ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Sungnumja Game (KookV)

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12 : เดทแมนๆของคิมแทฮยองภาค 1 (141230)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.54K
      39
      3 พ.ย. 59

    ขอโทษที่หายไปนานจ้า T^T ข่าวดีคือไรท์สอบเสร็จแล้ว 555 ตอนนี้ว่างยาว ยังไงก็จะมาอัพบ่อยๆนะ

    เพิ่งเห็นว่ามีคนติดตามตั้ง 183 คน ขอบคุณมากๆนะคะ เราจะพยายามแต่งให้ดีที่สุด 

    รอกันหน่อยนะ ไรท์เป็นคนที่แต่งตอนนึงได้ช้าและยาวมาก

    อย่าเพิ่งผิดหวังที่เราอัพช้าและเลิกคอมเม้นเลยนะ T^T

    ..........................................................................


    Chapter 12

    เดทแมนๆของคิมแทฮยองภาค 1

     


    เอาอีกล่ะ ไอ้หนังภาคนี่ – เฮียชูก้า

    ภาคสองจะเจ๊งอีกมั้ย – จีมินนี่ผู้มีบททุกตอน

    ตอนหน้าโปรดงดออกความเห็นซ้ำเติมน้องวี – คิมแทฮยอง


    …………………………………………


    จะใส่อะไรดีครับ?



    เชื่อว่าทุกคนที่เคยไปเดทล้วนแล้วแต่เคยประสบปัญหานี้กันมาแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ผม คิมแทฮยอง คนหล่อคนนี้ที่มีเสื้อผ้าเยอะซะยิ่งกว่าคนขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดแถวบ้านแต่กลับไม่รู้จะใส่อะไร!



    ผมรื้อเสื้อซะจนตู้เสื้อผ้าแทบกระจุย แต่กลับไม่มีอะไรเข้าท่าเลยสักนิด แต่งแบบยั่วๆดีมั้ยหรือแบบน่ารักดี ไม่สิ! คิมวีต้องแมนนะงั้นเอาเสื้อเชิ้ตเลยดีมั้ย? แต่มันคงดูเยอะไป เกิดจองกุกใส่เสื้อแดงลายดอกแบบคราวที่แล้วอีกนี่เงิบเลย



    พูดถึงจอนจองกุก คนอ่านคงสงสัยว่ามันไปไหน มันก็อยู่ฟิตเนตที่เดิมนั่นแหละครับ ผมหนีกลับบ้านมาเลือกเสื้อก่อนทิ้งมันไว้กับจีมินแค่สองคน สงสัยเหรอว่าจีมินมาไง? อย่าถามเพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน (อ้าว) อยู่ดีๆมันก็โผล่เข้ามาเป็นก้างขวางคอที่มีบททุกตอน ผมที่สบโอกาสเลยรีบหนีกลับบ้านทันทีเพราะกลัวพวกมันจะลากผมไปเล่นกล้าม -_-



    “หาไรแท เกงในหายเหรอ”



    เสียงทุ้มที่ดังออกมาจากด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งโหยงเพราะนึกว่าจองกุกกลับมา หันขวับไปมองก็เจอยุนกิฮยองที่ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถขุดตัวเองออกมาจากที่นอนได้ เดินหน้าอึนเข้ามาหา



    อะไรอ่ะ? ปกติมินยุนกิเคยสนใจใครที่ไหน อยู่ดีๆมาสนใจผมแบบนี้อาเพศชัดๆ (เว่อร์) พอแกเห็นผมทำหน้างงๆก็เลยเสริมต่อ



    “ฮยองไม่ได้ใส่ของแกนะ ฮยองขโมยแต่ของจองกุก”



    บอกทำไม๊!? น้องแทไม่ได้อยากรู้ ว่าแต่ไอ้กางเกงในสีแดงนั่นมันน่าขโมยใส่ตรงไหน ช่างเหอะ อย่าไปสนใจเฮียแกดีกว่า คิดแล้วก็หันมาสนใจเสื้อผ้าตรงหน้าตามเดิม



    “คิมแทฮยอง นี่แกเมินพี่เหรอวะ?” เสียงเฮียก้าออกจะช็อกเล็กๆ



    “ฮยองงงง แทกำลังเครียดอยู่นะ ไปเล่นที่อื่นได้มั้ย” 



    พูดไปผมก็หยิบเสื้อตัวโน้นตัวนี้มาทาบตัวไปด้วย สีชมพูดีมั้ยจะได้ดูหวานแหวว หรือสีเขียวดีอนุรักษ์ธรรมชาติน้องแทรักโลก(?) บ้าๆๆ ไปเดทนะไม่ได้ไปประกวดนางงาม



    “ฮยองไม่ได้เล่น เห็นว่าเครียดเลยจะช่วยไง เอาตัวนี้มั้ย เอ๊กซ์ดี”



    พูดจบก็หันไปคว้ากางเกงออกมาจากไหนไม่รู้ยื่นให้ผม แม่เจ้า นี่กางเกงหรือเกาะอก สั้นแบบนี้ใส่เป็นเกงในดีกว่ามั้ย? 



