ลำดับตอนที่ #23
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : What if Part 2 + ตัวอย่างSpecial Chapter [ ขอบคุณสำหรับยอดผู้ติดตาม100+ ]
- - -
" Très bien ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามเสียนี่กระไร!
ได้โปรดขอให้ฉันได้สัมผัสเขาอันงดงามราวกับอัญมณีของเธอด้วยเถอะทริกสเตอร์! "
"ก็บอกไปแล้วรอบที่ล้านว่าไม่ได้ไงครับ(ว้อย)รุ่นพี่ฮันท์!"
- - -
(ภาพมารี ฉบับเผาๆด้วยฝีมือของไรท์เองค่ะ แฮะๆ อนาโตมี่เบี้ยวอย่าแปลกใจนะ---)
สาส์นจากไรท์
:สวัสดีค่ะทุกคน ขอยินดีต้อนรับสู่ช่วงขอบคุณสำหรับยอดผู้ติดตาม100+เฟบด้วยนะคะ สำหรับช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ไรท์จะมาลงตอนพิเศษเป็นส่วนมาก(ส่วนเรื่องจะเปิดQ&Aไหมคงต้องรอดูกันยาวๆอีกที) และหากถ้าใครสงสัยว่าข้างบนนั้นคืออะไร ไรท์ก็พร้อมจะแถลงไขก่อนจะเริ่มตอนพิเศษWhat ifให้เอง
ใช่แล้วค่ะ เซอร์ไพรส์ที่ไรท์พูดไปในตอนที่แล้วคือตัวอย่างตอนพิเศษของรูคนั่นเอง! (เอ๊ะ อะไรนะ น้อยไปเหรอคะ? หึฟ์หึฟ์หึฟ์)
อันที่จริงแล้ว ไรท์ขอสารภาพตามตรงว่านั่งคิด(อย่างจริงจัง)มาตั้งแต่ช่วงดำเนินเรื่องนี้ใหม่ๆว่าอยากจะแต่งบทพิเศษของคุณรูคเพื่อเป็นการเทสคาร์แรคเตอร์ไปในตัวว่าจะคุมพี่เขาไหวไหม(บวกกิเลสในตัว) บวกกับนั่งคิดเหตุการณ์ตอนพิเศษมาตั้งแต่ช่วงต้นๆแล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าจะนำตัวอย่างบทพิเศษนี้มาลงที่ช่วงขอบคุณผู้ติดตามค่ะ
สำหรับประกาศการลงตอนพิเศษของคุณรูค คิดว่าพักใหญ่ๆไรท์ถึงจะลงได้เพราะอยากจะอัพเนื้อเรื่องหลักให้ไวๆหลังจากที่ผ่านพ้นช่วงขอบคุณผู้ติดตามฯไป คาดว่าพอได้จับบทหอสะวันน่าห์คลอตอนพิเศษของคุณพี่แกคงจะตามออกมาไม่ไกลหลังจากนี้แน่นอนค่ะ
นอกจากนี้แล้ว ยังมีสิ่งที่ไรท์อยากจะบอกเหล่ารีดเดอร์ทุกคนเอาไว้...จริงๆก็คิดมาสักพักหนึ่งแล้ว พล็อตฟิคของไรท์ช่วงหลังๆอาจจะมีความรุนแรง(ทางด้านจิตใจหรือร่างกาย)อยู่ไม่มากก็น้อย เพื่อการนั้นแล้วไรท์จึงตัดสินใจเอาไว้ว่าจะเพิ่มแท็ก ความรุนแรงไว้ที่หน้าบทความ แต่สัญญาว่าจะเขียนให้ซอฟต์มากที่สุดนะคะ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มันดูรุนแรงจนเกินไป(และหากตอนไหนมีความรุนแรงจะติดเตือนเอาไว้เพื่อให้เตรียมใจนะคะ)
เอาล่ะ จบประกาศแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาตอนพิเศษWhat if บทสองจะเริ่มหลังจากนี้ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะคะ!
