คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ความทรงจำครั้งใหม่ (เริ่ม)
Sixteen
“เคสของคุณโบมีหมอก็เพิ่งจะเคยเจอเหมือนกันครับ ดูเหมือนว่าจิตใต้สำนึกของคนไข้ไม่เพียงแต่จะปิดกั้นความทรงจำส่วนที่หายไปเท่านั้นนะครับ แต่ดูเหมือนเธอพยายามที่จะปรับเปลี่ยนและปรุงแต่งความทรงจำของเธอเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่หมอคิดไว้ความทรงจำของคุณโบมีในตอนนี้มันจะเป็นความทรงจำอีกแบบกับความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นจริงๆครับ ถ้าจะให้หมออธิบายง่ายๆก็คือมันจะเป็นความทรงจำที่ถูกแต่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด”
“ความทรงจำที่ถูกแต่งขึ้นมาใหม่หรอค่ะ” โชรงพูดทวนสิ่งที่คุณหมอพูดอีกครั้ง
“ใช่ครับ หมอไม่ทราบหรอกนะครับว่าระหว่างคุณโชรงกับคุณโบมีมันเกิดอะไรขึ้น คนไข้ถึงพยายามที่จะลบทุกความทรงจำที่เกี่ยวกับคุณออกไป ซึ่งเหมือนว่าวิธีที่เธอใช้ลบความทรงจำเหล่านั้นคงจะเป็นการแต่งความทรงจำขึ้นมาใหม่ครับ” คำพูดของคุณหมอทำให้สีหน้าของโชรงสลดลงไปมาก
“แล้วมันจะส่งผลกระทบอะไรไหมค่ะ แล้ว...แล้วเธอจะกลับมาจำได้ไหมค่ะ” โชรงพูดอย่างติดๆขัดๆ ในตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งไปหมด มันรู้สึกโหวงๆอย่างบอกไม่ถูก
พยายามที่จะลบทุกความทรงจำเกี่ยวกับฉันออกไปงั้นหรอ เหอะๆน่าสมเพชตัวเองไหมล่ะโชรง เขาคงจะเกลียดแกมากเลยซินะ โชรงได้แต่ด่าตัวเองในใจ
“อันนี้หมอก็ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ เพราะเคสแบบคุณโบมีมันหายากมาครับ อีกอย่างนะครับเพราะความทรงจำของคนไข้ถูกแต่งขึ้นมาใหม่แล้วมันก็เหมือนกับการตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่นั้นแหละครับ ความทรงจำของคนไข้ที่มีก่อนหน้านี้มันก็เหมือนกับถูกลบทิ้งและก็มีความทรงจำอันใหม่เข้ามาแทน หมอคงจะให้คำตอบที่แน่นอนไม่ได้หรอกนะครับ”
“แต่เมื่อตอนเช้าหมอก็เห็นใช่ไหมค่ะว่าโบมีดูเหมือนจะนึกอะไรออกแล้ว แบบนี้มันก็ยังมีสิทธิอยู่ซิค่ะที่ความทรงจำจะกลับมา” โชรงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า
“สิ่งที่คุณโชรงพูดก็ถูกครับ ที่เมื่อเช้าคนไข้มีอาการเหมือนจะนึกอะไรออกนั้นมันเป็นสัญญาณบอกว่าคนไข้ยังพอมีสิทธิที่จะกลับมาจำได้อีกครั้ง แต่ในกรณีของคุณโบมีที่มีความพิเศษมากกว่าเคสของคนอื่นๆนั้น มันคงจะอธิบายอย่างแน่ชัดไม่ได้นะครับว่าความทรงจำของคนไข้จะกลับมาได้จริงๆรึป่าว แต่ยังไงหมอก็อยากให้คุณอย่าเพิ่งหมดหวังไปเลยนะครับยังไงหมอก็จะหาวิธีรักษาคุณโบมีให้ได้ครับ” คุณหมออธิบายถึงกรณีของโบมี และกล่าวปลอบใจโชรงเพราะเขาไม่อยากให้เธอหมดหวังเพียงเพราะเรื่องแค่นี้
“ขอบคุณคุณหมอมากนะค่ะ” โชรงกล่าวของคุณคุณหมอจากใจจริง ยังไงเธอก็จะไม่ยอมหมดหวังเพียงเพราะเรื่องแค่นี้แน่นอน เธอจะต้องเชื่อใจและไว้ใจคุณหมอคนนี้ว่าเขาจะต้องหาวิธีรักษาโบมีได้อย่างแน่นอน เธอเชื่ออย่างนั้น มันจะต้องมีวิธีรักษาอย่างแน่นอน
“ยังไงก็ช่วยพาคนไข้กลับมาตรวจที่โรงพยาบาลอาทิตย์ละหนึ่งครั้งด้วยนะครับ” คุณหมอบอกก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ
ด้านฮาจู
“นัมจู” ร่างสูงที่ขับรถอยู่หันไปเรียกชื่อคนที่นั่งข้างๆเธอ
“หืม?” ร่างเล็กตอบ
“เรื่องที่ถามเมื่อวานคือ…” ถามอีกฝ่ายไปอย่างกล้าๆกลัวๆในคำตอบที่ตัวเองจะได้รับ สายตาที่จดจ้องไปแต่ข้างหน้าด้วยความไม่มั่นใจ ไม่กล้าแม้จะหันไปมองร่างบางที่นั่งเหม่อมองออกไปแต่นอกหน้าต่าง
“อืม” ตอบสั้นๆและไม่ได้ใจความ(?)
