ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #12 : NICE BODY : 11 (Ep. HIS)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.69K
      51
      6 เม.ย. 58

    11

    His Love





     


     

     






     

                

                “นี่ถามจริงๆนะชานยอล”

     

     

    …”

     

     

    “บ้านมึงค้ายาหรอ”

     

     

    ผมถามมันออกไปแล้ว ในขณะที่ชานยอลได้แต่กระตุกยิ้มน้อยๆส่งกลับมาให้ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมของผมเบาๆโดยไม่ได้ตอบคำถามสักคำ ซึ่งดูโดยรวมแล้วมันกวนตีนมากกว่าและมันทำให้ผมเบะปากใส่อย่างอดไม่ได้ในความขี้เก๊กของคนที่ชื่อปาร์คชานยอล

     

     

    “รู้แค่ว่าเลี้ยงไหวก็พอแล้วป่ะ”

     

     

    “เหอะ พ่อพระเอก”

     

     

    “แต่มึงก็ชอบนี่” และเป็นอีกครั้งที่ผมเบะปากใส่เขาหนักยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะหันมาเก็บแอปเปิ้ลใส่ในกล่องลังเหมือนเดิม ตอนนี้พวกเรากำลังช่วยกันทำความสะอาดหลังจากที่เซอร์ไพสร์ของชานยอลจบลง เขาบอกกับผมว่าไม่ต้องเก็บเพราะยังไงซะตอนเช้าก็จะมีแม่บ้านเข้ามาขนเอาของไปทิ้งเอง แต่เรื่องอะไรผมจะทำแบบนั้นอ่ะ!

     

     

    แอปเปิ้ลที่เกาหลีลูกละวอนรึไงถึงได้ทิ้งขว้างง่ายๆแบบนี้ ไหนจะลูกโป่งอีกเกือบร้อยลูก หลอดไฟแอลอีดีที่เขาซื้อมาพวกนี้อีกล่ะ! พูดก็พูดเถอะ เซอร์ไพรส์ครั้งนี้ของเขาถึงมันจะสวยมากแต่มันก็แพงมากพอๆกับถอยไอโฟนหกมาใช้เลยนะ

     

     

    “มองหน้าไร เก็บไปให้หมดเลยนะ” ผมขยับตัวนั่งหันหลังให้เขา แล้วเก็บแอปเปิ้ลใส่กล่องเหมือนเดิม ชานยอลหัวเราะร่าเมื่อเห็นว่าผมงอนฟึดฟัดและเริ่มฟาดงวงฟาดงาไปเรื่อย

     

     

    “เฮ้ย อยากรู้ขนาดนั้นเลย” ชานยอลขยับตัวเข้าประชิดแผ่นหลังผมจนความอุ่นร้อนแทรกซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามาหาผม วงแขนใหญ่วาดเข้ารวบกอดช่วงเอวผมเอาไว้หลวมๆก่อนที่มือสากจะยื่นมาดึงแก้มผมจนแทบย้วย

     

     

    “ฮื่อออออ~ เอามือออกไป” ผมตีเข้าที่มือใหญ่จอมฉวยโอกาสไปเพี้ยะใหญ่ แต่ทุกครั้งก็จบที่ผมแพ้ชานยอลอยู่ร่ำไป

     

     

    “กูบอกก็ให้ได้” ชานยอลหันมาสบตาผมก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปาก “แต่ต้องหอมแก้มกูก่อน”

     

     

    “หอมพ่อง!

     

     

    “ไม่หอมพ่อกูดิ ต้องหอมแค่กู” ชานยอลหัวเราะร่าในขณะที่ผมเอาแต่ขยับตัวดุกดิกเพื่อที่จะได้หลุดออกไปจากวงแขนแกร่งนี้เสียที แต่ก็ดูเหมือนเปล่าประโยชน์เพราะนอกจากจะไม่ได้รับอิสระแล้ว ผมยังโดนริมฝีปากหนาชกเอาแก้มไปแดกอีกหนึ่ง เกิดเสียงฟอดใหญ่ให้ผมได้เขินอายเล่น

     

     

    นี่ไม่มันเริ่มตลก ชานยอลเวอร์ชั่นนี้นี่ไม่ตลก...

