คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13 : เดทแมนๆของคิมแทฮยองภาค 2 (150418)
Chapter 13
เดทแมนๆของคิมแทฮยองภาค 2
แน่ใจนะว่านี่แมนแล้ว? – ซอกจิน
งดออกความเห็นซ้ำเติมแทแท! – T^T
…………………………………………
ไอ้เด็กบ้าจองกุก ท่าทางมันจะอยากตาย!
ผมมองแขนจองกุกที่เต็มไปด้วยรอยแดงด้วยความสะใจ นานๆจะได้เอาคืนซะที คึคึคึ
หลังจากที่ผมปล่อยให้ไอ้เด็กกุกบรรยายในตอนที่แล้วไปซะเกือบทั้งตอน ผมก็กลับมาทวงบทของตัวเองอีกครั้งในตอนนี้ เอาเป็นว่าผมจะไม่ยอมให้มันแย่งตอนนี้ไปบรรยายอีกแล้ว นี่มันเดทหวานๆแมนๆนะ ผมควรได้เป็นคนสาธยายความแมนของตัวเองถึงจะถูก ไม่ใช่ปล่อยให้จองกุกบรรยายอะไรก็ไม่รู้อยู่ตั้งนาน
นิยายหวานแหววได้พากันหื่นพอดี
เอาเป็นว่ามาฟังน้องวีคนนี้พูดต่อดีกว่าน่าสนใจกว่าความคิดจองกุกตั้งเยอะ เชอะ!
ความเดิมจากตอนที่แล้ว ในความโชคร้ายของการโดนแย่งบทบรรยาย (ท่าทางจะแค้นมาก) ก็ยังมีความโชคดีปนอยู่บ้างเพราะว่าผม...
ผมคิดว่าผมเริ่มจะเข้าใกล้ความเมะแล้วล่ะ ฮูเร่ ^O^
หน้าตาจองกุกตอนซีดๆเซียวๆหมดแรงเพราะเครื่องเล่นหวาดเสียวเนี่ยน่ารักมากๆเลย ยิ่งตอนที่มันเอาหัวมาพิงไหล่ผมพร้อมกับออดอ้อนยิ่งโคตรจะน่ารักน่าทะนุถนอม(?)ยังกับในซีรีย์ โอ๊ย คิดแล้วน้องวีก็เขิน นึกถึงมักเน่น้อยสมัยก่อนที่แก้มป่องๆย้วยๆก็ยิ่งเพิ่มความฟิน
อ๊า…..รสชาติแห่งความเมะ(?)มันเป็นแบบนี้นี่เอง
แต่แล้วความฟินของผมก็ต้องสะดุดเพราะระหว่างที่เราสองคนกำลังส่องสาวอยู่ดีๆ มักเน่น้อยก็ลุกหนีผมซะงั้น =[]= ผมที่ยังไม่ทันตั้งตัวและตามอารมณ์ของเด็กนี่ไม่ทันได้แต่นั่งเอ๋ออยู่บนเก้าอี้ มารู้ตัวอีกทีมันก็เดินนำไปไกลลิบๆจนต้องวิ่งไปกอดหลังมันยังกับพระเอกซีรีย์
ถึงตอนสุดท้ายจะโดนจูบก็เหอะ =[]=
และถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ตอนที่มันจูบผมรู้สึกดีมากๆเลยปล่อยเลยตามเลย ยอมให้มันทำไป (อันที่จริงก็ยอมทุกตอน) ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากเพราะหลังจากนั้นจองกุกก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมา จนผมไม่กล้าถามว่าตกลงเขาโกรธอะไร หรือหึง? อาจจะใช่ เก็บไว้เป็นตัวเลือกไว้วิเคราะห์ละกัน
“พี่วี ผมเจ็บนะ ไหนว่าผมเป็นเคะไง ทำไมพี่ถึงมาตีผมแบบนี้”
จอนจองกุกที่อารมณ์ดีแล้วบ่นงุ้งงิ้งพลางลูบแขนตัวเองที่เป็นรอยแดงไม่หยุด หนอย! ทีอย่างนี้ล่ะอยากจะทวงสิทธิ์ความเคะ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้เลย แต่จอนจองกุกที่ทำแก้มป่องปากจู๋มองผมแบบงอนๆนี่ก็น่ารักสุดๆจนผมใจละลายไปกว่าครึ่ง
ผมเอานิ้วลูบไปที่รอยแดงบนแขนมันเบาๆมองสบตาจองกุกที่ส่งสายตาออดอ้อนที่ทำให้รู้สึกหน้าร้อนแบบแปลกๆ ตามมาด้วยน้ำเสียงหวาน “พี่วี…จองกุกเจ็บมากเลย T^T”
“ท…ทำอะไรน่ะ”
ผมกระตุกนิ้วออกจากแขนมันทันทีที่เผลอไปสบเข้ากับดวงตาที่เหมือนกับกระต่ายน้อย ตาคมๆของมักเน่กระพริบเร็วๆด้วยประกายตาใสซื่อเหมือนกับไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด
แค่นายมองพี่แบบนั้นก็ผิดไปหมดแล้ว ไม่รู้รึไงเด็กบ้า!
