ตอนที่ 4 : กวนประสาท
Smile of : 4
“ใหนบอกพี่ฮานะว่าไม่ได้เป็นอะไรมากไง เรื่องแค่นี้ก็ทำเองสิ...” นารูโตะย้อนให้อีกฝ่ายด้วยคำพูดยียวนเช่นกัน
“เชอะ...ทำเองก็ได้...” คิบะตัดบทก่อนจะลุกไปหาอะไรกินเองตามที่พูดจริง ๆ โดยมีอากามารุตามติดไปด้วย ในตอนแรกนารูโตะก็เบือนหน้าหนีไม่สนใจแต่พอเริ่มมีเสียงดังโครมครามมากขึ้นก็เริ่มทนไม่ไหว
“เอ่อ...ก็ได้ ชั้นทำให้ก็ได้ เลิกทำเสียงดังซักที...” นารูโตะร้องบอกอีกฝ่ายก่อนจะลุกไปจัดการข้าวของที่คิบะรื้อค้นกระจัดการจายให้เรียบร้อยแล้วก็หาอะไรมาให้อีกฝ่ายกินตามที่ขอ
“ถ้าทำให้แต่แรกก็หมดเรื่องแล้วแท้ ๆ...” คิบะแอบบ่นเบา ๆ แต่ถึงอย่างนั้นนารูโตะก็ยังได้ยินชัดเจน
“เอ้า...กินซะแล้วก็หุบปากเสีย ๆ ของนายซะด้วย...” นารูโตะว่าพลางวางอาหารที่ฮานะเตรียมไว้ให้แล้วลงตรงหน้าอีกฝ่ายแบบขอไปที คิบะเองก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อแต่หันไปให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าแทนแต่เพราะมือที่เจ็บเป็นข้างขวาการใช้มือซ้ายจับตะเกียบจึงทำได้ยากเย็นกว่าที่คิดไว้ นารูโตะที่นั่งมองอีกฝ่ายก็เริ่มรู้สึกเห็นใจขึ้นมานิด ๆ เพราะท่าทางทุกลักทุเลที่เป็นอยู่ของอีกฝ่ายมันเหมือนกับว่าตัวเค้าเองเป็นคนใจดำที่ปล่อยให้คนป่วยช่วยเหลือตัวเองทั้งที่ยังทำไม่ได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจขยับเข้าไปนั่งข้าง ๆ แล้วคว้าตะเกียบจากมือของอีกฝ่ายมาถือไว้เอง
“เอามานี่...บอกไว้ก่อนเลยนะว่าชั้นจะทำให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วนายก็ช่วยสำนึกบุญคุณชั้นด้วย...” พูดจบก็คีบอาหารยื่นไปตรงหน้าให้อีกฝ่าย คิบะเองทีแรกก็ยังงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พอเห็นการกระทำของอีกฝ่ายแล้วก็อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะยอมกินอาหารที่อีกฝ่ายป้อนมาให้เข้าไปอย่างยินดี เพราะตัวเค้าเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะยอมทำให้ถึงขนาดนี้ ทีแรกก็แค่คิดจะแกล้งเล่นเฉย ๆ เท่านั้นแต่ในเมื่อมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ตัวเค้าเองก็ยินดีจะรับมันไว้อย่างเต็มใจที่สุด...
...นารูโตะเองขณะที่ป้อนอาหารให้อีกฝ่ายก็พยายามบังคับมือตัวเองไม่ให้สั่น เพราะว่าตอนนี้ในใจมันเต้นรัวจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจะต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ให้กับคนตรงหน้านี้ด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย...
“ขอบใจนะ...นารูโตะ...” คำขอบคุณที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลายมันทำให้คนรับฟังใจเต้นแรงมากขึ้นแถมยังทำให้ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอีกด้วย
“มะ...ไม่เป็นไร...”
“นี่...นารูโตะ...” คิบะที่อิ่มแล้วก็หันมานั่งจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาวาวระยับอย่างที่นารูโตะเห็นแล้วรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเท่าไหร่
“อะไร...” นารูโตะขานรับไปด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ก่อนจะเลี่ยงลุกขึ้นไปเก็บกวาดบนโต๊ะให้เรียบร้อยเพื่อหลีกหนีจากสายตาที่กำลังจ้องมองมา
“วันนี้นายก็ไปฝึกคนเดียวด้วยเหรอ...”
