ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ม่านละครที่หนึ่ง : Pawn's rebellion (1)
"นี่ คุณน่ะ
เห็นอยู่ที่ชั้นหนังสือการ์กอยมาตั้งนานแล้ว
สนใจหนังสือการ์กอยที่พึ่งจะเข้ามาใหม่นี้ไหม?"
-มารี เอเกอร์
"การกบฎของเบี้ย"
***
หอสมุด - เวลายามเย็น
"แย่จัง" เสียงของเด็กสาวพึมพำเสียงเบาระหว่างที่ถือกองหนังสือสูงท่วมหัวภายในหอสมุดที่เงียบสงัด ดวงตาสีน้ำข้าวพยายามมองแล้วมองหาอีกแต่ก็ไม่เจอเจ้าหนังสือที่เคยอ่านนั้นเสียที
กฏแปดร้อบสิบข้อแห่งอาณาจักรกุหลาบ
เจ้าหนังสือนั่น...อย่าบอกนะว่ามีคนยืมไปแล้วน่ะ?
เด็กสาวขมวดคิ้ว หล่อนพยายามแล้วที่จะตามหาเจ้าหนังสือเล่มที่ว่าเพื่อความไม่ประมาทสำหรับการทำทาร์ต แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอจนหล่อนต้องยืมหนังสือใกล้เคียงมาแทน(แต่ก็หาอะไรไม่เจออยู่ดี) ซ้ำไม่ว่าจะพยายามหาเท่าไหร่หรือตรวจสอบว่ามีคนนำหนังสือกฏแปดร้อยสิบข้อฯมาคืนที่ชั้นหนังสือหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการไม่เจอหนังสือเล่มนั้นเลย
และนั่นทำให้มารีสรุปกับตัวเองไปครึ่งใจแล้วว่าจะต้องมีคนยืมไปแน่ แต่เป็นใครก็ไม่รู้
เมื่อไม่มีใครที่เธอรู้จักอยู่ที่นี่เด็กสาวจึงพ่นลมหายใจพรวดใหญ่ออกมาอย่างไม่เก็บอาการ เธอจัดการนำหนังสือที่อ่านทั้งหมดจำนวนสองสามเล่มที่ไปเจอมาแล้วอุ้มพวกมันหมายจะนำกลับเข้าชั้นหนังสือไป ภายในวันนี้เจ้าหนังสือที่เธออ่านไปก็ยังมีเนื้อสาระและความสนุกสนานเหมือนเคย โดยเฉพาะกับหนังสือเรื่องประวัติศาสตร์กำเนิดการ์กอย เล่มฉบับแก้ไขรอบที่xxx ที่พึ่งจะเข้ามาใหม่ได้ในไม่ถึงวัน
เจ้าหนังสือประวัติศาสตร์กำเนิดการ์กอยนี้พึ่งจะเป็นเล่มใหม่ ท่าทางแล้วเหมือนว่าเธอจะได้เปิดอ่านเป็นคนแรกเพราะท่าทางของเจ้าหนังสือเล่มนี้ราวกับยังไม่มีคนเปิดอ่าน ต่างจากเล่มเก่าๆที่มีคนคอยเปิดอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เสียงฮัมเพลงดังออกมาจากลำคอของเด็กสาวเบาๆยามเมื่อขาของหล่อนก้าวเท้าเข้าไปภายในบล็อคชั้นหนังสือทีละจุดทีละสองจุดเพื่อส่งคืนหนังสือทั้งหมดภายในอ้อมแขน จนสุดท้ายแล้วร่างของเด็กสาวภายในชุดเครื่องแบบนักเรียนชายถูกระเบียบก็มาถึงบล็อคหนังสือที่อยู่ลึกสุด มันคือหมวดประวัติศาสตร์และตำนาน
ท่ามกลางแสงสลัวจากจุดที่แสงไฟภายในหอสมุดส่งไปไม่ค่อยจะถึงเท่าใดนัก กลิ่นอายบางอย่างเข้ามาแตะจมูกของเด็กสาวราวกับคอยรบเร้าให้เข้าไปภายในบล็อคชั้นหนังสือที่รายล้อมไปด้วยหนังสือเก่าแก่จำนวนมาก
หนังสือเล่มสุดท้ายยังคงอยู่ภายในอ้อมอก---กลิ่นนั้นลอยเข้ามาตามลมชวนให้นึกถึงกลิ่นของธรรมชาติที่งดงามอัดแน่นอยู่ข้างใน เป็นกลิ่นที่เด็กสาวนั้นไม่อาจจะพรรณนาได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันคืออะไรนอกจากจะเป็นธรรมชาติ แต่เธอก็ก้าวเข้าไป ก้าวเข้าไป ดวงตาสีน้ำข้าวรีบเร่งกวาดหาราวกับต้องการค้นพบต้นตอของกลิ่นที่น่าอัศจรรย์นี้
ก้าวเข้าไป ก้าวเข้าไป
เจ้าหนังสือการ์กอยเล่มเก่าที่ถูกเปิดอ่านอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งบัดนี้มาถึงหน้าบรรณนานุกรมอยู่ที่มือของชายผู้หนึ่ง บางทีเจ้ามุมขอบกระดาษที่อ่อนนุ่มเปื่อยยุ่ยราวกับโดนเปิดบ่อยๆคงจะเป็นฝีมือของชายผู้นี้ที่อยู่ที่นี่
ดวงตาสีเขียวมรกตราวกับรับรู้การมีอยู่ของเธอ ร่างสูงนั่นหันมามองเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีขาวราวกับด้ายปั่น---ดวงตาสีน้ำข้าวและดวงตาสีมรกตนั่นสบตากันภายในหอสมุดที่เงียบสงัด ไม่มีใครพูดคำอื่นใดภายในเวลานี้---พวกเขาต่างนิ่งเงียบ ตกตะลึงภายในบรรยากาศที่ลอยวนอยู่รอบๆตัวของพวกเขาทั้งสองคน
เด็กสาวไม่แม้นแต่จะกลัว สาวฝีเท้าเข้าประชิดชายผู้นี้...ชายผู้มีเรือนผมสีดำเมี่ยมราวขนอีกาที่เชื่อมด้วยน้ำหมึก ผิวเนียนละเอียดผิดมนุษย์ นัยน์ตาสีเขียวมรกตเลหือบอำพันที่สว่างวูบวาบทำให้นึกถึงร่างของอิสตรีผู้หนึ่ง และแม้แต่เขาสีดำเมี่ยมราวถ่านที่เงางามพวกเขาทั้งสองก็ยังมีเหมือนกัน
มาลิฟิเซ้นต์...
