ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (bts) sf/os - how yoongi survive when- (vga/kookga/etc)

    ลำดับตอนที่ #3 : sf/ how yoongi survive when he's f*cking manly? [2]

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 65


    T
    B

    Title : Short Fiction – How Yoongi survive when he is f*cking manly? | ซังนัมจามินยุนกิ [2]

    Paring : V x Suga

    Note : ตอนแรกคิดว่าจะให้สามตอนจบค่ะ แต่ไปๆมาๆ.. ห้าตอนจะพอรึเปล่ายังไม่รู้เลยค่ะ 555555555555 / มีคำหยาบนิดหน่อย มาจากคุณซังนัมจาทั้งนั้นเลยค่ะ พโถ


     

     

     





     

                    ยุนกิก็เป็นแค่เด็กมัธยมปลายปีสามที่ –เอ่อ ค่อนข้างจะไม่ธรรมดา

                    เอาง่ายๆ ถ้าพูดถึงโรงเรียนมัธยมปลายอินจอง ทุกคนมักจะพูดชื่อของมินยุนกิขึ้นมาต่อท้ายเสมอ ไม่ว่าจะแง่ไหน

     

                    แม้แต่แง่ที่เขาไม่ชอบใจมากที่สุดก็ตาม

     

     

     


                    "สัด"

     

                    ยุนกิสบถออกมาในขณะที่เขากำลังอยู่ในคาบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ที่เป็นคาบเรียนสุดท้ายของวันนี้ โอเค การเอาวิชานี้มาอยู่คาบสุดท้ายก็ไม่ต่างกับการปล่อยคาบฟรีให้เด็กนอนหรอก ก่อนที่เจ้าของเรือนผมสีสว่างจะกดล็อกโทรศัพท์และฟุบลงไปนอนทับกระเป๋าเป้ที่วางทับหนังสือประวัติศาสตร์ไว้

                    ถามว่าครูเห็นมั้ย ก็เห็นนะ แต่ทำอะไรได้ล่ะ ก็ไม่

     

                    ก็บอกแล้วว่ามินยุนกิน่ะ มีอำนาจที่สุดในโรงเรียนแล้วน่ะ

     

                    แต่เสียงสบถก็เรียกความสนใจจากเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ขวามือได้เป็นอย่างดี ปาร์คจีมินเงยหน้ามาจากหนังสือประวัติศาสตร์ที่พึ่งทำน้ำลายหกเลอะหนังสือไป เลิกคิ้วสงสัยก่อนที่โทรศัพท์เครื่องบางของยุนกิจะถูกส่งมาให้ถึงมือโดยไม่ต้องปริปากขอ

     

     

    S :

    พี่ครับ

    มันอาจจะฟังดูไร้สาระ

    แต่ผมชอบพี่ยุนกิจริงๆนะ 4:08 PM

     

     

     

                    "เชี่ย"

     

                    บทสนทนาของแอพลิเคชั่นสุดฮิตฉายอยู่บนจอทำให้จีมินหลุดคำหยาบออกมาเบาๆ ถึงเขาจะเป็นเพื่อนสนิทยุนกิ ก็ไม่ได้แปลว่าเขามีอำนาจเหมือนมันซักหน่อย ยุนกิทำหน้าเบื่อที่เป็นซิกเนเจอร์ของเจ้าตัวก่อนจะบ่นออกมา

     

                    "กูจะไม่อะไรเลยนะ ถ้าแม่ง.."

                    "ทำไมวะ?"

                    "ช่างเหอะ"

     

                    ยุนกิพูด ก่อนจะคว้าโทรศัพท์กลับไป เจ้าตัวถอนหายใจก่อนจะกดอะไรตรงหน้าจอซักพัก ปลดล็อกโทรศัพท์และฟุบตัวลงนอนอย่างเก่า ปล่อยให้ปาร์คจีมินขมวดคิ้วพร้อมกับพกความสงสัยไว้เต็มอก

                    แต่ถ้ายุนกิไม่เปิดปากพูดออกมา เขาก็ไม่มีสิทธิ์ถามนี่ จริงมั้ย?

