ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ม่านละครที่หนึ่ง : Pawn's rebellion (2)
"แก...เจ้าสัตว์กินพืชที่ไร้เวทมนตร์ใช่ไหม?
แปลกชะมัด ทั้งที่ไม่ได้กลิ่นเวทมนตร์แต่กลับได้กลิ่นแปลกๆออกมา
นี่แกเป็นตัวอะไรกันแน่?"
-เลโอน่า คิงสกอล่าร์
"การกบฎของเบี้ย"
***
"นี่มารี...เธอคิดว่าราชินีโพธิ์แดงคนนี้เป็นคนแบบไหนงั้นเหรอ?"
เสียงโทรทัศน์ตัวเก่าฉายให้เห็นหนังเรื่องอลิซในแดนมหัศจรรย์ที่เคยถูกฉายไปเมื่อประมาณสี่สิบห้าสิบกว่าปีก่อนเห็นจะได้ ดวงตาสีดำขลับของหญิงสาวเรือนผมสีดำอีกานั้นยังคงมองมาทางเด็กสาวด้วยแววตาอ่อนโยน ภายในห้องทีวีที่มักจะฉายหนังเรื่องต่างๆภายในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า---เด็กหญิงตัวน้อยเรือนผมสีขาวก็ทำหน้างุนงงเมื่อได้รับคำถามออกมา
"ทำไมพี่xxxxถึงถามแบบนั้นล่ะคะ?" เด็กหญิงตัวน้อยมองอย่างไม่เข้าใจนัก แต่สุดท้ายริมฝีปากนั้นก็ยินดีเอ่ยตอบ "บางที...ถ้าราชินีโพธิ์แดงคนนั้นไม่เจอเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องรู้สึกแย่มานานแสนนาน...บางทีอาจจะเป็นคนที่ใจดีกว่านี้ก็ได้นะคะ"
หญิงสาวผู้นั้นเปล่งเสียงหัวเราะ
"ใจดีเหรอ? นั่นสินะ" สุรเสียงของหล่อนเต็มไปด้วยความขบขัน "มารีเนี่ยเป็นเด็กที่ฉลาดจังเลยน้า---ตัวฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันกับเธอเลยล่ะจ้ะ ถ้าหากราชินีขาวยอมสารภาพผิด บางทีแล้วราชินีโพธิ์แดงอาจจะต้องไม่กลายเป็นคนที่โหดร้ายภายในตอนสุดท้ายก็ได้นะ"
ดวงตาสีดำขลับหรี่ตาลง
"ใช่แล้ว...ถ้าหาก..." เสียงของหญิงสาวผู้นั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันกับเธอเอ่ยพึมพำ "ถ้าหากราชินีโพธิ์แดงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนั้น หล่อนจะยังเป็นคนที่พวกเรารู้จักอยู่ผ่านทางโทรทัศน์ภายในตอนนี้ไหมนะ?"
"ถ้าหากราชินีโพธิ์แดงคนนั้นไม่เจอเรื่องโชคร้ายใดๆทั้งปวง" เสียงของหญิงสาวยังคงเอ่ยต่ออยู่ร่ำไป "ถ้าหากราชินีโพธิ์แดงคนนั้นไม่โดนขัดขวาง นี่มารี...เธอคิดว่าเรื่องราวนี้จะจบลงแบบไหนเหรอ?"
เด็กสาวส่ายหน้าอย่างจนใจ
"หนูไม่รู้หรอก ก็เพราะว่าคำว่าถ้าหากมันไม่เคยจะเกิดขึ้นจริงๆเลยสักครั้งนี่น่า" เด็กน้อยกล่าวอย่างซื่อตรง ดวงตาสีน้ำข้าวมองตรงไปยังหน้าจอโทรทัศน์ "แต่ว่าถ้าหนูรู้เรื่องราวทั้งหมดของราชินีโพธิ์ล่ะก็ หนูที่หลุดเข้าไปในโทรทัศน์จะเข้าไปกอดหล่อนให้แน่นๆ จะทำทาร์ตสตอเบอร์รี่สูตรของพี่สาวให้ราชินีชิม! แล้วก็จะรินชาที่ใส่นมกับน้ำผึ้งให้ด้วยล่ะ แล้วก็นะ---"
"แล้วก็นะ หนูน่ะนะ จะบอกกับเธอว่า---"
"______ ล่ะ!"
***
"โอ่ยมารี นี่เจ้าเหม่ออะไรของเจ้าอยู่น่ะ?"
"วะ-หวา!!?" เสียงของเด็กสาวร้องสะดุ้งขณะที่มือถือตระกร้าอยู่เกือบจะเผลอทำมันร่วงลงจากอ้อมแขน ดวงตาสีน้ำข้าวมองไปยังกริมม์ที่ทำหน้าบูดบึ้งดูบอกบุญไม่รับเสียเท่าไหร่นักภายในสถานที่ที่เต็มไปด้วยร่มเงาจากแมกไม้
ณ ตอนนี้ร่างของหนึ่งเด็กสาว(ที่พึ่งออกมาจากหอสมุดได้ไม่นาน)และหนึ่งปีศาจรูปลักษณ์แมวสีดำได้ก้าวเข้ามาอยู่ที่ภายในสวนพฤกษศาสตร์ที่อุดมสมบูรณ์จนเกินคำว่าปกติไปมากนัก ไม่ว่าจะกวาดสายตามองไปทางนั้นก็มีแต่พืชพันธ์ที่เขียวชอุ่มหว่านกระจายอยู่รอบๆไปหมด แมกไม้สูงใหญ่ยืดตัวรับแสงอาทิตย์ที่ถูกคัดกรองจากหลังคากระจกบานใส
เจ้าเหม่อนานมากๆเลยนะรู้ไหม?" กริมม์เอ่ยด้วยท่าทางติเตียนหล่อนยามเมื่อมองไปยังมารีที่กำลังเปลี่ยนมาถือตระกร้าที่ไปขอมาจากโรงอาหารให้ถนัดมือ "เหม่อเอาซะข้านึกว่าเจ้าจะเป็นรูปปั้นไปแล้ว"
"เหม่อแค่นิดหน่อยเองน่า" มารีตอบกลับอีกฝ่ายโดยพยายามทำท่าทางให้เป็นปกติมากที่สุด "ว่าแต่ดิวซ์กับเอซไปไหนซะแล้วล่ะ?"