“ทำอะไร? ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่จะพาพี่วีไปดูสิงโต แทแท…ไม่อยากไปดูสิงโตเหรอ”
แทแท! มันบังอาจเรียกน้องวีคนแมนว่าแทแท!! กำลังจะอ้าปากด่าแต่ดันเจอจองกุกสิ่งยิ้มหวานๆพร้อมกับควงแขนผม เท่านั้นไม่พอยังเอาหัวมาซบไหล่ผมอีก จนผมได้แต่อ้าปากค้างเกาหัวแกรกๆกับจอนจองกุกที่อยู่ดีๆก็เคะขึ้นมาอย่างกระทันหัน
แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ไอ้มือที่ควงผมอยู่ดีๆก็เริ่มเลื้อยมาโอบที่เอว พร้อมกับออกแรงดันตัวผมให้เดินไปด้วยกันจนผมต้องเดินตามไปแบบงงๆ
สรุปว่าคติประจำวันนี้ของแทแทคือ เลยตามเลย =[]= อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะจ๊ะ
“ว้าววววววววว วิวสวยมากเลย!!!!”
ผมร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่จองกุกพามาขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเล่นก่อนจะไปซาฟารี หันซ้ายหันขวามองวิวรอบกายที่เต็มไปด้วยต้นไม้กับวิวของภูเขา เอเวอร์แลนด์เป็นสวนสนุกที่อยู่ลึกในหุบเขา ธรรมชาติรอบด้านจึงสวยมากๆเมื่อมองจากมุมสูง
ผมถ่ายรูปบรรยากาศรอบตัวไม่หยุดลามไปถึงถ่ายรูปเด็กโข่งหน้าหล่อข้างกายที่เอาแต่ส่งยิ้มตามทุกครั้งที่ผมยิ้ม เค้าให้มองวิว จองกุกก็มองหน้าผมอยู่ได้
“จองกุกดูโน่นสิ เห็น T-Express ด้วยนะ”
ผมชี้ไปที่รถไฟเหาะรางไม้ที่เห็นอยู่ลิบๆ คิดไปถึงหน้าซีดๆของมักเน่ตอนที่กำลังจะก้าวขาขึ้นไปนั่งก็ได้แต่แอบหัวเราะเบาๆ ฮ่าฮ่าฮ่า ทำเป็นไม่กลัว ตอนเล่นนะแหกปากซะดังเชียว ผมนะไม่ใช่มัน (อ้าว =[]=)
“หืม ชี้ให้ดูอยากเล่นอีกรอบรึไงครับ”
“ก็อยากอ่ะนะ” ผมตอบ แอบเหลือบไปมองหน้าขาวๆก็เห็นมันกำลังทำหน้าปุเลี่ยนๆบ่งบอกว่าอยากเล่นมากกกกกก ประชดนะครับ รอบเดียวก็เกินพอแล้ว “แต่ว่าเห็นว่าจองกุกกลัว เพราะงั้นไม่เอาดีกว่า”
พูดจบก็จับมือที่เริ่มสากเพราะออกกำลังกายเยอะของมัน ไม่น่ารักเลย เดี๋ยวขากลับซื้อครีมบำรุงมือให้ดีกว่าจะได้นิ่มๆ คิคิ ผมเอนหัวไปซบกับไหล่ของจองกุกแบบที่ชอบทำบ่อยๆ สบายมากเลยอ่ะ เริ่มจะขี้เกียจแล้วสิ บังคับให้มันพาขี่หลังพาเดินไปรอบๆดีมั้ย
“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไรเหรอครับ”
เสียงทุ้มที่ถามอย่างอ่อนโยนพร้อมกับมือใหญ่ที่เอื้อมมาลูบหัวผมเบาๆเกือบทำให้เคลิ้มหลับได้ไม่ยาก ถ้าไม่ใช่เพราะปลายทางที่เห็นอยู่ใกล้ๆผมอาจจะหลับคาไหล่จองกุกไปแล้ว ก็เมื่อคืนผมตื่นเต้นมากจนแทบจะไม่ได้นอนเลย
