ตอนที่ 16 : รีไรท์ 第16 集 ม่านวิวาห์อลเวง
ตอนที่ 16 ม่านวิวาห์อลเวง
“เซียวจ้าน...ข้าดีใจเหลือเกิน”
ใบหน้าของเซียวจ้านเงยขึ้นมาตามเสียงเรียกอันคุ้นเคยก่อนที่ร่างทั้งร่างของตัวเองจะถูกอ้อมกอดหนากัดกอดเต็มแรงและซุกหน้ามาที่ซอกคอหอม กอดแน่นเสียจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงของอี้ป๋อดังออกมา
“อี้ป๋อ...ข้าท้อง” เซียวจ้านพูดออกมาแผ่วเบาแต่ไม่ได้กอดตอบร่างหนาแต่อย่างใด นาทีนี้เซียวจ้านยังคงสับสนว่าควรจะรู้สึกอย่างไร ไม่รู้ว่าควรตกใจหรือดีใจกันแน่ อย่างเขาหรือจะเป็นแม่คน
“ข้ารู้แล้ว ข้าดีใจมากที่เจ้าท้องเซียวจ้าน ข้าดีใจที่ข้าจะมีลูกกับเจ้าสักที”
แต่น้ำเสียงอันอบอุ่นของเจ้าของอ้อมกอดนี้กลับมอบคำตอบอันชัดเจนแก่ใจเซียวจ้านเป็นอย่างดีว่าเขาควรรู้สึกอย่างไร ทั้งๆ ที่ไม่สมควรรู้สึกดีใจท่ามกลางความมึนงงแต่เซียวจ้านกลับรู้สึกมีความสุขอย่างไร้เหตุผล อี้ป๋อดีใจที่จะสร้างครอบครัวด้วยกันซึ่งเซียวจ้านรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน
“ข้า...ข้าก็ดีใจอี้ป๋อ”
ตอบกลับไปแล้ว เซียวจ้านส่งยิ้มผ่านม่านน้ำตาเอ่อคลอ แม้ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ดีใจขนาดนี้ที่อี้ป๋อสวมกอดและพร่ำบอกถึงความสุขใส่หู แต่เมื่ออี้ป๋อมีความสุขเซียวจ้านก็พลอยมีความสุขเช่นกัน
เขาชอบอี้ป๋อแล้วหรือ? ไม่ผลักไสแต่กอดตอบร่างหนาเยี่ยงนี้ เซียวจ้านชอบอี้ป๋อเข้าแล้วใช่หรือไม่
“ข้าจะดูแลเจ้ากับลูกเป็นอย่างดี ด้วยชีวิตข้า เรามาดูแลลูกด้วยกันนะเซียวจ้าน”
สัมผัสอุ่นกลางหน้าผากของเซียวจ้านคือเครื่องยืนยันได้ดีว่าความรู้สึกที่อี้ป๋อมีให้มันช่างประเมินค่าไม่ได้ จุมพิตอ่อนหวานประทับเนิ่นนานที่หน้าผากเล็กเพื่อมอบรางวัลให้กับของขวัญล้ำค่า เปลือกตาสีไข่จองเซียวจ้านค่อยๆ ปิดลงรับความรู้สึกของอี้ป๋อให้ลึกสุดหัวใจ
ก่อนที่สัมผัสมือหนาจะประคองมือเรียวลูบหน้าท้องแบนราบไปด้วยกัน
“ข้าชอบเจ้าเซียวจ้าน ข้าจะเป็นสามีที่ดีเป็นพ่อที่ดี เจ้าช่วยเป็นภรรยาและแม่ของลูกเราไปด้วยกันนะ”
เซียวจ้านไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าตอบรับ นาทีนี้ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลอะไรที่ดลใจปู่ตัวเองทำให้ชีวิตเซียวจ้านเป็นแบบนี้ แต่เซียวจ้านคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรอีก ความรู้สึกตอนนี้ต่างหากที่สำคัญ มันเกิดขึ้นแล้วคงแก้ไขอะไรไม่ได้เสียนอกจากมีความสุขตามใจเรียกร้อง
“คุณชายอี้ป๋อ ได้โปรดลงมาเถิด”
เกิดมาสิบหกปีไม่มีวันไหนที่หัวใจของซือจุยจะหยุดเต้นเท่าวันนี้มาก่อน ตั้งแต่บ่ายหลังจากคุณชายทูนหัวของซือจุยออกมาจากเรือนหลังบ้านใหญ่ก็เดินดุ่มๆ มาตามซือจุยไปที่ต้นมะม่วงหน้าบ้าน สั่งให้ซือจุยขึ้นไปเก็บมะม่วงแต่ซือจุยดันเป็นโรคกลัวความสูง
จะใช้ไม้สอยก็กลัวเด็ดลงมาลงพื้นจะช้ำ จะใช้คนอื่นให้มาทำให้ก็ชักช้าไม่ได้ดั่งใจ อี้ป๋อเลยต้องปีนขึ้นมาตามกิ่งก้านต้นมะม่วงเสียเองและเอื้อมมือเด็ดมะม่วงบนต้นโยนให้ซือจุยที่รอรับด้านล่าง คนยืนรับหน้าซีดหน้าเซียวเหงื่อไหลชุ่มหน้า
แหงสิถ้าคุณชายอี้ป๋อเป็นอะไรไปมีหวังหัวได้หลุดจากบ่าซือจุยแน่ๆ ก็ตั้งแต่อี้ป๋อเกิดมาเคยมารับอะไรเยี่ยงนี้เสียที่ไหนกัน ตอนบอกจะปีนเองซือจุยลมแทบจับ
“...”