“อืม...ก็ชั้นไม่ได้ไปทำภารกิจเหมือนอย่างนายนี่นา แล้วป้าซึนาเดะเองก็ไม่มีอะไรให้ทำด้วย ตอนนี้ก็แค่รอช่วยชิกามารุคุมสอบเด็ก ๆ เท่านั้นเอง...” นารูโตะเอ่ยตอบไปพลางมือก็จัดเก็บข้าวของบนโต๊ะไปพลาง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ผิวแก้มของตัวเองจนต้องนิ่งค้างไปก่อนจะหันกลับมาถลึงตาใส่อีกฝ่ายแถมด้วยมะเหงกอีกสองทีติด ๆ กัน
“โอ้ย !!...” เสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดของคนถูกเขกดังขึ้นเพราะว่านารูโตะไม่ได้ออมแรงแต่กลับใส่ลงไปเต็มที่
“สมน้ำหน้า...อยากกวนประสาทดีนัก...” เสียงใส ๆ ร้องว่าไปพร้อมกับขยับกายถอยห่างอีกฝ่ายออกมาเล็กน้อย
“ชั้นเป็นคนเจ็บนะเพลา ๆ มือหน่อยไม่ได้รึไง...หัวแตกรึเปล่าเนี่ย...” คิบะร้องขอความเห็นใจพร้อมกับยกมือขึ้นคลำหัวตัวเองไปมา
“ก็เล่นบ้าอะไรไม่รู้เรื่องคราวก่อนก็ทีนึงแล้ว พูดขึ้นมาก็โมโหมันน่าจะซัดอีกซักเปรี้ยงดีมั้ยเนี่ย...” ว่าพลางเตรียมเงื้อมือขึ้นหมายจะฟาดใส่อีกฝ่ายจริง ๆ คิบะเองพอเห็นท่าไม่ดีก็รีบโดดหลบด้วยความว่องไวโดยอาศัยอากามารุเป็นโล่กำบัง แต่ก่อนจะเกิดศึกซ้ำซากเสียงหนึ่งก็ดังห้ามทัพไว้ได้พอดี
“อ้าว ๆ...เป็นคนเจ็บแล้วทำไมถึงลุกมาวิ่งเล่นแบบนี้ล่ะ...” พอได้ยินเสียงคิบะก็หน้าซีดขึ้นมาทันทีเพราะเจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณแม่จอมโหดของตนนั่นเอง
“แม่ !!...”
“คุณป้า !!...”
“แล้วทำอะไรกันอยู่ละเนี่ย...ขอบใจนะนารูโตะที่อยู่เป็นเพื่อนไอ้ลูกบ้าเนี่ย ชั้นเจอฮานะกลางทางเค้าบอกว่าเธอช่วยอยู่เป็นเพื่อนเจ้า
คิบะให้น่ะ...”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าครับ...” นารูโตะรีบลากลับเพราะแม่ของคิบะก็กลับมาแล้วเค้าคงไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อแล้วเช่นกัน
“งั้นเหรอ...คิบะออกไปส่งนารูโตะทีสิ...”
