ตอนที่ 37 : cutie bunny lin 2
Cutie Bunny Lin
วิวกรุงเทพไม่ใช่สิ่งที่คนอกหักอย่างเบลต้องการในตอนนี้ เขาอยากไปใช้ชีวิต ไปพักใจอยู่ที่ต่างจังหวัดมากกว่ามานั่งโง่ ๆ อยู่ที่ห้อง แต่ก็ทำอะไรไปมากกว่านั้นไม่ได้ สองอาทิตย์นับตั้งแต่ข่าวเม้าท์เป็นกระแสไปทั่วโลกโซเชียล เบลไม่ได้รับการติดต่อจากอีกฝ่ายนับตั้งแต่นั้น บันนี่คนโปรดของเขาหายไป เป็นเพราะตัวเองด้วยที่ไม่พยายามติดต่อไป คงเป็นเพราะกลัว
กลัวว่าข่าวนั้นจะเป็นจริง
จริงอยู่ที่เบลกับน้องแค่คุยกัน แต่ทุกอย่างที่เคยทำร่วมกันมันเหมือนสิ่งที่คนรักกันเขาทำไม่ใช่หรือ ไปเที่ยวด้วยกัน โทรคุยกันทุกคืน ให้กำลังใจกันยามเจอเรื่องเครียด ๆ
หรือน้องอาจจะคิดไม่เหมือนกับเขา
จู่ ๆ เสียงเตือนของเพื่อนก็เล่นวนซ้ำในหัว ไม่ใช่ว่าเมไม่เคยเตือน รายนั้นเตือนแล้วเตือนอีก เป็นเขาเองที่ไม่ฟังคำเตือนของเพื่อน สุดท้ายแล้วก็ต้องมานั่งเสียใจอย่างนี้ เบลเองก็ไม่อยากจะปักใจเชื่อในสิ่งที่คนเขาเม้าท์กัน แต่ยิ่งอีกฝ่ายเงียบมากเท่าไร ยิ่งตอกย้ำว่าข่าวที่ออกไปเป็นเรื่องจริง
เรื่องจริงที่ไม่มีวันทำใจได้
เรื่องของเบลกับน้องบันนี่คนโปรดเกิดขึ้นไวมาก ได้คุยกันโดยบังเอิญ ได้เรียนรู้กันอยู่หนึ่งเดือน จะบอกทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นแค่ฝันก็ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจริง เบลยังจำคืนวันเกิดของตัวเองได้อยู่เลยว่าคืนนั้นมีความสุขมากแค่ไหน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอีกฝ่ายยังติดอยู่ที่โซฟา ห้องน้ำ หมอน ทุกๆที่ ที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
ความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในใจไม่ต่างอะไรจากคนที่โดนฟันแล้วทิ้ง
จริง ๆ ควรเป็นน้องที่รู้สึกแบบนั้น แต่นี่กลับกัน..ทำไมเป็นเบลเสียเอง
“ ไอ้เบล มากินข้าว ”
กลิ่นกับข้าวลอยเตะจมูกมาแต่ไกลพร้อม ๆ กับเสียงเรียกของรูมเมทเพื่อนรัก เขาล่ะไม่กล้าสู้หน้ามันทุกที เห็นหน้ามันแล้วเสียงเตือนก็ลอยดังเข้ามา เจ็บใจที่ไม่เชื่อคำเตือนเพื่อน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าน้องหลอกเขา สับสนตัวเองไปหมดทุกสิ่งอย่างจนจะบ้าตายแล้ว
“ กูไม่หิว มึงกินเลยเม ” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเอ่ย ๆ จนเพื่อนอย่างเมเริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว
เสียงจิ๊ปากดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าตึงตัง ชายหนุ่มพิงศีรษะกับกระจกบานใจ เลือกที่จะปิดเปลือกตาลงไม่อยากรับรู้อะไร ก่อนจะได้ถอนหายใจเฮือกที่สองก็รู้สึกได้ถึงแรงตบมหาศาลที่ส่งมาจากฝ่ามือของเพื่อนรัก
ไอ้เหี้ยเม!
“ ตบกูทำไมวะ! ”
“ ตบเรียกสติมึงไงเบล เมื่อไรจะเลิกทำหน้าเป็นหมาไม่มีเจ้าของสักทีวะ ”
“ ก็เพราะเจ้าของหายไปไง กูถึงเป็นแบบนี้อ่ะ ”
เจ้าของที่ว่าก็คือน้องบันนี่ลินคนน่ารักนั่นแหละ
เมถอนหายใจดังพรืด ส่ายหัวกับความงี่เง่าของเพื่อนรักก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกัน มองใบหน้าอิดโรยของเพื่อนแล้วก็ปวดใจแทน เขาน่ะอยากจะพูดแทบตายว่าสมน้ำหน้า เตือนแล้วไม่เชื่อ แต่พูดไปก็รังแต่จะทำให้ไอ้เพื่อนตัวดีมันเสียใจมากกว่าเดิม แค่นี้ก็เจ็บจะตายแล้วมั้งนะ
“ แต่มึงต้องกินข้าวป่ะวะ คนเราต้องกินข้าวนะไอ้เบล ”
“ คนอกหักเขาอดข้าวกันมึงไม่รู้เหรอเม ”
เพื่อนตัวดีหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะมองไปที่อื่น เบลไม่เคยเป็นแบบนี้ ตั้งแต่รู้จักกันมา เห็นมีแค่คนนี้แหละมั้งที่ทำให้เจ็บหนักสุด เบลไม่ได้แสดงออกทางคำพูดหรือน้ำเสียง ไม่แม้แต่จะบอกเพื่อนว่าเจ็บ แต่มันซึมลงอย่างเห็นได้ชัด กิจวัตรประจำวันที่เคยเอาแต่ตามเหล่าบันนี่น่ารัก ๆ ก็หายไป ไม่มีชื่อน้องลลินคนน่ารักหลุดออกมาจากปากมันอีกเลย แม้แต่อะไรที่เกี่ยวกับวงการบันนี่ เบลก็ไม่เคยพูด
และเพื่อนอย่างเขาก็ทนเห็นมันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ มึงถามน้องหรือยัง ตั้งแต่ข่าวออกมา ”
“ กูไม่ได้ติดต่อน้องลินไปเลย น้องเขาก็เงียบไปเหมือนกัน ”
“ ทำไมวะ ทำไมไม่ติดต่อไป กลัวอะไร มึงไม่เคยเป็นแบบนี้เลยป่ะวะเบล แต่ก่อนเห็นมีอะไรก็จะเคลียร์ตลอด แต่กับคนนี้ทำไมมึงป๊อด ”