"นี่---คุณน่ะ ดูเหมือนจะอยู่ที่ชั้นหนังสือการ์กอยมานานพอตัวเลยนะ" เด็กสาวเป็นฝ่ายแรกที่เอ่ยทักชายหนุ่มผู้นั้น หนังสือประวัติศาสตร์การ์กอย เล่มฉบับแก้ไขรอบที่xxxถูกนำออกจากอ้อมแขนก่อนพลันจะยื่นส่งให้กับชายตรงหน้า "สนใจหนังสือการ์กอยที่พึ่งจะเข้ามาใหม่ไม่ถึงวันนี้ไหม? พอดีผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วล่ะ"
นัยน์ตาสีเขียวราวกับเปลวเพลิงนั่นเปล่งประกายแวววับ
"หนังสือการ์กอยเล่มใหม่...นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีเล่มใหม่เข้ามาไวเสียขนาดนี้" มือนั้นลูบปกแข็งที่ถูกวาดเป็นเจ้าการ์กอยอย่างสง่างามภายในกรอบสีทองวงกลมตรงกลางหนังสือ ใบหน้านั้นฉีกยิ้มออกมา "ขอบคุณเธอมากเลยนะเด็กน้อย"
เป็นดวงตาสีเขียวราวไม่ใช่มนุษย์...ไม่สิ ร่างของชายตรงหน้าเธอนี้คืออมนุษย์ไม่ผิดแน่
"ไม่เป็นไรอยู่แล้วล่ะครับ ด้วยความยินดี" เด็กสาวเอ่ย น้ำเสียงฟังดูเป็นกันเองอย่างเห็นได้ชัดยามใบหน้านั้นประดับยิ้มกลับไปโดยไม่มีแม้แต่สีหน้าที่หนักใจหรือซีดเซียว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋ากางเกงระหว่างที่เด็กสาวพึ่งจะพูดจบไปหมาดๆ มือหยาบกร้านของหล่อนหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนที่ร่างของหล่อนจะหันหลังแล้วกดรับสาย ปลายสายซึ่งเป็นเสียงของเอซดังขึ้น---แม้ว่าจะแอบวุ่นวายไปหน่อยเพราะมีเสียงรบกวน แต่ทว่าก็พอจับใจความได้ว่าอยากจะให้เธอรีบมาช่วยพวกเขาอีกแรงเสียที
"อ่า เข้าใจแล้ว" เด็กสาวเอ่ยตอบรับเสียงเบาเนื่องจากว่าที่นี่เป็นห้องสมุด จับใจความคำพูดของเอซก่อนที่จะตอบกลับไป "อื้ม เดี๋ยวไป แค่นี้นะ"
มือของหล่อนกดปุ่มสีแดงเพื่อวางสาย ดวงตาสีน้ำข้าวหันไปมองร่างของชายหนุ่มคนที่ยังอยู่ข้างหลังของเธอยามหันไปมอง---แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวคำพูดอะไรออกมาแต่มือที่ยังไม่ได้แม้แต่จะเปิดหนังสืออยู่ก็ทำให้มารีพอจะคาดเดาได้ว่าเธอคงจะต้องบอกลาเขาเป็นแน่
"งั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ" เธอส่งยิ้มตามธรรมชาติให้เขา ได้เวลาบอกลากันเสียทีเมื่อเธอหมดธุระและจำเป็นต้องไปจากที่นี่ "หนังสือเล่มนั้นน่ะผมมั่นใจว่าคุณคงต้องชอบมันมากแน่ๆ"
ร่างของเด็กสาวหันหลังกลับไป พยายามสาวเท้าให้ไว้ที่สุดเพื่อกลับไปช่วยเพื่อนพ้องของเธอที่กำลังติดปัญหากับการทำทาร์ตอยู่ แต่ถึงแบบนั้นแล้วจู่ๆฝีเท้าของหล่อนก็หยุดลงเมื่อภาพใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นแวบเข้ามาโดยที่เด็กสาวยังไม่ทันได้ไปไหนดี มารีเดินถอยหลังกลับมาที่บล็อคหนังสือประวัติศาสตร์และตำนานบล็อคเดิมเจ้าเก่า โบกมือลาให้เขาที่สังเกตุเห็นแล้วรีบเดินจากไปให้ไวกว่าเดิม
ไม่ได้เดินสวนไปอย่างรีบร้อนโดยไม่ทันกลับมา ไม่ได้รีบวิ่งไปราวกับเจ้าหญิงนิทราผู้เร่งรีบกลับกระท่อม---ดวงตาสีเขียวเหลือบอำพันนั่นก็ไม่มั่นใจว่าดวงตาของเขายอมละสายตาจากหนังสือการ์กอยเล่มใหม่นั่นไปทำไมเพียงแค่เด็กน้อยคนนั้นหันมาโบกมือให้เขา
มือสีขาวเนียนละเอียดก้ำกึ่งจะยกขึ้นมาลองโบกมือลาเด็กน้อยคนนั้นภายในเสี้ยววินาทีที่คนผู้นั้นจากลาไปอย่างรวดเร็ว เรือนผมสีขาวราวกับด้ายอันเป็นสัญลักษณ์ของหอเดียซอมเนียและใบหน้าราวที่ถูกสร้างขึ้นมาราวกับมนุษย์ผู้ไม่ได้ถูกแต่งแต้มสีสันใดชวนเป็นเอกลักษณ์และสังเกตุง่าย
กลิ่นอายที่งดงามพิศวงนั่นได้จากไปแล้ว เหมือนกับผู้คนที่เอ่ยคำว่า'ไว้เจอกันใหม่นะครับ'วิ่งหนีออกห่างจากเขาโดยไม่หันกลับมา
ไม่สิ เด็กน้อยคนนี้ยังคงหันกลับมามองเขา ยังคงหันกลับมาโบกมือลาให้เขา
"ไว้เจอกันใหม่นะครับ" คำพูดที่ออกมาจากปากของเด็กน้อยคนนั้นปรากฏขึ้นมาด้วยแววตาที่มิหวาดกลัวต่อเขา
มือนั้นเริ่มเปิดหนังสือการ์กอยเล่มใหม่ อีกครั้งที่มาเลอุส ดราโกเนียจะเริ่มอ่านมันอย่างละเอียดและถี่ถ้วนเฉกเช่นเล่มเก่าๆ ผิวหนังที่เย็นเยียบยังคงสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากมือที่ส่งหนังสือการ์กอยเล่มใหม่มาให้แก่ตัวเขาเมื่อไม่นานมานี้
ต้องได้เจอกันอีกแน่
อมนุษย์ผู้นี้คิดเช่นนั้น
***
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้
โรงอาหาร - เวลายามเที่ยง
"น่ากลัวชะมัดเลยตะกี้!" เสียงของเอซดังขึ้นยามเมื่อหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆแล้วเห็นว่าเหล่าหอเดียซอมเนียนั้นได้จากกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "นี่นายทนอะไรแบบนี้ได้ไงกันเนี่ยมารี?"