     

     

    แม่งหื่น

     

     

    “ที่บ้านกูทำไร่ทำสวนกันอยู่ที่เซจู” ผมนิ่งกระพริบตาปริบๆเพราะปรับอารมณ์ตามชานยอลไม่ทัน พอเหลียวไปหาเขาผมก็โดนริมฝีปากหนากลั่นแกล้งจนทำเอาหน้าเห่อร้อนไปหมด ผมเลยจำใจยอมนั่งนิ่งๆให้ชานยอลเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง “คุณปู่คุณย่ามีไร่ ส่วนพ่อก็เรียนจบมาทางด้านนี้เลยเริ่มทำมาเรื่อยๆ ส่วนแม่เป็นนักเขียน”

     

     

    “แล้วที่ไร่ของนายกว้างมากมั้ย”

     

     

    “สัก 600 ไร่มั้งถ้าจำไม่ผิด”

     

     

    “โห~” ผมทำเสียงประหลาดออกมาทันทีหลังจากที่ฟังจบ “โคตรรวย!

     

     

    “แอปเปิ้ลที่มึงช่วยเก็บใส่กล่องอยู่นี่ก็มาจากสวนเหมือนกัน” ผมกระพริบตาปริบๆก่อนจะหยิบลูกแอปเปิ้ลข้างตัวขึ้นมาดูอย่างไม่เชื่อสายตา พยายามแล้วพยายามอีกที่จะไม่ทำเสียงประหลาดใจแปลกๆออกมา เพราะมันออกจะน่าขำไปสักหน่อยสำหรับชานยอล

     

     

    “อย่างกับในละคร”

     

     

    “คล้ายๆ”

     

     

    “งั้นนายก็เป็นว่าที่พ่อเลี้ยงสิ”

     

     

    “มันขึ้นอยู่ที่ว่ามึงอยากจะมาเป็นแม่เลี้ยงให้กูรึเปล่า” ชานยอลกระซิบถ้อยคำหวานล้ำจนผมตกหลุมเข้าเต็มเปา แถมยังเป็นหลุมที่ขุนมาค่อนข้างนานพอตัวทั้งลึกทั้งกว้างอย่างที่ผมไม่สามารถปีนขึ้นมาจากบ่อได้เลย ชานยอลวางมือซ้อนด้านหลังมือที่ถือแอปเปิ้ลของผมเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะดึงรั้งเข้าใกล้ริมฝีปากอวบ ชานยอลรู้ว่าผมมองอยู่เขาเลยจงใจอ้าปากงับแอปเปิ้ลในมือผมช้าๆราวกับจงใจจะยั่ว

     

     

    นั่นแหละ...

     

     

    ผมร้อนอย่างกับอยู่ในไมโครเวฟ

     

     

    “แล้วไร่...เอ่อ มีชื่อมั้ย”

     

     

    “ชุนฮโย ไร่กูชื่อชุนฮโย”

     

     

    “แปลว่าแสงหรอ หรือว่ามีความหมายแฝงอีก” ชานยอลพยักหน้า ส่วนผมก็เอาแต่ยกแอปเปิ้ลขึ้นมากัดแก้ความเก้อเขินที่เขาเอาแต่จ้องผมด้วยสายตาหวานเยิ้มแบบนั้น

     

     

    “แปลรวมกันได้ว่า แสงแรกในฤดูใบไม้ผลิ”

     

     

    “รุ่งอรุณ?”

     

     

    “ประมาณนั้น” ชานยอลยกนิ้วขึ้นมาเกาแก้มของตัวเองเบาๆราวกับพยายามกลบเกลื่อนความอาย ที่เมื่อกี้ตัวเองได้พูดคำเก่าๆแปลกๆออกมา แถมยังฟังดูกระด้างนิดๆด้วย ...

     

     

    แต่มันก็สมกับเป็นปาร์คชานยอลดีออกผมว่า คนอย่างเขามันแข็งทื่อ คำพูดแต่ละอย่างเหมือนไม่ได้เตรียมมาจากที่บ้านเพราะคิดยังไงก็พูดออกมาเลยจนบางครั้งก็อาจจะทำให้คนฟังเจ็บปวดบ้าง ทว่ายามที่เขาเข้ามาปลอบโยน มันกลับนุ่มนวลไปด้วยความเอื้ออาทรรองเป็นฐานแล้วฉาบหน้าด้วยความจริงใจ

     

     

    ผมจะไม่บอกเขาเด็ดขาด ว่าจนแล้วจนรอดผมก็ไม่อาจจะขึ้นมาจากหลุมรักของเขาได้

     

     

    “เพราะจัง”

     

     

    “พ่อเป็นคนคิดน่ะ พ่อบอกว่าคิดได้ตอนเจอแม่ครั้งแรก รอยยิ้มของแม่นั้นอบอุ่นอย่างกับพระอาทิตย์ยามเช้าหลังจากหิมะหน้าหนาวละลาย แม่ละลายความหนาวของพ่อและพาเอาแสงแดดอันอบอุ่นเข้ามาที่ไร่เพื่อเข้าสู่การเริ่มต้นใหม่”