“คุณชายยย” ซือจุยลากเสียงยาวปานจะขาดใจตาย คอยกางแขนรอรับมะม่วงที่อี้ป๋อโยนมาอย่างใจจดใจจ่อเพราะหากร่วงลงพื้นมีหวังคุณชายหน้าดุไม่ไว้ชีวิตเป็นแน่ ก็มะม่วงเปรี้ยวทั้งหมดทั้งมวลคุณชายตั้งใจจะเอาไปให้เซียวจ้านนี่
“ได้กี่ลูกแล้ว?”
“สักสิบลูกได้แล้วขอรับ”
อี้ป๋อก้มลงมามองซือจุยที่ถือตะกร้ามะม่วงอยู่ด้านล่าง เพ่งพิจารณาสักหนึ่งรอบก็เห็นว่าน่าจะประมาณสิบผลอย่างที่ซือจุยตอบจึงค่อยๆ ปีนลงมาจากต้นมะม่วงช้าๆ โดยมีซือจุยคอยกุลีกุจอยืนอยู่ด้านล่างไม่ห่าง
“ท่านทำเอาข้าใจหายใจคว่ำหมด เหตุใดต้องทำเพียงนี้?”
ซือจุยถามออกไปด้วยน้ำเสียงเบาริบหรี่ อยากจะถามให้หนักแน่นแต่นั่นเจ้านายเลยไม่กล้าพูดชัด อี้ป๋อคว้าตะกร้ามะม่วงมาไว้ในมือและปาดเหงื่อที่หน้าผากเบาๆ แต่ถึงเพียงนั้นกลับไม่ได้ทำให้อี้ป๋อดูดีสมสง่าน้อยลงเลยสักนิด
“เซียวจ้านแพ้ท้องอยากกินมะม่วง”
ซือจุยอ้าปากค้างกลางอากาศกับคำตอบสั้นๆ ของอี้ป๋อ แม้ว่าจะรู้มาก่อนอยู่แล้วว่าเซียวจ้านอยากกินมะม่วงเลยมาเก็บให้แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าคำพูดยอมรับอย่างซื่อตรงจะหลุดมาจากปากของอี้ป๋อเองเยี่ยงนี้ เรียวขาแกร่งเดินถือตะกร้ามะม่วงไปยังเรือนหลังบ้านใหญ่พลางอมยิ้มตลอดทาง
เป็นพ่อคนไม่ใช่เรื่องง่ายของอี้ป๋อเสียจริง
“อื้อ อ่อก อื้อ”
ตะกร้ามะม่วงแทบร่วงหล่นเมื่ออี้ป๋อเดินเข้ามาเห็นเซียวจ้านโก่งคอลงกับกระโถนตรงหน้าและกำลังอาเจียนน้ำตาไหล ร่างหนารุดกายเข้ามาใกล้และใช้มือลูบหลังเบาๆ พลางประคองไม่ห่าง ไม่คิดเหมือนกันว่าเซียวจ้านท้องแล้วต้องทรมานอาเจียนหนักขนาดนี้
“ใครไปตามหมอมาที!!” อี้ป๋อเผยใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวส่งเสียงตะโกนไปที่หน้าบ้านทำเอาคนสวนสะดุ้งตกใจเป็นแถบๆ ต่างรีบวิ่งมาออกันตรงหน้าเรือน เป็นมือเล็กๆ ของเซียวจ้านเองที่เอื้อมไปแตะมือของอี้ป๋อเอาไว้ก่อนและส่ายหน้าเบาๆ
“อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลย ข้าไม่เป็นไรมากไม่ต้องตามหมอหรอก แพ้ท้องมันเป็นเรื่องปกติท่านน้าเวินฉิงบอกข้ามา”
“แต่...”
