ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : [S.Fic] Scary Movies -XS,BF- End!!!
เปรี้ยง!!!
เสียงผืนนภาคำรามออกมาอีกคำรบ แสงไฟแวบวาบฉายภาพสยองขวัญสั่นประสาทซ้ำอีกครา...
ย้อนความเดิมตอนที่แล้ว...ป๋าแซนซัสบอสใหญ่แห่งวาเรียได้ลุกออกจากเก้าอี้มาเดินหาสาเหตุความเงียบงันภายในปราสาท...แม้เจ้าตัวจะอ้างแบบนั้นก็ตาม...แต่ยามกล้องถ่ายรูปนรกได้ถ่ายติดมือปริศนาชวนผวาและพบว่าห้องนอนของรองหัวหน้าหน่วยวาเรียมีสิ่งแปลกปลอมพยายามปีนเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือ นั่นก็ทำให้มาดที่สั่งสมมาตลอด 269 ตอน พังทลายลงทันใด
"ช...ช่วยด้วย...ช่วย...ด้วย..."
'ช่วยตัวเองไปเถอะเฮ้ย!' ยามนั้นความคิดของชายหนุ่มเนตรสีโลหิตคือทำยังไงก็ได้ให้ตื่นจากความฝันเสียที...นี่มันเกินนภาจะรับได้!!!
เปรี้ยง!!
เสียงซาวน์เอฟเฟ็คเดิมร้องลั่นและสายฟ้าแล่นแปร่บปร่าบยิ่งฉายชัดถึงเงาหน้าของภาพบัดซบ...นี่มันเหมือนผู้พิทักษ์แห่งอัสนีเลวี่อาร์แทนเวอร์ชั่นโดนประทัดลอยกระทงมาชัดๆ...
'ตื่น...ตื่นซะที...ตื่นมาเจอไอ้ฉลามหัวเน่ากำลังนอนอยู่ในอ้อมกอด...ตื่นสิโว้ยยยยย'
นภามืดแห่งวาเรียกำลังจะกลายเป็นนภาเพ้อในอีกไม่ช้า...
เพียงเวลาไม่กี่วินาทีที่ฉุกคิดว่าตนกำลังอยู่ในความฝัน ความสยดสยองก็ค่อยๆคลืบคลานเข้ามาอยู่แทบเท้าเสียแล้ว
"ช่วย..."
"ช่วยไปไกลๆตรีนกรุเถิด!!!!!!!" ชายหนุ่มไม่เสียเวลาคิดอีกต่อไป
ในยามนี้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน!!
ผลัก!
คาดว่าสัญชาตญานบอสมาเฟียยังคงทำงานอยู่ แซนซัสเงื้อฝ่าเท้าขึ้นสูง ความหวาดกลัวมีมากเท่าใด แรงกระทืบยิ่งมากเท่านั้น
เงาตะคุ่มๆกลิ้งกระเด็นไปแปดสิบตะลบ อาศัยจังหวะนั้นบุรุษนัยน์เนตรสีโลหิตก็ออกวิ่งไม่คิดชีวิต...ภาพอันงดงามในห้องนอนของฉลามวาเรียจะอยู่ในความทรงจำของเขาไปอีกตราบนานเท่านาน
.
แฮ่ก แฮ่ก
หอบแดรก! เป็นคำเดียวที่บอสผู้หวาดผวาคิดออกในตอนนี้ คิดถึงตอนที่วิ่งร้อยเมตรออกมาจากห้องของฉลามคลั่งอย่างไม่คิดชีวิต ขนาดที่นักวิ่งทีมชาตินามิโมริยังอาย
'ใครก็ได้ ช่วยบอกกรุทีว่าฟิคนี้มันผิดลิขสิทธิ์ ใครก็ได้มาแบนกรุที!!! เห็นแก่สังขารกรุเถิด!!'
แผ่นหลังกว้างพิงกำแพงอย่างเหนื่อยล้า ดวงตาสีแดงเลือดกวาดมองไปรอบๆก่อนจะพบว่า
เวรกรรม! งานงอก กลับมาอยู่ที่ทางเดินคนจิตอีกแล้ว
"ไอ้ไบก๊อน..." ลองเรียกดูด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนจะหาพันธมิตร ไม่ได้อยากหาเพื่อนอยู่ด้วยนะ ไม่ได้กลัวเลย แค่วิ่งออกกำลังกาย
"ถ้าแกโผล่มาภายใน 10 วินาทีนี้ รับไปเลยสิทธิพิเศษในการฉีกยิ้มตลอดชาติโดยไม่มีความผิด แต่เดี๋ยวก่อน...ถ้าแกออกมาภายใน 3 วินาทีนี้รับฟรีไปเลยภาพลับเฉพาะของไอ้กบฟราน!"
ฟิ้ว~
เงียบสนิท...
ให้ตายสิ...มุขนี้ก็ไม่ได้ผล
‘ไอ้ฉลามหัวเน่าก็ไม่อยู่ ไม่เป็นไรคนอย่างแซนซัสมีตัวเลือกเสมอ...ไปหาลุสซูเรีย(?)ก็ได้วะ’ คิดได้ดังนั้น บอสร่างถึกจึงมุ่งหน้าเข้าหาแหล่งพลังงานใหม่ทันที...
.
ผ่านไปแล้วนานโข...
ยามบอสใหญ่ยิ่งสาวเท้าเดินใกล้ครัวมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ บรรยากาศหนาวเย็นและหมอกควันก็กลับปกคลุมมากขึ้นเท่านั้น ไอเย็นรอบกายบุรุษแห่งนภา(มืด) ยิ่งชวนให้หวาดผวาจนต้องตะโกนออกไปดับเครียด
"ออกมาสิโว้ยย ข้าน่ะ แซนซัสฆ่าพันศพนะเว้ย"ว่ากันว่าคนเราเมื่อกลัวจนถึงขั้น max อะดรีนาลีนก็จะพากันหลั่งไหล
ป๋าถึงจุดพีคแล้ว...
ร...หรือว่า วิญญาณสัปเหร่อที่ทำศพพันศพนั้นมันจะมาตามหลอกตรูเพราะแค้นที่หางานให้มันทำ!? (ไม่เกี่ยว)
ขาที่กำลังก้าวเดินไปห้องครัวสั่นกึกๆ เป็นจังหวะซอรี่ซอรี่ซอรี่อย่างไม่อาจควบคุม ในหัวพลันนึกไปถึงพ่อบังเกิดเกล้า...
คิดถึงอีแก่แล้วพลันนึกถึงคทาแห่งพลัง(?)ที่เอาไว้ไล่ผีของมันขึ้นมา (จะมีมงกุฏแห่งใจโผล่มาด้วยอีกไหม...)
หนังสือว่าด้วยวิธีการหลอกตัวเองภาค 2 ถูกหยิบยกมาใช้อีกครั้ง ได้แต่แข็งใจก้าวเดินไปข้างหน้าจนกระทั่ง
ปึง!
อ๊าก!! จมูกหนู!!
ด้วยความโง่ส่วนบุคคล ชายหนุ่มเผลอยกมือไปกุมจมูกตัวเองป้อยเมื่อชนเข้ากับสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันทั่วๆไปว่า
กำแพง...
ไชโย! เจอกำแพงแล้ว
ในใจแทบจะกู่ร้องเป็นทำนอง คุฟุฟุ เมื่อมือใหญ่ควานสะเปะสะปะไปเจอลูกบิดประตูประตูจนได้ แซนซัสไม่รอช้า ผลักเข้าไปทันทีด้วยใจนั้นอยากจะหาเพื่อนร่วมโลกเต็มแก่
ฟู่!
ควันจำนวนมหาศาลไหลปะทะใบหน้ากร้านโลกทันทีที่เปิดประตูนั้น ทำให้บอสใหญ่ได้รู้
นังกระเทยสวะ! บังอาจจุดไฟเเผาปราสาทตรู!
เป็นกระเทยก็อภัยให้ไม่ได้!!(ผิดประเด็น)
นัยน์เนตรกวาดมองหาอาวุธทำลายล้างด้วยเพลิงพิโรธ(?) ในครัวคงจะมีส้อม...กับมีด อืม ส้อมดีกว่ามั้ง...สองทีแปดรู มีดมันได้ทีละรูเอง (ไม่ใช่แล้ว)
‘มองไม่เห็นอะไรเลยแฮะ...ไอควันบ้าๆนี่ เอาถังดับเพลิงฉีดไปก่อนแล้วกัน’ ว่าแล้วเจ้าตัวก็คว้าถังดับเพลิงข้างตัวมาถือไว้ในท่าราวกับออกรบ
ไฟต์ติ้งงงง พ่อจะฉีดไม่เลี้ยงเลย!!!
ฟู่!
อนิจจาป๋าแซนคงไม่รู้ว่า ยิ่งฉีดมันยิ่งจะเพิ่มควัน?
ตอนนี้ทั่วทั้งห้องกลับปกคลุมไปด้วยหมอกควันขนาดใหญ่ อีหรอปนี้เค้าเรียกว่า ทำตัวเองแท้ๆ...
แต่มันก็ชวนให้คิดถึงหนังสยองขึ้นมาอีกคราอย่างช่วยไม่ได้...
จะเป็นยังไง....ถ้าหากว่า มีมือโผล่ขึ้นมาจากม่านหมอก
หมับ!
‘กรี๊ดดด กะเทยหลอก!!’
แขนสีแทนที่มาจากไหนไม่รู้เข้ามาเกาเกี่ยวแขนใหญ่นั้นช่างซีดเซียวและเต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำ แต่สิ่งที่น่าสยดสยองกลับเป็นเลือดสีแดงเป็นลิ่มที่ไหลทะลักไม่หยุดหย่อนออกมาจากมือนั้น เปรอะเปื้อนไปตามแขนใหญ่ หยดย้อยไปจนถึงมือหนา และกำลังหยดติ๊งๆลงพื้นอย่างไร้การควบคุม หนำซ้ำยังเย็นเยียบเกินกว่าจะเป็น...มือของมนุษย์
...ช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น
สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของชายหนุ่มกลับเป็นชื่อของเจ้าของหัวใจเรื่อยมา
สควอโล่ ช่วยฉันด้วย!
และเสียงในใจของผู้อ่าน...
หรือว่าเรื่องนี้มันจะเป็น SX?
แซนซัสกลั้นใจไล่สายตาจากแขนกำยำเปรอะเปื้อนเลือด หวังจะขอความกรุณาจากตัวเชร๊อะไรก็ไม่รู้ให้ปล่อยแขนผมเถิด ไล่ไปตามเสื้อผ้าสีแดง ขนอกรุงรัง(เหวอ) ไปจนถึงใบหน้าตอบ เลือด เลือด มีแต่เลือดทั้งนั้น!
แม้แต่แว่นก็กลายเป็นสีเลือด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ภายในนั้นลูกกะตาคงจะไหลทะลักออกมาเป็นแน่แท้...เรือนผมสีเขียวสดราวมีตะไคร่น้ำปกคลุมบ่งบอกว่า ร่างปริศนานี้คงจะแช่อยู่ในน้ำมานานปี
มันตายในวินดีเช่เปล่าเนี่ย...
"ช...ช่วย...ด้วย...ช่วย..."มันมาอีกแล้ว เหมือนอีหรอบเดิมกับไอ้ผีกรอบหน้าต่างเป๊ะราวกับคนแต่งCopy แล้ว Paste
เห็นกรูเป็นปอเต็กตึ๊งรึไง!
ถึงวาเรียจะจน แต่ก็จนอย่างมีคุณธรรมนะเว้ย
"ปล่อยแขนเค้าน้า~" เสียงทุ้มต่ำที่ข่มผู้คนมานับแสนถูกดัดให้เล็กแหลมราวกับวิญญาณโลลิเข้าสิง กับความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขา
'แอ๊บแบ๊วพิชิตความหลอน'
มือใหญ่สะบัดขึ้นๆลงๆเหมือนสาวน้อยแรกแย้มที่กำลังขัดเขินเมื่อถูกชายคนรักจับมือ ในกรณีนี้คงเป็นนภาแรกแย้มที่โดนผีกระเทยจับมือ .
ปล่อยตรูไปเถิด! แซนซัสขอร้อง
"ถ้าไม่ปล่อย งอนจริงนะ!"
'ถ้าไม่ปล่อย กรุจะเบิร์นเมริงจริงๆด้วย' (ซับไตเติ้ลเสียงในใจของป๋าที่ไม่ได้แสดงออกมา)
กลเม็ดสุดท้ายถูกหยิบยกมาใช้ เมื่อขาใหญ่ถีบเข้าไปที่ร่างนั้นเต็มแรงตามแต่สังขาร(?)จะเอื้ออำนวย
"เค้าไม่คุยกะตะเองแล้ว!"
ว่ากันว่าก่อนจะหลอกคนอื่นได้ ต้องหลอกตัวเองให้ได้ซะก่อน สะบัดหน้าพรืดพร้อมกับวิ่งหนีไปราวกับหนังอินเดียที่วิ่งขึ้นลงเขาให้พระเอกตามมายังไงอย่างนั้น ทั้งๆทีในใจกู่ร้องดังลั่น
เสร็จเรื่องนี้ อีซึล อีโช เมริงตาย!!
.
ตึก ตึก ตึก
ตึก...ตึก...ตึก...ตึก
ต่อให้คนที่เส้นตื้นที่สุดในโลก เจอมุขเดิมเข้าไป 3 รอบก็คงไม่อาจขำ...
บอสใหญ่แห่งวาเรีย หรือ แซนซัสพันศพ หรืออะไรก็ช่างเถอะ บัดนี้ภายในจิตใจสงบนิ่งยิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลก(ที่ละลายแล้ว)เสียอีก จะเสียงเดิน จะมือเปื้อนเลือด หรือจะNCโดนแบน(?)อะไรก็ตามแต่ จังหวะนี้แซนซัสเริ่มจะเซงเป็ด...เมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบ? (คนแต่งก็คิดเหมือนกัน)
บอสหนุ่มกระหยิ่มกระย่องในใจ ฉุกคิดได้ว่า ความบังเอิญไม่มีในโลก (จะมีก็แต่พรหมลิขิต)
มันจะบังเอิญไปหน่อยมั้ยที่ไอ้สวะพวกนั้นมันจะพร้อมใจกันหายหัวไปโดยมิได้นัดหมาย?
มันจะบังเอิญไปหน่อยมั้ยที่วันนี้จู่ๆก็มีคนส่งดีวีดี ‘ชู้เก่า’ มาให้?
มันจะบังเอิญไปหน่อยมั้ยที่จู่ๆปราสาทที่เคยอยู่มาตลอดเกือบทั้งชีวิตมันจะกลายเป็นปราสาทร้างแบบนี้?!!!!
(มันจะดราม่าซับซ้อนไปไหน?)
ทางเดินปราสาทเหมือนไม่มีคนเดินมาสักแปดสิบปีกำลังเป็นสถานการณ์ปัจจุบันของแซนซัสพันศพ คนอ่านอาจจะเริ่มสงสัยว่าคราวนี้ChocoและSeulKiจะมาไม้ไหนอีก...
พวกเราก็ตอบได้เลยว่า...หมดมุขแล้ว....(ไม่ใช่และ)
ฝุ่นหนาเป็นนิ้วชนิดเอาไปสร้างปราสาทฝุ่นเลียได้อีกหลังแทนปราสาทวาเรีย จบงานนี้จะไม่ลืมสั่งเบิกหน้ากากอนามัยแน่นอน
แกร๊กๆๆ
เสียงแกรกกรากดึงความสนใจบอสใหญ่จากอาการเวิ่นเว้อโดยพลัน นัยน์เนตรสีโลหิตตวัดฉับไปตามต้นเสียง หวังจะได้เห็นหนึ่งในสมาชิกวาเรียเปิดประตูออกมา แล้วทักทายว่า "ไง บอส"
แต่ก็นะ...ถ้าเป็นอย่างนั้น...มันก็ไม่ใช่ Scary movie แล้ว
ภาพที่พบกลับกลายเป็นบานประตูที่แง้มออกมาช้าๆพร้อมกับของแถมที่เขาไม่ต้องการมากที่สุด
เสียงแกรกกรากครืดคราดน่าขนลุกอยู่หลังบานประตู!
ป๊อก ป๊อก ครืด ~ ~
หวังว่ามันจะไม่มีราดหน้าแขวนอยู่นะเออ
ป๋าใหญ่หวั่นไหว เบือนสายตาหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยิน...
พร้อมกับเสียงเชียร์จาก Choco และ SeulKi สู้เค้า แซนซัส มันจะจบแล้ว จบงานนี้เดี๋ยวเลี้ยงหมูกระทะ (?)
วูบ...
เงาดำวูบวาบพัดผ่านอยู่ ณ หางตา
แซนซัสหยุดฝีเท้า เหงื่อซึมชื้นตามฝามือและไรผมทั้งๆที่อากาศก็ใช่จะร้อนเหมือนประเทศไทย
วืด~
"นั่นใคร" ทำเสียงเข้มเข้าไว้ ข่มเสียงที่มันแอบสั่น ไม่สนแม้กระทั่งความสงสัยจากผู้อ่านที่ว่า บอสยังจะมีมาดเหลืออยู่อีกเหรอ?
"ซ...แซน...ซัส....แซน..."
ไม่ใช่ว้อย แซนซัสนั่นมันชื่อกรู ไม่ใช่เมิง!
"แกเป็นใคร! ทำไมถึงบังอาจมาชื่อแซนซัสเหมือนฉัน"คราวนี้กลับเป็นฝ่ายเจ้าของเงาปริศนาบ้างแล้ว ที่อยากจะด่ามันในใจ...
ไม่ได้ชื่อแซนซัสเว้ย กรูแค่เรียก
แต่เพราะว่าเรื่องนี้ไม่มีความเสื่อมปะปนอยู่เลยแม้แต่อณูเดียว ทั้งสองเลยพูดจากันราวกับว่าไม่ได้ด่าอะไรกันซะงั้น
"จำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ"
"ม...ม...ไม่รู้ เกิดมาก็มีฉันคนเดียวนี่แหละที่ชื่อ แซนซัส ไม่รู้รึไงว่าตัวละครอิตาลี่ใน KHR มีหนึ่งเดียว ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร คิดดูสิ คนบ้าอะไรจะชื่อ รีบอร์น"
เผลอพาดพิงไปถึงพระเอกของเรื่องตัวจริง ที่นักอ่านเข้าใจผิดว่าเป็น สึนะโยชิ อยู่เสียนาน
กด1 ถ้าท่านไม่เห็นด้วยกับป๋า (แนะนำให้ท่านกลับไปอ่านชื่อเรื่องใหม่)
กด2 ถ้าท่านเห็นด้วย ( กับความเสื่อมของ SeulKi และ Choco)
กด 3 ถ้าท่านคิดว่าฉากต่อมันต้องมีน้องเคอีโ-beep-มาตามหาพ่อ (อะไรมั๊น)
"จำฉันไม่ได้จริงๆ เหรอ”เสียงปริศนายังคงถามต่อไป ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณพร้อมกับบรรยากาศหลอกหลอนเสมือนนั่งอยู่ในห้องน้ำที่ไฟดับ(?)พร้อมกับตัวเปื้อนสบู่ทำอะไรไม่ได้...
"ไม่ต้องมาถามเว้ย ไม่ใช่อับดุล" อนิจจา ความเคียดแค้นที่ชื่อตัวเองโดดนลอกเลียนแบบกลับมีอิทธิพลเหนือกว่าความกลัวเสียแล้ว ซึลกิที่พาเรื่องออกทะเลจึงต้องงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาใช้!
"ฉันไง...แฟนเก่า...ของนาย"
สายหมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณเริ่มจางลง เผยให้เห็นสิ่งที่บอสใหญ่แห่งวาเรียจะจำติดตาไปจนวันตาย
หญิงสาวร่างโปร่ง ในชุดกระโปรงวันพีซสีขาวขาดวิ่น เปรอะเปื้อนสีแดงชาดเป็นด่างดวง เส้นผมสีดำยุ่งเหยิงเสมือนที่บ้านไม่มีหวี ผิวขาวซีดเรืองแสงขาดวิตามินอี แก้มตอบตาลึกโหล หยาดโลหิตซึมบริเวณริมฝีปากราวกับปากแตกเพราะหน้าหนาว(?)
และประเด็นที่สำคัญที่สุด...หญิงสาวผู้นี้...คอหัก
สำคัญกว่านั้นอีก...
สิ่งที่มนุษย์ปกติทุกคนควรจะมี...ขา
ยัยนี่ไม่มีขา!!!
"กร๊าซซซซ"
ฮือ...ไม่เอาแล้ว จะแฟนเก่า แฟนใหม่ แฟนปัจจุบัน แซนซัสไม่เอาแล้ว!!!
"ทำไมทิ้งฉัน...แซนซัส"
"ฉันไม่รู้..."
"ไอ้ผมเงินนั่น(?)ดีกว่าฉันตรงไหน"
"ฉัน..."
"...ตอบมาสิ!!!"
“ .”
'เจ๊ก็ให้ฉันพูดบ้างสิ(เว้ยเฮ้ย)'
"แค้น....แค้น..."
ไม่ว่าเปล่า ผีสาวผู้โดนหักอกยังควักกระป๋องยาฆ่าหญ้าตราเสือสิบเอ็ดตัวออกมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมชนิดที่อดีตตัวร้ายแห่ง KHR ภาคศึกชิงแหวนถึงขั้นล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
"อย่านะ! ถ้าไม่มีหญ้าแล้ววาเรียจะกินอะไร เอ๊ย ไม่ใช่! อย่าทำสควอโล่เลย"
สคอวโล่เป็นรองหัวหน้าหน่วยวาเรีย เป็นคนจัดการบัญชี เป็นคนทำเอกสาร เป็นเบ๊ เป็น...
เป็นทุกลมหายใจเข้าออกของฉัน (เพิ่งจะXS)
ถ้าขาดสควอโล่ไป แซนซัสอยู่ไม่ได้!!
...ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ มีแซนซัสต้องมีสควอโล่ มีป๋า ต้องมีเมีย...
ใช่แล้ว...วันๆยุ่งอยู่แต่กับการสร้างศัตรู...แล้วผมจะเอาเวลาไหนไปมีแฟนเก่า????
"อย่ามาสตรอเบอแหล..."ร่างหนาลุกขึ้นยืนอย่างมาดมั่นอีกครั้ง นัยน์เนตรสีโลหิตแน่วแน่กับความจริงที่ว่า...
"ฉันไม่เคยมีแฟนเก่า ไม่คิดจะมีแฟนใหม่..."
"...เพราะคนที่ฉันรัก มีแค่ไอ้ฉลามหัวเน่า...คนเดียว...ตลอดไป"
“ ”
อึ้ง คนอ่านอึ้ง ผีสาวอึ้ง คนแต่งเองก็อึ้ง...
กับความจริงที่ว่า ในที่สุด หลังจากโดนหลอกมาเสียนาน ป๋าก็เพิ่งจะฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว?
ท่ามกลางความเงียบงันที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอึ้งๆนั้นเอง
"หุ..."เสียงหัวเราะหนึ่งเล็ดรอดออกมา แม้จะแค่ หุ เดียวก็ตาม แต่ไม่อาจเล็ดรอดหูไวปานติดเรดาห์ขอบอสใหญ่ไปได้แน่นอน
"ใครน่ะ..." วันนี้ถามคำถามนี้กี่รอบแล้วกันนะ
"หุหุหุหุ หึหึ...ฮ่าๆๆๆๆ
เสียงหัวเราะกระจายสะท้อนมาจากทั่วทุกสารทิศ พร้อมภาพสุดสยอง ร่างทั้งร่างของผีสาวกำลังชักกระตุกอย่างไม่อาจควบคุม ปากแห้งแตกหัวเราะจนแทบจะฉีกกว้างไปถึงรูหู นัยน์ตาลึกโหลถลึงใส่เขาให้แอบผวา
"ห่ะห่ะห่ะ...ฮ่าฮ่า ฮ่า" หัวเราะดังก้องพร้อมกับบางสิ่งบางสิ่งบางอย่างที่พลันแตกออก
เปรี๊ยะ!
