ตอนที่ 17 : รีไรท์ 第17 集 ม่านวิวาห์อลเวง
ตอนที่ 17 ม่านวิวาห์อลเวง
หลังจากทั้งสามคุยกันไปได้สักพักอี้ป๋อก็ถูกซีเฉินเรียกไปคุยงานเพื่อหาคนเดินทางไปดูแลท่าเรือในช่วงที่เซียวจ้านท้องอ่อนๆ และช่างรู้ใจหลานชายของตัวเองดีนักว่าเวลาแบบนี้อี้ป๋อคงไม่มีจิตใจเดินทางไปดูงานด้วยตัวเองแน่
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เหลือเพียงจินจื่อเซวี่ยนและเซียวจ้านนั่งคุยกันตามลำพังระหว่างรออี้ป๋อออกมาจากวงประชุม เซียวจ้านรู้สึกอึดอัดนักที่ต้องมานั่งอยู่ในที่อุดอู้จึงออกปากชวนคุณชายจินมานั่งรับลมใต้ต้นเหมยแดงจะได้คุยกันลื่นคอกว่านี้
“ข้าล่ะอยากรู้นักว่าสมัยเด็กของอี้ป๋อนั้นเป็นอย่างไร”
“หืม? เซียวจ้านอยากให้ข้าเล่าหรือ?”
เซียวจ้านพยักหน้าตอบจินจื่อเซวี่ยนอย่างซื่อตรง มันคงไม่ผิดแปลกไปใช่หรือไม่ที่เซียวจ้านจะอยากรับรู้เรื่องราวสมัยเด็กของผู้ที่เป็นสามีของตัวเอง หากได้รับรู้คงมีเรื่องไปแกล้งอี้ป๋อคืนบ้าง
“อี้ป๋อเป็นผู้ชายที่ข้าต้องยอมรับเลยว่าไม่มีที่ติ ไม่มีด่างพร้อย”
“อย่างไรหรือ?”
เมื่อได้ยินเพื่อนรักขนานนามว่าอี้ป๋อเป็นชายไร้ที่ติเซียวจ้านก็ชักอยากจะรู้แล้วเชียวว่ามันเป็นอย่างไร มันจะเป็นไปได้หรือที่คนๆ หนึ่งจะไม่มีที่ติเลย
“อืม อย่างเช่นวัยเด็กข้าน่ะประทับใจตัวสหายคนนี้มาก เชื่อหรือไม่ว่ามีคนมาหาเรื่องข้าและอี้ป๋อเข้ามาช่วย แต่ไม่ได้สู้กลับหรอกนะเพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของ
อี้ป๋อ”
เซียวจ้านยังคงนั่งฟังนิ่งๆ ไม่ได้พูดออกมาแต่อย่างใด แต่ท่าทางที่มีนั้นจินจื่อเซวี่ยนรับรู้ได้อย่างถ่องแท้ว่าเซียวจ้านอยากรู้ใจจะขาด
“คนอื่นคงสู้กันสักหมัดแต่อี้ป๋อกลับเอาตัวมาขวางข้าไม่ให้มีเรื่องกับกลุ่มเด็กพวกนั้น เขายอมเอาหน้ามารับหมัดแทนข้าและยืนนิ่ง ย้อนคิดไปแล้วช่างน่าขัน”
เสียงหัวเราะของจินจื่อเซวี่ยนไม่ได้ดังขึ้นเพียงผู้เดียวเมื่อเซียวจ้านเองก็อดขันในใจไม่ได้เช่นกัน คนอะไรจะไปยืนนิ่งๆ ให้อีกฝ่ายรุมต่อย แต่พอคิดว่าเป็นอี้ป๋อก็น่าจะจริงอย่างนั้น คนอย่างอี้ป๋อนิ่งราวกับรูปปั้นหินคงไม่มีนิสัยอันธพาลไปสู้กับใครได้
“แต่ว่านั่นน่ะ ข้ายกให้อี้ป๋อคือสุภาพบุรุษเลยนะ การที่ไม่สู้กลับเป็นวิถีผู้ดีอย่างหนึ่ง เมื่อพวกนั้นเห็นว่าไม่สนุกที่จะหาเรื่องก็เดินจากไปโดยที่ไม่สร้างศัตรูต่อกันอีก”
“เพราะอี้ป๋อไม่อยากมีเรื่องกับใครสินะ”
“ใช่แล้ว เพราะเขาไม่อยากมีเรื่องกับใครเลยยอมให้อีกฝ่ายหาเรื่องให้พอ เมื่อสมใจก็จบกันไป ฮ่าๆๆ”
เซียวจ้านหัวเราะเสียงดังพร้อมกับจินจื่อเซวี่ยนเพราะหากเป็นตัวเซียวจ้านเองคงไม่นิ่งอย่างอี้ป๋อแน่ ไม่สู้สักหมัดก็สู้ถึงตายไปข้าง
“แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าสามีเจ้าดีไปกว่านั้นอีกคือการแตะบ่าข้าและบอกข้าว่าให้ใจเย็นลง คนเลวใช่ว่าจะต้องเลวตอบและเรื่องนี้ก็ไม่ต้องไปบอกท่านซีเฉิน ให้รู้เพียงเราสองเรื่องจะได้จบไป”
“อ๋า ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเรื่องนี้ท่านซีเฉินไม่รู้หรือ?”
