ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #11 : NICE BODY : 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.31K
      59
      6 เม.ย. 58

    10

    Have a Honey



     




     [ เปิดเพลงขณะอ่าน ]

     




     





     

    ราวๆห้านาทีได้ละมั้งที่ผมยืนนิ่งเป็นศิลาอยู่กับที่แบบนี้ ส่วนโซยูก็เอาแต่เดินวนไปวนมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเอามากๆและถ้าจะพูดกันตามตรงแล้วผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงๆมากๆนะ

     

     

    นี่เป็นเรื่องที่แดบักที่สุดในรอบสิบเจ็ดปีของผมเลย คิดดูสิโซยูเป็นผู้หญิงที่น่ารักและมีเสน่ห์มากๆคนนึง แถมยังเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายในโรงเรียนต่างก็หมายปองมากมาย คนที่เธอคบมาก่อนหน้านี้ต่างก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น ใครมันจะคิดล่ะว่าเธอจะ...

     

     

    เป็นเลสเบี้ยน

     

     

    “ชอบมานานรึยัง”

     

     

    “ฉันไม่รู้”

     

     

    “ละ แล้วมีคนอื่นที่รู้อีกมั้ย”

     

     

    “ฉันไม่รู้!”                                                                                                                                                                                                                                                                                                      

     

    “ใจเย็นๆนะโซยู มันอาจจะไม่ร้ายแรงมากก็ได้ คนอื่นๆเขาก็เป็นกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละเชื่อพี่นะ เธออาจจะแค่หวั่นไหวเพราะความใกล้ชิด” ผมพยายามยิ้มกว้างปลอบใจเธอที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาได้อยู่รอมร่อ เหมือนว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่เธออยากจะจัดการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

     

    “ฉันเคยลองห่างเธอดูแล้ว แต่...เราแยกกันไม่เคยได้นานเลยสักครั้งเดียว ถ้าเกินใครคนใดคนนึงหายไป เราก็จะตามหากันตลอด แถมฉันยังเจอหน้าเธอเกือบทุกวันไม่สิทุกวันเลย โอ้ย!...ฉันล่ะเครียดจริงๆ มันเป็นไปได้ยังไงว่ะ” เรียวขาเล็กของเธอเตะอัดเข้ากำแพงอย่างสุดจะกลั้น นั่นทำให้ผมนึกถึงตอนที่เธอเดินเข้ามาเตะอัดตู้กดน้ำให้กับผม การเจอกันของเราอาจจะเกิดเพราะโซยูหงุดหงิดที่ตัวเองไปชอบผู้หญิงด้วยกันก็ได้

     

     

    “จะ ใจเย็นๆนะโซยู ทุกปัญหามันมีทางออกเสมอแหละ”

     

     

    “แต่ฉันพยายามแก้มาสองปีแล้วนะ”

     

     

    “เออะคือ...”

     

     

    “จริงๆเล้ย ไอ้บ้าโซยูชีวิตแกนี่มันเหี้ย!” ผมสะดุ้งด้วยความตกใจที่โซยูเอาแต่พ่นคำหยาบคายออกมาไม่หยุดหย่อน เธอโขกหัวเข้ากับกำแพงพร้อมกับชกหมัดใส่รัวๆจนผมรู้สึกเจ็บแทนจึงเดินเข้าไปจับไหล่เธอเอาไว้เบาๆเป็นเชิงห้ามแต่เธอก็สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง

     

     

    “เราจูบกันแล้วด้วย!

     

     

    ว้อท?

     

     

    “ทะ ธรรมดา”

     

     

    “จริง”

     

     

    “แน่นอน ผรั่งเขาก็จูบกันเป็นเรื่องปกติธรรมดาเหมือนเราตดอัดเพื่อน”

     

     

    “แต่ฉันเป็นคนเกาหลีนี่!” โซยูโอดครวญพร้อมกับซบหน้าเข้ากับฝ่ามือนุ่มของเธอ ผมมองเธอแล้วก็เหมือนกับมองภาพตัวเองยังไงอย่างนั้น

     

     

    เธอทำให้ผมนึกถึงตอนที่ชานยอลฉกเอาจูบแรกของผมไป มันนุ่มนวลไปหมด ถึงแม้จะรู้อยู่ว่ามันผิดแต่เราก็ทำไปแล้ว...ผมเห็นใจเธอนะ แล้วผมก็ไม่ได้โกรธเธอเรื่องที่พยายามจะเข้ามาใกล้ชิดผมเพื่อลดความรู้สึกบ้าบอของตัวเองด้วยเพราะถ้าผมเป็นเธอ อย่าหวังเลยว่าผมจะหาทางแก้ไข