"เขาก็ไม่ได้มีท่าทีคุกคามหนักขนาดนั้นนี่" มารีเอ่ย เป็นอีกครั้งที่เหล่าเพื่อนร่วมโต๊ะของหล่อนมองมารีด้วยสายตาประหลาด "แต่ยอมรับเลยล่ะว่าคำพูดจิกกัดทำให้หงอยลงไปขนาดนี้ได้คงไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย สมเป็นอมนุษย์ล่ะนะ"
ดวงตาสีน้ำข้าวหวนนึกถึงยามได้สบสายตากับดวงตาสีโลหิตคู่นั้น แววตาของชายในรูปลักษณ์วัยเยาว์มองอย่างไรก็คงไม่ใช่คนที่ไร้เดียงสาเหมือนกับรูปลักษณ์แน่แท้ ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เด็กสาวก็มั่นใจไปได้เปราะหนึ่งว่าคนคนนี้หากไม่ไปตั้งตัวเป็นศัตรูก็คงไม่ได้ยากเกินไปที่จะรับมือหรือพูดคุย
ต้องศึกษาอีกนิด... หล่อนคิดเช่นนั้น
"แล้วที่ว่านายบอกว่าอยากจะทำความรู้จักนี่พูดจริงเหรอ?" เด็กสาวมองดิวซ์ที่มองตนด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อถือเสียเท่าไหร่ "แน่ใจนะมารี?"
"พูดอะไรของนายน่ะดิวซ์" เสียงของเอซดังขึ้น "แน่นอนว่าเจ้ามารีน่ะต้องโกหกอยู่แล้ว จะให้ไปทำความรู้จักกับหอนั้นมันก็--"
เด็กสาวเปิดปากเอ่ย
"ก็...ไม่ได้ล้อเล่นซะเท่าไหร่หรอกนะ" เธอเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้ม "ถ้าถูกใจและถ้าได้เจอกันในตอนที่มีเวลามากกว่านี้"
เอซกระพริบตาปริบด้วยความงุนงงกับคำพูดของเธอ
"ห๋า?"
"นายคงกำลังจะบอกว่า คงจะไม่มีมีเวลาทำความรู้จักกันมากพอเพราะตารางเรียนของชั้นปีหนึ่งกับชั้นปีสามไม่เหมือนกันสินะมารี?" เทรย์เป็นฝ่ายเอ่ยขณะที่เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงัก และแน่นอนว่ามันก็ถูกต้องตามนั้น เวลาของชั้นปีหนึ่งและปีสามมีช่วงเวลาที่มักจะคลาดเคลื่อนกัน และไหนจะยังไม่รู้เลยว่าแต่ล่ะฝ่ายชอบไปที่ไหนหรืออะไร ดังนั้นหากจะกล่าวให้ตามตรงกว่านี้คือมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ทำความรู้จักกันจริงๆ
และอย่างที่สอง บางทีอีกฝ่ายอาจจะพูดออกไปเช่นนั้นอย่างไม่ได้มีท่าทีจริงจัง---ดังนั้นแล้วจึงจะกล่าวได้ว่าหากไม่มีใครสักคนลงทุนวิ่งตามหาทั่วโรงเรียนโอกาสที่จะเจอกันนั้นก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก
นี่ยังไม่รวมถึงหน้าที่ที่ต่างฝ่ายต่างมีและจำเป็นต้องจัดการด้วย
"แล้วถ้าเกิดว่าลิเลียลงทุนตามหานายจริงๆล่ะ?" เทรย์เอ่ยถามเธอขึ้นมา
มารีฉีกยิ้มแห้ง
"ก็...ตอนนั้นคงจะต้องพูดคุยอย่างเดียวแล้วล่ะครับ" เธอเอ่ยขณะที่กอดอกวางไว้บนโต๊ะ "สัญญาไปแล้วก็ต้องทำตามที่พูดเอาไว้แบบนั้น จะมาผิดคำพูดเดี๋ยวก็ซวยน่ะสิ"
"ระวังเอาไว้ด้วยล่ะกันนะ" ชายหนุ่มเรือนผมสีเขียวเข้มราวแมกไม้เอ่ย ดวงตาสีอำพันดูเหมือนจะฉายแววหวังดีนิดหน่อย "คนจากหอเดียซอมเนียก็มีคนหลายคนที่แปลกๆอยู่เหมือนกัน ทั้งเรื่องที่คนจากหอนี้เก่งในด้านเวทมนตร์ และหัวหน้าหอมาเลอุส ดราโกเนียก็ติดหนึ่งในห้าจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดของโลกใบนี้เลย"
ก็สมกับเป็นลูกหลานของมาลิฟิเซ้นต์ล่ะเนอะ เด็กสาวคิดขณะที่หวนนึกถึงไปยังมาลิฟิเซ้นต์ที่ปรากฏตัวอยู่ภายในหนังและอนิเมชั่นหรือจะหนังสือภาพ ราชินีผู้นั้นเก่งกาจและมีพลังมากล้นแต่ก็มีจุดบอดที่ร้ายแรง แต่โดยรวมก็ยากที่จะต่อกรด้วย
เพราะแบบนั้นมาเลอุส ดราโกเนียเลยถูกมองว่าน่ากลัวอย่างงั้นน่ะหรือ?
"จริงๆแล้วน่ะมาเลอุสเป็นพวกที่บ้าคลั่งมากๆเลย" เสียงของรุ่นพี่เคเตอร์เอ่ย...เด็กสาวมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง "ถึงหัวหน้าหอพวกนั้นจะบ้าไปแล้วด้วยก็เถอะ"
เอซเอ่ยพร้อมท่าทางที่เห็นด้วยกับคำพูดของรุ่นพี่เคเตอร์ที่พูดออกมาเช่นนั้น
"เรื่องจริงเลยล่ะ! อย่างแค่กินทาร์ตไปชิ้นเดียวก็โดนจับล่ามใส่ปลอกคอแล้ว!" มารีมองร่างเล็กร่างหนึ่งที่หยุดชะงักยามได้ยินคำพูดของเอซ...มารีว่าร่างของคนๆนั้นดูคุ้นๆพิกลนะ? "ใจคับแคบแบบนี้ชักจะบ้าเกินไปแล้วนะ!"