     

     

     

     

     

     

                    เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้นพร้อมกับการที่มินยุนกิลุกขึ้นมาพร้อมกับถือกระเป๋าเป้ออกจากห้องโดยที่อาจารย์ประจำวิชายังไม่ปล่อย ความจริงเขาไม่อยากแม้แต่เข้าคาบเรียนด้วยซ้ำ แต่การที่มีเวลาเรียนไม่พอนั่นไม่ใช่เรื่องตลก ช่วงนี้เขาโดดบ่อยจนจำเป็นต้องเข้าให้มันครบๆไปก่อน เพราะการโดดเรียนมากๆมันมีผลกระทบไปถึงสภานักเรียนนี่ และเขาเองก็ไม่อยากไปยุ่งกับพวกนั้นเท่าไหร่นัก

                    ดูเหมือนว่าพระเจ้าอาจจะอ่านใจเขาออก ทันทีที่ยุนกิก้าวออกจากห้อง ไม่รู้ว่าเขา หรือเป็นเพราะการที่ห้อง 6-E ถูกสร้างอยู่แถวๆมุมตึกพอดีทำให้เขาที่กำลังรีบชนกับผู้ที่พึ่งเข้ามาใหม่อย่างจัง และขอบคุณอีกครั้งสำหรับส่วนสูงของเขาที่พระเจ้าให้มาสำหรับพอใช้ชีวิตได้ ยุนกิล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับหนังสือมากกว่าเจ็ดเล่มตกลงมาทับเขาอย่างจัง

     

                    "วันเหี้ยไรวะเนี่ย"

     

                    ยุนกิพูด อย่างน้อยโลกก็ยังใจดีกับเขาเพราะหนังสือนั่นไม่ได้หนักมากหรอก มันดูเป็นหนังสืออ่านเล่นเวลาชิลๆมากกว่า และดูเหมือนเจ้าของจะดูแลหนังสือมากด้วยการลงทุนซื้อกระดาษสีทึบมาห่อหนังสืออย่างดี ก่อนที่มือหนาจะถูกส่งมาอยู่ตรงหน้าเขา

     

     

                    "พี่สาวเป็นอะไรมั้ยครับ?"

     

                    สาว.. พ่อง

                    ยุนกิก็อยากจะตอบไปอย่างนั้น แต่เพราะสายตาของเขาที่ดันเลื่อนไปมองเจ้าของมือหนานั่นทำให้ยุนกิถอนหายใจออกมาก่อนจะปัดมือหนาทิ้งไปและดันตัวเองออกมาจากพื้นทางเดิน จอนจองกุก เด็กปีสอง รอยสัญลักษณ์ตราประทับที่ติดอยู่ตรงอกเสื้อข้างซ้ายทำให้รู้ว่าไอ้เด็กนี่เป็นหนึ่งในสภานักเรียน จะเผยรอยยิ้มฟันกระต่ายที่เพื่อนผู้หญิงร่วมห้องของเขาหวีดกัน จริงๆแล้ว ยุนกิก็พึ่งเห็นมันชัดๆครั้งแรกนี่แหละ

     

                    เพราะงี้เขาเลยคิดคำด่าไม่ออกไง ให้ตายสิ

     

     

                    "เลิกเรียนแล้วหรอครับ ครูปล่อยตรงเวลาจัง"

                    จองกุกพูด ก่อนที่เจ้าของส่วนสูงที่เขาโคตรจะอิจฉาจะก้มเก็บหนังสือทีละเล่ม โดยที่ยุนกิไม่คิดจะช่วยแม้แต่นิด เอ่อ มันใช่หน้าที่มั้ยล่ะ แม้ว่าเขาจะก้มไปช่วยหยิบเล่มนึงก็เถอะ แต่นั่นก็เพราะว่ามันใกล้มือเขาต่างหาก ไม่ใช่เพราะไอ้รอยยิ้มฟันกระต่ายบ้าบอนั่นหรอก

     

                    "โอ๊ะ ขอบคุณครับพี่สาว"

                    "พี่สาวบ้านนายหรอว-"

     

                    "มึง.. ทำอะไรเหี้ยไรเนี่ย?"

                    ไม่ทันที่ยุนกิจะพูดจบประโยค แรงสะกิดกับเสียงทักจากด้านหลังทำให้เขาหันไปมอง ปาร์คจีมินเป็นคนสะกิดเขา ก่อนที่เขาจะเห็นเพื่อนสนิทตัวเล็กที่มีรอยเหงื่อประปราย เสียงฝีเท้าของหลายๆคนดังขึ้นทำให้ยุนกิรู้ว่าอาจารย์คงจะปล่อยเด็กกลับบ้านแล้ว และเขาก็ไม่อยากเดินสวนกับคนมากๆระหว่างเปลี่ยนคาบหรอกนะ

     

                    "นั่นเพื่อนพี่สาวหรอครับ? สวัสดีครับ ผมจอนจองกุก ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

     

                    ร่างตรงหน้าพูด รอยยิ้มของจอนจองกุกยังคงถูกฉีกออกแม้จะได้รับใบหน้าเรียบนิ่งของจีมิน ก่อนที่คนข้างๆเขาจะขมวดคิ้วและมองมาหา ยุนกิถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าไปมา เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้เด็กนี่มันเฟรนด์ลี่มาจากไหน หรือว่าสังคมเด็กเนิร์ดมันจะปิดเกินไปจนไม่รู้จักพวกเขากันวะ?

     

                    "ยุนกิ ไปเหอะ" จีมินพูด แทบจะลากเขาไปให้หนีจากไอ้เด็กสภานักเรียนแล้วด้วยซ้ำ

     

                    "วันนี้มึงกลับไปก่อนเลย ไม่ต้องรอกู" ยุนกิพูด ก่อนที่เพื่อนตัวเล็กจะลากเขาไปจริงๆเพราะจีมินเอื้อมมาจับแขนเสื้อเขาเหมือนกับมันเป็นแม่ของเขาแล้ว คำตอบของเขาทำให้จีมินขมวดคิ้วสงสัย

     

                    "กูต้องไปทำธุระ"

                    "พี่สาวจะไปที่ไหนหรอ ให้ผมไปส่งมั้ย ถือเป็นการขอโทษที่ทำให้พี่สาวเจ็บตัวไง"

     

                    "มึงเห็นยุนกิใส่กระโปรงรึไงวะ เป็นสภานักเรียนโง่ได้ด้วยหรอ?" จีมินพูด ปกติแล้วมนุษยสัมพันธ์ของจีมินจะมีมากกว่าเขานิด เอ่อ- มากกว่ามากๆด้วยซ้ำ แต่ใบหน้าเรียบนิ่งของมันนี่ เขาก็พึ่งได้เห็นอีกเหมือนกัน

     

                    "จะทะเลาะกันทำไมวะ จีมมึงแวะไปหานัมจุนที่ชมรมด้วย"

     

                    "อ้าว มึงจะไม่เข้าไป?" โชคดีที่ประโยคของเขามันน่าสนใจมากกว่าไอ้เด็กจอนจองกุกตรงหน้า จีมินหันมามองเขาที่กำลังพยักหน้าเพื่อตอบคำถามของมัน

     

                    "เออ คงจะแหละ ถ้าเข้าไปคงจะเรียกพวกมึงมากระทืบคนมากกว่า" ยุนกิพูด แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะผ่อนเสียงในประโยคหลัง ถ้าไอ้เด็กตรงหน้าได้ยินขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องดีนี่ จริงมั้ยล่ะ เขาก็ไม่แน่ใจด้วยว่าสภานักเรียนจะขี้แส่เรื่องชาวบ้านขนาดไหน แต่รอยยิ้มของมันที่ยังคงฉีกอยู่อย่างไม่กลัวเหงื่อแห้งทำให้ยุนกิพอโล่งใจได้ว่ามันคงไม่สงสัยอะไรหรอก

     

                    "ฮะ?"