    “ฮยอง แทจะออกไปข้างนอกนะ ไม่ได้ใส่ไปยั่วใคร =[]=”



    นี่คิมแทฮยองคนแมนนะ ไม่ใช่น้องคิมสั้นเสมอหู ใส่ออกไปข้างนอกแบบนี้อาร์มี่เป็นลมพอดี 



    “อ้าว แล้วไม่บอก นึกว่าจะใส่ยั่วไอ้กุกคืนนี้ คึคึคึ มานี่ๆๆ ถอยไป เดี๋ยวเฮียเลือกเอง”



    ว่าแล้วยุนกิฮยองก็เตะผมที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นออกไปข้างๆ ผมได้แต่มองชูก้าคนเผด็จการแห่งบังทันควานมือเข้าไปในตู้เสื้อผ้าที่โคตรจะรกของเราด้วยความรวดเร็ว ก็อยากจะขัดอ่ะนะแต่กลัวตาย เศร้าจริง คิมแทไม่เคยชนะใครเลยนอกจากพี่จินกับไอ้จีมิน 



    จริงๆมันก็ดีนะครับที่มีคนช่วยเลือกหลังจากผมจมปลักอยู่ในกองเสื้อผ้านานนับชั่วโมงจนกลัวว่าจองกุกมันจะกลับบ้านมาก่อนผมเลือกเสร็จ ซึ่งผมไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่ๆ ขืนมันรู้ว่าผมบ้าขนาดเลือกเสื้อผ้าก่อนหน้าเป็นวันๆแบบนี้ความเมะของผมได้ติดลบกันพอดี 



    มินยุนกิที่มีเซ้นส์ด้านแฟชั่นอันสูงส่งดึงเสื้อตัวหนึ่งออกมา ส่วนผมก็ปิดตาไปข้างนึงด้วยความหลอน ในใจยังคิดถึงไอ้กางเกงสีแดงแรงฤทธิ์ที่สั้นจนผมแทบจะได้เสียกับไอ้เด็กกุกบนโซฟา



    หวังว่าคงจะไม่ใช่อะไรสั้นๆอีกนะ 



    แต่ดูเหมือนผมจะคิดมากไป เพราะที่เฮียหยิบออกมากลับเป็นเสื้อสีครีมแขนยาวคอกว้างสกรีนลายตัวนึง เสื้อตัวนี้ผมเคยลองในร้านแล้วมันก็ดูดีพอดีตัวเข้ากับรูปร่างของผมมากเลย ซื้อมานานแล้วแต่ยังไม่เคยใส่ ถึงตอนลองใส่ออกจะดูผอมๆบอบบางหน่อยๆเพราะคอเสื้อมันกว้างจนโชว์ช่วงไหล่ด้านขวา แต่ก็ช่างมันเหอะ ดีกว่าขาดเป็นริ้วๆก็แล้วกัน



    ผมกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าแต่เฮียแกดันโยกหลบผมซะงั้น



    “มันธรรมดาไปมั้ย หรือใส่ตัวนี้ดี”



    ยกเสื้ออีกตัวขึ้นมา เอิ่ม นี่เสื้อหรือผ้าขี้ริ้วครับ ขาดเป็นรูเชียว จักรเย็บผ้าเสียเหรอ =[]= 



    “ไม่เอา แทจะใส่ตัวสีครีม ไม่เอาโป๊ๆแล้ว”



    ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปฉวยเสื้อสีครีมมากอดไว้แนบอกทันที



    “เอ้า ตามใจแก เออ จริงๆสีครีมก็เซ็กซี่อยู่นะ คอกว้างดี ไหล่แกก็สวย มีดีก็โชว์ๆเข้าไป”



    เฮียโยนเสื้อผ้าขี้ริ้วไปที่อื่นแล้วจับตัวผมให้ลุกขึ้นทาบเสื้อกับตัว จากนั้นก็ดึงกางเกงยีนส์ขาสั้นถึงเข่าธรรมดาออกมา



    “อืมมมม แต่งแบบนี้ก็น่ารักดี แอบเซ็กซี่เบาๆด้วย รับรองไอ้กุกหลงแกชัวร์ เชื่อมือเลย”



    ถามผมก่อนมั้ยว่าอยากให้มันหลงรึเปล่า =[]= แต่เดี๋ยวนะ คอนเซ็ปคือเดทแมนๆของคิมแทฮยองไม่ใช่เหรอ เซ็กซี่ก็พอได้แต่ไอ้น่ารักนี่มาจากไหน



    กำลังจะอ้าปากค้านก็เจอสายตาพิฆาตจากเฮียซะก่อน



    “ไหนๆก็ไหนๆแล้วไอ้แท พี่จะแนะนำอะไรแกอีกหน่อยล่ะกัน…….”



    คำแนะนำจากมินยุนกิอีกแล้ว!! ไม่รอดแน่เลยงานนี้ T^T



    “พี่วี ไปเปลี่ยนเสื้อเดี๋ยวนี้เลย!”



