ตอนที่ 49 : (Au-thai) นรินทร์ - Narintr 5 50% - END -
นรินทร์ 5 - 50%-
คำเตือน
* แฟนฟิคเรื่องนี้เขียนจากจินตนการ *
** ต้องใช้จินตนาการสูงมากกว่า os/sf เรื่องอื่น **
*** พล็อตประมาณสวรรค์เบี่ยง พล็อตอุ้มลูกหนี ***
**** ไม่เฟม ! ช x ช เหมือนเดิม ****
***** เป็น AU-(ละคร)ไทย*****
สายตาคมเหลือบมองไปด้านนอกตัวรถ ภาพที่เห็นทำเอาหัวใจเขากระตุก ก้อนเนื้อในอกซ้ายบีบรัดจนปวดหนึบ ภาพของเด็กหนุ่มหน้าหวานอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่เมตรทำเอาชายหนุ่มอยากเปิดประตูรถลงไปแล้วดึงร่างบางมาคุยกันให้รู้เรื่อง อยากจับมาเขย่าแล้วถามว่าทำไมถึงเลือดเย็นหนีจากเขาไป แต่ทั้งหมดนั่นเป็นเพียงความคิดเท่านั้น ดิษกรทำได้เพียงเคลื่อนรถยนต์ตามร่างบางไปเรื่อยๆ ฉลาดมากพอที่จะเว้นระยะห่างไม่ให้นรินทร์พอสังเกตได้
“จะตามไปแบบนี้หรือครับคุณดิน” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลัง ใบหน้าคมคร้ามฉายแววเครียดและคิดไม่ตก
“ตามไปแบบนี้แหละ”
“จะไปเข้าไปคุยกันเหรอครับ”
“หนีมาถึงขนาดนี้ คงยอมคุยกับฉันง่ายๆ”
“แต่สองอาทิตย์แล้วนะครับ อีกอย่างคุณหนูก็ใกล้คลอ--”
“ขับตามไป”
ดิษกรเผลอสำรวจคนที่ไม่ได้กกกอดมานานแรมเดือน คิดถึงกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของนรินทร์ คิดถึงจูบหวานๆ คิดถึงทุกอย่างที่เป็นนรินทร์ หัวใจเขากระตุกเมื่อเหลือบมองหน้าท้องนูน .. ลูกของเขา ดิษกรเพิ่งรู้สึกถึงคำว่า ‘ใจจะขาด’ ในวันที่นรินทร์หายไป
เขาหานรินทร์เจอสองอาทิตย์หลังจากนั้น มันไม่ยากเกินความสามารถของคนอย่างเขา แต่สิ่งที่ยากไปกว่านั้นคือการเข้าถึงตัวของคนรัก
วันนี้เขาเพิ่งเข้าใจ
ใกล้ แต่สัมผัสไม่ได้
เป็นอีกวันที่เขายอมปล่อยให้นรินทร์เดินเข้าที่พักไป ชายหนุ่มเหลือบมองตึกสูงเบื้องหน้าแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ สองมือเล็กหอบของพะรุงพะรัง และภาพเด็กหนุ่มเดินหายเข้าไปในลิฟต์เป็นภาพสุดท้ายที่เขาเห็น
รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากย่านชุมชน ปลายทางคือบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความว้าเหว่
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่เคยมี มันหายไปเมื่อวันที่นรินทร์ก้าวเท้าออกไปจากบ้านหลังนี้เช่นกัน
ความทรงจำมากมายไหลผ่านเข้ามาเมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนเล็ก บรรยากาศเก่าๆ หวนให้คิดถึงร่างบางที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ข้างกาย เปลเด็กกลางห้อง ของเล่นใหม่ที่ยังไม่ได้แกะออกจากกล่อง ของใช้สำหรับเด็กมากมายที่ตั้งอยู่มุมห้อง ไหนจะเสื้อผ้าเด็กที่เขาตั้งซื้อมันมาให้ลูกของเขา ทุกอย่างดูเหมือนไร้ค่าเมื่อนรินทร์ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มกะพริบตาถี่เมื่อรู้สึกร้อนในดวงตาคล้ายคนจะร้องไห้
“คุณดินอยากให้ลูกเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” เสียงทุ้มติดหวานเอ่ยถามดิษกร ร่างบางเอนซบอีกฝ่ายที่นั่งซ้อนหลัง มือหนาวางอยู่บนหน้าท้องนูน ลูบไล้ไปเรื่อยๆ หวังให้ลูกได้สัมผัสถึงความรู้สึกของเขา
“ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ ฉันรักหมดนั่นแหละ” ดิษกรไม่เกี่ยงหากลูกจะเป็นชายหรือหญิง เลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดจากตัวเขา จะเป็นอะไรเขาก็รักทั้งนั้น
“ลินให้คุณดินเลือก”
“เลือกได้ด้วยหรือ” ดิษกรกดจูบลงบนแก้มใสหนึ่งครั้งพลางหัวเราะคนรักอย่างเอ็นดู
“ได้สิ”
“ตอนทำฉันไม่ได้คิดเลยนะว่าจะเอาหญิงหรือชา- โอ๊ย!” ข้อศอกแหลมกระทุ้งเข้าที่หน้าท้องแกร่ง ใบหน้าหวานงอง้ำ แก้มที่เคยใสเปลี่ยนสีเป็นแดงจัดเพราะความขัดเขิน
“คุณมันบ้า!”