สายตาเป็นห่วงของอี้ป๋อส่งหาเซียวจ้านไม่ห่าง แต่เพียงรอยยิ้มจางๆ ที่ส่งมานั่นก็พอทำให้อี้ป๋อจอมสุขุมใจเย็นลงได้อย่างง่ายดายและบอกให้คนงานไปทำงานต่อไม่ต้องห่วงทางนี้แล้ว
“ข้าเห็นเจ้าถือมะม่วงมา ข้า...ข้าเปรี้ยวปาก”
อาการแพ้ท้องนี่ช่างลำบากนัก ทั้งอาเจียนทั้งอยากของเปรี้ยวเต็มไปหมดจนต้องเอ่ยปากบอกอี้ป๋อ อีกฝ่ายพอได้ยินก็ทิ้งให้เขานอนจมกับเตียงและออกไปนานสองนาน โชคดีที่อี้ป๋อเอาของที่อยากกินเข้ามาได้ไม่อย่างนั้นคงมีแม่ลูกอ่อนกินหัวเข้าให้
“รอข้าก่อนข้าจะไปปอกใส่จานให้”
“อื้อ”
เซียวจ้านยิ้มหวานให้และมองมะม่วงในตะกร้าตาวาว อาการแพ้ท้องที่ทำเอาอาเจียนน้ำตาเล็ดจู่ๆ ก็หายไปเสียดื้อๆ แม้ว่าเวินฉิงจะเตือนว่าห้ามกินเยอะแต่เซียวจ้านก็ขอต่อรองกินผลเดียวก็ได้ ดังนั้นนางเลยยอมให้เซียวจ้านกินประทังความอยากและแก้แพ้ท้อง
อี้ป๋อเดินไปที่โต๊ะกลางห้องนั่งบรรจงปอกเปลือกมะม่วงด้วยความเงียบขรึม เซียวจ้านลุกเดินไปตรงที่อี้ป๋อนั่งอยู่และหย่อนก้นนั่งลงตรงข้ามกัน มือเรียวยกขึ้นมาท้าวคางตัวเองนั่งมองบุรุษรูปงามที่ใครจะไปรู้ว่าจะมานั่งปอกเปลือกมะม่วงให้เมียตัวเองกินอย่างนี้
“เจ้ายิ้มอะไร?”
อี้ป๋อเงยหน้ามาเห็นเซียวจ้านส่งยิ้มให้ก็อดถามไม่ได้ ใบหน้าหวานส่ายหน้าเล็กน้อยและเอื้อมมือไปหยิบชิ้นมะม่วงที่อี้ป๋อฝานเนื้อใส่จานนั้นมาใส่ปากเคี้ยว ดวงตาสีนิลจ้องมองเซียวจ้านและอมยิ้มตาม ก็หน้าตอนเซียวจ้านกินมะม่วงเปรี้ยวช่างน่าเอ็นดู
เปรี้ยวสำหรับเขาแต่กลับไม่มีรสเปรี้ยวสำหรับเซียวจ้านที่กำลังแพ้ท้องสินะ
“ข้ายิ้มให้เจ้านั่นแหละ ใครเขารู้เข้าว่าเจ้ามานั่งปอกมะม่วงให้ข้าคงขำตาย”
“ก็ช่างพวกเขาสิ ข้าอยากดูแลเจ้า”
“แค่กๆ”
เซียวจ้านสำลักมะม่วงในปากทันทีเมื่อได้ยินอี้ป๋อพูดออกมา เหตุใดถึงต้องคอยแกล้งให้เซียวจ้านหน้าแดงอยู่เรื่อยกัน
“เป็นอะไรไป เอาน้ำหรือไม่?”
“แค่กๆ ไม่ต้องเลยข้าสำลักมะม่วงก็เพราะเจ้า...เจ้าชอบพูดให้ข้าอาย”
“เจ้าไม่ชอบที่ข้าพูดหรือ?” ช้าก่อนนะอี้ป๋อ หากจะว่ากันตามตรงฝ่ายที่ควร
ขี้น้อยอกน้อยใจต้องเป็นเซียวจ้านไม่ใช่หรือ แล้วท่าทีน้อยใจของอี้ป๋อนั่นคืออะไรกัน ต้องเป็นคนท้องไม่ใช่หรือที่ต้องโดนง้อไม่ใช่คนพ่อโดนง้อ
ริมฝีปากหยักเริ่มเบะคว่ำและไหนจะดวงตามองหลุบต่ำของอี้ป๋อทำเอาเซียวจ้านไปแทบไม่เป็น กินมะม่วงอยู่ดีๆ ทำไมต้องมาง้อกันด้วยล่ะนี่
“อี้ป๋อ เป็นอะไรไป?”
“เจ้าไม่ชอบที่ข้าบอกความในใจกับเจ้า แล้วจะให้ข้าไปพูดกับใครในเมื่อข้าชอบเจ้า” เรื่องนี้นี่เอง เซียวจ้านถอนหายใจออกมาและมองพ่อของลูกตรงหน้าด้วยแววตาเปื้อนยิ้ม
“เอ่อ ข้า ข้าแค่อาย”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ชอบที่ข้าพูดใช่หรือไม่?”
“อืม ไม่ใช่ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าข้ารู้สึกยังไงกับเจ้า แต่ข้าหาได้รังเกียจความรู้สึกเจ้า เลิกงอนเป็นเด็กๆ ได้แล้วเจ้ากำลังเป็นพ่อคนนะ”
มีดที่เคยวางลงกับพื้นโต๊ะถูกอี้ป๋อยกขึ้นมาในมืออีกครั้งและใช้มันปอกเปลือกมะม่วงที่เหลือ ฝานเนื้อใส่จานจนพูนและยื่นให้เซียวจ้าน มือน้อยหยิบเนื้อมะม่วงเข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่าโดยมีสายตาของอี้ป๋อมองตามไม่คลาดสักวินาที
อี้ป๋อกำลังมีความสุขอยู่กับพื้นที่เล็กๆ ที่มีเซียวจ้านอยู่ตอนนี้ แค่มีเซียวจ้านและเด็กในท้องก็ดีมากโข
ยามสายแก่ๆ อี้ป๋อและเซียวจ้านก็เดินเข้ามาในเรือนใหญ่เพราะมีคนไปบอกว่าเจียงเฉิงเดินทางมาจากเมืองเจียงเพื่อมาหาเซียวจ้านหลังได้รับข่าวว่าตอนนี้หลานชายตัวเองตั้งครรภ์อ่อนๆ พอได้รู้เรื่องก็เรียกได้ว่ารีบบอกคนให้เตรียมเดินทางมาทันที
เสียงพูดคุยระหว่างซีเฉิน เวินฉิง และเจียงเฉิงได้ชะงักลงเมื่อเห็นว่าอี้ป๋อและเซียวจ้านเดินมาถึงโต๊ะที่พวกเขาทั้งสามนั่งอยู่ คู่ใหม่ปลามันรีบก้มหัวเคารพก่อนจะตามมานั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวยาว
“เป็นอย่างไรบ้างเซียวจ้าน ข้านำสมุนไพรจากเมืองเรามาให้เจ้าบำรุงหลาน” เจียงเฉิงมองไปที่กองผ้าที่ห่อสมุนไพรหลายชนิดตรงโต๊ะไม้ด้านหน้า เซียวจ้านมองตามและส่งสายตาดุไปที่เจียงเฉิงอย่างไม่ชอบใจ เพราะระหว่างอาหลานคู่นี้มีเรื่องที่ต้องคุยกันอยู่มาก
“เหตุใดมองข้าเช่นนั้น?”
“ข้าควรพอใจหรือที่ท่านอารู้เรื่องที่ข้าสามารถมีลูกได้แต่ไม่ยอมบอกกัน บอกให้ข้าแต่งกับอี้ป๋อทั้งๆ ที่ข้าไม่รู้อะไรเลย”
อารมณ์หงุดหงิดจากเดิมที่ไม่ค่อยหาได้ในตัวเซียวจ้าน เมื่อเข้าสู่การตั้งท้องมันกลับพลิกผันแทบเป็นคนละคน เวินฉิงส่งสายตาปรามไปยังเจียงเฉิงเพื่อจะบอกให้อีกฝ่ายนั้นทำความเข้าใจหลานตัวเองเสียหน่อย ดังนั้นเจียงเฉิงเลยไม่ลุกขึ้นไปทุบหลานตัวเองอย่างที่อยากทำ
“หากข้าบอกเจ้า เจ้าจะคิดว่าตัวเองเป็นคนประหลาดผิดแปลกคนอื่นหรือไม่ล่ะ?”
“นั่น...”
เจียงเฉิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพื่อให้เซียวจ้านลองคิดตาม อี้ป๋อมองหน้าคนข้างๆ และพยายามใช้ความเข้าใจด้วยการเอื้อมมือไปแตะต้นขาเบาๆ เซียวจ้านปิดเปลือกตาลงครู่หนึ่ง
“เจ้าที่เป็นนักสำราญชอบออกเที่ยวราตรี ยิงนกตกปลาตีไก่ไปทั่ว หากเจ้ารู้ว่าแท้จริงร่างกายของเจ้าไม่เหมือนชายทั่วไป เจ้าจะมีความสุขหรือไม่?”
เจียงเฉิงส่งคำถามไปที่เซียวจ้านอีกครั้ง พยายามแฝงเจตนาอันดีไปยังหลานชายด้วยเพศบุรุษเช่นเดียวกัน หากเป็นตัวเจียงเฉิงเองถ้ารู้ว่าตัวเองไม่เหมือนดั่งชายทั่วไปชีวิตวัยหนุ่มคงหมดสนุกพอดี
“ข้าอยากให้เจ้าได้เที่ยวเล่นตามประสาชายหนุ่ม มีเพื่อนสหาย ไม่คิดว่าเจ้าแปลกแยกจากบุรุษทั่วไป ข้าหวังดี”
“ท่านอา...”