    คุ้นๆมั้ยเหตุการณ์นี้ รีดเดอร์คุ้นมั้ยไม่รู้แต่ผมคุ้นมากกกกกก มาอีกแล้ว มันเดจาวูยังกับเหตุการณ์ที่ทะเลเหมือนเดิมเด๊ะๆ แค่เปลี่ยนจากจอนจองกุกที่ไม่แต่งหน้าและใส่เสื้อลายดอก เป็นจอนจองกุกที่หล่อมากๆแต่ก็ยังคงคอนเซปต์หน้าหงิกด้วยความไม่พอใจเสื้อที่ผมใส่



    เมื่อเช้าหลังจากที่จองกุกปลุกผมขึ้นมา ผมก็อาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้าทำผมใส่เสื้อที่ชูก้าฮยองเตรียมให้แล้วเดินมาหามัน จองกุกที่เห็นผมชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็กวาดสายตามองทั่วทั้งตัว ดูจากสายตาบอกเลยว่ามันชอบ ชอบมากๆด้วย



    แต่แล้วไม่ถึงหนึ่งวิก็ทำหน้าไม่พอใจแล้วไล่ให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อจนผมตามอารมณ์ที่แปรปรวนยังกับสตรีมีประจำเดือนของมักเน่แทบไม่ทัน



    “ไม่ ทำไมพี่ต้องเปลี่ยนด้วย”



    ผมกอดอกมองหน้าด้วยความไม่พอใจ ใครจะไปเปลี่ยน กว่าจะเลือกชุดนี้ได้ใช้เวลาตั้งนาน ขืนไปเลือกใหม่ไม่ได้ออกไปไหนพอดี -_-



    เอาจริงๆนะ ผมไม่เห็นว่าชุดที่ผมใส่จะผิดปกติตรงไหน ออกจะดูดีด้วยซ้ำ เสื้อสีครีมแขนยาวพอดีตัวที่แนบไปกับเอว คอเสื้อข้างหนึ่งที่กว้างกว่าอีกข้างโชว์ลาดไหล่ด้านขวาทำให้ดูตัวเล็กกว่าเดิมนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วผมก็พอใจมากเพราะมันเซ็กซี่จริงๆแบบที่เจ๊ชูก้าบอก หล่อขนาดนี้จองกุกไม่พอใจผมตรงไหน ช่วยบอกที?



    “ก็….มันโชว์มากเกินไป”



    “มากเกินไป? ก่อนจะว่าพี่ นายดูตัวเองก่อนมั้ย”



    ถึงมันจะหล่อเร้าใจมากแต่ถ้าเถียงเรื่องโชว์นี่ผมไม่ยอมแน่ๆ



    จองกุกทำหน้าไม่พอใจมากกว่าเดิมที่ผมไปว่าเรื่องเสื้อผ้าของมัน โอเคครับ ยอมรับว่ามันดูดีมากๆในชุดเสื้อกล้ามสีเทาสกรีนลายบ้าอะไรไม่รู้กับกางเกงยีนส์สีดำรัดรูปขาดๆตัวเก่งที่ให้ลุคยังกับพวกแบดบอยเมื่อมารวมกับผิวขาวๆและกล้ามแขนก็ยิ่งทำให้ดูเซ็กซี่มากกว่าเดิม



    มากเกินไปจนผมเริ่มจะไม่ชอบขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน ตัวเองโชว์มากกว่าผมแท้ๆยังมีหน้ามาว่าอีก ผมแค่เปิดตรงช่วงไหล่นิดหน่อย จองกุกต่างหากที่โชว์ทั้งแขนแถมยังวับๆแวมๆตรงขาอีก



    “ไปหาแจ็กเกตมาใส่เดี๋ยวนี้เลย!”



    น้ำเสียงเข้มที่สั่งขึ้นมาอย่างกะทันหันของผมทำให้ไอ้เด็กกุกหน้าเหวอเล็กน้อย ไม่รอให้มันเถียงอะไร ผมก็หันหลังไปรื้อตู้เสื้อผ้าแล้วโยนเสื้อนอกสีดำให้มันทันที 



    “ทำไมผมต้องใส่…”



    “ไม่ต้องมาเถียง ทำตามที่บอกแล้วออกไปจากบ้านกันได้แล้ว สายมากแล้วนะ”



    พูดจบผมก็เดินออกจากห้องไปทันที จองกุกถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะยอมใส่เสื้อนอกสีดำตัวนั้นแต่โดยดีแล้วเดินตามมา เห็นป่ะ…ให้น้องวีสั่งมันก็ทำได้นะ บอกแล้วว่าคิมแทฮยองก็แมนได้เหมือนกัน!


    …………………………………………

      “พี่วีเราจะไปไหนกันเหรอครับ”



    จองกุกถามผมขึ้นมาตอนที่เราติดไฟแดงอยู่ที่แยกๆหนึ่ง หลังจากออกมาจากบ้านเราสองคนก็ไม่พูดอะไรกันสักคำ ไม่ใช่เพราะงอนหรืออะไร แต่ผมกำลังใช้สมาธิในการขับรถต่างหาก -_- 



    รถคันนี้เป็นรถของจินฮยองที่ผมขอยืมมาเพื่อใช้ในการเดทกับจองกุกโดยเฉพาะ เพราะมันคงดูไม่จืดถ้าเราขึ้นรถไฟใต้ดินไปเดทกัน กว่าจะขอมาได้นี่ต้องอ้อนวอนแทบตาย ตอนขับเลยต้องระวังเป็นพิเศษ ระวังจนสปีดตอนนี้ช้ายิ่งกว่าทากคลาน ปลอดภัยไว้ก่อนครับ