“งั้นเธอก็ท้องกับคนบ้าแล้วแหละ ที่รัก”
ปากหยักบรรจงจูบลงบนกลีบปากอิ่มอย่างรักใคร่ ขบเม้มเบาๆ กระตุ้นให้ร่างบางเผยอปากยอมให้ชายหนุ่มสอดลิ้นร้อนเข้าไปตักตวงความหวานภายใน นรินทร์เปรียบเสมือนขนมหวานที่ทานเท่าไรก็ไม่รู้จักเบื่อ อยากจะตักตวงความหวานจากริมฝีปากอิ่มอย่างคนไม่รู้จักพอ
“พ..พอแล้ว อายลูกบ้างคุณดิน”
“ลูกคงอยากมีน้องแล้ว เธอว่าไหม”
“คุณดิน!!!!”
และจู่ๆ เขาเหมือนได้สติคืนมา ดิษกรสะบัดใบหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัวของเขา ทุกตารางนิ้วในบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างเขากับนรินทร์ และช่างน่าเศร้าเมื่อคนที่เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเหล่านั้นไม่ได้อยู่ด้วยกันที่นี่
ชายหนุ่มจำใจเดินออกจากห้องนั้นมาด้วยความอาลัยอาวรณ์
เขาไม่เคยต้องขออะไร แต่หากจะขอได้ .. เขาคงขอให้นรินทร์กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
เกือบย่างเข้าเดือนที่เก้า อาการเท้าบวมยังปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระยะ เด็กหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหวกายลำบากขึ้น ขยับตัวแต่ละทีก็ดูจะเมื่อยไปหมด หนำซ้ำบางครั้งเจ้าตัวเล็กยังแอบโวยวายกลางดึก หน้าท้องขาวเป็นรอยนูนเล็กๆ ดันขึ้นมา ทำเอานรินทร์ตกใจเสียยกใหญ่ ยิ่งช่วงหลังๆ มานี้ยิ่งเป็นบ่อย เขารู้สึกเสียดท้องกลางดึกบ่อยครั้ง ตื่นมามักจะเจอกับเจ้าตัวเล็กที่กำลังโวยวายเข้าทุกที
ฝ่าเท้าบางค่อยๆ จุ่มแช่ลงในกะละมังน้ำอุ่น เขารู้สึกเลือดลมไหลเวียนสะดวกและรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเดิม แผ่นหลังบางพิงเอนเข้ากับโซฟา หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน มีครู่หนึ่งที่เขารู้สึกคิดถึงใครบางคนที่จากมา ใครคนนั้นคนที่เป็นพ่อของลูก
นรินทร์รู้ดีดิษกรมีภาระต้องรับผิดชอบ ในใจคิดหาเหตุผลอื่นมาอธิบายสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เขามักบอกตัวเองเสมอว่าที่ทำไปทั้งหมด เพียงเพื่อให้ชายหนุ่มตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หากมีเราอยู่ มันคงอยากสำหรับดิษกรที่จะเลือกระหว่างงานและเรา
โกหกทั้งเพ...