ตั้งใจเอาไว้ว่ามาเดทวันนี้ผมจะสารภาพ
เผลอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนไม่รู้ตัวเลยว่าเราออกมาจากกระเช้าตั้งแต่ตอนไหน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนมักเน่ดันก้น (มันจับก้นผมเต็มมือเลย เด็กเลว) ให้เข้ามานั่งในรถบัสที่ไว้ใช้พาชมสัตว์ ฮึ้ย ผมลูบก้นตัวเองด้วยความหวงแหน มองจองกุกที่ทำหน้าเฉยหลังจากที่แต๊ะอั๋งก้นน้อยๆของน้องวี
“ถ้าพี่วีไม่พอใจจะจับก้นผมคืนก็ได้นะ”
ดูมัน! นอกจากจะไม่สำนึก ยังมีหน้ามาเสนอแนะหน้าตายอีก แต่อะไรก็ไม่หนักเท่าอาจุมม่าแก่ๆสองคนที่นั่งอยู่แถวหน้าเราที่เอาแต่เหลือบมองผมกับมันแล้วหัวเราะคิกคัก มันตลกตรงไหนวะ
“จะบ้ารึไง จับตรงนี้เนี่ยนะ =[]=”
“เปล่าครับ ^^ ถ้าอยากจับก็ต้องไปจับในห้องนอน……”
และแล้วผมก็ไม่พูดกับมันไปตลอดทริปชมสัตว์ โมโหครับที่มันพูดจาลามก ไม่ได้เขินอะไรเล๊ยยยยย ไม่มีทางเขินจนไม่อยากพูดด้วยหรอก!!!
“พี่วี เมื่อไหร่พี่จะพูดกับผมอ่ะ งอนแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”
จองกุกพุดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ มือข้างนึงกุมมือเราสองคนเอาไว้หลวมๆ ผมทำปากคว่ำสะบัดหน้าหนีมันไปอีกทางนึง ใครงอน! เค้าเรียกเขิน เอ๊ย ไม่ใช่สิ โมโหต่างหาก ผมโกรธที่มันจับก้น!
“ก็ไม่ได้อยากจะน่ารัก…..”
“อ่า งอนแบบนี้ไม่แมนเลยนะครับ”
ไอ้เด็กเวรเปลี่ยนคำพูดใหม่ทำให้ผมโมโหมันยิ่งกว่าเดิมจนต้องหันไปจ้องมันตาเขียว เห็นมักเน่แอบผงะเล็กๆก็รู้สึกชอบใจ หรือว่าจริงๆแล้วผมเป็นคนซาดิสม์ชอบทรมานจองกุกเนี่ย (ยังไม่รู้ตัว)
“ฮึ้ยยยย หายก็ได้”
ผมหันไปพูดกับมันด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ อารมณ์ประมาณว่า ไม่ได้อยากหายนะ แต่อยากแมน (เรอะ) ช่างน้องวีเหอะ
“งั้นก็ดีครับ ผมอยากเล่นอันนั้น” จองกุกชี้มือไปที่ไหนสักที่ที่ผมไม่คิดจะสนใจ “เราไปเล่นกันเถอะ นะๆๆๆๆ”
พูดจบก็ส่งสายตาเป็นประกายวิ้งวั้งมาให้จนผมรู้สึกเหมือนเห็นหมาน้อยแลดูน่าเวทนา แค่กๆๆๆ จริงๆแล้วมันน่ารักมากครับ คิมแทคนรักสัตว์เลยไม่อาจทนไหว พยักหน้ารับแบบเลยตามเลย (อีกแล้ว) ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังเดินเข้าไปในนรกที่เรียกว่า
บ้านผีสิง!