    “ถามทำไม นายจะมาขับแทนพี่เหรอ”



    ผมหันไปกวนตีนมันเบาๆ รู้อยู่ว่ามันก็ขับได้เหมือนกัน จริงๆผมก็อยากจะนั่งสบายๆให้มันขับอ่ะนะ แต่เป้าหมายของวันนี้คือโชว์ความแมนไง เพราะงั้นผมขับแล้วมันนั่งอ่ะถูกแล้ว 



    “ใช่ครับ เดี๋ยวไฟเขียวแล้วพี่จอดตรงนั้นเลยละกัน ผมขับเอง”



    “ห๊ะ =[]=”

     


    Jungkook’s POV

     

    ผมเหลือบมองคนตัวเล็กที่นั่งหน้าบึ้งทำปากคว่ำมองออกไปนอกหน้าต่าง พี่วีกำลังงอนที่ผมแย่งขับรถ หลังจากไฟเขียว ผมก็สั่งพี่เขาด้วยน้ำเสียงจริงจังให้จอดก่อนจะเปิดประตูรถไปขับเอง พี่วีหน้าเหวอเล็กๆตอนที่โดนผมดันให้นั่งตรงที่นั่งข้างคนขับพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จสรรพ



    “นายจะทำอะไรน่ะ พี่ต้องเป็นคนขับนะ!”



    ผมเลิกคิ้วพร้อมกับมองคนตัวเล็กเป็นเชิงถาม รู้สึกงงนิดๆที่พี่เขาอยากจะขับเองมากขนาดนั้น ก็ปกติคิมแทฮยองรักสบายจะตาย แทบจะไม่ขับรถเองเลยล่ะครับ บางครั้งที่เราไปเที่ยวด้วยกัน พี่วีก็บอกให้ผมขับตลอด บางครั้งก็พวกฮยองคนอื่น



    “ทำไมพี่ถึงอยากขับรถขนาดนั้น”



    “ก็พี่เป็นคนชวนนายมาเดท พี่ก็ต้องเป็นคนขับสิ!” เอาอีกแล้ว ระบบความคิดเอเลี่ยนมาอีกแล้วครับ



    “คนขับแล้วทำไม ขับแล้วจะแมนขึ้นรึไงครับ”



    ผมถามกวนตีนออกไป ทั้งขำท่าทางของคนตัวเล็กที่กำลังกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง ทั้งเอ็นดูหน้าหวานๆที่บึ้งตึงเพราะผมไปขัดใจ จริงๆผมก็ไม่อยากทำหรอก แต่ขืนปล่อยให้พี่วีขับ น่ากลัวว่าวันนี้เราจะไม่ได้ไปไหนกันพอดี เล่นขับช้าซะขนาดนี้ ขนาดรถคันหลังบีบแตรไล่ พี่เขายังทำเฉยไม่กระตือรือร้นจะเหยียบคันเร่งเลยสักนิด 



    คงเพราะรถคันนี้เป็นของจินฮยอง ลองถ้าเป็นของคนอื่น ป่านนี้คนตัวเล็กนี่ซิ่งไปไหนต่อไหนแล้วแถมท้ายด้วยปาดหน้าปาดหลังซึ่งมันแย่กว่าขับช้าอีก ไม่มีความพอดีเลยจริงๆ



    “ก็ใช่น่ะสิ เวลาไปเดท นายเคยเห็นผู้หญิงขับรถให้ผู้ชายมั้ย ไม่มีใช่มั้ยล่ะ!”



    “เอ่อ พี่วี แต่จองกุกเป็นผู้ชายนะ =[]=”



    “ห๊ะ =[]=” ร่างบางสะบัดหน้ากลับมามองผมด้วยใบหน้าเหวอๆ ผมที่เห็นแบบนั้นจึงรีบพูดต่อ “แล้วพี่วีก็เป็นผู้ชาย ^^ เอาเป็นว่า ถ้าพี่วียอมให้ผมขับ ผมจะยอมเคะให้พี่วันนึงก็ได้นะ”



    พูดจบก็ยิ้มหวานๆใสซื่อแบบที่คิมแทฮยองชอบเป็นการปิดท้าย ร่างบางทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ตามมาด้วยรอยยิ้มน่ารักที่ทำให้ผมเผลอมอง



    “สัญญาแล้วนะ…..”



    “สัญญาครับ ^^ จองกุกไม่เคยหลอกพี่หรอก”



    นี่น้องจอนคนใสนะจะหลอกใครเป็นได้ยังไง หึหึหึ



    สถานที่ที่แทฮยองพาผมมาเดทคือ สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีและค่อนข้างอยู่ไกลจากตัวเมือง วันนี้เป็นวันธรรมดาจึงยังไม่ค่อยมีคน ประกอบกับที่นี่มีแต่ครอบครัวและกรุ๊ปทัวร์เป็นส่วนใหญ่ แล้วก็คู่รัก ผมคิดว่าคงไม่มีใครใส่ใจเราสองคนมาก



    แต่พี่วีคงไม่ได้คิดอะไรแบบนี้หรอก ท่าทางจะแค่อยากมาเล่นรถไฟเหาะแล้วหาเรื่องอ้างผมมาเล่นเป็นเพื่อน

    มากกว่า



    ผมจอดรถในลานจอดรถของสวนสนุก ส่วนคนตัวเล็กก็เอาแต่มองโน่นนี่ไม่หยุดหย่อนด้วยท่าทางตื่นเต้น ผมดับเครื่องยนต์แล้วกำลังจะเปิดประตูรถแต่กลับโดนพี่เขาห้ามซะงั้น



    “อย่าเพิ่งลงนะ เดี๋ยวพี่ไปเปิดประตูให้นายเอง!”



