัวเองพร้อมกับเสียงกรี๊ดน้อย
ๆ ก่อนแล้ว
“คิดอะไรอยู่ถึงต้องการจะให้ฉันขับรถไปส่งเธอเนี่ย”
วาดถามอย่างไม่มั่นใจ พวกเขาทั้งสองยืนมองรถของมุกทิตาค่อย
ๆ วิ่งออกไปยังถนนใหญ่
“ตามที่ได้ยินแหละ ฉันไม่อยากให้เพื่อนลำบาก หรือนายก็จะปล่อยให้ฉันกลับเองอีกคน?”
หยกรฐาตอบและถามกลับ
“โอเค เชิญที่รถเลยครับคุณนาย ผมจะบริการให้อย่างดีเยี่ยม ขับขี่ปลอดภัยไม่มีตกหลุมอากาศ”
วาดรีบวิ่งนำไปที่รถ จากนั้นโค้งตัวพร้อมเปิดประตูรถให้ด้วยท่าทางนอบน้อม
“แบบนี้ก็มากไปนะ”
หยกรฐาส่ายศีรษะยิ้ม ๆ กระทั่งยอมขึ้นไปนั่งแต่โดยดี
เมื่อรถแล่นออกสู่ถนนใหญ่ความเงียบก็เข้าปกคลุมหนุ่มสาวทั้งสองคน วาดไม่จำเป็นต้องถามว่าบ้านเธออยู่แถวไหนเพราะช่วงทานอาหารเขาได้ทราบข้อมูลของเพื่อนทุกคนมาพอสมควรแล้ว
“ขอบใจพวกเธอมากนะที่สละเวลามา…”
วาดตัดสินใจกล่าวขึ้นก่อน ถึงแม้ความจริงแล้วคนทั้งหมดจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม ถ้าเป็นชายหนุ่มก่อนหน้านี้บางทีเขาอาจจะพูดตรง
ๆ ไปแล้วแต่การได้เข้าสังคมกับคนวัยใกล้เคียงกันทำให้วาดเริ่มเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่ทุกคนจะชอบใจเมื่อได้ฟังความจริงไปซะทุกเรื่อง
“เก็บไว้ไปพูดกับพวกพี่เลี้ยงและลุงกรเถอะ ฉันไม่ใช่คนต้นคิดสักหน่อย”
“แต่เธอเองก็ยอมมาด้วยเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”
วาดสวนกลับพลางส่งเสียง หึ ส่งให้หญิงสาวคนข้าง ๆ เถียงไม่ออก
“ไว้คราวหน้าหาจังหวะเหมาะ
ๆ ชวนเหนือฟ้ามาด้วยคงจะสนุกกว่านี้
เธอว่าไหม”
วาดวางแผนไปถึงอนาคตเรียบร้อยแล้วโดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเรื่องมันยุ่งเหยิงขนาดไหน หยกรฐาที่มองออกไปไกลรู้สึกอึดอัดรำคาญใจขึ้นทุกที กระทั่งเธอตัดสินใจเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น
“ทำไมนายถึงเลือกแสดงอัจฉริยภาพออกมาในวันสอบที่สถาบันเหรอ”
“เธอรู้ด้วยว่าเป็นฉัน?”
วาดถามกลับยิ้ม ๆ
“ไม่รู้สิแปลก สื่อเอาแต่ประโคมข่าวของนายข้ามวันแบบนี้”
หยกรฐาตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
จากนั้นกล่าวต่อไปว่า
“หรือจริง ๆ
แล้วนายโกงข้อสอบ
จึงไม่ได้กลับไปสอบใหม่อย่างที่หลายคนเขาต้องการ”
“เธอคิดว่าไงล่ะ”
“เลิกอ้อมค้อมแล้วตอบมาตรง
ๆ เถอะน่า”
หยกรฐาเริ่มคาดคั้น
ส่วนวาดเผยยิ้มบาง
หลังจากไตร่ตรองดูแล้วถึงยอมเล่าให้อีกฝ่ายฟัง
“ฉันโดนเพื่อนสนิทคนเดียวกับแฟนสาวหักหลักน่ะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการสอบด้วยล่ะคะ?”
หยกรฐาหันไปจ้องชายหนุ่มพลางกะพริบตาและแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ วาดหัวเราะก่อนจะเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นเริ่มจากฐานะของไอ้เทพเวรตะไลกับผู้อำนวยการใหญ่สินทอง จากนั้นเรื่องราวค่อยถูกร้อยเรียงผ่านตัวผู้เสียหายเอง ซึ่งกระแสเสียงบางช่วงบางตอนเผยความเจ็บปวดลึก
ๆ จนไม่อาจบ่งบอกบรรยายให้เข้าใจได้ หยกรฐาหุบปากเงียบปล่อยให้ชายหนุ่มระบาย
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเมินเฉยความทรงจำที่ถึงแม้มันจะเป็นการโกหกหลอกลวงก็ตาม
“นายควรจะกลับไปสอบใหม่เพื่อตอกหน้าพวกมัน!”