"อาการหนักแล้วนะเฮ้ย" มารีเปล่งเสียงหัวเราะแห้งขณะที่เสียงของกริมม์ยังเอ่ยต่อ "เจ้าสองคนนั้นมันแยกทางกันแล้วล่ะ"
มารีพยายามจะนึกว่าเอซกับดิวซ์พูดอะไรไปบ้าง แต่ความทรงจำที่เธอนึกได้ก็ดูจะเลือนลางจนไม่สามารถนึกออกได้ว่าพวกเขาเอ่ยอะไรออกมา---เด็กสาวพยบายามนึกแล้วนึกอีกแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยอมแพ้เมื่อเธอนั้นไม่สามารถนึกอะไรออกได้เลยจริงๆ
"แยกกันไปตามหาเกาลัดสินะ เข้าใจล่ะๆ" เธอเอ่ยแสร้งทำเป็นกลบเกลื่อนความกังวลในใจของตัวเอง...จะว่าไปแล้วตอนที่เธอเหม่ออยู่ทำไมถึงได้เหม่อนานไปขนาดนั้นนะ? แล้วเหม่อถึงเรื่องอะไรกัน? "รีบไปเก็บเจ้าเกาลัดกันเถอะ!"
นึกไม่ออกเลยแฮะ...
"เอาล่ะ โก โก!" เสียงของกริมม์ดังขึ้นระหว่างที่พวกเธอสองคนเริ่มออกเดินทาง
ฝีเท้าของพวกเธอเดินมายังเส้นทางหลักของสวนพฤกษศาสตร์ที่แสนจะร่มรื่นและมีแต่ผลไม้สีสันรูปทรงแปลกตาอยู่ละลานตาเสียเต็มไปหมด เด็กสาวและอีกหนึ่งปีศาจชื่นชมความงดงามของพวกมันที่ออกดอกผลภายในสวนเขียวชอุ่มที่มีบรรยากาศร่มรื่นชวนให้รู้สึกสงบใจ ดวงตาของมารีเฝ้ามองมันด้วยความตื่นเต้นปนสนอกสนใจ เจ้าผลไม้พวกนี้จะมีรสชาติเหมือนกับผลไม้ในบ้านเกิดของเธอไหมนะ?
"น่าเอาไปทำทาร์ตจังเลยนะ..." เด็กสาวกล่าวเสียงเบาระหว่างเฝ้ามองพวงผลไม้ที่ห้อยย้อยลงมาจากกิ่งก้านใบของพืนพันธ์ุ "รสชาติของเจ้าพวกนี้จะเป็นแบบไหนกัน? ถ้าไม่เหมาะกับทาร์ตจะเอาไปทำเป็นน้ำเชื่อมเนี่ยโอเคไหมนะ?"
กริมม์มองเธอด้วยสีหน้าสงสัย
"เจ้าทำขนมเป็นด้วยเหรอมารี?"
"อื้ม---ทำเป็นอยู่แหละ" เด็กสาวพยักหน้ายามเมื่อมองเห็นดวงตาสีฟ้ากลมโตที่จ้องมาทางเธอ "พอดีว่าเคยมีคนคนหนึ่งสอนทำทาร์ตให้ฉันน่ะ...คิดว่านะ"
ดวงตาของมันมองหล่อนด้วยสายตาเอือมระอา
"ไอ้ที่คิดว่านะมันคืออะไรเล่า?"
มารีฉีกยิ้มขณะที่ยักไหล่ข้างหนึ่งขึ้น
"ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันไปเถอะกริมม์"
"น่าสงสัยชะมัด" กริมม์เอ่ยขณะที่มันยังคงเดินอยู่ข้างๆเด็กสาว ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินผ่านทางเดินไปสู่จุดอื่นๆภายในสวนพฤษศาสตร์---จู่ๆเท้าของเด็กสาวก็เหยียบเข้าไปกับบางอย่างที่ดูนุ่มนิ่มอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"โอ้ย!?"
"!!?"
มารีสะดุ้งตัว เท้าถอยออกแทบไม่ทัน(ขอบคุณที่เธอยังไม่ได้ใส่แรงลงไปที่เท้าเต็มสูบ) ดวงตาสีน้ำข้าวของเด็กสาวเบิกตากว้างเมื่อพึ่งจะสังเกตุว่ามีหางๆหนึ่งซึ่งดูคล้ายลักษณะของหางสิงโตภายในสารคดีที่เธอเคยดูปรากฏออกมาจากพุ่มแมกไม้ที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ เจ้าหางที่เคยเรียบนิ่งสักพักก็เริ่มจะส่ายไปมาราวกับเจ้าของหางเริ่มรู้สึกตัว
เด็กสาวเหงื่อตก
แย่แล้ว...!?
"ขะ-ขอโทษครับ!"