     

     

    “โซยู!” น้ำเสียงแหบแห้งข้องใครบางคนดังขึ้นมาจากข้างหลังพวกเรา โซยูเงยหน้าขึ้นมาแล้วเราก็หันไปตามต้นเสียงพร้อมกัน เป็นครูฝึกสอนผิวแทนคนสวยนั่นเองที่เรียกเอาไว้และกำลังมองมาที่เราด้วยแววตาที่ไม่ชอบใจนัก เธอหันไปส่งสายตาคาดโทษกับโซยู จนผมต้องผละมือออกจากแผ่นหลังบางด้วยความรู้สึกหวาดกลัวสายตาที่ครูฝึกคนนั้นมองมาทางเรา

     

     

    “พี่คะคือ...”

     

     

    “นี่คิดจะโดดซ้อมใช่มั้ยฮ่ะ ไอ้หมูอ้วนนนน~” เธอเดินตรงดิ่งเข้ามาหาพวกเรา ก่อนที่จะวาดวงแขนเรียวตวัดขึ้นไปพาดเข้ากับลำคอเล็กของโซยู จนเจ้าตัวต้องโน้มตัวตามลงไปเพราะแรงที่มีมากกว่า อู้วววว~แม่เจ้านั่นนมใช่มั้ย เห้ยเดี๋ยวๆ นี่ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาดูนมชาวบ้านเค้าหรอกนะแต่มันเป็นเพราะว่าเธอยกแขนขึ้นสูงเกินไปต่างหากสาบเสื้อมันเลยอ้ากว้างจนเห็นอะไรต่อมิอะไรขนาดนั้น

     

     

    “เปล่านะพี่ฮโยริน งื้ออออออ~” โซยูพยายามจะอธิบายแล้วแต่ก็ถูกอีกคนดึงแก้มเสียจนยืดยาว

     

     

    “เหรอออ”

     

     

    “ช่ายยยย”

     

     

    “ก็เห็นอยู่ยังจะเถียงอีก” ฮโยริมจับโซยูล็อคคออย่างแน่นหนาก่อนจะดีดหน้าผากน่ารักๆนั่นจนเกิดเสียงดังปั้ก! เหยดดดด เดี๋ยวนี้ผู้หญิงแม่งเล่นกันแบบนี้แล้วหรอวะ แม่งฮาดคอร์สัสๆอ่ะนี่กูพูดเลย

     

     

    ผมหลุดขำออกมานิดหน่อยเมื่อเห็นว่าหน้าผากของโซยูขึ้นเป็นรอยแดงบนหน้าผาก แต่ก็ต้องหยุดปากเอาไว้เท่านั้นเมื่อผู้หญิงผิวสีแทนคนนั้นหันมาค้อนใส่ผมวงใหญ่ ราวกับว่าเธอสามารถแกล้งและหัวเราะเยาะโซยูได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

     

     

    “ก็คุยกับพี่แบคฮยอนอยู่อ่ะ แป้บเดียวเอง”

     

     

    “ไม่มีบงมีแป้บทั้งนั้น ไปกันได้แล้ว!” โซยูหน้าเหวอไปพร้อมๆกับผมเมื่อผู้หญิงผิวแทนคนนั้นพยายามที่จะลากคอโซยูกลับไปในห้องซ้อมด้วยกัน และใบหน้าบึ้งตึงของเธอเป็นตัวบ่งบอกได้ดีเลยว่าไม่ชอบให้โซยูออกมาคุยกับผมสองต่อสองแบบนี้

     

     

    “พี่แบค รอแป้บนึงนะค้าาา” โซยูพยายามเหลียวมาบอกผมด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจ โดยผมก็พยักหน้ารับเธอเบาๆเป็นการให้คำตอบ ก่อนที่หัวของโซยูจะถูกขยี้จนฟูฟ่องไปทั้งหัว แต่นั่นก็เหมือนเป็นการยอกเล่นเท่านั้นแหละ

     

     

    ผมมองทั้งคู่ที่หายไปในห้องด้วยความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก บรรยากาศที่ที่ตลบอบอวนไปด้วยมวลสีชมพูนี่มันคือคิตตี้อะไรกันครับบอกผมที...