มันก็แค่เหตุผลสวยหรูที่ยกขึ้นมาอ้าง
เขากลัว...กลัวดิษกรจะไม่เลือกเขา
กลัวว่าจะทำใจยอมรับไม่ไหวหากหนึ่งในตัวเลือกของชายหนุ่มไม่มีเขากับลูกอยู่ การมีครอบครัวที่สมบูรณ์เป็นสิ่งที่นรินทร์ใฝ่ฝันมาตลอด หากดิษกรเลือกเก็บเขาไว้ในมุมมืดล่ะ มันไม่น่ากลัวกว่าการไม่มีหรือ
เขาถึงได้จำใจจากมา
บ่อยครั้งที่นรินทร์มักจะคิดถึงสัมผัส คิดถึงความอบอุ่นที่อีกฝ่ายมอบให้ คิดถึงทุกอย่างที่เป็นดิษกร คิดถึงน้ำเสียงทุ้มน่าฟังไม่ว่าจะเป็นตอนที่พูดกับลูก หรือกับเขาก็ตาม
นรินทร์คิดถึงมันทั้งหมด
“ฮึก..” มือบางปาดน้ำตาทิ้งไปอย่างลวกๆ กลืนก้อนสะอื้นลงในลำคออย่างยากลำบาก หนึ่งเดือนที่ผ่านมาแม้จะพยายามให้กำลังใจตัวเอง พยายามทำตัวให้เข้มแข็ง แต่ทุกอย่างกลับพลังทลายลงเพียงเพราะเขาคิดถึงคนที่ไม่ควรจะคิดถึงเอาเสียเลย
สองมือเล็กลูบหน้าท้องนูนด้วยความรู้สึกเศร้า พลันเสียงออดหน้าห้องดังขึ้น ละความสนใจจากเจ้าตัว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างนึกสงสัย เมื่อไม่มีคนตอบรับออดครั้งที่สองจากผู้มาเยือนก็ถูกกดขึ้นอีกครั้ง นรินทร์หันรีหันขวางรีบหาผ้าสะอาดเช็ดฝ่าเท้าที่ชุ่มน้ำ ประคองร่างตัวเองไปหยุดอยู่ที่บานประตูไม้สีขาว ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจว่าเขาไม่ควรเปิด
ปิ๊ง ป่อง!
ครั้งที่สามดังขึ้นอีกครั้ง
และเป็นครั้งสุดท้ายก่อนนรินทร์จะตัดสินใจเปิดประตูต้อนรับคนที่ยืนอยู่อีกด้านของประตู
“มาใครครั--”
เสี่ยงทุ้มของเด็กหนุ่มขาดหายไป ลมหายใจเริ่มติดขัด ก้อนเนื้อในออกบีบรัดตัวเป็นจังหวะระรัว ภาพตรงหน้าพร่าเบลอไปหมดเพราะถูกม่านน้ำตาบดบังก่อนจะไหลออกมาเป็นสาย คนที่ยืนอยู่หลังบานประตูเอื้อมมือหนาเกลี่ยคราบน้ำตาบริเวณหน้าแก้มออกไป ทาบมือลงกับแก้มนิ่มด้วยความโหยหาและคิดถึง ขยับเข้าไปหาเจ้าของห้องด้วยความระมัดระวัง
หนึ่งก้าว
ผู้มาเยือนก้าวประขิดตัวเด็กหนุ่มพลางสำรวจเรือนร่างของนรินทร์ ไร้คำพูดใดๆ จากริมฝีปากของอีกฝ่าย มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลร่วงลงมาเป็นสายพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น
“ไม่ต้องร้อง”
“ฮึก..”
“มาตามกลับบ้าน”
“คุณดิน..”
“กลับบ้านกันเถอะลิน”
30%
นรินทร์นั่งบีบมือเข้าหากันแน่นอยู่บนโซฟากลางห้อง แม้ดิษกรจะสั่งให้เขาหยุดร้องไห้ตั้งแต่พบเจอกันแต่เป็นเขาเองที่ทำตามที่อีกฝ่ายขอไมได้ เสียงสะอื้นดังแว่วอยู่เป็นระยะ เป็นภาพที่ทำเอาคนมองปวดหัวใจ ร่างหนายืนอยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่ม ยังไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปากของดิษกรจนกระทั่งเขานึกได้ว่าคนรักของเขาคงไม่หยุดร้องไห้เร็วๆ นี้แน่
“หยุดร้องได้แล้วลิน” สองเท้าเก้าเข้าหานรินทร์ ค่อยๆ ย่อเขาลงจนใบหน้าอยู่เสมอกัน
“...” ไร้การตอบรับจากเด็กหนุ่ม
“ไหนเงยหน้าหน่อย ขอดูหน้าเด็กขี้แย”
“ผ..ผมไม่ได้ขี้แย !” ดวงหน้าหวานที่เต็มไปด้วยน้ำตายอมสบเข้ากับดวงตาคู่คมที่จ้องมา
“คุณแม่ตาบวมไปหมดแล้ว” มือสากเชยคางสวยขึ้น ขยับกายเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมจนได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ที่เขาเฝ้าโหยหามาตลอดหนึ่งเดือน
“คุณทำแบบนี้ไม่ได้..” เด็กหนุ่มพูดพลางจ้องเข้าไปในตาของอีกฝ่าย เขารู้ดีว่าดิษกรรู้ว่าเขานั้นหมายถึงเรื่องอะไร
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ แค่มาตามลูกเมียกลับบ้าน” เป็นครั้งแรกที่ดิษกรทำหน้าตายไม่สนใจในสิ่งที่นรินทร์พยายามจะพูด
“ในจดหมาย ผมเขียนไว้ ทำไมคุณไม่ทำตามนั้น คนโง่”
ปึก!