     

     

    ถ้าแม่ของชานยอลเป็นพระอาทิตย์ ชานยอลก็คงไม่พ้นจากการเป็นลูกพระอาทิตย์แน่ๆ ผมว่าเขาคงไม่รู้หรอกว่าตัวเขาเองนั้นได้รับการสืบทอดเชื้อสายพระอาทิตย์ของแม่ตัวเองมาทั้งหมด อีกทั้งยังส่งมอบอบอุ่นให้กับผมเสียจนมากมาย

     

     

    “ถ้าเป็นไปได้กูอยากจะพามึงไปที่ไร่ด้วย”

     

     

    “ไปทำไม”

     

     

    “ไปให้แม่ดูหน้าแฟน” ผมรู้ว่าชานยอลจงใจกดจมูกลงมาที่ข้างแก้มเพื่อให้ผมเขิน แต่ผมรู้ทันหรอกน่า จะไม่มีทางหลงกลเขาอีกแล้ว

     

     

    “ยังไม่ได้จีบเลย เป็นแฟนได้ไง”

     

     

    “สมัยนี้เขาไม่จีบกันแล้วแบคฮยอน”

     

     

    “...”

     

     

    “เขาเอาเลย”

     

     

     











     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

    ชานยอลนี่มันชานยอลจริงๆ!

     

     

    “กูบอกให้ขึ้น”

     

     

    “ไม่!!”

     

     

    “แบคฮยอน”

     

     

    ชานยอลกดเสียงต่ำเหมือนพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ก่อนจะสืบเท้าเข้ามาใกล้ ในขณะที่ผมเองก็ก้าวถอยออกไปเมื่อเห็นว่าระยะห่างของเราทั้งคู่นั้นมันไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ เพราะนอกจากที่ชานยอลจะเป็นคนตรงๆแล้ว เขายังเป็นคนที่มือไวใจไวอีกด้วย ถ้าขืนยืนนิ่งเป็นควายอยู่ตรงนั้นมีหวังโดนทุบหัวแล้วลากเข้าถ้ำแน่นอน

     

     

    “นายต้องไปค้ายาบ้ามาแน่ๆ”

     

     

    “กูค้าแอปเปิ้ล แล้วกะอีแค่เศษเหล็กนี่มึงต้องทำให้มันดูเป็นเรื่องราวใหญ่โตด้วยวะแบคฮยอน”

     

     

    “เศษเหล็กเหี้ยไรครับ ก็เห็นอยู่จะๆว่านี่บีเอ็มดับบิว!”

     

     

    “ช่างแม่งสิ มองไกลๆยังไงก็รถ”

     

     

    “ฉันขอคันเดิม”

     

     

    “แต่มึงกลัวมอไซต์”

     

     

    “ฉันกลัวก็ช่างฉันมั้ยล่ะหื้ม ไอ้ที่บอกว่ามีรถอยู่คันนึงทำไมไม่บอกก่อนว่าหรูขนาดนี้ว่ะ!” ผมหลับหูหลับตาเถียงชานยอลสุดฤทธิ์ แต่ถึงกระนั้นชานยอลก็ไม่เคยฟังมันสักนิด แถมยังใช้ตอนที่ผมเผลอพุ่งตัวเข้ามาจับข้อมือของผมเอาไว้ด้วยความเร็วแสง

     

     

    “จะขึ้นรถดีๆมั้ย” ชานยอลเปิดประตูออกกว้าง ส่วนผมก็ทำเมินเขา ไม่ยอมพูดจา เล่นดื้อเงียบจนได้ยินเสียงถอนหายใจเฮื้อกใหญ่ของเขา “หนึ่ง”

     

     

    “...”

     

     

    “สอง” คิดว่าทำหน้านิ่งคิ้วขมวดแล้วดูน่ากลัวขึ้นหรอ ไม่หรอกสิ่งที่บยอนแบคฮยอนสุดหล่อคนนี้กลัวมีแค่อย่างเดียวคือคุณนายบยอนซอนมีเท่านั้น!

     

     

    “...”

     

     

    “สาม!”

     

     

    “โอเคๆ”

     

     

    รวมมึงด้วยก็ได้ ปาร์คชานยอล

     

     

    “ดี ว่าง่ายๆโตไว้ๆ” เมื่อได้คำตอบที่ถูกใจมือหนาก็ยื่นมาลูบหัวของผมสักสองสามครั้งก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งด้านคนขับ ส่วนผมมันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโต้แย้งเขาได้อีกจึงได้แต่เข้ามานั่งในรถเงียบๆ

     

     

     ผมจะจดบัญชีเอาไว้แล้วค่อยหาทางแก้แค้นวันอื่น เพราะขืนเป็นแบบนี้ต่อไปผมจะต้องตกอยู่ใต้อำนาจของชานยอลไปจนตายแน่ๆ

     

     

    “กูพึ่งรู้ว่ามึงเรียนศิลป์ภาษา ชอบหรอ” คนตัวโตตีหน้ามึนเอ่ยถามผมเสียงเรียบ ในขณะที่ดวงตาก็เอาแต่จดจ่อเส้นทางด้านหน้าอย่างไม่คลาดสายตา ผมเบะปากใส่ชานยอลเงียบๆเพราะเขาลืมเรื่องที่เราทะเลาะกันที่โรงจอดรถไปอย่างง่ายดาย

     

     

    “อืมก็เรียนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนแรกก็เรียนอังกฤษอย่างเดียว แต่ภาษาอื่นๆก็ต้องใช้เลยเรียนเพิ่มด้วย ตอนนี้ก็เรียนฝรั่งเศสอยู่”

     

     

    “แล้วที่เกาหลีมีงานให้ทำหรอวะ”

     

     

    “เอ้า! มันก็ต้องมีอยู่แล้วสิ” ผมนึกขำชานยอลอยู่ในใจ นี่เขาคิดว่าประเทศเกาหลีมีแค่คนเกาหลีรึไง ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศก็มีมากถมแถไป อยากจะขำอยู่เหมือนกันนะแต่พอผมเห็นหน้าที่ติดจะซีเรียสของเขาแล้วผมก็ได้แต่หันไปยิ้มให้คนตัวโตบางๆ

     

     

    “แล้วกูล่ะ”

     

     

    “ห้ะ?”

     

     

    “จะทิ้งให้กูอยู่ที่ไร่คนเดียวงั้นหรอ กว่าจะรอมึงทำงานเสร็จแล้วกลับบ้าน ถึงตอนนั้นกูคงแห้งตายเพราะคิดถึงมึงก่อนพอดี ไม่เอา!ไม่เวิร์คเลยไอ่สัส จบปีนี้แล้วไม่ต้องต่อมหาลัย มาทำงานที่ไร่เลย”

     

     

    โอ้ย กูจะบ้า

     

     

    ผมอยากจะรู้จริงๆว่าในหัวตันๆทึบๆของชานยอลแม่งกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดเรื่องตลกๆออกมายาวเป็นหางว่าวขนาดนี้ นี่เขาคิดว่าจะให้ผมเป็นแม่เลี้ยงที่ไร่จริงๆงั้นหรอ? โถ่ถังกาละมังหม้อ ขอพูดตรงนี้เลยว่าถ้าความสัมพันธ์ของเราไปกันยาวถึงตรงนั้นจริงๆ คนที่จะเป็นแม่เลี้ยงต้องเป็นชานยอลเท่านั้น!

     

     

    มาดแมนแบบผมน่ะเหมาะกับตำแหน่งพ่อเลี้ยงที่สุด

     

     

    “ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย”

     

     

    “มึงจะไปรู้อะไร เดี๋ยวนี้เผลอแปบๆเวลาก็ผ่านไปแล้ว”

     

     

    “เวลาของนายเดินเร็วอยู่คนเดียวรึไง” ผมเบะปากใส่ปาร์คชานยอลคนที่ชอบคิดว่าคนทั้งโลกกำลังโคจรรอบตัวเองอยู่เสมอ “เดี๋ยว นั่นนายจะขับไปไหน ?” ผมถามเมื่อเห็นว่าชานยอลไม่ยอมจอดให้ผมลงที่หน้าโรงเรียน มิหนำซ้ำยังขับเข้าประตูโรงเรียนมาอย่างหน้าด้านๆ

     

     

    “ส่งมึงไง”

     

     

    “เห้ย!! จอดๆ ชานยอลฉันบอกให้จอดไง” ผมโวยวายลั่นเมื่ออีกคนไม่ยอมทำตามคำสั่งง่ายๆ แถมด้วยการหันมายักคิ้วกวนตีนส่งให้จึ๋งนึงให้ผมมือกระตุกเล่นด้วย “ชานยอล! แค่ส่งที่หน้าโรงเรียนก็เกินพอแล้ว”

     

     

    “กลัวมึงเหนื่อย เดินเองมันไกล” ชานยอลไม่ยี่หระในความลนลานของผมสักนิด โอ้ย พระเจ้าช่วย นี่ผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วจริงๆ ถ้าเกิดผมลงไปจากรถพร้อมกับชานยอลคนอื่นๆจะคิดว่ายังไง จากที่เดิมผมเองก็เป็นคนไม่มีเพื่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่ถ้าทุกคนรู้ว่าผมกับชานยอลแอบซัมติงกัน

     

     

    พวกแม่งก็จะพากันเกลียดผมนะสิ!

     

     

    ชานยอลหันมายิ้มให้ก่อนจะหักพวกมาลัยเข้าจอดที่จอดรถของคุณครู ซึ่งนั่นแหละ มันเพิ่มความน่าหมั่นไส้ขึ้นมาสิบเท่า ไหนจะพวกที่อยากรู้อยากเห็นข้างนอกนั่นอีกล่ะ ผมค่อยๆไถลตัวลงกับเบาะเมื่อสบตาเข้ากับผู้หญิงหน้าโหดพวกนั้นที่พยายามมองทะลุฟิล์มทึบๆมายังที่นั่งข้างคนขับ

     

     

    “เชี่ย”

     

     

    ผมสบถกับตัวเองก่อนจะถอดกระเป๋าขึ้นมาบังหน้าตัวเองเมื่อเห็นว่ายัยคนนึงแม่งพกกล้องโปรมาด้วย สาบานได้ว่ายัยพวกนั้นไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้แน่ เพราะแค่ผมซ้อนบิ้กไบค์ชานยอลมาโรงเรียนผมยังโดนพวกเธอดักตบจนอ่วม นี่ถ้าเกิดว่าพวกเธอเห็นว่าผมได้นั่งรถคันใหม่ของชานยอลอีก

     

     

    ผมตายแน่ๆ

     

     

    “มึงเล่นอะไรเนี่ยแบคฮยอน”

     

     

    “นายลงไปก่อนเลยนะ แล้วเดี๋ยวสักพักฉันจะตามออกไป เอ้อเอากุญแจรถมาด้วยเดี๋ยวจะล็อคให้”

     

     

    “เหี้ยไร มาด้วยกันก็ลงไปด้วยกันดิ” ชานยอลว่าพร้อมกับพยายามคว้ากระเป๋าออกมาจากมือของผม โอ้ยจะบ้าตาย กูจะเอาหัวไปมุดไว้ตรงไหนดีในเมื่อพุงกับขาแม่งเริ่มติดอยู่กับคอนโซล คิ้วหนาขมวดเป็นปมพร้อมกับมองผมด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจทำนองว่า ‘ไอ้อ้วนมึงเป็นไรมากป่ะ’

     

     

    “ไปๆ ชิวๆ” ผมโบกมือไล่ชานยอลไปมาเมื่อเห็นว่าพวกผู้หญิงพวกนั้นมีจำนวนมากขึ้นอย่างกับแตกหน่อออกมาได้ ชานยอลถอนหายใจอัดหน้าให้ผมใจหายเล่นๆก่อนจะออกไปจากรถด้วยท่าทางที่หงุดหงิดคูณสอง ตอนแรกคิดว่าคงจะงอนๆแล้วไปจากรถเอง แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่สมกับเป็นชานยอลน่ะสิ

     

     

    ชิบหาย

     

     

    ผมตกใจจนทำหน้าไม่ถูกเมื่อชานยอลเดินอ้อมรถมาเปิดประตูด้านที่ผมนั่งอยู่ พร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าทำราวกับว่าผมเป็นเจ้าหงิงที่น่ารักของเขา ซึ่งมึงช่วยดูรูปร่างและน้ำหนักของกูก่อนที่จะทำแบบนี้ได้มั้ย

     

     

    “ออกไปก่อน ..ไปเร็วๆสิ เดี๋ยวยัยพวกนั้นมาแล้วจะแย่เอานะ”

     

     

    “ทำไม แล้วมันจะทำไม”

     

     

    “นายก็คิดบ้างสิว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นถ้าเกิดว่ายัยพวกนั้นรู้ว่าเราลงมาจากรถด้วยกัน โอ้ย ยัยพวกนั้นเดินมาทางนี้แล้วอ่ะชานยอล” ผมกระวีดกระวายสุดตัวเมื่อเห็นว่ายัยพวกนั้นเริ่มพากันเดินมาทางนี้แล้ว “ฉันต้องแย่ๆแน่ๆเลย ยัยพวกนั้นจะต้องรู้ถึงความสัมพันธ์ของเราแล้วหลังจากนั้นข่าวมันก็จะกระจายออกไปทั่วโรงเรียน”

     

     

    “แบคฮยอน”

     

     

    “ฮื่ออออ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย”

     

     

    “แบคฮยอน!” เสียงทุ้มตะโกนออกมาเพราะขันติทั้งหมดมันสะบั้นขาดลงมาพร้อมกัน ผมสะดุ้งไปทั้งตัว เพราะกลัวน้ำเสียงของชานยอลพอๆกันกับที่กลัวสีหน้านิ่งเรียบของเขา “ให้มันรู้ไป”

     

     

    “...”

