คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : เรียกหมอ (มันทั้งเรื่อง)
Fifteen
“อื้ออ~” เสียงร้องของร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ดังขึ้นทำให้ร่างสูงที่นอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงสะดุ้งตื่นตามขึ้นมาอย่างตกใจ
“โบม! โบมเป็นอะไรรึป่าว ปวดหัวหรอ” รีบยิงคำถามที่ในตอนนี้ตัวเองพอจะคิดได้ไป
“ขอน้ำ” เสียงแหบๆของคนบนเตียงตอบกลับมา
“อ่ะนี่” โชรงรีบรินน้ำใสแก้มที่ข้างเตียงคนไข้ให้โบมีทันที
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ…คุณ” โบมีกล่าวขอบคุณ ก่อนจะถามชื่อคนที่ยื่นน้ำให้กับเธอ ก็ใช่ซิเธอจำโชรงไม่ได้แม้แต่ชื่อก็จำไม่ได้
“พัค โชรงเรียกฉันว่าโชรงก็พอ” โชรงแนะนำตัวจบโบมีก็พยักหน้าเข้าใจ
“ค่ะคุณโชรง ว่าแต่พวกนัมจูกับอึนจีกลับไปแล้วหรอค่ะ” โบมีมองไปรอบๆก่อนจะยื่นแก้มน้ำคืนโชรง
“อื้มกลับไปแล้ว” โชรงตอบพรางรับแก้มน้ำมาจากโบมี
“แล้วคุณโชรงไม่กลับหรอค่ะ จะมานอนเฝ้าฉันให้เมื่อยทำไม”
“ต่อให้เมื่อยแค่ไหนฉันก็จะเฝ้าเธออยู่ดีแหละ”
“ฉันคงทำให้คุณโชรงลำบากมากซินะค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ”
“ไม่เลยๆ เธอไม่ได้ทำให้ฉันลำบากเลยสักนิดเป็นฉันต่างหากที่ทำให้เธอต้องลำบาก ฉันขอโทษด้วยนะ” โชรงพูดบอกด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“ตกลงว่าคุณกับฉันเรารู้จักกันจริงๆซินะค่ะ ว่าแต่คุณกับฉันเราเป็นอะไรกันหรอค่ะ ฉันจำไม่ได้จริงๆ แหะๆ” โบมีหัวเราะแห้งๆกลับไปให้โชรง
“นั่นซิเราเป็นอะไรกันนะ สงสัยเป็นแค่คนเคยรู้จักกันมั้ง” ยิ่งพูดใบหน้ายิ่งเศร้าไปกันใหญ่
“คุณโชรงก็พูดซะเศร้าเชียว เราคงจะเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันฉันเดาถูกใช่ไหมค่ะ”
“อื้มใช่ แต่ฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะเธอต้องเรียกฉันว่าออนนี่”
‘แต่ฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะ เธอต้องเรียกฉันว่าออนนี่’
“โบมเป็นอะไรรึป่าว” โชรงเขย่าตัวโบมีไปเบาๆเมื่อเห็นโบมีทำหน้าเหม่อลอย
“ป่าวค่ะ แค่รู้สึกคุ้นๆกับประโยคเมื่อกี้ยังไงแปลกๆเหมือนกับว่าเคยได้ยินมาก่อนหน่ะค่ะ” โบมีบอกก่อนจะทำหน้านึกๆให้ออกว่าเคยได้ยินมันที่ไหน แต่ไม่ว่าเธอพยายามจะนึกเท่าไหร่มันก็นึกไม่ออกสักที
“นี่โบมจำที่ฉันเคยพูดได้ด้วยหรอ แล้วพอจะนึกอะไรออกอีกไหม” โชรงทำหน้าตื่นเต้นและดูเหมือนว่าเธอจะสดใสขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ก็แน่ล่ะใครจะไม่ดีใจกันที่โบมีดูเหมือนจะจำอะไรได้บ้างแล้ว
“อืมมม…มันเหมือนจะนึกออกแต่ก็ โอ๊ยย! ปวดหัว!” โบมีเอามือกุมที่ขมับตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่ศีรษะ