     

     

    เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาเป็นกันแบบนี้แล้วหรอครับ

     

     

    ผมเดินเตาะแตะลงมาจากชั้นสองด้วยความห่อเหี่ยวใจเป็นพิเศษ ห่าราก นอกจากวันนี้จะโกรธใครไม่ลงแล้วผมยังเซอร์ไพร์สขั้นสุดยอดตอนที่โซยูสารภาพออกมาว่าตัวเองนั้นชอบผู้หญิง และผมคิดว่ามันคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกซ่ะจากครูฝึกผิวแทนคนนั้น ที่มีดูมๆ ดูมๆ ดูมๆ ไอ้เหี้ยยยยยย เสียดายสัสๆ

     

     

    ทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะนั่งใกล้ๆกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่กำลังพูดคุยกับเรื่องลูกตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน ผมโอดครวญในใจได้สักพัก โทรศัพท์ภายในกระเป๋ากางเกงของผมมันก็ดังขึ้นมาเพราะเสียงแจ้งเตือน

     

     

    โยดา :

    เป็นไงบ้าง

     

     

    โยดา :

    ต้องการความช่วยเหลือรึเปล่า

     

     

    โยดา :

     

     

     

    ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นไลน์ที่ชานยอลส่งมาพร้อมกับสติกเกอร์น่าตบ ก่อนจะตัดสินใจตอบไป

     

     

     

    Baekhyunee_ee :

               Read                   เคลียร์กันแล้วกำลังรอโซยูซ้อมเสร็จ

     

    Baekhyunee_ee :

               Read                    some one in her heart มีอยู่จริงๆนั่งแหละ

     

    Baekhyunee_ee :

    Read                   

     

     

    โยดา :

    ให้ไปหามั้ย

     

    Baekhyunee_ee :

    Read                   ไม่ต้องมาก็ได้ ฉันโอเค

     

     

    โยดา :

    แน่ใจนะ...

     

     

    Baekhyunee_ee :

    Read                   มาก

     

     

    โยดา :

    งั้นเดี๋ยวอยู่คุยเป็นเพื่อน

     

     

     

    ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงต้องยิ้มกว้างเหมือนคนบ้าทั้งๆที่เขาไม่ได้มาเห็นแบบนี้ด้วย ผมรู้แค่ว่าผมชอบมัน ชอบคำพูดใสซื่อของชานยอลที่ไม่ได้ประดิษฐ์คำอะไรให้สวยงามมากมาย ชานยอลเป็นคนที่ค่อนข้างแข็งกระด้าง คิดอะไรก็จะพูดแบบนั้นออกมา แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรู้สึกว่าเขาดูจริงใจกับผมมากๆและดูน่ารักไปอีกแบบดี เราคุยกันต่อจากนั้นนิดหน่อยโซยูก็ลงมาพร้อมกับบอกว่าจะไปส่งผมที่หอ

     

     

    ตอนแรกก็นึกว่าจะนั่งแท็กซี่กลับไปด้วยกัน แต่ที่ไหนได้เธอดันขับรถมาเองและที่ทำให้ผมอึ้งหนักเข้าไปใหญ่ก็คือเธอขับรถมอเตอร์ไซต์สี่สูบ มาถึงตอนนี้ก็น่าจะพอนึกรูปร่างของรถออกแล้วใช่มั้ยล่ะครับ รถบิ้กไบค์ที่ผมเกลียดมันสุดใจต่อให้เป็นดูคาติราคาแพงหูฉีกก็ตาม แต่เพราะโซยูผมเลยปฏิเสธเธอไม่ลง...

     

     

    หนทางที่พามานั้นค่อนข้างไกลพอสมควร ผมนั่งพะอืดพะอมเกาะตัวรถด้วยความรู้สึกที่มันปั่นป่วนไปทั่วท้อง เพราะโซยูตัวเล็กกว่าชานยอลมากผมเลยไม่รู้ว่าจะซบหน้าผากของตัวเองเข้ากับส่วนไหนดี แถมยังไม่มีแผ่นหลังกว้างๆที่คอยกั้นภาพสองข้างทางให้ผมด้วย

     

     

    ผมคงจะอุ่นใจมากกว่านี้ถ้าได้ดมกลิ่นที่เหมือนภูผาของชานยอล

     

     

    ในที่สุดโซยูก็พาผมมาถึงที่หน้าหออย่างปลอดภัย ผมรีบกระโจนตัวออกจากรถทันที ยามที่เท้าแตะสู่พื้นก็เหมือนโลกทั้งใบมันหมุนคว้างเป็นลูกข่าง ผมสูดอากาศเข้าปอดหลายต่อหลายครั้ง พร้อมกับเดินไปหาที่เกาะจนโซยูต้องโดดลงมาจากรถเพื่อดูอาการผม

     

     