"นี่เจ้าเหยียบอะไรน่ะ!?" เสียงของกริมม์ร้องด้วยความตกใจ แต่ไม่ทันไรที่จะได้หาที่มาของเสียงร่างของทั้งมันและหล่อนก็หันไปมองร่างๆหนึ่งที่โผล่ออกมาจากหลังพุ่มไม้ภายในสวนพฤกษศาสตร์ เป็นร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งมีหูแมว(หรือสิงโต...?)ขนาดยักษ์อยู่บนศีรษะ ดวงตาสีเขียวมรกตคมกริบคู่นั้นจ้องมองมาทางเธอด้วยสายตาประเมิน
ดวงตาสีน้ำข้าวเผลอหรี่ตาลง แม้จะไม่รู้สึกถึงการคุกคาม---แต่บางอย่างกำลังร้องเตือนเธออยู่ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังประเมินไม่ใช่แค่หน้าตา แต่น่าจะเป็นศักยภาพทางกายหรืออะไรทำนองนั้น
ราวกับสิงโตที่กำลังประเมินคู่ต่อสู้อยู่เลย
"แก...เจ้าสัตว์กินพืชที่ไร้เวทมนตร์ใช่ไหม หืม..." เสียงร้องจากชายคนนั้นเอ่ยถามขณะที่มือของเด็กสาวถูกจับเอาไว้แล้วบังคับให้ต้องเอนร่างเข้ามาใกล้ชายคนนั้นที่กำลังทำท่าดมกลิ่นอะไรบางอย่างอยู่
"เดี๋ยวสิครับคุณ---" มารีพยายามเอ่ยห้าม ไหงเธอถึงโดนดมกลิ่นแบบนี้กันเล่า!?
ดวงตาสีเขียวมรกตแวบหนึ่งที่เบิกตากว้างนิดๆด้วยความประหลาดใจก่อนจะกลับมาเป็นปกติ เด็กสาวมองชายหนุ่มด้วยความงุนงงเมื่อพบว่าอีกฝ่ายชักจะดมกลิ่นของเธอนานเกินไปแล้ว---แต่ทันทีที่จะชักมือออกจากการจับกุมของอีกฝ่าย ชายผู้นั้นก็ปล่อยร่างของเด็กสาวให้กลายเป็นอิสระในขณะที่ใบหน้านั้นจ้องมองมาทางเธออย่างไม่ละสายตา
เป็นสายตาที่ดูน่ากลัวจนแม้แต่กริมม์ตอนนี้ก็หายไปไหนแล้วก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่กระนั้นแล้วมารีก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะอันตรายเสียขนาดนั้นเท่าไหร่นัก? บางทีแล้วอารมณ์ของหล่อนก็คงจะดูตื้นเขินเกินไป...เธอต้องแสร้งทำเป็นหน้าซีดเสียงสั่นด้วยไหมนะ? หรือว่าต้องทำหน้าตาให้ดูกลัวๆอีกฝ่ายไว้ก่อนดี?
ช่างเถอะ จะแสร้งทำหน้าหวาดกลัวไปตอนนี้ก็คงไม่มีความหมายหรอก
"แปลกชะมัด ทั้งๆที่ฉันไม่ได้กลิ่นเวทมนตร์จากแกแท้ๆ-" หล่อนมองชายหนุ่มที่ชักสีหน้า คิ้วขมวดราวกับว่าไม่ชอบใจ "แต่กลิ่นแปลกประหลาดที่รายล้อมรอบตัวแกนี่มันอะไรกัน---แกเป็นตัวอะไรกันแน่?"
เด็กสาวมองชายตรงหน้าด้วยแววตาประหลาดใจ
ตัวอะไรอย่างงั้นเหรอ?
"ดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอครับว่าผมเป็นมนุษย์?" มารีขมวดคิ้วเอ่ยถามอีกฝ่าย ดวงตาสีน้ำข้าวฉายแววไม่เข้าใจเสียเท่าไหร่ว่าอีกฝ่ายนั้นหมายถึงกลิ่นอะไรกันแน่ แวนรูจด์ก็คราวนั้นแล้ว มาคราวนี้ก็มีคนทักอะไรแบบนี้คล้ายๆกันอีกต่างหาก
"จะตัวอะไรฉันก็ไม่สนหรอกนะ" ใบหน้านั้นเหยียดยิ้ม เด็กสาวเลิกคิ้วเมื่อได้ยินประโยคถัดไป "แต่ถ้าเป็นแกล่ะก็---อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่มีค่ามากพอจะสู้ด้วยก็ได้ แถมตอนนี้ฉันกำลังโกรธสุดๆเลย"
"!!!"
สิ้นคำ มือของเจ้าของร่างผิวสีแทนพุ่งหมัดเข้าตรงมาที่บริเวณใบหน้าของเด็กสาว---แต่กระนั้นร่างของเด็กสาวก็ไวกว่าที่อีกฝ่ายจะคาดการณ์เอาไว้นัก มือสีซีดที่ดูอ่อนแรงพุ่งเข้าจับแขนของฝ่ายชายหนุ่มที่พุ่งเข้ามาก่อนจะออกแรงปัดเบี่ยงไปอีกทาง ดวงตาสีน้ำข้าวหรี่ตาลง---ตอนนี้หล่อนชักจะรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาหน่อยๆแล้ว
"นี่คุณ...-" ดวงตาสีน้ำข้าวไม่ละสายตาไปจากนัยน์ตาสีเขียวมรกตที่เบิกตากว้างเมื่อพบว่าแขนที่ถูกยื่นออกไปของตนถูกแรงของเด็กสาวรั้งเอาไว้จนแทบจะขยับไม่ไหว มารีไม่ได้เอ่ยอะไรขณะที่กำลังหมายจะออกแรงบีบแขนของอีกฝ่ายให้สิ้นฤทธิ์ไป หมัดอีกหมัดจากแขนอีกข้างของอีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามาจนเด็กสาวจำเป็นต้องปล่อยแขนอีกข้างไปก่อนที่หมัดนั่นจะกระทบร่างของหล่อนสักส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
ดวงตาสีน้ำข้าวมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่คล้ายกับว่ากำลังดูตื่นเต้นขึ้นมาจริงๆ
"ใช้ได้นิ ฝีมือของแกผิดคาดกับที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลย"
ห๋า...?
"ผมไม่ได้อยากจะมาตีกับคุณสักหน่อย" มารีเอ่ยโดยพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเองเอาไว้แต่เหมือนจะทำไม่ค่อยได้เสียเท่าไหร่ ดวงตาสีน้ำข้าวฉายแววเย็นยะเยือกจนดูน่ากลัว "คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะได้ประโยชน์หรือยังไงกันหะ---"
"คุณเลโอน่าฮะ!!"