    “หา?”



    ไม่รอฟังอะไรแทฮยองก็กระโดดลงจากรถอ้อมมาฝั่งคนขับเพื่อเปิดประตูรถให้ผมทันที พร้อมกับยื่นมือมาให้จับซะด้วย ผมได้แต่จ้องมือเรียวบางอยู่อย่างนั้นจนคนตัวเล็กจิ๊ปากขัดใจ



    “มองอะไร? จับสิ ไม่เคยเห็นสุภาพบุรุษเหรอ?”



    โอ๊ย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า อยากจะขำให้สวนสนุกพัง (?) แต่พอมองหน้าหวานๆที่จริงจังกับการโชว์ความแมน ก็ต้องกัดริมฝีปากตัวเองแรงๆเพื่อซ่อนรอยยิ้มที่แทบจะปิดไม่มิด ยื่นมือไปกุมมือเรียวก่อนจะลุกออกจากเบาะที่นั่ง พี่วีหัวเราะด้วยท่าทางมีความสุข ใช้มือข้างที่ว่างปิดประตูรถให้ผมพร้อมกับแกว่งมือเราสองคนที่จับกันแน่นไปมา



    “ตอนนายว่าง่ายนี่ก็น่ารักดีนะ”



    คนตัวเล็กเอ่ยชมพร้อมกับเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมจนผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆออกมาจากข้อมือเรียวบาง พี่วีจูงมือผมไปที่ต่อแถวซื้อตั๋ว แน่นอนว่าคนตัวเล็กต้องออกเงินให้ผมแน่ล่ะ ซึ่งผมก็ไม่ขัดอะไร ก็เห็นพี่เขาตั้งใจซะขนาดนั้น



    “อยากเล่นอะไรก่อนเหรอครับ”



    ผมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน รู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศสบายๆรอบตัว ตอนนี้ยังเช้ามากเป็นเวลาที่สวนสนุกเพิ่งจะเปิดทำให้ไม่ค่อยมีคนมากนัก ถึงมีพวกเขาก็แค่ชำเลืองมองและหันไปสนใจรอบตัวต่อ



    “รถไฟเหาะ อยากเล่นรถไฟเหาะ!”



    คนตัวเล็กกางแผนที่ออกมาดูก่อนจะชี้ไปที่รถไฟเหาะขึ้นชื่อของที่นี่ในโซนเครื่องเล่นหวาดเสียว ไม่รอให้ผมพูดอะไร พี่วีก็กึ่งลากกึ่งจูงผมไปในโซนนั้นทันที ระหว่างที่รอต่อแถวซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน (พี่เขาบอกว่าต้องมาเล่นพวกเครื่องเล่นก่อนตอนเช้าคนจะได้ไม่เยอะมาก) พี่วีกับผมก็ถ่ายรูปเซลก้ากันไปด้วยพร้อมกับพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน



    “พี่วีแน่ใจเหรอครับว่าอยากเล่นอันนี้”



    ผมลอบกลืนน้ำลายเมื่อถึงคิวของเรา สายตามองไปที่รางไม้สลับซับซ้อนสูงจะจนชวนให้ใจเต้นตึกตัก ผมไม่ได้กลัวความสูง แต่พอมาเห็นแบบนี้ก็เริ่มหวาดนิดๆแล้วเหมือนกัน ดวงตากลมโตคู่สวยมองผมอย่างไร้เดียงสาแต่ผมเห็นนะว่าพี่เขาแอบขำน่ะ



    “ทำไมอ่า นายกลัวเหรอ อิอิอิ”





    ชอบใจมากมั้ยครับที่เห็นผมแสดงท่าทางแบบนี้น่ะ พอได้ทีนี่หัวเราะผมใหญ่เลยนะ 



    “ผมไม่ได้กลัว….”



    จอนจองกุกไม่ได้กลัวจริงๆครับ แค่หวาดเสียวนิดๆ พี่วีก็ทำท่าซะเว่อร์ยังกับผมเป็นสาวน้อยกลัวความสูงไปซะได้ ช่างพยายามยัดเยียดความเคะให้ผมซะเหลือเกิน 



    อ่า…ผมคิดอะไรดีๆออกล่ะ



    “ถ้านายกลัว เราไม่ต้องเล่น…”



    “ไม่เอาหรอกครับ” ผมแกล้งทำเสียงน่าสงสาร “ก็พี่วีอยากเล่นนี่นา ^^ จองกุกก็ต้องตามใจพี่สิ”



    “เอ๋ แต่นายกลัวไม่ใช่เหรอ” อยู่ดีๆร่างบางก็ทำท่าทางเป็นกังวลจนผมรู้สึกผิดขึ้นมา แต่ความอยากแกล้งมันก็มีมากกว่า