ใช่ เมไม่เข้าใจเพื่อนรักตัวเองเท่าไรนักหรอก เพราะที่มันเป็นอยู่ตอนนี้เหมือนไม่ใช่ไอ้เบลคนเดิมที่เคยรู้จัก มันคงรู้สึกเสียศูนย์ไปมาก แต่ความเป็นเบลที่เคยเป็นมันหายไปไง ใช่ว่าเขาจะชอบน้องลินอะไรนี่สักเท่าไร ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ทำให้เพื่อนรักเสียใจเขาน่ะไม่ชอบทั้งนั้น แต่เรื่องแบบนี้ควรจะถามก่อนไม่ใช่เหรอ สุดท้ายแล้วถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง ... มันก็ไม่แฟร์กับน้องลลินของไอ้เบลมันเช่นกัน
“ มึงเข้าใจป่ะว่ากูกลัวว่าข่าวมันจะเป็นจริงไง ... กูถึงไม่โทร ถ้ากูโทรไปหาแล้วน้องบอกว่า น้องคบอยู่กับคนนั้นจริงมึงจะให้กูทำยังไงอ่ะเม กูทำใจไม่ได้หรอก กูชอบน้องมานานมึงก็รู้ รู้อยู่ว่าไม่ควรหวังอะไร แต่ครั้งหนึ่งอ่ะ .. มึงก็รู้ว่ากูก็ไม่ได้ชอบน้องแบบแฟนคลับคนหนึ่งอ่ะ กูชอบน้องเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่งอ่ะ กูรู้สึกเหมือนฝันไปเลย แม่ง มาฟันกูแล้วก็ทิ้งกูไปงี้เหรอวะ
“ แต่โทรไปมึงก็จะได้รู้เลยไงว่าตกลงเขาคบหรือไม่คบ ไม่ใช่ว่ามานั่งคิดเองแบบนี้ อุตส่าห์ได้เขาละ ยังมาทำตัวกาก ๆ อีก ”
เบลตวัดสายตามองเพื่อนอย่างเคือง ๆ ไม่เป็นไอ้เบลน่ะไม่รู้หรอกว่ามันเครียดขนาดนั้น ขนาดตอนทำข้อสอบเอนทรานซ์เข้ามหา’ลัยยังไม่เครียดขนาดนี้เลยป่ะ ความรักนี่เข้าใจยากจริง ๆ
“ อย่ามาว่ากูกากนะ ทีเรื่องน้องแจนอะไรของมึงนั่นอ่ะ มึงยังกากเลย ”
ทีกับน้องแจนสาวออฟฟิศของมันล่ะ เทียวไปเทียวมาไปกินข้าวกลางวันด้วยทุกมื้อ สุดท้ายก็ทิ้งมันไปมีคนใหม่ แล้วให้เหตุผลว่า อยากให้พี่เมเจอคนที่ดีกว่า ไอ้เมเจ็บหนักอยู่เป็นเดือน เขายังไม่เอามาพูดว่ามันกากเลย ที่กับเรื่องนี้ล่ะเอามาพูด ไอ้เพื่อนเวร!
“ กากไม่เท่ามึงหรอกเบล มึงติดต่อน้องเขาไปถ้ามันไม่จริงมึงก็มีโอกาสอ่ะ ดีกว่ามาปล่อยโอกาสทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ งี้ป่ะ อย่าโง่กูขอร้อง ”
“ ได้ทีสอนกูใหญ่ ”
“ เอาไปคิดดูละกัน ”
“ เออ ขอบใจ ”
เบลผ่านตอนเช้ามาแบบงง ๆ หลังจากโดนสั่งสอนชุดใหญ่ ก็โดนไอ้เพื่อนตัวดีลากมากินข้าวและออกไปทำงานพร้อม ๆ กัน ถือว่าเพื่อนเขาเป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่งเลย อะไรบนรถที่เกี่ยวกับวงการบันนี่ถูกมันเก็บลงจากรถหมดทุกอย่างพร้อมให้เหตุผลว่า
‘ รถมันรกไปแล้ว ขอเก็บออกบ้างแล้วกัน ไม่ได้ทิ้ง เดี๋ยวใส่ถุงเอาไปไว้ในห้องมึง ’
เอาจริง ๆ ก็ไม่รู้จะผ่านแต่ละวันมาได้ยังไงเหมือนกัน ถ้าไม่มีมัน
“ พี่เบล ๆ เห็นบันนี่ลินเซ็ตใหม่ยังพี่ แม่งโคตรแซ่บ ”
รุ่นน้องที่ทำงานไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ค่อย ๆ วางจานข้าวลงกับโต๊ะอาหาร นั่งเก้าอี้ตัวถัดจากเบลไปหนึ่งตัว เมเงยหน้ามองเด็กนั่นสลับกับเพื่อนตัวเองแบบเงียบ ๆ ส่วนเบลก็ไม่ตอบอะไร เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจ้วงอาหารกลางวันเข้าปาก อยากจะไปให้พ้นจากแคนทีนไว ๆ ขืนอยู่คงได้ยินชื่อน้องแน่ ๆ เกิดใจอ่อนแอร้องไห้กลางแคนทีนทำไงล่ะวะ
“ ที่ถ่ายครบรอบยี่สิบปีนิตยสารป่ะ โหยแม่ง ขาวมากกกกกก กูแม่งโคตรใฝ่ฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิตของกูเลยนะมึง
กึก!
เสียงช้อนกระแทกจานข้าว เบลรีบยัดข้าวใส่ปากแล้วรีบกลืนลงท้องทันทีทั้ง ๆ ที่เคี้ยวไปแค่ไม่กี่ครั้ง ความเร็วของมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินรุ่นของพูดถึงบันนี่คนโปรดในทางที่ไม่ดี ใช่อยู่ แต่ก่อนเขาอาจจะไม่ได้ขัดอะไรพวกนี้มันมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่ .. ยิ่งนึกถึงว่าครั้งหนึ่งเบลเคยได้ครอบครองร่างกายขาวนั่น จิตใจมันร้อนรุ่มไปหมด อยากจะลุกไปต่อยไอ้คนที่เม้าท์น้องในทางที่ไม่ดี
“ ฝันอะไรวะ ”
ฮึบไว้เบล ข้าวจะหมดจานแล้ว
เมยื่นแก้วน้ำให้เพื่อนด้วยท่าทีหวาด ๆ ปรามเพื่อนทางสายตาเหมือนต้องการจะบอกว่า ปล่อย ๆ ไปเหอะมึง ถ้าเปรียบเบลเป็นไฟ เมก็คงไม่ต่างอะไรจากน้ำแก้วเด็ก ๆ ไฟไหม้ป่าจะเอาน้ำแก้วเดียวมาดับก็คงไม่อยู่หรอก
แต่ก็ต้องฮึบ ฮึบไว้ไอ้เบล
“ ฝันอยากได้น้องเขามาเป็นเมีย ชีวิตกูแม่งคอมพลีทแน่ ๆ ”
น้องเป็นของกู!!!!!!!!!! ไม่ใช่ของพวกมึง !!!!!!!!!!
ทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตึง!!!!!!!!!
เสียงกระแทกจานข้างดัง ๆ ลงกับโต๊ะ คนทั้งโต๊ะสะดุ้งตามกันเป็นแถบ คนก่อเรื่องหยิบแก้วน้ำพร้อมจานไปเก็บที่ เดินดุ่ม ๆ ขึ้นออฟฟิศไปแบบไม่สนใจคนที่อยู่รอบข้าง หัวร้อนเกินกว่าจะคุยกับใคร แค่พูดชื่อน้องลินเขาก็เจ็บไปหมดละ นี่ยิ่งมีคนมาพูดถึงน้องในทางที่ไม่ดีแล้วด้วย
ไม่อยากจะทน
มันเป็นบ่ายวันศุกร์ที่โคตรจะมาคุ ไร้เสียงหัวเราะในแผนก ไมมีเสียงพูดคุยกัน เหตุการณ์เมื่อกลางวันทำให้หลายที่สนิทกับเบลต่างพากันหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ ด้วยที่ไม่รู้ว่าเบลเป็นอะไร บวกกับหน้าตาท่าทางตอนโมโหยิ่งน่ากลัวกว่าตอนปกติเสียอีก จริง ๆ ทุกคนเริ่มจะจับสังเกตว่าเบลเงียบลงมาประมาณสองอาทิตย์แล้ว แต่ไม่มีใครถามอะไรออกไป คนที่รู้มีแค่เมเพื่อนรักเบลเท่านั้นแหละ
“ พวกมึงอย่าไปอะไรมันมากเลย ช่วงนี้มันอกหัก ” เมบอกรุ่นน้องพลางหันไปมองเพื่อนรักที่นั่งบ้าปั่นงานอยู่ที่โต๊ะอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ พี่เบลมีแฟนเหรอวะพี่ ผมไม่รู้เลยอ่ะ ”
แฟนอะไรล่ะ คนคุยต่างหาก แค่คนคุยมันยังเจ็บขนาดนี้เลย เห้ออออออ
“ ประมาณนั้นแหละ อย่าไปถามมัน เดี๋ยวมันแหกปากร้องไห้กลางออฟฟิศ ”
ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็คงบอกได้ว่า เพราะพวกมึงไปพูดจาลวนลามเมียมันไง !
Cutie Bunny Lin
“ ลินเอาแต่มองมือถือมาสองอาทิตย์แล้วนะ ” โซ่ เอ่ยบอกร่างบางที่ตอนนี้เอาแต่นั่งกดมือถือไปมา มือวนเวียนอยู่กับแชทของใครบางคนมาตลอดตั้งแต่เกิดข่าวเม้าท์ระหว่างพวกเราออกมา ลินไม่ได้แสดงท่าทีเดือดร้อนอะไร แต่เท่าที่รู้จักกันมาชายหนุ่มรู้ดีว่าตอนนี้ร่างบางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ร้อนรุ่มในใจมากแค่ไหน
ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เหม่อแบบนี้หรอก
“ ห้ะ ๆ เปล่าสักหน่อย เราไม่ได้มองนะ ”
มือเรียวกดล็อคหน้าจอมือถือ ก่อนจะโยนมันไว้ไกลตัวเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต แต่ก็คงไม่ทัน โซ่หรี่ตาลงอย่างจับผิดจนคนตัวเล็กตัวลีบลงกับโซฟาไปหมดแล้ว ลินเบะปากก่อนจะทิ้งตัวใส่ชายหนุ่ม พิงศีรษะบางไว้กับร่างสูง มือใหญ่คอยลูบหัวร่างบางครั้งแล้วครั้งเล่า ลินมีอะไรอยู่ในใจ มองแวบเดียวก็รู้ แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยให้ความเงียบระหว่างเราดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ
เดี๋ยวถ้าสบายใจ อีกฝ่ายก็คงเล่าเอง
“ ถ้าเราเล่าให้โซ่ฟัง โซ่อย่าดุเราได้ไหม ”
ลินก็คือลิน กลัวเขาดุเหมือนเดิม ถ้าให้เดาคงไปทำอะไรบางอย่างมานั่นแหละ ตั้งแต่รู้จักกันมา เวลาอีกฝ่ายทำอะไรผิด ลินมักจะมานั่งซบไหล่พร้อมอ้อนเขาอยู่อย่างนี้
“ โอเค เราจะไม่ดุ ไหนคนดีเล่าให้โซ่ฟังหน่อยเร็ว ”
“ เมื่อสองเดือนก่อน เราไปเจอกับคนหนึ่งมาแหละ เป็นคนที่ดีแล้วก็น่ารักมากเลย ” ร่างสูงชักอยากจะรู้แล้ว ว่าใครกันที่ทำให้ลินพูดถึงในทางที่ดีแบบนี้ได้
“ ลินชอบเขาเหรอ ”
“ อือ เราชอบเขา โซ่อย่าเพิ่งดุเรานะ ”
“ เล่าต่อสิ ไม่ดุครับ ๆ ”
โซ่ นั่งฟังอีกฝ่ายเล่าแบบเงียบ ๆ มีบางช่วงที่ถามกลับไปบางด้วยความไม่แน่ใจ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่าจนจบ มือหนาเอื้อมไปเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าขาวออกเบา ๆ กอดโยกร่างบางที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมอกเขาด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าคนตรงหน้าจะแตกสลายไปเสียก่อน
เท่าที่จับใจความได้ .. ผู้ชายคนนั้นชื่อเบล เป็นแฟนคลับลินมานาน ดูใจกันไปดูใจกันมา สุดท้ายก็เผลอมีอะไรกันไปแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน .. ลินก็เป็นข่าวกับเขาสินะ
“ โซ่โกรธเราไหม ”
“ โซ่จะโกรธลินได้ยังไงล่ะ ” เอาจริง ๆ ก็แอบโกรธที่คนตัวเล็กปิดบังเขาในเรื่องนี้ เพราะปกติแล้วระหว่างเรา มีอะไรเราจะคุยกันทุกเรื่อง ส่วนเรื่องคนที่ชื่อเบล เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริง ๆ
“ แต่เรา... ”
“ ลินบอกว่าเขาเป็นคนดีเหรอ ” ถามทวนซ้ำให้แน่ใจ
“ เขาให้เกียรติเรามากกว่าคนที่เราเคยคบมาทุกคนเลย ”
“ แต่ลินก็ยังจะ... ”
“ เขาไม่ผิดนะโซ่ เราเองแหละเป็นคนเริ่ม ”
เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว คงเดาได้แหละว่าลินคงชอบคน ๆ นั้นจริง ๆ ไม่ได้เจ็บปวดอะไรแต่ก็อดหน่วง ๆ ใจไม่ได้ ที่เพื่อนรักคนเดียวของเขาต้องตกไปเป็นของคนอื่น เราสองคนตัวติดกันมาตลอดตั้งแต่ก่อนลินจะเข้าวงการบันนี่โดยคำยุยงของเขา โซ่ยังจำได้ดีว่าวันนั้นเขานี่แหละเป็นคนท้าลินให้ลงประกวดบันนี่บอยด้วยตัวเอง และเหมือนอีกฝ่ายก็ดูจะบ้าจี้ ไปลงสมัครจริง ๆ ซะงั้น แถมยังได้ตำแหน่งมาด้วย เขาจำได้ดีว่าวันนั้นต้องเสียเงินก้อนโตไปให้กับเพื่อนรัก
“ แล้วที่บอกมาทั้งหมด .. ลินกลัวอะไร ”
“ ลินกลัวเขาเข้าใจลินผิดไง ” พูดมาถึงตรงนี้ ร่างบางที่นั่งข้าง ๆ เริ่มเลื้อยกอดอ้อนเขาเหมือนเดิม คงเพราะกลัวโดนเขาดุนั่นแหละ
“ ลินไม่ติดต่อเขาไป เขาจะไม่คิดมากเหรอ เท่าที่ลินเล่าให้ฟัง โซ่ว่าเขาก็น่าจะชอบลินมากอยู่นะ ” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นชอบเพื่อนของเขามากแค่ไหน ป่านนี้อาจจะกำลังคิดว่าตัวเองโดนหลอก หรือกำลังคิดว่าโดนปั่นหัวอยู่เป็นแน่ บางทีโซ่ก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบความคิดหรือระบบแก้ปัญหาของเพื่อนตัวเองมากนักเท่าไร รู้แต่ว่าลินเป็นคนซับซ้อนที่เขาเข้าใจคนเดียว
“ ลินไม่รู้ ไม่กล้าติดต่อไปเลย กลัวถูกเขามองว่าเป็นคนไม่ดี กลัวถูกเขามองว่าใจง่าย คุยกันแปบๆก็เผลอตัวเผลอใจให้เขาไปหมดแล้วอ่ะ ”
“ เขาจะมองลินว่าไม่ดีได้ยังไงล่ะ ลินของโซ่ดีจะตาย ”
“ คิดถึงเขามากเลย ป่านนี้เขาต้องว่าลินแล้วแน่ ๆ ”
“ เชื่อโซ่ โทรไปหาเขาซะ บอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น บอกเขาสิว่ามันไม่จริงน่ะ ถ้าลินไม่บอกเขา เขาก็ไม่รู้หรอกนะ เขามีสิทธิคิดไปไกลว่าเราสองคนคบกันจริง ๆ นะถ้าลินไม่บอก ”
ร่างสูงพยายามใช้เหตุผลขณะที่เพื่อนตัวเล็กสะอึกสะอื้นอยู่ที่อกของเขา เพื่อนของเขาไม่ใช่คนไม่ดี ไม่ใช่คนหยิ่ง หรือร้ายแบบที่ใคร ๆ หลายคนคิด เราโตมาด้วยกัน ด้วยความที่เป็นเด็กหัวนอกจึงเข้ากับผู้คนไม่ค่อยได้เท่าไร แต่เท่าที่เห็นมาลินก็ปรับตัวขึ้นเยอะ ชายหนุ่มจำได้ดีวันที่ลินเดินตรงมาบอกเขาว่า วันนี้มีคนพูดปกป้องเราด้วยแหละ เราได้ยินมา ต่อไปนี้ว่าจะทำตัวให้ดีขึ้นแล้วแหละ ไม่อยากให้คนนั้นผิดหวังที่ต้องมาปกป้องเรา
เพื่อนตัวเล็กที่เขาพยายามถนอมความรู้สึกมาตลอด มีหลายต่อหลายครั้งที่ถูกสังคมโจมตีเพียงเพราะความแตกต่าง แต่ลินก็รอดมาได้ทุกครั้ง
ชายหนุ่มเองยินดีจากใจ หากวันหนึ่งเพื่อนรักของตนจะมีคนมาดูแล
ยิ่งถ้าคน ๆ นั้นรักลินเหมือนที่เขารักและดูแลมาตลอดได้ ยิ่งดี
เขาไฟเขียวให้เลย
“ ค่อยโทรพรุ่งนี้ได้ไหม นะโซ่นะ ”
ก็อ้อนแบบนี้ทุกที ใครจะไม่ยอมเธอ
“ โอเค โทรพรุ่งนี้นะ คืนนี้เดี๋ยวโซ่พาไปคลายเครียด สนุก ๆ รับรองเลย ”
“ ได้เต้นด้วยป่ะ ”
“ แน่นอน ”
Cutie Bunny Lin
“ เห้ยไอ้เบล วันนี้ไปดริ้งค์กันป่ะ ”
เสียงเพื่อนรักตะโกนชวนขณะที่เบลกำลังกวาดสิ่งของบนโต๊ะลงกระเป๋าเป้ใบเก่ง เหลือบตามองเพื่อนนิด ๆ ก่อนจะตอบตกลงอย่างไม่ลังเล คืนวันศุกร์คือสวรรค์สำหรับวัยทำงานอย่างพวกเรา และอีกอย่างเบลก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเพื่อน ออกไปดื่มบ้างก็ดี ย้อมใจเสียหน่อยจะได้เลิกฟุ้งซ่านถึงใครบางคนที่เขาไม่ควรจะคิดถึงเลยด้วยซ้ำ
ใครบางคนที่ไกลเกินเอื้อม
และก็ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ด้วย
แสงสีเสียงอึกทึกครึกโครมของสถานบันเทิงในย่านดังไปทั่วบริเวณ โต๊ะด้านในสุดถูกชายวัยทำงานสองคนจับจองเป็นเจ้าของไว้ คนหนึ่งมีสติดี ทอดสายตาเหร่สาวน้อยสาวใหญ่ เหมือนกับว่าต้องการบริหารเสน่ห์ ส่วนอีกคน ... ยกเหล้าแก้วที่เจ็ดเข้าปากแบบไม่เกรงกลัวว่ามันจะทำร้ายสุขภาพของตัวเอง ที่สนน่ะ...ภาพบาดตาบาดใจตรงหน้าต่างหาก
ฟลอร์แดนซ์เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลาย บ้างก็นัวเนียนกัน บ้างก็เต้นเอาสนุก ภาพที่เบลเห็นยิ่งตอกย้ำเขาได้ดีว่า บันนี่คนโปรดของตัวเองนั้นคงจะคบกับหนุ่มไฮโซตามที่ข่าวลงจริง ๆ
ร่างบางบนฟลอร์ขยับสะโพกตามจังหวะเพลง ใบหน้าเปื้อนยิ้มช่างต่างจากเขา .. เขาที่เจ็บปวดแทบเป็นแทบตายมาสองอาทิตย์เต็ม ๆ ด้านหลังของบันนี่คนโปรดมีชายหนุ่มที่ตกเป็นข่าวด้วยยืนซ้อนอยู่ สองมือเล็กเอื้อมไปโอบกอดคนด้านหลังยังไม่พอ แถมยังโยกสะโพกตามจังหวะเพลงขณะที่ตัวยังแนบชิดกันอีก ใบหน้าคมของชายหนุ่มคนนั้นซบลงกับไหล่ลาด
แม่ง
ไม่ยุติธรรม
ทำไมต้องเป็นเขาที่มาเจ็บแบบนี้คนเดียววะ
“ เบล มึงคิดจะทำอะไร ”
อยู่ด้วยกันมาก็นาน แน่นอนว่าคนอย่างเมน่ะมองออกอยู่แล้ว ตั้งแต่เข้ามานั่งและเห็นน้องบันนี่นัวเนียกับผู้ชายไอ้เบลมันก็กำแก้วเหล้าซะแน่น แน่นเสียจนกลัวว่ามันจะแตก ทำได้เพียงปรามเพื่อน เบลแค่นยิ้มก่อนจะกระดกเหล้าก้นแก้วอึกสุดท้ายเข้าปากไป
ปั่ก !!