รอยร้าวขนาดใหญ่แหวกผ่านอากาศราวกับว่า ห้วงบรรยากาศรอบตัวเป็นเพียงกระจกมายาที่ชิ้นส่วนพังทลายลง...สลายไป
.
.
.
ดวงตาสีแดงเลือดคมกริบหันไปมองรอบด้านเหมือนคนเพิ่งตื่นจากความฝัน ฝันโคตรๆ...(ไม่เกี่ยวอีกแล้ว)
เบลเฟกอล ลุซซูเรีย และเลวี่กำลังนั่งเล่นตั้งวงไพ่ เฮ้ย! ในมือของไอ้เจ้าชายมันมีตองคิง!! (เยาะเย้ยกฎหมาย) ทั้งสามร่างหัวเราะสั่นกระตุกชวนให้นึกถึงคนเมายา ผีสาวตรงหน้าเลือนหายไปแล้ว เหลือเพียงไอ้กบฟรานที่ลงไปนั่งหัวเราะชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้น
ป๋าใหญ่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง เริ่มคิดได้ว่า พวกมันกำลังรวมหัวกันแกล้งตรู!
เลวี่ที่ตัวเปียกโชกและขาเข้าเฝือกไว้ ต้องเป็นไอ้ผีกรอบหน้าต่างขาหักแน่นอน
ลุซซูเรียที่มือเต็มไปด้วยสีแดงเลือดจากซอสมะเขือเทศ ไม่ต้องติดต่อกับโลกคู่ขนานได้เหมือนใครบางคนก็รู้ว่ามันเป็นผีกระเทยชัวร์...
"ฮ่ะๆๆ...บอส...กร๊ากกก"
“ ”
"บอส...คือ...ฮ่ะๆๆ"เสียงหัวเราะยังคงไร้ซึ่งทีท่าจะหยุดลง...
"บอส..."
"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น"
ร่างหนากลับมาเปล่งราศีรัศมีหัวหน้าบอสมาเฟียอีกครา ไม่ต้องพูดก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า
ตรูโง่ว!
เมื่อกี๊มันควักยาฆ่าหญ้าออกมาเพราะตั้งใจจะทำลายแหล่งอาหารของแซนซัสฆ่าพันศพใช่มั้ย บังอาจนัก! (เข้าใจอะไรของมันเนี่ย)
"ฉันคิดว่ารู้...ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น"
นัยน์เนตรสีโลหิตแดงก่ำกว่าเดิมราวกับมีเปลวไฟคุกรุ่นอยู่ภายใน ใบหน้าที่เคยฉายแววหวาดผวาต่อเสียงกิ่งไม้กระแทกหน้าต่างไม่มีอีกแล้ว เหลือเพียงเพลิงพิโรธที่พร้อมจะเผาไหม้ปราสาทฝุ่นเลียให้มอดไหม้ในพริบตา
‘หลุดมาดแค่วันเดียว พวกแกจะล้อฉันไปถึงชาติหน้าเลยใช่ไหม!!’
มือกร้านขยับเข้าไปในเสื้อคลุม ก่อนจะคว้าสิ่งที่ทำให้เหล่าสมาชิกวาเรียหยุดเสียงหัวเราะโดยพลัน
ปืน x burner!! (เอ๊ะ ผิดคนรึเปล่า)
"ไอ้พวกสวะ...บังอาจนัก..." ใบหน้านั้นเหี้ยมอมหิตทะลุจุดศูนย์ (กลายเป็นติดลบหนึ่ง) นิ้วมือพร้อมจะเหนี่ยวไกปืนทุกขณะ
จะหลบก็ไม่ทันแล้ว! ช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเองที่เหตุการณ์ทุกอย่างราวกับภาพสโลโมวชั่น
ลุซซูเรียทิ้งไพ่ในมือพร้อมกับเตะเลวี่ที่กำลังขาหักไปอยู่ศูนย์หน้าของแนวรบแทน เจ้าชายเบลเฟกอลรีบฉวยโอกาศชุลละมุนวุ่นวายเก็บเงินในวงไพ่ด้วยความไวแสงพร้อมกับพุ่งตัวไปกอดสายหมอกแห่งวาเรีย (ในที่สุดมันก็ BF) ที่พลิกตัวมาบังเจ้าชายทันควัน หมุนไปหมุนมาเป็นจังหวะลีลาศทำนองเพลง พรหมลิขิต
พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด~
“อย่านะคะบอส!! เจ๊ยอมแล้ว!!” สายไปแล้วเจ๊...
ปัง!!
.
.
.
.
To be continue in part 3
ซะเมื่อไหร่ (โดนเตะ)
ราวกับเวลาได้หยุดเดินไป...
เหล่าวาเรียทั้งสี่ชีวิตหลับตาปี๋ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ คิดว่างานนี้ไม่พ้นโดนเบิร์นแหงแซะ ไม่น่าเซอร์ไพรซ์(?)บอสด้วยการหลอกผีเลย แหย่เล่นนิดหน่อย(?)ใครจะไปคิดว่าบอสจะกลัวจนจิตตกขนาดนี้ ถึงกับยิงกระสุนเพลิงมหาภัยจนแอบร้อนรุ่มไปหมด...
Fire fire!! ตัวเธอมันร้อนเป็นไฟ Fire fire!! ร้อนกว่านี้น่ะมีอีกหมาย (มาจากไหน)
ท่ามกลางความเงียบงันและเวิ่นเว้อนั้น ร่างหนาของแซนซัสไม่ทราบนามสกุลเป็นเพียงผู้เดียวที่ยังคงลืมตาอยู่ นัยน์เนตรสีโลหิตได้สะท้อนภาพแสนอเน็จอนาถของสมาชิกวาเรีย...
กระเทยสวะยกมือเปื้อนซอสมะเขือเทศปิดบังใบหน้าอันแสนเร้าใจด้วยท่าทางหวาดกลัว ปกป้องใบหน้าอันเป็นที่รักสุดชีวิต
ผู้พิทักษ์แห่งอัสนีเลวี่อาร์แทนยกแขนตั้งการ์ดขึ้นบังหัว พยายามคลานหนีไปนอกศูนย์หน้าอันตราย
ไอ้คู่รักเจ้าชายเจ้ากบสุดวิปริตค้างอยู่ในท่าเอนตัวจบอย่างสวยงาม สังเกตดีๆจะพบว่า บนหัวของราชนิกูลมีกระทะใบโตมาสวมไว้ ป้องกันการปะทะ
แซนซัสยิ้มเครียด บางอย่างแปลกไปกว่าที่เคย...กระสุนที่น่าจะเป็นเพลิงโลกันต์กลับกลายเป็น...
ดูเหมือนเซ้นส์ของกระเทยก็ดูจะดีเยี่ยมกว่าใครๆ นายสาวลุซซูเรียเป็นคนแรกที่เริ่มรู้สึกถึงความแปลกประหลาดของสถานการณ์ เจ้าตัวค่อยๆลดการ์ดปกป้องใบหน้าลง
แป๊ะ ๆๆ
รู้สึกราวกับมีหยาดฝนหล่นลงมาจากฟากฟ้า แต่เป็นหยาดฝนที่ทั้งเล็กและแข็ง(?) ตกกระเด็นโดนอย่างต่อเนื่อง
"กรี๊ด ว้าย นี่มัน..." เสียงอุทานเรียกความสนใจให้แก๊งค์ครองโลกค่อยๆลืมตา
แทนคำตอบนั้น...
ลูกกวาดหลากสีเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องนภาราวกับห่าน (พิมพ์ผิดหรือมุข โชไม่เก็ต...) กระทบเสียงกระทะบนหัวเจ้าชายเบลเฟกอลดัง แก๊ง แก๊ง แก๊ง ก่อเกิดเป็นซาวด์เอ๊ฟเฟ๊กต์ประกอบอาการหน้าแตกของแซนซัสอย่างเร้าใจ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร” พึมพำอย่างงงงวย หน้าซีดเสมือนเจอข้อสอบแกทแพทก็ไม่ปาน แทนกระสุนเพลิงพิโรธ (พิมพ์ไม่เหมือนกันสักรอบ) ลูกกวาดและอมยิ้มหลากสีสันกลับลอยละล่องลงมาเป็นแบ๊คกราวน์เสียฉิบ สมาชิกทุกคนพร้อมใจกันเงียบกริบรอว่าป๋าจะทำอย่างไรต่อไป...
นภาก็ได้แต่อึ้งสิ...ถามได้
“บอส...ที่จริงกะจะ Trick or treat พวกเราหรอกเหรอ” เจ้าชายวอนโดนเบิร์นหาเสียงของตัวเองเจอเป็นคนแรก
‘ไม่ใช่ว๊อย’
“แหม แอบน่ารักนะเนี่ย” เสียงกระเทยตามมา
‘ใครน่ารัก...’
“เห็นอย่างนี้ บอสรู้ด้วยเหรอ ว่าวันนี้วันฮาโลวีน” ผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกเบิกตากว้างเล็กน้อย ย้ำ เล็กน้อยจริงๆ
ไม่ใช่ Choco กับ SeulKi ที่อัพฟิคเลยวันฮาโลวีนมาเดือนนึงหรอกนะ
“ฉันเปล่า...”
“สุขสันต์วันฮาโลวีนนะบอส รักหรอกจึงหยอกเล่น อะไรผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปเหอะเนอะ” เจ้าชายวิปริตทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้ต่อเรื่องที่ผ่านมา พร้อมดีดนิ้วดังเป๊าะ! ให้ผู้พิทักษ์อัสนีแสงระวีอายแทนขยับเขยื้อนกายไปแบกกล่องของขวัญห่อบะเริ่มออกมา “ไม่ต้องห่วง เจ้าชายมีของปลอบใจมอบแด่บอสที่รัก(?)”
ปึก! ปึก! ปึง!
อะไรอี๊ก!!
ดวงตาสีแดงเลือดเหลือบมองไปที่กล่องปริศนาใบโต แอบผวาเฮือก ทำเนียนเขยิบเข้าไปใกล้เจ๊กระเทยโดยอัติโนมัติ หากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกน้องแล้วไซร้ แซนซัสเจ้าของฉายา ฆ่าได้หยามเรื่องหญ้าไม่ได้(?) จึงได้แต่พยายามยืนเก๊กราวกับว่า ไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่นิด...
ทั้งที่ความจิตหลอนกำลังพุ่งเข้าไปถึงระดับเซลล์ และกำลังรวมตัวอยู่กับลำดับดีเอ็นเอ หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า กลัว(จะบรรยายให้ยาวเพื่อ?)
หวังว่าข้างในจะไม่มีผีแฟนเก่าออกมาโวยวายอีกนะ
ครืด ครืด ครืด
เกิดเสียงตามมาราวกับใครสักคนกำลังเอาของแหลมคม มาขูดขีดกล่องก็ไม่ปาน
โอ้ รุ่นที่เก้าช่วยลูกด้วย! ไอ้สวะเบลมันลงทุนไปเพาะพันธุ์ลูกก๊อตซิลล่าเลยเหรอ
ทั้งๆที่ก็รู้ๆกันอยู่ว่า เขาชอบกันดั้ม wing มากกว่า
โถ่ถัง ความเพ้อเจ้อของป๋ายังคงไม่หมดไป คนแต่งก็ชักจะเริ่มสงสารแซนซัสขึ้นมาบ้างแล้ว จึงพยายามย่น(?)เรื่องให้จบเร็วๆ...