“เอ่อ...ไม่เป็นไร...ไม่ต้องหรอกครับ...” นารูโตะรีบปฏิเสธเป็นพัลวันเพราะไม่อยากอยู่ใกล้อีกฝ่ายไปมากกว่านี้แล้ว แต่พอเห็นสายตาดุ ๆ ที่อีกฝ่ายส่งมาให้ก็เลยจำต้องปิดปากเงียบแล้วยอมให้คิบะเดินไปส่งที่หน้าบ้าน
“ส่งแค่นี้นะ...กลับบ้านดี ๆ ล่ะ...” คิบะเอ่ยบอกอีกฝ่ายเมื่อเดินมาส่งที่หน้าบ้าน
“กลับเข้าไปเหอะ...” นารูโตะเอ่ยตอบกลับมาอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก
“อ้อ...จริงสิเกือบลืมแนะ...” จู่ ๆ คิบะก็ร้องขึ้นมาเมื่อนึกอะไรได้
“อะไร...ลืมอะไร...” นารูโตะหันมาถามด้วยความสงสัยเช่นกัน คิบะอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายหันมาหาตนก็ขยับกายเข้าไปใกล้แล้วกระซิบบอกที่ข้างหูเบา ๆ ว่า
“แก้มนายก็ยังนุ่มเหมือนเดิม แล้วก็ยังเหม็นเหมือนเดิมด้วยหัดปรับปรุงบ้างนะ...” พูดจบก็รีบเผ่นหนีเข้าบ้านปิดประตูแน่นหนาทันทีเพราะถ้าคิบะไม่ทำอย่างนั้นคงได้เจ็บหนักแน่ ๆ เพราะฝีมือของคนขี้อายนั่นเอง
“ไอ้บ้าคิบะ!!!...” นารูโตะตะโกนด่าอีกฝ่ายอยู่หน้าบ้านด้วยทีท่าฮึดฮัดขัดใจที่ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ก่อนจะตัดใจเดินกลับไปบ้านของตน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ...หนอยอุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนแต่ยังมาพูดแบบนี้กับเราอีกแถมยัง...” ประโยคสุดท้ายนารูโตะไม่ได้เอ่ยออกมาแต่กลับยกมือขึ้นมาคลำแก้มตัวเองเบา ๆ แล้วจิตใจก็หวั่นไหวขึ้นมาอย่างประหลาด
“คนบ้า...ชอบทำให้รู้สึกแปลก ๆ อีกแล้ว...” นารูโตะบ่นกับตัวเองยามที่นึกถึงใครบางคนขึ้นมา ฝ่ายคิบะที่หลบเข้ามาด้านในได้สำเร็จก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนผู้เป็นแม่สงสัย
“นั่งยิ้มบ้าอะไรอยู่คนเดียว...” พอโดนทักด้วยประโยคระคายหูคิบะจึงต้องรีบหุบยิ้มในทันที
“ผมไปนอนก่อนนะแม่...ราตรีสวัสดิ์...” คิบะตัดบทก่อนจะพาตัวเองหายเข้าไปในห้องพร้อมกับอากามารุ
“เฮ้อ...แกล้งเจ้านั่นก็สนุกดีเนอะอากามารุ...” คิบะหันไปพูดกับสุนัขคู่ใจด้วยน้ำเสียงร่าเริงสดใส อากามารุที่เหมือนจะเห็นด้วยก็กระดิกหางไปมาเช่นกัน
“แต่ว่า...ทำไมชั้นถึงทำแบบนั้นลงไปได้ล่ะ...” คิบะถามตัวเองเบา ๆ เมื่อนึกถึงตอนที่นั่งมองหน้าอีกฝ่ายอยู่ดี ๆ ร่างกายก็ขยับเข้าไปหาร่างบางราวกับถูกดึงดูดไปด้วยอะไรบางอย่าง แล้วก็ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำลงไป แถมยังรู้สึกพอใจอีกต่างหาก
“เฮ้อ...มันยังไงกันน้อ เอาเป็นว่าถ้าพอใจก็ทำต่อไปแล้วกัน ถึงจะต้องเจ็บตัวนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เถอะนะ แต่พูดก็พูดเถอะเจ้านารูโตะเห็นตัวแค่นั่นแต่มือหนักเป็นบ้าเลยแฮะ...”
...วันต่อมานารูโตะไม่ได้ออกไปฝึกคนเดียวเหมือนเคยแต่กลับหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน เพื่อทบทวนตำราเรียนที่สมัยเรียนไม่เคยคิดจะใส่ใจเลยแม้แต่น้อย และที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะกลัวว่าวันที่ต้องไปคุมสอบให้เด็ก ๆ แล้วเกิดหลงลืมสิ่งที่เรียนมาจนอาจจะขายหน้าได้นั่นเอง วันนี้เค้าจึงตัดสินใจหยุดฝึกซ้อมภาคปฏิบัติแต่หันมาทบทวนภาคทฤษฏีด้วยความสงบแทน แต่ความสงบที่นารูโตะคาดหวังไว้ก็ถูกทำลายลงด้วยฝีมือของใครบางคน...
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก...” เสียงเคาะประตูรัวอยู่ด้านนอกทำให้สมาธิอันน้อยนิดของนารูโตะกระเจิงไปในทันที
“ใครมาเรียกอีกล่ะ...” ขณะที่กำลังจะเดินไปเปิดประตูก็นึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเป็นคนที่เค้าไม่อยากเจอมาเรียกจะทำยังไงล่ะ พอคิดได้แบบนั้นจึงกลับมานั่งลงตามเดิม โดยไม่สนใจคนที่กำลังยืนเคาะประตูอยู่ด้านนอกอีก...
“หนอย...ทำเป็นเงียบอย่างงั้นเหรอ ก็ได้ถ้านายไม่เปิดเดี๋ยวชั้นหาทางเข้าไปเองก็ได้...” คิบะที่เป็นคนมาเคาะประตูยืนบ่นอย่างหัวเสียเพราะจากประสาทรับกลิ่นของเค้านั้นรับรู้ได้ว่าเจ้าของห้องยังอยู่ในห้องแต่ไม่ยอมมาเปิดประตูให้นั่นเอง
...แล้วเสียงเคาะประตูก็เงียบลงอย่างที่นารูโตะต้องการ เค้าจึงเผลอถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะหันกลับมาสนใจตำราตรงหน้าต่อแต่ทว่าจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีของหนัก ๆ ตกลงมาที่ระเบียงด้านนอกด้วยความสงสัยจึงเดินไปประตูออกดูแล้วสิ่งที่พบก็ทำให้นารูโตะต้องหัวเสียหนักกว่าเดิม...
“ไง...” คิบะที่นั่งอยู่บนหลังอากามารุร้องทักทายมาด้วยทีท่ายียวนเหมือนเช่นเคย
“ทำอะไรของนายเนี่ย...คิบะ...” เสียงใส ๆ ร้องถามไปอย่างขุ่นเคือง
“ก็เคาะเรียกดี ๆ แล้วนายไม่ยอมเปิดเองนี่นา...ชั้นก็เลยต้องหาทางเข้ามาเองแบบนี้แหละ...”
“บุกรุกบ้านคนอื่นแล้วยังจะมาลอยหน้าลอยตาพูดแบบนี้อีกเหรอ...”
“มันก็เป็นความผิดของนายเอง ถ้าเปิดประตูซะตั้งแต่แรกชั้นก็ไม่ทำแบบนี้หรอก...”
“แล้วมีอะไรถึงต้องพยายามเข้ามาขนาดนี้เนี่ย...” นารูโตะเห็นว่าปะทะฝีปากกันต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาจึงถามถึงเรื่องที่อีกฝ่ายอยากพบตนเอง
“หิวข้าว...”
“แล้วมาหาชั้นมันจะหายหิวรึไงเล่า...” นารูโตะด่าสวนกลับไปทันทีกับความคิดของอีกฝ่าย
“ก็กินเองไม่ได้นี่นา...แม่กับพี่ฮานะก็ออกไปตั้งแต่เช้า...”
“เลยวิ่งโร่มาหาชั้นให้ช่วยป้อนข้าวให้นายอีกงั้นสินะ...”
“ใช่แล้ว...”
“ขอปฏิเสธ...บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าชั้นจะทำให้ครั้งเดียวเท่านั้น...”
“ก็รู้อยู่หรอก แต่ใช่ว่าชั้นจะไม่พยายามช่วยเหลือตัวเองหรอกนะ แต่ว่ามันไม่ประสบความสำเร็จน่ะ...” น้ำเสียงอ่อน ๆ ที่เอ่ยออกมาพร้อมกับแววตาที่ดูขัดเขินนั้นมันทำให้จิตใจของนารูโตะอ่อนยวบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อจนต้องรีบเบือนหน้าหนี
“ไปให้คนอื่นช่วยแล้วกัน...” เสียงดุ ๆ ของนารูโตะที่เอ่ยก่อนหน้านี้เริ่มอ่อนลงเล็กน้อย
“ไม่มีใครว่างเลยซักคนนะสิ...นายเป็นความหวังสุดท้ายของชั้นแล้วนะ...” คิบะใส่ลูกอ้อนลงไปเต็มที่และหวังจะให้อีกฝ่ายเห็นใจ ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะนารูโตะหันกลับมามองจ้องหน้าเค้าอยู่พักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วรับปากในที่สุด
“เฮ้อ...แล้วจะกินอะไร...”
“อะไรก็ได้...นายก็ยังไม่ได้กินใช่มั้ย งั้นไปกินราเมงที่นายชอบกัน...” คิบะรีบเสนอเมนูอาหารขึ้นมาด้วยทีท่ากระตือรือร้นที่จะได้กินข้าวซักที
“เอางั้นก็ได้...”
“เอ่อ...ขอเข้าไปรอข้างในได้มั้ย...”
“แค่นายคนเดียวนะ อากามารุตัวใหญ่เกินประตูบ้านชั้นให้รออยู่ตรงนั้นแหละ...” พอได้ยินคำอนุญาติคิบะก็โดดลงมาจากหลัง
อากามารุแล้วรีบเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปข้างในทันทีแต่เพราะไม่ทันระวังจึงเหยียบม้วนเอกสารที่นารูโตะโยนไว้เกลื่อนพื้นจนเสียหลักล้มหน้าทิ่มไปข้างหน้า
“หวาาาาา !!!...” นารูโตะตกใจกับเสียงร้องของคนข้างหลังจึงหันกลับมาดูแล้วก็ปะทะเข้ากับร่างของอีกฝ่ายที่ล้มมาทางตนเองเข้าอย่างจังจากนั้นร่างทั้งสองร่างก็ล้มกลิ้งลงไปนอนกองกับพื้นไม่เป็นท่าด้วยกัน
“โอ๊ย !!...เจ็บนะเนี่ย...” เสียงคิบะร้องโอดโอยมาเบา ๆ ขณะยันกายลุกจากพื้นแต่พอเห็นเต็มตาว่าสิ่งที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าคืออะไรคำพูดทุกอย่างก็ถูกกลืนหายไปในความเงียบอย่างรวดเร็ว
...คิบะกำลังคิดไล่เรียงเรื่องราวว่าตอนที่กำลังจะล้มลงมาคงเผลอกอดร่างอีกฝ่ายไว้เลยต้องมีสภาพอย่างเช่นตอนนี้ คือร่างของเค้ากำลังทาบทับร่างบางที่นอนราบอยู่กับพื้นจนแนบสนิท และที่ยิ่งร้ายกว่านั้นก็คือใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงแค่เส้นด้ายกันเท่านั้นเอง...
“คิบะ !!...” เสียงใส ๆ ร้องเรียกออกมาด้วยความประหม่า
“เอ่อ...” คิบะเองก็พยายามเรียกสติกลับคืนมาแล้วค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นมานั่งแต่ดูเหมือนว่ามันจะทุกลักทุเลพอสมควร เห็นดังนั้น
นารูโตะจึงช่วยประคองให้อีกฝ่ายนั่งได้สะดวกมากขึ้น
“แขนเป็นอะไรหรือเปล่า...” นารูโตะร้องถามด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไรหรอกมั้งพันผ้าไว้ซะแน่นหนาขนาดนี้...ว่าแต่ทำไม่ห้องนายมันถึงได้รกแบบนี้ล่ะ...” คิบะเอ่ยถามพลางกวาดสายตาไปตามพื้นห้องที่ตอนนี้มันมีม้วนเอกสารกระจายเต็มไปหมด
“ก็แค่หาอะไรมาอ่านนิดหน่อย นายนั่งรอแป๊บนะ...” พูดจบนารูโตะก็ลุกขึ้นไปรื้อค้นอะไรซักอย่างก่อนจะเดินกลับมาหาคิบะอีกครั้ง
“ไปกันได้แล้ว...”
“งั้นขึ้นหลังอากามารุไปนะ...” คิบะรีบเสนอทางเลือกขึ้นมาทันที
“ไม่...นายก็ไปของนายส่วนชั้นก็จะไปของชั้น แล้วเจอกันที่ร้าน...” พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทำตามที่บอกหรือไม่
“แล้วกัน...รอด้วยสิ...” แล้วคิบะก็กระโจนไปที่ระเบียงแล้วโดดขึ้นหลังอากามารุจากนั้นก็รีบตามนารูโตะไปทันที
“โอ้...นารูโตะจะกินอะไรดีล่ะวันนี้...” คุณลุงเจ้าของร้านราเมงร้องทักทายมาอย่างอารมณ์ดี
“ขอเหมือนเดิมครับ...” ว่าแล้วก็นั่งรอและในขณะที่กำลังนั่งรออยู่นั้นใครอีกคนก็ตามเข้ามา
“อ้าวคิบะเองเหรอ...ลมอะไรหอบมาได้ละเนี่ย...” เจ้าของร้านร้องทักเมื่อเห็นลูกค้าหน้าใหม่ก้าวเข้ามา
“ลมแห่งความห่วงใยละมั๊งครับ...ว่าแต่ขอแบบนารูโตะที่นึงนะครับ...” คิบะตอบด้วยรอยยิ้มพรายก่อนจะร้องสั่งอาหารของตัวเองไปบ้างแล้วนั่งลงข้าง ๆ ร่างบางที่เริ่มหน้าบูดขึ้นมาอีกแล้ว เพียงไม่นานราเมงสองชามก็ถูกนำมาวางหน้าคนสองคนนารูโตะคว้าตะเกียบขึ้นแล้วทำท่าจะคีบเส้นราเมงเข้าปากแต่ก็เหมือนจะนึกขึนมาได้ว่ายังมีใครอีกคนนั่งรอเค้าอยู่ข้าง ๆ พอนารูโตะหันไปมองก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามใช้มือข้างที่ไม่ถนัดคีบตะเกียบอย่างน่าสมเพช สุดท้ายก็เลยตัดใจวางตะเกียบในมือตัวเองลงแล้วคว้าตะเกียบในมือคิบะมาถือไว้แทน
“ชั้นช่วยนายขนาดนี้แล้ว...นายก็ช่วยสำนึกบุญคุณชั้นให้มาก ๆ ด้วยการเลิกกวนประสาทชั้นซักทีนะ...” นารูโตะกล่าวพร้อมกับคีบเส้นราเมงส่งไปให้อีกฝ่ายอย่างจำใจ คิบะเองก็ไม่ได้ตอบอะไรทำเพียงแค่ยิ้มรับด้วยดวงตาวาววับ แล้วก็กินราเมงที่อีกฝ่ายป้อนให้อย่างสบายใจ...ระหว่างที่นารูโตะป้อนราเมงให้อีกฝ่ายก็ต้องนึกภาวนาในใจไปเรื่อย ๆ ว่า...ขออย่าให้มีใครมาเห็นสภาพแบบนี้ของเค้าเลย...นั่นก็เพราะการที่คนสองคนจะป้อนอาหารให้กันมันก็ไม่แปลกหรอก แต่ว่าถ้าสองคนนั้นดันเป็นผู้ชายเหมือนกันจะบอกว่าไม่แปลกก็คงไม่ได้แล้วล่ะ ยิ่งตอนนี้เค้าแทบจะทนกับสายตาของคุณลุงเจ้าของร้านที่มองมาอย่างสงสัยไม่ไหวเสียแล้ว...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ้อนเก่งเหลือเกิ๊นนน อ้อนแล้วอ้อนอีก น่ารักไปละ-///-
นัตจังช่วยเลิกซึนหน่อยจะเป็นการดีมาก
แหม่ บรรยากาศน่ารักกุ๊กกิ๊กตลอดๆ ช่วยเลิกบื้อแล้วยอมรับความรู้สึกตัวเองสักทีเถอะ ก่อนจะเขินไปมากกว่านี้
ลมอะไรหอบมา
ลมแห่งความห่วงใย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คิบะ อายบ้างก็ได้นะ
อย่าดานอย่างเดียว
เขินแทนนารุ >///////<
อยากรู้อย่างหนึ่งเลยว่าตกลงคิบะนายเป็น หมาหรือแมวกันแน่ อ้อนได้ น่ารักโดนใจเราสุด ๆ เลยอ่า
สนุกมากคะไรเตอร์^^
เรารู้สึกดีใจมากๆ เลยที่เห็นว่าไรท์เตอร์มาอัพแล้ว
แต่ว่าก็เข้ามาอ่านไม่ได้เพราะว่ายังไม่มีเวลา
ตอนนี้ก็ยังยุ่งๆ อยู่ แต่ว่าขอมาแอบอ่านหน่อยละกันนะคะ
ก็ไรท์เตอร์อุส่าห์มาอัพแล้วตั้งสองรอบนี่น่า
นี่หมาหรือแมวกันแน่นะ อ้อนเก่งเหลือเกิ๊นนนนน แม่ยกก๊าวใจค่า >//////<
ผู้ชาย 2 คนป้อนข้าวให้กันไม่แปลกหรอกค่าหนูโตะก็นี่มันฟิควานอะ 555 //โดนโบก