ตอนที่ 18 : รีไรท์ 第18 集 ม่านวิวาห์อลเวง
ตอนที่ 18 ม่านวิวาห์อลเวง
“มาพอดี ข้าว่าจะให้คนไปตาม”
เวินฉิงทักอี้ป๋อที่เดินจับมือเซียวจ้านเข้ามาในเรือน ริมฝีปากแต่งแต้มสีแดงฉาดของนางคลี่ยิ้มกว้างและมองไปที่มือทั้งสองเชื่อมกันไม่ปล่อย ว่าจะแซวแต่ซีเฉินกลับไวกว่านัก
“เกิดอะไรดีๆ ขึ้นหรือ? ทำไมเดินเกาะกันมาขนาดนั้น?”
“เซียวจ้านเป็นอะไรข้าก็ไม่รู้ เขาชอบกลิ่นตัวของข้าไม่ให้ข้าห่างตัว”
เวินฉิงยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะลั่นกลางวงข้าวที่ตั้งรอไว้สักครู่แล้วทำเอาเซียวจ้านเลิกคิ้วสงสัยไม่ต่างจากอี้ป๋อสักนิด ทั้งสองหันหน้ามองกันเป็นคำถามว่าผิดแปลกตรงไหนทำไมนางถึงขันนัก
“เอาล่ะๆ มานั่งเถิดเดี๋ยวหลานข้าหิวพอดี”
“ท่านน้าเวินฉิง ข้าเป็นอะไรไปหรือเหตุใดท่านต้องขันข้าขนาดนี้?” นางเหลือบมองเซียวจ้านด้วยปลายหางตาและชี้ไปที่หน้าท้องของเซียวจ้านจนแม่ป้ายแดงมองตามเรียวนิ้วสวยอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ยังไม่กระจ่างอยู่ดี
“หลานข้าชอบพ่อเจ้าเข้าเต็มๆ อย่างไรล่ะ ตอนคนแพ้ท้องบางคนถึงกับห่างสามีไม่ได้เพราะชอบกลิ่นตัวสามี ลูกคงอยากให้แม่อ้อนพ่อกระมัง”
เพียงได้ยินคำตอบใบหน้าขาวผ่องแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ใบหน้าสวยเบือนหน้าหนีสายตาดุจราชสีห์ของอี้ป๋อจนไม่กล้าสบตา ซีเฉินเมื่อเห็นหลานชายตัวเองเป็นสุขนักก็อดมีความสุขกับชีวิตครอบครัวของหลานชายตัวเองไม่ได้
นานมากที่เขาเคยคิดเอาไว้ว่าจะมีอะไรทำให้อี้ป๋อมีความสุขบ้าง ตั้งแต่เกิดมาไม่มีสักครั้งที่อี้ป๋อจะยิ้มและหัวเราะหลังจากพ่อแม่ตายไป วันนี้เป็นวันที่ซีเฉินรอคอยจริงๆ อี้ป๋อมีความสุขกับชีวิตคู่เขาก็ดีใจ
“ท่านอายิ้มทำไมหรือ?” ยิ้มกว้างออกมาจนอี้ป๋อต้องร้องถาม
“ข้าแค่ดีใจที่เจ้ามีความสุข”
“แน่ล่ะ เพราะมีเซียวจ้านเข้ามาหลานข้าเลยยิ้มราวกับเสียสติ” พอซีเฉินตอบเวินฉิงก็แซวต่อไม่รอเว้นช่วงว่างของเวลา เซียวจ้านยกนิ้วชี้ขึ้นมาเกลี่ยปลายจมูกของตัวเองอย่างที่ชอบทำและส่งเสียงเป็นลูกแมวออกมาเบาๆ
“ไม่ใช่เสียหน่อย”
“เพราะเจ้า ข้ามีความสุขเพราะเจ้า...เซียวจ้าน”
...ฉ่า...
อี้ป๋อชักจะร้ายขึ้นทุกวันแล้วนะ จิตใจจะไม่ปล่อยให้เซียวจ้านได้พักผ่อนใบหน้าบ้างหรือ ตอนนี้มันแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุกแล้วนะ เซียวจ้านหยิกไปที่เอวของอี้ป๋อจนอีกฝ่ายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ยังไม่เลิกยิ้มกริ่มให้ภรรยาข้างๆ
“เอาล่ะๆ มดตอมอาหารหมดแล้วรีบทานเถอะ อาเจ้ามีเรื่องจะคุยด้วยนะอี้ป๋อ”
เวินฉิงเห็นการพลอดรักของสามีภรรยาตรงหน้าก็เริ่มอิจฉาในใจจนกักเก็บไม่อยู่ นางส่งเสียงหมั่นไส้ออกมาแล้วชวนให้กินข้าวโดยไม่ลืมเปรยเรื่องหลังมื้อเย็นด้วย ซีเฉินบอกนางแล้วว่าหลังมื้อเย็นจะคุยงานกับอี้ป๋อเสียหน่อย
“เรื่องอันใดหรือ?”
เซียวจ้านสงสัยนักจึงถามออกไป แต่มันจะดูเสียมารยาทหรือไม่นะที่จู่ๆ ไปละลาบละล้วงเรื่องของอาหลานเยี่ยงนี้ ปากมันไวนักเซียวจ้านห้ามไม่ทันหรอก
“เรื่องท่าเรือน่ะไม่มีอะไรหรอก ทานข้าวเสร็จเวินฉิงก็จะพาเจ้าไปคุยเรื่องบำรุงครรภ์ด้วย”
“อืม” อี้ป๋อหยักหน้าพร้อมๆ กับเซียวจ้านก่อนจะตักอาหารใส่จานเซียวจ้านเสียจนพูน ขยันเอาอกเอาใจขนาดนี้กลัวลูกเมียไม่รักหรืออย่างไรกัน
“กินเยอะๆ เสียแรงไปต้องกินเยอะๆ”
“อี้ป๋อ!!”
