คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : NICE BODY : 11 (Ep. HIS)
11
His Love
“นี่ถามจริงๆนะชานยอล”
“…”
“บ้านมึงค้ายาหรอ”
ผมถามมันออกไปแล้ว ในขณะที่ชานยอลได้แต่กระตุกยิ้มน้อยๆส่งกลับมาให้ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมของผมเบาๆโดยไม่ได้ตอบคำถามสักคำ ซึ่งดูโดยรวมแล้วมันกวนตีนมากกว่าและมันทำให้ผมเบะปากใส่อย่างอดไม่ได้ในความขี้เก๊กของคนที่ชื่อปาร์คชานยอล
“รู้แค่ว่าเลี้ยงไหวก็พอแล้วป่ะ”
“เหอะ พ่อพระเอก”
“แต่มึงก็ชอบนี่” และเป็นอีกครั้งที่ผมเบะปากใส่เขาหนักยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะหันมาเก็บแอปเปิ้ลใส่ในกล่องลังเหมือนเดิม ตอนนี้พวกเรากำลังช่วยกันทำความสะอาดหลังจากที่เซอร์ไพสร์ของชานยอลจบลง เขาบอกกับผมว่าไม่ต้องเก็บเพราะยังไงซะตอนเช้าก็จะมีแม่บ้านเข้ามาขนเอาของไปทิ้งเอง แต่เรื่องอะไรผมจะทำแบบนั้นอ่ะ!
แอปเปิ้ลที่เกาหลีลูกละวอนรึไงถึงได้ทิ้งขว้างง่ายๆแบบนี้ ไหนจะลูกโป่งอีกเกือบร้อยลูก หลอดไฟแอลอีดีที่เขาซื้อมาพวกนี้อีกล่ะ! พูดก็พูดเถอะ เซอร์ไพรส์ครั้งนี้ของเขาถึงมันจะสวยมากแต่มันก็แพงมากพอๆกับถอยไอโฟนหกมาใช้เลยนะ
“มองหน้าไร เก็บไปให้หมดเลยนะ” ผมขยับตัวนั่งหันหลังให้เขา แล้วเก็บแอปเปิ้ลใส่กล่องเหมือนเดิม ชานยอลหัวเราะร่าเมื่อเห็นว่าผมงอนฟึดฟัดและเริ่มฟาดงวงฟาดงาไปเรื่อย
“เฮ้ย อยากรู้ขนาดนั้นเลย” ชานยอลขยับตัวเข้าประชิดแผ่นหลังผมจนความอุ่นร้อนแทรกซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามาหาผม วงแขนใหญ่วาดเข้ารวบกอดช่วงเอวผมเอาไว้หลวมๆก่อนที่มือสากจะยื่นมาดึงแก้มผมจนแทบย้วย
“ฮื่อออออ~ เอามือออกไป” ผมตีเข้าที่มือใหญ่จอมฉวยโอกาสไปเพี้ยะใหญ่ แต่ทุกครั้งก็จบที่ผมแพ้ชานยอลอยู่ร่ำไป
“กูบอกก็ให้ได้” ชานยอลหันมาสบตาผมก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปาก “แต่ต้องหอมแก้มกูก่อน”
“หอมพ่อง!”
“ไม่หอมพ่อกูดิ ต้องหอมแค่กู” ชานยอลหัวเราะร่าในขณะที่ผมเอาแต่ขยับตัวดุกดิกเพื่อที่จะได้หลุดออกไปจากวงแขนแกร่งนี้เสียที แต่ก็ดูเหมือนเปล่าประโยชน์เพราะนอกจากจะไม่ได้รับอิสระแล้ว ผมยังโดนริมฝีปากหนาชกเอาแก้มไปแดกอีกหนึ่ง เกิดเสียงฟอดใหญ่ให้ผมได้เขินอายเล่น
นี่ไม่มันเริ่มตลก ชานยอลเวอร์ชั่นนี้นี่ไม่ตลก...