***
บทฉลองยอดผู้ติดตาม (2)
What if : หากกระจกแห่งความมืดบอกว่ามารีมีเวทมนตร์
"ต่อจากนี้ที่นี่จะกลายเป็นห้องพักของเจ้า" เสียงของรุ่นพี่แวนรูจด์ดังขึ้นมาข้างๆร่างของเด็กสาวที่เปิดประตูมองเข้าไปด้วยสายตานิ่งอึ้ง ดวงตาสีโลหิตนั่นหรี่ตามองเธอด้วยสายตาแพรวระยับ "เป็นอะไรไปรึมารีคุง กำลังตกตะลึงอยู่รึ?"
เด็กสาวลอบกลืนน้ำลายพลางขานรับเสียงเบา
"อะ-อืม..."
หลังจากเหตุการณ์ที่เธอตัดสินใจลงชื่อเข้าหอเดียซอมเนียด้วยความงุนงง(และเจ้าแมวสีดำนั่นก็โดนลากออกไปจากโรงเรียนแล้ว) ลิเลีย...หรือจะพูดให้ถูกก็คือคุณแวนรูจด์ได้อาสาพาเธอชมหอด้วยตัวเอง(สารภาพว่าเธอได้รับสายตามองแรงจากชายหนุ่มเรือนผมสีเขียวมะนาวคนหนึ่ง) ก่อนที่จากนั้นเขา(และหมู่ค้างคาวของเขา)จะลากเธอไปยังโซนห้องพักสำหรับหอเดียซอมเนียผู้ซึ่งมีบรรยากาศราวกับปราสาทของมาลิฟิเซ้นต์ภายในฉบับภาพยนตร์ผสมไปกับฉบับของอนิเมชั่นที่เกือบจะร้อยปีได้แล้ว
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายผู้มีรูปลักษณ์วัยเยาว์
"มิเป็นไรหรอก นานไปเจ้าคงจะชินเอง" มือเล็กๆนั่นดันร่างของเธอให้เข้าไปภายในห้องพักของตัวเองเบาๆ "เข้าไปดูให้เต็มตาเสียสิมารีคุง"
"อ๊ะ--"
เสียงร้องของเด็กสาวดังขึ้นเบาๆยามเมื่อรุ่นพี่แวนรูจด์นอกจากจะผลักเธอให้เข้าไปแล้วก็ยังมาดันให้เธอผ่านพ้นช่วงหน้าห้องพักของตัวเองไปอีกต่างหาก จนสุดท้ายแล้วประตูของห้องพักมารีก็ปิดลงทำให้เด็กสาวได้มองเห็นความงดงามของมันเต็มตาเสียที
ห้องนอนของเธอมีขนาดใหญ่อยู่พอสมควร---โทนห้องถูกประดับไปด้วยสีแนวหม่นหมองชวนให้นึกถึงบรรยากาศของชุดโกธิคโลลิต้า แต่ถึงกระนั้นก็ยังพอมีสีสันอยู่บ้าง บนเตียงสีเสาขนาดใหญ่ถูกประดับด้วยผ้าห่มสีมรกตหม่นเข้ม ขณะที่ผนังนั้นประดับไปด้วยโต๊ะลิ้นชักที่ติดอยู่ที่ผนังทางฝั่งซ้ายมือของหล่อนและฝั่งขวาของเธอคือตู้เสื้อผ้าไม้สักสีเข้มขนาดใหญ่ที่แลดูมีราคา
มารีขาอ่อน รู้สึกเหมือนเด็กสาวชัดจะทนออร่าของราคาแพงเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว
"ระ...หรูสุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอ...?" เสียงหัวเราะเบาๆดังออกมาจากลำคอของลิเลียยามเมื่อสีหน้าของเด็กสาวในตอนนี้ช่างดูน่าขบขันสำหรับเขา "ห้องแบบนี้...ของฉันจริงๆเหรอคุณแวนรูจด์?"