     

     

    “มึงไม่ต้องแคร์เหี้ยอะไรทั้งนั้นนอกจากตัวกูเพราะมันทำให้กูรู้สึกหงุดหงิดแทบบ้า คนอื่นจะเอาไปพูดยังไงช่างแม่ง..แต่มึง! รู้ใช่มั้ยว่าควรทำตัวยังไงไหนลองพูดตัวอย่างให้กูซิ” น้ำเสียงเย็นเฉียบของเขาทำเอาขนอ่อนผมลุกเกรียวไปทั้งตัว ทำอะไรไม่ได้นอกจากกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอแล้วตอบคำถามชานยอลด้วยคำตอบที่เขาต้องการฟังมากที่สุด

     

     

    “ส..สนใจแค่ชานยอล”

     

     

    “อะไรอีก”

     

     

    “มองแค่ชานยอล เอ่อ... ใจใส่ เป็นห่วง แล้วก็จะคิดถึงแค่ชานยอล”

     

     

    “ดี” ชานยอลกระตุกยิ้มที่มุมปากราวกับผู้ชนะ ในขณะที่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองนั้นหดเหลือแค่สองนิ้ว แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะแค่พุงแม่งก็น่าจะล่อไปนิ้วครึ่งแล้ว "สายมากแล้ว เดี๋ยวกูพาไปส่งที่ห้อง”

     

     

    “หะ ห้องเลยหรอ (‘  ‘  )”

     

     

    “มึงมีปัญหา”

     

     

    “เปล่าเลยจ้า .___.” ผมส่ายหัวไปมาก่อนจะก้าวลงมาจากรถคันหรู ร่างสูงใหญ่ขยับตัวให้ผมเดินลงมาได้อย่างสะดวกที่สุดพร้อมกับปิดประตูให้เสร็จสรรพราวกับว่าผมเป็นเจ้าหงิงอีกครั้ง ผมยื่นมือไปหากระเป๋าเป้ที่อยู่ในมือหนาเพื่อที่จะสะพายขึ้นหลังเอง แต่ทว่าชานยอลกับเบี่ยงตัวหนีไปซะก่อน

     

     

    “จะถือให้”

     

     

    “คือว่ามันหนักนะ ฉันว่า...”

     

     

    “กูจะถือให้ -_-”

     

     

    “โอเคจ้า”

     

     

    ผมคิดว่านี่มันแย่มากๆ

     

     

    เพราะหลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปชีวิตของผมจะต้องวุ่นวายกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ถ้าอยากรอดก็คงต้องแลกกับการอาละวาดครั้งใหญ่ของชานยอล ซึ่งไม่ว่าทางไหนผมก็คิดว่ามันแย่ด้วยกันทั้งคู่ ยัยผู้หญิงพวกนั้นมองมือของเราที่กุมกันแน่นด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ส่วนปากก็ขมุมขมิบคำนินทาออกมายาวเกือบเท่ากระดาษเองสี่

     

     

    แล้วจู่ๆชานยอลก็หยุดเดินไปเสียดื้อๆพร้อมกับหันหน้ามามองผมด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ คิ้วหนาขมวดติดกันเป็นปมขนาดใหญ่ทำเอาผมใจหายวาบว่าเขาจะนึกโมโหอะไรขึ้นมาอีก เลยพยายามฉีกยิ้มกว้างเข้าสู้ ยกนิ้วขึ้นไปจิ้มๆระหว่างหัวคิ้วทั้งสองของชานยอล

     

     

    “เป็นไรตะอุ๋ง” สดใสร่างเริงดั่งดอกไม้บาน นี่กูแทบจะแปลงร่างเป็นดอกทานตะวันเพื่อเอาใจยักษ์ตัวโตนี่ได้อยู่แล้ว ดูซิและก็มาบัดมือกูเนี่ยนะนี่ยังไม่ทันได้ทำอะไรให้โกรธเลยนะว้อยยยย

     

     

    “ซุบซิบเหี้ยไร”

     

     

    กูว่าแม่งไม่ได้ด่ากู

     

     

    “...อ โอปป้า”

     

     

    “โอปป้าแล้วไง พ่อพวกเธอหรอ”

     

     

    ;____; ”

     

     

    “หึ้ย! แม่งไม่เคยเห็นคนเป็นแฟนกันไงวะ”

     

     

    จบ...

