ตอนที่ 3 : มุ่งฝึกซ้อม
Smile of : 3
...หลังจากที่เดินมาด้วยกันได้ระยะหนึ่งชิกามารุก็เอ่ยถามกับคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนกับจะมีอะไรในใจถึงได้ทำหน้าตาแบบนี้...
“มีอะไรหนักใจรึไง...นารูโตะ...”
“ก็เรื่องที่จะให้ช่วยคุมสอบนั่นแหละ...” เสียงใส ๆ เอ่ยตอบมาอย่างที่ใจคิด
“ทำไมล่ะ...หรือว่านายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ...”
“มันจะดีจริง ๆ เหรอที่ให้เกะนินอย่างชั้นมาช่วยคุมสอบเด็ก ๆ ด้วยนะ...พวกนายที่เป็นจูนินก็ไม่เป็นไรหรอกแต่ว่าชั้น...” น้ำเสียงที่ฟังดูสลดหดหู่นั้นทำให้ชิกามารุ ต้องหยุดเดินแล้วหันมาหาคนข้าง ๆ นารูโตะจึงต้องพลอยหยุดเดินไปด้วยอีกคน
“ดีแล้วล่ะเพราะถึงแม้ว่านายจะเป็นเกะนินแต่ความสามารถของนายเหนือกว่าจูนินบางคนเสียด้วยซ้ำไป...เรื่องนี้พวกเราที่เป็นเพื่อนนายรู้ดี รวมถึงท่านซึนาเดะด้วย ทุกคนที่รู้จักนายย่อมรับรู้ได้ถึงความสามารถนั้น...”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ...แต่ว่าชั้นก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี...”
“นายไม่เคยยอมแพ้กับอะไรเลยไม่ใช่เหรอ...ทั้งความฝันและวิถีนินจาของนายมันเลือนหายไปหมดแล้วอย่างนั้นเหรอ...นารูโตะ...”
“ชิกามารุ...”
“เอาความเชื่อมั่นของนายที่มีอยู่เสมอในทุก ๆ เรื่องกลับคืนมาแล้วก็ทุ่มให้กับการสอบของเด็ก ๆ ครั้งนี้ให้เต็มที่เพราะเด็ก ๆ เหล่านั้นจะกลายเป็นกำลังสำคัญให้กับหมู่บ้านในอนาคต...”
“ขอบใจนะ...ขอบใจที่ยังเชื่อมั่นในตัวชั้น...” เสียงใส ๆ เอ่ยออกมาจากใจจริง เพราะคำพูดเหล่านั้นของชิกามารุทำให้ความกังวลเล็ก ๆ ในใจของเค้าจางหายไป
“ไม่เป็นไรหรอก...เพราะยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว...”
“ว่าแต่ขออะไรอีกซักอย่างได้มั้ย...”
“มีอะไรอีกงั้นเหรอ...”
“คราวหน้าถ้าจะตามตัวชั้นอีกล่ะก็ใช้คนอื่นไปแทนเจ้าคิบะได้มั้ย...”
“ทะเลาะกันอีกแล้วรึไง...”
“ก็ไม่เชิง...แค่เบื่อขี้หน้าเจ้านั่นเท่านั้นเอง...” นารูโตะเลี่ยงที่จะบอกว่าพักหลัง ๆ มานี่พอเจอหน้าคิบะทีไรเค้าก็มักจะรู้สึกแปลก ๆ ภายในใจทุกที
“แต่ว่าชั้นไม่ได้ใช้ให้คิบะไปตามนายหรอกนะ...เจ้านั่นอาสาจะไปตามให้เองบอกว่าเป็นทางผ่านอยู่แล้ว และชั้นก็เห็นว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็เลยยกหน้าที่ให้คิบะไป...”
“เอาเป็นว่าคราวหน้าถ้าจะเรียกกันอีกนายก็มาเองแล้วกัน...”