จินจื่อเซวี่ยนพยักหน้าให้กับความลับที่เก็บมานานถึงสิบห้าปีกว่า มีเพียงเขาและอี้ป๋อที่รู้เรื่องนี้จนกระทั่งมีเซียวจ้านรู้เพิ่มขึ้นมาอีกคน ไม่รู้เพราะเหตุใดอกข้างซ้ายของเซียวจ้านยิ่งรู้สึกสั่นไหวไปมากกว่าเดิมเมื่อได้รู้เรื่องนี้ อี้ป๋อเจ้าช่างเป็นคนดีเสียจริง ดีเสียจนใจของเซียวจ้านฟูฟ่องดั่งละอองน้ำปะปนสายคลื่น
“เจ้าโชคดีแล้วที่ได้อี้ป๋ออยู่เคียงข้าง ข้าน่ะเป็นสหายเจ้านั่นมานานข้ารู้ดีว่าถ้าเป็นเรื่องของเซียวจ้าน อี้ป๋อไม่มีทางยอมแน่นอน”
“คือความจริง”
เซียวจ้านพูดออกมาแค่นั้นและคลี่ยิ้มออกกว้างไปยังสหายรักของสามีตัวเอง คราหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ท่าเรือคืนนั้น เซียวจ้านที่ถูกพวกค้าของเถื่อนจับตัวเองไว้หากเป็นคนอื่นอี้ป๋อคงนิ่งเฉย แต่พอเป็นตัวเขาเองไม่ว่าอย่างไรจะต้องคุ้มกันไม่ให้เป็นอันตรายไปแน่
อี้ป๋อไม่สู้กลับชายพวกนั้นหากแต่ใช้ความฉลาดเข้าสู้ ไม่เยี่ยงนั้นเซียวจ้านอาจไม่ได้มีลมหายใจพูดคุยกับจินจื่อเซวี่ยนอย่างวันนี้
อี้ป๋อไม่มีที่ติจริงๆ
“เจ้ายิ้มอย่างนี้คงมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นใช่หรือไม่? ฮ่าๆ บางทีข้าก็อิจฉาอี้ป๋อนักที่มีคนร่าเริงอย่างเจ้าอยู่ให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ”
“หืม? อย่างไรหรือ?” เซียวจ้านหันมาถามเสียงสูง เขาเป็นคนร่าเริงแล้วทำไมกัน?
“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าอี้ป๋อนั้นสุขุมและวางมาดขรึมทั้งนิ่งทั้งเย็นชา”
“อืม ข้ารู้ดีเลยแหละ วันแรกที่เจอเขาเหมือนข้าเจอพ่อดอกพิกุลทอง”
“ฮ่าๆๆ พ่อดอกพิกุลทอง? เจ้าเรียกอี้ป๋อว่าอย่างนั้นเพราะอะไรกัน?”
เซียวจ้านไม่อยากจะเล่าจริงๆ ว่าทำไมถึงเรียกอี้ป๋อว่าพ่อดอกพิกุลทองเพราะยิ่งนึกก็ยิ่งขันจนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น แต่ถ้าหากจินจื่อเซวี่ยนอยากรู้ เซียวจ้านผู้นี้ก็พร้อมแถลงไขให้กระจ่าง
“ก็เขาไม่พูดอะไรเลย ข้าพูดสิบคำร้อยคำเขาตอบเพียง อืม ฮ่าๆๆ มันน่าเรียกไหมล่ะ เหมือนกับว่าพูดทีนึงดอกพิกุลจะร่วงจากปาก”
“ฮ่าๆ จริงด้วย เขาเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กอย่าได้ถือสา ข้ายังนึกแปลกใจว่าทำไมทุกวันนี้ถึงได้พูดเยอะกับเจ้านัก ช่างสมแล้วที่เจ้ามาทำลายกำแพงของอี้ป๋อจนหมดสิ้น”
อย่างนี้เองสินะที่จินจื่อเซวี่ยนได้กล่าวอิจฉาที่อี้ป๋อมีเซียวจ้านเคียงข้าง ราวกับหยินและหยางในลัทธิเต๋า หยินคือตัวแทนความมืดหนาวเหน็บส่วนหยางคือแสงสว่างผู้มาพร้อมกับความสดใส เมื่อสองสิ่งประสานบรรจบกันจึงกลายเป็นความลงตัวที่ยากจะพรากจาก
“ข้าไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย ข้าไม่คิดมาก่อนเช่นกันว่าความเป็นตัวข้านั้นอี้ป๋อจะมาหลงชอบ”
“หืม? อี้ป๋อบอกชอบเจ้างั้นหรือ?”