“ไม่เป็นไรไม่ต้องนึกแล้ว เดี๋ยวฉันตามหมอให้นะ” โชรงพูดบอกก่อนจะกดออดเรียกคุณหมอให้โบมี ไม่นานนักคุณหมอก็เดินเข้ามาตรวจอาการของโบมี ก่อนจะคุยกับโชรงเกี่ยวกับอาการของโบมีอยู่ที่หน้าห้องคนไข้ ที่ทั้งสองออกไปคุยหน้าห้องนั้นก็เพราะโชรงกลัวว่าถ้าพูดคุยถึงอาการโบมีในห้องแล้วโบมีได้ยิน เธอแค่กลัวว่าโบมีนั้นจะเป็นกังวล
“คุณหมอค่ะโบมีเป็นอะไรมากไหมค่ะ” โชรงมีสีหน้าเป็นกังวนนิดหน่อย เธอแค่กลัวว่าโบมีจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้เท่านั้นเอง
“คนไข้ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ อาการปวดศีรษะนั้นเป็นอาการปกติของคนที่ความจำเสื่อม แต่การที่มีอาการแบบนี้ก็ถือว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีมากนะครับ เพราะมันบ่งบอกว่าคนไข้เริ่มจะนึกอะไรออกแล้วนั้นก็แสดงว่าเธอเริ่มจะเปิดใจให้คุณแล้วยังไงล่ะครับ แต่ผมก็ขอเตือนไว้หน่อยนะครับถ้าเมื่อไหร่ที่คนไข้เริ่มมีอาการเหมือนเมื่อสักครู่ก็ช่วยให้เธอหยุดนึกทุกอย่างแล้วก็หาอะไรอุ่นๆให้เธอทานหลังจากนั้นก็ให้เธอนอนพักสักหน่อยก็จะดีมากครับ ถ้ารวมๆแล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะครับ” คุณหมออธิบายอาการของโบมีในตอนนี้ให้โชรงฟังอย่างละเอียด
“อย่างนี้ก็มีสิทธิที่ความจำจะกลับมาใช่ไหมค่ะ” สีหน้าที่ดูเป็นกังวนเมื่อสักครู่ในตอนนี้มันถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มแทนเสียแล้ว
“ครับ แต่ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาและก็ตัวคนไข้เองด้วย”
“แล้วไม่ทราบว่าเราจะออกจากโรงพยาบาลได้ตอนไหนค่ะ”
“พรุ่งนี้คนไข้ก็กลับบ้านได้เลยครับ เพราะคนไข้ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนอกจากแผลถลอกเล็กน้อยเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวนะครับ” คุณหมอพูดพร้อมกับยิ้มเป็นมิตรให้กับโชรง
“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ” โชรงโค้งขอบคุณคุณหมอตามมารยาท ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ข้างเตียงคนไข้ของโบมีเช่นเดิม
“คุณหมอว่ายังไงบ้างค่ะ” โบมีถามขึ้นเมื่อโชรงนั่งลงที่ข้างเตียง
“หมอบอกว่าพรุ่งนี้เธอก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” โชรงพูดพร้อมกับยิ้มไปให้โบมี ซึ่งโบมีก็ยิ้มตอบโชรงเช่นกัน รอยยิ้มแบบนี้ของโบมีมันเป็นครั้งแรกเลยที่โชรงได้เห็นมัน เป็นครั้งแรกที่โบมียิ้มให้กับเธอแบบนี้ ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าที่โบมียอมยิ้มให้เธอมันก็เป็นเพราะอีกฝ่ายนั้นความจำเสื่อม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ชอบที่โบมียิ้มแบบนี้ให้เธอถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะไม่เคยได้รับรอยยิ้มแบบนี้จากโบมีเลยสักครั้งก็ตาม