“นายนี่ก็เอาแต่ใจเหมือนกันนะเนี่ย...ก็ได้คราวหน้าชั้นจะเป็นคนไปเรียกนายเองก็แล้วกัน...” ชิกามารุรับคำง่าย ๆ เพราะรู้สึกเหมือนกำลังถูกเด็กเอาแต่ใจขู่บังคับ แต่สำหรับตัวเค้าเองก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะจะว่าไประยะทางจากบ้านเค้าไปบ้านนารูโตะมันก็ไม่ได้ไกลมากมายอะไร
...หลังจากแยกกับชิกามารุมาแล้วนารูโตะที่ไม่อยากปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ก็มุ่งหน้าไปหาที่ฝึกซ้อม เพื่อให้ร่างกายพร้อมเสมอสำหรับภารกิจที่อาจจะมีเข้ามาและเพื่อการสอบของเด็ก ๆ ในอาทิตย์หน้าด้วย นารูโตะหลบมาฝึกซ้อมคนเดียวแบบนี้ทุกวัน จนกระทั้งวันนี้...
“ฉึก ฉึก ฉึก...” เสียงอาวุธมีดสั้นปักลงไปบนเนื้อไม้อย่างรวดเร็ว และมันก็เป็นเวลาเดียวกับที่แสงสุดท้ายของวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าไป
“เย็นป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย...” นารูโตะบอกกับตัวเองขณะเดินไปดึงมีดสั้นเหล่านั้นออกมาจากต้นไม้ ก่อนจะเดินมาทรุดกายนั่งพิงต้นไม้ใหญ่แล้วเหม่อมองท้องฟ้าสีส้มที่ดูสวยแปลกตาอย่างเพลิดเพลิน จนเผลอหลับไปในที่สุด นารูโตะหลับไปนานทีเดียวและกลับมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่สัมผัสได้ถึงสายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านกายไปอย่างนุ่มนวล เค้าค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองแต่แล้วดวงตาสีฟ้าคู่สวยก็ต้องเบิกกว้างอย่างตกใจ ...
“ห๊า...นี่มันอะไรกัน...” นารูโตะอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงแตกตื่นเพราะสิ่งที่ตัวเองเข้าใจว่าเป็นพื้นดินที่นั่งอยู่กลับกายเป็นหลังของ
อากามารุ แล้วตนไม้ที่เคยพิงซบก็กลายเป็นแผ่นอกกว้างของคิบะไปซะนี่...แถมยังมีท่อนแขนแข็งแรงที่โอบกระชับอยู่รอบเอวเค้าไว้
อย่างแน่นหนาอีก...
“ตื่นได้แล้วเหรอ...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามมาเบา ๆ
“ทำไมชั้นถึงมาอยู่บนนี้ล่ะ...”
“พอดีชั้นผ่านไปแถวนั้นแล้วเห็นนายนั่งหลับอยู่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น...เห็นว่ามันมืดแล้วอากาศก็เริ่มเย็นแล้วเลยเผลออุ้มติดมือมาด้วยกะว่าจะพาไปส่งที่บ้านให้น่ะ...”
“งะ...งั้นเหรอ...” น้ำเสียงตะกุกตะกักร้องตอบกลับไปด้วยความรู้สึกหวาดเสียวเพราะถึงอากามารุจะไม่ได้วิ่งแบบผาดโผนแต่การนั่งอยู่บนอะไรที่ตัวเองควบคุมไม่ได้มันก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่นั่นเอง
“ใกล้ถึงแล้วล่ะ...อดทนอีกหน่อยแล้วกัน...” คิบะเอ่ยบอกอีกฝ่ายไปเมื่อรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาของนารูโตะที่เริ่มขยุ้มชายเสื้อเค้าไว้แน่นพร้อมกับอาการตัวเกร็งเนื่องจากกลัวตก
...คิบะบริการส่งนารูโตะให้ถึงหน้าประตูบ้านเลยทีเดียว ส่วนคนที่นั่งหน้าซีดมาตลอดทางนับตั้งแต่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่มาถึงอย่างปลอดภัย พร้อมกับคิดว่าน่าจะขอบคุณอีกฝ่ายซักหน่อยจึงเอี้ยวตัวหันกลับไปหาคนข้างหลังแต่แล้วก็ต้องชะงักค้างไปเพราะ จมูกโด่งคมสันของคนข้างหลังที่ฝั่งตัวอยู่กับผิวแก้มนุ่มนิ่มของตนในยามนี้มันเหมือนกับจะทำให้หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ใบหน้าที่เคยขาวซีดกลับมีเลือดฝาดขึ้นมาทีละน้อย นารูโตะรู้สึกเหมือนใบหน้าตัวเองร้อนจัดราวกับคนเป็นไข้ ฝ่ายคิบะเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกัน...