ร่างเล็กร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงบ่นของเอซที่มีต่อหัวหน้าหอของตัวเอง---ดวงตาสีน้ำข้าวก็มองเห็นใบหน้าของเจ้าของเรือนผมสีแดงกุหลาบผู้มีนัยน์ตาสีเงินเข้มอย่างเห็นได้ชัด
"หืม? ผมบ้าขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"ก็ใช่น่ะสิ บอกว่าเข้มงวดแต่จริงๆแค่---อุ๊บ!!?"
มือของเด็กสาวรีบปิดปากเด็กหนุ่มเรือนผมสีแดงส้มโดยพลัน ดวงตาสีน้ำข้าวจ้องมองไปยังใบหน้าของเอซท่ามกลางความตกใจกับการกระทำที่หุนผลันของเด็กสาว ไม่นานนักมือทั้งสองข้างก็เปลี่ยนมาจับศรีษะขึ้นแล้วบังคับให้เอซต้องแหงนหน้าขึ้นไป
เอซร้องเสียงหลง
"นี่นาย--เย้ย หะ หัวหน้าหอ!?"
"โอ๊ะ ริดเดิ้ลคุง วันนี้ก็น่ารักเหมือนเคยเลยน้า" เสียงเอ่ยออกมาจากปากของรุ่นพี่เคเตอร์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ดวงตาสีน้ำข้าวมองสถานการณ์ตรงหน้าที่วุ่นวายขึ้นเสียมากกว่าเดิม
"หึ เคเตอร์ ถ้าพูดมากระวังหัวจะหลุดออกจากบ่านะ" เธอมองไปยังริดเดิ้ลที่ทำท่าเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
"ไม่ล่ะๆๆ ใจเย็นๆก่อนสิ!?" เสียงของรุ่นพี่เคเตอร์ที่ร้องอย่างร้อนรนดังขึ้น
"ฟุน๊า!? เจ้าที่เอาปลอกคอแปลกๆใส่คอของข้าผู้นี้ตอนปฐมนิเทศนี่น่า!?" เสียงร้องของกริมม์เอ่ยดังลั่น นั่นสินะ---จะว่าไปมันเคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอยู่ด้วยภายในช่วงแรกๆที่เธอมาอยู่ที่นี่นี่น่า
ดวงตาสีเงินกวาดตามองพวกเธอทีละคนสองคน---ก่อนที่ไม่นานนักดวงตาของริดเดิ้ลจะมาหยุดอยู่ที่เธอ มารีไม่หลบสายตา แต่ในขณะเดียวกันหล่อนก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา
ริดเดิ้ลเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก
"พวกเธอคือเด็กใหม่ที่เกือบจะโดนไล่ออกสินะ?" เขาเอ่ย ดวงตาสีเงินมองพวกเธอด้วยสายตาเคร่งครัด "อย่ามาเรียกเวทย์ประจำตัวของคนอื่นด้วยชื่อแปลกๆจะได้ไหม ให้ตายสิ---อาจารย์ใหญ่จะใจดีเกินไปแล้ว ยกโทษให้คนแหกกฏแบบนี้จะเสียระบบเอานะ"
"พวกที่ไม่ตามกฏสมควรจะโดนตัดหัวมากกว่า"
สุดยอดไปเลย... มารีอยากจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่ติดที่ว่าหากทำไปแล้วคงจะเป็นการเสียมารยาท เด็กสาวคงต้องเก็บอาการนี้เอาไว้จนกว่ารุ่นพี่ริดเดิ้ลหรือใครก็ตามจะจากไปเท่านั้นแหละ
นี่คงจะไม่ใช่เด็ดขาดเสียแล้วล่ะกระมั้ง?
"สิ่งที่ออกมาจากปากไม่เห็นจะเหมือนหน้าตาเลย..." เสียงของเอซพึมพำอย่างแผ่วเบา
ดวงตาสีเข้มของริดเดิ้ลปรายตามองเอซที่อยู่ไม่ไกล มือข้างขวาของเขาเท้าสะเอว---เหมือนว่าเสียงพึมพำของเอซนั้นจะดังไปไม่ถึงหูของหัวหน้าหอ(ซึ่งมารีก็ว่ามันดีแล้วแหละ)
"ถึงอาจารย์ใหญ่จะโทษให้แต่ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกซ้ำสองแน่" ริดเดิ้ลเอ่ยเช่นนั้น
ดวงตาสีน้ำข้าวย้อนกลับไปมองเพื่อนของหล่อนที่มือนั้นสัมผัสกับด้านหลังศีรษะ ใบหน้านั้นยิ้มตาปิดราวกับกำลังจะประนีประนอมด้วยท่าทีขี้เล่นประจำตัวของตนเอง
"เอ่อ...คือว่านะหัวหน้าหอ เจ้าปลอกคอนี่ช่วยเอาออกให้หน่อยไม่ได้เหรอ?"
"ถ้าเกิดเธอจำบทเรียนนี้ไว้ได้ผมก็คงจะเอาออกให้อยู่หรอกนะ แต่จากสิ่งที่ได้พูดออกไปไม่มีทีท่าว่าเธอจะสำนึกเพราะแบบนั้นจะขอปล่อยเอาไว้แบบนี้อีกสักพักแล้วกัน" เสียงของริดเดิ้ลเอ่ยอธิบาย น้ำเสียงยังดูเรียบนิ่งทว่าแฝงความเข้มงวดเอาไว้ "แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก ปีหนึ่งก็แค่เรียนเรื่องพื้นฐานที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์"
"เธอคงไม่อยากให้เรื่องมันเกิดขึ้นเหมือนเมื่อวานใช่ไหมล่ะ? อย่ามัวแต่คุยเล่นกันได้แล้ว" เสียงเอ่ยเข้มงวดของหัวหน้าหอฮาร์ทสลาบิวท์ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มารีคิดว่าคำพูดของหญิงสาวคนนั้นก็คงจะเอ่ยได้ถูกต้องแล้วล่ะ "รีบรับประทานอาหารกลางวันให้เสร็จเรียบร้อยแล้วรีบไปเรียน"
"กฏของราชินีโพธิ์แดงข้อที่สองร้อยเจ็ดสิบเอ็ด ควรรับประทานอาหารกลางวันให้เสร็จภายในสิบห้านาที" ดวงตาสีเงินแวววับนั้นหรี่ตาลงด้วยสายตาคมกริบราวกับเครื่องประหาร "ถ้าเกิดแหกกฎล่ะก็...เข้าใจใช่ไหม?"