ใบหน้าขาวซีดของแวมไพร์หนุ่มฉีกยิ้มเปรมปรีดิ์กึ่งเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางของเด็กใหม่หอเดียซอมเนียมีลักษณะท่าทางเงอะๆงะๆอย่างเห็นได้ชัด ราวกับเด็กน้อยที่นั่งตัวเกร็งในปราสาท เห็นของที่ดูมีราคาก็ไม่กล้าจับต้องขึ้นมาเสียหมดจนน่าหยอกน่าแกล้งก็ไม่ปานนัก
"แน่นอนสิ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของเจ้าก่อนจะจบการศึกษาเลย" เขาเอ่ยเช่นนั้นยามได้เห็นใบหน้าของเด็กน้อยที่แววตาดูเปล่งประกายปนความลังเลที่แฝงอยู่ในคิ้วขมวดนั่น
ถ้าเป็นแบบนั้น..ก็คงไม่มีอะไรที่ต้องกังวลล่ะมั้ง? เสียงความคิดในใจของเด็กสาวดังก้อง
"ถ้าอย่างงั้นต้องขอขอบคุณมากจริงๆนะคุณแวนรูจด์" เด็กสาวไม่รู้เลยว่าจะพูดคำอันใดอื่นนอกจากคำว่าขอบคุณ "หลายๆเรื่องเลย ทั้งช่วยพาชมหอกับมาฉันมาส่งถึงห้อง...ต้องขอขอบคุณมากจริงๆนะ"
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่ความฝันก็ตาม แต่เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะขอบคุณใครมานานมากเท่านี้แล้วจริงๆ...
คุณแวนรูจด์ที่อยู่ตรงหน้าของเธอยังคงฉีกยิ้ม ซ้ำเหมือนแววตานั้นจะทอประกายอะไรบางอบ่างชวนให้รู้สึกแปลกประหลาด เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแววตานั้นหรือแม้กระทั่งเจ้าตัวจะคิดอะไรอยู่ แต่ว่าในที่สุดแล้วคุณแวนรูจด์ก็เอ่ยขึ้น
"มิเป็นไร มันก็ซักพักแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้มีคนบุคคลิกแบบเจ้าเข้ามาที่หอเดียซอมเนีย" เขาเอ่ยขณะที่คลี่ยิ้ม "บางทีแล้วการมาถึงของเจ้าอาจจะเป็นโชคชะตาอันดีสำหรับที่นี่ก็ได้นะมารีคุง?"
ดวงตาของเด็กสาวฉายแววงุนงง
"โชคชะตาอันดี?"
"ใช่แล้ว โชคชะตาอันดี...รวมถึงบางทีอาจจะดีสำหรับผู้นำของพวกเราด้วย" เขายังคงเอื้อนเอ่ยขณะที่ดวงตาสีโลหิตหรี่ตาลง "หากได้เจอเขาช่วยสัญญาได้ไหมว่าจะไม่หวาดกลัวเขาน่ะ?"
ไม่หวาดกลัว? เรื่องแบบนั้น...จะยังไงมันก็-
"อันนี้ขอไม่สัญญาจะได้ไหมคุณแวนรูจด์" เด็กสาวเอ่ยตามตรงขณะที่ตัดสินใจไม่ขอรับคำสัญญานั้น "ฉันหมายถึง...ฉันยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคนแบบไหน นิสัยยังไง แล้วฉันจะไปหาเหตุผลที่หวาดกลัวเขาหรือไม่หวาดกลัวเขาได้อย่างไรกันล่ะ?"
"แต่ว่าถ้าหากฉันได้เจอเขาจะลองเปิดใจพูดคุยสักครั้ง" เด็กสาวยังคงเอ่ย รอยยิ้มถูกประดับขึ้นที่ใบหน้า "สำหรับฉันการได้ลองทำความรู้จักกับผู้คนก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ไปเสียทีเดียวหรอก"
ใบหน้าที่ดูเบิกตากว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคุณแวนรูจด์ รอยยิ้มเผลอหดหายไปชั่วครู่ก่อนจะกลับมาฉีกยิ้มอีกครั้ง---ใบหน้าของผู้รูปลักษณ์ชายวัยเยาว์ที่ประดับยิ้มกับเสียงหัวเราะที่ฟังดูโบร่ำโบราณคร่ำครึลอดออกมาจากริมฝีปาก
"คุฟุฟุ...เช่นนั้นนี่เอง เช่นนั้นนี่เอง คำตอบของเจ้า-" เธอมองเขาด้วยสายตาที่ฉงนงุนงง เสียงหัวเราะของลิเลียถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปาก "เป็นคำตอบที่เยี่ยมยอดเหลือเกินหนา สมแล้วจริงๆกับไอเวทมนตร์ของเจ้าที่บริสุทธิ์เสียขนาดนี้ ข้านั้นไม่แปลกใจเลยหากว่าสักวันเจ้าจะโดนเหล่าแฟรี่ลักซ่อนขึ้นมาจริงๆล่ะหนา"
เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้นมา คล้ายจะมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามจำนวนมาก
"แฟรี่ลักซ่อนเหรอคุณแวนรูจด์ มันคืออะไรน่ะ?"