“นั่งนิ่ง ๆ อยู่ตรงนี้ก่อนนะ...” คิบะอาศัยจังหวะนั้นเรียกสติตัวเองกลับมาแล้วกระซิบบอกที่ข้างหูอีกฝ่ายไปเบา ๆ ก่อนจะคลายวงแขนที่โอบรอบเอวเล็ก ๆ นั้นออกแล้วเคลื่อนตัวลงไปยืนบนพื้นก่อนจะหันมาคว้าร่างบางขึ้นอุ้มแล้วประคองให้ยืนลงที่พื้นอย่างปลอดภัยต่างจากคราวก่อน นารูโตะที่ยังเรียกสติตัวเองกลับมาไม่ได้ก็ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการทุกอย่างไปจนเสร็จ...
“งั้นชั้นกลับก่อนนะ...” คิบะเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นต่างจากรอยยิ้มยียวนเหมือนทุกที
“อืม...ขอบใจนะ...” นารูโตะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วคิบะก็หมุนกายเตรียมจากไปแต่ก็ต้องชะงักค้างไว้เหมือนกับลืมอะไรก่อนจะหันกลับมาแล้วเดินตรงเข้ามาหาอีกฝ่ายก่อนจะกระซิบบอกอะไรบางอย่างที่ข้างหูนารูโตะจากนั้นก็รีบดีดตัวโดดขึ้นไปบนหลังอากามารุแล้วเผ่นหนีหายไปทันที ฝ่ายนารูโตะพอได้ยินคำพูดนั้นก็รู้สึกอยากจะหักคออีกฝ่ายทิ้งเสียเดี๋ยวนั้น แต่เพราะฝ่ายนั้นหนีได้เร็วกว่าก็เป็นอันว่าเค้าไม่อาจจัดการอีกฝ่ายได้อย่างใจคิดจึงได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว...
“คิบะ!!...ไอ้บ้า!!...ไอ้ทุเรศ !!...เจอกันคราวหน้าจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย...” นารูโตะทำได้แค่ร้องด่าฝากไปกับสายลมเท่านั้น ก่อนจะหมุนกายเดินเข้าไปในบ้านของตัวเองแต่จะด้วยอารมณ์แบบใหนก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน...พอเข้ามาข้างในก็ตรงไปทิ้งตัวนอนกลิ้งไปบนเตียงนอนก่อนจะยกมือขึ้นมาคลำแก้มตัวเองข้างที่ถูกอีกฝ่ายขโมยหอมไปแบบไม่รู้ตัวเบา ๆ แล้วคำพูดที่คิบะทิ้งไว้ก่อนจะหนีหายไปก็ปรากฏขึ้นมาในหัวทันที...แก้มนายนุ่มมากเลยล่ะนารูโตะ...แต่รู้สึกว่ามันจะเหม็นไปหน่อยนะ...
“ชิส์...เจ้าลูกหมาคิบะ...” นารูโตะเปรยกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะปล่อยให้ความง่วงงุนเข้าครอบงำอีกครั้ง
...เช้านี้นารูโตะตื่นมาแต่เช้าเพราะเมื่อคืนนอนไปเต็มอิ่ม ขณะที่กำลังเดินออกจากบ้านเพื่อไปฝึกเหมือนเช่นทุกวันเพราะว่าตัวเองไม่มีภารกิจก็เจอเข้ากับชิกามารุระหว่างทางพอดี...
“จะไปใหนแต่เช้าเหรอ...ชิกามารุ...” นารูโตะร้องทักทายไปอย่างอารมณ์ดี
“ว่าจะเอารายงานไปส่งท่านซึนาเดะน่ะ...แล้วนายจะไปใหนเหรอ...”