ผมหยุดยืนมองสิ่งปลูกสร้างหลอนๆตรงหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว จองกุกมันเป็นบ้าอะไรถึงลากเข้ามาต่อแถวเล่นบ้านผีสิง เราสองคนไม่มีใครกลัวผี ใช่ครับ! น้องวีคนแมนคนนี้ไม่กลัวผี!! ไม่ใช่จีมินกับโฮซอกฮยองนะที่กลัวจนร้องกรี๊ดน่ะ
“เล่นอะไรเนี่ย” ผมหันไปบ่นกับจองกุกเบาๆ “เข้าบ้านผีสิงทำไม พี่กับนายเราไม่ได้กลัวซะหน่อย ไปดูสวนดอกไม้ดีกว่ามั้ย”
สวนดอกไม้! =[]= พูดไปทำไมแลดูเคะเหมือนกับผมกำลังชวนจองกุกไปเก็บดอกไม้ใส่ตะกร้าไปให้จินฮยองจัดแจกันเลยอ่ะ T^T
คิดภาพตามแล้วหลอนยิ่งกว่าบ้านผีสิงอีก
“ใครบอกว่าผมไม่กลัว” จองกุกหันมาพูดกับผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ผมกลัวผีมากๆเลยนะพี่วี”
กลัวบ้านป้าแกสิหน้านิ่งขนาดนี้ น้องวีไม่ได้กินหญ้าเป็นอาหารนะ =[]= ถึงจะซื่อบื้อก็เหอะ
“ไม่เชื่อ…..”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ผมกลัวมากๆแล้วผมก็อยากเล่นอันนี้ ดอกไม้อะไรนั่นถ้าพี่อยากไปดูก็ค่อยไปดูทีหลัง ไปครับ!”
มันจัดการลากผมเข้าไปในบ้านเฮงซวยนั่นทันที
…จอนจองกุก เด็กบ้าเผด็จการ!!
โฮะ โฮะ โฮะ หึหึหึ คึคึคึคึ
ผมทำหน้าเมื่อยกับเสียงซาวน์เอ๊ฟเฟ็คเพิ่มบรรยากาศกับความมืดที่อยู่รอบตัวเราสองคน มองหุ่นหลอนๆประกอบฉากด้วยความเซ็งแล้วก็นึกถึงสวนดอกไม้ขึ้นมาทันที ช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงดอกทิวลิปกับกุหลาบ
เอ๊ะ ผมเป็นบ้าอะไรเนี่ย ทำไมคิดถึงดอกไม้อีกแล้วล่ะ
“แฮ่!!!”
ไม่ทันได้ตั้งตัว ผีบ้าก็โผล่ออกมาหลอกจากซอกตึกจนผมสะดุ้งโหยงเผลอร้องว้ากออกมาเบาๆ แล้วขยับหนีผีในชุดคนไข้ หันไปดูหน้าไอ้เด็กจอนแล้วอายตัวเองเบาๆ โคตรจะนิ่ง แม้แต่ขนคิ้วยังไม่กระตุกเลยอ่ะ ไหนบอกว่ากลัวไงจอนจองกุก!!
มักเน่เลื่อนสายตามาสบกับดวงตาผม แม้กระทั่งในความมืดสลัวที่รายล้อมเราสองคน ผมก็เห็นชัดเจนถึงมุมปากของมันที่กระตุกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมทอประกายวาววับพร้อมกับขยับเข้ามากอดผมเอาไว้จนจมลึกไปกับอกกว้าง
“น่ากลัวจังเลยอ่ะพี่วี”
หา!!!!!!