เซียวจ้านที่เดินครุ่นคิดมาตลอดทางว่าจะตำหนิอาแท้ๆ ตัวเองเยี่ยงไรดี กลับกลายเป็นน้ำท่วมปากอ้าเถียงไม่ออกเพราะสิ่งที่เจียงเฉิงพูดมานั้นคือความจริง เซียวจ้านคิดตามแล้วถ้าตัวเองรู้ว่าตัวเองผิดแปลกไปทั้งชีวิตเขาคงคิดมากและไม่กล้าใช้ชีวิตด้วยซ้ำ
“เซียวจ้าน ข้าเข้าใจเจ้านะในฐานะที่ข้าก็เป็นชายเหมือนกัน และข้าขอเข้าข้างเจียงเฉิงเพราะข้าเห็นด้วย ข้าคงคิดมากถ้าข้ารู้ว่าข้าไม่ได้เกิดมาเพื่อครอบครองสตรี”
ซีเฉินหลังเงียบอยู่นานก็เอ่ยปากพูด เซียวจ้านพยักหน้าลงช้าๆ และประสานมือทั้งสองให้แขนระนาบกับพื้นบ้านเพื่อทำการขอโทษแก่อาตัวเองที่เผลอใช้น้ำเสียงไม่ดีไป ตอนนี้เขาเข้าใจเจตนาอันดีแล้ว
“ข้าขออภัยท่านอาด้วย ข้าไร้การไตร่ตรอง”
“ไม่เป็นไร ถึงข้าไม่ใช่พ่อเจ้าแท้ๆ แต่ข้าก็รักเจ้าเหมือนลูกในไส้ ว่าแต่ช่วงนี้อาการเป็นอย่างไรบ้างเห็นเวินฉิงบอกเจ้าแพ้ท้องหนัก” เจียงเฉิงพยักหน้ารับการ
ขอโทษจากเซียวจ้านและเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เซียวจ้านยังไม่ทันตอบแต่เป็นอี้ป๋อที่เอ่ยสวนออกมา
“เซียวจ้านอาเจียนแทบทั้งคืนแม้ว่าจะทานสมุนไพรจากท่านน้าเวินฉิงแล้วก็ตาม ท่านเจียงเฉิงพอมีวิธีใดคลายอาการนี้หรือไม่? ข้าไม่อยากให้เซียวจ้านอิดโรย”
หัวอกคนเป็นสามีเมื่อต้องตื่นมาตามเสียงอาเจียนของเซียวจ้านที่ต้องลุกกลางดึกขึ้นมาอาเจียนทั้งๆ ที่นอนกอดกันอยู่ไม่ห่างนั้น มันทำให้อี้ป๋อสงสารจับใจและรู้สึกผิด ถ้าเขาไม่อยากมีลูกกับเซียวจ้านบางทีแล้วเซียวจ้านอาจไม่ต้องทรมานเยี่ยงนี้
“วางใจเถิดข้ามีสมุนไพรมาให้ มันจะทุเลาลงอี้ป๋อ”
“ฮ่าๆๆ เป็นบุญตาข้ายิ่งนัก ข้านะเลี้ยงอี้ป๋อมาตั้งแต่เล็กไม่เคยเห็นอารมณ์นี้ของเจ้าสักนิด แต่ข้าได้เห็นสักทีเมื่อเจ้ามีเมียมีลูก”
ซีเฉินอดส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อมองหน้าเครียดของอี้ป๋อและถ้อยคำที่พ่นออกมา จะไม่ให้แปลกใจได้เยี่ยงไร ยี่สิบห้าปีก่อนหน้านี้ยกเว้นเรื่องงานก็ใช่ว่าคนในบ้านจะเห็นอี้ป๋อพูดเยอะขนาดนี้ แม้กระทั่งสีหน้าที่ไม่แม้แต่จะแสดงอาการอะไรออกมา ขอแค่เป็นเรื่องของเซียวจ้าน
อี้ป๋อสามารถโกรธ เศร้า และดีใจได้ราวกับเป็นคนละคน
“ท่านก็ไปล้อหลาน ดูนั่นอี้ป๋ออายแล้ว”
เวินฉิงตีไปที่ต้นขาสามีเบาๆ แกมหยอกล้อ ยิ่งเวินฉิงพูดอี้ป๋อก็ยิ่งก้มหน้าตัวเองลง มันเป็นภาพที่เซียวจ้านเองก็อดหัวเราะไม่ได้
“นี่เจ้าหัวเราะข้างั้นหรือ? อย่าคิดว่าเจ้าท้องข้าจะรังแกเจ้าไม่ได้นะ”
อี้ป๋อเงยหน้าพูดสวนเสียงหัวเราะของเซียวจ้านข้างๆ พออีกฝ่ายได้ยินแทบกลั้นเสียงหัวเราะในทันที ก็รู้น่ะสิว่าคนอย่างอี้ป๋อพูดจริงทำจริง ไม่ไหวหรอกแค่นี้ก็อาเจียนอิดโรยจะแย่ถ้าต้องโดนรังแกจากสามีบนเตียง กลัวว่าจะสิ้นลมก่อนเห็นหน้าลูกพอดี
“เจ้าเองก็เพลาๆ หน่อยอี้ป๋อ ก่อนหน้านี้เสียงพวกเจ้าดังถึงเรือนใหญ่ คนในเรือนพากันคุยเรื่องนี้ไปทั่ว”
“ท่านว่าอย่างไรนะท่านซีเฉิน? เพราะเจ้าคนเดียวเลยอี้ป๋อ หลังจากนี้อย่าคิดว่าจะได้ใกล้ข้าอีกเลย”
ซีเฉินรีบลุกขึ้นยืนเพื่อเปลี่ยนที่นั่งกับเวินฉิงทันที ขืนเขานั่งอยู่ข้างๆ อี้ป๋อตอนนี้มีหวังหลานชายคนสุขุมได้ฆ่าอาแท้ๆ ของตัวเองแน่ๆ ขอโทษทีนะหลานชายพอดีซีเฉินพูดเล่นแรงเกินไปหน่อย
“ท่านอา...”