     

     

    จบแล้วชีวิตกู

     

     

     

     

     

     







     

     

     

     

     ‘เกลียดมึงสุดชีวิต ขอให้อ้วนกว่าเดิมล้านเท่า อิเกย์ไขมัน!!!’

     

     

    ขอสาปส่งแกให้ไปลงอยู่ในนรก แก่มันมารหัวใจ แก่ต้องวางยางเสน่ห์พี่ชานยอลของฉันแน่นอน พี่ชานยอลของฉันเป็นพวกมังสวิรัติ ไม่นิยมกินหมูจำไว้!’

     

     

    ไอ้ฮิปโปตายอืด กูขอให้ธรณีสูบมึง

     

     

    เจริญหูเจริญตาที่สุด

     

     

    ช่วงนี้การดำรงชีวิตของผมเหมือนจะเอ่อ... ค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ ออกแนวหลุดโลกไปสักนิดนึง เพราะตอนแรกๆจากที่มีคนไม่ค่อยชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้คนพวกนั้นก็ได้ผันตัวมาเป็นแอนตี้แบคฮยอนอย่างเต็มตัวหลังรู้ว่าผมเป็นผัวชานยอล

     

     

    ลักษณะการโจมตีนั้นเรียกได้ว่าครบวงจรมากๆ มีทุกรูปแบบตั้งแต่ส่งจดหมายด่าร้อยฉบับต่อวัน หรือแม้กระทั่งการโพสข้อความใส่สีตีไข่เรื่องราวบ้าบอลงในเว็บโรงเรียน

     

     

    ที่ผมกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ก็เป็นการ์ดและจดหมายที่หลายๆคนส่งมาให้ ส่วนคนที่เป็นคนต้นคิดน่ะไม่ใช่ผมหรอก เหอะ! ใครมันยากจะไปอ่านข้อความแย่ๆที่ส่งมาด่าตัวเองกัน นอกจากไอ้คนที่สร้างเรื่องไว้อย่างไอ้หูกางนี่ไง เลวมากๆ ย้ำ! มากๆ เพราะมันยังมีหน้ามาหัวเราะให้ผมฟังอยู่เลย

     

     

    “ฮ่าๆ ตลกเนอะอ้วน”

     

     

    “ฮ่าๆ พ่อมึงสิครับ”

     

     

    “จริงๆนะเว้ย แม่งโครตจี้ยัยพวกนี้แม่งบ้ามากอ่ะ ดูสิ ไอ้ไขมัน ชาตินี้ทั้งชาติแกไม่มีวันลดน้ำหนักได้แน่นอน!” ชานยอลนอนขำกลิ้งไปกลิ้งมาบนตักผมอย่างอารมณ์ดี ผมสูดอากาศที่ด่านฟ้าเข้าปอดก่อนจะหยิกเข้าที่กล้ามแขนแน่นๆเข้าให้ทีนึงด้วยความหมั่นไส้

     

     

    “เพราะนายเลยชานยอล”

     

     

    “เอ้า ก็วันนั้นโมโหนี่หว่า ก็เลยจัดไปดอกนึง”

     

     

    “จ้า โดนดอกที่ว่านั้นโดนกูเต็มๆเลยจ้า” แบะปากใส่ชานยอลทีนึงด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะยื่นมือไปบีบจมูกโด่งของเขาให้หายหมั่นเขี้ยว ชานยอลยิ้มร่าทั้งๆที่โดนบีบจมูกอยู่อย่างนั้น จนทนไม่ได้นั่นแหละเขาถึงได้ดึงมือผมออกพร้อมกับจูบเบาๆที่ปลายนิ้วให้ผมหน้าแดงเล่น

     

     

    “จ้า และพวกมึงก็เต๊าะกันไม่สนหัวพวกกูเลยจ้า”

     

     

    “กูว่าละนะว่าพวกชั่วมันต้องทำเหมือนว่าเราไม่อยู่ในวงสนทนาด้วยแน่ๆ”

     

     

    “อื้อๆ (‘   ‘)”

     

     

    “ช่างพ่องดิ”

     

     

    นอกจากจะไม่แคร์แม้กระทั่งเพื่อนของตัวเองแล้ว เขายังมีหน้ามาตะแคงตัวเข้าหาผมพร้อมกับซุกจมูกโด่งๆนั่นเข้ามาเสียจนเต็มพุง ทั้งจงอินและเซฮุนได้แต่มองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจเฮื้อกใหญ่ออกมาให้กับความหน้าด้านของเพื่อนตัวสูง ส่วนผู้ชายตัวเล็กๆ(ไม่รู้ชื่ออะไรเซฮุนเรียกไอ้จืดตลอด)ที่มาพร้อมกับเซฮุนก็ออเออห่อหมกตามไปด้วย

     

     

    “ที่พวกมึงสองคนคบกันนี่ทำกูแปลกใจมากนะ ถามจริงๆเหอะนะแบคฮยอน นายไปปิ๊งไอ้เหี้ยนี่ตอนไหนวะ” คำถามของเซฮุนทำเอาผมหน้าร้อนฉ่า แต่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมของเซฮุนมันทำให้ผมรีบแกล้งไอสองสามทีเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน

     

     

    “กะ ก็ไม่เห็นแปลกนิ”

     

     

    “ไม่แปลกเหี้ยไร มาวันแรกสายตามึงแม่งพร้อมจะจ้วงท้องไอ้ชานมันได้ทุกครั้งที่มีโอกาส”

     

     

    “งั้นก็ถามชานยอลก่อนสิ ว่าฉันอ้วนขนาดนี้ชอบไปได้ไง แปลกจะตายใช่มะ” ผมหันไปขอความเห็นจากไอ้จืดข้างๆเซฮุน ซึ่งเขาก็พยักหน้าให้อย่างเห็นด้วย

     

     

    “ไม่แปลกๆ สำหรับไอ้เหี้ยนี่ไม่แปลก” จงอินแย้ง

     

     

    “แปลกออก!”

     

     

    “อยากมีส่วนร่วมมากไงลู่ฮาน -_-” เซฮุนขาโหดตวัดหางตากลับไปถามลู่ฮานที่นั่งตัวสั่นไปด้วยความกลัว ก่อนหัวทุยจะส่ายไปมาแล้วสงบเสงี่ยมแบบเดิม ผมมองแล้วก็ได้แต่ภาวะนาให้เขาไม่ร้องไห้ออกมาตรงนี้ซ่ะก่อน

     

     

    “คิดว่าในร่างกายฉันน่าพิศสวาทมากจนเพื่อนนายหน้ามืดมาชอบรึไง”

     

     

    “ก็ไอ้ชานมันชอบอ้วนๆ”

     

     

    “ห๊ะ!”

     

     

    “ใช่แฟนคนก่อนๆนี้ก็อ้วน”

     

     

    “โซยูเนี่ยนะอ้วน”

     

     

    “อ้วนนม” เซฮุน

     

     

    “เออใช่ๆ ยัยนั่นอ้วนนม” จงอิน

     

     

    “ตู้มๆ o(‘  ‘)o” ลู่ฮาน

     

     

    “เค้าเรียกว่านมใหญ่มั้ยล่ะห่า” ผมนี่แทบตบหัวเรียงคนเลยครับ นี่ถ้าโซยูมาได้ยินนะมีหวังโดนถีบอัดยอดหน้ากันทุกคนแน่ๆ ดูซิทำหน้านิ่งๆแต่แม่งโครตจะหื่นกามผมล่ะปวดหัวพอๆกับไททันที่นอนอยู่บนตักเลย ชานยอลทำท่างัวเงียลุกขึ้นมาจากตักผมจนผมของเขาชี้โด่ชี้เด่ไปกันคนละทาง

     

     

    “นุ่มนิ่ม”

     

     

    “บ่นเหี้ยไรมึง”

     

     

    “ง่วงนักก็มานอนต่อ” ผมจับมือใหญ่ที่กำลังขยี้ตาตัวเองเอาไว้ ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปปัดผมหน้าม้าที่ปรกตาเขาออกให้ ซึ่งถ้าดูจากมุมนี้แล้วชานยอลเองก็มีมุมน่ารักๆเป็นของตัวเองเหมือนกัน

     

     

    “ชอบเพราะแบคฮยอนนุ่มนิ่ม”

     

     

    ฉ่าาาาาาาาาาา~

     

     

    “ฮิ้วววววววววววววว”

     

     

    “มะ...มาบอกทำไมเล่า”

     

     

    “เดี๋ยวมึงเข้าใจผิดคิดว่ากูชอบคนนมใหญ่”

     

     

    “ฮิ้วววววววววววววววววว”

     

     

    งื้ออออออ

     

     

    เขินจนแก้มจะแตกอยู่แล้วไอ้บ้า T////////T

     

     

     

     











     





     


     

    กระเทยจ่ม

     

    แฮปปี้นิวเยียร์ เย่ แม่งมาช้าไปวันนึง tt’

    โอ้ยมาช้ามา หลายๆคนคงแบบถอดใจกับเรื่องนี้ไปแล้ว

    ฮรึก แต่กระเทยจะสู้ค่ะ


    ครั้งนี้เลยขอแก้ตัวด้วยบทสุดน่าร็อคคคค และย่าวเว่อร์

    ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ จุ้บ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×