    “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่พี่วีจับมือผมไว้ จองกุกก็หายกลัวแล้ว ^^”



    พูดจบก็กุมมือบางยกขึ้นมาแนบแก้ม พร้อมกับประทับริมฝีปากลงบนหลังมือเบาๆจนทำให้แก้มใสแดงก่ำขึ้นมาทันที ผมหัวเราะแล้วจูงมือพี่เขาไปขึ้นรถไฟ



    เราสองคนที่จับมือกันไว้…อาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้



    เฮือกกกกกกก



    ผมเดินโซเซลงมาจาก T-Express หรือก็คือชื่อเครื่องเล่นเฮงซวยนั่นด้วยท่าทางหมดแรง ตอนแรกกะว่าจะแกล้งทำเป็นลมล้มพับใส่ตัวพี่วีหลังจากเล่นเสร็จ แต่ตอนนี้ไม่ต้องแกล้งแล้วครับ ขาผมนี่สั่นพับๆเพราะความสูงยังกับเจ้าเข้า



    ส่วนพี่วี…รายนั้นอาการหนักกว่าผมอีก หน้าหวานๆซีดเผือดไปหมดจนต้องเกาะไหล่ผมเพื่อพยุงตัว เราสองคนเดินพยุงกันออกมาจากเครื่องเล่นด้วยอาการยังกับคนเมายา 



    หมดกันความแมน สาวๆแถวนั้นหัวเราะเราสองคนด้วยอ่ะ T^T



    “จ…จองกุก พี่ว่าพักก่อนมั้ย”



    เสียงทุ้มหวานถามผมเบาหวิว ผมที่เริ่มคลายจากอาการสั่นเพราะความสูงพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะประคองร่างบางไปที่ม้านั่งแถวนั้น พี่วีเค้าไม่ได้กลัวหรอกครับ ไม่ได้จะอ้วกด้วย แค่ขาสั่นนิดๆเดี๋ยวก็หาย 



    นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ คนตัวเล็กก็ชี้มือไปที่เครื่องเล่นที่กำลังหมุนไปมาอย่างน่าหวาดเสียว



    “ไปเล่นอันนั้นกันต่อเหอะ!!”



    เฮือก เฮือก เฮือก



    ผมถอนหายใจทิ้งติดๆกันพร้อมกับทิ้งตัวลงบนม้านั่ง หลังจากโดนคิมแทฮยองลากไปเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวนานาชนิดติดกัน 5 อัน! ถึงมันจะสนุกมากก็เหอะ



    เดทหวานๆที่ผมคิดไว้กลายเป็นเดทนรกแตกทันทีที่หัวหมุนไปมา ตามติดด้วยทิ้งตัวดิ่งลงจากความสูงเท่าตึกหลายชั้น โยกไปโยกมาตามแต่ความหวาดเสียวจะนำทางไป แทฮยองชอบเครื่องเล่นพวกนี้มากจนลากผมไปมาไม่หยุดหย่อน จนช่วงเวลายามเช้าของเราหมดไปกับการต่อแถวเล่นเครื่องเล่นพวกนั้น 



    เหนื่อยจัง ผมพิงตัวกับพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง แต่ความเหนื่อยก็เหมือนจะเลือนหายไปในทันทีที่เห็นพี่วีเดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักที่ทำให้หัวใจของผมชุ่มฉ่ำซะยิ่งกว่าซอฟครีมช็อกโกแลตที่คนตัวเล็กยื่นให้มา



    ผมรับไอติมโคนนั้นมากินเงียบๆพร้อมกับพี่วีที่ทิ้งตัวลงนั่งพลางเลียไอติมสตรอเบอร์รี่ในมือตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย ผมตัดสินใจเอนหัวไปพิงไหล่บาง รู้สึกดีกับกลิ่นหอมหวานจางๆจากตัวของพี่วี ผ่อนคลายจนรู้สึกสบาย



    “เหนื่อยเหรอ” 



    แทฮยองถามผมด้วยน้ำเสียงหวานๆ ร่างบางเอื้อมมือมาสอดประสานมือตัวเองเข้ากับมือของผม 



    “นิดหน่อยน่ะครับ เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ”



    นอนไม่ค่อยหลับ…เพราะมัวแต่คิดเรื่องของพี่ อ่า ทำไมมันฟังดูน้ำเน่าชอบกล ผมเลียไอติมช็อกโกแลตในมือพยายามจะสะบัดความรู้สึกเลี่ยนๆออกไป



    “ขอโทษนะ  พี่ลืมไปเลยว่านายกลัวเครื่องเล่นพวกนี้ พี่นี่มันแย่จริงๆ”



    หืม? นี่คนตัวเล็กยังคิดว่าผมกลัวอยู่อีกเหรอเนี่ย =[]= ถ้าผมกลัวจริงป่านนี้เป็นลมไปแล้วครับ ไม่มานั่งอ้อนพี่เขาอยู่แบบนี้หรอก แต่ก็ช่างเหอะ จะได้สำนึกซะบ้างว่าเรามาเดทกัน พอเห็นว่าผมเงียบพี่เขาก็เริ่มทำปากยู่



    “เป็นไรอ่ะจองกุก งอนเหรอ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปดูสิงโตเอามั้ย ^O^”