ให้ตายสิพลั้งปากออกไปแล้วเซียวจ้านเอ๋ย มือเรียวรีบยกมือมาปิดปากเอาไว้แทบไม่ทันเมื่อเผลอพูดเรื่องที่ไม่ควรพลั้งปากออกไป ใบหน้าหวานซับสีแดงระเรื่อก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสู้หน้าจินจื่อเซวี่ยน ก็จะไปกล้ามองได้เยี่ยงไรน่าอายตายชัก
“ข้าล่ะไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างอี้ป๋อจะบอกชอบใครคนหนึ่งอย่างนี้ แต่พอคิดว่าเป็นเจ้าก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่นัก ตอนอี้ป๋อสิบแปดได้กระมังเจ้านั่นชอบพอกับสตรีนางหนึ่ง ข้าก็ยังไม่เห็นว่าอี้ป๋อจะพูดอะไร...”
“อี้ป๋อมีสตรีที่ชอบพอกันอยู่หรือ?”
ก่อนหน้านั้นเซียวจ้านเอามือขึ้นมาปิดปาก คราวนี้เป็นจินจื่อเซวี่ยนเข้าแล้ว พูดอะไรออกไปไม่คิดสินะว่าตรงหน้าเป็นภรรยาของสหายตน การมาพูดเรื่องสามีกับสตรีอื่นมันหาใช่เรื่องที่ควรพูด
ใบหน้าหวานแปรเปลี่ยนจากความขัดเขินกลายเป็นเรียบตึงเสียจนจินจื่อเซวี่ยนใจเริ่มเสีย
“ใจเย็นก่อนนะเซียวจ้านนั่นเป็นเพียงอดีต ตอนนี้นางยังไม่น่าจะกลับจาก
ร่ำเรียนต่างประเทศ ไม่มีอะไรหรอกอดีตย่อมเป็นอดีต” จินจื่อเซวี่ยนยกมือขึ้นมายกปัดไปมาพลางกลั้วหัวเราะเสียงแห้งเพราะได้โยนระเบิดลูกใหญ่เอาไว้เต็มๆ
“ตอนนั้นอี้ป๋อชอบนางหรือไม่? ถ้าหากเคยชอบพอกันแล้วตอนนี้อี้ป๋อยังชอบอยู่หรือเปล่า?”
คำถามจากแม่ท้องอ่อนรัวใส่เสียจนอีกฝ่ายไม่รู้จะสวนตอบอย่างไรให้ครบถ้วน ร่างหนาหยุดนิ่งคิดสักพักก่อนจะรวบรวมความจริงเมื่อห้าปีก่อนอธิบายให้คนตรงหน้าฟัง
“ข้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าชอบพอกันแค่ไหนเพราะอี้ป๋อไม่เคยแสดงอาการอะไรเลยแม้แต่น้อย วันที่นางมาบอกว่าต้องไปต่างประเทศอี้ป๋อยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ”
“ฮ่าๆๆ อี้ป๋อก็ยังเป็นใบ้เหมือนเดิมสินะ ฮ่าๆๆ คงจะเสียใจไม่น้อยแต่ไม่รู้จะพูดอะไร...”
จินจื่อเซวี่ยนไม่ได้รู้สึกถึงความร่าเริงและความสุขในน้ำเสียงของเซียวจ้านแม้แต่น้อย เสียงหัวเราะอันแห้งตึงและใบหน้าที่เอาแต่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างเสียจนต้องก้มหน้าน้ำตาคลอมองพื้นหญ้าไปมาทำเอาจินจื่อเซวี่ยนรู้สึกผิดเต็มอก
ไม่น่าพูดอะไรพวกนี้ออกมาเลยสักนิดเพราะมันคงไม่มีใครชอบฟังเรื่องความรักของคนที่ตัวเองมอบหัวใจให้นักหรอก แม้ว่ามันจะเป็นเพียงอดีตก็ตาม
“ใช่หรือไม่? อี้ป๋อคงชอบนาง...ตอนนี้ก็อาจ...อ้ะ”
เซียวจ้านเงยหน้าขึ้นมาพูดพลางคลี่ยิ้มทำตัวราวกับไม่เป็นไรกับเรื่องพวกนี้ เพียงแต่กำลังจะพูดกลับเห็นมือของอีกฝ่ายกำลังเอื้อมมาบนหัวของเขาอย่างถือวิสาสะก่อนที่มือนั้นจะหยุดค้างเอาไว้เสียก่อน
“เอ่อ...ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้เจ้าตกใจนะ พอดีมีดอกเหมยแดงร่วงหล่นที่หัวเจ้า ข้าแค่จะหยิบ...”
“ไม่ต้อง!”
น้ำเสียงแข็งดื้อและดุดันส่งมาจากด้านหลังของทั้งสองทำเอาสะดุ้งตัวโหยงมองไปทางต้นเสียงทันที จินจื่อเซวี่ยนคลี่ยิ้มฝืดๆ นั่นไปหาสหายรักของตัวเองและรีบพับมือตัวเองลงที่หน้าขาทันที ก็เพราะสายตาของอี้ป๋อนั่นไงเล่า จ้องเขาราวกับจะฆ่าจะแกง
“เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่? ...อย่ามองหน้าข้าอย่างนี้สิอี้ป๋อ ข้าไม่ได้จะลวนลามเมียเจ้า”
“อ้ะ! อี้ป๋อปล่อยข้าก่อน นี่อี้ป๋อปล่อยข้านะ!”