“ชั้นว่าง ๆ ก็เลยว่าจะไปฝึกคนเดียวน่ะ...”
“เหรอ...ยังไงก็อย่าหักโหมจนเกินไปล่ะเดี๋ยวอาทิตย์หน้าคนจะไม่พอ...”
“เอ๋...ทำไมล่ะ หรือว่ามีใครต้องไปทำภารกิจงั้นเหรอ...” จากคำพูดของชิกามารุทำให้นารูโตะสงสัยจนต้องรีบถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“ก็พอดีว่าชิโนะกับฮินาตะกลับมาแล้วก็มีภารกิจเข้ามาพอดี ทีมนั้นทั้งหมดก็เลยต้องไปทำภารกิจนะสิ...”
“ทีมนั้นทั้งหมด ??...หมายถึงคิบะด้วยงั้นเหรอ...”
“อืม...แต่ถ้าภารกิจเสร็จเร็วก็คงกลับมาทันแต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่คิดคนของเราก็จะหายไปอย่างที่บอกนั่นแหละ...”
“แต่นายบอกว่าคิดจำนวนคนเผื่อไว้แล้วไม่ใช่รึไง...” นารูโตะยังซักต่อไปด้วยความสงสัย
“เรื่องนั้นมันก็ใช่...แต่ก็ยังวางใจไม่ได้หรอกนะ งั้นชั้นขอตัวก่อนนะแล้วเจอกัน...” พูดจบชิกามารุก็เดินแยกไปอีกทางทันที
“แล้วเจอกัน...” นารูโตะรับคำเบา ๆ ก่อนจะเดินแยกไปตามทางของตนเช่นกัน
...สองวันมาแล้วที่นารูโตะมุ่งมั่นฝึกซ้อมเพียงลำพัง และใครบางคนที่มักจะโผล่หน้ามากวนประสาทเค้าเสมอก็หายหน้าไปเพราะยังไม่กลับจากการทำภารกิจ...
“เฮ้อ...พอแค่นี้แล้วกัน...” นารูโตะบอกกับตัวเองก่อนจะทิ้งกายลงนอนแผ่ไปกับพื้นหญ้าอย่างเหนื่อยอ่อน ขณะที่กำลังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปเรื่อย ๆ นั้นความรู้สึกบางอย่างก็ก่อเกิดขึ้นภายในใจ...เหงา...แล้วนารูโตะก็เริ่มคิดหาคำตอบว่าที่ตัวเองรู้สึกแบบนี้เพราะว่าไม่มีภารกิจให้ทำ หรือเพราะว่าไม่มีใครมาคอยกวนประสาทเหมือนอย่างทุกทีกันแน่นะ...
“โอ้ย...มันก็ต้องเพราะไม่มีภารกิจทำนะสิ...ใครจะไปคิดถึงเจ้าลูกหมานั่นกันเล่า...” นารูโตะดีดตัวลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับโวยวายเสียงดังอย่างไม่เข้าใจตัวเองก่อนจะตัดสินใจกลับเข้าหมู่บ้าน เพราะถ้าให้เค้านั่งคิดอะไรซับซ้อนแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไรอย่างแน่นอน...และระหว่างทางกลับบ้านก็เจอเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งโดยบังเอิญ...
“เฮ้...ชิกามารุ โจจิ อิโนะ พวกนายจะไปใหนกันเหรอ...” นารูโตะร้องทักกลุ่มเพื่อน ๆ ที่จับกลุ่มเดินมาด้วยกัน
“ว่าจะไปเยี่ยมคิบะซักหน่อย เห็นว่าบาดเจ็บกลับมาไม่รู้เป็นยังไงบ้าง...” ชิกามารุเป็นฝ่ายตอบกลับมา และคำตอบนั้นมันทำให้
นารูโตะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“คิบะกลับมาแล้วเหรอ...”