"เจ้าไม่รู้คงจะดีกว่า" ใบหน้านั้นระบายยิ้ม เอ๋...ถ้าอย่างงั้นก็อย่ามาพูดชวนให้เธออยากรู้อยากเห็นสิ!
เด็กสาวทำท่าคล้ายเสียอกเสียดายเล็กน้อย
"โถ่...คุณแวนรูจด์"
"โถ่...คุณแวนรูจด์"
"ถึงทำหน้าเช่นนั้นข้าก็ไม่คิดจะบอกเจ้าหรอกนะ" คุฟุฟุฟุ...คุณแวนรูจด์หัวเราะหลังจากนั้นได้ไม่นาน "แล้วก็เจ้าน่ะ เรียกข้าว่ารุ่นพี่ลิเลียคงจะเป็นการดีกว่าล่ะนะ ก็พวกเราเป็นนักเรียนหอเดียวกัน---มาสนิทสนมกันไว้จะไม่ดีกว่ารึ?"
"จริงด้วย...-" เด็กสาวเอ่ย ถึงนี่จะเป็นความฝันแแต่พูดคุยกันมาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกหากจะลองเรียกแบบที่ดูสนิทสนมกัน? "ถ้าอย่างงั้นจะขอเรียกคุณแวนรูจด์ว่ารุ่นพี่ลิเลียแล้วกันนะ...?"
"ด้วยความยินดีมารีคุง..-" เธอมองรุ่นพี่ลิเลียที่หันมาฉีกยิ้มให้ได้ไม่นานก่อนที่สีหน้าของเข้าตัวจะแสสดงออกมาราวกับนึกเรื่องสำคัญบางอย่างออกเมื่อได้มองไปยังนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนัง "เวลาป่านนี้แล้วหรือเนี่ย ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องขอตัวก่อนแล้วล่ะ"
เด็กสาวหันมองนาฬิกาที่เคลื่อนตัวต่างไปจากเดิม บางทีแล้วอาจจะเป็นเพราะว่าทั้งเธอและเขาคุยกันมานานพอสมควรแล้ว---พอคิดขึ้นมาได้อีกว่าทุกอย่างนี้คงจะเป็นความฝันในใจของเด็กสาวก็รู้สึกใจหายวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แต่ว่าเธอคงจะทำอะไรกับความฝันนี้ไม่ได้ มารี เอเกอร์จำเป็นต้องตื่นขึ้นมาเพื่อทำงานหาเงินดูแลให้แก่น้องชายครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอ ซ้ำร้ายเบนจามินน้องชายของเธออาจจะกำลังรอคอยให้เธอกลับไป
"ถ้างั้นขอให้โชคดีนะรุ่นพี่ลิเลีย" เธอพูดได้เพียงแค่นั้น ส่งยิ้มให้เขาที่ยิ้มกลับมา
"เวลาอาหารค่ำจะเริ่มขึ้นที่ประมาณหกถึงหนึ่งทุ่ม" เขาเอ่ยบอกเวลา เด็กสาวพยักหน้ารับ "ถ้าเจ้าหิวก็มาร่วมโต๊ะมื้ออาหารค่ำกับพวกข้าได้เสมอนะ ขอให้เจ้าโชคดีเช่นกันมารีคุง"
รุ่นพี่ลิเลียปิดประตูไปแล้ว
ร่างของเด็กสาวจัดการล็อคห้องก่อนเดินโซซัดโซเซไปนั่งลงบนเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ ไม่นานนักร่างทั้งร่างของหล่อนจะล้มตัวลงไปนอนบนเตียง ดวงตาสีน้ำข้าวจ้องมองไปยังเพดานสีนวลตาที่ดูอึมครึ้ม บรรยากาศของมันก็เหมือนกับโทนสีภายในห้องนอนของเธอนี้ ไม่ได้สดใสและให้บรรยากาศราวกับมืดหม่นตลอดเวลา
"ถ้าหลับไปแล้วฉันจะตื่นขึ้นมาเลยไหมนะ?" มารีพึมพำกับตนเองเสียงเบา "บางทีแล้ว ถ้าลองหลับดูอาจจะตื่นขึ้นมาเลยก็ได้...?"