แม่งหื่น
“ที่บ้านกูทำไร่ทำสวนกันอยู่ที่เซจู” ผมนิ่งกระพริบตาปริบๆเพราะปรับอารมณ์ตามชานยอลไม่ทัน พอเหลียวไปหาเขาผมก็โดนริมฝีปากหนากลั่นแกล้งจนทำเอาหน้าเห่อร้อนไปหมด ผมเลยจำใจยอมนั่งนิ่งๆให้ชานยอลเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง “คุณปู่คุณย่ามีไร่ ส่วนพ่อก็เรียนจบมาทางด้านนี้เลยเริ่มทำมาเรื่อยๆ ส่วนแม่เป็นนักเขียน”
“แล้วที่ไร่ของนายกว้างมากมั้ย”
“สัก 600 ไร่มั้งถ้าจำไม่ผิด”
“โห~” ผมทำเสียงประหลาดออกมาทันทีหลังจากที่ฟังจบ “โคตรรวย!”
“แอปเปิ้ลที่มึงช่วยเก็บใส่กล่องอยู่นี่ก็มาจากสวนเหมือนกัน” ผมกระพริบตาปริบๆก่อนจะหยิบลูกแอปเปิ้ลข้างตัวขึ้นมาดูอย่างไม่เชื่อสายตา พยายามแล้วพยายามอีกที่จะไม่ทำเสียงประหลาดใจแปลกๆออกมา เพราะมันออกจะน่าขำไปสักหน่อยสำหรับชานยอล
“อย่างกับในละคร”
“คล้ายๆ”
“งั้นนายก็เป็นว่าที่พ่อเลี้ยงสิ”
“มันขึ้นอยู่ที่ว่ามึงอยากจะมาเป็นแม่เลี้ยงให้กูรึเปล่า” ชานยอลกระซิบถ้อยคำหวานล้ำจนผมตกหลุมเข้าเต็มเปา แถมยังเป็นหลุมที่ขุนมาค่อนข้างนานพอตัวทั้งลึกทั้งกว้างอย่างที่ผมไม่สามารถปีนขึ้นมาจากบ่อได้เลย ชานยอลวางมือซ้อนด้านหลังมือที่ถือแอปเปิ้ลของผมเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะดึงรั้งเข้าใกล้ริมฝีปากอวบ ชานยอลรู้ว่าผมมองอยู่เขาเลยจงใจอ้าปากงับแอปเปิ้ลในมือผมช้าๆราวกับจงใจจะยั่ว
นั่นแหละ...
ผมร้อนอย่างกับอยู่ในไมโครเวฟ
“แล้วไร่...เอ่อ มีชื่อมั้ย”
“ชุนฮโย ไร่กูชื่อชุนฮโย”
“แปลว่าแสงหรอ หรือว่ามีความหมายแฝงอีก” ชานยอลพยักหน้า ส่วนผมก็เอาแต่ยกแอปเปิ้ลขึ้นมากัดแก้ความเก้อเขินที่เขาเอาแต่จ้องผมด้วยสายตาหวานเยิ้มแบบนั้น
“แปลรวมกันได้ว่า แสงแรกในฤดูใบไม้ผลิ”
“รุ่งอรุณ?”
“ประมาณนั้น” ชานยอลยกนิ้วขึ้นมาเกาแก้มของตัวเองเบาๆราวกับพยายามกลบเกลื่อนความอาย ที่เมื่อกี้ตัวเองได้พูดคำเก่าๆแปลกๆออกมา แถมยังฟังดูกระด้างนิดๆด้วย ...
แต่มันก็สมกับเป็นปาร์คชานยอลดีออกผมว่า คนอย่างเขามันแข็งทื่อ คำพูดแต่ละอย่างเหมือนไม่ได้เตรียมมาจากที่บ้านเพราะคิดยังไงก็พูดออกมาเลยจนบางครั้งก็อาจจะทำให้คนฟังเจ็บปวดบ้าง ทว่ายามที่เขาเข้ามาปลอบโยน มันกลับนุ่มนวลไปด้วยความเอื้ออาทรรองเป็นฐานแล้วฉาบหน้าด้วยความจริงใจ
ผมจะไม่บอกเขาเด็ดขาด ว่าจนแล้วจนรอดผมก็ไม่อาจจะขึ้นมาจากหลุมรักของเขาได้
“เพราะจัง”
“พ่อเป็นคนคิดน่ะ พ่อบอกว่าคิดได้ตอนเจอแม่ครั้งแรก รอยยิ้มของแม่นั้นอบอุ่นอย่างกับพระอาทิตย์ยามเช้าหลังจากหิมะหน้าหนาวละลาย แม่ละลายความหนาวของพ่อและพาเอาแสงแดดอันอบอุ่นเข้ามาที่ไร่เพื่อเข้าสู่การเริ่มต้นใหม่”
ถ้าแม่ของชานยอลเป็นพระอาทิตย์ ชานยอลก็คงไม่พ้นจากการเป็นลูกพระอาทิตย์แน่ๆ ผมว่าเขาคงไม่รู้หรอกว่าตัวเขาเองนั้นได้รับการสืบทอดเชื้อสายพระอาทิตย์ของแม่ตัวเองมาทั้งหมด อีกทั้งยังส่งมอบอบอุ่นให้กับผมเสียจนมากมาย
“ถ้าเป็นไปได้กูอยากจะพามึงไปที่ไร่ด้วย”
“ไปทำไม”
“ไปให้แม่ดูหน้าแฟน” ผมรู้ว่าชานยอลจงใจกดจมูกลงมาที่ข้างแก้มเพื่อให้ผมเขิน แต่ผมรู้ทันหรอกน่า จะไม่มีทางหลงกลเขาอีกแล้ว
“ยังไม่ได้จีบเลย เป็นแฟนได้ไง”
“สมัยนี้เขาไม่จีบกันแล้วแบคฮยอน”
“...”