กำปั้นเล็กทุบเข้ากับอกแกร่งอย่างจัง เจ้าของกำปั้นก้มหน้าลงร้องไห้จนตัวโยน
ปึก !
“คนนิสัยไม่ดี!”
ปึก !
ครั้งที่สอง..ที่ตำแหน่งเดิม
ปึก !
ครั้งที่สาม..ที่ตำแหน่งเดิม
และอีกหลายๆ ครั้ง
ดิษกรนั่งนิ่งเป็นหุ่นยอมให้อีกฝ่ายทุบตีจนกว่าจะพอใจ เขาเอื้อมแขนไปโอบร่างเล็กรั้งนรินทร์ให้เข้ามาหากันและกอดไว้อย่างนั้น
“ทำไมไม่ทำตามสัญญา ฮึก”
“…”
“ผมขอแค่นี้ แค่นี้เอง ทำไมคุณทำให้ผมไม่ได้”
ชายหนุ่มกระชับกอดแน่นจนนรินทร์ไม่สามารถทุบตีเขาได้อีกต่อไป เขากดจูบลงบนกลุ่มผมของนรินทร์ด้วยความโหยหา พรมจูบเบาๆ ลงบนใบหน้าหวานที่ยังเต็มไปด้วยน้ำตา สองมือเล็กพยายามจะผลักไส แต่เขายังคงดื้อด้านรั้งเด็กดื้อจอมพยศไว้ในอ้อมกอดนั้นต่อไป
“ห...หยุดนะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้”
“จะจูบเมีย ทำไมทำไม่ได้” ในเมื่อนรินทร์พยศ เขาก็ขอพยศเสียบ้าง
“ผมไม่ใช่เมียคุณ คุณดิน”
“หลักฐานก็มีให้เห็นอยู่ชัดๆ ลิน”
“คุณไม่รักษาสัญญา”
“สัญญาที่เธอเขียนขึ้นมาฝ่ายเดียวน่ะสิ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย”
“ทำไมไม่แต่งงาน”
“จะรอแต่งกับเธอ”
“คุณดิน!”
“แล้วจะหนีมาทำไม กับใครก็ไม่แต่งทั้งนั้นแหละ จะแต่งกับเธอได้ยินไหม แล้วคิดยังไงถึงพาลูกหนีมา ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ รู้ไหมว่าเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน”
“ฮึก..”
“จะอยู่ได้ไหม จะร้องไห้หรือเปล่า เท้ายังบวมอยู่ไหม ลูกดิ้นเยอะจนกวนเธอหรือเปล่า” น้ำเสียงจริงจังของดิษกรยิ่งทำให้เด็กหนุ่มร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม หนักยิ่งกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรก
“…”
“เธอใจร้ายมากเลยลิน”
“ค..คุณดิน”
“คิดถึงลูก”
“…”
“คิดถึงเธอ”
“...”
“กลับมานะ”
ดิษกรคลายอ้อมกอด ส่งสายตาเว้าวอนไปให้นรินทร์ มือสากยกเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มใสที่เขาชอบจูบ ภาพใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของคนรักเขาไม่ชอบเอาเสียเลย ไม่ชอบน้ำตา ไม่ขอบเสียงร้องไห้ เขาชอบนรินทร์ยามที่เจ้าตัวยิ้ม ชอบเวลาที่นรินทร์หัวเราะ ชอบเวลาที่เจ้าตัวเข้ามาออดอ้อน อะไรก็ได้..ที่ไม่ใช่สิ่งที่นรินทร์เป็นอยูตอนนี้
“ฮือ..”