"เฮ้อ...กฏแปลกๆอีกแล้ว" เสียงของเอซเอ่ย
ดวงตาสีขาวหลุบตาต่ำลง ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไร---ไม่นานนักความรู้สึกเจ็บแปล๊บก็แล่นเข้ามาภายในอก แขนข้างขวาส่องแสงประกายเล็กๆก่อนจะวูบไป มันคลายตัวลง...แต่ความรู้สึกเจ็บแปล๊บยังไม่จางหาย ภาพของเด็กสาวเริ่มพร่าเบลอ ดวงตาสีน้ำข้าวของหล่อนจ้องมองภาพที่เริ่มจะเลือนลางไปรอบๆ
เสียงของริดเดิ้ลที่ตะโกนดังเริ่มแผ่วเบา
"คำตอบคือ ครับหัวหน้า!"
" "ครับหัวหน้า!" " เสียงของใครน่ะ...ดิวซ์ เอซอย่างงั้นหรอกเหรอ?
"ดีมาก"
แผ่วเบาลงไป...เริ่มจะแผ่วเบาลงไป
เด็กสาวได้ยินเสียงหัวใจที่เริ่มติดขัดชัดเจนขึ้นเรื่อยๆภายในอกของเธอ
"น่าๆ" เสียงที่ดูประนีประนอมของใครสักคนที่คุ้นหูลอยแว่วดังขึ้นมา "ฉันเองก็คอยดูแลพวกนี้ให้ดูนะ"
"หึ ในฐานะที่เธอเป็นรองหัวหน้าก็อย่าทำอะไรโง่ๆเชียวล่ะ?"
"ทำไมถึงมีแต่คนที่ยังคิดจะแหกกฏของหอกัน?"
อะไร...เสียงอะไร?
"ตามกฏของราชินีโพธิ์แดงข้อที่สามร้อยสามสิบเก้า" ไม่ชัดแล้ว...เสียงนี้ใครพูดกัน? "หลังมื้ออาหารต้องดื่มชาเลม่อนใส่น้ำตาลสองก้อนทุกครั้ง"
"ต้องทำตามxxxxเพราะxxxxxเพื่อxxxxx"
เสียงเสียงนั้นเริ่มส่งเสียงราวกับวิทยุที่โดนตัดสัญญาณ
เจ็บ...เจ็บหัว
"ผมต้องไปซื้อน้ำตาลก้อนที่ร้านค้าสักหน่อย คงต้องขอตัวก่อน"
"สิ่งที่xxxxxxxนั้นxxxxxxxxxx"
เจ็บ ปวด---ปวดหัวไปหมดเลย
"ให้ตายสิ ปล่อยให้xxxxxxแบบนี้เป็นเรื่องใหญ่มากเลยไม่ใช่รึไง?" เสียงของคนคนนั้นดังขึ้น แต่เธอเริ่มได้ยินอะไรไม่ชัดต่อไปแล้ว
เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ
เด็กสาวเม้มริมฝีปากเมื่อรู้สึกมีอะไรบางอย่างพุ่งขึ้นมาที่ลำคอ
เจ็บ มันเจ็บไปหมด
"เย้ ไปสักที" เสียงของใครน่ะ? ไม่ไหวแล้ว...
ช่วยด้วยเบนจามิน...เบนจามิน...เบนจามิน
ช่วย...พี่...ด้วย-
"คะ-แค่ก! อุ๊บ---" มือของเด็กสาวเอื้อมเข้ามาปิดปากของตัวเองยามเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ถูกขับออกมาจากลำคอ
ติ๋ง...ติ๋ง
"มารี เกิดอะไรขึ้นน่ะ---ไหวไหมครับ!?" เสียงของดิวซ์เอ่ยด้วยความเป็นห่วง ทว่าเมื่อจะนำมือไปลูบหลังเด็กสาวกลับไอออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาสีน้ำข้าวนั้นเบิกตากว้าง---หลังนั้นโก่งลงจนโค้งงอราวกับกุ้ง จนท้ายที่แล้วเมื่อเวลานั้นผ่านไปได้ไม่นานนักอาการของเด็กสาวก็คลายตัวลงจนเริ่มกลับมาเป็นปกติ ดวงตาสีน้ำข้าวมองอะไรบางอย่างที่ถูกขับออกมาจากปากของเธอ
สีดำ...มันเหมือนกับหมึกสีดำ เหนียวข้นและดูสกปรกขยะแขยงจนเด็กสาวต้องรีบหากระดาษออกมาชัดมือของหล่อนให้เรียบร้อยด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็น การกระทำทั้งหมดของหล่อนอยู่ในสายตาของคนทั้งโต๊ะ แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นอยู่ดีว่าภายในมือของเธอนั้นมีอะไร
"มารีจังไหวรึเปล่า ให้ฉันพาไปห้องพยาบาลไหม?" เสียงของเคเตอร์เอ่ย ท่าทางแล้วคงไม่อยากให้รุ่นน้องของตัวเองต้องมาอาการหนักมากกว่านี้ในภายภาคหลัง
"ไหวปะเนี่ยมารี ไปห้องพยาบาลก็ได้นะ" เสียงของเอซดังขึ้นท่ามกลางความสมทบจากดิวซ์
แต่เด็กสาวกลับส่ายหน้า
"ไม่เป็นไรค...ครับ" เกือบแล้วเชียว เกือบจะหลุดพูดออกไปแล้ว "ผมสบายดี สงสัยคงเพราะว่านอนอยู่ภายในหอแรมแชตเกิลแล้วอากาศมันเย็นด้วยล่ะมั้งครับ"
"แน่ใจเร้อ" เสียงของกริมม์ดังขึ้น ท่าทางดูไม่เชื่อเธอเสียเท่าไหร่(คนอื่นๆก็น่าจะพอกัน)
"ถ้าไม่อยากบอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะมารี" เสียงของเทรย์เอ่ยราวกับช่วยเธอขึ้นมาได้ "ไว้ค่อยบอกตอนที่อาการดีขึ้นกว่านี้ก็ได้"
"รอบนี้จะปล่อยไปก่อนก็ได้" เสียงของดิวซ์เอ่ย ท่าทางดูจริงจังเพราะเป็นห่วงเธอ "แต่ถ้ามีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีกผมจะพาไปห้องพยาบาลนะ?"