“เขาเอาเลย”
ชานยอลนี่มันชานยอลจริงๆ!
“กูบอกให้ขึ้น”
“ไม่!!”
“แบคฮยอน”
ชานยอลกดเสียงต่ำเหมือนพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ก่อนจะสืบเท้าเข้ามาใกล้ ในขณะที่ผมเองก็ก้าวถอยออกไปเมื่อเห็นว่าระยะห่างของเราทั้งคู่นั้นมันไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ เพราะนอกจากที่ชานยอลจะเป็นคนตรงๆแล้ว เขายังเป็นคนที่มือไวใจไวอีกด้วย ถ้าขืนยืนนิ่งเป็นควายอยู่ตรงนั้นมีหวังโดนทุบหัวแล้วลากเข้าถ้ำแน่นอน
“นายต้องไปค้ายาบ้ามาแน่ๆ”
“กูค้าแอปเปิ้ล แล้วกะอีแค่เศษเหล็กนี่มึงต้องทำให้มันดูเป็นเรื่องราวใหญ่โตด้วยวะแบคฮยอน”
“เศษเหล็กเหี้ยไรครับ ก็เห็นอยู่จะๆว่านี่บีเอ็มดับบิว!”
“ช่างแม่งสิ มองไกลๆยังไงก็รถ”
“ฉันขอคันเดิม”
“แต่มึงกลัวมอไซต์”
“ฉันกลัวก็ช่างฉันมั้ยล่ะหื้ม ไอ้ที่บอกว่ามีรถอยู่คันนึงทำไมไม่บอกก่อนว่าหรูขนาดนี้ว่ะ!” ผมหลับหูหลับตาเถียงชานยอลสุดฤทธิ์ แต่ถึงกระนั้นชานยอลก็ไม่เคยฟังมันสักนิด แถมยังใช้ตอนที่ผมเผลอพุ่งตัวเข้ามาจับข้อมือของผมเอาไว้ด้วยความเร็วแสง
“จะขึ้นรถดีๆมั้ย” ชานยอลเปิดประตูออกกว้าง ส่วนผมก็ทำเมินเขา ไม่ยอมพูดจา เล่นดื้อเงียบจนได้ยินเสียงถอนหายใจเฮื้อกใหญ่ของเขา “หนึ่ง”
“...”
“สอง” คิดว่าทำหน้านิ่งคิ้วขมวดแล้วดูน่ากลัวขึ้นหรอ ไม่หรอกสิ่งที่บยอนแบคฮยอนสุดหล่อคนนี้กลัวมีแค่อย่างเดียวคือคุณนายบยอนซอนมีเท่านั้น!
“...”
“สาม!”
“โอเคๆ”
รวมมึงด้วยก็ได้ ปาร์คชานยอล
“ดี ว่าง่ายๆโตไว้ๆ” เมื่อได้คำตอบที่ถูกใจมือหนาก็ยื่นมาลูบหัวของผมสักสองสามครั้งก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งด้านคนขับ ส่วนผมมันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโต้แย้งเขาได้อีกจึงได้แต่เข้ามานั่งในรถเงียบๆ
ผมจะจดบัญชีเอาไว้แล้วค่อยหาทางแก้แค้นวันอื่น เพราะขืนเป็นแบบนี้ต่อไปผมจะต้องตกอยู่ใต้อำนาจของชานยอลไปจนตายแน่ๆ
“กูพึ่งรู้ว่ามึงเรียนศิลป์ภาษา ชอบหรอ” คนตัวโตตีหน้ามึนเอ่ยถามผมเสียงเรียบ ในขณะที่ดวงตาก็เอาแต่จดจ่อเส้นทางด้านหน้าอย่างไม่คลาดสายตา ผมเบะปากใส่ชานยอลเงียบๆเพราะเขาลืมเรื่องที่เราทะเลาะกันที่โรงจอดรถไปอย่างง่ายดาย
“อืมก็เรียนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนแรกก็เรียนอังกฤษอย่างเดียว แต่ภาษาอื่นๆก็ต้องใช้เลยเรียนเพิ่มด้วย ตอนนี้ก็เรียนฝรั่งเศสอยู่”
“แล้วที่เกาหลีมีงานให้ทำหรอวะ”
“เอ้า! มันก็ต้องมีอยู่แล้วสิ” ผมนึกขำชานยอลอยู่ในใจ นี่เขาคิดว่าประเทศเกาหลีมีแค่คนเกาหลีรึไง ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศก็มีมากถมแถไป อยากจะขำอยู่เหมือนกันนะแต่พอผมเห็นหน้าที่ติดจะซีเรียสของเขาแล้วผมก็ได้แต่หันไปยิ้มให้คนตัวโตบางๆ
“แล้วกูล่ะ”
“ห้ะ?”
“จะทิ้งให้กูอยู่ที่ไร่คนเดียวงั้นหรอ กว่าจะรอมึงทำงานเสร็จแล้วกลับบ้าน ถึงตอนนั้นกูคงแห้งตายเพราะคิดถึงมึงก่อนพอดี ไม่เอา!ไม่เวิร์คเลยไอ่สัส จบปีนี้แล้วไม่ต้องต่อมหาลัย มาทำงานที่ไร่เลย”
โอ้ย กูจะบ้า
ผมอยากจะรู้จริงๆว่าในหัวตันๆทึบๆของชานยอลแม่งกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดเรื่องตลกๆออกมายาวเป็นหางว่าวขนาดนี้ นี่เขาคิดว่าจะให้ผมเป็นแม่เลี้ยงที่ไร่จริงๆงั้นหรอ? โถ่ถังกาละมังหม้อ ขอพูดตรงนี้เลยว่าถ้าความสัมพันธ์ของเราไปกันยาวถึงตรงนั้นจริงๆ คนที่จะเป็นแม่เลี้ยงต้องเป็นชานยอลเท่านั้น!
มาดแมนแบบผมน่ะเหมาะกับตำแหน่งพ่อเลี้ยงที่สุด
“ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย”
“มึงจะไปรู้อะไร เดี๋ยวนี้เผลอแปบๆเวลาก็ผ่านไปแล้ว”
“เวลาของนายเดินเร็วอยู่คนเดียวรึไง” ผมเบะปากใส่ปาร์คชานยอลคนที่ชอบคิดว่าคนทั้งโลกกำลังโคจรรอบตัวเองอยู่เสมอ “เดี๋ยว นั่นนายจะขับไปไหน ?” ผมถามเมื่อเห็นว่าชานยอลไม่ยอมจอดให้ผมลงที่หน้าโรงเรียน มิหนำซ้ำยังขับเข้าประตูโรงเรียนมาอย่างหน้าด้านๆ
“ส่งมึงไง”
“เห้ย!! จอดๆ ชานยอลฉันบอกให้จอดไง” ผมโวยวายลั่นเมื่ออีกคนไม่ยอมทำตามคำสั่งง่ายๆ แถมด้วยการหันมายักคิ้วกวนตีนส่งให้จึ๋งนึงให้ผมมือกระตุกเล่นด้วย “ชานยอล! แค่ส่งที่หน้าโรงเรียนก็เกินพอแล้ว”
“กลัวมึงเหนื่อย เดินเองมันไกล” ชานยอลไม่ยี่หระในความลนลานของผมสักนิด โอ้ย พระเจ้าช่วย นี่ผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วจริงๆ ถ้าเกิดผมลงไปจากรถพร้อมกับชานยอลคนอื่นๆจะคิดว่ายังไง จากที่เดิมผมเองก็เป็นคนไม่มีเพื่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่ถ้าทุกคนรู้ว่าผมกับชานยอลแอบซัมติงกัน
พวกแม่งก็จะพากันเกลียดผมนะสิ!