“ขอเจอลูกหน่อยได้ไหม”
“อื้อ” ศรีษะทุยพยักรับพลางปาดน้ำตาทิ้งไป
มือสั่นเทาค่อยๆ วางทาบลงบนหน้าท้องนูน พยายามเบามือมากเท่าที่จะทำได้
เป็นจังหวะเดียวกันพอดีที่เจ้าตัวเล็กโวยวายขึ้นมา
“อ่ะ เจ็บ..” นรินทร์นิ่วหน้าเมื่อรู้สึกว่าลูกดิ้น
“ลิน..”
“คุณดิน คุณร้องไห้ทำไม”
“ลิน..”
“คุณ! คุณดินเป็นอะไร”
“ลูกดิ้น ลูกดิ้นแล้ว”
“อื้ออ ลูกดิ้น”
เป็นนรินทร์เสียเองที่ต้องเป็นฝ่ายมานั่งปลอบชายหนุ่ม ฝ่ามือบางพยายามลูบแผ่นหลังแข็งแรงขึ้นลงอย่างช้าๆ เพราะยังไม่เห็นมีวี่แววว่าดิษกรจะหยุดร้องไห้ได้ง่ายๆ เท่าที่เขาจำความได้ ครั้งสุดท้ายที่ร้องไห้คือตอนที่พ่อเสีย มันผ่านมานานหลายปีจนแทบจำไม่ได้
แต่กับลูกคนนี้
กับนรินทร์คนนี้
เหมือนดิษกรได้ปลดล็อคความรู้สึกบางอย่างที่เขาทำหายไปเมื่อหลายปีก่อน
นรินทร์ ไม่เคยได้เป็นผู้ชนะในเกมไหนเลย
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเขามักจะอ่อนแอกว่าเด็กวัยเดียวกันเสมอ แข่งอะไรก็แพ้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องเรียน เรื่องกีฬา หรือเรื่องไหนๆ เขาจำได้ว่าเขาไม่เคยสร้างความภูมิใจอะไรให้กับครอบครัวเลยสักครั้ง เหมือนหน้าผากของเด็กหนุ่มถูกสลักคำว่าแพ้อยู่บนนั้น เขาเคยอยากคิดที่จะลองชนะดูสักครั้งบ้าง เผื่อมันจะทำให้ครอบครัวได้ภูมิใจในตัวเขาสักครั้ง
นรินทร์ ไม่เคยยินดีกับความแพ้ครั้งไหนๆ
ยกเว้นครั้งนี้
ความตั้งใจที่เขาพยายามหนีอีกคนมาตลอดเดือน พยายามบอกตัวเองให้ใจแข็ง แต่แค่เห็นเขาตามมาง้อถึงที่ แค่เห็นใบหน้าคมคร้ามของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูก ใจเขายอมตั้งแต่เห็นดิษกรก้าวเท้าเข้ามาในห้องเสียแล้ว
“พี่ดิน” นรินทร์เอ่ยชื่อเล่นของชายหนุ่ม ไม่บ่อยครั้งนักที่เขาจะพูด แม้ก่อนหน้านี้จะโดนอีกฝ่ายคะยั้นคะยอให้พูดก็ตาม
“ครับ”
“ลูกเป็นผู้หญิงครับ”
50%
TBC.
#crushโฮลิน
**ถ้าไม่อัพแบบนี้เดี๋ยวไม่จบ 555555 สรุปยัยหนูเป็นเด็กผู้หญิงนะคะ อิ้
ดีใจมากกกกกกกกกกที่ยังมีคนรอ นั่งอ่านคอมเม้นแล้วยิ้มจมูกบานเลยอ่ะ!
น้ำตาไหลแล้ว T_____T พูดคุยกันได้ที่คอมเม้น หรือ #crushโฮลิน ค้าบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กลับบ้านกันสักทีเนอะ
แล้วยัยหนูชื่อไรดี
โห้ ดีใจที่ไรต์กลับมาอัพนะคะ
น้องลินหนูคิดมากอ่ะลูก คิดไปเองทั้งนั้นเลย
เนี่ยพี่เค้ามาหาแล้ว กลับบ้านกลับพี่เค้านะลูกนะะ ;;-;; พี่อ่ะปล่อยให้น้องมาอยู่คนเดียวตั้งนานแบบนี้ได้ไงงง เป็นเราจะรีบหาให้เจอแล้วพากลับบ้านภายในวันเดียวแล่วว
สู้ๆนะคะคุณไรท์ (-: เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะะ <333