ตอนที่ 48 : nothing without you
nothing without you
ไล ควานลิน มองดูตัวเองในกระจก หมุนไปมาสองสามครั้งเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อย มือบางเอื้อมมือหูกระต่ายบริเวณลำคอ สูดหายใจเข้าลึกไล่ความตื่นเต้นหวังให้มันหายไป เสียงโหวกเหวกจากด้านนอกดังแว่วมาเป็นระยะ เขาน่ะไม่ชอบเสียงดังเท่าไรนักหรอก
เจ้าของร่างสูงแหวกม่านออกมาก่อนจะพบกันความวุ่นวายทางด้านนอก ควานลินลอบถอนหายใจทันที แต่นัยน์ตาคู่สวยดันสบเข้ากับลูกแก้วสีเฮเซลนัท เขาเห็นสายตาจากอีกคนที่ส่งมาก็เดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร ควานลินได้แต่ส่งยิ้มบางตอบกลับไปเพื่อบอกอีกฝ่ายว่า ‘ไม่เป็นอะไร’ แม้ในใจจะรู้สึกรำคาญอยู่ไม่น้อย
แต่วันนี้เป็นวันดีนี่เนอะ
ควานลินเดินออกจากห้องแต่งตัวหวังหลีกหนีความวุ่นวาย ชะโงกมองอีกคนแต่ก็พบว่าอีกฝ่ายยังแต่งตัวไม่เสร็จ เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเดินออกไปยังห้องจัดเลี้ยงทันนี้
ยังไงซะ..ห้องนั้นคนก็ยังน้อยกว่าที่นี่
เขารู้สึกสงบลงกว่าเดิม ไม่มีเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังกวนใจ มีเพียงเสียงดนตรีที่เปิดคลอตามบริเวณทางเดินไปยังห้องจัดเลี้ยง
ค่อยยังชั่วหน่อย
เขาเจอคนหลายคนที่ไม่รู้จักส่งยิ้มให้ บ้างก็เดินเข้ามาแสดงความยินดี บ้างก็เดินเข้ามากอดราวกับรู้จักกันมานาน แต่ควานลินน่ะ ... ไม่รู้จักคนพวกนั้นหรอก
กรอบรูปหน้าห้องจัดเลี้ยงถูกตั้งวางอย่างเป็นระเบียบตามที่เจ้าของงานได้สั่งเอาไว้ เด็กหนุ่มร่างสูงหยุดมองมันทีละภาพ เริ่มจากภาพที่อยู่ใกล้เขาที่สุด มือบางไล้ไปตามกรอบหน้าของชายที่อยู่ในรูป เขายังคงดูดีเสมอแม้จะเป็นรูปในอดีตก็เถอะ ส่วนอีกคนน่ะเป็นเขาเอง
ควานลินเพิ่งรู้ว่าตัวเองยิ้มกว้างได้มากขนาดนั้น สมัยเรียนใครๆ ต่างก็บอกว่าเขาเป็นคนประเภทยิ้มยาก หน้ามึน แต่ก็ต้องขอบคุณคนในรูปที่ทำให้เขายิ้มได้มากขนาดนั้น
รูปที่สอง เป็นรูปของเขายามเผลอ เส้นผมปลิวว่อนไปตามแรงลมทะเลที่ปะทะเข้ากับร่าง ใบหน้ายู่ยับของเขาในรูปถูกเก็บมาโดยอีกฝ่ายที่แอบถ่ายเขาทีเผลอ ควานลินจำได้ว่าวันนี้เขายื้อยุดฉุดกระชากเจ้ากล้องถ่ายรูปตัวนี้กับเจ้าของของมันอยู่นาน จนเขาเองต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ให้กับเจ้าของกล้องไป
รูปที่สาม เป็นรูปของเขายามหลับ หน้าซีกหนึ่งจมอยู่กับหมอนใบโต มันตลกสิ้นดี แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนที่ถ่ายรูปนี้กลับเอาแต่ชมว่าเขาน่ารักไม่ขาดปาก
รูปที่สี่ เป็นรูปของเรากอดกัน มันถูกแอบถ่ายโดยใครสักคนที่ควานลินไม่รู้ ในรูปนั้น ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยน้ำตา ถูกกอดโดยร่างหนาของอีกคน นิ้วนางข้างซ้ายมีแหวนสวมอยู่บนนั้น
แน่ล่ะ
เขาถูกเซอร์ไพรส์นี่นา
เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง
มันเป็นความสุขเล็กๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นในชีวิตของเขาเลยล่ะ
“ทำอะไรอยู่ หืม”
ควานลินถูกกอดจากด้านหลัง เอวบางถูกท่อนแขนหนารั้งเข้าสู่อ้อมอกอุ่น เสียงทุ้มน่าฟังกระซิบอยู่ข้างใบหูขาว มือสากกอดกระชับประสานอยู่บริเวณหน้าท้องของควานลิน ริมฝีปากที่แทบไม่ค่อยเผยยิ้มให้กับใครกลับเผยยิ้มออกอย่างน่าประหลาด
“ดูรูปครับ” ตอบออกไปพลางมองกรอบรูปมากมายที่ตั้งเรียงอยู่ด้านหน้า
“พี่เห็นเราเดินออกมา” ใช่ รำคาญน่ะ
“เสียงดังน่ะครับ ผมไม่ค่อย..”
“พี่รู้ว่าเราไม่ชอบ เห็นออกมาเลยห่วงน่ะ”
“ผมโอเค แค่อยากหนีคนเท่านั้นน่ะ” ยู่ปากพร้อมหันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ผมถูกเซทให้อยู่ทรง ใบหน้าถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางเช่นเดียวกันกับเขา มันดูดีไม่หยอกเลย
“มองอะไรครับ”
“พี่ดูดีนะครับ” ควานลินชมอีกคนจากใจ
“เราก็น่ารัก” ร่างหนาเผยยิ้มพร้อมฉกชิมริมฝีปากอิ่มของเด็กหนุ่ม เนิ่นนานกว่าจะละออกไป ก้มมองแก้มใสที่ขึ้นสีแดงเปล่งปลั่งแล้วก็อดเอ็นดูคนตรงหน้าไม่ได้
“ไม่กลัวคนมาเห็นหรือไงครับ”
“ก็เห็นไปสิ ใครๆ ก็รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน”
“หน้าไม่อายชะมัดเลย”
ปากก็ว่าแต่แขนเรียวกลับโอบร่างหนาของอีกฝ่ายเอาไว้ ซุกใบหน้าลงกับบ่ากว้าง เช่นเดียวกันชายหนุ่มก็กอดตอบคนรักของเขากลับ
“พี่ครับ”
“หืม”
“จะไม่เปลี่ยนใจจริงๆใช่ไหม”
อีกแล้ว.. ควานลินถามประโยคนี้ขึ้นมาอีกแล้ว
“อยากให้พี่เปลี่ยนใจหรือยังไง ฮึ”
“เปล่า ... แค่ถามน่ะ”
“มองหน้าพี่”
เด็กหนุ่มถูกบังคับให้มองหน้าเพราะเสียงทุ้มที่เคยพร่ำเรียกชื่อเขาเอ่ยขึ้นมาอย่างคนจริงจังยิ่งกว่าถูกที แก้มทั้งสองข้างถูกฝ่ามือประคองเอาไว้ เจ้าของดวงตาสีเฮเซลนัทจ้องมายังเขาอย่างไม่ปิดบัง เขารู้ รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะบอกว่าอะไร แต่ความไม่แน่ใจมันกลับทำให้เด็กหนุ่มลังเล หากอีกคนเปลี่ยนใจล่ะเขาจะทำยังไงดี
คำตอบของคำถามนั้นถูกตอบตอนที่ริมฝีปากหยักกดแนบลงมาอย่างแผวเบา มันนุ่มนวล อ่อนหวาน จนควานลินตอบรับจูบนั้นกลับไปด้วยความเต็มใจ เนิ่นนานกว่าเราจะผละออกจากกัน ก้อนสะอื้นตีรื้นขึ้นมาอยู่บริเวณลำคอ ดวงตาร้อนผ่าวอีกไม่นานควานลินต้องร้องไห้แน่ๆ
เจ้าของตาคู่สวยผละออกจากใบหน้าหวานตอนที่น้ำตาหยดแรกไหลผ่านหน้าแก้มใส ชายหนุ่มกระวนกระวายรีบปาดน้ำตานั่นออกไปเมื่อเห็นคนรักของเขาร้องไห้
“ถ้าพี่เปลี่ยนใจพี่เปลี่ยนไปนานแล้ว”
“…”
“หยุดร้องได้แล้ว เด็กโง่”
คัง ดงโฮ มองร่างบางที่นอนขดอยู่ในอ้อมกอดเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มือหนากระชับผ้าห่มให้คลุมตัวเราเพราะกลัวว่าคนที่นอนซุกอยู่กับอกจะป่วยเอา เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่ายบอกเขาว่าอีกคนกำลังหลับสนิทหรือไม่ก็กำลังฝันหวานอยู่ ริมฝีปากอิ่มที่บวมช้ำเพราะฝีมือเขาเผยยิ้มจางๆ ให้เดาไม่ผิดเจ้าเด็กนี่คนฝันดีอยู่เป็นแน่
เขากดจูบลงบนแก้มใสที่ขึ้นสีแดงเพราะฝีมือเขา ฝังจมูกลงบนซอกคอขาวพลางกดจูบลงบนผิวเนื้อเนียนด้วยความหลงใหล
เราตกลงปลงใจเป็นของกันและกัน
เด็กคนนี้เป็นของเขา
และแน่นอน เขาก็เป็นของเด็กคนนี้
วันวานเหล่านั้นไหลย้อนกลับเข้าสู่หัวของเขาราวกลับเทปที่ถูกกรอย้อนกลับ ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเจอ ได้ชิดใกล้ สานสัมพันธ์จนตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน
เขาหลงรักรอยยิ้มของเด็กหน้าง่วงแสนเย็นชา ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ดงโฮยอมให้อีกฝ่ายเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตของตัวเองมากนัก
ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้ว..ที่สายตาเขามีไว้มองคนๆ นี้เพียงคนเดียว
นานจนตัวเขาเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เขาเหมือนคนที่ถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ที่ได้อีกคนมาครอบครอง ทั้งตัว ทั้งหัวใจ และยิ่งรู้สึกดีเมื่อได้รู้ว่าอีกคนก็คิดไม่ต่างไปจากที่เขารู้สึก
“อือ..” คนในอ้อมกอดขยับตัวพร้อมส่งเสียงเหมือนกับว่ารำคาญ เป็นเพราะเขานั่นแหละที่มัวแต่ฟัดพวงแก้มใสจนทำให้คนในอ้อมกอดเผลอรู้สึกตัว
แต่ทำไงได้
เด็กนี่น่ารักเกินไป
แค่คิดว่าจะต้องปล่อยให้อีกฝ่ายหายไปจากชีวิต ก็เป็นดงโฮเสียเองที่กระวนกระวายจนทนไม่ได้ เขาต้องตายแน่ๆ หากขาดคนสำคัญอย่างร่างบางนี้ไป เหมือนกับจู่ๆ ที่ถูกช่วงชิงอากาศหายใจไปอย่างไรอย่างนั้น แน่ล่ะ เขาไม่อยากให้เกิดอะไรแบบนั้นขึ้นมา แค่ครั้งเดียวก็ไม่อยาก
ถึงได้หาทางรั้งร่างบางนี้ให้อยู่กับตัวเขาเอง
ตลอดไป
“เราไม่ชอบอะไรมากที่สุด”
“หืม ถามทำไม”
“ถามเฉยๆ น่า”
“อืม..ไม่ชอบอะไรที่เลี่ยนๆ มั้งครับ อย่างคุกเข่าขอแต่งงานแบบในละครที่บายเลย” พูดพลางชี้ไปยังทีวีที่เปิดดูด้วยกัน ฉากพระเอกขอนางเอกแต่งงานทำเอาคนตัวเล็กบู้ปากหนีเพราะความเลี่ยนชวนเอาขนลุก
“ไม่ชอบเหรอ”
“อื้อ ตอนนี้ไม่ชอบ”
ร่างหนาคุกเขาลงตรงหน้าเด็กร่างสูงที่ยืนทำหน้าเหลอหลาพร้อมบอกให้เขาลุกขึ้นยืนเพราะอายคน แต่เสียงแง้วๆ ที่บอกให้เขาลุกขึ้นหรือจะหยุดความตั้งใจที่พกออกมาจากบ้านของเขาได้ มือสากค่อยๆจับมืออีกฝ่ายขึ้นมา ล้วงหยิบแหวนเรียบไร้ลวดลายใดๆ สลักอยู่บนนั้นขึ้นมาไว้ตรงหน้า ช้อนตามองคนที่ยืนอยู่เหนือร่างก่อนจะเผยยิ้มให้คนรักที่ตอนนี้ดูเหมือนจะร้องไห้เข้าเต็มแก่
“รู้ว่าไม่ชอบแบบนี้..”
“…”
“รู้ว่าไม่ชอบที่สุด”
“...”
“แต่มันอยากขอนี่นา”
“...”
“แต่งงานกันไหม”
“…”
“มาอยู่ด้วยกันตลอดไป”
“…”
“ได้ไหมครับ ไล ควานลิน” ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง มองคนรักที่ตอนนี้น้ำตาเอ่อคลอเต็มตาคู่สวย
“ฮึก...” สุดท้ายก็เก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เจ้าของใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยน้ำตาพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ ชายหนุ่มเผยยิ้มกว้างก่อนจะค่อยๆ สวมแหวนไปตามนิ้วเรียวยาวจนสุด
ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ
ร่างบางโผเข้าสู่อ้อมกอดของชายหนุ่ม ร้องไห้หนักยิ่งกว่าตอนที่ถูกขอเป็นแฟนครั้งแรก แม้จะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบเอาซะเลยที่โดนคุกเข่าขอแต่งงาน แต่พอมาเจอด้วยตนเอง ... มันกลับประทับใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“พี่ดงโฮ...”
“ครับ...”
“ขอบคุณนะครับ”
เราต่างเผยยิ้มกว้างให้กันโดยมีแหวนหนึ่งวงเป็นพยานรัก
เสียงโห่ร้อง เสียงเพลง ดังไปทั่วห้องจัดเลี้ยง ไหนจะรอยยิ้มล้อเลียนของเพื่อนฝูง ของพี่ๆเพื่อนๆ ของคนรักที่ส่งมา ทำเอาร่างบางทำตัวไม่ถูก มือไม้สั่นไม่รู้จะนำไปวางไว้ตรงไหน แต่สุดท้ายก็ถูกอีกคนคว้ามือที่สั่นเทาเข้าไปกุมไว้แน่น เรียกเสียงโห่ร้องจากคนที่มาร่วมงานได้ดี
แก้มใสขึ้นสีแดงก่ำเพราะความขัดเขิน แม้จะเตรียมใจมาก่อนหน้านี้ว่าต้องโดนล้อ แต่พอเอาเข้าจริงก็ทำตัวไม่ถูกเอาซะเลย ถ้าไม่มีฝ่ามือที่คอยกุมมือเขาไว้ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
“พี่ดงโฮ..”
“หืม”
“รักนะครับ”
“ครับ”
“...”
“พี่ก็รักเรา”
“อย่าหายไปไหนนะ” ควานลินเอ่ยบอกกับคนโตกว่าด้วยเสียงเบาๆคล้ายกับคนกระซิบ แค่เขาน่ะได้ยินสิ่งที่น้องพูดทุกคำ
“จะให้หายไปไหนล่ะ”
“ถ้าพี่หายไปผมตายแน่ๆ” ใช่ เขาตายแน่ๆ ถ้าไม่มี คัง ดงโฮ
“พี่ก็คงตายเหมือนกัน” อืม.. ดงโฮก็คงตายเหมือนกันนั่นแหละ เพราะเขาน่ะ ขาดควานลินไม่ได้เอาซะเลย
#crushโฮลิน
ไร้พล็อต แค่อยากเขียนให้เขารักกัน T-T คิดถึงโฮลินจังเลยฮือ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงโฮลินเลยค่ะ;____; ขอบคุณนะคะที่แต่งฟิคดีๆมาให้อ่านตลอด เราชอบฟิคของไรท์มากๆเลย
เห็นช่วงนี้ไรท์ทำงานหนักมาก ขอให้สู้ๆนะคะ หาเวลาพักผ่อนแล้วก็ดูแลสุขภาพให้มากๆค่ะ งานหนักแค่ไหนสุขภาพก็สำคัญที่สุดนะคะ ไม่ว่ายังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ : )