ตอนที่ 21 : มันเป็นกับดัก
Mission : 21
...คาคาชิกับนารูโตะที่อยู่ในร่างปลอมแปลงค่อย ๆ เดินไปตามทางภายในถ้ำนั้นอย่างระมัดระวังเพราะถึงพวกเค้าจะใช้คาถาแปลงร่างอยู่แต่ก็ไม่อยากประมาทฝีมือศัตรูที่ดูเหมือนว่าจะร้ายกาจจนน่าตกใจอยู่ไม่น้อย...
“ครูครับ...ทำไมมันเงียบแบบนี้ละเราเดินกันมาพักใหญ่แล้วนะแต่ยังไม่เห็นเจออะไรเลยนอกจากทางที่คดเคี้ยวไปมา...” นารูโตะกระซิบถามอีกฝ่ายไปเบา ๆ
“มันก็น่าแปลกจริง ๆ นั่นแหละ...” คาคาชิเองก็เอ่ยตอบไปเบา ๆ เช่นกัน พร้อมกับเริ่มครุ่นคิดอะไรบางอย่างแต่ยังไม่ทันได้รวบรวมความคิดของตนให้เป็นระเบียบเค้าก็เห็นแสงสว่างส่องเข้ามาจากปลายทางข้างหน้า
“มีแสงแล้ว...ข้างหน้าจะเป็นอะไรกันก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ...”
“อืม...” ทั้งสองคนก้าวเข้าไปหาลำแสงด้านหน้าอย่างระแวดระวังแต่แล้วพอเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเต็มตาพวกเค้าก็ต้องตกใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันก็จำไม่ได้แล้ว
“นี่มันอะไรกัน...หมายความว่ายังไงกันแน่...” นารูโตะร้องถามออกมาด้วยสีหน้าตื่นตกใจเพราะสิ่งที่รอคอยเค้าอยู่เบื้องหน้ามันคือหมู่บ้านที่เค้าใช้พักเมื่อคืนที่ผ่านมานั่นเอง
“มันเป็นกับดัก...พวกเราถูกหลอกให้วนเวียนไปมาอยู่ที่เดิมในขณะที่พวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวกันอย่างไปแล้ว...” คาคาชิอธิบายพร้อมกับเริ่มคิดหนักขึ้นมาอีกครั้ง
“แปลว่า...ศัตรูรู้ตัวแล้วงั้นเหรอ?...ได้ยังไงกัน?...ตั้งแต่เมื่อไหร่?...”
“เราคงไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องนั้นแล้วล่ะ...ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย...”
“ว่าไงก็ว่าตามกันแหละ...แล้วแผนใหม่เป็นยังไงเหรอครับ...”
“ไม่มีอะไรมาก...ก็แค่เดินหน้าลุยให้มันจบ ๆ เท่านั้น เพราะชั้นเองก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้วล่ะนะ...” คาคาชิกล่าวเสียงเข้มก่อนจะหันกลับมาสบตาอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ดูเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ซึ่งพอนารูโตะได้เห็นแบบนั้นแล้วก็ต้องฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความพอใจเพราะเค้าเองก็ม่ชอบอะไรที่มันยืดเยื้อซักเท่าไหร่
“ดีเลยครับ...คราวนี้เราก็แค่ซัดทุกคนที่เจอให้หมอบไปก็เท่านั้น...”
“ใช่...พร้อมแล้วใช่มั้ย...งั้นก็ไปกันเลย...”
“ครับ...” พอสิ้นเสียงขานรับทั้งสองคนก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เป็นเป้าหมายทันที ซึ่งแน่นอนว่าคราวนี้คาคาชิเรียกเนตรวงแหวนขึ้นมาใช้ตั้งแต่เริ่มออกตัวกันเลยเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำสอง เพียงไม่นานทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง...
“ที่นี่เหรอครับ...” นารูโตะร้องถามเพื่อความแน่ใจ ซึ่งคาคาชิก็พยักหน้ารับมาโดยไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากผลักประตูบานใหญ่ตรงหน้าให้เปิดออกช้า ๆ นารูโตะก็ไม่ได้ถามอะไรอีกเค้าทำเพียงแค่เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปด้านในเท่านั้น ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ ณ บริเวณลานกว้างในบ้านหลังนั้น ซึ่งทันทีที่นารูโตะกับคาคาชิมาหยุดอยู่ตรงจุดนั้น กองกำลังนับร้อยคนก็กรูกันออกมาจากที่ซ่อนตรงเข้ามาล้อมทั้งสองคนไว้อย่างรวดเร็ว แต่ถึงแม้พวกเค้าจะถูกล้อมไว้ด้วยจำนวนคนที่มากมายขนาดนี้ก็ไม่ได้มีทีท่าหวั่นเกรงใด ๆ กลับทำเพียงยืนนิ่ง ๆ แล้วเฝ้าสังเกตุการณ์อย่างรอบคอบ
“ออกมาต้อนรับกันซะเอิกเกริกขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย...” น้ำเสียงที่เหมือนจะเยาะหยันของคาคาชินั้นราวกับว่าจะสื่อไปให้ใครบางคนให้ได้รับรู้
“ข้าก็กลัวว่าจะต้อนรับนินจาจากโคโนฮะอย่างพวกท่านได้ไม่สมเกียรติซะอีก...” เสียงใครบางคนเอ่ยตอบมาจากที่ใดที่หนึ่ง
“พวกเราก็หวังว่านี่คงจะไม่ใช่กับดักที่ใช้เพื่อถ่วงเวลาหรอกนะ...เพราะเท่าที่ข้าเห็นเหมือนพวกเจ้าจะใช้กองกำลังกันอย่างสิ้นเปลืองเสียจริง...” จากคำพูดนั้นทำให้นารูโตะเดาว่าคาคาชิคงเห็นกองกำลังที่ซุ่มซ่อนอยู่อีกเป็นแน่
“น่าตกใจมากที่ท่านสามารถมองออกได้ถึงขนาดนั้น...มันคงเป็นความสามารถจากดวงตาข้างนั้นของท่านใช่มั้ย...” เสียงปริศนายังคงเอ่ยออกมาโดยที่ยังไม่ยอมปรากฏร่างออกมาให้เห็น
“ข้าไม่ชอบการเจรจาที่เห็นผลลัพธ์แล้วว่าล้มเหลว...แต่ว่าข้าชอบลงมือทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ข้าต้องการมากกว่า...” พูดจบคาคาชิก็กระโจนออกจากวงล้อมแล้วมุ่งตรงไปยังจุดที่เจ้าของเสียงปริศนานั้นยืนอยู่ซึ่งเป็นเหมือนสัญญาณการเปิดฉากการต่อสู้ นารูโตะเองก็ไม่มีเวลาจะไปสนใจว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใครเค้าคงได้แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคาคาชิรับผิดชอบไป ส่วนสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ตรงหน้าก็คือจำนวนคนนับร้อยที่พร้อมกันกรูเข้ามาหาเค้าอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าถ้าสู้กันด้วยจำนวนก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับนารูโตะเลยแม้แต่น้อยนั่นก็เพราะ...
“คาถาแยกเงาพันร่าง...” พอขาดคำร่างเงาของนารูโตะที่จำนวนมากกว่าร้อยก็เรียงหน้ากันเข้าไปฟาดฟันศัตรูอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน แล้วบ้านหลังใหญ่ก็กลายเป็นสนามรบย่อม ๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด ฝ่ายคาคาชิเองก็ดูเหมือนจะจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายเกินคาดจนน่าแปลกใจ
“คงไม่ใช่เพราะชั้นเก่งเกินไปหรอกมั๊ง...แต่คงเป็นเพราะนายกระจอกเกินไปมากกว่า...” คาคาชิกล่าวเย้ยหยั่นเมื่อจัดการอีกฝ่ายให้ลงไปนอนกองกับพื้น ฝ่ายนารูโตะเองก็จัดการกลุ่มคนนับร้อยให้ลงไปนอนคลุกฝุ่นจนเกลื่อนพื้นแล้วเหมือนกัน
“ผมว่าคนพวกนี้ไม่มีทักษะการต่อสู้เลยนะครับครู...”
“อืม...แต่ชั้นก็ยังสงสัยอยู่ดีเรื่อง คาคาลวงตานั่น กับเรื่องกับดักก่อนหน้านี้ อีกอย่างคนพวกนี้เหมือนเป็นพวกฝีมือปลายแถวมากกว่า...” คาคาชิวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบ
“แล้วจะเอาไงต่อครับ...” นารูโตะร้องขอความเห็น แต่คาคาชิไม่ได้ตอบคำถามนั้นเค้ากลับหันไปถามคนที่ถูกมัดอยู่กับพื้นด้วยน้ำเสียงเข้ม ๆ ที่ดูจะโหดเกินความจำเป็น
“ท่านหญิงอยู่ที่ใหน...บอกมาถ้าไม่อยากเจ็บตัวไปมากกว่านี้...” คาคาชิขู่เสียงเย็นแต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบว่าอะไรเสียงใครบางคนก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เราอยู่นี่...” เสียงตวาดที่ดูเหมือนจะแหลมสูงจนน่าตกใจทำให้คาคาชิและนารูโตะต้องหันไปดูว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใครแล้วภาพคนตรงหน้าก็ทำให้ทั้งสองคนต้องอ้าปากค้าง
“ว่ายังไง...เราอยู่นี่แล้วพวกท่านมีธุระอะไรกับเราก็ว่ามา แต่ก่อนหน้านั่นช่วยปล่อยสามีของเราก่อนได้หรือไม่...” ประโยคคำถามที่ดูเหมือนจะเป็นประโยคคำสั่งอยู่นิด ๆ จากสตรีที่มีใบหน้างดงามแต่ดูอวบท้วมและมีน้ำมีนวลตรงหน้าที่ทำให้นารูโตะกับคาคาชิต้องหันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ
“เราบอกให้ปล่อยสามีเรายังไงล่ะ...ฟังไม่เข้าใจหรือไง...” สตรีผู้งดงามตรงหน้าเอ่ยกำชับพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหาพวกเค้าทั้งสองอย่างรีบร้อน
“น้องหญิง...อย่าเดินเร็ว ๆ แบบนั้นมันอันตราย...” แล้วนารูโตะกับคาคาชิก็ต้องหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเหมือนเดิมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ท่านพี่...เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า...”
“ข้าไม่เป็นไรหรอก...เจ้านั่นแหละออกมาข้างนอกทำไม...”
“ก็ท่านพี่ตกอยู่ในอันตราย แล้วอีกอย่างเป้าหมายของพวกเค้าก็คือตัวข้าเพราะฉะนั้นข้าออกมาอย่างนี้ก็สมควรแล้ว...”
“แต่ว่า...” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเอ่ยได้จบประโยค คาคาชิก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“พวกนั้นเลิกเถียงกันก่อนจะได้หรือเปล่า...ตอนนี้ข้าต้องการคำตอบของทั้งหมด...”
“เราจะตอบทุกคำถามของเจ้า แต่ว่าเจ้าต้องรับปากมาก่อนว่าจะไม่ทำอันตรายท่านพี่และคนพวกนี้...” หญิงสาวนางนั้นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดียวพร้อมกับแววตาที่มุ่งมั่น คาคาชินิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับไปเบา ๆ
“ครูครับ...จะดีเหรอ...” นารูโตะเอ่ยแย้งออกมาเพราะยังไม่ไว้ใจใจกับสถานการณ์แปลก ๆ ตรงหน้าที่ดูเหมือนจะพลิกกลับตาลปัตรอยู่ตอนนี้
“ไม่เป็นไรหรอก...ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้รุนแรงอย่างที่กังวลกันมาแต่แรกแล้วล่ะนะ...” คาคาชิเอ่ยตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปกล่าวกับสองคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เราจะไม่ทำอะไรผู้ชายคนนี้ก็ได้ แต่ท่านหญิงจะต้องบอกทุกอย่างกับเราห้ามปิดบัง...”
“เราจะบอกทุกอย่าง...” หญิงสาวนางนั้นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวไม่แพ้ดวงตาคมกล้าของนางเลยแม้แต่น้อย ส่วนชายที่ถูกเรียกขานว่าเป็นสามียันกายลุกจากพื้นแล้วหันมาประคองร่างอวบท้วมของหญิงอันเป็นที่รักไว้อย่างห่วงใย พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“น้องหญิง...จะไว้ใจคนพวกนี้ได้อย่างงั้นเหรอ...”
“พวกเค้าเป็นนินจาของโคโนฮะ...ข้าเชื่อว่าพวกเค้าจะรักษาคำพูดของตนเอง...” ด้วยคำพูดประโยคนั้นทำให้คาคาชิต้องเหยียดยิ้มออกมาเพราะดูท่าแล้วหญิงสาวตรงหน้าจะเป็นคนที่ฉลาดในการใช้คำพูดเสียจริง ๆ นารูโตะเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันเพราะถึงอีกฝ่ายจะเป็นหญิงแต่แววตาคมกล้าจนน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย ผิดกับชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที่ถึงแม้จะเป็นชายแต่กลับมีแววตาไม่มั่นคงเอาเสียเลย ทว่าสิ่งหนึ่งที่นารูโตะรับรู้ได้จากคนสองคนตรงหน้านี้คือ สายใยที่เรียกว่า ความรักและความห่วงใย ที่มีให้กันมันแน่นหนาจนดูน่าอิจฉาอยู่ไม่น้อย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ข้างๆนายก็มีนะทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วงนายมากมายไง
แต่งหนุกมากคะ
ขอตัวไปอ่านตอนต่อไปก่อนนะคะ
แกก็มีอยู่ใกล้นั้นไง
ตาลุงที่ทั้งรัก ห่วงใย และหวง
ชอบลวนลามแกอ่ะโตะ
มาต่ออัพต่อนะค่ะ รออ่านอยู่
สู้ๆค่ะ
เราชอบเรื่องที่คุณแต่งมากค่ะ
อัพต่อไวๆนะค่ะ
เลยต้องเอามาอัพต่อหลอกล่อไว้ก่อน
ยังไงก็...อย่าลืมฉัน...นะ ภารกิจมากมาย
จนร่างจะแหลกอยู่แล้ว