“ กูจะไปคุยให้รู้เรื่อง ”
“ คุยอะไรของมึง มึงไม่เห็นเหรอเขาอยู่กับใคร ” เอาจริงมองจากดาวอังคารก็รู้ว่าเป็นมากกว่าเพื่อนกัน เพื่อนกันที่ไหนโอบเอวกัน เพื่อนกันที่ไหนหอมแก้มกันกลางร้านเหล้าแบบนี้ เพื่อนที่ไหน..นัวเนียกัน
เมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์แบบนั้นมันมีอยู่จริงไหม แต่ถ้าคิดว่าเขากับไอ้เบลทำแบบนั้นบ้างล่ะก็ ...
ยอมให้ฟ้าผ่าตายดีกว่า
ขนลุกชิบ
“ เห็น แต่กูจะเคลียร์ ”
“ เมาแล้วใจกล้า เดี๋ยวได้โดนผัวเขาต่อยปากกลับมา ”
“ ใครว่ากูจะไปตอนไอ้ผู้ชายคนนั้นมันอยู่ด้วยล่ะ ” ห้ะ อะไรของมัน
“ … ”
“ นั่นไง เดินออกไปสักที กูไปละ เฝ้าโต๊ะให้กูด้วย ” เบลจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเดินออกมาจากมุมโต๊ะโดยที่ไม่สนใจเพื่อนรักของตัวเองที่กำลังส่งเสียงเรียกสักนิด
“ ไอ้เบล ไอ้เบลโว้ยยยยยยยยยยยยย ”
ร่างบางบนฟลอร์เริ่มกรึ่ม ๆ เพราะแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป ยืนเต้นรอเพื่อนรักของตนที่แยกไปเข้าห้องน้ำ แต่จู่ ๆ สัมผัสร้อนที่เอวที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงกระซิบที่คุ้นเคย ... พี่เบล บันนี่หน้าหวานไม่มีวันลืมสัมผัสนี้ ไม่มีวันลืมเสียงทุ้มเช่นนี้ แม้จะไม่ได้หันหน้าไปมองเลยก็ตาม พี่เบลไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะทุกครั้งที่เขาโดนสัมผัสจากอีกฝ่าย มันให้ความรู้สึกต่างออกไป
คนด้านหลังคือพี่เบล
ไม่ผิดแน่
“ ลืมพี่ไปหรือยัง ”
ร่างบางหยุดเต้นทันที กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สายตาเริ่มสอดส่องหาเพื่อนรักของตัวเองที่ขอแยกไปเข้าห้องน้ำ แต่นาทีนี้ หากเบลจะเอาจริง ก็คงไม่มีใครช่วยเขาได้แล้ว เอวบางถูกรั้งให้แผ่นหลังแนบชิดกับแผ่นอกของอีกฝ่าย ท่ามกลางผู้คนที่เต้นเบียดเสียดกัน แน่นอนว่าไม่มีใครสนเราสองคนเลยสักนิด
“ พี่เบล.. ” เอ่ยเสียงแผ่ว พลางนึกถึงความผิดที่ตัวเองก่อเอาไว้
“ เก่งนี่ครับน้องลิน ยังไม่ลืมพี่เบลซะด้วย ”
กลิ่นแอลกอฮอล์จากลงหายใจอีกฝ่ายชัดมากจนทำให้คนเด็กกว่ารู้ว่าชายหนุ่มเริ่มเมามากเสียแล้ว สองมือเล็กพยายามแกะท่อนแขนออกจากเอว แต่ก็ไม่เป็นผล
“ พี่เบลปล่อยลินก่อน! ”
“ ไม่ปล่อย ตอบมาก่อนว่าคบกันหมอนั่นมันดีกว่าตอนที่คบกับพี่เหรอ ”
“ พี่เบลกำลังเข้าใจผิดนะ ปล่อยก่อนแล้วจะอธิบายให้ฟัง ”
“ พี่ไม่ปล่อยลินไปง่าย ๆ หรอก ”
ลินไม่เคยสัมผัสมุมนี้ของเบลมาก่อน ตั้งแต่ตอนที่เรียนรู้กันเขาเคยเห็นแต่มุมอบอุ่นของพี่เบล พี่เบลมักจะตามใจและให้เกียรติกันอยู่เสมอ เขาเข้าใจดีว่าแอลกอฮอล์เข้าปากเมื่อไร ร้อยทั้งร้อยก็ต้องเปลี่ยนไปกันบ้างล่ะ แต่ก็ไม่คิดว่าพี่เบลจะดื้อรั้นถึงขนาดที่พูดอะไรแล้วไม่ฟังกัน
“ พี่เบลจะไม่ฟังลินพูดหรือยังไง ”
“ ลินมากับหมอนั่น ”
“ พี่.. ”
“ ลินกอดมัน ลินปล่อยให้มันหอมแก้ม ”
“ พี่เบลหยุดพูดนะ ”
“ พี่เจ็บไปหมดแล้วลิน ”
คางสากเกยลงบนไหล่ลาด หลับตาสูดกลิ่นกายหอมท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดกัน ความดื้อรั้นของพี่เบลมีมากเกินไป แต่เขาแอบได้ยินเสียหัวใจของชายหนุ่มขณะที่แผ่นหลังแนบชิด
มันไม่ได้เต้นแรงอย่างทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกัน
มันช้า .. ช้าจนน่ากลัว
พี่เบลเข้าใจผิด .. และเจ็บปวดเพราะเขาไปแล้ว
“ ไปคุยที่อื่นเหอะพี่เบล ”
“ ไม่เอา ”
เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นคนแก่งอแงก็คราวนี้
“ ถ้าพี่เบลเชื่อฟังลิน ลินจะให้รางวัล ”
“ … ”
“ รางวัลอะไร ลินคงไม่ต้องบอกใช่ไหม ”
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตนเองกำลังถูกเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าหลายปีล่อลวง แต่เบลกลับยอมให้น้องล่อลวงอย่างสุดหัวใจ จากที่เคยแข็งก็เปลี่ยนเป็นว่าง่าย เจ้าของใบหน้าหวานแกะท่อนแขนแข็งแรงออกก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากัน มุมปากกดยิ้มลงจนแก้มบุ๋ม ยิ้มที่เบลเท่านั้นรู้ความหมายของมันอย่างดี
สองมือเล็กลากเขาออกมาจากฟลอร์ระหว่างเดินตรงไปทางห้องน้ำ เขาสวนกันชายหนุ่มคนเดียวกันกับที่ตกเป็นข่าว ลินหยุดคุยกับผู้ชายคนนั้นพร้อมมองมาที่เขา แน่นอนว่าเบลจ้องกลับอย่างไม่ลดละ ด้วยแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดตอนนี้แล้วด้วย ยิ่งทำให้เบลใจกล้ามากกว่าเดิมขึ้นไปอีก ชายหนุ่มคนที่ตกเป็นข่าวกับลินไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธอะไรออกมา เขาเห็นแต่ใบหน้ายิ้มปนขำของไอ้เด็กนั่น
ยิ้มอะไรของมันวะ
ระหว่างที่กำลังหัวเสีย แรงกระตุกจากข้อมือชักนำให้เขาเดินตามไป เจ้าเด็กนั่นก้มหัวให้เขาน้อย ๆ กระชับเสื้อเชิ้ตให้เขาที่ก่อนจะเดินสวนเราออกไปในที่สุด
Cutie Bunny Lin
เสียงประตูห้องน้ำถูกปิดลงพร้อมกับลงกลอนประตูเสร็จสรรพ ร่างบางหันหน้ามามองเบลด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ วินาทีนั้นเบลรู้สึกว่าเขาไม่น่าปล่อยให้บันนี่คนโปรดล่อลวงเอาเสียเลย ร่างบางต้อนคนโตกว่าจนติดผนังห้องน้ำ เบลนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มบนแผงอก
บันนี่ตัวน้อยแนบใบหน้าลงตรงกับตำแหน่งหัวใจ ฟังเสียงมันเต้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากเชื่องช้า เปลี่ยนเป็นเร็ว ก่อนจะผละออกมาและยิ้มอย่างชอบใจ มันเป็นจังหวะเดียวกันกับตอนที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเลย เบลเอียงคออย่างคนไม่เข้าใจได้ชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะทาบทับลงมาบนปากหยัก
เชื่องช้า และละออกไปอย่างอ้อยอิ่ง
“ ล..ลิน ”
“ ชู่วว เดี๋ยวคนอื่นได้ยินนะพี่เบล ”
“ ลินจะทำอะไร ”
“ ให้รางวัลพี่เบลไง ”
ไม่ปลอดภัย อันตรายต่อหัวใจของเบลเลเวลล้าน เบลแทบช็อคเมื่อร่างบางตรงหน้าค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่งกับพื้น ช้อนตาคู่สวยขึ้นมองด้านบน สองมือเล็กป้วนเปี้ยนบริเวณหัวเข็มขัด ใช้เวลาไม่นาน เข็มขัดโง่ ๆ ก็ร่วงลงพื้นอย่างง่ายดาย ไม่รู้ว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรกันแน่ที่ทำให้บันนี่คนโปรดในสายตาของเบลฮอตเหลือเกิน
ก่อนทันที่จะได้พูดอะไร กางเกงยีนส์สีซีดถูกร่นลงพร้อม ๆ กับอันเดอร์แวร์สีเข้ม สติที่เหลือน้อยเต็มทีกลับเหลือน้อยกว่าเดิมเมื่อเรียวปากอิ่มเริ่มทำหน้าที่ให้รางวัลอย่างที่เจ้าตัวว่า มือเล็กรูดขึ้นลงตามความยาวเป็นผลให้ส่วนแข็งขืนขยายตัวเต็มที่ ปากอิ่มเริ่มหยอกล้อกับส่วนปลายพร้อม ๆ กับมือเล็กที่ขยับแกล้งคนโตกว่าไปด้วย
“ มันไม่เป็นอย่างที่คนเขาเม้าท์กันนะพี่เบล ” เรียวปากหยุดทำหน้าที่ขณะที่อธิบายให้อีกคนฟัง แต่สองมือเล็กยังตั้งหน้าตั้งหนารูดรั้งส่วนนั้นต่อไปราวกับจะแกล้งกัน
“ อืออ น้องลิน ”
“ พี่เบลไม่เชื่อเหรอ ”
เบลก้มมองน้องที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง มองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองโดยมีอีกฝ่ายเป็นคนเริ่ม ปากเล็กฉ่ำวาวนั่นน่าดึงขึ้นมาจูบเสียจริง
“ ไม่ตอบงั้นจะให้รางวัลต่อแล้วนะครับ ”
ไม่ทันได้ห้ามอะไรริมฝีปากอิ่มก้มลงครอบครองส่วนแข็งขืนทันที สัมผัสร้อนในโพรงปากเล็กปรนเปรอให้เบลจนแทบจะทนไม่ไหว ปลายลิ้นเล็กแลบเลียส่วนปลายเหมือนกับมันเป็นไอศกรีมแท่งโปรด ขณะที่มือก็ยังคงรูดรั้งสิ่งนั้นต่อไป รสชาติเฝื่อนคาวไม่ได้น่ารังเกียจอะไร ลินกวาดชิมทุกหยาดหยดที่ไหลออกมาเพราะแรงอารมณ์
เบลก้มลงมองหัวทุยที่ขยับเข้าออกด้วยความรู้สึกสับสน อยากถามเรื่องราวทั้งหมดออกไปแต่ความเสียวกระสันที่คนเด็กกว่ามอบให้ทำให้สติของเขาเลือนลางเต็มที สองมือท้าวลงกับผนังห้องน้ำเพื่อหยัดกายให้ยืนตรง เสียงประตูลงกลอนประตูจากห้องข้าง ๆ ดังขึ้น มือหนารีบตะครุบปากตัวเองทันที เกรงกลัวว่าจะมีใครเข้ามาได้ยินเสียง
แต่เหมือนลินจะไม่ให้ความร่วมมือ
“ อ่า... ”
เรียวปากรูดขึ้นลงเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นรับกันกับจังหวะของมือ ดูดซับคราบใสที่ไหลออกมาจากส่วนปลายจนเบลแทบจะระเบิดตัวเองตายคาห้องน้ำ เรียวปากฉ่ำวาวละจากส่วนนั้น มือเล็กปาดคราบใสบริเวณมุมปากออกไป ยกยิ้มร้ายกาจให้คนโตกว่า
พี่เบลน่ะ น่าแกล้ง
“ เบา ๆ สิพี่เบล ดื้ออีกแล้วนะครับ ” เสียงเล็กเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ
อีกครั้ง และอีกครั้ง ที่เรียวปากก้มครอบครองเบลซ้ำแล้วซ้ำเล่า จังหวะถูกเร่งให้หนักหน่วงขึ้นกว่าเดิมเมื่อมีคนออกจากห้องน้ำไป บันนี่คนโปรดของเขาไม่ปราณีเขาเลยสักนิด
“ ฮ่ะ.. ลินพี่ไม่ไหวแล้ว ”
ขยับสะโพกสวนกับร่างบางที่กดใบหน้าลงมาพอดี เสียงสำลักจากคนด้านล่างทำให้เบลต้องก้มหนาลงไปมอง มือหนาลูบศีรษะทุยเบา ๆ เพื่อขอโทษขอโพย
“ เขาไม่ใช่แฟนลิน ”
“ อะ..ลิน ”
“ จริง ๆ นะพี่เบล ”
“ ลิน เร็วอีก ”
“ ตามที่ขอครับ ”
เรียวลิ้นปรนเปรอส่วนปลายถี่รัว มือก็ยังคงทำหน้าที่ให้ดีเช่นเดิม สะโพกหนั่นขยับสวนกายเมื่อรู้สึกว่าตนจะไม่ไหว ประคองศีรษะทุยให้ขยับเข้ามาใกล้ชิดตัวตนของเขา ไม่นานร่างหนาก็กระตุกเกร็งปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้าสู่โพรงปากนุ่ม บันนี่คนโปรดขยับใบหน้าเข้าออกอยู่สองสามครั้งรีดความต้องการออกมาจนหมดก่อนจะละริมฝีปากออกไป
การกระทำน่ารักอยู่ในสายตาเบลตลอด แม้ว่าจะสติของเขาอาจจะไม่ได้เต็มร้อย แต่ภาพร่างบางที่กำลังละจากส่วนนั้นของเขามันตราตรึงใจเสียจริง
ดี
ดีมาก
“ เขาเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นอย่างอื่นเลยจริง ๆ นะพี่เบล ” ร่างบางพยายามอธิบายขณะเข้าไปแนบชิดคนโตกว่า ลินไม่อยากให้พี่เบลเขาใจผิด ไม่ได้อยากให้พี่เบลเสียใจ แต่ที่ไม่ติดต่อกลับมาเป็นเพราะว่ากลัว
กลัวว่าพี่เบลจะมองไม่ดี
“ แล้วทำไม.. ”
“ หือ ”
“ ทำไมนัวกันซะขนาดนั้น ” ลินจับความขี้หึงผ่านทางน้ำเสียงทุ้มนั่นได้ หลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะเข้าไปหอมแก้มทั้งสองข้าง
“ เพื่อนสนิทไง สนิทมาก ๆ คนนี้ไงที่ท้าลินให้ประกวดบันนี่ ”
“ … ”
“ พี่เบลจำสัมภาษณ์ลินได้ไหม ”
พอดีเพื่อนเป็นแฟนนิตยสารอยู่แล้วน่ะครับ เขาเลยท้าให้มาสมัครดู ถ้าได้ตำแหน่งเขาจะทุ่มให้ไม่อั้น แล้วผมเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาท้าซะด้วยสิ ก็เลยลงคัดตัวครับ โชคเข้าข้างไปหน่อย เลยได้ทั้งตำแหน่ง ได้ทั้งเงิน(ของเพื่อน)เลย
อ่า … เพื่อนคนนั้นสินะ
“ พี่จำได้ ”
“ ลินหายไป พี่เบลเสียใจหรือเปล่า ”
“ เสียใจสิ ”
“ ยังไง ”
“ รู้สึกเหมือนโดนฟันแล้วทิ้งเลย ”
เขาแอบเห็นบันนี่คนโปรดของเขาหลุดขำอยู่หน่อย ๆ มันน่าตลกตรงไหนกัน ใครจะรู้ว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาซึมเป็นหมามากแค่ไหน น้ำหนักลดลงไปกี่กิโล เหมือนน้องจับความรู้สึกได้ว่าอีกคนเริ่มน้อยใจ สองมือเล็กประคองใบหน้าคมให้สบตากับตัวเองตรง ๆ ลูบไล้ไปตามกรอบหน้าที่หลงใหล พี่เบลเป็นคนอบอุ่น เป็นคนดี เป็นคนที่ไม่ควรจะเสียใจเลย
เป็นดีเกินกว่าจะมาคบกับเขาด้วยซ้ำ
แต่แล้วยังไงล่ะ .. ถ้าให้ปล่อยพี่เบลไป ใครจะยอม
“ พี่เบลอยากทำโทษลินไหม ”
เบลเข้าใจความหมายนั้นดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร และแน่นอนใครจะกล้าปฏิเสธน้องบันนี่ลินคนน่ารักกัน
“ อยากสิครับ ”
“ งั้นลินจะให้พี่เบลทำโทษลิน ตามใจชอบเลย ”
สองอาทิตย์นับตั้งแต่ไอ้เบลกลับไปคุยกับน้องบันนี่คนโปรดของมัน สีหน้าที่เคยหมองหม่นกลับสดใสขึ้นมาทันตาเห็น ก็บอกแล้วว่าอย่าคิดไปเอง ต้องให้เหล้าเข้าปากก่อนถึงจะมีความกล้า เห็นหายเข้าไปในห้องน้ำนานสองนานอย่าคิดว่าคนอย่างเมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ก็นั่นแหละ