ชานยอลหันมายิ้มให้ก่อนจะหักพวกมาลัยเข้าจอดที่จอดรถของคุณครู ซึ่งนั่นแหละ มันเพิ่มความน่าหมั่นไส้ขึ้นมาสิบเท่า ไหนจะพวกที่อยากรู้อยากเห็นข้างนอกนั่นอีกล่ะ ผมค่อยๆไถลตัวลงกับเบาะเมื่อสบตาเข้ากับผู้หญิงหน้าโหดพวกนั้นที่พยายามมองทะลุฟิล์มทึบๆมายังที่นั่งข้างคนขับ
“เชี่ย”
ผมสบถกับตัวเองก่อนจะถอดกระเป๋าขึ้นมาบังหน้าตัวเองเมื่อเห็นว่ายัยคนนึงแม่งพกกล้องโปรมาด้วย สาบานได้ว่ายัยพวกนั้นไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้แน่ เพราะแค่ผมซ้อนบิ้กไบค์ชานยอลมาโรงเรียนผมยังโดนพวกเธอดักตบจนอ่วม นี่ถ้าเกิดว่าพวกเธอเห็นว่าผมได้นั่งรถคันใหม่ของชานยอลอีก
ผมตายแน่ๆ
“มึงเล่นอะไรเนี่ยแบคฮยอน”
“นายลงไปก่อนเลยนะ แล้วเดี๋ยวสักพักฉันจะตามออกไป เอ้อเอากุญแจรถมาด้วยเดี๋ยวจะล็อคให้”
“เหี้ยไร มาด้วยกันก็ลงไปด้วยกันดิ” ชานยอลว่าพร้อมกับพยายามคว้ากระเป๋าออกมาจากมือของผม โอ้ยจะบ้าตาย กูจะเอาหัวไปมุดไว้ตรงไหนดีในเมื่อพุงกับขาแม่งเริ่มติดอยู่กับคอนโซล คิ้วหนาขมวดเป็นปมพร้อมกับมองผมด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจทำนองว่า ‘ไอ้อ้วนมึงเป็นไรมากป่ะ’
“ไปๆ ชิวๆ” ผมโบกมือไล่ชานยอลไปมาเมื่อเห็นว่าพวกผู้หญิงพวกนั้นมีจำนวนมากขึ้นอย่างกับแตกหน่อออกมาได้ ชานยอลถอนหายใจอัดหน้าให้ผมใจหายเล่นๆก่อนจะออกไปจากรถด้วยท่าทางที่หงุดหงิดคูณสอง ตอนแรกคิดว่าคงจะงอนๆแล้วไปจากรถเอง แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่สมกับเป็นชานยอลน่ะสิ
ชิบหาย
ผมตกใจจนทำหน้าไม่ถูกเมื่อชานยอลเดินอ้อมรถมาเปิดประตูด้านที่ผมนั่งอยู่ พร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าทำราวกับว่าผมเป็นเจ้าหงิงที่น่ารักของเขา ซึ่งมึงช่วยดูรูปร่างและน้ำหนักของกูก่อนที่จะทำแบบนี้ได้มั้ย
“ออกไปก่อน ..ไปเร็วๆสิ เดี๋ยวยัยพวกนั้นมาแล้วจะแย่เอานะ”
“ทำไม แล้วมันจะทำไม”
“นายก็คิดบ้างสิว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นถ้าเกิดว่ายัยพวกนั้นรู้ว่าเราลงมาจากรถด้วยกัน โอ้ย ยัยพวกนั้นเดินมาทางนี้แล้วอ่ะชานยอล” ผมกระวีดกระวายสุดตัวเมื่อเห็นว่ายัยพวกนั้นเริ่มพากันเดินมาทางนี้แล้ว “ฉันต้องแย่ๆแน่ๆเลย ยัยพวกนั้นจะต้องรู้ถึงความสัมพันธ์ของเราแล้วหลังจากนั้นข่าวมันก็จะกระจายออกไปทั่วโรงเรียน”
“แบคฮยอน”
“ฮื่ออออ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย”
“แบคฮยอน!” เสียงทุ้มตะโกนออกมาเพราะขันติทั้งหมดมันสะบั้นขาดลงมาพร้อมกัน ผมสะดุ้งไปทั้งตัว เพราะกลัวน้ำเสียงของชานยอลพอๆกันกับที่กลัวสีหน้านิ่งเรียบของเขา “ให้มันรู้ไป”
“...”