จินจื่อเซวี่ยนยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองด้วยความมึนงงยิ่งนักและมองตามแผ่นหลังของอี้ป๋อที่ดึงมือเซียวจ้านชักจูงไปที่เรือนหลังบ้านใหญ่ นี่เขาคงไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงลงไปใช่หรือไม่?
มือหนาค่อยๆ ปล่อยมือเซียวจ้านเมื่อพาอีกฝ่ายเข้ามาในเรือนแล้ว ข้อมือแดงๆ ของเซียวจ้านทำเอาอี้ป๋อรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์โทสะของตัวเองได้ ทั้งๆ ที่อี้ป๋อไม่เคยมีอาการเช่นนี้เกิดขึ้นในชีวิตสักครั้งหากไม่ใช่เพราะเซียวจ้าน
“เจ็บหรือไม่ ข้าขอโทษ”
น้ำเสียงรู้สึกผิดดังขึ้นพลางชำเลืองมองข้อมือเซียวจ้านที่อีกฝ่ายใช้มือลูบมันด้วยริมฝีปากเบะออกจากกันเล็กน้อย เซียวจ้านมองอี้ป๋ออย่างคาดโทษว่าตัวเองทำผิดอะไรกันนักหนาถึงได้โดนกระทำรุนแรงเช่นนี้
“เจ้าเป็นอะไรของเจ้าอี้ป๋อ? ข้ากับคุณชายจินไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีไม่งามเสียหน่อย” เซียวจ้านหนอเซียวจ้านเจ้าช่างดูไม่ออกเลยหรือว่าชายผู้นี้ต่อหน้าเจ้านั้นออกอาการน้ำส้มหกขนาดไหน ที่อี้ป๋อทำรุนแรงก็เพราะหวงเจ้ากับชายอื่นเยี่ยงไรเล่า
“ทำไมปล่อยให้เขาโดนตัว?”
“หา? คุณชายจินแค่จะปัดดอกเหมยแดงจากหัวข้านะอี้ป๋อ เขาไม่ได้กระทำไม่ดีอะไรเลย”
ราวกับหูดับตาบอด อี้ป๋อไม่แม้แต่จะฟังเซียวจ้านสักนิดและหันหลังใส่ คราวนี้เซียวจ้านจึงฉลาดขึ้นมาบ้างว่าอี้ป๋อออกอาการหึงเข้าแล้ว ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อเห็นว่าสามีโกรธเคืองยิ่งรู้สึกพออกพอใจนักจนกลั้นยิ้มไม่อยู่และส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“เจ้าหึงข้ากับเพื่อนรักเจ้าหรืออี้ป๋อ?”
“...”
อี้ป๋อยังคงยืนหันหลังใส่ไม่ได้ตอบอะไรเซียวจ้านกลับมาสักนิด เรียวขาสวยก้าวขึ้นไปหาแผ่นหลังนั้นช้าๆ จนรู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายยิ่งนัก หากยังรู้สึกดีใจเสียจนต้องวาดมือทั้งสองเข้าไปโอบกอดชายตรงหน้าเต็มอกน้อยและใช้คางมนเกยไปยังบ่าแกร่ง
“อย่าโกรธข้าเลยนะอี้ป๋อ เรามีลูกด้วยกันแล้วนะข้าจะไปชายตามองใครได้อีกเล่า?” น้ำเสียงออดอ้อนจากคุณแม่ท้องอ่อนเพรียกข้างหูและถูไถคางน้อยๆ ไปตามบ่าแข็งแรงพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นด้วยความออดอ้อนสุดชีวิต แต่เหมือนอี้ป๋อจะยังไม่พอใจ
“ข้าจะทำอย่างไรให้เจ้าหายหงุดหงิดกัน อย่างนี้ได้หรือไม่?”
จมูกรั้นของเซียวจ้านฉกฉวยแก้มข้างขวาและสูดหอมแก้มนั้นเบาๆ อย่างเอาอกเอาใจหวังให้อี้ป๋อหายเคืองโกรธหันมาคุยกันดีๆ ดวงตาสีนิลเบิกกว้างเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าเซียวจ้านจะทำอะไรแบบนี้ได้จนหัวใจสั่นไหว
“ยังไม่หายโกรธอีกหรือ? ข้าทำซ้ำดีหรือไม่?”
...จุ๊บ…
หากแต่คราวนี้ไม่ใช่จมูกรั้นที่สูดดมแก้มสากแต่เปลี่ยนเป็นริมฝีปากนุ่มชมพูอ่อนประทับไปที่แก้มนั้นจนแนบทุกส่วนฝังลงไป ทีนี้คนอย่างอี้ป๋อหรือจะใจแข็งได้อยู่นานเมื่อภรรยาข้างหลังไถ่โทษขนาดนี้แล้ว
“ข้าหึงเจ้า หึงมาก ไม่ว่าใครข้าก็ไม่อยากให้มาโดนตัวเจ้า” ความโกรธของอี้ป๋อหมดสิ้นไม่หลงเหลือตั้งแต่โดนหอมแก้มแล้วเพียงแต่ชั่งใจรอให้โดนอ้อนมากกว่านี้สินะ เจ้าเล่ห์เสียจริง ทันทีที่เอ่ยปากสารภาพความรู้สึกหมดเปลือกจึงค่อยๆ หันหน้ามาคุยกับเซียวจ้านดีๆ
“ข้ารู้ แต่ว่ามันไม่มี...อื้อ!”