    “พี่ไม่ชอบมันหรอคะ” โซยูลูบแผ่นหลังผมเบาๆพร้อมกับมองมาที่ผมด้วยความรู้สึกผิด

     

     

    “มะ ไม่..สักนิด”

     

     

    “พี่ยังซ้อนไอ้บ้าชานยอลนั่นมาโรงเรียนตั้งหนึ่งอาทิตย์เลยนะ”

     

     

    “ก็มันบังคับ” ผมตอบก่อนจะสูบอากาศเข้าปอดไปอีกครั้งนึงอย่างกลัวว่าจะไม่มีอากาศให้สูดอีกแล้ว

     

     

    “ไปหาหมอมั้ยคะ เดี๋ยวฉันเรียกแท็กซี่ให้”

     

     

    “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เธอน่ะกลับบ้านไปได้แล้ว” ผมยืดตัวขึ้นก่อนจะผลักโซยูไปที่รถเบาๆ เธอมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปที่รถตามที่ผมบอก ร่างเล็กๆนั่นก้าวขึ้นคร่อมรถคันใหญ่สีขาวอย่างรวดเร็วพร้อมกับหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาใส่

     

     

    “ขอโทษจริงๆนะคะพี่แบคฮยอน” ผมพยักหน้ารับตามเสียงอู้อี้ของเธอที่ผ่านลอดออกมาจากหมวกกันน็อคใบโต เมื่อเห็นว่าผมรู้แล้วจากนั้นเธอจึงสตาร์ทเครื่องขับบิ้กไบค์สีขาวสะอาดตาพุ่งทะยานไปจนลับ

     

     





     




     




     




     

     

    ผมยิ้มกับตัวเองน้อยๆในขณะที่พาตัวเองมาอยู่ในลิฟต์เมื่อคิดถึงคำพูดของชานยอลอีกครั้งนึง ใบหน้ามันร้อนมีใครมาสุมไฟบนหน้าผม ผมรู้ว่าทั้งผมและชานยอลต่างก็พยายามทำอะไรบางอย่างกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่มันต่างกันตรงที่ชานยอลพยายามสานต่อมันต่อ ส่วนผมกลับเป็นคนที่คอยห้ามสิ่งเหล่านี้อยู่เรื่อยไป ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันได้เริ่มเปลี่ยนแปลง

     

     

    มันถูกเรียกว่า ความรัก

     

     

    เป็นมวลที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนสองคนที่คนเป็นเพื่อนกันไม่อาจจะทำได้ ชานยอลอาจจะรู้ถึงมันก่อนผมเพราะผมมัวแต่คิดถึงเพียงแต่เรื่องของโซยู แต่พอมากขึ้นเรื่อยๆเป็นใครมันก็ต้องรู้สึกกันหมด ทั้งเรื่องที่ชานยอลคอยเติมเต็มความรู้สึกเบาโหวงข้างในหัวใจดวงนี้ และคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอในวันที่ท้อแท้

     

     

    ตึ้ง

     

     

    เสียงลิฟต์ดังขึ้นฉุดให้ผมออกมาจากห้วงความคิดของตัวเอง ผมสะบัดหัวไปมาเหมือนหมาบ้า เพราะอยู่ๆผมก็คิดว่าผมควรจะทำอะไรสักอย่างกับเรื่องของเรา อย่างน้อยๆก็น่าจะไปหาเขาสักหน่อยที่บอกว่าจะรอผมตั้งแต่เช้า แถมยังคุยเล่นกับผมตั้งนานสองนานตอนรอโซยูซ้อมเทควันโด้ มารู้ตัวอีกทีผมก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของชานยอลเสียแล้ว

     

     

    ก๊อก ก๊อกๆ

     

     

    ผมเคาะประตูหน้าห้องของชานยอลด้วยความไม่คุ้นชิน เพราะปกติแล้วเขามักจะเป็นคนออกมาเคาะหน้าห้องผมก่อนเสมอ ผมรออยู่นานแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากอีกด้านของประตูผมเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปในห้องเอง น่าแปลกที่ชานยอลไม่ได้ล็อคห้องเอาไว้ และพอผมเข้ามาในตัวห้องของชานยอลได้ผมก็แทบหยุดหายใจไปในทันที...