“มึงไม่ต้องแคร์เหี้ยอะไรทั้งนั้นนอกจากตัวกูเพราะมันทำให้กูรู้สึกหงุดหงิดแทบบ้า คนอื่นจะเอาไปพูดยังไงช่างแม่ง..แต่มึง! รู้ใช่มั้ยว่าควรทำตัวยังไงไหนลองพูดตัวอย่างให้กูซิ” น้ำเสียงเย็นเฉียบของเขาทำเอาขนอ่อนผมลุกเกรียวไปทั้งตัว ทำอะไรไม่ได้นอกจากกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอแล้วตอบคำถามชานยอลด้วยคำตอบที่เขาต้องการฟังมากที่สุด
“ส..สนใจแค่ชานยอล”
“อะไรอีก”
“มองแค่ชานยอล เอ่อ... ใจใส่ เป็นห่วง แล้วก็จะคิดถึงแค่ชานยอล”
“ดี” ชานยอลกระตุกยิ้มที่มุมปากราวกับผู้ชนะ ในขณะที่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองนั้นหดเหลือแค่สองนิ้ว แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะแค่พุงแม่งก็น่าจะล่อไปนิ้วครึ่งแล้ว "สายมากแล้ว เดี๋ยวกูพาไปส่งที่ห้อง”
“หะ ห้องเลยหรอ (‘ ‘ )”
“มึงมีปัญหา”
“เปล่าเลยจ้า .___.” ผมส่ายหัวไปมาก่อนจะก้าวลงมาจากรถคันหรู ร่างสูงใหญ่ขยับตัวให้ผมเดินลงมาได้อย่างสะดวกที่สุดพร้อมกับปิดประตูให้เสร็จสรรพราวกับว่าผมเป็นเจ้าหงิงอีกครั้ง ผมยื่นมือไปหากระเป๋าเป้ที่อยู่ในมือหนาเพื่อที่จะสะพายขึ้นหลังเอง แต่ทว่าชานยอลกับเบี่ยงตัวหนีไปซะก่อน
“จะถือให้”
“คือว่ามันหนักนะ ฉันว่า...”
“กูจะถือให้ -_-”
“โอเคจ้า”
ผมคิดว่านี่มันแย่มากๆ
เพราะหลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปชีวิตของผมจะต้องวุ่นวายกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ถ้าอยากรอดก็คงต้องแลกกับการอาละวาดครั้งใหญ่ของชานยอล ซึ่งไม่ว่าทางไหนผมก็คิดว่ามันแย่ด้วยกันทั้งคู่ ยัยผู้หญิงพวกนั้นมองมือของเราที่กุมกันแน่นด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ส่วนปากก็ขมุมขมิบคำนินทาออกมายาวเกือบเท่ากระดาษเองสี่
แล้วจู่ๆชานยอลก็หยุดเดินไปเสียดื้อๆพร้อมกับหันหน้ามามองผมด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ คิ้วหนาขมวดติดกันเป็นปมขนาดใหญ่ทำเอาผมใจหายวาบว่าเขาจะนึกโมโหอะไรขึ้นมาอีก เลยพยายามฉีกยิ้มกว้างเข้าสู้ ยกนิ้วขึ้นไปจิ้มๆระหว่างหัวคิ้วทั้งสองของชานยอล
“เป็นไรตะอุ๋ง” สดใสร่างเริงดั่งดอกไม้บาน นี่กูแทบจะแปลงร่างเป็นดอกทานตะวันเพื่อเอาใจยักษ์ตัวโตนี่ได้อยู่แล้ว ดูซิและก็มาบัดมือกูเนี่ยนะนี่ยังไม่ทันได้ทำอะไรให้โกรธเลยนะว้อยยยย
“ซุบซิบเหี้ยไร”
กูว่าแม่งไม่ได้ด่ากู
“...อ โอปป้า”
“โอปป้าแล้วไง พ่อพวกเธอหรอ”
“ ;____; ”
“หึ้ย! แม่งไม่เคยเห็นคนเป็นแฟนกันไงวะ”
จบ...