ยังไม่ทันที่เซียวจ้านจะพูดจบประโยคริมฝีปากหยักของอี้ป๋อก็ฉกชิมความอ่อนนุ่มและช่วงชิงความหวานในโพรงปากของเซียวจ้านเสียก่อน ไม่รู้ว่าอี้ป๋อตายอดตายอยากมาจากไหนคว้าเรียวร่างของเซียวจ้านประชิดอกแกร่งและจับกรอบหน้าสวยให้มั่นมือก่อนจะเอียงหน้าลงจูบอีกครั้งและอีกครั้ง
ร่างของอี้ป๋อค่อยๆ ดันร่างของเซียวจ้านเสียจนเรียวขาชนริมฝั่งเตียงทั้งๆ ที่ริมฝีปากหาได้เคลื่อนออกจากกันแม้แต่น้อย ทั้งดูดดึงปากนุ่มและชิมน้ำหวานด้านในโพรงปากอย่างไม่รู้เบื่อก่อนจะค่อยๆ พยุงภรรยาลงนอนกับเตียงด้วยอารมณ์พาไป
“อืม”
เสียงพึงพอใจของอี้ป๋อส่งออกมาจากลำคอแกร่งก่อนจะทาบทับร่างหนาประชิดใกล้ร่างที่นอนราบกับเตียงกว้างโดยเว้นช่วงท้องไม่ให้กดทับลงไปเป็นอันตรายใดแก่เจ้าวุ้นในท้อง มือสากร้อนลูบไล้ไปตามกรอบหน้าสวยเพื่อยึดใบหน้าของเซียวจ้านให้เชิดรับแรงบดจูบที่กว่านี้
“อี้ป๋อ...”
มือน้อยยกขึ้นมาดันหน้าอกแกร่งให้ถอนจูบอันเร่าร้อนนี่ออกเสียก่อนที่ไฟจะติดลามเตลิดไปไกล แม้ว่าในใจจะไม่อยากขัดว่าที่พ่อของลูกเท่าไหร่นักแต่ต้องพึงระลึกเสมอว่าตอนนี้เซียวจ้านไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว
“ข้า...ทนไม่ไหว”
มือสากยังคงลูบวนอยู่ตามเอวคอดและใช้แรงที่มีพยายามกระตุกผ้าคาดเอวออกอย่างรีบร้อน ใบหน้าคมซุกลงกับซอกคอหอมกรุ่นและขบเม้มต้นคอขาวซ้ำไปมาราวกับอ้อนขอ
“อี้ป๋อ ข้าท้องอยู่เราทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้”
เซียวจ้านพยายามเอาเหตุผลเข้าสู้อี้ป๋อที่กำลังเอาแต่ใจตัวเองเสียจนไม่อยากฟังผู้ใด สัมผัสแข็งตรงต้นขาอ่อนทำให้เซียวจ้านรู้ดีว่าตอนนี้อี้ป๋อมีอารมณ์มากเพียงไหน แค่บดจูบและลูบร่างกายเซียวจ้านก็เสมือนมีไฟมาติดอารมณ์สวาทของวัยหนุ่มกลัดมัน
“นะเซียวจ้านภายนอกก็ได้ ข้า...ทนไม่ไหว”
ดวงตาสีนิลจับจ้องไปที่ดวงตาหวานจนเซียวจ้านเริ่มเห็นว่ามันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยอารมณ์ใคร่ สันกรามแกร่งขบกันจนเกิดเสียงเหมือนกำลังต้านทานอารมณ์อยากจะขยี้ร่างบอบบางเสียเต็มแรงนั่นก็ทำให้รู้ดีว่าเซียวจ้านคงไม่สามารถคัดค้านอะไรได้
“อื้อ อี้ป๋ออย่าเพิ่ง”
เซียวจ้านเอี้ยวคอขาวหลบสันจมูกโด่งคมของอี้ป๋อเป็นพัลวันเมื่ออีกฝ่ายทั้งขบเม้มและส่งเสียงลมหายใจกระเส่าเข้าที่ข้างหูพาเอาขนลุกไปทั่วร่างและยอมให้
อี้ป๋อเปลื้องเสื้อชั้นนอกออกไปอย่างง่ายดายจนเหลือไว้เพียงเสื้อซับในตัวบาง
“ไม่ได้จริงๆ หรือ?”