     

     

    ภายในห้องนอนของชานยอลนั้นมืดสนิท แต่เมื่อสายตาผมปรับให้คุ้นชินกับแสงได้ผมก็พบว่าภายในห้องของชานยอลเต็มไปด้วยลูกโป่งสีสันสดใสนับรอยลูกที่พากันลอยตัวขึ้นติดเพดาน ผมถอดรองเท้าเอาไว้ที่หน้าห้องก่อนจะก้าวเดินตามหาเจ้าของห้องที่ผมไม่แน่ใจว่าเขาทำให้ผมรึเปล่า

     

     

    “ชาน”

     

     

    ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา ผมจึงก้าวเข้าไปในห้องมืดๆนี่ด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องหยุดเท้าเอาไว้เพียงแค่นั้นเมื่อผมเหยียบโดนอะไรบางอย่างจนมันแบนไปหมดเพราะน้ำหนักตัวของผม เมื่อก้มลงมาดูดีๆแล้วพบว่ามันคือช็อกโกแลตแท่งแบบที่ผมมักจะกินเป็นประจำและถัดไปด้านหน้าอีกหน่อยผมก็พบช็อกโกแลตอีกซอง

     

     

    ผมเก็บขึ้นมามองอย่างชั่งใจ ว่าจะกินหรือไม่กินดี และสุดท้ายผมก็แพ้ใจตัวเองจนได้ ช็อกโกแลตที่ไม่แน่ใจว่าใช่ของผมหรือไม่ถูกเกะฟอยล์ออกก่อนจะโดนผมงับเข้าปากคำโต เดินหน้าค้นหาช็อกโกแลตตามทางอย่างสนุก จนพบว่าไม่มีช็อกโกแลตเหลืออีกแล้วนั้นแหละ ผมจึงลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วเลียนิ้วชี้ของตัวเองเบาๆ

     

     

    “ชานยอล อยู่ในนี้ใช่มั้ย”

     

     

    ผมตะโกนถาม แต่ก็เป็นอย่างเช่นทุกครั้งผมไม่ได้คำตอบจากเจ้าของห้องตัวสูงเลย แถมมองไปทางไหนผมก็เจอแต่ลูกโป่งหลากสีของเขาจนผมไม่รู้ว่าจะหาร่างสูงใหญ่จากฝูงลูกโป่งนี้ได้ยังไง ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะหมุนตัวกลับอย่างสิ้นหวัง

     

     

    ตุบ!

     

     

    ตุบ ตุบ ตุบๆ

     

     

    ผมหมุนตัวไปยังต้นเสียงทันทีเมื่อได้ยินเหมือนของบางอย่างหล่นลงมาเป็นจำนวนมาก เพ่งเล็งอยู่สักครู่หนึ่งจึงได้รู้ว่ามันเป็นแอปเปิ้ลที่กำลังกลิ้งตรงดิ่งมาหาผม ผมที่ยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนิ่งชะงักไปเหมือนกับคนที่ทำไรไม่ถูก

     

     

    แต่ผมก็ต้องตกใจหนักยิ่งกว่าเก่าเมื่อห้องที่มืดทึบได้สว่างขึ้นมาเพราะไฟเชอร์รี่ลูกกลมๆถูกเปิดออก ทั่วทั้งห้องกลายเป็นสีเหลืองนวลๆเพราะมัน แม้กระทั่งที่พื้นก็กลายเป็นทะเลสีเหลืองไปแล้ว

     

     

    ชานยอลชักชวนผมให้เดินฝ่าแอปเปิ้ลไปยังห้องของเขาด้วยสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ ผมห้ามให้ตัวเองหุบยิ้มไม่ได้เลยเหมือนคิดว่าจะได้เจอคนทำเซอร์ไพรส์น่ารักๆนี่หลังประตูบานใหญ่ ครั้งที่ผมตัดสินใจหมุนลูกบิด หัวใจมันเต้นรัวเสียจนผมคิดว่าผมอาจจะต้องตายเพราะหัวใจวายแน่ๆ ผมทำใจกล้าแล้วเปิดประตูเข้าไป...

     

     

     

    Give me love like her,
    'cause lately I've been waking up alone,
    Paint splattered teardrops on my shirt,
    Told you I'd let them go,
    มอบความรักให้ฉันเหมือนกับที่เธอคนนั้น

    เพราะหลังๆมานี้ ฉันตื่นขึ้นมาเพียงลำพัง
    หยาดน้ำตาสาดกระเซ็นบนเสื้อของฉัน
    บอกเธอแล้วว่าฉันจะลืมๆมันไป

     

     

    พอเปิดประตูออกมาผมก็พบกับร่างสูงใหญ่ที่ผมเรียกหา ท่ามกลางความมืดมิดเขาส่องสว่างด้วยแสงจากสายไฟแอลอีดีที่พันรอบตัว ชานยอลมองผมยิ้มๆพร้อมกับเกาสายกีต้าร์โปร่งในมือตัวเองที่ถูกพันด้วยไฟแอลอีดีไม่ต่างจากเจ้าของเท่าไหร่นัก ริมฝีปากหนาขยับเอื้อนเอ่ยท่วงทำนองเพลงรักออกมาไม่ขาดสาย

     

     

     

    And that I'll fight my corner,

    Maybe tonight I'll call ya,

    After my blood turns into alcohol,

    No, I just wanna hold ya.