จบแล้วชีวิตกู
‘เกลียดมึงสุดชีวิต ขอให้อ้วนกว่าเดิมล้านเท่า อิเกย์ไขมัน!!!’
‘ขอสาปส่งแกให้ไปลงอยู่ในนรก แก่มันมารหัวใจ แก่ต้องวางยางเสน่ห์พี่ชานยอลของฉันแน่นอน พี่ชานยอลของฉันเป็นพวกมังสวิรัติ ไม่นิยมกินหมูจำไว้!’
‘ไอ้ฮิปโปตายอืด กูขอให้ธรณีสูบมึง’
เจริญหูเจริญตาที่สุด
ช่วงนี้การดำรงชีวิตของผมเหมือนจะเอ่อ... ค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ ออกแนวหลุดโลกไปสักนิดนึง เพราะตอนแรกๆจากที่มีคนไม่ค่อยชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้คนพวกนั้นก็ได้ผันตัวมาเป็นแอนตี้แบคฮยอนอย่างเต็มตัวหลังรู้ว่าผมเป็นผัวชานยอล
ลักษณะการโจมตีนั้นเรียกได้ว่าครบวงจรมากๆ มีทุกรูปแบบตั้งแต่ส่งจดหมายด่าร้อยฉบับต่อวัน หรือแม้กระทั่งการโพสข้อความใส่สีตีไข่เรื่องราวบ้าบอลงในเว็บโรงเรียน
ที่ผมกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ก็เป็นการ์ดและจดหมายที่หลายๆคนส่งมาให้ ส่วนคนที่เป็นคนต้นคิดน่ะไม่ใช่ผมหรอก เหอะ! ใครมันยากจะไปอ่านข้อความแย่ๆที่ส่งมาด่าตัวเองกัน นอกจากไอ้คนที่สร้างเรื่องไว้อย่างไอ้หูกางนี่ไง เลวมากๆ ย้ำ! มากๆ เพราะมันยังมีหน้ามาหัวเราะให้ผมฟังอยู่เลย
“ฮ่าๆ ตลกเนอะอ้วน”
“ฮ่าๆ พ่อมึงสิครับ”
“จริงๆนะเว้ย แม่งโครตจี้ยัยพวกนี้แม่งบ้ามากอ่ะ ดูสิ ไอ้ไขมัน ชาตินี้ทั้งชาติแกไม่มีวันลดน้ำหนักได้แน่นอน!” ชานยอลนอนขำกลิ้งไปกลิ้งมาบนตักผมอย่างอารมณ์ดี ผมสูดอากาศที่ด่านฟ้าเข้าปอดก่อนจะหยิกเข้าที่กล้ามแขนแน่นๆเข้าให้ทีนึงด้วยความหมั่นไส้
“เพราะนายเลยชานยอล”
“เอ้า ก็วันนั้นโมโหนี่หว่า ก็เลยจัดไปดอกนึง”
“จ้า โดนดอกที่ว่านั้นโดนกูเต็มๆเลยจ้า” แบะปากใส่ชานยอลทีนึงด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะยื่นมือไปบีบจมูกโด่งของเขาให้หายหมั่นเขี้ยว ชานยอลยิ้มร่าทั้งๆที่โดนบีบจมูกอยู่อย่างนั้น จนทนไม่ได้นั่นแหละเขาถึงได้ดึงมือผมออกพร้อมกับจูบเบาๆที่ปลายนิ้วให้ผมหน้าแดงเล่น
“จ้า และพวกมึงก็เต๊าะกันไม่สนหัวพวกกูเลยจ้า”
“กูว่าละนะว่าพวกชั่วมันต้องทำเหมือนว่าเราไม่อยู่ในวงสนทนาด้วยแน่ๆ”
“อื้อๆ (‘ ‘)”
“ช่างพ่องดิ”
นอกจากจะไม่แคร์แม้กระทั่งเพื่อนของตัวเองแล้ว เขายังมีหน้ามาตะแคงตัวเข้าหาผมพร้อมกับซุกจมูกโด่งๆนั่นเข้ามาเสียจนเต็มพุง ทั้งจงอินและเซฮุนได้แต่มองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจเฮื้อกใหญ่ออกมาให้กับความหน้าด้านของเพื่อนตัวสูง ส่วนผู้ชายตัวเล็กๆ(ไม่รู้ชื่ออะไรเซฮุนเรียกไอ้จืดตลอด)ที่มาพร้อมกับเซฮุนก็ออเออห่อหมกตามไปด้วย
“ที่พวกมึงสองคนคบกันนี่ทำกูแปลกใจมากนะ ถามจริงๆเหอะนะแบคฮยอน นายไปปิ๊งไอ้เหี้ยนี่ตอนไหนวะ” คำถามของเซฮุนทำเอาผมหน้าร้อนฉ่า แต่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมของเซฮุนมันทำให้ผมรีบแกล้งไอสองสามทีเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน
“กะ ก็ไม่เห็นแปลกนิ”
“ไม่แปลกเหี้ยไร มาวันแรกสายตามึงแม่งพร้อมจะจ้วงท้องไอ้ชานมันได้ทุกครั้งที่มีโอกาส”
“งั้นก็ถามชานยอลก่อนสิ ว่าฉันอ้วนขนาดนี้ชอบไปได้ไง แปลกจะตายใช่มะ” ผมหันไปขอความเห็นจากไอ้จืดข้างๆเซฮุน ซึ่งเขาก็พยักหน้าให้อย่างเห็นด้วย
“ไม่แปลกๆ สำหรับไอ้เหี้ยนี่ไม่แปลก” จงอินแย้ง
“แปลกออก!”