    นี่มันคือการง้อประเภทไหนกันเนี่ย อะไรทำให้คิดว่าการพาผมไปดูสิงโตจะทำให้หายงอน =[]= คนปกติเค้าต้องเข้ามาออดอ้อนสิ แต่นี่พี่วีกลับคิดจะพาผมไปดูสัตว์ สี่มิติมากบอกได้คำเดียว



    ผมเงยหน้าขึ้นจากไหล่เล็กหันไปสบตาพี่วี แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือดวงตากลมโตที่จ้องมองมาอย่างคาดหวังพร้อมกับรอยยิ้มหวานน่ารักชวนให้ใจละลายจนคนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว



    ผมรู้ว่าพี่วีมีเสน่ห์และปกติผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับสายตาที่จ้องมองมา ก็เราเป็นไอดอลนี่ครับถูกจ้องเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ว่าวันนี้เราอยู่ด้วยกันสองคนในเวลาส่วนตัว ผมกลับรู้สึกแปลกๆที่อยู่ดีๆดันไม่พอใจขึ้นมา



    และก่อนที่จะทันห้ามตัวเองทัน ผมก็หันไปส่งสายตาเอาเรื่องใส่ทุกคนที่มองมาที่พี่วีทันที พวกผู้ชายสะดุ้งพร้อมกับหลบตาอย่างกระอักกระอ่วนแต่พวกผู้หญิงเนี่ยกลับหันมาจ้องผมแทนซะงั้น



    “ทำไรอ่ะจองกุก เช็คเรตติ้งเหรอ” 



    คนตัวเล็กเกาหัวแกรกๆหันมาถามผม ใบหน้าหวานงุนงงที่อยู่ดีๆรอบข้างก็หันมาสนใจเราขึ้นมา ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ  



    ผมมองร่างบางที่อยู่ดีๆก็ส่งยิ้มใส่ผู้หญิงพวกนั้นจนบางคนถึงกับกรี๊ดออกมาเบาๆ พี่วีหัวเราะก่อนจะขยิบตาแล้วส่งจูบไปให้สาวที่น่ารักที่สุด ผมเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น รู้สึกถึงความโกรธที่ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ทนไม่ได้จนต้องผุดลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินหนีไปทันที



    จองกุกบ้าไปแล้ว ผมรู้สึกว่าผมใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกที ไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิด



    “จองกุก รอเดี๋ยวสิ”



    คนตัวเล็กวิ่งตามผมมา แต่ผมกลับเดินเร็วขึ้น มารู้ตัวอีกครั้งก็รู้สึกว่ามีอะไรโถมเข้าชนแผ่นหลัง พร้อมกับแขนเรียวบางที่กอดรัด พี่วีซบหน้าลงกับแผ่นหลังของผม



    “จะหนีไปไหนเหรอ”



    ความอบอุ่นกับกลิ่นหอมหวานจางๆทำให้ความโกรธของผมค่อยๆจางลงไปทีละนิด เพิ่งรู้ตัวว่าผมเดินเข้ามาในส่วนด้านหลังที่แทบจะไม่มีคน ตอนนี้มีแค่ผมกับพี่วีเท่านั้น



    ผมหันกลับไปมองใบหน้าเศร้าๆของแทฮยอง ความโกรธเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิด แขนเรียวยังคงกอดเอวผมไว้แน่นเหมือนกับว่ากลัวผมจะหนีหายไป



    ผมยกมือขึ้นลูบแก้มใสแผ่วเบาก่อนจะลากไล้นิ้วมาที่ริมฝีปากอิ่มเต็มที่เผยอออกตามแต่ผมจะสัมผัส และก่อนที่จะห้ามใจตัวเองไว้ได้ทัน ผมก็ครอบครองริมฝีปากนิ่มอย่างที่ใจต้องการ รสจูบหวานคุ้นเคยแล่นเข้ามาในความรู้สึก ผมยกมือซ้ายขึ้นไล้ไปตามกลุ่มผมสีน้ำตาล มืออีกข้างประคองเอวบางดึงเข้ามาแนบชิด



    พี่วีเผยอริมฝีปากออกให้ผมส่งลิ้นเข้าไปกวาดต้อนความหวาน ร่างบางจูบตอบผมพร้อมกับมือเรียวที่ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง เนิ่นนานที่เราสองคนจูบกันอยู่แบบนี้ จนกระทั่งพี่วีทุบไหล่ผมเบาๆ



    ผมละริมฝีปากออกแต่ก็ไม่วายจูบทิ้งท้าย ความรู้สึกโกรธหายไปจนหมดแทนที่ด้วยความรู้สึกเอ็นดูแก้มแดงๆ ร่างบางซบหน้าลงกับอกเสื้อของผมเพราะความอายจนผมเผลอยิ้มออกมา



    ทั้งๆที่ไม่ควร….