    แล้วฉันจะสู้เพื่อสิ่งที่ฉันเชื่อ

    บางที คืนนี้ฉันอาจจะโทรหาเธอ

    หลังจากที่เลือดฉันกลายเป็นแอลกอฮอล์ไปแล้ว

    ไม่นะ ฉันแค่อยากจะกอดเธอ

     

     

     

    ผมยิ้มกว้างจนเมื่อยไม่หมดที่โดนสายตาคมกริบของชานยอลหว่านล้อมเอาซ่ะจนใจผมอ่อนยวบยาบเหมือนเยลลี่ เสน่ห์ของเขามันแพรวพราวแม้กระทั่งผู้ชายด้วยกันเองยังยอมแพ้

     

     

     

    Give a little time to me or burn this out,

    We'll play hide and seek to turn this around,

    All I want is the taste that your lips allow,

    My, my, my, my, oh give me love,

    ขอเวลาให้ฉันซักหน่อย หรือไม่ก็แผดเผามันทิ้งไปซะ

    เราจะเล่นซ่อนแอบกัน เพื่อเปลี่ยนแปลงเรื่องราวนี้

    ฉันต้องการเพียงแค่รสชาติที่ริมฝีปากเธอยอมรับ

    มอบความรักให้ฉันเถอะนะ

     

     

     

    ชานยอลมันจอมวางแผน ที่เขาทำให้ผมเขินได้ขนาดนี้เพราะคงแอบย่อมเข้ามาอ่านใจของผมมาก่อนแล้วแน่ๆ ผมจ้องมองท่วงท่าของชานยอลไปทุกท่วงทำนอง เสียงของเขามันทุ้มต่ำและเมื่อเขาขึ้นเสียงสูงในตอนท้ายของในเพลง นั่นแหละ...เขาขโมยหัวใจผมติดมือไปแล้ว

     

     

    Give me love like never before,

    'cause lately I've been craving more,

    And it's been a while but I still feel the same,

    Maybe I should let you go,

    You know I'll fight my corner,

    And that tonight I'll call ya,

    After my blood is drowning in alcohol,

    No I just wanna hold ya.

    มอบความรักให้ฉันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

    เพราะหลังๆมานี้ ฉันปราถนามากกว่าเดิม

    และมันผ่านมาซักพักแล้ว แต่ฉันยังคงรู้สึกเหมือนเดิม

    บางทีฉันน่าจะปล่อยให้เธอไป

    แล้วฉันจะสู้เพื่อสิ่งที่ฉันเชื่อ

    และคืนนี้ฉันอาจจะโทรหาเธอ

    หลังจากที่เลือดฉันจมลงสู่แอลกอฮอล์ไปแล้ว

    ไม่นะ ฉันแค่อยากจะกอดเธอ

     

     

    เหมือนผมกำลังดำดิ่งลงไปใต้ทะเลลึกเมื่อยามที่ชานยอลกดเสียงลากลงต่ำ ในตอนนั้นเองที่สายตาของเราสบเข้าหากันอย่างพอดี ชานยอลก็บอกผมเป็นนัยๆว่าเขา... ไม่มีทางปล่อยผมไปไหนได้อีก ถ้าผมคิดหนีออกไปจากอ้อมแขนแกร่งของเขา เขาก็จะจับขาผมลากไปยังก้นทะเลกับเขา

     

     

    ชานยอลจะทำทุกอย่างเพื่อแย่งเอาใจของผมไป

     

     

     

    Give a little time to me or burn this out,

    We'll play hide and seek to turn this around,

    All I want is the taste that your lips allow,

    My, my, my, my, oh give me love,

    ขอเวลาให้ฉันซักหน่อย หรือไม่ก็แผดเผามันทิ้งไปซะ

    เราจะเล่นซ่อนแอบกัน เพื่อเปลี่ยนแปลงเรื่องราวนี้

    ฉันต้องการเพียงแค่รสชาติที่ริมฝีปากเธอยอมรับ

    มอบความรักให้ฉันเถอะนะ

     

     

     