“ห๊ะ?” จะบอกว่า งง ที่อีกฝ่ายตอบกลับมาก็คงไม่แปลก อยู่ดีๆก็ตอบแต่อืมกลับมาใครมันจะไปเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังจะสื่ออะไร
“ก็เมื่อวานที่ส่งมาไม่ได้จะสื่อว่าขอคบรึไง ก็ตอบตกลงอยู่เนี้ยหรือว่าฉันเข้าใจผิดไปเองงั้นก็ลืมๆไปเถอะว่าเมื่อกี๊ฉันพูดอะไรไป” นัมจูพูดอย่างอารมณ์เสีย คนอุส่าตอบตกลงคบยังจะมามีหน้า งง อะไรก็ไม่รู้
“ไม่ใช่ๆนะ ไม่ได้เข้าใจผิดสักนิด” ฮายองรีบพูดทันที
“อืม” สั้นๆและไม่ได้ใจความอีกครั้ง
“นี่ตกลงเราคบกันแล้วใช่ป่ะ” ฮายองพูดพร้อมหันไปมองนัมจูด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ามีความสุข(โคตร)
“ไม่รู๊~” นัมจูบอกเสียงสูง (ก็คนมันเขิน)
“นัมจูวววววววววววว” ไอ้คนพูดก็ไม่เข้าใจตัวเองหรอกว่าทำไมต้องเรียกอีกฝ่ายลากเสียงยาวขนาดนั้น สงสัยจะคิดว่ามันทำตัวอ้อนแล้วน่ารักมั้ง (เข้ากับตัวมากมั้งค่ะ)
“เออๆ ก็ตอบตกลงคบไปแล้วไงจะเอาอะไรอีกโว๊ะ!” นัมจูหน้าเริ่มขึ้นสีรู้สึกมันร้อนวาบๆที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำตัวอ้อนเหมือนกับเด็กนั้นมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าเขาน่ารักขึ้นไปอีก (ไอ้นี่ก็ดันชอบซะงั้น - -)
“จริงนะ ว่าแต่เธอไม่ได้ชอบโบมีออนนี่แล้วหรอ?” ฮายองที่เหมือนจะดีใจแต่ยังไงมันก็ยังตะขิดตะขวงใจอยู่ดี
“ชอบ” ตอบสั้นๆและได้ใจความแต่กลับทำให้คนฟังไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่แถมหัวใจมันยังรู้สึกเจ็บจนชา
“แล้วทำไม…” มาคบกับฉันล่ะ ฮายองพูดต่อในใจ
“ก็ชอบโบมแต่ไม่ได้รัก”
“แต่…” ฮายองก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่านัมจูจะสื่ออะไร
“นี่ฟังนะฮายอง ถึงฉันจะชอบโบม ถึงเราจะเคยคบกัน ถึงฉันจะรู้สึกว่ายังตัดใจจากโบมไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะรักโบมนะเข้าใจไหม เพราะตอนนี้ฉันรู้หัวใจของตัวเองแล้วว่ามันอยู่ที่เธอ และก็ตอนนี้ ฉัน! รัก! เธอ!” นัมจูพูดเองก็ดันรู้สึกเขินเองซะงั้น รู้สึกกระดากปากยังไงไม่รู้ที่พูดคำว่ารักออกไปรู้สึกไม่ชินเลยแฮะ ส่วนไอ้คำฟังก็ได้แต่ยิ้มแก้มแทบแตกเมื่อได้ยินคำว่ารักจากปากนัมจู
“แล้วถามต่ออีกได้ป่ะ” ฮายองเริ่มได้ใจก็เอาใหญ่ ได้ฟังคำว่ารักแล้วนี่ไม่กลัวอะไรแล้วตอนนี้
“อะไรอีกฉันก็เขินเป็นนะ เอ่า!รีบๆถามมาแต่แค่คำถามเดียวพอนะ” นัมจูพูดอย่างเขินๆแต่ก็ยังคงไม่ยอมหันไปมองหน้าคนที่ตัวเองเพิ่งจะตกลงคบเลยสักนิด
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าชอบฉัน”
“ก็ตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว”
“อ่าว! แล้วทำไม? ยังไง?? เอะ!?ไม่เข้าใจอยู่ดีอ่ะอธิบายอีกได้ม่ะ” ถ้ารู้ว่าชอบฉันตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกกันบ้างนะใจร้ายชะมัดปล่อยให้ฉันแอบรักเธอข้างเดียวอยู่ได้แถมพอเจอโบมีออนนี่ก็…ฮรือออฮายองเสียจาย T^T ฮายองได้แต่บ่นนัมจูในใจซะยาวเหยียด
“ฉันรู้ตั้งแต่ตอนที่เราจูบกันที่ร้านไอศกรีม แต่ตอนนั้นฉันยังตัดใจจากโบมไม่ได้ เลยสับสนพอใจรึยังเลิกถามได้แล๊ว” เขินเฟ้ยยย -//-
“งั้นตอนนี้คงไม่สับสนแล้วซินะ” ฮายองทำเสียงเย้าแหย่นัมจูเล่น เริ่มได้ใจใหญ่แล้วนะฮายอง
“เออ!” ทำไมต้องจ้องด้วยสายตาแบบนั้นด้วยนะยัยยีราฟเอ้ย!น่ารักไปแล้ว นัมจูพูดว่าคนตัวสูงในหลังจากที่เธอแอบหันไปมองฮายองแต่ก็ดันไปเจอเข้ากับสายตานั้น สายตาที่ไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน หนูนัมพูดได้คำเดียว น่าลั๊คเอาะ! ><
“เป็นไรอ่ะหน้าแดงเชียวนะ” ยังไม่พอฮายองขอแหย่ต่ออีก ได้เห็นคนตัวเล็กเขินซะน่าแดงแล้วมันยิ่งชอบใจ
“ปล๊าวววว”
“หรอออออ”
“เออ! ขับรถไปจะถึงโรงพยาบาลไหมชาตินี้” โมโหใส่แก้เขินแม่ม(?)
“คร้าบ”
โรงพยาบาล
“ไงทุกคน เป็นอะไรกันอ่ะทำหน้าซะเครียดเชียว” นัมจูทักทายและกล่าวถามทันทีที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมๆกับฮายอง
“เป็นซิเป็นหนักด้วย” นาอึนเป็นคนตอบแทนทุกคนในห้อง ก่อนจะเล่าทุกอย่างให้นัมจูและฮายองฟัง
“งั้นโบมช่วยเล่าทุกอย่างให้พวกเราฟังได้ไหม เอาตั้งแต่วันแรกที่โบมเข้ามาในโรงเรียนของเราเลยนะ” อึนจีเป็นคนเริ่มถามโบมีคนแรก หลังจากที่ทุกคนมานั่ง (มามุง) อยู่ที่เตียงของโบมี
“โหยถ้าให้เล่าวันนี้จะจบไหมเนี้ยอึนจี”
“เอาเหอะเล่ามาเร็วๆ”
“ก็ได้งั้นตั้งใจฟังนะ”
ความทรงจำครั้งใหม่
“ต่อไปเราก็ขอเชิญนักเรียนที่สอบชิงทุนเข้ามาคนแรกของโรงเรียนเรากันนะค่ะ ขอเรียงปรบมือหน่อยค่ะ” นั้นเป็นวันแรกที่ฉันได้เข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้
“เอ่ออ…สวัสดีค่ะฉัน ยุน โบมี ค่ะยินดีทีได้รู้จักนะ ” ฉันกล่าวทักทายทักคนในหอประชุมอย่างเป็นมิตร แต่ดูเหมือนว่าพวกผู้ชายข้างล่างเวทีจะดูคึกคักเป็นพิเศษ
“ย๊าาาา!! เงียบหน่อยไม่ได้หรอ” ลองประธานนักเรียนตะโกนด่าพวกข้างล่างเวทียกใหญ่แถมยังทำท่าเหมือนกับจะกระโดดไปเตะปากพวกนั้นอีก แต่ดีนะที่ประธานนักเรียนตัวสูงๆนั้นห้ามไว้ทัน
“เชิญต่อเลยค่ะคุณโบมี” ประธานนักเรียนตัวสูงหันกลับมาบอกฉัน
“ค่ะ..ตอนนี้ฉันก็อยู่ปีหนึ่งแล้วนะค่ะ ยังไงฉันก็จะตั้งใจเรียนให้มากค่ะและยังไงฉันก็ขอฝากตัวกับทุกคนด้วยนะค่ะ” ฉันยังคงส่งยิ้มหวานให้กับทุกคนจนจบงาน ก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันไปเรียนตามห้องของตัวเอง
กริ๊งงงงงงง!!!
ออดพักเที่ยงดังขึ้นนักเรียนส่วนใหญ่พากันไปทานอาหารสุดหรูที่โรงอาหาร ไม่ซิต้องเรียกว่าภัตคารห้าดาวย่อมๆก็ว่าได้ มีแต่ฉันคนเดียวที่เดินหลบฝูงชนออกมานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ไกลห่างจากผู้คนฉันเปิดข้าวกล่องที่ทำมาจากที่บ้านนั่งกินคนเดียวอย่างเงียบสงบจนเวลาของพักเที่ยงผ่านไป ทุกอย่างยังคงสงบและราบเรียบดี
จะเสียแค่อย่างเดียวแหละ คือฉันยังหาเพื่อนไม่ได้แม้แต่คนเดียวไม่ใช่ว่าไม่มีใครอยากคบกับฉันหรอกนะ แต่คงจะเป็นเพราะฉันเองซะมากกว่าที่ไม่ยอมเข้าไปทักทายคือทำความรู้จักกับคนอื่นเลย ที่นั่งข้างฉันก็ดันเป็นที่ว่างอีกเลยยิ่งไม่มีเพื่อนเข้าไปใหญ่
กริ๊งงงงงงงง!!!
ออดของเวลาเลิกเรียนทำให้นักเรียนที่นั่งเบื่อกับการเรียนอยู่นั้นถึงกับร้องเฮกันทั้งสายชั้น
“เฮ้ออออ ในที่สุดก็จบสักทีวันนี้สุดท้ายก็หาเพื่อนไม่ได้สักคน” ฉันบ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิด ไม่ใช่ว่าเพื่อนคนอื่นๆไม่อยากจะคบกับฉันหรอกนะแต่เพราะฉันอายเกินไปจนไม่กล้าจะทักคนอื่นๆมากกว่า น่าอายชะมัดเลยยุน โบมีบ่นไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักหน่อยกลับบ้านดีกว่า
บ้านโบมี
“แม่ค่ะหนูกลับมาแล้ว” ฉันตะโกนบอกแม่ที่กำลังเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าอยู่
“จ้าๆ เป็นไงลูกว่านี้เรียนเป็นไงบ้าง”แม่เดินเข้ามาถามฉันด้วยสีหน้าตื่นเต้น แม่จะตื่นเต้นทำไมแค่ลูกสาวผู้น่ารักแสนสวยไปเรียนวันแรกเนี่ย
“ก็สนุกดีค่ะแม่แต่หนูยังหาเพื่อนไม่ได้สักคนเลย งื้ออ” ฉันทำท่าอ้อนๆใส่แม่ ก็มันเศร้าอ่ะหาเพื่อนไม่ได้สักคน
“พรุ่งนี้ค่อยหาก็ได้ลูกอย่าทำหน้าแบบนั้นซิ มานี้มาช่วยแม่เสิร์ฟอาหารหน่อย” แม่พูดปลอบๆฉันก่อนจะยื่นถาดอาหารมาให้ฉัน ฉันก็รับมาก่อนจะถามแม่กลับ
“ค้า ว่าแต่ของโต๊ะไหนค่ะแม่”
“โต๊ะ 13 ลูก”
“คะ” ฉันตอบกลับไปก่อนจะเดินไปเสิร์ฟอาหารตามที่แม่บอก แต่พอเดินมาถึงฉันก็ต้องตกใจก็นั่นมันชุดของโรงเรียนเดียวกันกับฉันนี่
“อ่าวคุณประธานนักเรียนกับคุณรองประธานนักเรียนสวัสดีค่ะ” ที่แท้ก็ประธานนักเรียนตัวสูงกับรองประธานนักเรียนตัวเตี้ยนี่เอง
“ตอนนี้เราอยู่นอกโรงเรียนไม่ต้องเรียกซะเต็มยศขนาดนั้นก็ได้นะค่ะคุณโบมี ว่าแต่นี้ร้านของคุณหรอ”ประธานนักเรียนตัวสูงเป็นคนพูดก่อน
“ใช่ค่ะนี้ร้านของแม่ฉันเอง อ๊ะลืมเลยนี้ค่ะทงคัตสึที่สั่ง”ฉันตอบคำถามของประธานนักเรียนตัวสูงก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าฉันเอาทงคัตสึมาเสิร์ฟนิ่หว่า
“ขอบคุณนะค่ะเรียกฉันนาอึนก็ได้ ส่วนนี่อึนจีออนนี่ค่ะ” ประธานนักเรียนตัวสูงแนะนำตัวกับฉันก่อนจะแนะนำรองประธานนักเรียนตัวเตี้ยให้ฉันรู้จัก
“ไงโบมีจำฉันได้ไหมฉันจอง อึนจีไง”รองประธานนักเรียนตัวเตี้ยถามฉัน อืมจะว่าไปชื่ออึนจีก็คุ้นแหะ แต่จำไม่ได้อ่ะ
“ขอโทษนะค่ะเรารู้จักกันด้วยหรอค่ะ ฉันจำไม่ได้จริงๆค่ะ”
“เรา…เราจะไม่ทิ้งกัน…เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป…” อึนจีร้องเพลงที่ทำให้ความจำของฉันถูกรื้อฟื้นขึ้นมา
“อึนจีย๊าาาใช่ไหม จำแทบไม่ได้แหนะสวยขึ้นเป็นกองเลย” ฉันดีใจจนแทบอยากจะกระโดนทับอึนจีเลยล่ะ (?)