“เอิ่มมม จองกุก นายขยับออกไปหน่อยได้มั้ย ถ้าเบียดมากกว่านี้พี่ว่าเราคงได้เสียกันแล้วอ่ะ”
ผมหันไปพูดกับมักเน่ด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ผีเผออะไรตอนนี้ไม่สนมันล่ะครับ สนก็แต่เด็กบ้าที่กำลังกอดรัดเอวผมเอาไว้แน่น เกยคางกับไหล่ ไม่ว่าจะผลักหรือดันมันก็ไม่ยอมออกไปด้วยข้ออ้างที่บอกว่า กลัวผี =[]= ไม่ว่าผมจะเดินไปทางไหน มันก็เดินตามยังกับแฝดสยามติดกันเป็นตังเมเพราะไฟฉายมีแค่อันเดียว
กอดอย่างเดียวไม่ว่า ยังเอาจมูกมาซุกไซร้แถวๆซอกคอ ที่นี่มีกล้องวงจรปิดนะ ประเจิดประเจ้อเกินไปมั้ยอ่ะ
“พี่น่ะสิได้ จองกุกมีแต่เสียกับเสียนะ ผมกลัวจนต้องกอดพี่เอาไว้แบบนี้ พี่วีอ่ะกำไรชัดๆ”
จองกุกพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อประกอบกับเม้มปากตัวเองแน่นด้วยท่าทางเขินอายที่ดูไม่จริงใจที่สุดในสามโลก
กำไรเรอะ! ทำไมน้องวีไม่เห็นรู้สึกว่าได้กำไรเลยอ่ะ ยิ่งตอนที่ริมฝีปากมันปัดผ่านซอกคอผมก็ยิ่งขนลุก ขนาดผีออกมาหลอกจองกุกยังเมินผีเลย เอาแต่ซุกไซร้คอผมอยู่ได้ พอถึงจุดที่ไม่มีผี ผมสาบานได้ว่ามันจูบคอผมเบาๆด้วย เป็นญาติกับปลิงรึไงเนี่ย ร้องไห้หนักมาก โฮๆๆๆ
“จองกุก ไม่รู้รึไงว่าเค้าแอบถ่ายรูปด้วยนะ นายอยากให้รูปเราสองคนไปติดประจานรึไง”
ผมพยายามเอาเหตุผลเข้าช่วย แต่สิ่งที่มันตอบกลับมาทำเอาผมแทบจะร้องไห้น้ำตาท่วมโลก
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ^^ พนักงานรู้ว่าเราเป็นศิลปิน ผมยัดเงินปิดปากเรียบร้อยแล้วแหละ จองกุกรอบคอบเนอะ ^^”
จ๊ะ รอบคอบจ๊ะ รอบคอบมากกกกกก
บ้านผีสิงนี่ก็มืด พวกผีก็ช่วยอะไรไม่ได้แถมยังโดนเมิน นี่น้องวีติดกับมักเน่แล้วใช่มั้ย ใครก็ได้ช่วยที!!!!
“แหม บ้านผีสิงที่นี่นี่สนุก น่ากลัวดีนะครับ”
พอหลุดออกมาจากบ้านนรกแตกปุ๊ปจองกุกก็ปล่อยตัวผมปั๊ปจนผมแทบจะร้องไห้ขอบคุณพระเจ้า พอหลุดออกจากอ้อมกอดของมันผมก็ถอยไปตั้งหลังอีก 5 ก้าวทันทีเพื่อเตรียมความพร้อม เผื่อว่าจองกุกจะทำอะไรอีก
นี่มันเคะประเภทไหนกัน อันตรายมากๆเลยอ่ะ พอลับตาคนเข้าหน่อย เอะอะก็ลวนลามจนผมเริ่มจะรู้ทางมันแล้วหลังจากโง่มานาน -_- น้องวีขอสาบานเลยว่าจะไม่อยู่กับจองกุกในที่ลับตาคนอีกต่อไป น่ากลัวสุดๆเลย T^T
“พี่วีทำไรน่ะ”
จองกุกมองผมแบบงงๆ ขายาวๆขยับเข้ามาใกล้ แต่ยิ่งใกล้ผมก็ยิ่งถอยจนเขาต้องหยุด
“ฮึ้ยยย ไม่ต้องมาใกล้ อยู่ห่างๆพี่เลย เดี๋ยวนายจูบ…..เอ๊ยย โอ๊ยยย ไม่รู้แหละ ไม่ต้องเข้ามา”
พูดจบก็กุมต้นคอตัวเองด้วยความหลอน จะไม่ให้กลัวได้ไงอ่ะครับ น้องวีไม่อยากจะฟ้อง ก่อนที่เราจะออกมาจากบ้านผีสิง จองกุกมันจูบหนักๆที่ซอกคอผมจนผมมั่นใจว่ามันต้องเป็นรอยแดงแน่ๆ ทำไมมักเน่ถึงเป็นคนแบบนี้เนี่ย ฮือๆๆๆๆ ไหนว่าจะเคะไง รุกขนาดนี้น้องวีเริ่มทนไม่ไหวแล้วนะ
“ไม่ให้ผมเข้าใกล้แล้วผมจะพาพี่ไปดูดอกไม้ได้ไงอ่ะครับ”
“ไม่ต้องมาหลอกล่อ! พี่ไม่เชื่อนายแล้วนะ ฮือๆๆๆๆ”
น้ำตาเม็ดโตไหลออกมาจากดวงตาผมจนจองกุกตาโตด้วยความตกใจ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไรถึงร้องไห้ออกมา รู้แต่ว่าผมกำลังโมโหตัวเองที่ยอมให้เขาทำได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่รู้ว่าโดนหลอกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ปนกับความรู้สึกแปลกๆตีกันมั่วไปหมด
จองกุกขยับตัวเข้ามาใกล้เหมือนกับว่าจะเข้ามากอดปลอบ ผมสูดลมหายใจก่อนจะเช็ดน้ำตาลวกๆจนจองกุกชะงักมือที่กำลังเอื้อมมาจับไหล่
“ไม่ต้องมาปลอบเลย พี่ไม่ใช่ผู้หญิงนะ แค่โกรธ โกรธมากๆด้วย”
พูดจบก็กัดริมฝีปากตัวเองแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง มักเน่เอื้อมมือมาปาดน้ำตาที่ยังเหลืออยู่ที่แก้มผมเบาๆ
“กลับบ้านกันมั้ยครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาทำให้ผมรู้สึกแย่
“ไม่เอาหรอก” ผมงึมงำออกมาในที่สุด รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่ามากๆที่ร้องไห้ออกมาแบบนั้น “พี่ชวนนายออกมาแท้ๆ ไม่อยากให้เดทล่มด้วย เราไปดูดอกไม้กันเถอะนะ”
“ถ้าผมทำแบบนั้นแล้วจะทำให้พี่รู้สึกดีขึ้น….” ดวงตาคู่นั้นของเขาที่ผมไม่เคยอ่านออกว่าจองกุกกำลังรู้สึกอะไร “ถ้างั้นเราก็ไปกันเถอะครับ”
สวนดอกไม้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆด้วย
ทุ่งดอกทิวลิปกับดอกกุหลาบสีสวยละลานตาจนเผลอยิ้มออกมา สวยจัง….สวยมากๆ ผมย่อตัวลงเข้าไปใกล้พุ่มดอกกุหลาบ ไล้นิ้วไปตามกลีบบอบบางของมันแผ่วเบาก่อนจะเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปดอกไม้ พอหันไปมองจองกุกก็เห็นมักเน่กำลังจ้องผมไม่วางตา มือใหญ่ถือโทรศัพท์
อ่า…เขากำลังถ่ายรูปดอกไม้เหมือนกันสินะ
ดีจังที่ตัดสินใจมาสวนดอกไม้
“ถ่ายรูปกันมั้ย” ผมเอ่ยปากชวน รู้สึกดีขึ้นมาก ท่าทางเหวอๆของเด็กนี่ทำให้ผมหัวเราะ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหา คว้าคอจองกุกเข้ามาใกล้ๆแล้วกดชัตเตอร์ทันที
“เดี๋ยวสิพี่วี ผมยังไม่ทันตั้งตัวเลยนะ!”
พอได้สติจองกุกก็โวยวายทันที มือก็พยายามเอื้อมคว้ามือถือไปกดลบรูปแต่ผมล็อกเครื่องทันทีพร้อมกับหย่อนมือถือลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์จนเด็กโข่งได้แต่ทำหน้ามุ่ย บ่นงุ้งงิ้งเรื่องโดนแอบถ่ายกับหน้าเหวอๆของตัวเอง สมน้ำหน้า อิอิอิ แก้แค้นคืนได้แล้วที่มันชอบถ่ายรูปตอนผมทำหน้าทุเรศ
เราสองคนเดินเล่นในสวนดอกไม้กันสักพักก่อนที่ท้องของผมจะเริ่มประท้วงออกมาเสียงดัง เพิ่งนึกได้ว่าเราสองคนยังไม่ได้กินข้าวเลยทั้งที่ตอนนี้ก็เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว มัวแต่เล่นจนลืมกินไปเลย
“หิวเหรอครับ ผมพาไปร้านอาหารมั้ย”
จองกุกหมายถึงร้านอาหารที่อยู่ในสวนสนุกแต่ผมส่ายหัวเบาๆ ร้านอาหารพวกนั้นแพงจะตายแถมยังดูไม่ค่อยจะอร่อยด้วย
“ไม่เอาหรอก เราออกไปกันดีกว่า เย็นมากแล้วนะ”
“อ้าว…แล้วข้าวละครับ พี่วีไม่หิวเหรอ”
“อันที่จริงแล้ว…..พี่อยากลองไปกินที่นึงดูน่ะ ^O^”