    เมื่อท่อนสุดท้ายของเพลงมาถึง ผมก็ย้อนนึกไปถึงตอนที่เราจูบกันที่ระเบียง ผมยังจดจำรสชาติของมันได้ ตอนนั้นตัวผมอาจจะเผลอไผลไปเพียงวูบหนึ่ง แต่ในครั้งนี้มันต่างกันออกไป ถึงชานยอลจะไม่ได้พูดมันออกมาเป็นรูปประธรรม แต่เขาก็ใช้การกระทำของเขาบอกกับผมเป็นนัยน์ๆแทบคำพูดเหล่านั้นไปหมดแล้ว ถึงแม้ผมจะมารู้สึกตัวทีหลังก็ตาม

     

     

    “ชานยอล” ผมเรียกร่างสูงโปร่งเสียจนแผ่วเบา ชานยอลที่กำลังวางกีตาร์ไว้บนเตียงหันมามองผม แต่ว่าคนที่ก้าวเท้าคนแรกคือผม ระยะห่างของเราทั้งคู้เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อย จนระทั่งผมกระโจนกอดชานยอลเข้าเต็มรักเพราะทนไม่ไหว จนเราทั้งคู่ล้มลงไปบนเตียงนุ่มพร้อมกัน

     

     

    “โอ้ย” ยามที่ชานยอลส่งเสียงโอดครวญ ผมก็พึ่งมานึกได้ว่าตัวของผมนั้นน้ำหนักเยอะกว่าเขาสักสองเท่าได้ และสีหน้าของชานยอลก็เป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าตอนโดนผมทับนั้นรู้สึกเช่นไร

     

     

    “ขะ ขอโทษนะ”

     

     

    “ไม่เป็นไร” ชานยอลส่ายหน้าเบาๆก่อนจะใช้มือใหญ่ของเขารั้งตัวผมเข้าใกล้ตัวเองมากขึ้น “กูชอบอ้วนๆ นี่กำลังเหมาะมือเลย”

     

     

    “เหี้ยไร”

     

     

    “....”

     

     

    “คิดว่าเท่มากป่ะ” ชานยอลยักคิ้วให้ผมสองทีแทนคำตอบ จนผมอดไม่ได้ที่จะตีไหล่กว้างนี่ไปทีนึงด้วยทั้งเขินทั้งหมั่นไส้ หลังจากที่โดนตีชานยอลก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจจนผมอดที่จะยิ้มตามออกมาไม่ได้

     

     

    “ชอบมั้ย”

     

     

    “ชอบ” ผมพยักหน้าเบาๆก่อนจะยื่นมือขึ้นไปสัมผัสเข้ากับไฟแอลอีดีที่พันรอบตัวชานยอลเอาไว้เบาๆ ห้องทั้งนั้นสว่างได้ขนาดนี้ก็เพราะเขา และที่ผมยิ้มได้ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาเช่นกัน

     

     

    “หมายถึงว่าชอบกูอะนะ”

     

     

    “ตลกละ” ผมตอบอย่างถือตัวทั้งๆที่หน้ามันแดงไปหมด ชานยอลดึงรั้งผมลงมากดจมูกฝังเข้าที่แก้มย้วยฟอดใหญ่ก่อนจะพลิกร่างของตัวเองขึ้นแทนที่ผม นี่ได้บอกไปรึยังว่าชานยอลนอกจากจะเจ้าวางแผนแล้วยังเจ้าเล่ห์ที่หนึ่ง เขาทำผมเขินกี่รอบไม่รู้ต่อกี่รอบแล้วในวันนี้

     

     

    “มาทำเป็นปากแข็ง”

     

     

    “นายสิปากแข็ง ไหนพูดซิว่าชอบฉันที่ตรงไหน”

     

     

    “เรื่องแบบนี้ให้การกระทำเป็นตัวตัดสินดีกว่านะแบคฮยอน”

     

     

    “ดีกว่าตรงไหน อย่างน้อยๆฉันก็แค่อยากมั่นใจนี่น่าว่าเรื่องของเรามันเป็นความจริง ว่านายจะไม่หลอกฉันเหมือนแบบละครพวกนั้นน่ะ นายเคยดูใจมั้ยที่ตัวละครแบบฉันจะต้องเจ็บจำใจจนตายน่ะ” ผมหน้าบึ้งตึงพร้อมกับบ่นยาวเหยียดเมื่อชานยอลไม่ยอมพูดมันออกมา

     

     

    “แต่นายก็ชอบแบบนี้นี่”

     

     