เด็กสาวพยักหน้าเงียบๆท่ามกลางความเป็นห่วงจากทุกรอบด้าน
จริงๆก็อยากจะบอกอยู่หรอกนะ หล่อนคิดขณะที่ดวงตาสีน้ำข้าวกรอกตาไปมาซ้ายขวาเล็กน้อย ถ้าไม่ติดที่ว่าฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...
ท่ามกลางความวุ่นวายภายในโรงอาหาร เสียงๆหนึ่งจากบทสนทนาก็ลอยแว่วเข้าหูของพวกเขา---ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พวกเธออยู่มีร่างสองร่างของเหล่านักเรียนหอฮาร์ทสลาบิวท์ส่งเสียงซุบซิบ
"หัวหน้าหอไปแล้วสินะ?" เสียงของนักเรียนคนหนึ่ง(เธอจะขอแทนว่าเอแล้วกันนะ)ดังขึ้น
"ฉันเผลอไปแหกกฏของราชินีโพธิ์แดงข้อที่หนึ่งร้อยแปดสิบหก ห้ามกินสเต็กแฮมเบอร์เกอร์วันอังคาร ไปไม่นานมานี้เอง" เสียงของนักเรียนคนหนึ่ง(ซึ่งเธอจะขอแทนว่าบี) ยังคงดังขึ้นต่อไป "นึกสภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเกิดโดนจับได้จะเป็นยังไง..."
"เฮ้อ...อย่างน้อยก็ควรปล่อยให้นักเรียนกินอะไรก็ได้ไม่ได้เลยรึไงกัน?" เสียงจากนักเรียนเอดังขึ้น
ขณะที่เสียงพึมพำของเหล่านักเรียนหอฮาร์ทสลาบิวท์จากโต๊ะข้างๆเริ่มจะเบาลงแล้วเปลี่ยนไปคุยกันด้วยหัวข้อสนทนาแบบอื่น เด็กสสาวก็ละความสนใจจากสองคนนั้นยามเมื่อได้ยินเสียงของเทรย์เป็นคนเปิดบทสนทนาขึ้นอีกรอบ
"...ริดเดิ้ลน่ะเป็นหัวหน้าหอตั้งแต่อาทิตย์แรกของโรงเรียนเลยล่ะ" เสียงของเทรย์เอ่ย มารีมองด้วยสายตาพิจารณาประโยคขณะที่ดวงตาสีน้ำข้าวของหล่อนหรี่ตาลง "ที่ต้องพูดแรงๆแบบนั้นเพราะอยากจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรอกนะ"
"คนที่มีเจตนาไม่ดีคงไม่ล่ามคอใครเขาไปทั่วหรอก!" เสียงของกริมม์ดังขึ้น
" "ฮะๆๆ" " เสียงหัวเราะแห้งๆดังออกมาจากปากของเคเตอร์และเทรย์
มารีเปลี่ยนมาเท้าคางมอง
"ผมก็พอเข้าใจสิ่งที่รุ่นพี่จะสื่ออยู่หรอกนะ แต่มันก็...ช่างเถอะ" เด็กสาวเอ่ยขณะที่ผ่อนลมหายใจของตนเอง บางทีเธอไม่พูดตอนนี้ก็คงจะดีกว่า "แถมกริมม์ก็ผิดเหมือนกันที่ไปป่วนพิธีปฐมนิเทศน์นะ"
เสียงของกริมม์เอ่ยท้วง
"หึ๊ยย แต่เจ้าปลอกหอที่ผนึกพลังแบบนี้ยังไงก็แย่อยู่ดีนี่น่า!"
"คร้าบๆ"
"หืม?" เสียงของเคเตอร์เอ่ยร้อง ใบหน้านั้นดูเลิกคิ้วขึ้น "พวกนายหมายถึงยูนีคมาโฮ(เวทย์ประจำตัว)ของริดเดิ้ลคุงอย่างงั้นเหรอ?"
"ยูนีคเมจิก (Unique Magic)?" เด็กสาวเอ่ยเสียงโพล่งออกมาด้วยใบหน้างุนงง เวทมนตร์ประจำตัวอย่างงั้นเหรอ มันคืออะไรกันน่ะ---อะไรที่เหมือนกับท่าไม้ตายในเกมแฟนตาซีอาร์พีจีอย่างงั้นหรือเปล่า?
"ประจำตัว..." เสียงของดิวซ์เอ่ยราวพึมพำก่อนจะถามขึ้นมา "-จะว่าไปแล้วนี่เป็นเวทย์บทเดียวที่เขาใช้ใช่ไหม?"
"เป็นเวทย์ที่จำกัดไว้เฉพาะคนเดียวน่ะ" เทรย์เอ่ย "พูดง่ายๆก็คือเป็นเวทย์ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะนิสัยของผู้ใช้ที่มีแค่พวกเขาเท่านั้น นั่นแหละเวทย์ประจำตัว แต่ว่าเรื่องนี้เดี๋ยวก็ได้เรียนในห้องแล้วล่ะ"
เวทย์จำกัดเฉพาะคนตามลักษณะนิสัย? ถ้าอย่างงั้นผู้คนของโลกใบนี้ก็มีเวทย์ที่ไม่มีเหมือนใครเลยสักคนอย่างงั้นสินะ? เด็กสาวมองด้วยแววตาที่ประหลาดใจปนระคนสงสัย ไม่เหมือนกับที่โลกของฉันเท่าไหร่ ที่นั่นพวกเราจะถูกแบ่งออกเป็นตามประเภท...