"แต่น แต๊น~ วาเรีย เดอะ ฮัลโลวีน พราวลี่ พรีเซ้นต์...." เจ้าชายเบลเฟกอลที่ยังคงสวมใส่กระทะไว้บนศีรษะฉีกกระดาษกล่องออกเป็นชิ้นๆ
แคว่ก!!
"ฉลามรั่วยั่วสุดใจ ชิชิชิ"
แซนซัสลุ้นระทึก ดวงตาพยายามมองฝ่าเศษกระดาษกล่องของขวัญที่ปลิวกระจายไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางลูกอมที่ตกลงมาไม่ขาดสายเหมือนภาพช้า เสียงหัวใจเต้นดังก้องระทึกยิ่งกว่าเสียง แก๊ง แก๊ง จากลูกอมปะทะกระทะเสียอีก
"แซนซัส..."เสียงหวานเอ่ยนำขึ้นมาก่อน พร้อมกับขาเรียวข้างหนึ่งที่ก้าวออกมาจากซากกระดาษ
รองเท้าบู๊ทหนังสีดำสนิทสูง 8 นิ้วพร้อมกับเชือกพันรัดข้อเท้าไขว้เป็นรูปกากบาทsexsyบาดใจ เสื้อแขนตุ๊กตาสีขาวกับกระโปรงลูกไม้สีดำ
แต่อะไรก็ไม่หนักเท่าทรงผมสีเงินมัดเป็นโบว์ราวกับเจ๊ เลดี้ กาก้า มาเอง
ร่างบางหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร่างสูงทีเริ่มกระตุกคิ้วขึ้นด้วยความไม่พอใจ "ใครเอาชุดนี้ให้แกใส่?" ดีไซน์เนอร์มันมีปัญหาทางสมองแน่นอน...
"ทำไม...แกไม่ชอบเหรอ" ใบหน้างามหมองลงทันตา
"ไม่ชอบ!" แต่งให้ผมกลัวผีผมก็เคะพอแล้ว นี่ยังแต่งให้ไอฉลามใส่ส้นสูง 8 นิ้วอีก พอมายืนใกล้ๆคนที่ต้องถูกเรียกว่าร่างบางมันก็กลายเป็น แซนซัส ผู้นี้น่ะเซ่!
‘ไม่นะเว้ยยย มันจะกลายเป็น SX ไม่ได้!!’ สครีมดังลั้นขึ้นในจิตใจ ชุดรับได้ โบว์รับได้ แตมันสูงกว่าเนี่ยสิที่ป๋าแซนรับไม่ด๊าย!!
"ถอดรองเท้าออกเดี๋ยวนี้ ไอ้ฉลามสวะ!"
"บ้าเหรอ ปกติมันต้องถอดเสื้อออกก่อนเซ่ จากนั้นก็กางเกง รองเท้าไม่ต้องถอดก็ได้เพื่อความsexsy อะคุคักคั่กคั่ก" นี่เป็นคำพูดของรองหัวหน้าหน่วยวาเรีย...
อึ้งโคตรๆ ใครก็ได้นับบ้างว่าวันนี้อึ้งมากี่ครั้งแล้ว บอกทีว่าบทพูดของสควอโล่กับกะเทยสลับกัน แซนซัสเองก็ดูจะอึ้งไปกับความเปลี่ยนแปลงของไอ้ฉลามหัวเน่าเช่นกัน
"แกไปทำอะไรมา ไอฉลามงั่ง...”
"ทำใจไมให้รักนายไง อิอิอิ"
"เจ้าชายว่า สควอโล่คงจะสูดตะกั่วจากกระดาษมากไปก็เลยเพี้ยนอ่ะ ชิชิชิ" Choco คาดว่า SeulKi น่าจะเพี้ยนกว่า...กระดาษห่อของขวัญมันไม่มีตะกั่ว...
"นั่นน่ะสิครับ ก่อนจะเอาใส่กล่อง ผมก็ห่อท่านผ.บ. ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ซะด้วยสิ”สายหมอกแห่งวาเรียชี้แจง
"พอที" ชายหนุ่มรูปงามนามแซนซัสตวัดเสียงห้วน ไม่อาจทนฟังการบรรยายอธิบายความอนาถที่พวกมันกระทำต่อฉลามบุกของเขาไปได้มากกว่านี้
"ไม่ว่าไอ้ฉลามสวะจะเป็นยังไง ฉันก็จะลากมันเข้าห้องอยู่ดี!" ประกาศิตสุดท้ายดังลั่น ก่อนร่างสูงจะฉุดกระชากลากถูฉลามผู้ซึ่งเพิ่งจะมีบทไม่กี่หน้าก่อนให้หายออกไปฉากด้วยความรวดเร็ว หรือเรียกอีกอย่างว่า คนแต่งตัดจบ (แป่ว)
.
เสียงประตูห้องนอน(?)ถูกงับปิดลงไปแล้ว สองนายเหนือหัวก็หายหัวเข้าไปทั้งคู่เช่นกัน
"เห็นมั้ยครับ" จู่ๆ กบฟรานก็พูดขึ้นมาลอยๆ เรียกร้องความสนใจจากสามตัวปัญหาแห่งวาเรียที่เหลือให้หันมอง "ผมบอกแล้ว เอารองผบ.มาเป็นไม้ตาย ยังไงๆบอสก็ต้องลืมเรื่องที่โดนหลอกชัวร์ ฟรานฟันธง"
กระเทยสาวหนึ่งเดี่ยวแห่งวาเรียพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะทำท่าเขินอายได้อนาถเป็นที่สุด "ไม่รู้ป่านนี้สองคนนั้นจะเป็นยังไงแล้ว อิอร๊าง"
"ปล่อยเขาไปเถอะครับ ยังไงๆเราก็ได้นี่มาแล้ว"และแล้ว สิ่งของบางอย่างในมือของผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกก็ส่องประกายวิ๊งๆ...
กล้องวิดิโอ
ดวงคนเรา มีขึ้นก็มีลง แต่สำหรับบอสใหญ่แห่งวาเรีย ดูเหมือนจะมีแค่ลงกับลง...
"คึหึหึ" อาจารย์เป็นยังไง ลูกศิษย์ก็เป็นอย่างนั้น โรคุโด มุคุโร่หัวเราะยังไง ลูกศิษย์ของเขาก็หัวเราะเช่นนั้น...เสียงหัวเราะเยือกเย็นที่หลุดพ้นลำคอของสายหมอกแห่งวาเรียทำเอาเจ้าชายวิปริตแอบถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกลืนน้ำลายเอื๊อก!
"ลำบากพ่อเลวี่(?)แย่ ต้องขาหักเพื่อความสมจริงแบบนี้"กระเทยสาวจุ๊ปาก "เอาไว้เจ๊จะรักษาให้นะจ๊ะ ไม่ต้องห่วง"
...นั่นล่ะน่าเป็นห่วง....
"เจ้าชายว่าเจ๊ไปชำระร่างกายของเจ๊ก่อนดีมั้ย ชิชิชิ เห็นแล้วอนาถดีแท้"
"ไม่อยากเชื่อว่าบอสจะตาถั่วเห็นซอสมะเขือเทศเป็นเลือดนะครับเนี่ย หรือคุณแสดงสมจริงมากเกินไป"
ผู้พิทักษ์อัสนีแสงระวีอายแทนแอบหน้าซีดไปเหมือนกันเมื่อสำรวจมองลุซซูเรียเข้าตรงๆ ไม่แปลกใจแม้แต่น้อยว่าทำไมนายเหนือหัวของตนถึงกับเข่าอ่อนยามถูกมือของกระเทยสาวคว้าหมับเข้าให้ นี่มันยิ่งกว่าเดอะริงซะอีก!!! นัยน์ตาชี้เหมือนเม่นรีบทำเป็นไม่เห็น มองเลยผ่านไปยังกำแพงด้านหลังซะงั้น
“จะว่าไป ทำไมรูปถ่ายใบนั้นถึงมีมือติดอยู่ละจ๊ะ"ถามอย่างสงสัยกับสายหมอกแห่งวาเรีย ความจริงคือเดี๊ยนก็แอบกลัว...
"ภาพมายาน่ะ ไม่มีอะไ..." หนุ่มน้อยหยักไหล่ อธิบายช้าๆก่อนจะชะงักกึก ใบหน้าตกตะลึง...อึ้งยิ่งกว่าดูผลดราม่า
"เป็นอะไรไปน่ะ เจ้าก..." เจ้าชายตกตะลึงเป็นรายที่สอง หลังเลื่อนสายตาไปยังทิศเดียวกับกบมายาฟราน
“มีอะไรเหรอจ๊ะ...โอ้วบร๊ะเจ้า!" กระเทยสาวหลุดเสียงอุทาน ยามหันหลังไปเช่นเดียวกัน
ด้วยความสงสัย ผู้พิทักษ์แห่งอัสนีที่ไร้บทมานานก็ค่อยๆเลื่อนสายตาตามไป ก่อนจะพบกับ...
"พวกนายมานั่งทำไรกัน" ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งแทรกตัวเข้ามาจากช่องว่างบานประตู สองมือหิ้วถุงใส่กล่องสี่เหลี่ยมแบนๆส่งกลิ่นหอมโชย แบนติดไว้ว่า The Pizz-beep-
“ส...สควอโล่จัง..."
"ทำไมรองผบ.มาอยู่ตรงนี้"สายหมอกช๊อคก็งานนี้...
“อ่าว ฉันตื่นมาไม่เห็นใคร แล้วพอดีหิวมาก เลยโทรสั่งพิซซ่าน่ะ ตะกี้ออกไปรับจากคนส่งที่หน้าปราสาท"ว่าแล้วก็เปิดกล่องพิสูจน์ พร้อมหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นเตรียมจะเข้าปาก ไม่วายยังมีน้ำใจหันมาถามทุกคน "สนมั้ย?"
“ตื่นมา ตื่นจากที่ไหน?" ปลากระเบนเลวี่ที่นานๆจะมีบทพูดยิงคำถามใส่คนตรงหน้าทั้งที่ปกติแทบจะไม่อยากคุยกับมัน
"ก็ตื่นออกแล้วแก้มัดจนหลุดจากกระดาษหนังสือพิมพ์น่ะซิวะ เห็นฉันปลาทูรึไง ห่อมาได้?"
"ต...แต่ แล้วหลังจากนั้น..." เจ้าชายที่ตั้งสติได้รีบถามต่อทันทีด้วยความร้อนรน ส่วนสายหมอกนั้น...อึ้งจนแข็งค้างไปแล้ว...
"หลังจากนั้น ฉันหิวมาก พยายามเดินตามหาพวกแก แต่หายหัวไม่เห็นสักคน ฉันเลยออกไปนั่งหน้าปราสาทรอพิซซ่า จนถึงเมื่อกี๊อ่ะแหละ..."
เหล่าสมาชิกแก๊งค์ครองโลกเหลือบมองหน้ากัน ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยสิ่งใดๆออกมาได้ ก่อนจะพร้อมใจเลื่อนสายตาไปยังบานประตูที่เพิ่งงับปิดลงไป...
ถ้าสควอโล่นั่งรอพิซซ่าจนถึงเมือกี๊แล้ว งั้นใครล่ะที่อยู่ในห้องกับป๋า...
แทนคำตอบรับ เสียงร้องโหยหวนปานใจจะขาดก็ดังลอดออกจากห้องนอนที่เพิ่งถูกปิดไป
"อ๊าก!!!!!!!!"
สมาชิกวาเรียทั้งสี่สบตากัน ก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ค่อยๆขยับเขยื้อนกายไปหยิบพิซซ่าจากถาดมากินบ้าง
"เจ้าชายว่านะ บอสต้องอยากกินพิซซ่าแน่เลย"
Happy Ending (ซะที)
แถมท้าย
สองวันถัดมา...