    “นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะชอบหรอกนะ นายมันดาวเด่นชานยอล ส่วนฉันโอ้โห..ไม่ต้องพูดถึงแค่เพื่อนสักคนฉันยังไม่มีเลย แล้วเวลาที่เราเดินด้วยกันล่ะนายดูฉันซ่ะก่อนชานยอล นายแน่ใจแล้วหรอว่าชอบที่เป็นอยู่แบบนี้จริงๆ บางทีฉันว่าเราถอยมากันสักหน่ะ...อืออออ~

     

     

    ผมส่งเสียงร้องท้วงในลำคอดังลั่นเมื่อจู่ๆชานยอลก็ก้มลงมาจูบผมโดยไม่ตั้งตัว ผมจะผลักเขาออกแต่ก็ไม่กล้าทำเพราะจูบนี้ของเรามันอ่อนหวานเกินกว่าที่มันจะจบด้วยการผลักไส หัวใจของผมมันเต้นรัวเมื่อยามที่ชานยอลถอนริมฝีปากออกไปแล้วกดลงมาใหม่ ทั้งอ่อนโยนราวกับว่าผมจะแตกสลายไปง่ายๆอย่างนั้น และเนิ่นนานกว่าที่ชานยอลจะผละจูบออกไป

     

     

    “นายไม่ต้องจูบเพราะสงสารหรอก”

     

     

    “ไม่.. กูไม่ได้จูบเพราะสงสาร”

     

     

    “...”

     

     

    “แต่กูจูบเพราะอยากจูบ”

     

     

    ว่าจบชานยอลก็ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง และจูบในครั้งนี้ทำเอาเรี่ยวแรงของผมหายไป ชานยอลแตะริมฝีปากลงมาสองสามครั้งเป็นการหยั่งเชิญดูท่าทีของผม เมื่อเห็นว่าผมไม่มีการขัดขืนใดๆ ชานยอลก็ยิ่งได้ใจสอดเรียวลิ้นหนาเขามากวาดต้อนลิ้นของผมไปจนทั่วโพรงปาก ผมรับรสเย็นๆจากมิ้นต์ในปากของชานยอลมา ส่วนชานยอลก็รับเอารสช็อกโกแลตจากปากของผมไป ผมครางหนักเมื่อชานยอลไม่มีทีท่าว่าจะเว้นช่องว่าให้ผมหายใจ จนเป็นผมที่ต้องผละริมฝีปากออกมาก่อนอย่างยอมแพ้

     

     

    “อึก.. คนโง่”

     

     

    “มึงสิคนโง่”

     

     

    “...”

     

     

    “กูทำมาขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก ต้องให้กูปล้ำมึงก่อนมั้ยถึงจะรู้ว่ารักว่าหลงซ่ะจนไม่อยากปล่อยมึงไปให้กับใครหน้าไหนอีกแล้ว แค่เห็นมึงออกไปวิ่งตอนเช้าแล้วงดกินข้าวเย็นกับกู กูก็แทบจะเอาขวานไปฟันคอยัยโซยูได้อยู่แล้ว! ยัง... ยังจะทำหน้าแบบนี้อีก”

     

     

    “ฮื่อออ หน้าแบบไหนเล่ายังไม่ทันได้ทำเลย”

     

     

    “น่ารัก”

     

     

    ฟอด~~~~

     

     

    ผมหน้าแดงซ่านไปหมดเมื่อชานยอลเอาแต่พ่นถ้อยคำหวานหูเหล่านั้นออกมาไม่หยุดปาก ผมส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวันก่อนจะยกมือขึ้นตีอากาศสะเปะสะปะจนชานยอลต้องคว้ามือของผมไว้ แม้จะหลับตาอยู่แต่แสงไฟจากหลอดแอลอีดีของชานยอลยังคงส่องแสงสว่างลอดเข้ามาจนผมต้องลืมตาขึ้นมาอีกแม้จะเขินชานยอลมากแค่ไหนก็ตาม

     

     

    “แบคฮยอน”

     

     

    “อื้อออ ไม่เอาห้ามพูด”

     

     

    เดี๋ยวเขิน

     

     

    “รู้มั้ยว่าหมีพูห์ชอบน้ำผึ้งมากแค่ไหน”

     

     

    “ไม่...ไม่รู้”

     

     

    “นั่นสิ”

     

     

    “....”

     

     

     

    “กูชอบมึงมากขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”

     

     

     

     

     

     

     

     



     

     





     

     

    กระเทยปาก

    โอ่ย เขินอ่ะ โดนชานยอลแอบชอบเขินมากอ่ะ

    นี่พูดเลย

     

    ขอลาไปทำกีฬาสีสักพักนะคะ จุ๊บ

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×