คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01
ไอ้เอ๋อ 01
“ไอ้เอ๋ออ มึงจะหนีไปไหน ไอ้เอ๋ออออ” เสียงร้องเรียกแสดงถึงความเกรี้ยวกราดในอารมณ์ของเด็กชายตัวเล็กๆ นับสิบที่วิ่งไล่เด็กผู้ชายคนหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง
“งื้อออ ไม่เอานะ อย่าทำนโม อย่า” ดวงตากลมโตกำลังเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เท้าเล็กๆ สับถี่ๆ เพื่อหนีการจับกุมของกลุ่มเด็กที่โตกว่า อย่างหวาดผวา
ตุบ
“โอ้ยย ฮืออออออ”
“เห้ยมันอยู่นั่น ไปจับมันมาเร็ว” เสียงฝีเท้ามาพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวาย ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นโมนั่งร้องไห้อยู่กับพื้นดินที่เขาพึ่งจะสะดุดล้มลงจนเข่าถลอกเลือดไหล เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยเศษฝุ่นและใบไม้แห้ง
“พี่ต้า อย่าทำหนูเลยนะ” ต้าเด็กชายตัวโตวัยในสิบสองย่างสุขุมเข้ามาหานโมด้วยความโมโห ต้าต้องวิ่งไล่ตามเด็กเอ๋อนี่มาตั้งไกล ทั้งเหนื่อยทั้งโมโห
“มึงไปฟ้องครูติ๋มทำไมวะ ว่ากูขโมยไข่ไก่ไปขาย” ร่างอ้วนท้วมตวาดใส่เด็กชายตัวน้อยเสียงดังลั่น
“กะ ก็..ก็ครูติ๋มถาม” ร่างป้อมตอบกลับไปด้วยความใสซื่อ
“มึงนี่มันโง่จริงๆ เลย กูบอกมึงว่ายังไง ถ้าใครถามให้ตอบว่าไม่รู้ไม่เห็น”
“หนูไม่รู้ ฮึกอย่าตีหนูเลยนะ” น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างน่าสงสาร เมื่อเห็นเด็กที่เหลือวิ่งมาสมทบ มันยกมือไหว
“สายไปแล้วมึง กุโดนตีจนตูดแตกมาแล้วเนี้ยะ” มันว่าพร้อมกับถลกกางเกงบอลลงให้อีกฝ่ายดู ก้นดำๆ มาพร้อมกับรอยนูนแดงทำเอานโมผงะ
“มึงต้องชดใช้”
+++++++++++
สิบปีต่อมา
“ไอ้เอ๋อ เก็บบอลให้ที”
“คร๊าบบบบ คึคึคึ” ร่างสูงเพียงร้อยหกสิบห้า กับเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดเป็นรูตลงกลางหลัง กางเกงบอลยางยืดที่หลวมจนต้องใช้หนังยางรัดวิ่งทักๆ ออกไปเก็บบอลที่กระเด็นตกไปในพงหญ้าสูงมิดหัว ใบหน้าหวานสวยถูกปิดบังด้วยคราบไคลและคราบดินจนมองไม่เห็นถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ ร่างบาง วิ่งลงพงหญ้าอย่างไม่ลังเล สองมือเล็กควานหญ้าคาจนมัยบาดผิวแสบไปหมดเพื่อหาลูกบอลเก่าๆ ที่มันหวังว่าสักวันหนึ่งมันจะได้ใช้เท้าเตะกับเขาบ้าง ควานจนเจอกับลูกกลมๆ สีขาวแต่มันเล็กเกินว่าจะเป็นลูกบอลได้ มันหยิบขึ้นมาถือไว้ ตาก้มองลูกที่เหลืออีกนับสิบมันไม่รู้ว่าที่มันถืออยู่คืออะไร จนกระทั่งมันเห็นลูกบอลของจริงมันเลยเอื้อมมือไปหยิบอีก ก่อนจะวิ่งกลับมา พร้อมกับของในมือ
“เชี่ยะ ไอ้เอ๋อออ มึงเอาไข่งูกลับมาทำไม!!! ” ทุกคนที่เห็นวิ่งแตกกระเจิงทันที
“เอ้าหนีนโมทำไมละ” มันพูดแล้ววิ่งตามทุกคนที่วิ่งหนีมัน
“ไอ้เอ๋อออ มึงเอาไข่นั่นกลับไปไว้ที่เดิม ไอ้เหี้ยยยย แม่มันออกมาแล้ว หนีโว้ยยย” เมื่อมีคนหนึ่งเหลือบเห็นงูตัวดำเมี่ยมขยับตัวเลื้อยออกมาจาพงหญ้าที่ไอ้เอ๋อมันไปเก็บไข่มา ตัวใครตัวมันละทีนี้
“คึคึคึคึ วิ่งหนีนโมเหรอ คึคึคึ เล่นวิ่งไล่จับกันใช่ไหม?” ร่างเล็กวิ่งไล่ตามทุกคนเพราะคิดว่าเขากำลังเล่นด้วย โดยที่ในมือกำไข่งูไว้แน่น
“วางไข่ลงพื้นสิวะ” ต้าไอ้เด็กอ้วนดำเมื่อสิบปีที่แล้วโตมากลับผอมสูงหุ่นบึกบึนวิ่งมาหาไอ้เอ๋อ พร้อมกับแย่งใข่ในมือแล้ววางลงกับพื้น ก่อนจะลากไอ้ตัวต้นเหตุให้วิ่งตาม
“หาแต่เรื่องไม่เว้นแต่ละวันนะมึง” เมื่อพ้นรัศมีที่แม่งูจะเห็นต้าก็ออกปากด่าเบ้จิปาถะของตัวเองทันที
“คึคึคึ ลูกพี่อยากวิ่งเล่นไล่จับกับนโมอีกไหม”
“เล่นไล่จับพ่องมึงสิไอ้เอ๋อ จะตายกันยกแก้งแล้วยังไม่รู้ตัวอีก” ต้ามันว่าเสียงหอบ ชี้หน้าด่าไอ้เอ๋อไปด้วย
“เล่นอีกๆ”
“เล่นห่าไรละไป กลับบ้านไปเลยไป!! ” ต้าเอ่ยไล่ไอ้เอ๋ออย่างโมโห มันทำเขาเหนื่อยและเสียเวลา
“ใช้ห่าอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง ไอ้โง่!! ” เขาผลักหัวมันก่อนจะเดินกลับบ้านไปอย่างหัวเสีย ทิ้งให้ไอ้เอ๋อยืนยิ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ตรงนั้น
ไอ้เอ๋อไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นักมันยังโดนแกล้งโดนดุถูก โดนหลอกใช้อยู่ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ถึงจะโดนแกล้งอะไรสารพัดมันไม่เคยโกรธใครเลยสักครั้ง มันจะยิ้มรับกับการกลั่นแกล้งทุกครั้งราวกับต่อมความรู้สึกมันตายด้าน มันหันไปมองแผ่นหลังกว้างๆ ของคนที่มันเรียกว่าลูกพี่ อย่างไม่เข้าใจ
“ไม่เล่นแล้วเหรอ นโมอยากเล่นอีก” ดวงตามันเศร้าสร้อยทันทีที่เมื่อแผ่นหลังนั่นเดินหายจนลับตา นอกจากจะเป็นเด็กเก็บบอลแล้ว ไอ้เอ๋อ ยังเป็นนักเล่นหมากรุกตัวฉกาจ แบบว่าหาตัวจับยากถึงมันจะออกตัวช้า คิดช้า แต่เชื่อเถอะมันไม่เคยแพ้ใครในโรงน้ำชาสักครั้ง เห็นมันเอ๋อๆ แบบนี้ อย่าไปดูถูกสมองมันเชียว มันเรียนจบตั้งม.3เลยนะแต่กว่ามันจะจบม.3ได้ก็แทบแย่ เรียนตั้งแต่อายุสิบสามจบม.3ตอนอายุ18 ถามว่าใครเลี้ยงดูมันมา ไม่ใช่พ่อแม่มันแน่นอน เพราะคนที่เจอมันคนแรกคือไอ้ด่าง หมาวัดที่คาบมันมาวางไว้ตรงกุฏิเจ้าอาวาส กว่าหลวงตาจะออกมาเห็นไอ้เอ๋อมันก็นอนดูดนมอีด่างจนพุงกางไปแล้ว พอ มันโตขึ้นแล้วถามหาแม่มัน หลวงตาก็ชี้ไปที่อีด่างที่นอนเกาเห็บอยู่ข้างๆ โอ่ง มันยิ้มอย่างดีใจ
ตั้งแต่นั้นมามันก็ไหว้ไอ้ด่างทุกวันแถมเรียกว่าแม่จ๋าๆ อีก มันเป็นเรื่องตลกประจำหมู่บ้านไป หลวงตามันเลี้ยงมันแบบตามีตามเกิด อดบ้างอิ่มบ้างแล้วแต่คนที่มาทำบุญที่วัด ไอ้เอ๋อมีหน้าที่อยู่ไม่กี่อย่างที่หลวงพ่อสั่งให้มันทำคือ ขัดบาตรพระกับถูพื้น ซึ่งมันก็ทำได้ดีไม่ข้อติ เว้นเสียแต่ตัวมันที่จะเปียกโชกไปทั้งตัว เสื้อผ้ามันก็มีไม่กี่ชุดหรอก แต่ละตัวก็ได้จากการบริจาก จากคนในหมู่บ้าน ที่เขาจะทิ้งแล้วสภาพบางตัวเลยเหมือนผ้าขี้ริ้วไปหน่อย แต่ไอ้เอ๋อมันไม่เคยสนใจขอแค่มีเสื้อใส่ห่อหุ้มร่างกานมันไม่ให้หนาวก็พอ
พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่เล่นด้วยมันก็เดินกลับวัดด้วยท่าทีหงอยๆ เดินด้วยรองเท้าหูคีบตราช้างดาวคู่เก่าใส่จนพื้นเป็นรู แถมยังข้างละสีอีกต่างหาก มันเดินอย่างอ้อยอิ่งผ่านตลาดก็จะมี เสียงร้องทักมันดังขึ้นตลอดทางราวกับมันเป็นพี่ตูน วิ่งไปทางไหนเดินไปทางไหนก็มีแต่คนร้องทัก
“ไอ้เอ๋อไปไหนมาวะ” มันก็ได้แต่ส่งยิ้มแบบหงอยๆ ของมันตอบกลับ กว่าจะตอบออกมาเป็นคำพูดเพราะมันคิดช้าคนถามก็เดินหายไปไกล มันจะเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้ง บางคนเอ็นดูบางคนรังเกลียดเพราะ มันเนื้อตัวมอมแมมตลอด บางวันก็ได้เลือดกลับวัดลำบากหลวงตาคอยหาหยูกหายาทาให้ เจ็บตัวขนาดไหนมันก็ไม่เคยร้องสักครั้งก็ไม่มี ครั้งสุดท้ายที่ร้องก็ตอนโดนเพื่อนที่โรงเรียนเตะบอลอัดหน้าจนเลือดกำเดาไหลนั่นแหละ
“ไอ้เอ๋อยิ่งมึงร้องไห้มึงยิ่งเป็นคนอ่อนแอ ถ้ามึงไม่อยากกลายเป็นไอ่อ่อนมึงต้องไม่ร้องไห้” คนที่บอกมันแบบนั้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไอ้ลูกพี่ตัวแสบของมันนั้นละ
“หลวงตาทำไมไม่มีคนเล่นกับนโมเลยละ”
“เห้ออโมเอ้ยยย เลิกเล่นได้แล้วโตแล้วนะ” หลวงตาเอ็ดเสียงเหนื่อยๆ เขาก็อายุมากแล้วถ้าตายไปใครจะดูแลมันให้ ญาติที่ไหนก็ไม่มี
“แต่โมอยากเล่นนี่หลวงตา” เด็กน้อยค้านออกมาเสียงดัง
“แล้วมีใครอยากเล่นกับเอ็งบ้างไหมล่ะ ไปๆ อาบน้ำอาบท่า เนื้อตัวมอมแมมไปหมด” ไอ้เอ๋อพยักหน้าหงึกหงัก มันเดินไปหลังกุฏิก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกหมดไม่เหลือสักชิ้น แล้วเดินไปที่ตุ่มน้ำใบใหญ่ตัวมันเล็กจนตุ่มทั้งสองบังมันเกือบมิด ไอ้เอ๋อตักน้ำเย็นๆ อาบพร้อมกับส่งเสียงอู้อ้า ตามประสา มันไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาแอบดูมันอาบน้ำไหม หรือจะมีใครคิดไม่ดีกับมันบ้างรึเปล่า
เพราะอายุสมองของมันน้อยนิดเลยไม่รู้ว่าการที่มันแก้ผ้าอาบน้ำทุกวันแบบนี้จะนำภัยมาให้มันโดยที่มันไม่รู้ตัวเลย ร่างบอบบางยกมือขึ้นถูสบู่ไปทั่วตัว กลิ่นหอมแรงๆ ของสบู่ก้อนตรานกแก้ว ไอ้เอ๋อมันชอบมากใช้ไม่เคยเปลี่ยน พอมันล้างคราบไคลออกหมดตัว ผิวขาวเนียนละเอียดใบหน้าดูผ่องใสและรอยยิ้มที่ไม่เคยหายไปจากใบหน้าหวานหยดของไอ้เอ๋อ มันเดินแก้ผ้าโทงๆ มุดไปใต้ถุนกุฎิแล้วหยิบเสื้อผ้าเก่าๆ ของมันมาใส่ แล้วเดินขึ้นไปบนกุฎิ ไปปรนนิบัตหลวงตาเป็นกิจวัจประจำวันของมัน ก่อนนอน
ตีห้าของทุกๆ วันมันจะเดินตามหลวงตาไปบิณฑบาต ยืนสวดให้พรตามหลวงตา ให้แก่ญาติโยมบ้าง วันไหนได้ของกินเยอะมันะอารมณ์ดีเป็นพิเศษมันก็จะอวยพรเสริมเข้าให้ไปอีก เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนละแวกนั้นเป็นประจำ พอเจ็ดโมงก็เข้าวัด จัดเตรียมอาหารให้พระฉัน จัดสำรับสำหรับพระเสร็จก็ต้องรอพระฉันเสร็จมันถึงจะกินของที่เหลือได้ ดวงตากลมโตของมันจ้องของที่มันหมายตาไว้ไม่กะพริบใจก็คอยลุ้นว่าหลวงตาจะกินหมดไหม เด็กวัดคนอื่นๆ ก็เช่นกัน พวกมันกลืนน้ำลายลงคอกันเป็นแถวๆ มีบ้างที่แอบสบตากับหลวงพี่รูปใกล้ๆ จนหลวงพี่ไม่กล้ากินเยอะ
“อะ พวกเอ็งเอาข้าวไปกินกันได้ละ” คำพูดที่พวกมันรอคอย ทุกคนกรูไปรับสำรับอาหารจากหลวงตามาวางไว้อีกที่ก่อนจะลงมือกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ไข่พะโล้เป็นของโปรดของเด็กทุกคนโดยเฉพาะไอ้เอ๋อ มันชอบมากๆ มันรีบตักไข่ใบใหญ่ใส่จานข้าวของตัวเองก่อนใคร ไม่พอมันยังจ้วงน้ำซุบที่เหลือเสียเกือบหมดถ้วย
“ไอ้พี่เอ๋อออออ” เด็กวัดเรียกชื่อมันเสียงดัง มันหาได้สนใจ ในปากมันมีข้าวกับไข่เต็มกระพุ้มแก้มมันหันไปแจกยิ้มหวานให้กับทุกคน พอกินเสร็จก็ช่วยกันเก็บล้างก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ที่ได้รับ ก่อนจะไปเรียนหนังสือ เว้นเสียไอ้เอ๋อที่มันต้องออกไปทำงาน วันนี้มีคนจ้างมันไปตัดหญ้าให้กับบ้านหลังใหญ่ท้ายหมู่ บ้านที่เขาลือกันว่าผีดุ ไอ้เอ๋ออยู่วัดตั้งแต่เด็กมันไม่กลัวหรอกผีนะมันกลัวแต่ตาลุงขี้เมาเท่านั้นแหละ มันเดินถือมีดพลล้าดายหญ้ากับกระติกน้ำที่ใส่น้ำกับน้ำแข็งไว้เต็ม
เดินยิ้มผ่านตัวตลาดไปที่ท้ายหมู่บ้านระหว่างทางมันเจอยายมะลิคนขายขนมที่กำลังจะเข็นรถขึ้นสะพาน มันช่วยยายมะลิเข็นรถขึ้นสะพานไม้เลยได้ขนมตาลมากินอีกห่อใหญ่ ไอ้เอ๋อยิ้มจนแก้มปริอย่างน้อยๆ มันก็มีขนมไว้กินแก้หิว สองมือสวยๆ ยกขึ้นพนมไหว้ขอบคุณ ก่อนจะเดินต่อ เดินไม่นานก็ถึงบ้านหลังที่ว่า มันเดินผ่านรั้วบ้านที่ลุงสมเปิดไว้ให้ ลุงสมแกเป็นสัปเหร่อรู้จักกับเจ้าของบ้านที่พึ่งจะขายบ้านไม้ทรงไทยหลังนี้ได้ เขาเลยให้ไอ้เอ๋อมันมาดายหญ้าไว้ รอวันเจ้าของคนใหม่ย้ายเข้ามา
มาถึงมันก็ลงมือทำงาน ใบหน้าหวานๆ แดงเถือกเพราะโดนแดดเผามันร้อนจนเหงื่อหยดเป็นเม็ดๆ แต่มันก็ไม่หยุดมือในสมองมันคิดแค่ว่าต้องทำให้เสร็จ มันไม่ได้คิดว่าคนเราต้องพักต้องเพื่อให้ร่างกายหายเหนื่อย จนมันทำเสร็จไปเกือบครึ่งในเวลาแค่สองชั่วโมง มันเงยหน้าขึ้นมองแดดที่ส่องลงมาแล้วร้องเห้ออออกมาดังๆ เพราะรู้สึกเหนื่อย มือมันพองจนมีตุ่มน้ำใสๆ ขึ้น มันถึงได้เดินไปเปิดกระติกตักน้ำเย็นๆ ขึ้นมาดื่ม
“อ๊า สดชื่นจังเลย...คุณต้นไม้หิวน้ำเหมือนกันไหม” มันหันไปคุยกับต้นไม้ที่ให้ร่มเงากับมันก่อนจะตักน้ำแล้วเทลงตรงราก
“เป็นไงสดชื่นเหมือน นโมไหม คึคึ” มันหัวเราะออกมาถ้ามองผิวเผินก็คงคิดว่ามันปรกติดี แต่ไม่ใช่ มันโตแต่ตัว อายุสมองมันไม่เกินเด็กสิบขวบด้วยซ้ำทั้งที่มันก็อายุ19ปีแล้ว มันทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นไม้เพื่อพักเหนื่อย มองไปรอบๆ แล้วมันก็รู้สึกวังเวงนิดๆ เพราะแถวนี้ไม่มีใครกล้าย่างกายเข้ามาสักคนเพราะเสียงเล่าลือถึงความเฮี้ยนของบ้านหลังนี้
ไอ้เอ๋อหยิบเอาขนมตาลที่ได้ขึ้นมากินเพราะความหิวจนมันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่เดินออกมาจากสวนกล้วยหลังบ้าน
“ยายจ้ะ กินขนมกับนโมไหมนโมแบ่งให้” มันรีบเรียกหญิงชราที่เดินมาหามันด้วยสีหน้าดุๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่อ่อนโยน
“ไอ้หนูเอ็งมาทำอะไรที่บ้านหลังนี้” เมื่อยายเดินเข้ามาใกล้ก็เอ่ยปากถามไอ้เอ๋อทันที
“มาดายหญ้าจ้ะยายมีคนจ้างนะโม ตั้งห้าสิบบาทแหนะ” ได้ยินไม่ผิดหรอก ห้าสิบบาทมันถือว่าเยอะสำหรับมันแล้ว ตาสมหัวหมอจะตาย ค่าจ้างห้าร้อยมันให้ไอ้เอ๋อแค่ห้าสิบ !!!
“งั้นเรอะ แล้วเอ็งทำคนเดียวหมดนี่เลยรึ” ยายแก่ขมวดคิ้วนิดๆ
“จ้ะ นโมทำคนเดียว” มันยิ้มหวานแล้วทำตาลอยๆ มองนู้นมองนี่ไปเรื่อย
“เห้อมนุษย์พวกนี้เห็นแก่ตัวกันดีแท้ ไหนยื่นมือเอ็งมาให้ยายดูหน่อยสิ พองไปทั้งมือเลย เอ็งไม่เจ็บรึไง”
“เจ็บจ้ะยาย” มันตอบซื่อๆ
“เดี๋ยวเอ็งก็หายเจ็บแล้ว ยายจะให้ยาทา” หญิงชราหยิบผอบออกมาจากเหน็บเอวแล้วทายาลงบนแผลของไอ้เอ๋อ ไม่นานแผลนั่นก็ค่อยยุบลงและหายสนิทอย่างน่ามหัศจรรย์
“หูวววว ยายจ๊าเก่งจังเลยๆ” มันปรบมือดีใจใหญ่
“คนดีอย่างเอ็งตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอก แถมผียังคุ้มอีก” ยายแก่พูดเสียงอ่อนโยน มือเหี่ยวๆ ลูบลงบนหัวทุยๆ ของไอ้เอ๋อเบาๆ มันหันมายิ้มให้ยายจนตาหยี มันชอบให้คนลูบหัวมัน สัมผัสที่อ่อนโยน สัมผัสที่มันโหยหา
“เอ็งทำงานเถอะ ยายจะไปแล้ว อย่ากลับบ้านมืดๆ ค่ำละมันอันตราย”
“จ้ะยาย” เพียงมันกะพริบตายายคนนั้นก็หายไปแล้ว ไอ้เอ๋อมันไม่คิดมากมันหันหลังกลับมาดายหญ้าที่เหลือต่อจนกระทั่งตะวันตกดิน ไอ้เอ๋อยังไม่หยุดทำงาน มันรวบรวมกองหญ้าที่มันตัดไว้ไปกองไว้มุมหนึ่งของบ้านมันมองผลงานราคาห้าสิบบาทของมันด้วยความภูมิใจก่อนจะเก็บของแล้วเดินกลับวัด ทางมันมืดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น ไอ้เอ๋อมันไม่กลัวหรอกมันก็เดินของมันไปทั้งมืดนั่นแหละ
สวบ สวบ!!
เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินตามมันมาเงียบๆ ไอ้เอ๋อมันหูดีและได้ยินมันเลยหันไปมอง เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเซๆ มาทางมัน ตัวมันแข็งค้าง สิ่งที่มันกลัวมากๆ นอกจากไอ้ต้าแล้ว มันกลัวคนเมา ไอ้ขี้เมา เพราะมันเคยโดยขี้เมาแถววัดจะข่มขืนมัน ดีที่ลูกพี่มันอย่างไอ้ต้าไปช่วยได้ทัน แต่ครั้งนี้ไม่มีใครรู้ว่ามันมาทำงานที่บ้านผีสิง
“กลัว ๆ” มันสับขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมันมาทำให้มันยิ่งหวาดผวา ตัวมันสั่นขามันสั่น มันหลับหูหลับตาวิ่ง
“ไอ้เอ๋อออออ” เสียงเรียกมันดังอยู่ไม่ห่างนั่นยิ่งทำให้มันแทบจะร้องไห้ออกมา สมองอันน้อยนิดสั่งให้มันวิ่งต่อไปอย่าหยุด เกือบจะถึงปากทางเข้าแล้ว
“แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อย่าเข้ามาๆ ออกไปๆ T^T”
แสงสว่างแรกแยงตามันจนต้องยกมือขึ้นมาบัง และหลังจากนั้น
ปิ้นๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เอี๊ยดดดด
ผลัก!!!!!
ร่างทั้งร่างของไอ้เอ๋อกระแทกเข้ากับรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่จนล้มกลิ้งไปตามพื้นถนนหลายตลบ มันกลิ้งหลุนๆ ไปตามพื้นหยาบๆ อย่างน่ากลัว ก่อนที่จะสงบนิ่งตรงริมทาง
“เห้ยย โผล่มาจากไหนวะ” เสียงสบถปนตกใจของชายหนุ่มเจ้าของรถดังขึ้นเขาถอดหมวกกันน๊อกออกแล้วลงไปดูคนเจ็บทันที ไอ้เอ๋อมันยังไม่หมดสติมันนอนร้องอวดครวญอยู่บนพื้น
“โอ้ย หลวงตาจ๊า นโมเจ็บ นโมตายแล้ว หลวงตาT^T”
“เป็นอะไรมาไหมคุณ อยู่นิ่งๆ นะผมจะตรวจดูว่าคุณกระดูกหักตรงไหนหรือเปล่า”
“อึก..เจ็บนโมเจ็บที่เอว เจ็บขาด้วย” มันพึมพำเบาๆ เหมือนคนไม่มีสติ พร้อมกับจับตรงที่มันเจ็บไปด้วย ร่างสูงค่อยๆ ตรวจดูร่างกายมันอย่างเบามือ
“ไม่มีอะไรหัก คุณต้องไปโรงพยาบาล” เสียงมันเบามากจนไอ้เอ๋อแทบจะไม่ได้ยิน ตามันค่อยๆ ปิดลงๆ อย่างช้าๆ ภาพสุดท้ายที่มันเห็นคือผู้ชายคนหนึ่งที่มองมันอย่างตกใจ ดวงตาดุคมคู่นั้นจ้องมาที่มัน ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดมิด
“ซวยละ” ชายหนุ่มสบถออกมาทันทีที่เห็นไอ้เอ๋อมันแน่นิ่ง ความจริงวันนี้ตั้งใจจะมาดูบ้านที่แอบซื้อไว้ แต่ดันมาเจอเรื่องแบบนี้สะก่อน เขาจำใจต้องพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ร่างสูงอุ้มคนเจ็บขึ้นมาแล้วตัวไอ้เอ๋อเบามากจนเขาต้องขมวดคิ้ว อุ้มแล้วพาขึ้นมอเตอร์ไซต์ใช้สายรัดรัดตัวเขากับไอ้เอ๋อเอาไว้ก่อนจะพุ่งตรงไปที่โรงพยาบาล...
to be con..
ความคิดเห็น