"ฟุน๊า จังหวะนี้แหละ รีบหนีเร็วเข้า!!"
เสียงของใครบางคนดังขึ้นเรียกร้องความสนใจจากทั้งเด็กสาวและอีกหนึ่งชายหนุ่มผู้ที่อยู่ภายในสวนพฤกษศาสตร์อันเงียบสงบ กริมม์ที่ในที่สุดก็ได้โอกาสหนีจึงรีบคว้าชายเสื้อของเด็กสาวแล้วตะโกนบังคับให้หนีไปยังอีกทางด้วยความรวดเร็ว
ดวงตาสีน้ำข้าวหันไปสบตากับนัยน์ตาสีมรกตเข้มเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าสายตาท้าทายแสนหงุดหงิดนั่นยังคงถูกส่งมาให้เธอเหมือนเดิมแม้ว่าร่างของเธอจะอยู่ห่างไกลเขาไปแล้วก็ตาม
แวบหนึ่งที่มารีรู้สึกไม่สบอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม
เจ้าคนประเภทแบบนี้ล่ะที่เธอไม่ชอบสุดๆเลย!
"มาอยู่ที่นี่เองคุณเลโอน่า" เสียงจากร่างของเด็กหนุ่มเรือนผมสีทองเข้มเอ่ยดังขึ้นมา ร่างของเขามีลักษณะใบหูและหางราวกับไฮยีน่า "ใกล้จะถึงคาบรักษาแล้วนะฮะ"
เสียงจิ๊จ๊ะดังขึ้นภายในลำคอยามเมื่อเลโอน่า คิงสกอล่าร์เห็นร่างที่คุ้นเคยของเด็กหนุ่ม
"เฮ้อ...คนน่ารำคาญมาแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยเช่นนั้นขณะถอนหายใจ "ถ้าแกมาช้ากว่านี้คงจะสนุกแล้วแท้ๆ"
ไฮยีน่าหนุ่มมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เข้าใจ
"สนุกอะไรหรือฮะ อย่าบอกนะว่ามีคนกล้ามาสู้กับคุณน่ะ?"
"นิดหน่อย แต่คราวนี้จะปล่อยให้หนีรอดไปก่อน..." ดวงตาสีมรกตหรี่ตาลงยามมองไปยังทางที่หนึ่งเด็ก(สาว)หนุ่มกับอีกหนึ่งเจ้าแมวขนสีดำที่ได้รีบวิ่งจากไป
เลโอน่าหวนระลึกถึงสายตาเย็นยะเยือกที่ดูอันตรายนั่น ดูคล้ายไม่ใช่สายตาโมโหโกรธาเหมือนกับเจ้านั่น...แต่เป็นสายตาที่เย็นยะเยือกลึกลงไปสุดขั้วหัวใจเท่าที่เขาเคยเห็นมา ราวกับการกระทำของเขาไม่ได้ส่งผลให้อีกฝ่ายหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
ดูน่าสนุก ต่างจากเจ้าพวกสัตว์กินพืชตัวอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
"แต่รอบหน้าที่เจอกันต้องจัดการเจ้าหมอนั่นได้แน่"
จะต้องแก้เบื่อได้ดีอย่างแน่นอน
***
"นี่เจ้าบ้าไปแล้วรึไงถึงกล้าเข้าไปสู้กับเจ้าหมอนั่นกันน่ะ ถ้าเกิดข้าผู้นี้ซวยไปด้วยจะทำยังไงห๊ะ!?"
เสียงตะโกนของกริมม์ดังขึ้นขณะที่พวกเขาวิ่งหนีมาไกลจนมองไม่เห็นร่างของชายผู้นั้นแล้ว
บัดนี้ร่างของพวกเขาทั้งสองคนมาถึงป่าหลังโรงเรียนซึ่งเป็นจุดนัดพบระหว่างพวกเขา(เอซ ดิวซ์ กริมม์และเธอ)ทั้งสี่คน เด็กสาวทำท่าก้มหน้าหงอยไม่กล้าสบสายตากับเจ้าแมวสีดำที่โวยวายใหญ่
"ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะกริมม์" มารีเอ่ยเสียงเบา ท่าทางตอนนี้เด็กสาวรู้สึกผิดเต็มแก่ที่เผลอนำอารมณ์ไปเจือปนกับเรื่องงานจนเผลอละเลยหน้าที่ไป "รอบหน้าสัญญาว่าจะควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้ จะพยายามหนีเจ้าหมอนั่นแทนแล้วกัน"
เจ้าคนที่เธอไม่ถูกชะตาแบบนั้นไม่ว่ายังไงขออย่าเจอหน้ากันน่าจะดีที่สุดแล้วล่ะ
"ช่างเถอะ แต่เจ้าผู้ดูแลนั่นน่ากลัวชะมัดยาด" เสียงของกริมม์เอ่ยบ่นขณะที่มารียังคงกอดตระกร้าเอาไว้ "จู่ๆก็เข้ามาต่อยเจ้าเลย นิสัยแย่สุดๆ!"
มารีพยักหน้าระรัว
"ใช่ไหม นิสัยแย่สุดๆเลย!" เด็กสาวร้องตะโกนเหมือนความในใจที่ถูกอัดอั้นมานานได้ถูกปลดปล่อย "ตอนที่เจ้าหมัดนั่นพุ่งเข้ามา ถ้ารับไม่ทันหน้าคนปกติต้องช้ำแหงๆ!"
แถมยังเป็นฝ่ายหาเรื่องฉันก่อนอีกต่างหาก เรื่องเหยียบหางที่จะให้อภัยกันหน่อยไม่ได้หรือไง!
"...ฮึ่ม" เด็กสาวพองแก้ม--ท่าทางแลดูพยายามเก็บอาการอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งคิดยิ่งโมโหสุดๆเลย...
"มารี! พวกเราเจอตระกร้าแล้วนะ!"
เสียงคุ้นหูเรียกของเด็กหนุ่มลอยเข้ามาภายในโสตประสาทของเด็กสาวและกริมม์จนพวกเขาทั้งคู่หันไปมองยังต้นทางเสียง เป็นร่างของเอซและดิวซ์ที่เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับตระกร้าขนาดใหญ่คนละใบไม่แพ้ที่เธอถืออยู่ ท่าทางแล้วที่เอซกับดิวซ์แยกกันแล้วให้เธอไปกับกริมม์เอ่ยก็คงจะเป็นเรื่องตามหาตระกร้านำมาใส่เกาลัดละนะ
"ไม่นึกเลยว่าที่สวนพฤษศาสตร์จะมีด้วย" มารีเอ่ยขณะที่นึกถึงตอนที่หล่อนไปขอตระกร้าจากโรงครัวก่อนจะเดินทางมาถึงที่นี่ "แต่ก็ดีแล้วล่ะ"
"ตอนแรกผมก็แปลกใจเหมือนกัน" ดิวซ์เอ่ยก่อนที่จะมองร่างของหนึ่งคนกับหนึ่งตัวที่ดูยุ่งเหยิงราวกับวิ่งหนีอะไรมา "ว่าแต่พวกนายสองคนไปเจออะไรมาน่ะ?"
"เออ จริงด้วยแฮะ" เอซทำท่าทางลูบคางเพ่งมองพวกเธอ "ผมกับขนพวกนายยุ่งไปหมดแล้วแน่ะ"
เด็กสาวจัดทรงผมของตัวเอง
กริมม์ทำสีหน้าเอือมระอาขณะที่ใช้อุ้งเท้าของมันชี้มาที่เธอ
เด็กสาววางมือลงแล้วยิ้มแห้ง
"พวกเราไปเจอกับผู้ดูแลที่นี่มา" เจ้าปีศาจแมวเอ่ยขณะที่ท่าทางของมันดูไม่พอใจ "แล้วก็เจ้านี่น่ะ..."
กริมม์จัดการเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับเอซดิวซ์สองสหายของพวกเธอฟังตั้งแต่ต้นจนจบ(โดยมีเธอที่ยืนยิ้มแห้งเป็นฉากหลัง) พอหลังจากที่เล่าจบสองเด็กหนุ่มก็มองเด็กสาวด้วยสายตาอ้ำอึ้ง
"มองยังไงก็ไม่ใช่ผู้ดูแลนะ แต่ว่า-" เอซชี้มาทางเธอ "คนอย่างหมอนี่เนี่ยนะ...จะหัวร้อนเหมือนดิวซ์น่ะ!?"
"ก็ฉันโดนหาเรื่องก่อนนี่น่า" มารีเอ่ยแก้ตัวยามนึกถึงเหตุการณ์ชวนน่าโมโหนั่น "พอหลังจากที่เผลอไปเหยียบหางเข้า...ก็เกือบจะโดนชกเข้าที่หน้าเต็มเปาเลยนะ"
"ห๊า ยิ่งแบบนั้นก็ต้องชกกลับไม่ใช่รึไงกัน-!" ดิวซ์เอ่ยตะโกน---ก่อนที่สายตาของทุกคนจะจ้องมาแล้วจึงค่อยกระแอม "แฮ่ม...ผมล้อเล่นน่ะ"
"แก้ตัวไม่ทันแล้วเฟ้ย" เอซเอ่ย
"จะว่าไปแล้วเสื้อกั๊กที่หมอนั่นใส่รู้สึกเหมือนจะเป็นสีเหลืองด้วย" กริมม์พยายามขุดคุ้ยความทรงจำของตัวเองออกมา "น่าจะเป็นคนของหอซาบะ..."
"ซาบะ? หมายถึงสะวันน่าห์คลอเหรอ?" ดิวซ์เอ่ยขณะที่ใบหน้าของเขาเลิกคิ้วขึ้น "ไนท์เรเวนคลอเองก็มีข้อบกพร่องด้วยเหรอเนี่ย...?"
"ทุกอย่างก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบหรอก" มารีเอ่ยราวกับมันเป็นเรื่องปกติด้วยใบหน้าที่ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร "ถ้ามีข้อดีก็ต้องมีข้อร้าย อยู่แค่ที่ว่าจะทำอะไรถึงจะกลบข้อร้ายได้มากกว่า"
ดิวซ์มองเธอด้วยสายตาที่เหมือนจะเข้าใจในอะไรบางอย่าง
"แบบนี้นี่เอง..."
"ตอนนี้ฉันว่าพวกเรารีบไปเก็บเกาลัดก่อนไหม?" เอซเป็นฝ่ายเอ่ย เด็กสาวพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อคิดว่าตอนนี้จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ก็คงจะไม่ได้แล้ว
มือของเด็กสาวชี้ไปยังทางข้างหน้าของตัวเอง
"ถ้างั้นเดี๋ยวฉันกับกริมม์ไปทางนั้นนะ" หล่อนเอ่ยขณะที่ถือตระกร้าด้วยมือข้างถนัด "ถ้าเก็บเสร็จแล้วก็มาเจอกันที่ตรงนี้"
"เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นผมไปทางฝั่งนู้นแล้วกันนะ" ดิวซ์ชี้ไปทางทิศตะวันตก
"ฉันไปทางนี้ล่ะกัน" นิ้วของเอซชี้ไปทางทิศตะวันออก
พวกเราทั้งสี่คนรับทราบยามแต่ละคนบอกปลายทางชัดเจนก่อนจะตัดสินใจแยกกันไป มารีกับกริมม์เดินเข้าไปยังเส้นทางข้างหน้าขณะที่เท้าของเด็กสาวเหยียบย่ำหญ้าสีเขียวชอุ่มเพื่อเข้าไปภายในป่า เหมือนกับว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นส่วนที่ดูอุดมสมบูรณ์ภายในโรงเรียนที่สุดแล้วเมื่อไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่แมกไม้ป่าเขาเต็มไปเสียหมด(แถมเกาลัดสุกก็ลายตาด้วย)
มือของเด็กสาวเก็บเกาลัดออกมาจากต้นระหว่างที่ขาของหล่อนยืดตัวให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย มารีเก็บมันด้วยความรวดเร็วเท่าที่เธอจะสามารถทำได้ขณะที่กริมม์เองก็พยายามใช้อุ้งเท้าแงะเจ้าเกาลัดลงมาจากต้นด้วยเช่นกัน
"เจ้าเกาลัดพวกนี้มีแต่หนามเต็มไปหมดเลย!" มันโอดครวญขณะที่วางเกาลัดใส่ลงไปภายในตระกร้า "อุ้งเท้าของข้าต้องแย่แน่ๆ"
"ท่องไว้น่าว่าเพื่อทาร์ตเกาลัด" เด็กสาวเอ่ยขณะที่มือนั้นออกแรงดึงเกาลัดลงมาจากต้น...ตอนนี้เธอเก็บเกาลัดได้กี่ลูกแล้วนะ สิบกว่าลูกแล้วใช่ไหม? "ถ้าเก็บไปได้เยอะๆก็คงจะทำให้ทานได้เยอะแน่ๆ"
"คอยดูเถอะ ตัวข้าผู้นี้จะทานให้พุงกางไปเลย!"
"จ้าๆ" เด็กสาวเปล่งหัวเราะเบาๆขณะที่มือเอื้อมไปหยิบเกาลัดจนหมดต้นก่อนจะเริ่มย้ายไปยังต้นต่อไป ดวงตาสีน้ำข้าวเฝ้ามองเจ้าเกาลัดจำนวนหลายสิบลูกภายในตระกร้าขนาดใหญ่ก่อนจะเอ่ยลอยๆออกมา "ถ้าเอาไปทำเป็นไส้สำหรับเค้กขอนไม้ก็น่าจะอร่อยนะเนี่ย..."
ดวงตาสีฟ้าของกริมม์จ้องมองเธอด้วยความสงสัย
"เค้กขอนไม้มันคืออะไรน่ะมารี?"
"อืม...ก็ประมาณว่าเป็นเค้กสูตรพิเศษภายสำหรับเทศกาลคริสมาสต์โดยเฉพาะเลย" เด็กสาวเอ่ยขณะที่ทำหน้านึกไปพลางๆระหว่างที่ตามหาเจ้าเกาลัดสุกเต็มต้น "เทศกาลภยในวันที่ยี่สิบห้าธันวาคมที่เด็กดีทุกคนจะได้รับของขวัญที่ตัวเองต้องการจากซานต้ายังไงล่ะ"
"ถ้างั้นถ้าข้าขออะไรไปเจ้าคนที่ชื่อว่าซานต้าจะนำมาส่งให้อย่างงั้นเหรอ!?" ดวงตาของมันเป็นประกายแวววับ
"เปล่าหรอกกริมม์ มันก็เป็นแค่ความเชื่อในบ้านเกิดของฉัน" หรือจะให้พูดชัดเจนกว่านี้คงเป็นในโลกของเธอ...มารีฉีกยิ้มยามเมื่อเห็นสีหน้าเซ็งๆจากริมม์ที่แสดงออกมาได้อย่างเด่นชัดขณะที่มือของเธอยังคงเก็บลูกเกาลัดออกมาจากต้นเรื่อยๆ "แต่ว่าที่เทศกาลคริสมาสต์กลายเป็นวันพิเศษสำหรับใครหลายๆคนก็เพราะว่ามันคือวันที่จะได้เฉลิมฉลองไปกับครอบครัวน่ะ"
"ถ้างั้นเจ้าก็มีครอบครัวด้วยใช่ไหม?"
มือของเด็กสาวชะงักไปหลังจากกริมม์เอ่ยถาม ใบหน้าของเด็กสาวค่อยๆฉีกยิ้มแย้มขึ้นพลางพยักหน้าขณะที่มือเอื้อมเก็บลูกเกาลัดลงจากต้นนำใส่ตระกร้า ริมฝีปากของเด็กสาวเริ่มขยับเปล่งเสียง
"ใช่---เป็นน้องชายที่แสนดีคนหนึ่งเลยล่ะ" เด็กสาวเริ่มเอื้อนเอ่ย ใบหน้านั้นดูแดงระเรื่อเล็กน้อยยามได้พูดถึงน้องชาย "เขามีเรือนผมสีดำขลับราวไม้มะเกลือ ดวงตาเป็นสีขาวราวกับน้ำนม ส่วนพวงแก้มเองก็อมชมพู ริมฝีปากเองก็โค้งได้รูป งดงามสุดๆเลยล่ะ"
ใช่แล้ว...งดงามไม่เหมือนกับเธอหรอก
เบนจามินที่รักของเธอ...เฉิดฉายท่ามกลางแสงไฟจากตะวัน งดงามแม้ไม่ว่าจะช่วงเวลาใด
และจะงดงามตลอดไปภายในใจของเธอเสมอมา
***
โรงอาหาร บริเวณโรงครัว เวลา - ยามเย็นตะวันคล้อย
"กลับมาแล้วคร้าบ!"
เสียงเปิดประตูภายในโรงครัวดังขึ้นมาพร้อมกับร่างของเอซที่เปิดประตูเข้ามาเป็นคนแรก ตามด้วยร่างของดิวซ์ เธอและกริมม์ที่ตามเข้ามา ร่างของพวกเธอทั้งสี่คนนั้นดูไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย ทรงผมนั้นดูยุ่งเหยิงขณะที่บางคนก็ถอดเสื้อตัวนอกของโรงเรียนออก(เช่นเอซ เป็นต้น) ขณะที่บางคนก็ยังสวมใส่มันอยู่(เช่นดิวซ์ เป็นต้น)
ส่วนเธอน่ะหรือ? ก็เกือบจะได้ถอดแล้วล่ะ---แต่สุดท้ายก็ปลดได้แค่กระดุมเสื้อนอกออกเพราะเสร็จงานก่อนพอดีเท่านั้นเอง
"ยินดีต้อนรับกลับ" เสียงของชายหนุ่มรุ่นพี่ของหอฮาร์ทสลาบิวท์ดังขึ้น ใบหน้านั้นยิ้มแย้มดูดีใจที่พวกเขากลับมาจากการเก็บเกาลัดได้สำเร็จขณะที่เบนสายตาไปพิจารณาเจ้าเกาลัดที่สุมเต็มตระกร้าของพวกเขาทั้งสามพลาง "เก็บมาได้เยอะเหมือนกันนิน่า"
"แน่นอน จะได้ใช้ทำทาร์ตอันใหญ่ๆยังไงล่ะ!" กริมม์ยืดตัวขณะที่ทำสีหน้าราวภาคภูมิใจกับการเก็บเกาลัดแม้ว่าอุ้งเท้าของมันจะโดนนามทิ่มมาเยอะก็ตาม
เสียงที่คล้ายจะดูอบอุ่นดังขึ้นพร้อมใบหน้าประดับยิ้มของชายหนุ่มเรือนผมสีเขียวเข้มแมกไม้
"นั่นสินะ แต่ก่อนอื่นก็คงจะต้องกะเทาะเปลือกเกาลัดออกมาก่อน" กล่าวพลางขณะที่มองไปยังเกาลัดที่กองซ้อนกันสูงจนเกือบล้นตระกร้าของพวกเธอทั้งสามคน "ยังไงก็พยายามเข้าล่ะ"
"หมดนี่เลยเหรอครับ...มันยังกับจะต้องกะเทาะไปเรื่อยๆไม่มีจุดจบเลย" ดิวซ์ถามเสียงเบา ถ้านี่เป็นการ์ตูนหรืออนิเมชั่นล่ะก็ก็คงจะมีวิญญาณหลุดรอดออกมาจากปากของเขาแล้วแน่ๆ
"จะต้องทำของหวานก็ต้องเตรียมวัตถุดิบก่อน นั่นน่ะเรื่องสำคัญเลยล่ะ" เสียงของรุ่นพี่รองหัวหน้าหอประจำฮาร์ทสลาบิวท์
"เอาน่า ถ้าไม่เริ่มงานก็จะไม่เสร็จนะ" เด็กสาวพยายามเอ่ยให้กำลังใจเพื่อนๆของเธอที่มีสีหน้าลำบากใจไม่ต่างกันเสียเท่าไหร่ "พวกเราช่วยกันซะอย่าง แถมพอเสร็จละก็ทาร์ตจะต้องออกมาอร่อยมากแน่ๆ"
"คร้าบๆ เข้าใจแล้วๆ พร้อมจะมาทำให้เสร็จๆเต็มแก่แล้วล่ะ!"
เสียงของเอซดังขึ้น พร้อมๆกับพวกเขาทั้งสี่คนที่ตัดสินใจเริ่มงานกระเทาะเปลือกเกาลัดเจ้าปัญหาที่เต็มไปด้วยหนามมากมาย แม้ว่าการกระเทาะเปลือกจะเป็นงานที่ดูไม่ได้ยากอะไรแต่สำหรับเกาลัดที่ล้นตระกร้าและวางสุมไว้เป็นกองภูเขานี้เป็นสิ่งที่ดูจะยากและใช้เวลานานเสียเหลือเกิน
เด็กสาวยังคงลงมือกระเทาะเปลือกเกาลัดต่อ
จะว่าไปแล้วนี่ก็นานแล้วเหมือนกันที่เราไม่ได้กระเทาะเปลือกเกาลัดแบบนี้ ดวงตาสีน้ำข้าวเฉยแววหวนรำลึกถึงความทรงจำขณะที่มือยังคงตั้งหน้าตั้งตากระเทาะเปลือกเกาลัดต่อ เป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำมาตั้งแต่สมัยประถมแล้วล่ะมั้ง นานจังเลยนะ...
"ฟุน๊า! หนามเกาลัดมันทิ่มอุ้งเท้าข้า!?" เสียงร้องโอดครวญดังออกมาจากกริมม์ผู้ถูกหนาวทิ่มลึกเข้าที่อุ้งเท้าจนเจ็บไปเสียหมด
"เดี๋ยวผมจะช่วยเอาหนามออกให้นะ!" ดิวซ์เอ่ยขึ้นขณะที่ตัดสินใจละมือจากการกระเทาะเปลือกไปช่วยเจ้าปีศาจตัวน้อยที่เหมือนการดึงหนามออกจากอุ้งเท้า เสียงร้องโอดครวญของเจ้าปีศาจตัวน้อยยังคงดังต่อไปท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอันมาจากการกระเทาะเปลือกเกาลัด
มารีละสายตาจากการกระเทาะเปลือกเกาลัดก่อนจะพบว่ายังไม่ทันที่ตนจะไปดูอาการดิวซ์ก็ดึงหนาวเกาลัดออกมาจากอุ้งเท้าของกริมม์สำเร็จ แต่กระนั้นการกระเทาะเปลือกเกาลัดก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เสียงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวจิปาถะภายในชีวิตประจำวันหรือเหตุการณ์สำคัญๆที่เคยเกิดขึ้นถูกเล่าออกมาภายในวงสนทนาของเหล่าผู้กระเทาะเปลือก
"--แล้วหลังจากนั้นนะ หนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งก็ตกอยู่บนพื้น" มารีเอ่ยขณะที่เท้าความเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์หลังจากที่ออกมาจากห้องของอาจารย์ใหญ่ "แล้วร่างของผู้ชายคนนั้นก็หายไปเลยล่ะ"
"หนังสือการ์ตูนเรื่องอะไรน่ะ?" เอซเลิกคิ้วขณะที่กระเทาะเปลือกเกาลัด
"ชีวิตในรั้วโรงเรียนของมาริริน่าจังเล่มสองล่ะมั้ง? จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เอาไปคืนให้เขาเลย" กล่าวไปก่อนจะพักถอนหายใจออกมาเบาๆ "ฉันคิดว่าว่างๆจะลองออกไปตามหาผู้ชายคนนั้นดู"
"เดี๋ยวดิ หนังสือการ์ตูนเล่มนั้นมัน---อืม ช่างเถอะ"
เอซมองใบหน้าของเธอ ทำท่าคล้ายจะพูดอะไรสักอย่างออกมาก่อนจะเงียบไป
"หนังสือการ์ตูนเล่มนั้นมันมีอะไรพิเศษเหรอ?" เสียงของดิวซ์เอ่ยด้วยความสงสัย
"เปล่าหรอก ไม่มีอะไรพิเศษเท่าไหร่ ก็แค่หนังสือการ์ตูนธรรมดาๆเท่านั้นแหละ" เอซเอ่ย "แค่มันออกแนวเฉพาะทางเฉยๆน่ะ พอดีฉันเคยเห็นพี่ชายอ่านอยู่หนหนึ่ง"
มารีพยักหน้าขณะที่กระเทาะเปลือกเกาลัดต่อหลังจากที่ได้ยินเอซพูดเช่นนั้นออกมา บางที่เธอเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าแนวเฉพาะทางที่ว่าจะหมายถึงคอมมิคแนวซูเปอร์ฮีโร่จำพวกดี๐ี หรือมาร์เ๐ลหรือเปล่า แต่เรื่องนั้นก็ไม่สลักสำคัญเท่ากับการที่เธอจะต้องตามหาเจ้าของหนังสือการ์ตูนเล่มนี้ให้เจอโดยไวที่สุด(เธอไม่อยากจะให้เขาต้องซื้อหนังสือเล่มนั้นใหม่หรอกนะ...)
เสียงกระเทาะเปลือกเกาลัดยังคงดังต่อพอๆกับบทสนทนาที่ถูกเริ่มขึ้นก่อนจะเงียบลงไป บ้างสักประเดี๋ยวก็เริ่มขึ้นใหม่อีกครั้งราวกับอยากจะหาเรื่องพูดคุยแก้เบื่อท่ามกลางงานที่แสนกินเวลา และวนเวียนอยู่เช่นนี้ไปเรื่อยๆ
แม้ว่าจะต่างจากบรรยากาศที่เงียบสงบภายในสถานที่ที่เธอนั้นเคยแกะเปลือกเกาลัดมาก่อนก็ตาม แต่บรรยากาศที่ครึกครื้นระหว่างที่กำลังนั่งกระเทาะเปลือกเกาลัดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดว่าแย่เสียทีเดียว
มือสากของเด็กสาวกระเทาะเปลือกเกาลัดระหว่างที่ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผู้ฟังเต็มตัว
และงานนี้ก็ยังดำเนินต่อไปอีกครู่ใหญ่
***
สาส์นจากไรท์
: ตีกัน ตีกัน เอ้ย แหม่ ต้องดีกันก่อนสิ(?) สวัสดีนะคะรีดเดอร์ทุกคน วันเสาร์วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ? ถ้าเหนื่อยก่อนก็ขอได้มีเวลาพักอย่างเต็มที่ทั้งคืนนี้และหลังจากวันนี้เป็นต้นไปเลยนะ
สำหรับวันนี้ไรท์เองก็มีงานกองมรสุมอยู่เหมือนกัน แต่ก็เคลียร์ไปได้เยอะพอสมควรเลย---ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าสัปดาห์หน้าจะมีงานหินโหดอยู่ต่อไหม(ขอภาวนาไม่ให้มี สาธุ) แต่ถ้าไม่ติดงานอะไรที่เร่งด่วนจริงๆล่ะก็ไรท์เองก็จะพยายามขยันหาเวลามาอัพบ่อยๆให้ไวที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ
สำหรับตอนนี้เนื้อหาดูจะไม่มีอะไรพิเศษเท่าไหร่(รึเปล่านะ?) แต่สำหรับช่วงกลางหรือถัดจากนี้คงจะดุเดือดขึ้นตามลำดับของบทฮาร์ทสลาบิวท์ เรียกได้ว่าหากดำเนินเรื่องต่อไปอีกเสียหน่อยการจะจบบทนี้คงอีกไม่ไกลแล้วล่ะค่ะ! แล้วก็ถ้าถึงท้ายเรื่องมันจะต้องตื่นเต้นมากแน่ๆเลย(ไรท์นี้แหละตื่นเต้น เฝ้ารอเขียนฉาก******มานานเลยล่ะ!)
ภายในตอนนี้เปิดตัวการเจอกันแรกพบสำหรับมารีและเลโอน่า บอกตามตรงว่าไม่เหมือนกับตอนแนวอบอุ่นหัวใจที่ปรากฏอยู่ภายในบทเสริมพิเศษแน่ๆค่ะ ระหว่างทางคงจะเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่กว่าจะมาถึงจุดๆนั้นได้ แต่ไรท์จะพยายามขยันอัพให้ไปได้ไกลๆมากที่สุดนะคะ เพราะบทหลังๆมีแต่เรื่องที่อยากจะเขียน อยากจะแต่งเต็มไปหมดเลยล่ะ!
สำหรับบทหน้าคือบทฉลองยอดติดตามจำนวน100+(หรือจริงๆคือ140+)เฟบนะคะ ขอขอบคุณทุกคนที่พามาถึงจุดๆนี้จริงๆค่ะ เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการขอบคุณไรท์ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะลงบทWhat if ตอนที่สองต่อ กับเซอร์ไพรส์อะไรอีกนิดหน่อย(อืม...ถ้าให้ใบ้คงต้องบอกว่า เซอร์ไพรส์ที่ว่าคงจะต้องใช้เวลาในการปล่อยมานานพอตัวเลย)เพราะงั้นรอดูกันได้เลยนะคะ!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น