ตาแก่รุ่นที่ 9 ผู้รู้จักกันดีในนามของ เจ้าของคทาแห่งพลัง กำลังนั่งดูดีวีดีบางอย่างที่ส่งตรงจากวาเรียด้วยท่าทางปลาบปลื้มใจ
ซูมเข้าไปใกล้อีกนิด จะพบว่า บอสใหญ่แห่งวาเรียนั่นเองที่เป็นตัวเอกของเรื่องอยู่ในนั้น
"แซนซัสลูกพ่อ นี่เจ้าโตเป็นหนุ่มแล้วสินะ เคี๊ยกๆๆๆ"
Happy the end (ของจริง)
เสียงผืนนภาคำรามออกมาอีกคำรบ แสงไฟแวบวาบฉายภาพสยองขวัญสั่นประสาทซ้ำอีกครา...
ย้อนความเดิมตอนที่แล้ว...ป๋าแซนซัสบอสใหญ่แห่งวาเรียได้ลุกออกจากเก้าอี้มาเดินหาสาเหตุความเงียบงันภายในปราสาท...แม้เจ้าตัวจะอ้างแบบนั้นก็ตาม...แต่ยามกล้องถ่ายรูปนรกได้ถ่ายติดมือปริศนาชวนผวาและพบว่าห้องนอนของรองหัวหน้าหน่วยวาเรียมีสิ่งแปลกปลอมพยายามปีนเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือ นั่นก็ทำให้มาดที่สั่งสมมาตลอด 269 ตอน พังทลายลงทันใด
'ช่วยตัวเองไปเถอะเฮ้ย!' ยามนั้นความคิดของชายหนุ่มเนตรสีโลหิตคือทำยังไงก็ได้ให้ตื่นจากความฝันเสียที...นี่มันเกินนภาจะรับได้!!!
เปรี้ยง!!
เสียงซาวน์เอฟเฟ็คเดิมร้องลั่นและสายฟ้าแล่นแปร่บปร่าบยิ่งฉายชัดถึงเงาหน้าของภาพบัดซบ...นี่มันเหมือนผู้พิทักษ์แห่งอัสนีเลวี่อาร์แทนเวอร์ชั่นโดนประทัดลอยกระทงมาชัดๆ...
'ตื่น...ตื่นซะที...ตื่นมาเจอไอ้ฉลามหัวเน่ากำลังนอนอยู่ในอ้อมกอด...ตื่นสิโว้ยยยยย'
นภามืดแห่งวาเรียกำลังจะกลายเป็นนภาเพ้อในอีกไม่ช้า...
เพียงเวลาไม่กี่วินาทีที่ฉุกคิดว่าตนกำลังอยู่ในความฝัน ความสยดสยองก็ค่อยๆคลืบคลานเข้ามาอยู่แทบเท้าเสียแล้ว
"ช่วย..."
"ช่วยไปไกลๆตรีนกรุเถิด!!!!!!!" ชายหนุ่มไม่เสียเวลาคิดอีกต่อไป
ผลัก!
คาดว่าสัญชาตญานบอสมาเฟียยังคงทำงานอยู่ แซนซัสเงื้อฝ่าเท้าขึ้นสูง ความหวาดกลัวมีมากเท่าใด แรงกระทืบยิ่งมากเท่านั้น
เงาตะคุ่มๆกลิ้งกระเด็นไปแปดสิบตะลบ อาศัยจังหวะนั้นบุรุษนัยน์เนตรสีโลหิตก็ออกวิ่งไม่คิดชีวิต...ภาพอันงดงามในห้องนอนของฉลามวาเรียจะอยู่ในความทรงจำของเขาไปอีกตราบนานเท่านาน
.
แฮ่ก แฮ่ก
หอบแดรก! เป็นคำเดียวที่บอสผู้หวาดผวาคิดออกในตอนนี้ คิดถึงตอนที่วิ่งร้อยเมตรออกมาจากห้องของฉลามคลั่งอย่างไม่คิดชีวิต ขนาดที่นักวิ่งทีมชาตินามิโมริยังอาย
'ใครก็ได้ ช่วยบอกกรุทีว่าฟิคนี้มันผิดลิขสิทธิ์ ใครก็ได้มาแบนกรุที!!! เห็นแก่สังขารกรุเถิด!!'
แผ่นหลังกว้างพิงกำแพงอย่างเหนื่อยล้า ดวงตาสีแดงเลือดกวาดมองไปรอบๆก่อนจะพบว่า
เวรกรรม! งานงอก กลับมาอยู่ที่ทางเดินคนจิตอีกแล้ว
"ไอ้ไบก๊อน..." ลองเรียกดูด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนจะหาพันธมิตร ไม่ได้อยากหาเพื่อนอยู่ด้วยนะ ไม่ได้กลัวเลย แค่วิ่งออกกำลังกาย
"ถ้าแกโผล่มาภายใน 10 วินาทีนี้ รับไปเลยสิทธิพิเศษในการฉีกยิ้มตลอดชาติโดยไม่มีความผิด แต่เดี๋ยวก่อน...ถ้าแกออกมาภายใน 3 วินาทีนี้รับฟรีไปเลยภาพลับเฉพาะของไอ้กบฟราน!"
ฟิ้ว~
เงียบสนิท...
ให้ตายสิ...มุขนี้ก็ไม่ได้ผล
‘ไอ้ฉลามหัวเน่าก็ไม่อยู่ ไม่เป็นไรคนอย่างแซนซัสมีตัวเลือกเสมอ...ไปหาลุสซูเรีย(?)ก็ได้วะ’ คิดได้ดังนั้น บอสร่างถึกจึงมุ่งหน้าเข้าหาแหล่งพลังงานใหม่ทันที...
.
ผ่านไปแล้วนานโข...
ยามบอสใหญ่ยิ่งสาวเท้าเดินใกล้ครัวมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ บรรยากาศหนาวเย็นและหมอกควันก็กลับปกคลุมมากขึ้นเท่านั้น ไอเย็นรอบกายบุรุษแห่งนภา(มืด) ยิ่งชวนให้หวาดผวาจนต้องตะโกนออกไปดับเครียด
"ออกมาสิโว้ยย ข้าน่ะ แซนซัสฆ่าพันศพนะเว้ย"ว่ากันว่าคนเราเมื่อกลัวจนถึงขั้น max อะดรีนาลีนก็จะพากันหลั่งไหล
ป๋าถึงจุดพีคแล้ว...
ร...หรือว่า วิญญาณสัปเหร่อที่ทำศพพันศพนั้นมันจะมาตามหลอกตรูเพราะแค้นที่หางานให้มันทำ!? (ไม่เกี่ยว)
ขาที่กำลังก้าวเดินไปห้องครัวสั่นกึกๆ เป็นจังหวะซอรี่ซอรี่ซอรี่อย่างไม่อาจควบคุม ในหัวพลันนึกไปถึงพ่อบังเกิดเกล้า...
คิดถึงอีแก่แล้วพลันนึกถึงคทาแห่งพลัง(?)ที่เอาไว้ไล่ผีของมันขึ้นมา (จะมีมงกุฏแห่งใจโผล่มาด้วยอีกไหม...)
หนังสือว่าด้วยวิธีการหลอกตัวเองภาค 2 ถูกหยิบยกมาใช้อีกครั้ง ได้แต่แข็งใจก้าวเดินไปข้างหน้าจนกระทั่ง
ปึง!
อ๊าก!! จมูกหนู!!
ด้วยความโง่ส่วนบุคคล ชายหนุ่มเผลอยกมือไปกุมจมูกตัวเองป้อยเมื่อชนเข้ากับสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันทั่วๆไปว่า
ไชโย! เจอกำแพงแล้ว
ในใจแทบจะกู่ร้องเป็นทำนอง คุฟุฟุ เมื่อมือใหญ่ควานสะเปะสะปะไปเจอลูกบิดประตูประตูจนได้ แซนซัสไม่รอช้า ผลักเข้าไปทันทีด้วยใจนั้นอยากจะหาเพื่อนร่วมโลกเต็มแก่
ฟู่!
ควันจำนวนมหาศาลไหลปะทะใบหน้ากร้านโลกทันทีที่เปิดประตูนั้น ทำให้บอสใหญ่ได้รู้
นังกระเทยสวะ! บังอาจจุดไฟเเผาปราสาทตรู!
เป็นกระเทยก็อภัยให้ไม่ได้!!(ผิดประเด็น)
นัยน์เนตรกวาดมองหาอาวุธทำลายล้างด้วยเพลิงพิโรธ(?) ในครัวคงจะมีส้อม...กับมีด อืม ส้อมดีกว่ามั้ง...สองทีแปดรู มีดมันได้ทีละรูเอง (ไม่ใช่แล้ว)
‘มองไม่เห็นอะไรเลยแฮะ...ไอควันบ้าๆนี่ เอาถังดับเพลิงฉีดไปก่อนแล้วกัน’ ว่าแล้วเจ้าตัวก็คว้าถังดับเพลิงข้างตัวมาถือไว้ในท่าราวกับออกรบ
ไฟต์ติ้งงงง พ่อจะฉีดไม่เลี้ยงเลย!!!
ฟู่!
อนิจจาป๋าแซนคงไม่รู้ว่า ยิ่งฉีดมันยิ่งจะเพิ่มควัน?
ตอนนี้ทั่วทั้งห้องกลับปกคลุมไปด้วยหมอกควันขนาดใหญ่ อีหรอปนี้เค้าเรียกว่า ทำตัวเองแท้ๆ...
แต่มันก็ชวนให้คิดถึงหนังสยองขึ้นมาอีกคราอย่างช่วยไม่ได้...
หมับ!
‘กรี๊ดดด กะเทยหลอก!!’
แขนสีแทนที่มาจากไหนไม่รู้เข้ามาเกาเกี่ยวแขนใหญ่นั้นช่างซีดเซียวและเต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำ แต่สิ่งที่น่าสยดสยองกลับเป็นเลือดสีแดงเป็นลิ่มที่ไหลทะลักไม่หยุดหย่อนออกมาจากมือนั้น เปรอะเปื้อนไปตามแขนใหญ่ หยดย้อยไปจนถึงมือหนา และกำลังหยดติ๊งๆลงพื้นอย่างไร้การควบคุม หนำซ้ำยังเย็นเยียบเกินกว่าจะเป็น...มือของมนุษย์
...ช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น
สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของชายหนุ่มกลับเป็นชื่อของเจ้าของหัวใจเรื่อยมา
สควอโล่ ช่วยฉันด้วย!
และเสียงในใจของผู้อ่าน...
หรือว่าเรื่องนี้มันจะเป็น SX?
แซนซัสกลั้นใจไล่สายตาจากแขนกำยำเปรอะเปื้อนเลือด หวังจะขอความกรุณาจากตัวเชร๊อะไรก็ไม่รู้ให้ปล่อยแขนผมเถิด ไล่ไปตามเสื้อผ้าสีแดง ขนอกรุงรัง(เหวอ) ไปจนถึงใบหน้าตอบ เลือด เลือด มีแต่เลือดทั้งนั้น!
แม้แต่แว่นก็กลายเป็นสีเลือด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ภายในนั้นลูกกะตาคงจะไหลทะลักออกมาเป็นแน่แท้...เรือนผมสีเขียวสดราวมีตะไคร่น้ำปกคลุมบ่งบอกว่า ร่างปริศนานี้คงจะแช่อยู่ในน้ำมานานปี
มันตายในวินดีเช่เปล่าเนี่ย...
"ช...ช่วย...ด้วย...ช่วย..."มันมาอีกแล้ว เหมือนอีหรอบเดิมกับไอ้ผีกรอบหน้าต่างเป๊ะราวกับคนแต่งCopy แล้ว Paste
เห็นกรูเป็นปอเต็กตึ๊งรึไง!
ถึงวาเรียจะจน แต่ก็จนอย่างมีคุณธรรมนะเว้ย
"ปล่อยแขนเค้าน้า~" เสียงทุ้มต่ำที่ข่มผู้คนมานับแสนถูกดัดให้เล็กแหลมราวกับวิญญาณโลลิเข้าสิง กับความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขา
มือใหญ่สะบัดขึ้นๆลงๆเหมือนสาวน้อยแรกแย้มที่กำลังขัดเขินเมื่อถูกชายคนรักจับมือ ในกรณีนี้คงเป็นนภาแรกแย้มที่โดนผีกระเทยจับมือ .
ปล่อยตรูไปเถิด! แซนซัสขอร้อง
"ถ้าไม่ปล่อย งอนจริงนะ!"
'ถ้าไม่ปล่อย กรุจะเบิร์นเมริงจริงๆด้วย' (ซับไตเติ้ลเสียงในใจของป๋าที่ไม่ได้แสดงออกมา)
กลเม็ดสุดท้ายถูกหยิบยกมาใช้ เมื่อขาใหญ่ถีบเข้าไปที่ร่างนั้นเต็มแรงตามแต่สังขาร(?)จะเอื้ออำนวย
"เค้าไม่คุยกะตะเองแล้ว!"
ว่ากันว่าก่อนจะหลอกคนอื่นได้ ต้องหลอกตัวเองให้ได้ซะก่อน สะบัดหน้าพรืดพร้อมกับวิ่งหนีไปราวกับหนังอินเดียที่วิ่งขึ้นลงเขาให้พระเอกตามมายังไงอย่างนั้น ทั้งๆทีในใจกู่ร้องดังลั่น
เสร็จเรื่องนี้ อีซึล อีโช เมริงตาย!!
.
ตึก ตึก ตึก
ตึก...ตึก...ตึก...ตึก
ต่อให้คนที่เส้นตื้นที่สุดในโลก เจอมุขเดิมเข้าไป 3 รอบก็คงไม่อาจขำ...
บอสใหญ่แห่งวาเรีย หรือ แซนซัสพันศพ หรืออะไรก็ช่างเถอะ บัดนี้ภายในจิตใจสงบนิ่งยิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลก(ที่ละลายแล้ว)เสียอีก จะเสียงเดิน จะมือเปื้อนเลือด หรือจะNCโดนแบน(?)อะไรก็ตามแต่ จังหวะนี้แซนซัสเริ่มจะเซงเป็ด...เมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบ? (คนแต่งก็คิดเหมือนกัน)
บอสหนุ่มกระหยิ่มกระย่องในใจ ฉุกคิดได้ว่า ความบังเอิญไม่มีในโลก (จะมีก็แต่พรหมลิขิต)
มันจะบังเอิญไปหน่อยมั้ยที่ไอ้สวะพวกนั้นมันจะพร้อมใจกันหายหัวไปโดยมิได้นัดหมาย?
มันจะบังเอิญไปหน่อยมั้ยที่วันนี้จู่ๆก็มีคนส่งดีวีดี ‘ชู้เก่า’ มาให้?
มันจะบังเอิญไปหน่อยมั้ยที่จู่ๆปราสาทที่เคยอยู่มาตลอดเกือบทั้งชีวิตมันจะกลายเป็นปราสาทร้างแบบนี้?!!!!
(มันจะดราม่าซับซ้อนไปไหน?)
ทางเดินปราสาทเหมือนไม่มีคนเดินมาสักแปดสิบปีกำลังเป็นสถานการณ์ปัจจุบันของแซนซัสพันศพ คนอ่านอาจจะเริ่มสงสัยว่าคราวนี้ChocoและSeulKiจะมาไม้ไหนอีก...
พวกเราก็ตอบได้เลยว่า...หมดมุขแล้ว....(ไม่ใช่และ)
ฝุ่นหนาเป็นนิ้วชนิดเอาไปสร้างปราสาทฝุ่นเลียได้อีกหลังแทนปราสาทวาเรีย จบงานนี้จะไม่ลืมสั่งเบิกหน้ากากอนามัยแน่นอน
แกร๊กๆๆ
เสียงแกรกกรากดึงความสนใจบอสใหญ่จากอาการเวิ่นเว้อโดยพลัน นัยน์เนตรสีโลหิตตวัดฉับไปตามต้นเสียง หวังจะได้เห็นหนึ่งในสมาชิกวาเรียเปิดประตูออกมา แล้วทักทายว่า "ไง บอส"
แต่ก็นะ...ถ้าเป็นอย่างนั้น...มันก็ไม่ใช่ Scary movie แล้ว
ภาพที่พบกลับกลายเป็นบานประตูที่แง้มออกมาช้าๆพร้อมกับของแถมที่เขาไม่ต้องการมากที่สุด
เสียงแกรกกรากครืดคราดน่าขนลุกอยู่หลังบานประตู!
หวังว่ามันจะไม่มีราดหน้าแขวนอยู่นะเออ
ป๋าใหญ่หวั่นไหว เบือนสายตาหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยิน...
พร้อมกับเสียงเชียร์จาก Choco และ SeulKi สู้เค้า แซนซัส มันจะจบแล้ว จบงานนี้เดี๋ยวเลี้ยงหมูกระทะ (?)
วูบ...
เงาดำวูบวาบพัดผ่านอยู่ ณ หางตา
แซนซัสหยุดฝีเท้า เหงื่อซึมชื้นตามฝามือและไรผมทั้งๆที่อากาศก็ใช่จะร้อนเหมือนประเทศไทย
วืด~
"นั่นใคร" ทำเสียงเข้มเข้าไว้ ข่มเสียงที่มันแอบสั่น ไม่สนแม้กระทั่งความสงสัยจากผู้อ่านที่ว่า บอสยังจะมีมาดเหลืออยู่อีกเหรอ?
ไม่ใช่ว้อย แซนซัสนั่นมันชื่อกรู ไม่ใช่เมิง!
"แกเป็นใคร! ทำไมถึงบังอาจมาชื่อแซนซัสเหมือนฉัน"คราวนี้กลับเป็นฝ่ายเจ้าของเงาปริศนาบ้างแล้ว ที่อยากจะด่ามันในใจ...
ไม่ได้ชื่อแซนซัสเว้ย กรูแค่เรียก
แต่เพราะว่าเรื่องนี้ไม่มีความเสื่อมปะปนอยู่เลยแม้แต่อณูเดียว ทั้งสองเลยพูดจากันราวกับว่าไม่ได้ด่าอะไรกันซะงั้น
"จำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ"
"ม...ม...ไม่รู้ เกิดมาก็มีฉันคนเดียวนี่แหละที่ชื่อ แซนซัส ไม่รู้รึไงว่าตัวละครอิตาลี่ใน KHR มีหนึ่งเดียว ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร คิดดูสิ คนบ้าอะไรจะชื่อ รีบอร์น"
เผลอพาดพิงไปถึงพระเอกของเรื่องตัวจริง ที่นักอ่านเข้าใจผิดว่าเป็น สึนะโยชิ อยู่เสียนาน
กด1 ถ้าท่านไม่เห็นด้วยกับป๋า (แนะนำให้ท่านกลับไปอ่านชื่อเรื่องใหม่)
กด2 ถ้าท่านเห็นด้วย ( กับความเสื่อมของ SeulKi และ Choco)
กด 3 ถ้าท่านคิดว่าฉากต่อมันต้องมีน้องเคอีโ-beep-มาตามหาพ่อ (อะไรมั๊น)
"จำฉันไม่ได้จริงๆ เหรอ”เสียงปริศนายังคงถามต่อไป ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณพร้อมกับบรรยากาศหลอกหลอนเสมือนนั่งอยู่ในห้องน้ำที่ไฟดับ(?)พร้อมกับตัวเปื้อนสบู่ทำอะไรไม่ได้...
"ไม่ต้องมาถามเว้ย ไม่ใช่อับดุล" อนิจจา ความเคียดแค้นที่ชื่อตัวเองโดดนลอกเลียนแบบกลับมีอิทธิพลเหนือกว่าความกลัวเสียแล้ว ซึลกิที่พาเรื่องออกทะเลจึงต้องงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาใช้!
สายหมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณเริ่มจางลง เผยให้เห็นสิ่งที่บอสใหญ่แห่งวาเรียจะจำติดตาไปจนวันตาย
หญิงสาวร่างโปร่ง ในชุดกระโปรงวันพีซสีขาวขาดวิ่น เปรอะเปื้อนสีแดงชาดเป็นด่างดวง เส้นผมสีดำยุ่งเหยิงเสมือนที่บ้านไม่มีหวี ผิวขาวซีดเรืองแสงขาดวิตามินอี แก้มตอบตาลึกโหล หยาดโลหิตซึมบริเวณริมฝีปากราวกับปากแตกเพราะหน้าหนาว(?)
และประเด็นที่สำคัญที่สุด...หญิงสาวผู้นี้...คอหัก
สำคัญกว่านั้นอีก...
สิ่งที่มนุษย์ปกติทุกคนควรจะมี...ขา
ยัยนี่ไม่มีขา!!!
"กร๊าซซซซ"
ฮือ...ไม่เอาแล้ว จะแฟนเก่า แฟนใหม่ แฟนปัจจุบัน แซนซัสไม่เอาแล้ว!!!
"ทำไมทิ้งฉัน...แซนซัส"
"ฉันไม่รู้..."
"ไอ้ผมเงินนั่น(?)ดีกว่าฉันตรงไหน"
"ฉัน..."
"...ตอบมาสิ!!!"
“ .”
'เจ๊ก็ให้ฉันพูดบ้างสิ(เว้ยเฮ้ย)'
"แค้น....แค้น..."
ไม่ว่าเปล่า ผีสาวผู้โดนหักอกยังควักกระป๋องยาฆ่าหญ้าตราเสือสิบเอ็ดตัวออกมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมชนิดที่อดีตตัวร้ายแห่ง KHR ภาคศึกชิงแหวนถึงขั้นล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
"อย่านะ! ถ้าไม่มีหญ้าแล้ววาเรียจะกินอะไร เอ๊ย ไม่ใช่! อย่าทำสควอโล่เลย"
สคอวโล่เป็นรองหัวหน้าหน่วยวาเรีย เป็นคนจัดการบัญชี เป็นคนทำเอกสาร เป็นเบ๊ เป็น...
เป็นทุกลมหายใจเข้าออกของฉัน (เพิ่งจะXS)
ถ้าขาดสควอโล่ไป แซนซัสอยู่ไม่ได้!!
...ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ มีแซนซัสต้องมีสควอโล่ มีป๋า ต้องมีเมีย...
ใช่แล้ว...วันๆยุ่งอยู่แต่กับการสร้างศัตรู...แล้วผมจะเอาเวลาไหนไปมีแฟนเก่า????
"อย่ามาสตรอเบอแหล..."ร่างหนาลุกขึ้นยืนอย่างมาดมั่นอีกครั้ง นัยน์เนตรสีโลหิตแน่วแน่กับความจริงที่ว่า...
"ฉันไม่เคยมีแฟนเก่า ไม่คิดจะมีแฟนใหม่..."
“ ”
อึ้ง คนอ่านอึ้ง ผีสาวอึ้ง คนแต่งเองก็อึ้ง...
กับความจริงที่ว่า ในที่สุด หลังจากโดนหลอกมาเสียนาน ป๋าก็เพิ่งจะฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว?
ท่ามกลางความเงียบงันที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอึ้งๆนั้นเอง
"หุ..."เสียงหัวเราะหนึ่งเล็ดรอดออกมา แม้จะแค่ หุ เดียวก็ตาม แต่ไม่อาจเล็ดรอดหูไวปานติดเรดาห์ขอบอสใหญ่ไปได้แน่นอน
"ใครน่ะ..." วันนี้ถามคำถามนี้กี่รอบแล้วกันนะ
"หุหุหุหุ หึหึ...ฮ่าๆๆๆๆ
เสียงหัวเราะกระจายสะท้อนมาจากทั่วทุกสารทิศ พร้อมภาพสุดสยอง ร่างทั้งร่างของผีสาวกำลังชักกระตุกอย่างไม่อาจควบคุม ปากแห้งแตกหัวเราะจนแทบจะฉีกกว้างไปถึงรูหู นัยน์ตาลึกโหลถลึงใส่เขาให้แอบผวา
"ห่ะห่ะห่ะ...ฮ่าฮ่า ฮ่า" หัวเราะดังก้องพร้อมกับบางสิ่งบางสิ่งบางอย่างที่พลันแตกออก
เปรี๊ยะ!
รอยร้าวขนาดใหญ่แหวกผ่านอากาศราวกับว่า ห้วงบรรยากาศรอบตัวเป็นเพียงกระจกมายาที่ชิ้นส่วนพังทลายลง...สลายไป
.
.
.
ดวงตาสีแดงเลือดคมกริบหันไปมองรอบด้านเหมือนคนเพิ่งตื่นจากความฝัน ฝันโคตรๆ...(ไม่เกี่ยวอีกแล้ว)
เบลเฟกอล ลุซซูเรีย และเลวี่กำลังนั่งเล่นตั้งวงไพ่ เฮ้ย! ในมือของไอ้เจ้าชายมันมีตองคิง!! (เยาะเย้ยกฎหมาย) ทั้งสามร่างหัวเราะสั่นกระตุกชวนให้นึกถึงคนเมายา ผีสาวตรงหน้าเลือนหายไปแล้ว เหลือเพียงไอ้กบฟรานที่ลงไปนั่งหัวเราะชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้น
ป๋าใหญ่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง เริ่มคิดได้ว่า พวกมันกำลังรวมหัวกันแกล้งตรู!
เลวี่ที่ตัวเปียกโชกและขาเข้าเฝือกไว้ ต้องเป็นไอ้ผีกรอบหน้าต่างขาหักแน่นอน
ลุซซูเรียที่มือเต็มไปด้วยสีแดงเลือดจากซอสมะเขือเทศ ไม่ต้องติดต่อกับโลกคู่ขนานได้เหมือนใครบางคนก็รู้ว่ามันเป็นผีกระเทยชัวร์...
"ฮ่ะๆๆ...บอส...กร๊ากกก"
“ ”
"บอส...คือ...ฮ่ะๆๆ"เสียงหัวเราะยังคงไร้ซึ่งทีท่าจะหยุดลง...
"บอส..."
"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น"
ร่างหนากลับมาเปล่งราศีรัศมีหัวหน้าบอสมาเฟียอีกครา ไม่ต้องพูดก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า
ตรูโง่ว!
เมื่อกี๊มันควักยาฆ่าหญ้าออกมาเพราะตั้งใจจะทำลายแหล่งอาหารของแซนซัสฆ่าพันศพใช่มั้ย บังอาจนัก! (เข้าใจอะไรของมันเนี่ย)
"ฉันคิดว่ารู้...ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น"
นัยน์เนตรสีโลหิตแดงก่ำกว่าเดิมราวกับมีเปลวไฟคุกรุ่นอยู่ภายใน ใบหน้าที่เคยฉายแววหวาดผวาต่อเสียงกิ่งไม้กระแทกหน้าต่างไม่มีอีกแล้ว เหลือเพียงเพลิงพิโรธที่พร้อมจะเผาไหม้ปราสาทฝุ่นเลียให้มอดไหม้ในพริบตา
‘หลุดมาดแค่วันเดียว พวกแกจะล้อฉันไปถึงชาติหน้าเลยใช่ไหม!!’
มือกร้านขยับเข้าไปในเสื้อคลุม ก่อนจะคว้าสิ่งที่ทำให้เหล่าสมาชิกวาเรียหยุดเสียงหัวเราะโดยพลัน
"ไอ้พวกสวะ...บังอาจนัก..." ใบหน้านั้นเหี้ยมอมหิตทะลุจุดศูนย์ (กลายเป็นติดลบหนึ่ง) นิ้วมือพร้อมจะเหนี่ยวไกปืนทุกขณะ
จะหลบก็ไม่ทันแล้ว! ช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเองที่เหตุการณ์ทุกอย่างราวกับภาพสโลโมวชั่น
ลุซซูเรียทิ้งไพ่ในมือพร้อมกับเตะเลวี่ที่กำลังขาหักไปอยู่ศูนย์หน้าของแนวรบแทน เจ้าชายเบลเฟกอลรีบฉวยโอกาศชุลละมุนวุ่นวายเก็บเงินในวงไพ่ด้วยความไวแสงพร้อมกับพุ่งตัวไปกอดสายหมอกแห่งวาเรีย (ในที่สุดมันก็ BF) ที่พลิกตัวมาบังเจ้าชายทันควัน หมุนไปหมุนมาเป็นจังหวะลีลาศทำนองเพลง พรหมลิขิต
พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด~
“อย่านะคะบอส!! เจ๊ยอมแล้ว!!” สายไปแล้วเจ๊...
ปัง!!
.
.
.
.
To be continue in part 3
ซะเมื่อไหร่ (โดนเตะ)
ราวกับเวลาได้หยุดเดินไป...
เหล่าวาเรียทั้งสี่ชีวิตหลับตาปี๋ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ คิดว่างานนี้ไม่พ้นโดนเบิร์นแหงแซะ ไม่น่าเซอร์ไพรซ์(?)บอสด้วยการหลอกผีเลย แหย่เล่นนิดหน่อย(?)ใครจะไปคิดว่าบอสจะกลัวจนจิตตกขนาดนี้ ถึงกับยิงกระสุนเพลิงมหาภัยจนแอบร้อนรุ่มไปหมด...
Fire fire!! ตัวเธอมันร้อนเป็นไฟ Fire fire!! ร้อนกว่านี้น่ะมีอีกหมาย (มาจากไหน)
ท่ามกลางความเงียบงันและเวิ่นเว้อนั้น ร่างหนาของแซนซัสไม่ทราบนามสกุลเป็นเพียงผู้เดียวที่ยังคงลืมตาอยู่ นัยน์เนตรสีโลหิตได้สะท้อนภาพแสนอเน็จอนาถของสมาชิกวาเรีย...
กระเทยสวะยกมือเปื้อนซอสมะเขือเทศปิดบังใบหน้าอันแสนเร้าใจด้วยท่าทางหวาดกลัว ปกป้องใบหน้าอันเป็นที่รักสุดชีวิต
ผู้พิทักษ์แห่งอัสนีเลวี่อาร์แทนยกแขนตั้งการ์ดขึ้นบังหัว พยายามคลานหนีไปนอกศูนย์หน้าอันตราย
ไอ้คู่รักเจ้าชายเจ้ากบสุดวิปริตค้างอยู่ในท่าเอนตัวจบอย่างสวยงาม สังเกตดีๆจะพบว่า บนหัวของราชนิกูลมีกระทะใบโตมาสวมไว้ ป้องกันการปะทะ
แซนซัสยิ้มเครียด บางอย่างแปลกไปกว่าที่เคย...กระสุนที่น่าจะเป็นเพลิงโลกันต์กลับกลายเป็น...
ดูเหมือนเซ้นส์ของกระเทยก็ดูจะดีเยี่ยมกว่าใครๆ นายสาวลุซซูเรียเป็นคนแรกที่เริ่มรู้สึกถึงความแปลกประหลาดของสถานการณ์ เจ้าตัวค่อยๆลดการ์ดปกป้องใบหน้าลง
แป๊ะ ๆๆ
รู้สึกราวกับมีหยาดฝนหล่นลงมาจากฟากฟ้า แต่เป็นหยาดฝนที่ทั้งเล็กและแข็ง(?) ตกกระเด็นโดนอย่างต่อเนื่อง
"กรี๊ด ว้าย นี่มัน..." เสียงอุทานเรียกความสนใจให้แก๊งค์ครองโลกค่อยๆลืมตา
แทนคำตอบนั้น...
ลูกกวาดหลากสีเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องนภาราวกับห่าน (พิมพ์ผิดหรือมุข โชไม่เก็ต...) กระทบเสียงกระทะบนหัวเจ้าชายเบลเฟกอลดัง แก๊ง แก๊ง แก๊ง ก่อเกิดเป็นซาวด์เอ๊ฟเฟ๊กต์ประกอบอาการหน้าแตกของแซนซัสอย่างเร้าใจ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร” พึมพำอย่างงงงวย หน้าซีดเสมือนเจอข้อสอบแกทแพทก็ไม่ปาน แทนกระสุนเพลิงพิโรธ (พิมพ์ไม่เหมือนกันสักรอบ) ลูกกวาดและอมยิ้มหลากสีสันกลับลอยละล่องลงมาเป็นแบ๊คกราวน์เสียฉิบ สมาชิกทุกคนพร้อมใจกันเงียบกริบรอว่าป๋าจะทำอย่างไรต่อไป...
นภาก็ได้แต่อึ้งสิ...ถามได้
“บอส...ที่จริงกะจะ Trick or treat พวกเราหรอกเหรอ” เจ้าชายวอนโดนเบิร์นหาเสียงของตัวเองเจอเป็นคนแรก
‘ไม่ใช่ว๊อย’
“แหม แอบน่ารักนะเนี่ย” เสียงกระเทยตามมา
‘ใครน่ารัก...’
“เห็นอย่างนี้ บอสรู้ด้วยเหรอ ว่าวันนี้วันฮาโลวีน” ผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกเบิกตากว้างเล็กน้อย ย้ำ เล็กน้อยจริงๆ
“ฉันเปล่า...”
“สุขสันต์วันฮาโลวีนนะบอส รักหรอกจึงหยอกเล่น อะไรผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปเหอะเนอะ” เจ้าชายวิปริตทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้ต่อเรื่องที่ผ่านมา พร้อมดีดนิ้วดังเป๊าะ! ให้ผู้พิทักษ์อัสนีแสงระวีอายแทนขยับเขยื้อนกายไปแบกกล่องของขวัญห่อบะเริ่มออกมา “ไม่ต้องห่วง เจ้าชายมีของปลอบใจมอบแด่บอสที่รัก(?)”
ปึก! ปึก! ปึง!
อะไรอี๊ก!!
ดวงตาสีแดงเลือดเหลือบมองไปที่กล่องปริศนาใบโต แอบผวาเฮือก ทำเนียนเขยิบเข้าไปใกล้เจ๊กระเทยโดยอัติโนมัติ หากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกน้องแล้วไซร้ แซนซัสเจ้าของฉายา ฆ่าได้หยามเรื่องหญ้าไม่ได้(?) จึงได้แต่พยายามยืนเก๊กราวกับว่า ไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่นิด...
ทั้งที่ความจิตหลอนกำลังพุ่งเข้าไปถึงระดับเซลล์ และกำลังรวมตัวอยู่กับลำดับดีเอ็นเอ หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า กลัว(จะบรรยายให้ยาวเพื่อ?)
ครืด ครืด ครืด
เกิดเสียงตามมาราวกับใครสักคนกำลังเอาของแหลมคม มาขูดขีดกล่องก็ไม่ปาน
โอ้ รุ่นที่เก้าช่วยลูกด้วย! ไอ้สวะเบลมันลงทุนไปเพาะพันธุ์ลูกก๊อตซิลล่าเลยเหรอ
ทั้งๆที่ก็รู้ๆกันอยู่ว่า เขาชอบกันดั้ม wing มากกว่า
โถ่ถัง ความเพ้อเจ้อของป๋ายังคงไม่หมดไป คนแต่งก็ชักจะเริ่มสงสารแซนซัสขึ้นมาบ้างแล้ว จึงพยายามย่น(?)เรื่องให้จบเร็วๆ...
"แต่น แต๊น~ วาเรีย เดอะ ฮัลโลวีน พราวลี่ พรีเซ้นต์...." เจ้าชายเบลเฟกอลที่ยังคงสวมใส่กระทะไว้บนศีรษะฉีกกระดาษกล่องออกเป็นชิ้นๆ
แคว่ก!!
"ฉลามรั่วยั่วสุดใจ ชิชิชิ"
แซนซัสลุ้นระทึก ดวงตาพยายามมองฝ่าเศษกระดาษกล่องของขวัญที่ปลิวกระจายไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางลูกอมที่ตกลงมาไม่ขาดสายเหมือนภาพช้า เสียงหัวใจเต้นดังก้องระทึกยิ่งกว่าเสียง แก๊ง แก๊ง จากลูกอมปะทะกระทะเสียอีก
"แซนซัส..."เสียงหวานเอ่ยนำขึ้นมาก่อน พร้อมกับขาเรียวข้างหนึ่งที่ก้าวออกมาจากซากกระดาษ
รองเท้าบู๊ทหนังสีดำสนิทสูง 8 นิ้วพร้อมกับเชือกพันรัดข้อเท้าไขว้เป็นรูปกากบาทsexsyบาดใจ เสื้อแขนตุ๊กตาสีขาวกับกระโปรงลูกไม้สีดำ
แต่อะไรก็ไม่หนักเท่าทรงผมสีเงินมัดเป็นโบว์ราวกับเจ๊ เลดี้ กาก้า มาเอง
ร่างบางหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร่างสูงทีเริ่มกระตุกคิ้วขึ้นด้วยความไม่พอใจ "ใครเอาชุดนี้ให้แกใส่?" ดีไซน์เนอร์มันมีปัญหาทางสมองแน่นอน...
"ทำไม...แกไม่ชอบเหรอ" ใบหน้างามหมองลงทันตา
"ไม่ชอบ!" แต่งให้ผมกลัวผีผมก็เคะพอแล้ว นี่ยังแต่งให้ไอฉลามใส่ส้นสูง 8 นิ้วอีก พอมายืนใกล้ๆคนที่ต้องถูกเรียกว่าร่างบางมันก็กลายเป็น แซนซัส ผู้นี้น่ะเซ่!
‘ไม่นะเว้ยยย มันจะกลายเป็น SX ไม่ได้!!’ สครีมดังลั้นขึ้นในจิตใจ ชุดรับได้ โบว์รับได้ แตมันสูงกว่าเนี่ยสิที่ป๋าแซนรับไม่ด๊าย!!
"ถอดรองเท้าออกเดี๋ยวนี้ ไอ้ฉลามสวะ!"
"บ้าเหรอ ปกติมันต้องถอดเสื้อออกก่อนเซ่ จากนั้นก็กางเกง รองเท้าไม่ต้องถอดก็ได้เพื่อความsexsy อะคุคักคั่กคั่ก" นี่เป็นคำพูดของรองหัวหน้าหน่วยวาเรีย...
อึ้งโคตรๆ ใครก็ได้นับบ้างว่าวันนี้อึ้งมากี่ครั้งแล้ว บอกทีว่าบทพูดของสควอโล่กับกะเทยสลับกัน แซนซัสเองก็ดูจะอึ้งไปกับความเปลี่ยนแปลงของไอ้ฉลามหัวเน่าเช่นกัน
"แกไปทำอะไรมา ไอฉลามงั่ง...”
"ทำใจไมให้รักนายไง อิอิอิ"
"เจ้าชายว่า สควอโล่คงจะสูดตะกั่วจากกระดาษมากไปก็เลยเพี้ยนอ่ะ ชิชิชิ" Choco คาดว่า SeulKi น่าจะเพี้ยนกว่า...กระดาษห่อของขวัญมันไม่มีตะกั่ว...
"นั่นน่ะสิครับ ก่อนจะเอาใส่กล่อง ผมก็ห่อท่านผ.บ. ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ซะด้วยสิ”สายหมอกแห่งวาเรียชี้แจง
"พอที" ชายหนุ่มรูปงามนามแซนซัสตวัดเสียงห้วน ไม่อาจทนฟังการบรรยายอธิบายความอนาถที่พวกมันกระทำต่อฉลามบุกของเขาไปได้มากกว่านี้
"ไม่ว่าไอ้ฉลามสวะจะเป็นยังไง ฉันก็จะลากมันเข้าห้องอยู่ดี!" ประกาศิตสุดท้ายดังลั่น ก่อนร่างสูงจะฉุดกระชากลากถูฉลามผู้ซึ่งเพิ่งจะมีบทไม่กี่หน้าก่อนให้หายออกไปฉากด้วยความรวดเร็ว หรือเรียกอีกอย่างว่า คนแต่งตัดจบ (แป่ว)
.
เสียงประตูห้องนอน(?)ถูกงับปิดลงไปแล้ว สองนายเหนือหัวก็หายหัวเข้าไปทั้งคู่เช่นกัน
"เห็นมั้ยครับ" จู่ๆ กบฟรานก็พูดขึ้นมาลอยๆ เรียกร้องความสนใจจากสามตัวปัญหาแห่งวาเรียที่เหลือให้หันมอง "ผมบอกแล้ว เอารองผบ.มาเป็นไม้ตาย ยังไงๆบอสก็ต้องลืมเรื่องที่โดนหลอกชัวร์ ฟรานฟันธง"
กระเทยสาวหนึ่งเดี่ยวแห่งวาเรียพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะทำท่าเขินอายได้อนาถเป็นที่สุด "ไม่รู้ป่านนี้สองคนนั้นจะเป็นยังไงแล้ว อิอร๊าง"
"ปล่อยเขาไปเถอะครับ ยังไงๆเราก็ได้นี่มาแล้ว"และแล้ว สิ่งของบางอย่างในมือของผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกก็ส่องประกายวิ๊งๆ...
"คึหึหึ" อาจารย์เป็นยังไง ลูกศิษย์ก็เป็นอย่างนั้น โรคุโด มุคุโร่หัวเราะยังไง ลูกศิษย์ของเขาก็หัวเราะเช่นนั้น...เสียงหัวเราะเยือกเย็นที่หลุดพ้นลำคอของสายหมอกแห่งวาเรียทำเอาเจ้าชายวิปริตแอบถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกลืนน้ำลายเอื๊อก!
"ลำบากพ่อเลวี่(?)แย่ ต้องขาหักเพื่อความสมจริงแบบนี้"กระเทยสาวจุ๊ปาก "เอาไว้เจ๊จะรักษาให้นะจ๊ะ ไม่ต้องห่วง"
...นั่นล่ะน่าเป็นห่วง....
"เจ้าชายว่าเจ๊ไปชำระร่างกายของเจ๊ก่อนดีมั้ย ชิชิชิ เห็นแล้วอนาถดีแท้"
"ไม่อยากเชื่อว่าบอสจะตาถั่วเห็นซอสมะเขือเทศเป็นเลือดนะครับเนี่ย หรือคุณแสดงสมจริงมากเกินไป"
ผู้พิทักษ์อัสนีแสงระวีอายแทนแอบหน้าซีดไปเหมือนกันเมื่อสำรวจมองลุซซูเรียเข้าตรงๆ ไม่แปลกใจแม้แต่น้อยว่าทำไมนายเหนือหัวของตนถึงกับเข่าอ่อนยามถูกมือของกระเทยสาวคว้าหมับเข้าให้ นี่มันยิ่งกว่าเดอะริงซะอีก!!! นัยน์ตาชี้เหมือนเม่นรีบทำเป็นไม่เห็น มองเลยผ่านไปยังกำแพงด้านหลังซะงั้น
“จะว่าไป ทำไมรูปถ่ายใบนั้นถึงมีมือติดอยู่ละจ๊ะ"ถามอย่างสงสัยกับสายหมอกแห่งวาเรีย ความจริงคือเดี๊ยนก็แอบกลัว...
"ภาพมายาน่ะ ไม่มีอะไ..." หนุ่มน้อยหยักไหล่ อธิบายช้าๆก่อนจะชะงักกึก ใบหน้าตกตะลึง...อึ้งยิ่งกว่าดูผลดราม่า
"เป็นอะไรไปน่ะ เจ้าก..." เจ้าชายตกตะลึงเป็นรายที่สอง หลังเลื่อนสายตาไปยังทิศเดียวกับกบมายาฟราน
“มีอะไรเหรอจ๊ะ...โอ้วบร๊ะเจ้า!" กระเทยสาวหลุดเสียงอุทาน ยามหันหลังไปเช่นเดียวกัน
ด้วยความสงสัย ผู้พิทักษ์แห่งอัสนีที่ไร้บทมานานก็ค่อยๆเลื่อนสายตาตามไป ก่อนจะพบกับ...
"พวกนายมานั่งทำไรกัน" ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งแทรกตัวเข้ามาจากช่องว่างบานประตู สองมือหิ้วถุงใส่กล่องสี่เหลี่ยมแบนๆส่งกลิ่นหอมโชย แบนติดไว้ว่า The Pizz-beep-
“ส...สควอโล่จัง..."
"ทำไมรองผบ.มาอยู่ตรงนี้"สายหมอกช๊อคก็งานนี้...
“อ่าว ฉันตื่นมาไม่เห็นใคร แล้วพอดีหิวมาก เลยโทรสั่งพิซซ่าน่ะ ตะกี้ออกไปรับจากคนส่งที่หน้าปราสาท"ว่าแล้วก็เปิดกล่องพิสูจน์ พร้อมหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นเตรียมจะเข้าปาก ไม่วายยังมีน้ำใจหันมาถามทุกคน "สนมั้ย?"
“ตื่นมา ตื่นจากที่ไหน?" ปลากระเบนเลวี่ที่นานๆจะมีบทพูดยิงคำถามใส่คนตรงหน้าทั้งที่ปกติแทบจะไม่อยากคุยกับมัน
"ก็ตื่นออกแล้วแก้มัดจนหลุดจากกระดาษหนังสือพิมพ์น่ะซิวะ เห็นฉันปลาทูรึไง ห่อมาได้?"
"ต...แต่ แล้วหลังจากนั้น..." เจ้าชายที่ตั้งสติได้รีบถามต่อทันทีด้วยความร้อนรน ส่วนสายหมอกนั้น...อึ้งจนแข็งค้างไปแล้ว...
"หลังจากนั้น ฉันหิวมาก พยายามเดินตามหาพวกแก แต่หายหัวไม่เห็นสักคน ฉันเลยออกไปนั่งหน้าปราสาทรอพิซซ่า จนถึงเมื่อกี๊อ่ะแหละ..."
เหล่าสมาชิกแก๊งค์ครองโลกเหลือบมองหน้ากัน ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยสิ่งใดๆออกมาได้ ก่อนจะพร้อมใจเลื่อนสายตาไปยังบานประตูที่เพิ่งงับปิดลงไป...
ถ้าสควอโล่นั่งรอพิซซ่าจนถึงเมือกี๊แล้ว งั้นใครล่ะที่อยู่ในห้องกับป๋า...
แทนคำตอบรับ เสียงร้องโหยหวนปานใจจะขาดก็ดังลอดออกจากห้องนอนที่เพิ่งถูกปิดไป
"อ๊าก!!!!!!!!"
สมาชิกวาเรียทั้งสี่สบตากัน ก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ค่อยๆขยับเขยื้อนกายไปหยิบพิซซ่าจากถาดมากินบ้าง
"เจ้าชายว่านะ บอสต้องอยากกินพิซซ่าแน่เลย"
แถมท้าย
สองวันถัดมา...
ตาแก่รุ่นที่ 9 ผู้รู้จักกันดีในนามของ เจ้าของคทาแห่งพลัง กำลังนั่งดูดีวีดีบางอย่างที่ส่งตรงจากวาเรียด้วยท่าทางปลาบปลื้มใจ
ซูมเข้าไปใกล้อีกนิด จะพบว่า บอสใหญ่แห่งวาเรียนั่นเองที่เป็นตัวเอกของเรื่องอยู่ในนั้น
"แซนซัสลูกพ่อ นี่เจ้าโตเป็นหนุ่มแล้วสินะ เคี๊ยกๆๆๆ"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น