ยินดีกับมันด้วยที่ได้ลงเอยกับบันนี่ของมันตามที่หวัง
บางที่ก็น่าหมั่นไส้จนเกินไปที่สตอรี่ไอจีของบันนี่ลินมักจะเต็มไปด้วยชายหนุ่มนิรนามคนหนึ่งที่ทุกคนไม่รู้ว่าเป็นใคร รุ่นน้องที่ทำงานพากันโอดครวญเรื่องน้องลินมีแฟน แต่ไม่ใช่กับคนที่เป็นข่าว ทุกอย่างถูกขุดขึ้นมา แต่ก็ยังไม่มีใครรู้สักทีว่าชายหนุ่มคนที่บันนี่ลินคบอยู่เป็นใคร
จนปลายสัปดาห์ก่อน
ใบหน้าอันหล่อเขาของเพื่อนเขายามหลับปรากฏบนสตอรี่ไอจีของบันนี่ ฮือฮาไปทั่ววงการ แม้กระทั่งออฟฟิศของพวกเขาเช่นกัน ทุกครั้งที่เดินไปไหนมาไหน ทุกคนมักจะมองเบลอย่างอึ้ง ๆ เหมือนไม่น่าเชื่อ
ใครจะรู้ว่าแฟนคลับไปในวันนั้นจะกลายเป็นแฟนครับในวันนี้
“ มีความสุขจริงนะมึง ยิ้มหน้าบานเลย ”
“ มีความสุขก็ต้องยิ้มป่ะวะ ”
สองมือกดตอบแชทแฟนทันทีที่ข้อความเด้งเข้ามา เมกรอกสายตามองบนอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปสนใจกองงานตรงหน้าต่อ หวังว่าไอ้เบลมันจะไม่ตอบแชทแฟนจนลืมทำงานนะ เขาไม่อยากให้หัวหน้ามาด่ายันโต๊ะ
“ นี่พี่เบลซื้อเซตที่ลินถ่ายครบยี่สิบปีนิตยสารมาจริง ๆ ดิ ”
ร่างบางพูดเสียงสูงอย่างไม่เชื่อเมื่อพบว่าบนโต๊ะมีนิตยสารที่ตัวเองขึ้นปกอยู่กับเหล่าบันนี่วางอยู่ สะโพกมนถูกวางบนโต๊ะกินข้าว สองขาเรียวแยกกว้างโอบกอดบั้นเอวหนาเกี่ยวรั้งให้คนโตกว่าเข้ามาแนบชิด
“ พี่ต้องซื้อมาอยู่แล้ว นี่ใครครับ แฟนบันนี่ลินไง ”
“ ถ้าอยากเห็นลินใส่ชุดแบบนั้นก็บอกนะ เดี๋ยวจะใส่ให้พี่เบลดู ”
ปากหยักกดจูบแนบลงกับก้อนเนื้อนิ่ม ค่อย ๆ ขบเม้มอย่างอ่อนโยน ร่างบางจูบตอบอีกฝ่ายอย่างเต็มใจเป็นฝ่ายสอดลิ้นเล็กเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากในโพรงปากอุ่น ส่งต่อความรู้สึกรักและหวงแหนให้อีกฝ่ายได้รู้ มือหนาค่อย ๆ ปลดเชิ้ตตัวบางที่คลุมกายขาวออกอย่างเบามือ ขณะเดียวกันเสื้อยืดตัวใหญ่ก็ถูกเลิกขึ้นจนถึงหน้าอก มือเล็กลูบไล้ไปตามรอยน้ำหมึกสีเข้มบริเวณอกอย่างหลงใหล ปล่อยให้อารมณ์พาไปไม่สนใจสิ่งอื่น
ร่างบางถูกดันให้นอนราบกับโต๊ะไม้ เรียวปากหยักพรมจูบไปทั่วกายขาว เมื่อละออกมาก็ปรากฏรอยสีแดงจาง ๆ เต็มไปหมด บางทีเบลก็ลืมตัวว่าเขาไม่ควรทำรอยนี้ ลินก็ไม่ได้ห้ามอะไร ปากเล็ก ๆ ยังคอยส่งเสียงชมอยู่เรื่อย ชมจนบางทีเบลได้ใจ
“ อือ พี่เบลเก่งมาก ”
โต๊ะกินข้าวถูกเปลี่ยนกำลังจะถูกเปลี่ยนเป็นสนามรักย่อม ๆ เมื่อบันนี่คนโปรดของเบลเกือบจะเปลือยกายอยู่บนนั้น เสื้อผ้าต่างถอดกองไว้บนพื้นอย่างไม่ใยดี แนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่างใด ๆ ผิวกายขาวขึ้นสีแดงเพราะความขัดเขิน ก้อนเนื้อนุ่มถูกชิมความหวานไม่รู้เบื่อ ซิปกางเกงถูกปลดลง บรรยากาศเป็นใจเหมือนอยากจะให้เรารักกัน
ทุกอย่างถูกดำเนินไปได้ด้วยดี
.
.
.
.
.
ก่อนที่เสียงประตูจะดังขึ้นพร้อม ๆ เสียงรูมเมทเพื่อนรักของเบล
“ ไอ้เบลลลลลลลลลลลลล กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำบนโต๊ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ ”
.
.
.
.
.
" หวานไม่หยุด ! บันนี่ลินสวีทแฟน ฉลองครบรอบหกเดือนที่อังกฤษ "
- END -
#crushโฮลิน
สงสารพี่เบล เป็นผู้ถูกกระทำ เห้อ 55555555 น้องลินไม่ใช่คนรว้ายรว้ายอย่างที่คนอื่นเข้าใจ น้องเขารักพี่เบลน้า หากเอ็นดูกันขอเชิญได้ที่คอมเม้น หรือ #crushโฮลิน สานฝันให้เราหน่อยนะต้ะ ฮือฮือ เลิ้บยู้ว เจอกันตอนหน้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เขินไปหม๊ดดดด .///.
อ้าวผิดดดด
น้องลินเปงคนรว้ายๆ
น้องบันนี่ร้ายเหลือเกิน พี่อยากทำโทษหนูบ้าง /เกียมก้านมะยม
อย่าทำบนโต๊ะอาหาร แต่แหม.. พี่เบลเค้าก็จะกินบันนี่อ่ะเนอะ
พี่เบลลล 55555555 วงวารเขานะคะ พ่อหนุ่มซื่อๆของนม พอแอลกอฮอล์เข้ากระแสเลือดนี่ก็ใจร้อนนะคะเนี่ย แถมขี้หึงมากเสียด้วย น่ายั้กกกกกก *สมัครเปงเมียพี่เบล