“ก็ใช่นะซิยัยแองกี้เบิร์ด”
“นี่เลิกเรียกฉันแบบนั้นได้แล้ว -3-” ฉันทำหน้างอนๆใส่อึนจี ก็รู้อยู่ว่าฉันไม่ชอบให้คนอื่นเรียกแบบนี้แต่ก็มีแค่อึนจีเท่านั้นแหละที่ฉันยังพอจะยอมให้ แต่มันก็แอบเคืองนะย่ะ
“นี่รู้จักกันด้วยหรอ” นาอึนพูดขึ้นถามฉันกับอึนจีอย่าง งงๆ
“ฉันกับแองกี้เบิร์ดไม่ใช่ซิโบมีเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันหน่ะ”
“ตอนนั้นอึนจีมาสารภาพรักกับฉันด้วยแหละฮ่าๆ” ก็ใช่ที่ตอนนั้นอึนจีมาสารภาพรักกับฉันเฉยเลย ตอนแรกก็ตกใจนะแต่พอเจ้าตัวอธิบายว่ามาสารภาพรักทำไมเท่านั้นแหละซึ้งเลย นางมาซ้อมสารภาพรักกับฉันเพราะจะเอาไปสารภาพรักรุ่นพี่ที่แอบชอบ -_-
“โบมีก็อย่าพูดซิอายนาอึนนะ แถมตอนนั้นฉันยังเด็กอยู่ด้วย” อึนจีพูดพร้อมทำท่าบิดไปบิดมาอย่างเขินอาย เขินอะไรของแก
“ตอนนั้นอึนจีน่ารักจะตายไปร้องเพลงเพราะด้วย เธอยังชอบแต่งเพลงให้ฉันฟังบ่อยๆเลย”
“หูยยยย โรแมนติกนะค่ะออนนี่”นาอึนเอยแซว
“จะว่าไป อึนจีทำไมตอนที่เราเจอกันเมื่อเช้าทำไมถึงไม่บอกฉันล่ะว่าเธอคืออึนจียัยเพื่อนตัวเตี้ยของฉัน”
“ก็ฉันกำลังทะเลาะกับไอ้พวกผู้ชายข้างล่างเวทีไงเลยไม่ได้ทัก แถมอีกอย่างฉันก็ไม่เตี้ยแล้วตอนนี้ฉันสูงเท่าโบมแล้วนะ” อึนจีพูดก่อนจะยืนขึ้นเทียบความสูงกับฉัน ยัยนี่เหมือนแต่ก่อนไม่มีเปลี่ยนเลย
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งคุยกันซะเพลินอย่างสนุกสนาน อุส่าเจอเพื่อนใหม่และเพื่อนเก่าทั้งที
และนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันกับอึนจีและนาอึนเราได้รู้จักกัน
___________________________________________
ตอนนี้ไรท์แอบแถมฮาจูให้นิดๆหน่อยๆ ในที่สุดก็ได้คบกันสักที
คงจะเหลือแต่คู่โชมีที่ยังไม่ได้สมหวังสักที ช่วงนี้คงจะมีแต่ดราม่านะโชมี
อ่านจบก็คอมเม้นหน่อยน้า ไรท์กำลังใจหดหมด (คราวนี้ไม่งอนแต่ดราม่าแทน)
ความคิดเห็น