“อยากมีส่วนร่วมมากไงลู่ฮาน -_-” เซฮุนขาโหดตวัดหางตากลับไปถามลู่ฮานที่นั่งตัวสั่นไปด้วยความกลัว ก่อนหัวทุยจะส่ายไปมาแล้วสงบเสงี่ยมแบบเดิม ผมมองแล้วก็ได้แต่ภาวะนาให้เขาไม่ร้องไห้ออกมาตรงนี้ซ่ะก่อน
“คิดว่าในร่างกายฉันน่าพิศสวาทมากจนเพื่อนนายหน้ามืดมาชอบรึไง”
“ก็ไอ้ชานมันชอบอ้วนๆ”
“ห๊ะ!”
“ใช่แฟนคนก่อนๆนี้ก็อ้วน”
“โซยูเนี่ยนะอ้วน”
“อ้วนนม” เซฮุน
“เออใช่ๆ ยัยนั่นอ้วนนม” จงอิน
“ตู้มๆ o(‘ ‘)o” ลู่ฮาน
“เค้าเรียกว่านมใหญ่มั้ยล่ะห่า” ผมนี่แทบตบหัวเรียงคนเลยครับ นี่ถ้าโซยูมาได้ยินนะมีหวังโดนถีบอัดยอดหน้ากันทุกคนแน่ๆ ดูซิทำหน้านิ่งๆแต่แม่งโครตจะหื่นกามผมล่ะปวดหัวพอๆกับไททันที่นอนอยู่บนตักเลย ชานยอลทำท่างัวเงียลุกขึ้นมาจากตักผมจนผมของเขาชี้โด่ชี้เด่ไปกันคนละทาง
“นุ่มนิ่ม”
“บ่นเหี้ยไรมึง”
“ง่วงนักก็มานอนต่อ” ผมจับมือใหญ่ที่กำลังขยี้ตาตัวเองเอาไว้ ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปปัดผมหน้าม้าที่ปรกตาเขาออกให้ ซึ่งถ้าดูจากมุมนี้แล้วชานยอลเองก็มีมุมน่ารักๆเป็นของตัวเองเหมือนกัน
“ชอบเพราะแบคฮยอนนุ่มนิ่ม”
ฉ่าาาาาาาาาาา~
“ฮิ้วววววววววววววว”
“มะ...มาบอกทำไมเล่า”
“เดี๋ยวมึงเข้าใจผิดคิดว่ากูชอบคนนมใหญ่”
“ฮิ้วววววววววววววววววว”
งื้ออออออ
เขินจนแก้มจะแตกอยู่แล้วไอ้บ้า T////////T
กระเทยจ่ม
แฮปปี้นิวเยียร์ เย่ แม่งมาช้าไปวันนึง tt’
โอ้ยมาช้ามา หลายๆคนคงแบบถอดใจกับเรื่องนี้ไปแล้ว
ฮรึก แต่กระเทยจะสู้ค่ะ
ครั้งนี้เลยขอแก้ตัวด้วยบทสุดน่าร็อคคคค และย่าวเว่อร์
ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ จุ้บ
ความคิดเห็น