อี้ป๋อพูดออกมาเบาๆ และมองซีเฉินที่แกล้งมองนั่นนี่ไปเรื่อยไม่ให้อี้ป๋อเอาความกับตัวเองได้ เวินฉิงและเจียงเฉิงที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนี้ก็พลอยหัวเราะขัน
“เจ้าไม่ต้องส่งสายตาละห้อยไปยังท่านซีเฉินเลย ข้าเคืองเจ้านัก”
“เซียวจ้าน คือข้า...”
อี้ป๋อเป็นคนพูดสวนคนไปเสียเมื่อไหร่กัน เมื่อเห็นภรรยาตัวบางข้างๆ กำลังว่าความก็อยากอธิบายง้องอนด้วย ช่างไม่เหลือเค้าโครงเดิมของบุรุษเย็นชาเหมือนคนเป็นใบ้อย่างคราแรก
“ข้าต้องดับฝันเจ้าหน่อยนะอี้ป๋อ ข้าได้ยินเสียงพวกเจ้ามาจากเรือนด้านหลังข้าเข้าใจวัยเจ้า แต่ระยะสองเดือนนี้เป็นช่วงอันตราย ต้องงด”
เหมือนมีสายฟ้าผ่าฟาดลงมากลางวงสนทนานี้อย่างไรอย่างนั้น อี้ป๋อเหยียดหลังตรงกายแช่เป็นหินเมื่อได้ยินคำว่าสองเดือน แค่หนึ่งราตรีได้แค่นอนกอดเซียวจ้านร่างกายก็ร้อนผ่าวแทบไหม้แล้ว เยี่ยงนี้อี้ป๋อจะไม่ตายเชียวหรือ?
“สมน้ำหน้าเจ้า”
“มัวไปสมน้ำหน้าอี้ป๋อ เจ้าเองก็เถิดสองเดือนนี้ต้องระวังให้มากไม่ว่าจะเรื่องกินหรือพฤติกรรมโลดโผนของเจ้า”
เจียงเฉิงพูดเสียงเข้มมาหาหลานชายตัวเองอย่างคนที่รู้ดีว่าเซียวจ้านน่ะซนเสียยิ่งกว่าลิงค่าง เผลอเป็นท่องราตรีเอย ปีนต้นไม้เอย เอาไก่ตัวโปรดไปตีเอย หากท้องแล้วไปทำอย่างเดิมมีหวังหลานคงไม่ได้เกิดมาลืมตาดูโลกพอดี
“งดหมดเลยหรือ? อาหารเผ็ดๆ ที่ข้าชอบล่ะ?” เวินฉิงหันมาส่ายหน้าใส่เป็นคำตอบว่าไม่ได้เด็ดขาด ของรสจัดไม่ว่าจะเปรี้ยว เผ็ดต่างๆ ต้องงดและกินได้แต่ของจืดๆ เมื่ออี้ป๋อได้ยินก็ต้องอมยิ้มที่มุมปาก
“ไม่ต้องมายิ้มเลยอี้ป๋อ คืนนี้ข้าจะนอนที่เรือนใหญ่เลยคอยดู”
“คิดว่ามานอนได้ก็มาสิ ข้าจะรั้งกายเจ้าไว้ที่อ้อมกอดของข้า เจ้าหาวิธีคลายได้ก็เชิญ” หากเป็นคนวัยหนุ่มทั่วไปพูดผู้ใหญ่ทั้งสามที่นั่งราวกับเป็นหัวหลักหัวตอคงไม่รู้สึกรู้สา แต่เมื่อเป็นอี้ป๋อพูดทั้งสามถึงกับหันมามองหน้ากันทันที ตกใจกันเสียจนต้องเอามือทาบอก อี้ป๋อคนนี้เปลี่ยนไปแล้ว
“แฮ่กๆๆ”
คุยกันได้เพลินๆ ถึงเรื่องราวทั่วไปของบ้านเมืองยามปัจจุบันไม่นานนัก เวินหนิงก็วิ่งเข้ามาในเรือนใหญ่และก้มหัวเชิงขออนุญาตพูด เป็นเจียงเฉิงที่พยักหน้าให้เด็กที่ตัวเองเห็นมาแต่แบเบาะให้คลายปากพูดได้
“มีเรื่องอันใด?”
“มีคนมาขอพบคุณชายอี้ป๋อและคุณชายเซียวจ้าน เขาเข้ามาได้หรือไม่?”
ซีเฉินนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางมองไปที่ทุกคนตรงหน้า เมื่อทุกคนไม่ได้ค้านอะไรจึงพยักหน้าให้เวินหนิงพาคนนั้นเข้ามาได้ เวลาผ่านไปไม่นานนักคนที่ว่าก็เดินเข้ามาในเรือนใหญ่ท่ามกลางสีหน้ายินดีของซีเฉินและเวินฉิง
“ข้าก็นึกว่าใคร ที่ไหนได้คุณชายจินนี่เอง”
“ขออภัยที่มาขัดเวลาพวกท่าน ข้าเพียงได้ข่าวว่าสหายข้ากำลังมีลูก ข้าก็เลยแวะมายินดี”
จินจื่อเซวี่ยนทำความเคารพด้วยการประสานมือพร้อมแขนระนาบกับพื้นห้องก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยไปยังผู้ใหญ่ทั้งสาม อี้ป๋อหันมามองผู้ที่บอกว่าเป็นสหายตนด้วยใบหน้าเรียบเฉย มีเพียงเซียวจ้านนั่นแหละที่ยิ้มกว้างออกมาเพราะบุรุษผู้นี้คุ้นตายิ่งนัก
“หาใช่ใครอื่น เรื่องไปถึงเมืองจินไวนัก มาๆ มานั่งก่อน” เวินฉิงผายมือให้
จินจื่อเซวี่ยนนั่งตรงข้ามกับอี้ป๋อและเซียวจ้าน เจียงเฉิงคงเป็นคนเดียวที่ไม่รู้จักชายมาเยือนคนใหม่ แต่แซ่เสียงเรียงนามก็พอรู้บ้างว่าคุณชายผู้นี้มาจากเมืองข้างเคียง
“ข้าเคยเจอเจ้าแล้วที่ท่าเรือหวังหนาน ข้าจำได้ว่าตอนนั้นเจ้ามากับสหายอีกสองคน แต่ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าเป็นคุณชายจากเมืองจิน”
“ฮ่าๆ คุณชายเซียวจ้านช่างความจำดีนัก ตอนนั้นข้าไปช่วยงานของอี้ป๋อนั่นแล ต้องขอโทษที่ไม่ได้แนะนำตัวครบถ้วน”
เซียวจ้านส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร เรื่องพวกนั้นมันสุดแล้วแต่จินจื่อเซวี่ยนเขาจะไปนึกเคืองได้อย่างไร แต่ที่แปลกใจก็คงเป็นเพราะชายผู้นี้เป็นสหายของอี้ป๋องั้นหรือ แต่เหตุใดดูไม่สนิทสนมกันราวมิตรทั่วไป
“เจียงเฉิง นี่คุณชายจิน สหายอี้ป๋อมาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงตอนนี้ เขาเป็นสหายเพียงคนเดียวที่อี้ป๋อมี” เจียงเฉิงหันไปส่งยิ้มให้จินจื่อเซวี่ยนเล็กน้อยก่อนที่จินจื่อเซวี่ยนจะก้มหัวเคารพอีกครั้ง
“รู้เรื่องได้อย่างไร?” อี้ป๋อถามไปยังสหายข้างหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ก็แฝงความแปลกใจไว้ไม่น้อย จินจื่อเซวี่ยนยิ้มกว้างมาให้เซียวจ้านและอี้ป๋อสลับกัน
“ข้าไม่รู้สิแปลก ข้าเป็นสหายเจ้านะอี้ป๋อถึงแม้เจ้าจะมีหน้าเดียวมาตลอดสิบห้าปีที่รู้จักกันก็เถิด อีกอย่างที่ท่าเรือลือกันทั่วข้าเลยต้องรีบเอาของบำรุงมาให้คุณชายเซียวจ้าน”
“ไม่ต้องลำบากเรียกข้าว่าคุณชายหรอก เรียกว่าเซียวจ้านย่อมได้” ก็สหายของสามีก็คือสหายตัวเองด้วยแปลกตรงไหนถ้าจะให้เรียกแค่ชื่อเฉยๆ แต่คนข้างๆ นี่สิทำไมต้องจ้องสหายด้วยสายตาดุดันด้วย ไหนจะส่งเสียงหึในลำคอดังลั่นจนวงแทบแตกเยี่ยงนี้อีก
เซียวจ้านพูดอะไรผิดหรือไร?
“ฮ่าๆ ข้าว่าปล่อยให้พวกเขาคุยกันตามลำพังเถิด พวกเราแก่แล้วคงคุยกับพวกเขาไม่รู้เรื่องหรอก”
ซีเฉินเป็นฝ่ายเปิดปากออกมาเมื่อเห็นว่าลางชักไม่ดี เวินฉิงและเจียงเฉิง
พยักหน้าตามที่ซีเฉินพูดด้วยความเห็นด้วยก่อนที่จะแยกย้ายไปสนทนาเรื่องบ้านเมืองเรื่องงานตามประสาผู้ใหญ่ ตอนนี้จึงมีเพียงอี้ป๋อ เซียวจ้านและจินจื่อเซวี่ยนสามคน
“เดินทางมาไกลข้าเกรงใจนัก”
“ไม่เป็นไรเลยเซียวจ้าน ข้ายินดีมากจนต้องรีบเดินทางมา ว่าแต่อาการเป็นเยี่ยงไรบ้างข้าเห็นว่าคนท้องต้องเหนื่อยแย่”
“ข้าดูแลเขาดีเจ้ามิต้องกังวล”
ขัดอีกแล้ว เซียวจ้านหันไปมองอี้ป๋อข้างๆ ที่มือไม้เริ่มไม่อยู่สุขต้องวาดมือมาโอบเอวเซียวจ้านไว้ไม่ห่าง จินจื่อเซวี่ยนที่เห็นอาการของอี้ป๋อก็นึกขันในใจ กับเพื่อนกับฝูงที่คบมานานยังจะห่วงเมียต่อหน้า
“ข้าต้องกังวลสินี่เมียเจ้าเชียวหนา”
“เมียอะไรกัน”
ใบหน้าหวานเริ่มมีสีแดงซับแก้มด้วยความเอียงอาย เป็นบุรุษแต่ต้องมานั่งฟังสหายอี้ป๋อพูดจาเช่นนี้ก็มีแอบเคืองบ้าง แม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็ตามที
“ฮ่าๆ ขออภัยๆ ข้าควรเรียกเจ้าว่าเยี่ยงไร...คนรักของสหายข้าดีหรือไม่?”