    “ไปกันเถอะครับ” 



    ผมพูดขึ้น ดันพี่วีออกจากตัวเบาๆ จริงๆแล้วผมก็รู้สึกดีที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ แต่ที่นี่เป็นที่สาธารณะ ถึงจะมีเราแค่สองคนแต่ก็อาจจะมีคนเดินผ่านมาได้ทุกเมื่อ 



    เมื่อกี๊ผมก็แค่เผลอใจไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไปทำไม ผมก็แค่โมโหและพี่วีก็ดูน่าทะนุถนอมมากจนผมอยากจูบให้พี่เขารู้ว่า แทฮยองเป็นของจองกุกแค่คนเดียว



    รู้ดีว่าระหว่างเรามันชักจะเกินเลยเข้าไปทุกที แต่ผมก็หยุดตัวเองไม่ได้ เอื้อมมือไปกุมมือพี่เขาเอาไว้ มือของเราสอดประสานกันอย่างพอดีจนผมเผลอยิ้ม



    “ไปเถอะครับ พี่อยากไปดูสิงโตไม่ใช่เหรอ”



    ร่างบางมองหน้าผม แต่แล้วอยู่ดีๆพี่วีก็ดึงมือตัวเองออกจากมือของผม ผมรู้สึกว่าหัวใจเต้นแผ่วลงพร้อมกับความรู้สึกเจ็บ พี่เขาโกรธผมเหรอ หรือว่ารังเกียจจูบของผมแล้ว เพราะผมเอาแต่ใจเกินไปรึเปล่า



    แต่แล้วอยู่ดีๆพี่วีก็ยื่นแขนมาให้ผมจนผมรู้สึกงุนงง



    “เกาะไว้สิ”



    “ครับ?” 



    พี่วีที่เห็นผมทำหน้าเอ๋อยู่ปากลงเพราะขัดใจ ร่างบางคว้ามือผมให้ควงแขนตัวเองจนดูเหมือนผมเป็นแฟนสาวของพี่เขายังไงยังงั้น



    “พี่วีทำอะไร?”



    “ควงแขนไง นายนี่โง่จัง ไม่เคยเห็นในหนังเหรอ -_-“



    พี่เขาทำหน้าเหมือนผมโง่มากมายก่อนจะเริ่มต้นเดินออกไปจนผมต้องเดินตามไป



    “แล้วทำไมผมต้องควงแขนพี่” 



    พี่สิต้องควงแขนผม ประโยคหลังผมละไว้ในใจ เราสองคนเดินออกมาถึงส่วนที่คนเยอะแล้ว บอกตามตรงครับ ทำอย่างนี้คนมองมากกว่าเดิมอีก แต่เห็นพี่เขามีความสุขมากเอาแต่ยิ้มไม่หยุดที่บังคับให้ผมสาวแตกได้ ผมก็ไม่อยากขัดใจ



    “ก็นายสัญญาแล้วไงว่าจะเป็นเคะหนึ่งวันแลกกับการได้ขับรถ ลืมไปแล้วเหรอ”



    เอาจริงคือผมลืมไปแล้ว ไม่นึกว่าพี่เขาจะยังจำได้ ดูจริงจังกับเกมส์ซังนัมจาซะจนผมต้องถอนหายใจ อยากจะรู้เหลือเกินว่าพี่เขาคิดอะไรอย่างอื่นบ้างมั้ย หรือเป็นผมที่บ้าคิดไปเองคนเดียว



    คิดแล้วก็เซ็ง แกล้งพี่วีน่าจะดีกว่า…



    “ไม่ลืมครับ แต่พี่กำลังเดินผิดทาง”



    “หา? ผิดทาง ผิดยังไง”



    ร่างบางหมุนไปหมุนมาจนผมต้องหมุนตามไปด้วยยังกับเต้นลีลาศ สถานการณ์ตลกๆที่ทำให้หัวเราะออกมาจนลืมเรื่องที่คิดเมื่อครู่จนหมด พี่วีมองไปรอบด้าน



    “จองกุก นายว่าเมื่อกี๊เราเดินผ่านตรงนี้รึเปล่าอ่ะ ดูคุ้นๆนะ”



    คุ้นสิครับ ก็เราเพิ่งเดินมาเมื่อกี๊อ่ะ -_- ไปหาสัตว์นะทำไมกลับไปทางรถไฟนรกแตกอีกแล้ว



    “เอิ่ม พี่วี โซนซาฟารีไปทางโน้นอ่ะครับ”



    ผมชี้ไปอีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทิศตรงข้ามกับที่พี่เขาเดินอย่างสิ้นเชิง ร่างบางทำหน้าเอ๋อ ยังคงมองไปรอบๆไม่หยุดจนผมต้องลากพี่เขาออกไปทางที่ถูก 



    “ขนาดทางยังจะหลง แน่ใจเหรอครับว่าเมะแล้ว พี่นอนเคะให้ผมเฉยๆจะดีกว่ามั้ย”



    ผมทนไม่ไหวเลยแกล้งกวนตีนออกไป พี่วีหยุดชะงัก ส่วนผมนับหนึ่งถึงสามในใจ



    หนึ่ง 



    สอง



    สาม



    “จอนจองกุก!!!”



    อย่าหาว่าผมโรคจิตเลยครับ แต่ร่างบางที่แยกเขี้ยวใส่ด้วยสีหน้าอาฆาตพร้อมกับตบตีผมไม่หยุดทำให้ผมมีความสุขมาก



    หรือว่าจองกุกจะเป็นพวกซาดิสม์ชอบโดนทำร้ายจริงๆเนี่ย


    #กุกวีซังนัมจา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×