…………………………………………
“พี่วี แน่ใจนะครับว่าจะกินร้านนี้ =[]=”
จองกุกขมวดคิ้วมองร้านซัมกอบซัล (หมูย่าง)เล็กๆที่ตั้งอยู่ข้างทางด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ มันเป็นร้านข้างถนนปิดพลาสติกแบบที่เห็นบ่อยๆในซีรีย์ที่นางเอกจนๆชอบไปซัดเหล้าโซจูน่ะแหละ
“ทำไมอ่าร้านนี้เด็ดนะ ที่สำคัญ…..” ผมลากเสียงยาวอย่างลุ้นระทึก “มีโปรโมชั่นโซจูไม่อั้นด้วยแหละอาทิตย์นี้ ลัคกี้สุดๆ คึคึคึคึ เชื่อพี่ เข้าไปเหอะ”
ผมกระชากแขนจองกุกที่ดูจะสติหลุดลอยไปแล้วให้เข้าไปในร้าน ดูจากท่าทางบอกได้เลยว่ามันไม่เคยเข้าร้านแบบนี้แน่ๆ เด็กน้อยจริงๆ ร้านนี้นะผมกับหมูจีชอบเข้ามาดวลเหล้ากันประจำจนเจ้าของร้านจำหน้าได้แล้ว ถึงส่วนใหญ่จะจบลงที่ผมแพ้ไอ้หมูจีก็เหอะ พวกเรากินเหล้าไม่ค่อยเก่งหรอกครับ
แต่วันนี้ผมแค่อยากกินน่ะ
“พี่วีผมอายุไม่ถึงนะ” จองกุกโวยจนผมต้องเอามือไปปิดปากมัน
“เงียบๆน่ามักเน่ ไม่มีใครรู้หรอก”
ผมหัวเราะด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายก่อนจะเริ่มสั่งหมูและเหล้ามาอย่างคล่องแคล่วจนจองกุกขมวดคิ้ว ดูท่าทางไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เชอะ! ทำเป็นไม่ชอบ ตัวเองก็เคยแอบกินแท้ๆ แถมยังดื่มเก่งด้วยนะ แต่ว่าวันนี้ผมไม่ยอมแพ้หรอก
“จองกุก เรามาแข่งกินโซจูกัน!!!”
เละเทะ หมดสภาพ!!!!
ผมสะบัดหัวไล่ความมึนที่เริ่มคืบคลานเข้ามาหลังจากดื่มเข้าไปเป็นขวดที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ตอนแรกผมก็ไม่ได้กะจะกินเยอะขนาดนี้หรอก แต่ไอ้เด็กกุกที่ลอยหน้าลอยตากระดกขวดสบายๆพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยทำให้ผมมหมั่นไส้มันมากจนต้องโชว์แมนเหนือกว่า จนสภาพนี่ก็...อย่างที่เห็นอ่ะ =[]=
"พี่วี ผมว่าพี่ไม่ไหวแล้วนะ พอเหอะ"
เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับมือของมักเน่ที่พยายามจะเอื้อมมาแย่งขวดโซจูออกไป แต่ถ้ายอมโดยไม่ดื้อก็ไม่ใช่คิมแทฮยองแล้ว
"ยุ่งนา เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาสั่งสอนพี่นะ"
พูดพลางกอดอกทำปากคว่ำจนจองกุกถอนหายใจยาว อะไรอ่ะ อยู่กับน้องวีมันลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ คิดแล้วก็น้อยใจ
ใช่ครับ ผมกำลังน้อยใจ ยอมรับแบบลูกผู้ชายแมนๆเลยว่าผมน้อยใจมันมาสักพักใหญ่ๆแล้วแหละ ไม่ใช่แค่วันนี้ ไอ้เหตุการณ์ตอนบ้านผีสิงนั่นมันยิ่งทำให้อารมณ์ที่เก็บไว้ระเบิดออกมา แต่ดูท่าทางจะเกินไปหน่อยเลยกลายเป็นร้องไห้โชว์น้องมันซะงั้นอ่ะ
ที่ดื่มเยอะขนาดนี้ส่วนนึงเพราะเครียดเรื่องมันเนี่ยแหละ ไม่รู้จะทำไง ดื่มไว้อาลัยให้ตัวเองแปป
"แทฮยอง ถ้าไม่หยุดดื่ม ผมจะโกรธแล้วนะ"
น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยมีแต่รอยยิ้มสดใส ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาคมทอประกายวาววับ ริมฝีปากเม้มแน่นจนเห็นสันกรามได้รูปชัดเจน
หล่อ