ใช่แล้ว...ถ้าหลับตาไปก็คงจะสามารถตื่นขึ้นมาได้
ตื่นออกไปจากความฝันนี้ จะเห็นแก่ตัวไม่ได้เด็ดขาดเลยนะมารี?
"รู้น่า...ฉันรู้" เด็กสาวกระซิบกับตนเอง "ฉันเอาแต่ใจไม่ได้หรอก..."
ดีแล้ว ใช่แล้ว เรื่องราวทุกอย่างจะจบลงด้วยการที่ทุกอย่างเป็นความฝัน เธอจะตื่นขึ้นมาและพบว่าผู้จัดการที่เข้ามาเช็คร้านแต่เช้าคงจะดุเธอที่เธอไม่สามารถทนความง่วงจากการกะดึกเอาไว้ได้
ทุกอย่างที่เธอฝันถึงนี้ไม่อาจเป็นจริงได้ ด้วยเหตุนั้นแล้ว...
เด็กสาวกระซิบกันตนเองเสียงเบาขณะเริ่มปล่อยให้ใจล่องลอยไป
"*Nos da...(ราตรีสวัสดิ์)"
เสียงนาฬิกาดังติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก เป็นจังหวะอย่างตรงไปตรงมาและสม่ำเสมอ
เด็กสาวลืมตาตื่นขึ้น เหมือนว่าตอนที่หล่อนนอนหลับไปจะไม่ได้ฝันอะไร
กายของมารีค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง---เธอรู้สึกมึนงง ทำไมเธอถึงยังไม่ตื่นขึ้นมาที่ร้านสะดวกซื้อล่ะ? แล้วทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่? ในใจของเด็กสาวมีแต่คำถามเต็มไปหมดระหว่างที่หล่อนค่อยๆเหยียดกายลงจากเตียง ไม่รู้สึกได้ถึงความงุนง่วงอีกต่อไป
"ที่นี่ความฝัน?" หล่อนกระซิบเสียงเบาด้วยความไม่เข้าใจ มารีมองภาพสะท้อนของตัวเองภายในกระจก---เป็นร่างของเด็กสาวเรือนร่างผอมแห้งในชุดประหลาดตัวใหญ่ มือของเธอค่อยๆถอดชุดตัวใหญ่ออกก่อนจะปรากฏให้เห็นเสื้อของร้านสะดวกซื้อ...นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนร่างที่เย็นเยียบของมารี
บางทีนี่คงจะเป็นฝันที่สมจริงเกินไป... มารีคิดขณะที่พยายามสงบจิตสงบใจแม้ว่าสองมือของเธอจำกำแน่นจนฝาดเลือด ไม่...นี่ไม่มีทางเป็นความจริงแน่
ใช่แล้ว ที่นี่น่ะ---
โครกก
"..."
เด็กสาวก้มมองท้องที่ส่งเสียงร้องของตัวเอง
ก่อนอื่นไปหาอะไรกินก่อนแล้วกัน...
เด็กสาวลงมาถึงบริเวณโรงครัว? ห้องเก็บอาหาร? ครัว? จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ที่แน่ๆหลังจากใช้เวลาสักพัก(หลังจากเดินออกจากห้องมาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นว่า"เพื่อนายน้อย!!!"จากห้องข้างๆ) ในที่สุดเด็กสาวก็เดินลงมาถึงห้องครัวได้อย่างสวัสดิภาพเสียที
เหมือนว่านี่จะดึกแล้ว ถึงไม่มีคนอยู่เลย หล่อนกวาดสายตาไปมาขณะที่มือนั้นเอื้อมไปเปิดฝาหม้อก่อนจะรีบปิดเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่น่าเรียกว่าเป็นอาหารอยู่เกือบเต็มหม้อ อาหารในหม้อนี้กินไม่ได้แหงๆ สงสัยคงต้องทำอาหารกินเอง
อะไรที่เหมาะกับมื้อดึกดี...? หล่อนคิดขณะที่มือเอื้อมไปเปิดตู้เย็น(แน่นอนว่าเธอได้ทำการขออนุญาตนำวัตถุดิบออกมาแล้ว...ขออนุญาตภายในใจอ่ะนะ) วัตถุดิบหลากชนิดที่แทบไม่คุ้นตาทำให้เด็กสาวมองด้วยสายตาสนอกสนใจ มีวัตถุดิบแปลกๆขนาดนี้ต้องทดสอบเสียหน่อยแล้ว
เด็กสาวจัดการนำวัตถุดิบที่น่าสนใจออกมาจากตู้เย็น เธอไล่เช็คไปทีละส่วน มีมันฝรั่ง แป้ง มีเนื้ออยู่ และสิ่งสุดท้ายที่มีก็คือชีส รวมไปถึงผักประปรายที่เธอไม่เคยเห็นกับหัวหอม
ดวงตาของเด็กสาวเบิกตากว้างราวคิดอะไรออก
"ใช่แล้ว มาทำเจ้านี่กินกันดีกว่า!"
เด็กสาวเดินไปหยิบเครื่องเทศออกมาจากตู้เก็บ ก่อนที่จะจัดการโล๊ะอาหารที่ทานไม่ได้ทิ้งไปอย่างไม่ใยดี---เด็กสาวจัดการทำความสะอาดหม้อและจัดการเช็คหม้อกับก้นหม้อให้เรียบร้อย หล่อนเปิดไฟเบา ก่อนจะนำแป้งใส่เข้าไป(แน่นอนว่าขั้นตอนนี้เธอต้องช้า---เคี่ยวช้าๆ) หลังจากนั้นไม่นานนักก็เริ่มใส่นมลงไป เมื่อส่วนผสมเริ่มเข้ากันดีแล้วเด็กสาวก็จัดการใส่เครื่องเทศ(ลูกจันทร์เทศป่น อันนั้นแหละที่เธอใส่!)ก่อนจะนำมันไปพักให้เย็น
เนื่องจากว่าเธอเกรงว่าเวลาอาจจะไม่พอกิน เด็กสาวจึงเลือกข้ามขั้นตอนโดยการตัดวัตถุดิบจากอย่างออกจากการทำซอสเนื้อ(หรือก็คือซอสที่สอง) โดยการใส่ส่วนผสมหลักๆได้แก่เนื้อวัวและหัวหอม จากนั้นก็จัดการผัดทั้งสองอย่างพร้อมปรุงด้วยเกลือและพริกไทย
มารีจัดการนำมะเขือยาว(สีประหลาด)กับมันฝรั่งสไลด์ให้เรียบร้อยก่อนวางลงในจานใบเล็กที่ใส่วัตถุดิบ จากนั้นเด็กสาวก็จัดการตั้งกระทะพร้อมใส่น้ำมัน(ต้องรอให้มันเดือดๆเสียหน่อย) เด็กสาวจัดการใช้ส้อมจุ่มลงไปเพื่อจะได้วัดว่าตอนนี้อุณหภูมิของมันนั้นร้อนพอดีสำหรับการทำข้าวมื้อดึกของเธอแล้วหรือไม่ เมื่อพบว่าเดือดได้ที่แล้วก็จัดการนำมะเขือยาวและมันฝรั่งใส่ลงไปแล้วจัดการทอดผักทั้งหมดให้กลายเป็นสีเหลืองสวยแล้วนำไปพักสะเด็ดน้ำมัน
ทุกอย่างใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว---กลิ่นหอมๆโชยออกมาจากเหล่าวัตถุดิบที่เธอปรุงแต่งขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารมื้อดึกโดยเฉพาะ เด็กสาวจัดแจงนำวัตถุดิบทั้งหมดมาประกอบกัน เริ่มด้วยการนำผักทืั้งหมดมาวางเรียงกันจากนั้นจึงทาด้วยซอสชนิดแรกทาให้ทั่ว หลังจากนั้นจึงนำซอสที่สองราดลงไปบนเหล่าผักพวกนั้น ตามด้วยการโรยชีสและนำเข้าตบอบไป
ติ๊ง
"เสร็จแล้วสินะ..." เด็กสาวเริ่มสวมใส่ถุงมือทำอาหาร "**มูซาก้า"
เสียงแจ้งเตือนจากเตาอบดังขึ้นพร้อมกับเด็กสาวที่สวมใส่ถุงมือทำอาหารพร้อมเปิดฝาเตาอบออกมา กลิ่นหอมของชีสและเนื้อกระจายไปทั่วบริเวณเสียจนชวนรู้สึกน้ำลายสอ มารีประคองจานออกมาจากเตาอบแล้วมองมันด้วยสายตาเป็นประกาย
เด็กสาวรีบไปหยิบส้อมกับช้อน ภายในตอนแรกเธอกะจะนำพวกมันจะกินในห้องทานอาหารแล้ว แต่คิดอีกทีการกินที่นี่น่าจะดีกว่าเพราะมันสะดวกในเมื่อไม่จำเป็นต้องไปไหนมาไหน
เด็กสาวจัดแจงหาเก้าอี้มานั่ง ท่าทางของหล่อนดูตื่นเต้นเมื่อรำลึกได้ว่าเธอไม่ได้กินมูซาก้าสูตรของเธอคนนั้นมานานแล้ว ส้อมบรรจงผ่าชีสและเนื้อเข้าไปเผยให้เห็นเนื้อในของมันที่เต็มไปด้วยผักที่ส่งกลิ่นหอมโชยออกมา
มารีกลืนน้ำลาย สัมผัสได้ว่ากระเพาะต้องการสิ่งนี้
เอาล่ะ...จะทานล่ะนะ!