เมื่อเซียวจ้านเงียบไปและออกแรงดันร่างของอี้ป๋อออกห่างหนักขึ้น ร่างหนาก็ค่อยๆ ผละมือออกมาจากหน้าอกนุ่มของเซียวจ้านที่ล้วงไปถึงไหนต่อไหนอย่างเสียดายและหยัดกายนั่งที่ข้างเตียง เสียงลมหายใจของอี้ป๋อหอบหนักเหมือนพยายามกลั้นอารมณ์เบื้องล่างเอาไว้
มันทั้งปวดและทั้งน่าอึดอัดจนขึ้นเป็นทรงดันเนื้อกางเกงขึ้นมา
“ข้าผิดเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ”
ทั้งๆ ที่เซียวจ้านกำลังท้องลูกของเขาอยู่แท้ๆ แต่เป็นเพราะยับยั้งชั่งใจไม่ให้รังแกเซียวจ้านไม่ได้เลยเผลอไผลไปตามแรงอารมณ์ อี้ป๋อรู้สึกผิดยิ่งกว่าอะไรดีจนนั่งเงียบไม่พูดไม่จาพาเอาเซียวจ้านค่อยๆ ประคองเนื้อตัวขึ้นมาจากเตียงพลางกุมเสื้อที่หลุดลุ่ยจนไหล่บางโผล่พ้นมานั่งซ้อนหลังอี้ป๋อ
“เจ้าโกรธข้าหรือ? ข้าไม่ได้จะห้ามเจ้า ข้าเข้าใจเจ้าดีว่าเจ้าต้องการ แต่...”
“ไม่เป็นไรเซียวจ้าน เจ้าไม่ต้องขอโทษในเรื่องที่ไม่ผิด ข้าผิดเองที่คิดจะรังแกเจ้ายามนี้” อี้ป๋อมองไปที่หน้าท้องของเซียวจ้านด้วยแววตารู้สึกผิด ทั้งๆ ที่เซียวจ้านเป็นห่วงลูกมากขนาดนี้ไม่ให้พ่อรังแกแต่ดันเป็นตัวอี้ป๋อเองที่ห้ามใจต่อร่างกายยั่วเย้านี้ไม่ไหว
“ใช่ เจ้าคิดรังแกข้า เจ้าทำให้ข้ามีอารมณ์ไปกับเจ้าแล้วจะทิ้งข้าอย่างนี้หรือ? ที่ข้าท้วงข้าแค่อยากให้เจ้าไปปิดหน้าต่างปิดประตูก่อน ข้า...ไม่อยากให้คนในเรือนใหญ่ได้ยินได้รู้”
ใบหน้าหวานซับไปด้วยสีแดงอ่อนเมื่อต้องพูดประโยคชวนน่าอายนั่น ก็ใครบ้างโดนสามีเล้าโลมเพียงนี้จะนิ่งเป็นปูนปั้น เพียงแต่จะทำกันกลางวันแสกๆ ประตูเปิดโล่งมันก็น่าอายเกินไปนะ ร่างกายบางเขยื้อนเข้าใกล้อี้ป๋อจนอกน้อยชิดแผ่นหลังอีกฝ่ายก่อนจะตวัดลิ้นเลียไปที่ติ่งหูขาวจนขึ้นสีแดงจัด
“เจ้า...อืม”
อี้ป๋อหันหน้ามาดูดดึงริมฝีปากนุ่มชั่วครู่ก่อนจะผละใบหน้าออกห่างด้วยความดีใจ ตอนแรกก็ว่าจะนั่งนิ่งๆ ให้อารมณ์มันจางหายแต่เมื่อภรรยาอนุญาตมีหรือจะรั้งรอให้โอกาสดีๆ ผ่านไป ร่างกายแกร่งหยัดขึ้นลุกเดินไปปิดหน้าต่างปิดประตูเสียแทบไม่ทัน
“ห้ามสอดใส่นะอี้ป๋อ อย่ารังแกลูกถ้าจะรังแกก็รังแกข้าผู้เดียว”
“ข้าจะรังแกจนเจ้าเสียงแห้งเลยเซียวจ้าน อืม”
ยามตะวันขึ้นกลางท้องฟ้าเพียงไม่นานจนตะวันคล้อยมาอีกฝั่งได้เพียงไม่เท่าไหร่สองร่างที่นอนหอบกระเส่าอยู่บนเตียงก็เริ่มบทสวาทอันยากจะห้ามใจเสียแล้ว อี้ป๋อดึงรั้งประตูห้องและหน้าต่างให้ปิดสนิทใช้เพียงแสงที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องคลำทั่วร่างสั่นระริก
ร่างกายเปลือยเปล่าของเซียวจ้านขาวผ่องเสียจนไม่ต้องใช้แสงเทียนส่องให้เสียเล่มเทียน ริมฝีปากหยักขบเม้มไปทั่วลำคอขาว อกเปลือยจนมาหยุดที่เม็ดทับทิมทั้งสองที่ชูชันราวกับกำลังรอความอุ่นโลมเลีย
“อื้อ อี้ป๋อ”
เสียงหวานครางดังขึ้นเมื่อลิ้นอุ่นร้อนตวัดที่ปลายยอดแข็งชันนั่นจากชมพูอ่อนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ไม่มีว่างเว้นสักข้างหากไม่ใช่ลิ้นเลียหรือขบเม้มมือหนาก็จะส่งไปบีบนวดให้ขึ้นทรงสวย
“เซียวจ้าน หอม”
ทั้งๆ ที่เซียวจ้านอาบน้ำไปตั้งแต่เช้าตรู่แต่กลิ่นความหอมยังคงส่งกลิ่นออกมาให้ได้ดอมดม เพียงครึ่งร่างบนก็หอมเย้าเพียงนี้อี้ป๋อไม่อยากรั้งรอสัมผัสท่อนล่างภายใต้ผ้าห่มสีแดงสดที่ใช้บดบังความเปลือยเปล่าสักนิด
“อย่ากัด อ้ะ!”