อื้ม โลกใบนี้ยังต้องศึกษาอีกเยอะจริงๆนั่นแหละ
"ยูนีคมาโฮของริดเดิ้ลคุงน่ะคือการผนึกพลังของคนคนนั้นเอาไว้" เคเตอร์เป็นฝ่ายอธิบายต่อจากเทรย์ด้วยใบหน้ารื่นเริง "และมันก็เรียกว่า ⌜Off with you head!⌟ "
เสียงพูดของริดเดิ้ลที่หล่อนเคยได้ยินก้องดังเข้ามาภายในความนึกคิด จะว่าไปแล้วก็เป็นชื่อเวทย์ประจำตัวที่ดูเหมาะสมกันไม่น้อย คนคนนั้นยึดมั่นในกฏระเบียบ ส่วนพลังประจำตัวของเขาก็มีไว้เพื่อใช้สยบผู้คนให้เลิกขัดขืนคำสั่งมิมีผิดแน่
เผด็จการสมเป็นราชินีโพธิ์แดงจริงๆ
"หยึ๊ย น่ากลัวชะมัด!?" กริมม์เอ่ย เหมือนว่าท่าทางของมันจะยังไม่หายกลัวเวทย์ประจำตัวของริดเดิ้ลอยู่
"ถ้านักเวทย์ถูกผนึกพลังเอาไว้ก็เหมือนกับคนหัวขาดนั่นแหละ" เธอนั่งฟังเสียงที่เคเตอร์เอ่ยออกมาจากริมฝีปาก ใบหน้านั้นจะมองตอนไหนก็ราวกับว่าเขายังคงฉีกยิ้มอยู่เสมอ "เพราะงั้นก็พยายามอย่าแหกกฏริดเดิ้ลคุงตอนอยู่ที่หอนะ"
"ถ้าทำตามกฎก็ไม่ต้องกลัวอะไรไปหรอก"
"เพราะแบบนั้นแหละฉันถึงได้พาเทรย์มาให้เหล่าปีหนึ่งจังยังไงล่ะ!" เคเตอร์ขยิบตา ขณะที่ผายมือไปยังเทรย์ที่หัวเราะแห้ง "ถ้าเป็นเทรย์ล่ะก็ทาร์ตจะต้องออกมาอร่อยแน่ๆ"
"จริงอ่ะ สุดยอด--!" เสียงของเอซดังขึ้น แววตาสีแสดนั้นดูเปล่งประกาย
"แต่พวกนายก็ต้องมาช่วยฉันหาเกาลัดกับพร้อมแล้วเอาไปกระเทาะเปลือกด้วยนะ" เทรย์เอ่ย "อย่างน้อยสักสองสามร้อยลูกก็พอแล้วล่ะ"
สองร้อยลูกเลยเหรอ? เด็กสาวเหงื่อตกนิดๆท่ามกลางใบหน้าของเอซ ดิวซ์ กริมม์ที่มีสีหน้าตกใจไม่ต่างกัน ทั้งเด็กสาวและพวกเขาต่างนึกไม่ถึงเลยว่าแค่ทำทาร์ตจำเป็นจะต้องใช้เกาลัดมากขนาดนี้ นี่กะจะเอามาเลี้ยงคนทั้งงานเลยเหรอ!?
"เยอะแบบนั้นเลยเหรอครับ!?" เสียงร้องดังมาจากปากของเอซ
"ฟุน๊า ไหงมันถึงได้เยอะแบบนี้กันล่ะ!?" เสียงร้องตกใจของกริมม์ดังขึ้น
"ก็เพราะต้องทำเพื่อใช้เลี้ยงคนทั้งงานเลยยังไงล่ะ" เทรย์เอ่ยขณะที่มือของเขาดันแว่นตาขึ้น "สำหรับปาร์ตี้วันไม่มีใครเกิดก็ประมาณนี้แหละ"
เธอมองเอซที่เอาศีรษะฝุบลงไปกับโต๊ะ เสียงที่ดังออกมานั้นดูราวกับคนหมดแรง
"น่ารำคาญชะมัดเล้ย..."
"ข้าผู้นี้กลับหอยังทันไหมเนี่ย?" กริมม์เอ่ย
"ไม่ทันแล้วล่ะ" มารีตบบ่าเพื่อนร่วมหอของหล่อนเบาๆ กะอีแค่คั่วแล้วเอาไปกระเทาะเปลือกก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเสียเท่าไหร่หรอกล่ะมั้ง?
"เอาน่าๆ ทุกคนมาทำทาร์ตด้วยกันเถอะ---ต้องอร่อยมากแน่ๆ" เคเตอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสราวกับพยายามจะเรียกขวัญกำลังใจของพวกเขาทั้งสี่คนกลับมา ใบหน้าของรุ่นพี่หนุ่มฉีกยิ้มขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา "มาสร้างความทรงจำด้วยกันไหม นี่ต้องเป็นการเดบิวต์บล็อกเกอร์ทำอาหารแน่เลย!"
"เรื่องนี้ช่วยเก็บเป็นความลับจากริดเดิ้ลด้วยนะ แต่ตอนอบเสร็จใหม่ๆน่ะทาร์ตจะอร่อยเป็นพิเศษเลย" เสียงที่ดูนุ่มนวลดังออกมาจากปากของเทรย์ ช่วยเรียกความสนใจจากพวกโดยพลันเมื่อถึงวรรคที่ว่า'ตอนอบเสร็จๆใหม่ทาร์ตจะอร่อยเป็นพิเศษ' "คนที่ช่วยจะให้ลองทานด้วยนะ?"
ดวงตาสีฟ้าของกริมม์เปล่งประกาย
"โอ้ๆ ถอยไปๆ! เดี๋ยวข้าจะไปหาสุดยอดเกาลัดของเกาลัดของเกาลัดมาให้อย่างแน่นอน!"
"จะเปลี่ยนใจเร็วเกินไปแล้วนะกริมม์" เด็กสาวส่ายหน้า เสียงหัวเราะดังแผ่วออกมาจากลำคอ---ก่อนที่ดวงตาสีน้ำข้าวจะเบิกกว้างราวพึ่งนึกอะไรบางอย่างที่สุดแสนจะสำคัญออก "เอ๊ะ..จะว่าไป--"
"มีอะไรรึไงมารี?" เอซเอ่ยถามหล่อน "อย่าบอกนะว่ารู้สึกไม่ดีอีกแล้วน่ะ?"
หล่อนส่ายหน้า
"ไม่ใช่ๆ ฉันก็แค่...คิดอะไรสำคัญๆออก" หล่อนเอ่ยเช่นนั้น "เพราะงั้นกะว่าช่วงหลังเลิกเรียนจะไปที่ห้องสมุดดูก่อนน่ะ ไปตอนพักกลางวันเองก็คงจะไม่ทันแล้ว---เดี๋ยวจะตามมาช่วยอีกแรงนะครับ"
"เข้าใจล่ะ พวกเราจะมาเริ่มทำทาร์ตกันภายในช่วงหลังเลิกเรียนนะ" เทรย์เอ่ยนัดหมาย พวกเราทั้งสี่คนพยักหน้าภายในเวลาไล่เลี่ยกัน "ฉันจะไปรออยู่ที่โรงอาหารโซนห้องครัว ส่วนพวกนายไปเก็บเกาลัดที่ป่าหลังโรงเรียนได้เลย ที่นั่นน่ะจะอยู่ใกล้สวนพฤกษศาสตร์"
สวนพฤกษศาสตร์---สมกับเป็นโรงเรียนที่ใหญ่กว้างขวาง เธอคิดระหว่างที่จินตนาการถึงสวนพฤกษศาสตร์ จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เคยไปดูแหล่งสวนพวกนี้ก็หลายปีแล้ว สวนของที่นี่จะเป็นยังไงบ้างนะ อยากรู้จังแฮะ..แต่ก่อนหน้านั้นฉันคงต้องไปขอยืมหนังสือมาก่อน
จะมีอยู่ไหมนะ...เจ้าหนังสือกฏแปดร้อยสิบข้อแห่งอาณาจักรกุหลาบ
"ถ้างั้นหลังเลิกเรียนอย่าลืมไปเจอกันที่สวนพฤกษศาสตร์นะ!" เอซเอ่ย
อุ้งเท้าของกริมม์ชูขึ้นฟ้า
"โกๆ ไปเก็บเกาลัดกัน!"
บรรยากาศคล้ายดูจะครึกครื้นขึ้นมาภายในโต๊ะอาหาร ในที่สุดเหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องของเด็กสาวก็เปลี่ยนไปคุยหัวข้ออื่นภายในเวลาพักกลางวันที่ยังเหลืออยู่นี้ เด็กสาวเลือกที่จะเงียบ นั่งฟังข้อมูลส่วนใหญ่ที่เคเตอร์มักจะเอ่ยโดยพูดถึงมาจิคาเมะบ่อยๆ และไหนจะเรื่องของโรงเรียนนี้ที่มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับหอเดียซอมเนีย
เป็นช่วงเวลาที่ดูสนุกสนาน...
นัยน์ตาสีน้ำข้าวของเด็กสาวก้มมองมือที่ยังเปื้อนรอยขุ่นคล้ำสีดำเมี่ยมที่ยังหลงเหลืออยู่แม้จะเช็ดออกไปจนเกือบหมด หล่อนยังจำความรู้สึกเจ็บปวดเหลือคณานี้ได้อย่างสุดหัวใจ
มือข้างนั้นกำแน่นอย่างเงียบงัน
เธอทำได้แค่ภาวนาว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
***
สาส์นจากไรท์ :
สวัสดีนะคะรีดเดอร์ทุกคน ในที่สุดไรท์ก็ขุดตัวเองให้มาอัพได้แล้วนะคะ(โผล่) ช่วงนี้ไรท์อาจจะติดเวลาอัพช้าไแปสักหน่อยเนื่องจากว่ายังมีงานที่ต้องสะสางเป็นจำนวนมากกับต้องไปปั่นแรงค์ขึ้นสู่แรงค์70ค่ะ
สำหรับพาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่ย้อนความกันตั้งแต่ช่วงแรกจนถึงช่วงท้ายตอนเลย(หัวเราะแห้ง) ต้องขออภัยด้วยจริงๆนะคะ และสำหรับภายในตอนนี้ในที่สุดมาเลอุสก็โผล่เป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ หลังจากที่เคยเอ่ยปากว่าพี่แกจะต้องมีบทไวๆมาตั้งนานนมเนแน่ะ!(ทำได้แล้วนะ โบเต้ ร้อยคะแนน!)
สำหรับบทห้าเป็นยังไงกันบ้างคะ? โดยส่วนตัวแล้วชอบบทห้ามากๆเลยค่ะ(เพราะเนจคุงออกยังไงล่ะ!) และแม้ว่าเนจคุงจะออกแค่ช็อตเดียวก็ตาม ไรท์กะว่าภายในอนาคตไม่ช้าก็เร็วบทของเด็กคนนี้จะต้องออกมาอย่างแน่นอน(เพราะไรท์อยากยังไงล่ะ มีแค่เหตุผลเดียวนั่นแหละนะ) แต่จะออกมาแบบไหน มาเป็นอะไรก็คงต้องรอดูกันต่อไป
ส่วนกาชาคุณรูค...เกลือค่ะ ไรท์ตัดสินใจสุ่มไปแค่สิบโรล+1 แต่ก็ได้แค่การ์ดทดลองของคุณรูคมาTT เอาว่ะ ไว้ค่อยไปรอในโอกาสอื่นแล้วกันเนอะ
ช่วงนี้น่ะอยากจะยัดบทคนนู้นทีคนนี้ทีเพื่อปูเรื่องไปหมดเลย(ว่าจะต้องปูเรื่องให้แน่นเพื่อไปได้อย่างไหลลื่น+ความชอบโดยส่วนตัวของไรท์) โดยบทหนึ่งถึงบทสองพาร์ทอาจจะมีเยอะและมีอย่างอื่นที่จะกล่าวถึงนอกจากเนื้อหาหลักด้วยนะคะ
ปล. จริงๆตอนนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากหรอก แต่ส่วนสำคัญที่เขียนลงไปมันก็เยอะอยู่อ่ะนะ--
ปล.สอง จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาเวลาหนึ่งตอนต่อสามวันนี้นะ แต่ถ้าช้าไปไกลกว่านั้นแสดงว่าไรท์อาจจะจมคากองงานหรือไม่ก็เอาเวลาไปปั่นฟิครอง(เหงื่อตก)
ปล.สาม ใช่แล้ว เกือบจะลืมไปเลย คอมมิชชั่นหนูมารีเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ!(สามารถเข้าไปดูได้ในตอนที่7เลย) จริงๆก็อยากจ้างให้ลงสีด้วยแต่ว่าแค่นี้ไรท์ก็แกรบแล้วเลยทำได้แค่เส้นเปล่า ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ
ปล.สี่ มองมารีเวอร์ชั่นคอมมิชชั่นแล้วรู้สึกเหมือนออร่าความหล่อมันจ้าเข้าตาเลย(ใส่แว่นกันแดด) แค่กๆ
ปล.ห้า คาดว่าอีกพักหนึ่งอีกคอมมิชชั่นหนึ่งของมารีจะออกมาพอดี แน่นอนว่าอาจจะเส้นเปล่าตามเคยนะคะ แฮะๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น