ตึก...ตึก
"นี่เธอ..." เด็กสาวเงยหน้ายามเมื่อเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นภายในความมืดมิด ราวกับว่าเหมือนจะเป็นเสียงของผู้ชายที่ก้าวเข้ามาที่นี่ "เป็นคนทำอาหารอย่างงั้นรึ?"
ดวงตาของเด็กสาวเบิกตากว้าง สิ่งแรกที่โฟกัสมองตรงไปคือเขาสัตว์สีดำเมี่ยมที่สะท้อนกับแสงจันทร์ที่ลอดผ่านเข้ามาภายในบานหน้าต่างของห้องครัว จากนั้นไม่นานเสียงท้องร้องโครกครากก็ดังขึ้นเบาๆ
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เสียงท้องร้องของเธอ
"..." ถ้ามารีก้มมองเขาลงไปแทนที่จะเงยหน้าเสียหน่อย เด็กสาวคงจะสังเกตุเห็นใบหน้าของเขาที่ขึ้นสีแดงเเล็กๆเสียแล้ว
"อ่า..." เด็กสาวอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีระหว่างแบ่งเจ้ามูซาก้านี่ให้เขาสีดำเมี่ยมหรือจะเก็บไว้กินเองคนเดียว แต่สุดท้ายแล้วเด็กสาวก็เป็นฝ่ายเดินไปหยิบช้อนกับส้อมอีกคู่หนึ่งมาให้มือที่ขาวเนียนละเอียด "มากินด้วยกันไหม**คุณเขางาม?( Horn beauty )"
มือของคุณเขางามรับส้อมมา
เขางุนงง
"....หือ แตรงาม? ( Horn Beauty )"
เธอก็งง
"...เอ๊ะ?"
เด็กสาวเหงื่อตก
เดี๋ยวนะ...นี่ฉันโฟกัสแต่เขาสีดำประหลาดๆนั่นจนเผลอลืมมองหน้าเขาไปเลยเรอะ!!?
TBC .(ถ้ามีต่อ)
***
ส่งท้าย
*มูซาก้า คือชื่อของอาหารชนิดหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นเมนูจานหลักของชาวกรีก(แต่เชื่อเถอะว่าถ้าหิวมันก็กินตอนค่ำๆได้)
**คุณเขางาม ( Horn Beauty) ไรท์ล้อมาจากเจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty) และที่นายม.พูดว่าแตรงาม (Horn Beauty) ก็เพราะว่าฮอร์นสามารถแปลได้ว่าจะเป็นเขาสัตว์ หรือว่าจะเป็นแตรก็ได้ค่ะ
แถม
เนื่องจากบทเสริมพิเศษไรท์ลืมลงรูปอาหารไป เพราะงั้นจะมาลงตรงนี้นะ หึหึหึ
นี่คือสเต็กกระทะร้อนยังไงล่ะ!
เอาล่ะ ไรท์ไม่มีอะไรจะแถมให้แล้ว ขอบคุณที่เข้ามาอ่านช่วงพิเศษ(ที่สั้นๆ)นี้จริงๆนะคะ ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าน้า!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น