“นายจะไปกับพวกเรามั้ยล่ะ...นารูโตะ...” อิโนะเป็นฝ่ายชวนก่อน และไม่รู้อะไรดลใจให้นารูโตะพยักหน้ารับและเดินตามทุกคนไป
หน้าตาเฉย จนสุดท้ายทุกคนก็มายืนอยู่หน้าบ้านของคิบะเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่กลุ่มของชิกามารุกำลังจะเข้าไปก็สวนเข้ากับ ชิโนะ
และฮินาตะที่สวนออกมาพอดี
“มาเยี่ยมคิบะกันเหรอ...” ชิโนะร้องถามกลุ่มคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อืม...แล้วอาการเป็นไงบ้างล่ะ...” ชิกามารุรับคำแล้วร้องถามกลับไป
“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก...แต่คงใช้มือไม่ได้ซักพัก...”
“งั้นเหรอ...”
“ถ้าอย่างนั้นพวกชั้นกลับก่อนแล้วกัน...ไปกันเถอะฮินาตะ...”
“ขอตัวก่อนนะทุกคน...” ฮินาตะกล่าวด้วยทีท่าเขินอาย จากนั้นก็วิ่งตามชิโนะไปทันที พอสองคนนั้นจากไปกลุ่มของชิกามารุก็เข้าไป
ข้างในทันที
“อ้าว...มาเยี่ยมคิบะเหรอจ๊ะ...” เสียงหวาน ๆ ของฮานะพี่สาวของคิบะร้องทักทายมาเมื่อเห็นกลุ่มคนตรงหน้า
“ครับ...” ชิกามารุรับคำเช่นเดิม และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คิบะเดินออกมาพร้อมกับแขนข้างหนึ่งที่มีผ้าพันแผลพันไว้จนเต็มทั้งแขน
“พวกนายเองเหรอ...” คิบะร้องทักไปเมื่อเห็นว่าใครมา
“ก็ได้ข่าวว่าบาดเจ็บกลับมาเลยแวะมาดูเท่านั้นแหละ...” อิโนะเอ่ยตอบพร้อมกับเดินเข้ามาจ้องมองแขนที่พันผ้าไว้สลับกับมองหน้า
คิบะอย่างอารมณ์ดี
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ถูกห้ามใช้แขนซักระยะเท่านั้นเอง...”
“อ๋อเหรอ...” อิโนะเอ่ยด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
“ก็เออนะสิ...” คิบะตอบกลับมาด้วยสีหน้าตื่น ๆ ที่เหมือนจะถูกจับโกหกได้แต่ก็ยังไม่ยอมรับง่าย ๆ สุดท้ายก็กลายเป็นเปิดสงครามน้ำลายกลับอิโนะจนกลายเป็นเรื่องเฮฮาในกลุ่มเพื่อน ๆ แล้วกลุ่มของชิกามารุก็อยู่แกล้งคิบะกันอีกซักพักจึงขอตัวกลับ
“เห็นนายไม่เป็นอะไรมากก็โล่งใจแล้ว ยังไงก็รักษาตัวให้หายเร็ว ๆ นะเพราะการสอบของเด็ก ๆ อาทิตย์หน้ายังไงก็อยากให้นายช่วยด้วย...” ชิกามารุกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ยังไงก็คงจะหายทันละมั๊ง...แต่ถึงจะหายไม่ทันยังไงชั้นก็จะไปช่วยไม่ต้องห่วงหรอก...” คิบะรับคำแข็งขัน
“งั้นก็ไม่รบกวนแล้ว หายเร็ว ๆ ล่ะ...” พูดจบชิกามารุก็พาผองเพื่อนกลับออกไปทันที
“จะกลับกันแล้วเหรอจ๊ะ...” ฮานะร้องทักมาเมื่อเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ ของคิบะกำลังจะแยกย้ายกันไป
“งั้นเหรอ...นึกว่าจะอยู่ต่ออีกซักหน่อยจะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อนคิบะด้วย พอดีว่าพี่มีงานด่วนที่โรงพยาบาล แล้วแม่เองก็ยังไม่กลับไม่อยากปล่อยให้คิบะอยู่คนเดียวนะจ๊ะ...”
“ผมอยู่คนเดียวได้น่า ไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย...” คิบะรีบแย้งที่พี่สาวตนพูดเหมือนตัวเองเป็นคนไข้อาการหนักช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
“ก็ถ้านายยอมนอนพักที่โรงพยาบาลดี ๆ ก็คงไม่ต้องเดือดร้อนคนอื่นเค้าแบบนี้หรอก...” ฮานะหันไปดุน้องชายด้วยเสียงขุ่น ๆ
“ดูพูดเข้า...มันเป็นความผิดของผมรึไงละเนี่ย...”
“ถ้างั้นให้นารูโตะอยู่เป็นเพื่อนก่อนก็ได้ครับ...ฝากด้วยนะนารูโตะ...” ชิกามารุตัดสินใจให้เสร็จสรรพจากนั้นก็พาคนที่เหลือออกจากบ้านไปทันที นารูโตะที่จู่ ๆ ก็ถูกโยนภาระมาให้แบบไม่รู้ตัวก็ยืนทำหน้าเอ๋อ
“รบกวนด้วยนะจ๊ะนารูโตะ...” ฮานะหันมากล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มก่อนจะออกจากบ้านไปอีกคน
“อ่ะ...อ้าว ไหงเป็นแบบนี้ล่ะ ชั้นยังไม่ได้รับปากเลยนะ...” ถึงจะพูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว เพราะตอนนี้เหลือเพียงแค่เค้ากับคนป่วยอีกคนเท่านั้นเอง
“นายจะกลับไปก่อนก็ได้...ชั้นไม่ว่าอะไรหรอก...” คิบะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ชั้นก็ไม่ได้อยากจะอยู่นักหรอก...แต่พี่ฮานะเค้าพูดแบบนั้นแล้วใครจะกล้าปฏิเสธล่ะเจ้าบ้า...” นารูโตะเอ่ยสวนกลับมาด้วยทีท่าไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้จึงเดินกระแทกเท้าไปนั่งท้าวคางอยู่ที่โต๊ะกลางห้องนั่นเอง คิบะพอเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์แบบนั้นของอีกฝ่ายแล้วก็อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพาตัวเองไปนั่งลงข้าง ๆ ร่างบางนั้น ฝ่ายนารูโตะพอเห็นอีกฝ่ายเดินมานั่งใกล้ ๆ ก็หันไปตวาดเสียงดังลั่น
“ที่มีให้นั่งตั้งเยอะแยะจะมานั่งเบียดกันตรงนี้ทำไมเนี่ย...”
“ชั้นหิวแล้วล่ะ...หาอะไรให้กินหน่อยสิ...” คิบะลอยหน้าลอยตาพูดออกมาอย่างไม่สะทกสะท้านกับคำด่านั่นแม้แต่น้อย ส่งผลให้คนถูกยั่วยิ่งโมโหหนักขึ้น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ว่าแต่ไปทำไรมาแขนเจ็บ?.. หกล้มเอาแขนลง? ตกต้นไม้? ตีลังกา? สไลด์เดอร์? #รู้สึกว่าอันหลังๆจะไม่เกี่ยว
นารูโตะคุงก็เลยต้องเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นไปเลยอ่ะ
ห้ามทำร้าย๙แกล้งคุณพยาบาลนะค่ะ ไม่งั้นเจอกระสุนวงจักรแน่ๆ
ยิ้มแก้มแตกเลย >[]<
จะน่ารักกันไปไหนเนี้ย คุ่นี้
กลายเป็นสามีภรรยากันแล้วค่า>///<
บรรยากาศให้มากๆ มีการสั่งให้หาอะไรกินด้วยเนี่ย ยิ่งเหมือนเลย อิๆๆ
น่ารักมาก
อ่านตอนต่อไปอย่างด่วน
ไรเตอร์แต่งสนุกมาก ๆ ค่า เราชอบมากเลย
ขอบคุณที่แต่งficสนุกๆให้เราได้มีโอกาสอ่านนะคะ
ถ้ากระซิบ ว่าเเก้มนายนุ่มเเละหอมน่าฟัดมากเรยนะนารูโตะเเบบนี้ เเม่ยกฟินตายเเน่55555