ไม่ต้องพูดถึงว่าหลังจากอี้ป๋อพูดจากำกวมพวกนั้นต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ชะตากรรมของอี้ป๋อจะเป็นอย่างไรต่อไปได้เสียนอกจากจะโดนมือของเซียวจ้านฟาดเข้าที่ต้นแขนแกร่งอย่างแรง ผู้หลักผู้ใหญ่ตรงหน้าถึงกับหันหน้าเข้าหากัน ใคร่รู้นักว่าเสียแรงที่ว่าใช่เพราะเข้าเรือนไปไวนักกว่าจะออกมาก็เย็นค่ำ...ไปทำอะไรกันมา
สำหรับเซียวจ้านน่ะ...หวังอี้ป๋อร้ายกาจที่สุดในโลกเลย!!!
หลังมื้อเย็นผ่านพ้นไป เวินฉิงก็จับเซียวจ้านแยกมาจากอี้ป๋อเพื่อให้อาหลานได้คุยงานกันแต่กว่าจะแยกออกมาได้เซียวจ้านก็ปากเบะปากคว่ำไปหลายครั้งหากยังกำชับว่าคุยงานเสร็จให้รีบมาหาทันที เวินฉิงยังจำได้เลยว่าตอนที่อี้ป๋อลูบหลังเซียวจ้านด้วยความเอ็นดูนั่นมันอบอุ่นเพียงใด
อี้ป๋อบอกจะรีบมาหาทันทีไม่ต้องห่วง แค่นี้แม่เจ้าเม็ดถั่วน้อยในท้องก็ยิ้มออกเดินตามเวินฉิงมาที่ห้องยาได้สักที
“นี่เป็นยาที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า และก็มียาจากเจียงเฉิง คุณชายจิน”
นางส่งห่อผ้าที่ใส่ใบยาในนั้นออกมาและเริ่มอธิบายวิธีกินตามลำดับ เซียวจ้านลูบท้องตัวเองไปมาและตั้งใจฟังไม่ให้ขาดตกบกพร่องเพราะลูกของเขากับอี้ป๋อต้องเกิดมาสมบูรณ์แบบ ร่างกายแข็งแรงไม่พิการ เขาจะเลี้ยงลูกไปด้วยกันกับอี้ป๋อเป็นอย่างดี
“ส่วนเรื่องต้มยาเจ้าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวข้าบอกคนในเรือนคอยเตรียมให้ ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้เวลากินเท่านั้น
“ขอบคุณท่านมากที่เอ็นดูข้า”
“หึ ข้าไม่เอ็นดูหลานสะใภ้จะให้ข้าไปเอ็นดูหมาข้างเรือนงั้นหรือ?” เซียวจ้านเบะปากออกทันทีที่เอาเขาไปเปรียบกับหมา เซียวจ้านเป็นกระต่ายต่างหาก กระต่ายตัวนิ่มๆ ขนฟูๆ น่ะไม่ใช่หมาเสียหน่อย เมื่อเวินฉิงเห็นหน้าเซียวจ้านก็อดขันออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆ ข้าล่ะขันนัก เอาล่ะๆ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้าอีกเรื่อง”
“เรื่องอะไรหรือ?”
“เรื่องเอาใจสามี เจ้าน่าจะรู้ใช่หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าท้อง อีกหน่อยพุงก็ต้องป่องและเริ่มอวบมีน้ำมีนวล” เวินฉิงพูดตรงประเด็นไม่อ้อมค้อมตามนิสัย แต่เซียวจ้านยังคงเป็นเซียวจ้านอยู่วันยันค่ำเพราะเขาไม่รู้หรอกว่าที่เวินฉิงพูดออกมามันหมายความว่าอย่างไร อ้วนแล้วอย่างไรหรือ?
“เฮ้อ ข้าหมายถึงอี้ป๋อจะเบื่อเจ้าได้ แต่ข้าก็มั่นใจนะว่าอี้ป๋อจะไม่เจ้าชู้เหมือนคนอื่น”
“ท่านน้าหมายถึงนอกใจงั้นหรือ?”
จู่ๆ อาการเจ็บตรงหน้าอกก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวเสียจนเซียวจ้านหน้าเสียและก้มหน้ากุมหัวใจของตัวเองแน่น อาการพวกนี้ใช่ว่าเซียวจ้านไม่รู้เพียงแต่สงสัยว่าทำไมถึงได้เป็นได้ แค่คิดว่าอี้ป๋อจะปันใจให้คนอื่นก็เจ็บปวดอย่างนั้นหรือ
“ใช่ แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เจ้าระแวงอี้ป๋อนะ ข้าแค่มาเตือนไว้ก่อนว่าเจ้าต้องรู้จักเอาอกเอาใจ
“เอาอกเอาใจ? ต้องทำอย่างไร?”
อย่างเซียวจ้านเหรอจะเอาอกเอาใจใครเป็นเมื่อเขาเกิดมาเป็นลูกคนเดียว ใครๆ ต่างอ้อมล้อมเอาใจเขาเสียมากกว่าแม้จะยกเว้นเพียงเจียงเฉิงก็ตาม ชีวิตไม่ต้องสนใจใครอยากเที่ยวเล่นใช้เงินอย่างไรย่อมได้ ดูท่าว่างานนี้ชักจะเป็นงานช้างของเซียวจ้านเสียแล้ว
“อี้ป๋อชอบอะไรบ้างเจ้าก็แค่ทำให้เขาชอบ”
“ท่านน้า...ข้าไม่รู้เลยว่าอี้ป๋อชอบอะไรบ้าง”
ก็ชอบเซียวจ้านไงเล่า เวินฉิงเว้นไว้ในใจไม่ได้พูดออกมาให้กระดากปาก เรื่องเท่านี้เหตุใดเซียวจ้านถึงไม่รู้กันนะว่าอี้ป๋อชอบอะไรที่สุดเพราะขนาดเวินฉิงกับซีเฉินยังรู้เลย
“อ๋า ข้ารู้แล้ว วันก่อนอี้ป๋อบอกว่าชอบกินแกงสายบัว!” เวินฉิงยกมือขึ้นมากุมขมับตัวเองและถอนหายใจราวกับคนปลงกับโลกเมื่อต้องมาเจอกับเซียวจ้านแสนซน เก่งไปเสียทุกเรื่องยกเว้นเรื่องง่ายๆ
“อ้าว ไม่ใช่งั้นหรือแล้วอะไรล่ะ? ...ท่านชี้ข้าทำไม?”
“อี้ป๋อชอบเจ้า เจ้าก็แค่ทำให้อี้ป๋อชอบมากขึ้นทุกวัน เรื่องนี้มันยากนักหรือไงทำไมเจ้าไม่เข้าใจว่าข้าหมายถึงเรื่องบนเตียง!”
เซียวจ้านเบิกตากว้างเมื่อเวินฉิงส่งเสียงดุมายังตัวเองและชี้นิ้วก่อนจะจิ้มๆ มาที่หน้าอกของเซียวจ้านราวกับต้องการย้ำว่าสิ่งที่อี้ป๋อชอบมากๆ จนมีลูกด้วยกันนี่ก็คือเซียวจ้านอย่างไรเล่า
“เรื่องบนเตียง...ให้ข้าทำอย่างอื่นเถิดเพราะข้าไม่เอาใจเด็ดขาด”
เหตุใดเซียวจ้านไม่บอกไปเล่าว่าแค่อยู่เฉยๆ อี้ป๋อก็จัดการกินเขาบนเตียงแทบทุกวันอยู่แล้ว ขนาดท้องยังไม่วายจะตอดเล็กตอดน้อยตัวเองอีก ไหนจะเพิ่งทำกันมาก่อนจะกินข้าวเย็น บอกเวินฉิงไปสิว่าแค่นี้อี้ป๋อก็หลงไม่รู้จะหลงอย่างไรแล้ว
“ตามใจเจ้า นู่นสามีเจ้ามาแล้ว”
“อี้ป๋อ...”
ไม่ต้องให้อี้ป๋อเดินเข้ามาใกล้เซียวจ้านก็รับรู้ว่าอี้ป๋อได้มาจริงๆ อย่างที่เวินฉิงบอกเมื่อกลิ่นมิ้นท์หอมกลิ่นประจำตัวของอี้ป๋อได้ลอยมาตามสายลมพัดทำเอาแม่ท้องอ่อนรู้สึกชื่นปอดขึ้นมาและสูดดมคลายอาการคลื่นไส้ เจ้าลูกตัวดีช่างรักพ่อเหลือเกินนะ
“เซียวจ้านเป็นอย่างไรบ้างยังคลื่นไส้อยู่อีกหรือไม่?” เซียวจ้านส่ายหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้เขารู้สึกพะอืดพะอมบ้างแต่พอได้อยู่ใกล้ได้สูดดมกลิ่นหอมๆ ของอี้ป๋อก็รู้สึกดีจนอาการที่ว่าหายเป็นปลิดทิ้ง
“จะค่ำแล้วพากันเข้าบ้านเถิด ส่วนเซียวจ้านอย่าลืมที่ข้าบอกเชียว”
“คุยอะไรกันหรือท่านน้า?”
“ความลับระหว่างข้ากับเซียวจ้าน ข้าคงบอกไม่ได้”
เวินฉิงแอบขยิบตามาให้เซียวจ้านเป็นเชิงให้รู้กันเพียงสองคนเท่านั้นและเซียวจ้านเองก็รู้เจตนาเรียบร้อยจึงพยักหน้าส่งกลับไป ทั้งสองโค้งหัวให้เวินฉิงเล็กน้อยก่อนจะพากันเดินมาที่เรือนหลังบ้านใหญ่เพราะกลัวจะค่ำมืดไม่เห็นทางแล้วจะอันตรายกับเซียวจ้าน
ระยะทางจากเรือนใหญ่มาถึงเรือนหอนั้นไม่ได้ไกลเท่าไหร่นัก ไม่นานทั้งสองจึงเดินมาถึงและเตรียมตัวเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเพราะต้องการให้เซียวจ้านพักผ่อนให้เต็มที่หากกลางคืนลุกขึ้นมาอาเจียนจะได้ไม่อิดโรย จอกยาที่อี้ป๋อรินน้ำสมุนไพรใส่เต็มจอกไม่เหลือสักหยดหลังจากเซียวจ้านดื่มลงคอไม่เหลือแม้ว่าจะฝาดลิ้นเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อคิดถึงลูกต้องมาก่อนเซียวจ้านจึงยอมฝืนกินเข้าไป
“เก่งมาก”
“ไม่ต้องมาชมข้าเป็นเด็กน้อยเลยนะ วันนี้เป็นอย่างไรบ้างเห็นว่าคุยงานกับท่านอาซีเฉินนานเชียว”
อี้ป๋อเดินไปเก็บจอกยาก่อนจะเดินมานั่งที่ข้างเตียงใกล้กับร่างของเซียวจ้าน มือหนากอบกุมมือบางและกำหลวมๆ พลางบีบหวังให้เซียวจ้านรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวจนเซียวจ้านเองก็ต้องยอมรับว่ารู้สึกดีไม่น้อย
“พรุ่งนี้ข้าต้องไปท่าเรือแต่เช้า ข้าต้องแบ่งเบางานของท่านอา”
“ข้าไป...”
“เจ้าต้องอยู่ที่นี่ ท่าเรือแดดจัดและร้อน ข้าไม่อยากให้เจ้ากับลูกเป็นอะไรไป”
ออกปากห้ามไม่ให้เซียวจ้านไปด้วยทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบประโยคแบบนี้พาลทำให้แม่ท้องอ่อนคิ้วกระตุกและฉุกคิดถึงเรื่องที่เวินฉิงเตือนมาทันที ความคิดที่เซียวจ้านคิดว่าไร้สาระกลับแล่นวนในหัวไม่หยุด
หรือที่อี้ป๋อไม่อยากให้เซียวจ้านไปด้วยเพราะเห็นว่าท้องและกำลังจะเบื่อสินะ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”
“ช่างข้าเถิด เจ้าไปท่าเรือแล้วข้าจะอยู่กับใคร ข้าติดกลิ่นตัวเจ้า”
ปากเรียวคว่ำเบะและแสดงสีหน้าไม่พอใจจนอี้ป๋อต้องเอ่ยถาม เซียวจ้านไม่เคยแสดงกิริยาเช่นนี้มาก่อน หัวใจของอี้ป๋อแทบตกไปที่ตาตุ่มรีบรั้งร่างกายบอบบางนั่งตักแกร่งทันที
อารามตกใจเซียวจ้านแทบเอาแขนคล้องต้นคอแกร่งไว้เสียแทบไม่ทัน ถึงแม้ว่าอี้ป๋อจะไม่มีทางปล่อยให้เซียวจ้านพลัดตกไปก็ตามที แต่คนขี้ตกใจเกิดอะไรขึ้นก็ขอคว้าไว้ก่อนแล้วกัน
“ตอบข้ามาเถอะว่าเจ้าเป็นอะไร หืม?”
เรียวมือหนากอดรัดเอวคอดให้นั่งอยู่ตรงตักแกร่งพลางเงยหน้าถามคนที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งหน้าบูด หากยังริมฝีปากเบะราวกับจะทิ้งน้ำตาให้หยดเผาะลงมาเสียให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่ออี้ป๋อเห็นก็ยิ่งอยากจะรู้ว่าภรรยาตัวเองเป็นอะไรไปกันแน่
“ไม่ใช่ว่าที่ไม่อยากให้ข้าไปด้วยเป็นเพราะเจ้าเบื่อข้าแล้วหรอกนะ”
ดวงตาสีอ่อนมองไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยงดวงตาสีนิลของอี้ป๋อที่เอาแต่จับจ้องมาที่ตัวเองไม่หยุด อารมณ์ฉุนเฉียวของเซียวจ้านเผยออกมาอย่างชัดเจนเมื่ออี้ป๋อลอบยิ้มมุมปาก เซียวจ้านคิดแบบนี้มันน่าขันตรงไหนกัน
“เจ้ายิ้มอะไร?”
“ข้าชอบเมียอ้อน”
“หวังอี้ป๋อ!”
มือเรียวฟาดไปที่ต้นแขนของอี้ป๋อไม่เบานักทำเอาเกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณ อี้ป๋อสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรมากนักตามนิสัยเจ้าตัว เพียงแค่จับมือของเซียวจ้านมาไว้ตรงรอยตีนั่นและใช้มันลูบเบาๆ เหมือนกับอ้อนคืน
“เจ็บ”
“แค่นี้เจ้าไม่เจ็บหรอกอี้ป๋อ ขนาดพูดคำว่าเมียออกมาไม่อายปากคงไม่เจ็บหรอกแค่นี้น่ะ”
เซียวจ้านรู้ทันและส่งสายตาค่อนขอดไปให้ เมื่ออี้ป๋อเงยหน้ารู้สึกผิดหวังจากที่คิด ตอนแรกคิดว่าเซียวจ้านน่าจะลูบปลอบแต่ไม่เลยเซียวจ้านรู้ทันเขาอีกแล้ว
“อี้ป๋อ...ข้ามีเรื่องถามเจ้า”
น้ำเสียงจริงจังของเซียวจ้านดังขึ้นทำลายความเงียบ แม้ว่าเปลือกตาสีอ่อนจะหลับลงครู่หนึ่งเพื่อใช้ความคิดว่าควรจะถามออกไปดีหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าไม่ถามก็คงอึดอัดใจนอนไม่หลับเอาได้
“เรื่องอะไรหรือ?”
“เอ่อ...ถ้าหากเจ้าไปเจอสตรีที่เจ้าเคยรักหรือเจอใครที่ทำให้ใจเจ้าหวั่นไหว เจ้าจะลืมข้ากับลูกหรือไม่?”
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนขึ้นรูปทำให้เซียวจ้านไม่กล้ามองสีหน้าดุดันนั่นเท่าไหร่นัก เขาเพียงแค่อยากรู้เท่านั้นแต่ทำไมหัวใจกลับเต้นด้วยจังหวะปวดหนึบขนาดนี้กันนะ อี้ป๋อครุ่นคิดนานเท่าไหร่เซียวจ้านก็ยิ่งเหงื่อออกท่วมมือและอยากลุกจากตักแกร่งเต็มทน แต่เมื่อจะลุกขึ้นอี้ป๋อก็กำชับเอวคอดนั่นให้นั่งอยู่กับที่ไม่ให้เคลื่อนกายไปที่ไหนได้
“จินจื่อเซวี่ยนเล่าอะไรให้เจ้าฟังเข้าล่ะถึงได้ถามแบบนี้”
“เปล่าหรอก...ข้าแค่อยากรู้”
น้ำเสียงตะกุกตะกักส่อพิรุธนั่นแม้แต่เด็กยังรู้เลยว่าเซียวจ้านกำลังโกหกและปิดบังความจริงอยู่ คนฉลาดอย่างอี้ป๋อจึงไม่แปลกที่จะรู้ทันเลยจ้องหน้าไม่วางตา
“บอกความจริงมา”
“เอ๋? ทำไมต้องดุข้าด้วยเล่า ก็ได้ๆ คุณชายจินบอกข้าว่าเมื่อก่อนเจ้ารักกับสตรีนางหนึ่งก่อนที่นางจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ถ้านางกลับมาและเจ้าอยากกลับไปหานาง เจ้าต้องบอกข้านะข้าจะกลับเมืองข้า”
“เซียวจ้าน!”
ร่างกายบางสะดุ้งเฮือกกับเสียงตวาดของอี้ป๋อที่ดังลั่นห้องพาเอาหลับตาปี๋ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเซียวจ้านไม่เคยทำให้อี้ป๋อขึ้นเสียงใส่ด้วยความโมโหแบบนี้มาก่อน เหตุใดล่ะ...ทำไมอี้ป๋อถึงโกรธขนาดนี้
“ข้าไม่รู้ว่าจินจื่อเซวี่ยนพูดอะไรกับเจ้ามากน้อยเพียงใด แต่ข้าไม่เคยรักใครนอกจากเจ้า ทั้งเมื่อก่อนและตอนนี้เจ้าเป็นคนแรกที่ข้ามอบหัวใจให้”
ประโยคแสนจะเหยียดยาวพ่นออกมาจากปากของอี้ป๋อเรียกได้ว่าน่าจะยาวที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ลืมขึ้นมามองหน้าอี้ป๋ออย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อครู่เขาถามอะไรออกไปโดยไม่ได้คำนึงถึงคำตอบนี้มาก่อน
“ข้าไม่เคยยิ้มให้ใคร ข้าไม่เคยหวั่นไหวกับใครนอกจากเจ้า หลี่เซียวจ้าน”
“อี้ป๋อ...เจ้าไม่ได้เคยรักนางผู้นั้นหรือ?”
“ข้าไม่เคยรักใครนอกจากเจ้า สิ่งที่ข้าพูดคือความจริง”
มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าหวั่นตระหนกคล้ายปลอบโยนที่ทำให้เสียขวัญ แต่เมื่อครู่หากให้อี้ป๋อยอมรับก็คือเขาโกรธเซียวจ้านจริงๆ ที่มาดูถูกความรักของเขาที่มอบให้อย่างเปิดเผย ปากนิ่มที่อี้ป๋อใช้นิ้วบดเบาๆ นี่หรือที่กล้าพูดออกมาว่าเขาจะไปหวั่นไหวกับใครและทิ้งเมียทิ้งลูก
ช่างใจร้ายเหลือเกินเซียวจ้าน
“เข้าใจแล้ว...งั้นปล่อยข้าสิข้าจะไปนอน อี้ป๋อ!”
เซียวจ้านหันใบหน้าสีแดงระเรื่อไปทางอื่นจึงไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าอี้ป๋อหยัดกายลุกขึ้นเดินและอุ้มร่างตัวเองด้วยแขนแกร่งทั้งสองข้างพาเอามือเรียวคล้องคออี้ป๋อเสียแทบไม่ทัน ทำอะไรบุ่มบ่ามนักถ้าเผลอร่วงไปจะเป็นยังไง
“ปล่อยข้าลงนะอี้ป๋อ ถ้าข้าตกไป...”
“ตราบใดที่มีข้าเจ้าจะไม่เป็นอะไร”
คำพูดคำเดิมหวนย้อนกลับใส่สมองของเซียวจ้านอีกครั้ง ประโยคคุ้นเคยที่จำได้ดีหลังเหตุการณ์ซูเซ่อคบค้ากับพวกคนขนของเถื่อนครั้งนั้น อี้ป๋อก็ไม่เคยผิดคำพูดแต่อย่างใด ถ้ามีอี้ป๋อเซียวจ้านรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งนี่คือเรื่องจริง
“อื้ม...ขอดมตัวหน่อยข้าคลื่นไส้”
เมื่อมาถึงเตียงตั่งไม้อี้ป๋อก็ค่อยๆ วางตัวเซียวจ้านลงด้วยความทะนุถนอม ทั้งยังจัดแจงห่มผ้าให้ราวกับเซียวจ้านเป็นคนพิการ แต่ความจริงอี้ป๋อเพียงแค่อยากเอาใจภรรยาเท่านั้นเอง อยากให้อีกคนรักเขาเหมือนที่เขารัก พอล้มตัวนอนไม่เท่าไหร่เซียวจ้านก็สะกิดคนที่นอนข้างๆ ทำเอาอี้ป๋อยิ้มออกมา
ลูกเขานี่น่ารักเสียจริง ถ้าคลอดออกมาเมื่อไหร่พ่อจะตบรางวัลให้อย่างงาม
“ย่อมได้”
แขนแกร่งสอดเข้าไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่าย ก่อนจะโอบกระชับร่างของเซียวจ้านให้มานอนหนุนแขนตัวเองเพื่อให้แม่ท้องอ่อนสูดดมซอกคอและเสื้อผ้าอันมีกลิ่นของอี้ป๋อติดอยู่ จมูกรั้นสูดดมไปเสียทุกที่ตามใจต้องการจนอาการคลื่นไส้หายไป
“ฮื่อ ถ้าพรุ่งนี้เจ้าไม่อยู่กับข้า ข้าคงอาเจียนทั้งวันเป็นแน่”
“ข้าจะรีบกลับมาหาเจ้า”
เซียวจ้านพยักหน้าทั้งๆ ที่ใจไม่ได้ยินดีนัก แต่ด้วยหน้าที่การงานที่อีกคนมีหากเขาจะดื้อด้านเหมือนแต่ก่อนก็คงไม่ได้ อยากซนอยากไล่ตามไปป่วนถึงท่าเรือแต่ติดว่ามีลูกในท้อง ลูกมาก่อนเรื่องซนเอาไว้หลังคลอดไม่สาย
“อืม ข้าคิดออกแล้ว เสื้อตัวนี้เจ้าอย่าให้คนไปซักนะข้าจะเก็บไว้ดมตอนคลื่นไส้”
“ฮ่าๆ เจ้าติดข้าขนาดนี้เชียว?” ครั้งแรกในชีวิตสาบานได้ว่าอี้ป๋อคนนี้นอนหัวเราะออกมา แม้มันจะไม่ดังอะไรนักแต่เซียวจ้านก็ได้ยินเต็มสองรูหูทำเอาเขินอายก้มหน้างุดกับแขนแกร่ง
“ก็ลูกอ้อนนี่ ข้าไม่ได้อ้อนนะ!”
“ลูกอ้อนก็ลูกอ้อน แต่แม่ก็อ้อนพ่อเหมือนกันไม่รู้หรือ? เซียวจ้านข้าหลงเจ้าเหลือเกิน”
สรรพนามพ่อและแม่ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้แทนข้ากับเจ้าเพียงครั้งหนึ่ง แต่จังหวะหัวใจของเซียวจ้านกลับเต้นไม่เป็นจังหวะและนับครั้งไม่ได้ เปลือกตาสีไข่ปิดสนิทลงช้าๆ เพื่อรอรับสัมผัสอุ่นที่กลางหน้าผาก จุมพิตส่งเข้านอนของอี้ป๋อช่างอบอุ่นและทำให้หัวใจน้อยๆ พองโตอย่างแปลกประหลาดเสียจริง
แสงอาทิตย์ด้านนอกสาดส่องตามช่องว่างของกรอบหน้าต่างกระทบกับม่านสีขาวโปร่งบางพลิ้วทำให้เซียวจ้านค่อยๆ ขยับเปลือกตาสีอ่อนลืมตาขึ้นพลางกวาดมือไปทั่วเตียงอุ่น สัมผัสอุ่นข้างกายไร้ใครเคียงข้างเฉกเช่นเมื่อคืน
“อือ” เสียงครางงัวเงียของเซียวจ้านดังขึ้นและหยัดกายลุกจากเตียงเมื่ออาการคลื่นไส้ถาโถมเข้ามาเพียงแค่ลืมตาตื่น ร่างกายผอมบางรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพราะกลัวว่าอาหารในท้องจะออกมาข้างนอกเสียก่อน
“อ่อก อ่อก”
แผ่นหลังบางสั่นกระเพื่อมตามจังหวะการโก่งคออาเจียนจนน้ำตาไหลจากหางตา เมื่อแน่ใจแล้วว่าอาหารเมื่อเย็นวานออกจนหมดสิ้นก็ค่อยๆ พยุงร่างกายตัวเองขึ้นมา เขาคิดถึงฝ่ามืออุ่นที่คอยลูบหลังให้ยามอาเจียน คิดถึงเวลาที่อีกคนเอาน้ำมาให้ล้างปาก แต่ตอนนี้อี้ป๋อไม่อยู่ในเรือนแล้ว
“ไปทำงานไม่บอกกันเลย ใจร้าย”
อาการบีบแน่นที่หน้าอกบ่งบอกว่าเซียวจ้านกำลังน้อยอกน้อยใจพ่อของลูกมากแค่ไหน เซียวจ้านรู้สึกเอาแต่ใจไร้เหตุผลขึ้นมาและกวาดสายตามองห้องนอนที่ว่างเปล่า จนกระทั่งเจอกาใส่สมุนไพรตั้งเอาไว้ที่โต๊ะกลางห้อง นั่นก็พอทำให้มีรอยยิ้มมาบ้าง
“ยังดีที่ใส่ใจข้ากับลูก”
เซียวจ้านลูบไปที่หน้าท้องของตัวเองและเดินไปรินยาใส่จอก แม้ว่ามันจะขมเฝื่อนแต่ก็ต้องฝืนกินเข้าไปให้หมดจอกหนึ่ง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อหันไปเจอเสื้อของอี้ป๋อที่พาดวางไว้ที่แขวนเสื้อ รอยยิ้มกว้างคลี่ออกมาและรีบวางจอกนั่นลงอย่างของไร้ประโยชน์
เสื้อตัวที่อี้ป๋อใส่เมื่อคืนและสัญญาว่าจะมอบเสื้อนี้ให้เซียวจ้านยามที่ตัวเองไม่ได้อยู่เคียงข้าง อี้ป๋อเก็บมันไว้ให้สินะ
...ฟืด...
ราวกับคนติดยา เซียวจ้านขมวดเสื้อนั้นเอาไว้ในมือและสูดดมกลิ่นมิ้นท์ของอี้ป๋อเสียชุ่มปอด ดูท่าเจ้าเม็ดถั่วในท้องจะชอบอกชอบใจไม่ทำให้เซียวจ้านรู้สึกอยากจะอาเจียนอีกหน
“รักพ่อเจ้าจริงนะ”
เซียวจ้านเอ่ยล้อกับลูกในท้องและวางเสื้อของอี้ป๋อกับโต๊ะและนำร่างของตัวเองที่อาการดีขึ้นมากโขเดินเข้าห้องน้ำไป เช้านี้รีบเข้าเรือนทานข้าวดีกว่าเพราะป่านนี้เวินฉิงคงรออยู่ อย่างน้อยก็มีเพื่อนคุย
“เวินหนิง!”
ร่างทั้งร่างของเวินหนิงสะดุ้งเฮือกเสียจนดอกไม้ในมือแทบร่วงหล่น รอยยิ้มนึกสนุกของเซียวจ้านผุดขึ้นและเดินเข้าไปใกล้ลูกน้องของตัวเอง เซียวจ้านอารมณ์ดีขึ้นมาหลังจากกินข้าวกินปลาแล้ว หากยังได้คุยกับเวินฉิงไปเรื่อย รวมถึงสาเหตุที่
อี้ป๋อรีบออกจากเรือนตั้งแต่ฟ้าสางก็เพราะอยากกลับจากท่าเรือไวๆ มาหาเซียวจ้าน เหตุผลแค่นี้ก็เล่นเอาเซียวจ้านยิ้มแก้มปริ
“คุณชายออกมาเดินกลางแดดจัดๆ ได้อย่างไรกัน?”
เวินหนิงวางดอกไม้ลงที่แคร่ข้างๆ และเอามือมาทำท่าโบกพัดเซียวจ้านเป็นระวิงเพราะกลัวว่าคุณชายตัวเองจะเป็นลมเป็นแล้งไป
“พอเลยๆ ข้าหนาวจะตายชัก ว่าแต่เจ้าเก็บดอกไม้ไปทำไม?”
“อ๋อ ท่านเวินฉิงจะเอาไปใส่แจกันข้าเลยไปเก็บมาตามคำสั่ง”
เวินหนิงก้มมองดอกไม้บนแคร่และชี้แจงคุณชายตัวเอง เซียวจ้านพยักหน้าช้าๆ เป็นอันเข้าใจ แต่ยืนนิ่งได้สักพักก็คิดอะไรสนุกๆ ออกมาได้ เวินหนิงเลิกคิ้วเป็นเครื่องหมายคำถามติดตรงหน้าและเสียวสันหลังแปลกๆ
“คุณชายคิดจะทำอะไรแผลงๆ อีกใช่หรือไม่?”
“แหม เจ้านี่ช่างสมกับเป็นคนของข้าจริงๆ รีบเอาดอกไม้ไปให้ท่านน้าเวินฉิงเถอะแล้วเราไปนั่งตกปลากัน วันนี้ข้าจะทำแกงปลาหวาน”
นั่นเสียประไร! เวินหนิงทายแม่นเสียยิ่งกว่าเล่นพนันในบ่อนกลางตลาดเจียงเสียอีก ว่าแล้วสีหน้าของเซียวจ้านตอนคิดอะไรแผลงๆ มันต้องมีอะไรซนๆ เสมอ คนเป็นเพียงลูกน้องจะไปขัดใจก็ไร้ความหมายเลยต้องเอาดอกไม้เข้าเรือนใหญ่ไปอย่างไม่อิดออด
ริมตลิ่งบึงบัวกว้างเป็นจุดที่ทั้งสองนั่งตกปลากันมาได้สักพัก บรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ปกคลุมไปทั่วทำให้เวินหนิงรู้สึกโล่งใจไปหนึ่งอย่างว่าคุณชายตัวเองจะไม่เป็นลมเป็นแล้งให้เขาโดนเอาหวายแช่เยี่ยวฟาดหลัง
“คุณชายหนอคุณชายทำไมซนนัก คุณชายท้องอยู่นะ”
“อ่าใช่ ข้าท้องแต่ข้าไม่ได้พิการเสียหน่อย ออกมานั่งตกปลามันก็สบายใจดี หรือเจ้าจะให้ข้ากินๆ นอนๆ อย่างเดียว เจ้าก็รู้ว่ามันน่าเบื่อสำหรับข้าจะตายไป”
เวินหนิงพยักหน้าเพราะเขาเองรู้ดีว่าเซียวจ้านไม่มีทางอยู่เฉยๆ เป็นแน่ หากยิ่งอี้ป๋อไม่อยู่คอยห้ามแล้วล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง นี่ถือว่ายังโชคดีที่แค่มานั่งตกปลาไม่ได้ชวนให้ไปยิงนกปีนต้นไม้
ถ้าจะทำอย่างนั้นต่อให้เป็นเจ้านายก็เป็นเจ้านายเถอะ เวินหนิงไม่เอาด้วยเด็ดขาด
“อี้ป๋อไปแต่เช้าแบบนี้ซือจุยได้ไปด้วยหรือไม่?”
“ซือจุยตามไปด้วยเป็นปกติ เห็นว่าออกไปตั้งแต่ฟ้าสางขอรับ”
“อืม เมื่อไหร่เขาจะกลับมา”
สีหน้าของเซียวจ้านดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด กระตุกคันเบ็ดไปก้มหน้ามองต้นหญ้าไป ตอนที่ไม่มีอี้ป๋อเซียวจ้านเองก็รู้สึกเหงาชอบกล อาการของเซียวจ้านมันชัดมากเสียจนเวินหนิงอดจะเอ่ยล้อไม่ได้
“ใครกันนะที่บอกว่าจะล่มงานแต่งให้ได้ ไม่มีทางรักคุณชายอี้ป๋อแน่ ใครกันนะใครกัน”
“ข้าไม่ได้รักคุณชายอี้ป๋อเสียหน่อย เจ้าอย่ามามั่ว!”
เวินหนิงหลบเท้าของเซียวจ้านแทบไม่ทันตอนกำลังยกขึ้นถีบ โชคดีที่เวินหนิงโดนมาเยอะเลยรู้หลบรู้หลีกไม่มีทางที่เซียวจ้านจะถีบเขาได้อย่างแน่นอน
“ไม่ได้รักแต่กลับบ่นคิดถึงคุณชายอี้ป๋อไม่หยุดปากนี่เรียกไม่รักหรือ? คุณชาย ข้าอยู่กับคุณชายมาทั้งชีวิตของข้าทำไมข้าจะไม่รู้” เซียวจ้านไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ใช้มือกระตุกคันเบ็ดไปเรื่อย นั่งมาสักพักตกปลาได้ตัวเดียวคงไม่พอแกง เวินหนิงที่เห็นว่าเซียวจ้านไม่ได้ว่าอะไรก็ขอพูดอะไรต่อเสียหน่อย
“ท่านเป็นคนปากแข็งแต่อาการชัดเจน ข้าว่าท่านรู้แก่ใจดีว่าท่านรักคุณชายอี้ป๋อไปแล้วเพียงแต่ติดที่ท่านไม่กล้าพูดออกมา ลูกก็มีด้วยกันแล้วรักกันไว้เถอะรู้สึกยังไงก็ให้มันเป็นไป อย่าไปฝืน”
“เวินหนิง...ข้า เฮ้อ ก็ได้ๆ ข้าชอบเขามาก ชอบโดยที่ไม่รู้ว่าชอบตั้งแต่เมื่อใด ข้าแค่ไม่อยากยอมรับ...ข้ากลัว”
กลัวว่าจะถลำลึกเสียจนไม่เผื่อพื้นที่ให้เสียใจหากวันหนึ่งความรู้สึกของอี้ป๋อไม่เหมือนเดิม
“อย่าไปกลัวอะไรในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเลย ข้าว่าคุณชายอี้ป๋อก็ดีกับท่านมาก ดูเขารักท่านเสียกว่าอะไรไม่มีทางทำให้ท่านเสียใจหรอก ข้าว่าท่านควรบอกคุณชายอี้ป๋อไปนะ ความรู้สึกของท่านน่ะ”
“ข้าควรพูดงั้นหรือ? ...น่าอายจะตาย”
เซียวจ้านสะบัดหัวแรงๆ เพื่อปัดความคิดนั้นออกจากหัว ให้เซียวจ้านพูดว่าชอบอี้ป๋อมันไม่น่าขันไปหรือ คนอย่างเซียวจ้านเคยพูดดคำพวกนี้กับใครที่ไหนกัน
“ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะอายเป็นด้วย ตอนนั้นเมากลางตลาดยังลุกขึ้นหัวเราะเต้นยังไม่อาย ฮ่าๆๆ”
“เวินหนิง! ข้าเกือบจะซึ้งใจเจ้าแล้วเชียว!”
“โอ้ย คุณชายอย่าถีบข้า”
เซียวจ้านวางมือจากเบ็ดและลุกขึ้นถีบเวินหนิงให้กลิ้งไปตามพื้นหญ้าจนลุกหนีแทบไม่ทัน ถ้าไม่ติดว่าท้องอยู่จะวิ่งไล่เตะให้สมใจอยากเสียนี่ เวินหนิงพอเห็นว่าเซียวจ้านยืนนิ่งก็แกล้งเดินเข้ามานวดไหล่เอาอกเอาใจ
“ข้าเพียงล้อเล่นท่านอย่าได้โกรธไปเลย เดี๋ยวคุณหนูในท้องก็เป็นคนขี้โมโหเหมือนท่านพอดี”
“นี่เจ้ายังไม่เลิกหลอกด่าข้าอีกหรือ เดี๋ยวข้าก็ถีบลงบึง”
“ฮ่าๆๆ ถ้าท่านถีบข้า ข้าจะเอาเรื่องที่ท่านชอบคุณชายอี้ป๋อไปบอกคุณชายเขาให้หมด” เซียวจ้านถลึงตาโตใส่คาดไม่ถึงว่าเด็กใสซื่ออย่างเวินหนิงเหตุใดถึงเจ้าเล่ห์นัก คงเป็นเพราะขลุกอยู่กับคนงานของตระกูลหวังเป็นแน่
“คุณชาย! ปลาติดเบ็ด!!”
“ไหน? มานี่ข้าจะยกคันเบ็ดเองเจ้าเอาสวิงไปรอได้เลย” เซียวจ้านหันหน้ามาทางคันเบ็ดตามที่เวินหนิงทัก นาทีนี้ลืมสิ้นหมดแล้วว่าจะเตะเวินหนิงตกบึงบัว เรื่องปลาสำคัญกว่า!
เวินหนิงก้มตัวไปใกล้ๆ ตลิ่งและยื่นสวิงรอรับปลาที่สู้แรงดึงของเซียวจ้าน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันเสียจนเสียเหงื่อเหนียวมือไปหมด สุดท้ายเซียวจ้านก็ขืนแรงปลายกคันเบ็ดขึ้นจนปลาลงสู่สวิงสำเร็จ
“ตัวใหญ่มากคุณชาย ข้าว่าเพียงพอต่อแกงหม้อหนึ่งแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ไหนข้าดูหน่อย ตัวใหญ่จริงด้วย ให้มันรู้เสียบ้างว่าข้าเป็นใคร ฮ่าๆๆ” เซียวจ้านคว้าสวิงนั่นเดินขึ้นมาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก้มดูแล้วก็นึกหิวขึ้นมาและคิดว่าแกงปลามื้อเย็นนี้คงอร่อยน่าดู อี้ป๋อกลับมาคงพร้อมทานพอดี
“คุณชายๆ” จู่ๆ เวินหนิงก็ทักเรียกเซียวจ้านที่เอาแต่จ้องมองปลาในสวิง เมื่อเซียวจ้านได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมามองเวินหนิงพร้อมด้วยคำถามว่าเรียกมีอะไร จนกระทั่งไล่สายตามองไปตามสิ่งที่เวินหนิงมองสวิงในมือก็หล่นดังตุ้บ
“อะ อี้ป๋อ...”
น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยออกมาเหมือนขาดน้ำในคอ เสียงของเซียวจ้านนั้นไร้น้ำเสียง จู่ๆ เซียวจ้านก็รู้สึกว่าน้ำลายในคอมันเหนียวไปหมดและลำคอเริ่มแห้งผาด
“คุณชาย...”
“เวินหนิง ข้าไม่เคยเห็นสตรีนางนั้นมาก่อน”
เซียวจ้านพูดถึงสตรีที่เดินขนาบข้างมาพร้อมกับอี้ป๋อตั้งแต่ประตูหน้าเรือนจนถึงกลางทาง ร่างทั้งสองของเวินหนิงและเซียวจ้านยืนอยู่ที่ริมตลิ่งพวกเขาคงไม่สังเกตเห็น แต่สำหรับเซียวจ้านคือเห็นทั้งหมดอย่างชัดเจนว่านางยิ้มให้อี้ป๋อมากเพียงใด
แม้อี้ป๋อจะยังคงรักษาสีหน้าเย็นชาไร้รอยยิ้มก็ตาม แต่อี้ป๋อไม่เคยพาสตรีนางใดเข้ามาที่นี่หรือมีท่าทีว่ารู้จักกับใครสักคน
100%
#ม่านวิวาห์อลเวง
เช็คเลขพัสดุรอบรีปริ้นท์ครั้งที่ 2 ได้ที่ คลิกที่นี่
E-BOOK
นักอ่านสามารถซื้อ #ม่านวิวาห์อลเวง แบบอีบุ๊คได้ที่ คลิกที่นี่
ศึกษาวิธีการซื้อได้ที่ คลิกที่นี่
หรือสามารถติดต่อสอบถามผ่านแอคทวิตเตอร์ @porzhan
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจผ่าน #ม่านวิวาห์อลเวง ด้วยนะคะ
ช่องทางการติดตามการอัพเดตแฟนฟิค
TWITTER : @porzhan
AUTHOR : SNOOKY
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สมกับเป็นทั่น!!! อี๋ป๋อ!!????
ป๋อเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน
ติดบ่างอี้ป๋อเต็มๆๆ
โอ๊ยยยยยยยย สมกันเป็นทั่น 55555 ยัยจ้านเธอโดนกดขนาดนี้ยังจะมีไปส่องสาว ซนจริงๆๆๆ ถ้าทั่นรู้เธอได้เรียกชื่อทั่นเธอทั้งคืนแน่ๆ
เห็นแววว่าจะมีน้องเร็วๆนี้ ขยันเข้าเรื่องนั้นเหลือเกินนะอี้ป๋อ
น่ารักอ่ะ