“งั้นก็ดีเลย ฉันละคิดถึงแม่แทบแย่แล้ว” โบมีพูดพร้อมกับทำท่าตื่นเต้นที่จะได้ออกจากโรงพยาบาล
“ฉันยังไม่ได้บอกเธอซินะ ใช่ซิเธอความจำเสื่อมนิ่”
“บอกเรื่องอะไรค่ะ” โบมีถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ก็ตอนนี่เธออยู่บ้านฉัน เรื่องนี้แม่เธอก็รู้แล้วด้วย” โชรงบอกเรื่องที่เธอและโบมีอยู่บ้านเดียวกัน ก่อนจะรีบบอกว่าแม่ของโบมีก็รู้เรื่องนี้แล้วเช่นกัน ก็เธอกลัวนี่ กลัว กลัวว่าโบมีจะปฏิเสธเธอเมื่อครั้งนั้นและก็หนีเธอไปอีก
“ทำไมฉันถึงไปอยู่บ้านคุณได้ล่ะค่ะ แปลกจังฉันชักอยากจะนึกเรื่องของเราให้ออกเร็วๆซะแล้วซิ” โบมีไม่ได้ปฏิเสธอะไรเพียงแต่ถามโชรงกลับด้วยสีหน้าสงสัยปนความทะเล้นเล็กน้อยตามนิสัยปกติของเธอเอง แต่ก็ใช่ว่าเธอจะยอมทำหน้าทะเล้นแบบนี้กับใครก็ได้หรอกนะ คนที่เธอจะทำแบบนี้ด้วยก็คงจะมีแต่คนที่เธอสนิทเท่านั้นหรือไม่ก็คนที่เธออยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจจริงๆ ซึ่งโชรงก็เป็นหนึ่งในนั้น
โบมีรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่อยู่กับโชรง เธอไม่เคยรู้สึกเกร็งเวลาที่ต้องอยู่กับโชรงแค่สองคนแต่เธอกลับรู้สึกสนุกและคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก และนั้นก็ทำให้เธอพอจะรับรู้และรู้สึกได้ว่าเธอกับโชรงนั้นรู้จักกันจริงๆ ถึงแม้ว่าเธอจะจำไม่ได้ก็ตามว่าเธอและโชรงเป็นอะไรกัน แล้วทำไมเธอถึงจำโชรงไม่ได้
“เรื่องของเราหรอ…ช่างเถอะอย่าเพิ่งนึกอะไรตอนนี้เลยนะ นอนพักไปก่อนเถอะตอนนี้เพิ่งตี 5 เองพวกอึนจีคงยังไม่มาเยี่ยมเธอตอนนี้หรอก พวกนั้นตื่นสายจะตาย” โชรงพูดบอกปนสั่งเพื่อให้โบมีนอนพัก ก็ถ้าโบมีมัวแต่นั่งนึกจนเกิดปวดหัวขึ้นมาอีกจะทำยังไงล่ะเธอก็เป็นห่วงโบมีเหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าในใจเธอก็อยากที่จะให้ความทรงจำของโบมีรีบๆกลับมาก็เถอะ
“แต่ฉันไม่อยากนอนนี่ค่ะ แถมไม่ปวดหัวแล้วด้วย” โบมีเริ่มดื้อ
“เธอนี่ดื้อได้ตลอดเลยนะ” โชรงพูดยิ้มๆให้กับดื้อของโบมี
“ช่วยไม่ได้ก็ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่นา อีกอย่างฉันก็อยากจะนึกถึงความทรงจำส่วนที่หายไปนั้นให้ออกเร็วๆด้วย”
“เอาแบบนี้นะถ้าเธอนอนพักแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเล่าเกี่ยวกับความทรงจำที่หายไปของเธอให้ฟังเผื่อเธอจะได้นึกอะไรออกบ้าง โอเคไหม” โชรงยื่นขอเสนอเพื่อให้โบมียอมนอนพัก และนั้นก็ทำให้โบมียอมเป็นเด็กดีเชื่อฟังเธออย่างว่าง่าย
“จริงหรอค่ะ งั้นฉันจะนอนพักเดี๋ยวนี้แหละ” โบมีรีบพูดบอกก่อนจะรีบนอนลงและหลับตาปี๋ทันที (เด็กจริงๆ -__-)