ร้องขอไม่ทันว่าที่คุณพ่อก็แปลงกายเป็นทารกน้อยราวกับดูดนมแม่ขบเม้มและกัดปลายยอดอกนั่นเบาๆ พอให้ขึ้นสีและเสียงครางหวานดังลั่น รอยยิ้มเต็มภาคภูมิยกขึ้นและจูบซับไปที่ปลายคางสวย
“ห้ามใจไม่ไหว”
รู้แล้ว เซียวจ้านรู้ดีเลยแหละว่าอี้ป๋อไม่เคยมีน้ำอดน้ำทนกับร่างกายของเซียวจ้านสักนิด แค่แตะเบาๆ ก็อารมณ์สวาทโหมซัดกู่ไม่กลับจนต้องปิดเรือนนอนเปลือยเปล่ากันบนเตียง
“เจ้ามันคนนิสัยไม่ดี ชอบรังแกข้าเกือบทุกวัน”
“หรือจะให้เป็นทุกวันย่อมได้นะเซียวจ้าน”
มือนิ่มดันหน้าอี้ป๋อออกห่างเมื่อได้ยินคำว่าทุกวัน เพียงเกือบทุกวันเซียวจ้านแทบสิ้นลมบนเตียง หากทำทุกวันไม่ตายหรือ?
(คัทสามารถหาอ่านได้ที่เล่ม)
หลังจากอี้ป๋อส่งมอบความรักให้เซียวจ้านจนหมดสิ้นแรงยกคู่ มือหนาของอี้ป๋อก็ตระกองกอดเอวคอดของเซียวจ้านไม่ห่าง ใบหน้าคมเกยซุกไปที่ซอกคอหอมกรุ่นเปล่าเปลือยแต่เต็มไปด้วยจุดแดงระเรื่อตามต้นคอขาวนั่นราวกับไม่อยากจะปล่อยให้เซียวจ้านหนีห่าง
“อื้อ อี้ป๋ออย่า ..”
หักห้ามใจไม่ไหวเป็นครั้งที่เท่าไหร่นับไม่ถ้วน จมูกโด่งดั่งเทพปั้นให้เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบนั้นก็ซุกไซ้ไปที่ซอกคอเบาๆ จนคิ้วเรียวหวานกระตุกเล็กน้อยและลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
“ตื่นเถิด ไปอาบน้ำกันต้องไปกินข้าว”
อี้ป๋อพูดเพียงสั้นๆ แต่มือกลับลูบวนไปที่เอวเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มสีแดงฉูดฉาดไม่เลิก ไม่ว่าจะจับไปที่ไหนของเซียวจ้านก็ช่างนิ่มและน่าสัมผัสไปหมด พอเลื่อนมือมาที่หน้าท้องแบนราบก็อดไม่ได้ที่จะลูบวนสื่อสารความอ่อนโยนของคนเป็นพ่อส่งไปยังลูกในท้อง
“ลูกตัวเท่าเม็ดถั่วไม่รู้หรอกว่าพ่อกำลังเล่นด้วยนะ”
เซียวจ้านส่งเสียงเอ่ยล้อและยึดมือหนานั่นเอาไว้เมื่อมันเริ่มลามขึ้นมาที่หน้าอกอวบ เซียวจ้านสะบัดคอหันไปทางด้านหลังอย่างรู้ทันว่าที่พ่อของลูกด้านหลังและขมวดคิ้วใส่อย่างหาเรื่อง เป็นคำพูดที่ออกมาว่าถ้าไม่หยุดลวนลามเขาล่ะก็ได้เห็นดีกันแน่
คนอะไรเพิ่งจัดการเขาไปหมาดๆ ยังจะมาตอดเล็กตอดน้อยอีก
“เวียนหัวเหรอ? จะอาเจียนหรือเปล่า?”
แต่พอเซียวจ้านทำท่าจะลุกขึ้นหยัดกายลุกจากเตียงด้วยสภาพเปลือยเปล่าตากลับพร่ามัวและใช้มือกุมขมับตัวเองแล้วสะบัดสองสามครั้ง ทำเอาอี้ป๋ออดเป็นห่วงไม่ได้รีบเข้ามาประคองเอาไว้
“นิดหน่อย ข้าเหนื่อยก็เพราะเจ้า”
ไม่วายส่งเสียงตำหนิมายังบุรุษข้างๆ รอยยิ้มของอี้ป๋อคลี่ออกเล็กน้อยภูมิอกภูมิใจในผลงานตัวเองจนเซียวจ้านเหนื่อยล้าขนาดนี้แสดงว่าลีลาของตัวเองก็ไม่เป็นสองรองใครแน่
“ยังจะมายิ้มอีก ข้าล่ะสงสารตัวเองจริงๆ ที่ต้องถูกเจ้ารังแก”
“ใครใช้ให้เจ้าน่ากิน”
เซียวจ้านถลึงตาใส่สามีข้างๆ และยกมือเรียวตีไปที่ต้นแขนไม่แรงนักแต่ก็พาขึ้นเป็นรอยมือได้ไม่ยากเพราะเนื้อตัวเปล่าเปลือยกันทั้งคู่ เขาอยู่ใกล้อี้ป๋อไม่ได้อีกแล้วไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องทานข้าวเพื่อบำรุงลูกน้อยพอดี
“ข้าจะไปอาบน้ำ”
เซียวจ้านหันไปพูดกับอี้ป๋อก่อนที่มือหนาทั้งสองจะช่วยกันพยุงร่างบางเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่มีอะไรต้องปิดบังหรือเขินอายแม้ว่าเนื้อตัวจะไม่ได้ใส่อะไรเลยก็ตามที จวบกระทั่งอีกคนอาบเสร็จอีกคนอาบต่อจนสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย
“อี้ป๋อ”
เรียวคิ้วเข้มกระตุกเข้าหากันทันทีที่เซียวจ้านตะโกนเรียกชื่อของเขา ขาแกร่งสาวเข้าไปใกล้และใช้มือพยุงต้นแขนของเซียวจ้านเอาไว้ ศีรษะน้อยส่ายเบาๆ ไม่ได้เป็นอะไรจนอี้ป๋อสงสัยกับพฤติกรรมของแม่เจ้าวุ้น
“เป็นอะไรไปหรือ?”
“ก่อนหน้านี้ข้าเวียนหัวแต่พอเจ้าเข้ามาใกล้กลับหายเป็นปลิดทิ้ง” เซียวจ้านใช้จมูกรั้นดมสูดไปตามเนื้อตัวของอี้ป๋อไม่ว่าจะเป็นซอกคอหรือว่าเนื้อผ้าของอีกฝ่ายพาเอาอี้ป๋อยิ่งมึนงงไปมากกว่าเดิม นี่มันเรื่องอะไรกันภรรยาของเขากลายเป็นสุนัขไปแล้วหรือ?
“มาดมเนื้อตัวข้าทำไม?”
“หอม ข้าดมแล้วข้ารู้สึกดีไม่คลื่นไส้”
ว่าจบเซียวจ้านก็ยังไม่เลิกดมตามเนื้อตัวของอี้ป๋อ หนักกว่านั้นคือเคลื่อนกายเข้ามาใกล้และสวมกอดสามีตัวเองหลวมๆ ดมไปที่บ่า แก้ม และหัวของอี้ป๋อไม่เลิก ต้นคอแกร่งรีบเอี้ยวหนีเป็นพัลวันเมื่อมันชักแปลกเต็มทน
“เจ้าเป็นอะไรไปเซียวจ้าน เหตุใดถึงชอบกลิ่นข้านัก?”
กลิ่นมิ้นท์ที่เซียวจ้านไม่เคยได้กลิ่นแรงขนาดนี้มาก่อนตามเนื้อตัวของอี้ป๋อ จู่ๆ วันนี้เซียวจ้านก็รู้สึกว่ากลิ่นของมันแรงเหลือเกิน ทั้งหอมทั้งสดชื่นเสียจนอาการคลื่นไส้หายไปหมด
เจ้าเม็ดถั่วติดพ่ออย่างนั้นหรือ?
“ข้าไม่รู้ แต่เจ้าอย่าห่างข้านะ...ข้าชอบกลิ่นเจ้า”
“ย่อมได้”
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดอี้ป๋อไม่นึกรำคาญสักนิดที่เซียวจ้านเดินเกาะเขาราวกับจะเป็นคนๆ เดียวกันเลย หากแต่รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าคมยังคลี่ออกกว้างและเดินจับมือเซียวจ้านจากเรือนหลังเล็กไปยังเรือนใหญ่เมื่อได้เวลาทานข้าวของตระกูลแล้ว
อี้ป๋อชอบให้เซียวจ้านอ้อนเสียจริง ถ้าท้องแล้วจะขี้อ้อนขนาดนี้น่าจะให้อาไปขอตั้งแต่เซียวจ้านอายุครบสิบแปดให้รู้แล้วรู้รอดจะได้มีลูกอ้อนเขาได้สักสองสามคน
100%
#ม่านวิวาห์อลเวง
E-BOOK
นักอ่านสามารถซื้อ #ม่านวิวาห์อลเวง แบบอีบุ๊คได้ที่ คลิกที่นี่
ศึกษาวิธีการซื้อได้ที่ คลิกที่นี่
หรือสามารถติดต่อสอบถามผ่านแอคทวิตเตอร์ @porzhan
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจผ่าน #ม่านวิวาห์อลเวง ด้วยนะคะ
ช่องทางการติดตามการอัพเดตแฟนฟิค
TWITTER : @porzhan
AUTHOR : SNOOKY
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เคลิ้มไปกะเค้าแล้วว เซียวจ้านรู้♡อี้ป๋อเร็วๆน๊าา????
ตลกเจ้าบ่าววววหลับสะงั้น
ป๋อเอ้ยป๋อ555
อ๊ากกกกกกกกกฟินนนน