หลังฟังมาจนจบหยกรฐาก็ระเบิดโทสะเต็มที่
“ฉันเบื่อแล้ว ไม่อยากเป็นข่าวด้วย”
วาดตอบกลับสั้น ๆ เล่นเอาหญิงสาวเหวอไปอึดใจหนึ่ง แต่พอนึกได้ว่ามันเป็นคำตอบที่เรียบง่ายเกินไป วาดจึงได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
“คนพวกนั้นไม่ธรรมดา อำนาจของพวกเขามากมายกว่าที่เธอคิดไว้เยอะ และฉันไม่ต้องการให้พ่อกับแม่เป็นกังวลไปมากกว่านี้ด้วย
เชื่อเถอะว่าการอยู่เฉยนับว่าฉลาดอย่างที่สุดแล้วในตอนนี้”
“ฉันไม่เห็นด้วยหรอกนะ การไม่ทำอะไรเลยอาจยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายลงไปอีกก็ได้”
“หรือการไปแหย่เสือมาก ๆ เข้าก็จะยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าเดิมเร็วขึ้น ใช่ไหม?”
วาดสวนกลับทันทีอีกครั้ง ส่งให้หยกรฐาเม้มปากแน่นก่อนจะแนะนำเสียงอ่อนลงว่า
“นายควรจะบอกพ่อกับแม่ อย่างน้อยให้พวกท่านได้ตัดสินใจร่วมด้วย ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นก็ได้”
“ฉันเองตั้งใจไว้แบบนั้นมาสักพักใหญ่แล้วเหมือนกัน แต่ก็ขอบใจที่แนะนำนะ”
วาดตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม ช่วยให้บรรยากาศค่อย
ๆ ผ่อนคลายจนกลับเป็นปกติ
“แล้วนายคิดจะทำยังไงกับไอ้ลูกชายของผู้อำนวยการใหญ่นั่นล่ะ อีกฝ่ายคงไม่เลิกราไปง่าย ๆ”
หยกรฐาเปลี่ยนไปถามเรื่องเล็ก ๆ บ้าง การทะเลาะกันของเด็กคงไม่มีอะไรหนักหนาเท่าไร
อย่างน้อยเธอก็คิดเช่นนั้น
“ไม่เห็นมีอะไรยาก อีกอย่างฉันก็ตัดสินใจไปแล้วด้วย”
วาดตอบเสียงเรียบ หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง
ๆ พลันหรี่ตาเล็กลงและรู้สึกเสียวสันหลังวูบ
“เป้าหมายต่อไปของนายคืออะไร อย่าลืมนะว่าตอนนี้ตัวละครยี่ฟงเลเวลค้างอยู่ที่
57-62 เท่านั้น”
“นั่นไม่เป็นปัญหาหรอก เพราะยังมีอีกหลายวิธีจะให้ฉันใช้ทำลายพวกมันทั้งสองตัวได้”
วาดตอบขณะหยุดรถบนสี่แยกไฟแดงโล่ง ๆ
พอมีเวลาให้ละสายตาออกจากถนน
เขาก็หันไปสบตาหยกรฐาพลางกล่าวว่า
“เชื่อเถอะว่า ต่อให้พวกมันสามารถหนีไปอยู่ใต้กิลด์ใหญ่อันดับหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์ ฉันก็จะตามไปทำลายเส้นทางสู่อนาคตที่พวกมันคาดหวังไว้จนไม่เหลือซากได้อยู่ดี
ฉันพร้อมสละเวลาเพื่อผลลัพธ์เพียงหนึ่งเดียวนั่น
ไม่ว่าจะต้องใช้เวลากี่ปีก็ตาม”
หยกรฐารู้สึกหวาดหวั่นในความมุ่งมั่นที่แสดงออกมาของชายหนุ่มตรงหน้า จากน้ำเสียงและแววตาคู่นนั้นเขาคงไม่เกี่ยงวิธีการแน่
ๆ เธอกลืนน้ำลายได้อย่างยากลำบากก่อนจะใช้ความพยายามทั้งหมดในการตอบกลับไปว่า
“ถ้านั่นคือเป้าหมายของนาย ฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ ถ้าเป็นในโลกเกมล่ะก็ไม่ว่านายตั้งใจจะทำสิ่งใด ฉันยินดีจะช่วยเหลือนายเอง ซึ่งคนอื่น ๆ คงจะไม่ต่างกันนัก”
วาดหันกลับไปมองถนนอีกครั้งพร้อมเหยียบคันเร่งเมื่อไฟเขียว กระทั่งประโยคหนึ่งดังขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนโอ๊ย
“เธอนี่ ไม่กลัวอะไรเลยจริง ๆ นะ…”
ความคิดเห็น