เธอจะรับได้ไหมนะถ้าฉันเล่าให้ฟัง แล้วถ้าเธอกลับมาจำฉันได้แล้ว เธอจะยังเกลียดฉันอยู่ไหมนะ ขอร้องอย่าให้มันเป็นแบบนั้นเลย
11:34
“แองกรี้เบิร์ดจ้า ฉันมาเยี่ยมแล้วน้า” เสียงของอึนจีแหกปากมาแต่ไกล
“ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะอึนจี” โบมีที่กำลังนั่งทานแอปเปิ้ลที่โชรงเป็นคนปอกให้อยู่พูดกวนอึนจีอย่างหมั้นไส้ ใช่ก็เธอตื่นมาอีกทีก็เมื่อตอน 10 โมงแต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่อึนจีเพื่อนจะมาเยี่ยมเธอสักที
“ป่วยแล้วยังจะกวนอีกนะ” อึนจีเดินไปยืนข้างเตียงคนไข้ของโบมีพร้อมกับนาอึน
“ฉันปกติดีนะ ดูดิออกจะแข็งแรง” โบมีทำท่าเบ่งกล้ามให้อึนจีดู
“จ๊ะๆฉันเชื่อ เออโบมฉันมีเรื่องจะบอกด้วยนะเพื่อนเลิฟ” อึนจีทำหน้าตากรุ่มกริ่มใส่โบมี ทำเอาทั้งโชรงและโบมีขนลุกไปตามๆกันกับสายตาแปลกๆของอึนจี
“บอกอะไร” โบมีตอบกลับด้วยสีหน้าขยะแขยง (?) =__=
“ฉันกับนาอึน เราเป็นแฟนกันแล้วนะ” พูดพร้อมกับโอบเอวคนที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างอารมณ์ดี ทำให้หน้านาอึนแดงเป็นลูกมะเขือเทศอีกแล้ว
“ห๊ะ!!” โชรงกับโบมีตะโกนขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจในสิ่งที่อึนจีบอก
“ไม่ต้องห๊ะ เราเป็นแฟนกันแล้วจริงๆ เนอะนาอึน” อึนจีพูดย้ำอีกครั้งก่อนจะกระชับกอดที่เอวของนาอึนให้แน่นกว่าเดิมเพื่อยืนยันสิ่งที่ตัวเองพูด นาอึนก็ได้แต่พยักหน้าขึ้นลงอย่างเขินๆ
“ฉันคิดว่านาอึนจะขายไม่ออกซะอีกนะเนี้ย” โชรงเริ่มทำการกวนประสาทนาอึนทันที ดูท่าแล้วสองพี่น้องคู่นี้คงจะไม่มีวันเป็นมิตรกันได้สักทีซิน่า
“ย๊า! วันนี้ฉันอุส่าอารมณ์ดีนะพัค โชรงเดี๋ยวแม่ก็ฆ่าให้” นาอึนขู่พร้อมตั้งท่าจะหยิบมีดที่โชรงใช้ปอกแอปเปิ้ลให้โบมีเมื่อกี๊ฆ่าไอ้ลูกพี่ลูกน้องปากดีคนนี้
“อู้ยยยย น่ากลัวเฟ่ออออร์” โชรงทำท่ากลัวนาอึน แต่ไอ้หน้าตากวนตริงนั้นมันไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเจ้าตัวกำลังกลัวจริงๆ ก็แค่ทำให้มันดูกวนมากขึ้นเท่านั้นเอง
“ย๊ากกกกไอ้ ไอ้ อ้ากกกก” นาอึนที่ไม่รู้จะด่าไอ้ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ยังไงดี ถึงจะด่าไปมันก็ไม่ได้สะทบสะท้านไอ้คนตรงหน้าเลยนิดเดียว
“ชู้ววว ทั้งสองคนเลยเบาๆซิ มันรบกวนคนไข้ห้องอื่นนะ” เป็นอึนจีที่ยุติสงครามเสียงนี้ลง ถ้าไม่ห้ามสองพี่น้องไว้ตอนนี้มีหวังอีกไม่นานโรงพยาบาลคงได้ไล่พวกเธอออกไปเป็นแน่
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” นาอึนยอมหยุดเสียงดังแล้ว นี้เพราะอึนจีออนนี่ห้ามหรอกนะไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่ ชิส์!!
“อย่าลืมมาเอาคืนนะยัยคุณน้อง” โชรงตอบกลับนาอึนอย่างกวนๆพร้อมแลบลิ้นใส่นาอึนเหมือนเด็กๆ
“พอๆ เลยทั้งสอง” เป็นอึนจีที่ห้ามทั้งสองอีกครั้ง
“นาอึนกับคุณโชรงดูสนิทกันดีนะค่ะ” โบมีพูดขึ้นหลังจากที่ดูโชรงกับนาอึนเล่นกัน (ทะเลาะมากกว่านะไรท์ว่า)
“โบมจำนาอึนได้ใช่ไหม แล้วรู้ไหมว่านาอึนกับโชรงเป็นอะไรกัน” อึนจีหันมาถามโบมีหลังจากที่ทำให้สองพี่น้องนั้นสงบได้แล้ว
“เป็นอะไรกันหรอ นั้นซิฉันก็ไม่รู้หรอก ฮ่าๆ” โบมีตอบพรางหัวเราะให้ตัวเองที่ดันจำอะไรไม่ได้เลย ก่อนจะมองไปยังโชรงกับนาอึนสลับกัน
“อะไรของเธอทำไมจำฉันได้แต่ดันจำพี่ฉันไม่ได้เนี้ยนะ แล้วเธอจำอะไรเกี่ยวกับฉันได้บ้างล่ะไหนลองเล่ามาซิ้” นาอึนพูดถามอย่างหงุดหงิด แต่เดี๋ยวนะนาอึนเรียกโชรงว่าพี่หรอโอโห้! โลกจะแตกฟ้าจะผ่าไหมเนี้ย? (เว่อร์นะไรท์ : นาอึน - -*)
“เอ๋~ พี่น้องกันหรอค่ะ เท่าที่ฉันจำได้ก็แค่นาอึนเป็นลูกคนเดียวนะ แล้วก็เป็นเพื่อนกับอึนจีไม่ซิตอนนี้ต้องบอกว่าแฟนซินะ คิคิ”
“ทำไมความทรงจำส่วนที่มีโชรงออนนี่มันหายไปล่ะเนี้ย” อึนจีพูดอย่าง งงๆ ก็เข้าใจอยู่นะว่าโบมีจำโชรงไม่ได้แต่ไม่คิดว่าจะลืมแม่กระทั้งนาอึนมีลูกพี่ลูกน้อง แถมอีกอย่างก่อนหน้านี้โบมีก็มีท่าทีกลัวนาอึนสุดๆแต่ไหงตอนนี้กลับพูดกับนาอึนเหมือนกับสนิทกันซะอย่างนั้น
“ฉันว่ามันผิดปกติแล้วนะ” นาอึนพูดเสริมอึนจี
“นั้นซิ ดูเหมือนกับว่าความทรงจำที่เกิดขึ้นจริงๆ กับความทรงจำตอนนี้มันดูผิดเพี้ยนไปหมด” โชรงพูดเสริมต่อจากนาอึน
“เรียกหมอไหม?” นาอึนหันไปถามโชรง
“เรียกซิรออะไร”
____________________________
เรียกหมอมันทั้งเรื่อง5555555 ไรท์ขอโทษน้าที่มาลงช้า พอดีมีเรียน -.-
ช่วงนี้อาจจะลงช้าบ้างเร็วบ้างยังไงก็ทนๆอ่านกันหน่อยเน้อ เดือนหน้าไรท์ถึงจะว่าง
แล้วก็ไม่ต้อง งง กับอาการของโบมีที่มันแปลกๆนะ ไรท์มโนอาการนี้ขึ้นมาเองแหละ -.,-
มโนเท่านั้นที่ครองโลก นอกเรื่องไปไกลล่ะ - - ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ของไรท์ไว้ด้วยน้า ช่วยอยู่อ่าน
เรื่องนี้จนจบด้วยเถิด ไรท์สัญญา (เอานิ้วไขว้หลัง -3-) ว่าจะแต่งให้จบจริงจริ๊งงง ถ้าไม่ขี้เกียจ
ความคิดเห็น