“นั่นก็ไม่ดี ฮ่าๆๆ”
เซียวจ้านส่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นยิ่งทำให้อี้ป๋อกัดฟันกรอด ช่างดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ตอนที่คุยกับเขาหาได้หัวเราะลั่นเยี่ยงนี้ไม่ อี้ป๋อไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแต่ทำเพียงจ้องมองไม่วางตา
“อี้ป๋อ เรื่องท่าเรือข้าดูให้เจ้าแทนได้ในช่วงนี้ ข้าว่าเจ้าต้องอยู่ดูแลเซียวจ้านอย่างใกล้ชิด คนท้องมักอารมณ์แปรปรวนและยิ่งท้องแรกคงต้องการเจ้าเป็นที่พึ่งพิง”
“อืม ข้าฝากเจ้าด้วย” อี้ป๋อพยักหน้ารับความหวังดีจากเพื่อนรัก เซียวจ้านเบ้ปากเล็กน้อยเพราะเขาหาใช่สตรีร่างน้อยที่ต้องการคนประคบประหงมเสียหน่อย
“ความจริงเจ้าไปดูแลงานเถิดข้าอยู่ได้ หากแพ้ท้องข้าก็แค่อาเจียนและดื่มยา”
“ไม่ได้” อืม ก็นั่นแหละคือคำตอบที่เซียวจ้านได้รับจากอี้ป๋อ น้ำเสียงเด็ดขาดรับรู้ไม่กล้าต่อรองอีก จินจื่อเซวี่ยนจ้องมองอี้ป๋อเนิ่นนานและอมยิ้มออกมา ทำเอาอี้ป๋ออดแคลงใจไม่ได้
“มองอะไร?”
“ก็มองเจ้าน่ะสิ คบกันมานานไม่เคยเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้มาก่อน ข้าล่ะอดดีใจไม่ได้ที่เห็นเจ้ากำลังมีครอบครัว”
“ฮ่าๆ เขาก็เป็นเยี่ยงนี้ชอบดุข้า”
จินจื่อเซวี่ยนกลั้นขำไม่อยู่จนต้องระบายเสียงหัวเราะออกมากับคำพูดของเซียวจ้านที่พูดออกมาเหมือนคนช่างฟ้องแต่เรื่องนั้นคือความจริงหาได้ปด วันแรกที่เซียวจ้านเจออี้ป๋อก็โดนดุไปนัก
“ข้าว่าเขาเป็นห่วงเจ้าไม่ใช่ดุหรอก”
“ข้า...ข้าก็ว่าอย่างนั้น”
เซียวจ้านก้มหน้าลงพูดกับพื้น ยอมรับแก่ใจดีว่าอี้ป๋อเป็นห่วงตัวเองและลูกมากเพียงใด แม้จะเดินจะเหินยังคอยพยุงกลัวลื่นกลัวล้ม ยิ่งจินจื่อเซวี่ยนพูดแบบนี้มันก็อดใจเต้นแรงไม่ได้ เพราะเซียวจ้านนั้นได้เป็นคนแรกและคนเดียวที่อี้ป๋อให้ความรักและดูแล
โชคดีที่มีอี้ป๋ออยู่ข้างๆ นี่คือสิ่งที่เซียวจ้านรู้สึกดีเสียจนใจสั่นไหว
100%
#ม่านวิวาห์อลเวง
E-BOOK
นักอ่านสามารถซื้อ #ม่านวิวาห์อลเวง แบบอีบุ๊คได้ที่ คลิกที่นี่
ศึกษาวิธีการซื้อได้ที่ คลิกที่นี่
หรือสามารถติดต่อสอบถามผ่านแอคทวิตเตอร์ @porzhan
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจผ่าน #ม่านวิวาห์อลเวง ด้วยนะคะ
ช่องทางการติดตามการอัพเดตแฟนฟิค
TWITTER : @porzhan
AUTHOR : SNOOKY
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หึงออกนอกหน้า แต่งแล่วเวินกนิงจะไปอยู่ไหนกนอ
ตอนหน้าแต่งงานแล้วใช่มั้ย กรี้ด!!!! เขินรอเลย
พบคนหึงหวง1อัตรา
รอลุ้นตอนต่อไปคะ น่ารักทั้งคู่เลย