อยู่ดีๆความคิดบ้าๆก็ผุดขึ้นมา
"นาย.....หล่อจัง"
คิดแค่ในใจแต่ไม่รู้ทำไมปากมันขยับเป็นคำพูดออกไปเอง จองกุกกำลังโกรธแต่ผมดันบ้าไปชมความงามหน้าตามัน ใช่เวลามั้ย เพราะโซจูแท้ๆ
แต่ความบ้าของผมยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นเพราะมือที่เคยจับขวดโซจู ตอนนี้กลับทิ้งขวดลงบนพื้นอย่างไม่ไยดีจนเหล้าหกเลอะพื้น จอนจองกุกไล่สายตามองตามของเหลวสีใสที่ไหลนองบนพื้นก่อนที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อมือที่เคยถือขวดเหล้าของผมยกขึ้นประคองวงหน้าหล่อเหลา พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปจ้อง ใกล้จนจมูกแทบสัมผัสกัน
"แทฮยอง....อย่า"
เสียงเข้มๆสั่งขึ้นมาอีกครั้งแต่ผมก็เลือกที่จะเมินเฉย ปลายเสียงของมักเน่สั่นไหวจนแหบพร่า พอมามองใกล้ๆหน้าขาวๆของมันก็เหมือนจะแดงเรื่อขึ้นมาบ้างเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
"อย่าอะไร นายชอบนักไม่ใช่เหรอเวลาที่ทำแบบนี้ ตอนนี้ทำไมถึงปฏิเสธ"
เพราะโซจูแน่ๆที่ทำให้ผมกล้าที่จะพูดอะไรแบบนี้ ทั้งที่ปกติผมไม่มีทางพูดออกไปหรอก มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะพ่ายแพ้ ผมไม่อยากแพ้แต่จองกุกคงเป็นยิ่งกว่า
"ผมไม่ได้ชอบ......"
"คนโกหก"
"ถ้ารู้ดีนักแล้วยังทำทำไม พี่ควรเลิกทำตัวอย่างนี้ได้แล้ว ผมไม่ใช่คนดีพี่ก็รู้"
เขาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรมากว่านั้นแต่แล้วก็หยุดไป ปากบอกว่าไม่พอใจแต่เขากลับเอียงแก้มเข้ามารับสัมผัสจากมือของผม จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามฝ่ามือนุ่มก่อนจะลามมาจูบเบาๆที่ข้อมือหอมกรุ่น ผมหลับตารับสัมผัสแผ่วเบาก่อนที่จองกุกจะจบทุกอย่างลงด้วยการกระตุกข้อมือผมแรงๆจนลุกขึ้นจากเก่าอี้
"กลับกันได้แล้ว อย่าให้ผมต้องใช้กำลัง"
พูดจบก็ลากผมออกมาจากร้านทันทีพร้อมกับวางเงินลงบนโต๊ะ คนเผด็จการ
"สภาพแบบนี้ผมว่าเราอย่ากลับหอพักเลย กลับไปก็โดนด่าเปล่าๆ"
มักเน่พูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสภาพของเราสองคนที่เดินเซไปมา ทั้งชนเสา สะดุดขอบฟุตบาท ข้ามถนนไม่ดูสัญญาณไฟ จองกุกดูจะคุมสติได้ดีกว่าผมมากแต่ดูจากท่าเดินเซๆ เห็นชัดเลยว่าเขาก็เมาแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะผมเมากว่า ถ้าไม่ได้จองกุกพยุงผมคงเซล้มลงไปกองกับถังขยะใบใหญ่ หมดสภาพวีบีทีเอสผู้โด่งดัง ดีนะที่ถนนแถวนี้มืด ไม่งั้นละก็ขึ้นเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ
"ไม่กลับแล้วไปไหน กินต่ออีกร้านมั้ย"
จองกุกไม่ตอบแต่กลับชี้ไปที่โรงแรมหรูหราที่อยู่ตรงหน้า
"อะไรอ่ะ พี่ไม่มีเงินนะ"
มักเน่ถอนหายใจก่อนจะจูงมือเข้าไปในโรงแรมตรงหน้าพร้อมกับจองห้องเสร็จสรรพ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ชวนน้องกินเหล้า แต่ก็นะแทฮยองเคยขัดจอนจองกุกได้ซะที่ไหน
คงไม่มีอะไรแย่ๆเกิดขึ้นหรอก...มั้งนะ
ความคิดเห็น