                    "ก็ตามนั้น บาย"

     

                    ยุนกิโบกมือให้เพื่อนสนิทของตัวเองที่ทำท่าจะเดินตามมา ยุนกิส่ายหน้าพลางไล่เพื่อนสนิทให้ทำตามที่เขาสั่งทางสายตา ก่อนที่จีมินจะถอนหายใจออกมาและเดินออกไป อ่า แถมยังด่าจอนจองกุกอีกสองสามคำอีกต่างหาก หวังว่าจีมินมันจะไม่ใช่ชื่อไอ้เด็กนี่ลงในแบลคลิสต์ที่รอเคลียร์บัญชีหรอกนะ

     

     

     

     

    S :

    พี่ครับ

    มันอาจจะฟังดูไร้สาระ

    แต่ผมชอบพี่ยุนกิจริงๆนะ 4:08 PM

     

     

    SUGA :

    ไอ้เวร

     4:11 PM มึงทำแบบนี้กับกูได้ยังไง

     

     

    S :

    ผมรู้ว่าพี่คงไม่พอใจ

    แต่ผมชอบพี่จริงๆว่ะ 4:11 PM

     

     

    SUGA :

    เลิกเรียน ไปเจอกันอยู่ดาดฟ้า

    4:13 PM กูจะต่อยหน้ามึง อย่าลืมเรียกรถพยาบาลไว้เลย ไอ้สัด

     

     

    unread message

    S :

    J

    เจอกันครับ พี่ยุนกิ 4:13 PM

     

                    ยุนกิกดอ่านข้อความก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง เท้าเล็กๆนั่นสาวเท้าไปยังดาดฟ้าของตึกสิบที่กำลังอยู่ในการซ่อมแซม และเหตุผลนั่นทำให้ไม่มีไอ้โง่ที่ไหนไปวุ่นวายหรอก ยุนกิสบถกับสภาพอากาศ ฟ้าครึ้มๆนั่นคงเป็นสัญญาณเตือนว่าฝนอาจจะตกได้ในไม่ช้า และอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาหงุดหงิดคือการที่เขาสาวเท้าเข้าตึกสิบโดยที่สวนทางเด็กนักเรียนนับร้อยทำให้เขาโดนมองในรูปแบบที่ต่างกันไป แต่ยังไงก็คงไม่พ้นการลากคนมากระทืบ

     

                    เออ จะทำอะไรเขาก็ดูเป็นคนเหี้ยไปแล้วหนิ เหอะ

     

                    ในที่สุดเขาก็ขึ้นมาถึงชั้นสุดท้ายของตึก หยาดเหงื่อที่ประอยู่บนหน้านั่นทำให้ยุนกิอยากด่าตัวเองว่าโง่ซักที จริงๆแล้วเขาควรนัดเจอมันที่ที่ง่ายกว่านี้ เขาไม่ได้ซีเรียสกับการต่อยคนหน้าโรงเรียนหรอกนะ แต่เพราะเหตุผลบางประการทำให้ยุนกิต้องสาวเท้ามาถึงชั้นสุดท้ายของชั้น

                    ยุนกิดันประตูตรงหน้าออก คนตัวขาวขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นว่ามันยากที่จะเปิด ประตูฝืด เขาสบถก่อนจะใส่แรงเต็มแรงที่จะผลักมัน และสุดท้ายมันก็ถูกเปิดออก เพราะการช่วยดึงประตูจากคนที่อยู่ตรงหน้า

     

                    "เอ่อ.. ครูปล่อยแล้วหรอครับ?"

                    ความเงียบถูกจำกัดด้วยประโยคโง่ๆจากคนตรงหน้า ยังไม่ปล่อยกูจะออกมาได้ไงวะ? ก่อนจะปิดประตูลงเมื่อเขาก้าวเท้าออกมาแล้ว ยุนกิถอนหายใจก่อนจะยืนกอดอกและมองหน้าคิมซึงฮยอน ไอ้เด็กที่ทำให้เขาหงุดหงิดมาตลอดสามวัน

     

                    ก็เพราะมันคือไอ้เด็กเวรที่เป็นแฟนของน้องสาวเขายังไงล่ะ

     

                    โอเค ในตอนแรกเขาอาจจะหงุดหงิดที่ยูนาไม่ยอมลงมาทานข้าวด้วย เขาจึงคุยกับน้องสาวตัวดีนี่อย่างจริงจัง ใบหน้าหงอยๆของยัยนั่นทำให้เขาต้องยอมแพ้ แต่ก็นั่นล่ะ เขาก็ไม่ใช่คนหวงน้องสาวจนเป็นประสาทอย่างนิยายรักซักหน่อย เขาจึงขอรูปไอ้หนุ่มนั่น ข้อมูลนิดๆหน่อยๆ เผื่อไว้ว่าต้องใช้ กันไว้ดีกว่าแก้ จริงไหม?

                    จนกระทั่งยูนาขออนุญาตไปทานข้าวกับแฟนหนุ่มของเธอ เขาบอกให้น้องสาวกลับก่อนสี่ทุ่ม สาวเจ้ารับปาก แต่เพราะเขารู้ทันอีกนั่นแหละว่ายูนายอมไม่ยอมเชื่อฟังเขาขนาดนั้นหรอก ยุนกิเลยส่งข้อความไปหาซึงฮยอนผ่านไลน์ให้พาน้องสาวเขากลับก่อนสี่ทุ่ม แน่นอนว่านักเรียนในรั้วโรงเรียนอินจองจะมีใครบ้างล่ะที่ไม่รู้จักเขา ยุนกิเลยใช้เหตุผลข้อนี้ในการกดดันให้น้องสาวกลับบ้านให้ตรงเวลา

                    แน่นอนว่ามันใช้ได้ผลอย่างดี ซึงฮยอนมาส่งยูนาตรงเวลา จนบางทีเร็วไปด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีเขาก็เห็นหน้าไอ้เด็กเวรทุกสามทุ่มไปแล้ว

                    และเรื่องบ้าๆแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าสามวันก่อน ยูนาไม่ร้องไห้มาหาเขา ยัยตัวเล็กนั่นตัวสั่นไปหมด ทุกๆสามนาทีต้องมีชื่อคิมซึงฮยอนออกมาทำให้เขาค่อนข้าง เอ่อ รำคาญ เลยถามเหตุผลพร้อมบอกว่าจะบุกไปหามันเลย เรื่องมันจะได้จบๆ สุดท้ายยูนาก็ยอมบอกเหตุผลเขา โอเค เขาอาจจะห่างไกลจากเรื่องความรักมากเกินไปจนไม่รู้ว่าการตอบไลน์ช้าทำให้เกิดเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้

                    ตอนนั้นยุนกิกุมขมับ เขาไม่รู้จะกร่นด่าใครดีระหว่างซึงฮยอนที่ตอบไลน์น้องสาวเขาช้า หรือยูนาน้องสาวของเขาที่ทำเหมือนไม่รู้ว่าคนเราต่างมีธุระส่วนตัวขนาดนั้น ในขณะที่น้องสาวของเขาร้องไห้จนหลับไปที่ตักของเขานี่แหละ ยุนกิเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดแชทของคนในความคิด ส่งสติกเกอร์ไปตัวนึงเพื่อให้มันรู้ตัวว่ามีคนทักมา จะได้มาตอบไลน์น้องสาวเขาที่กำลังน้อยใจเป็นบ้าเป็นหลังตอนนี้

     

                    และมันตลกดีเมื่อเขาส่งไป ข้อความก็ถูกอ่านทันที และตามด้วยตัวหนังสือมากมายที่ส่งมาชนิดไม่มีความขี้เกียจตอบเลยซักนิด

     

                    หน้าตาของเขาตอนนั้นคงจะตลกแน่ๆ ยุนกิเลยหยิบโทรศัพท์เครื่องบางของน้องสาวมาดู ปลดรหัสที่แอบส่องอยู่บ่อยๆ ก่อนจะกดเข้าไปที่แอพลิเคชั่นสุดฮิต และแชทระหว่างเธอกับคิมซึงฮยอนที่ถูกเมมชื่อไว้ว่า 'แฟน' และมันน่าตลกเข้าไปอีกเมื่อข้อความของน้องสาวของเขาไม่ถูกอ่านเลยซักข้อความ

                   

                    โอเค เป็นคุณจะทำยังไงในขณะที่น้องสาวกำลังรอแฟนหนุ่มของเธอตอบข้อความในขณะที่ไอ้เด็กนั่นแทบจะสรรหาทุกคำถามบนโลกมาถามเขา และเพราะว่าบุคคลที่สามเป็นน้องสาวของเขา ยุนกิเลยตัดสินใจนัดมันมาคุยวันนี้ให้มันจบๆนี่แหละ

     

                    ยุนกิส่งหมัดไปกระทบหน้าของร่างหนาอย่างกระทันหัน รอยช้ำที่เกิดขึ้นภายหลังทำให้ยุนกิไม่ได้รู้สึกสะใจซักนิด เขาอยากจะฆ่าไอ้เด็กนี่ให้ตายไปซะ คิดอย่างนั้นร่างขาวก็เอาแต่ส่งหมัดไปที่ใบหน้าคมตรงหน้า รอยเลือดคละไปกับรอยช้ำนั่นไม่ทำให้ยุนกิหยุดง่ายๆ เสียงตุบตับดังขึ้นก่อนที่มันจะสิ้นสุดลงเมื่อซึงฮยอนใช้มือขวากำข้อมือเขาเอาไว้แน่น

     

                    "มึงปล่อยกู!"

                    "พี่ฟังผม!"

     

                    ซึงฮยอนพูด ในขณะที่ยุนกิพยายามสะบัดมือทิ้ง ยิ่งยุนกิสะบัดแรงแค่ไหน ซึงฮยอนก็ยิ่งกำมันแรงขึ้นจนเขารู้สึกเจ็บ เจ็บมากๆ ไอ้เด็กเวรนั่นมันสู้เขาได้ด้วยซ้ำแต่มันยืนโง่ให้เขาต่อยมันไปมากกว่าสิบครั้งเนี่ยนะ?

     

                    "ไอ้เวร มึงปล่อยกู ก่อนที่กูจะลากพวกมากระทืบมึงจริงๆ"

                    "พี่ยุนกิ พี่ให้โอกาสผมบ้างได้มั้ยวะ"

     

                    แววตาของซึงฮยอนเปลี่ยนไปจากเดิมจนเขารู้สึกได้ มันแข็งกร่าวขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เขาเริ่มใช้กำลัง และนั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดี และเขาก็ทำมันช้าเกินไป

     

                    "โอกาสเหี้ยไร"

                    "ก็พี่ไม่ให้โอกาสใครเลย ผมเลยต้องทำแบบนี้ไงวะ"

                    อ๋อ เลยหลอกเคลมน้องสาวกูว่างั้น?"

                "ผมไม่เคยชอบยัยนั่นเลยต่างหาก!"

     

                    ประโยคของไอ้เด็กนั่นทำให้เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาอาจจะเป็นอย่างนั้นไปจริงๆจนเผลอใช้มืออีกข้างที่ไม่ถูกกำไว้ผลักซึงฮยอนแรงๆ แววตาของมันแข็งขึ้น ก่อนที่มันจะผลักเขาเข้ากับผนังจนยุนกิรู้สึกเจ็บไปทั่วตัวก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างดันไหล่เขาให้ติดกับผนัง

     

                    "มึง-- รู้มั้ยว่ายูนาร้องไห้หนักขนาดไหน ไอ้เวร"

                    "ต่อให้ยัยนั่นร้องไห้จนตาย ผมก็ไม่จำเป็นต้องแคร์นี่ จริงมั้ย?"

     

                    มันพูด ก่อนที่จะส่งมือมาบีบคางเขาแรงๆ ยุนกิพยายามจะคว้านหาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง แต่มือหนากลับดึงมือทั้งสองข้างของเขาให้ชูเหนือศีรษะก่อนจะใช้มืออีกข้างกดมันให้ติดกับผนังอย่างแรงพร้อมกับหัวเข่าที่แทรกมาอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างจนทำให้ยุนกิหน้าซีดก่อนจะพยายามดึงมือออกจากพันธนาการ แต่ใบหน้าคมกลับเลื่อนเข้ามาใกล้เขา

     

                    "พอพี่ไม่มีพวก พี่ก็ลูกแมวดีๆนี่แหละ ยุนกิ"

     

                    ซึงฮยอนพูด พลางพ่นลมหายใจอยู่ข้างหูของเขา ยุนกิจึงพยายามสะบัดตัวให้มากขึ้นจนเกือบจะหลุดออกจากข้อมือหนา ซึงฮยอนสบถคำหยาบที่ยุนกิไม่เคยได้ยินก่อนจะปลดเข็มขัดนักเรียนออกมารัดข้อมือทั้งสองของเขาอย่างแน่นหนาในขณะที่ยุนกิทำได้แค่สะบัดมันออกจนเกิดรอยแดงเถือกไปทั่ว

     

                    "ทำเหี้ยอะไรของมึง!" ยุนกิพูด แม้ว่าหน้าของเขาจะซีดไปแล้ว ซึงฮยอนแค่นหัวเราะก่อนจะดันไหล่ทั้งสองข้างของเขาให้ติดกับฝาผนังอีกครั้ง

     

                    "ก็เปลี่ยนจากการหลอกเคลมน้องสาวพี่มาเคลมพี่แทนไง"

     

                    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ยุนกิถุยน้ำลายใส่ไอ้เด็กเวรตรงหน้า รู้ตัวอีกทีเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บที่ไหล่ทั้งสองข้างจนเขานิ่วหน้า ซึงฮยอนบีบเขาอย่างแรงจนเห็นเส้นเลือดปูด ก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดสิ่งที่เขาทำเอาไว้

     

                    "นี่พี่ยังไม่รู้สถานการณ์อีกหรอวะ!"

     

                    มันพูดก่อนจะกระชากเสื้อนักเรียนของเขาออกทีเดียวจนกระดุมหลุด มันเจ็บจนน้ำตาจะไหล สายตาแข็งกร่าวเปลี่ยนเป็นโลมเลียเมื่อไอ้เวรนั่นเอาแต่จ้องไปที่ผิวของเขา ยุนกิอยากจะบ้าเมื่อเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทนั่นเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้และเริ่มจู่โจมริมฝีปากของเขา เขากัดริมฝีปากของซึงฮยอนอย่างแรงจนเลือดไหลซิบ

     

                    "ถ้าพี่ทำผมเลือดออกอีก ผมจะรุนแรงกับพี่แล้วนะ"

                    "ไอ้เวร นี่มึงเป็นโรคจิตหรอวะ!"

     

                    สุดท้ายไอ้เวรนั่นมันก็ประกบริมฝีปากเข้าไปอีก ยุนกิกัดริมฝีปากจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเป็นส่วนหนึ่งของประสาท ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาร้องไห้ออกมาในขณะที่คนตรงหน้าเอื้อมจะไปถอดเข็มขัดของเขา มือของเขาเป็นรอยแดงไปหมด มันเจ็บขึ้นเรื่อยๆเพราะแรงเสียดสีระหว่างมือของเขากับเข็มขัดหนังจนกลายเป็นรอยเลือด

     

     

     

     

                    "ผมคิดว่ามีแค่อนิเมะซะอีกที่คิดว่าดาดฟ้าเป็นที่ที่ใช้ทำอะไรอย่างว่าน่ะ"

     

                    เสียงที่ดังไล่มาจากข้างหลังทำให้คนตรงหน้าหยุดปลดกางเกงนักเรียนของเขา หวังว่าคนที่พึ่งเข้ามาใหม่คงไม่ใช่เพื่อนของไอ้เด็กเวรนี่เหมือนในนิยายหรอกนะ

                    ยุนกิเม้มริมฝีปาก ค่อยๆกระพริบตาเพื่อไล่น้ำตาที่ขัดขวางทัศนียภาพในการมองเห็นออก ซึงฮยอนถูกผลักไปอีกทาง ก่อนที่ร่างที่พึ่งเข้ามาใหม่จะปลดเข็มขัดที่รัดมือทั้งสองข้างของเขาออก เลือดไหลกระทบพื้นทำให้คนที่พึ่งเข้ามาใหม่ผิวปาก ก่อนจะโยนเข็มขัดหนังใส่หน้าไอ้เด็กเวรคิมซึงฮยอน

     

                    "ถ้าผมเดาไม่ผิด นี่คือการข่มขืนใช่มั้ยครับ?"

                    "มึงอย่ามาเสือก กูกับพี่ยุนกิเป็น-"

     

                    เขาเกือบจะด่าไอ้เวรนั่นออกมาแล้วถ้าคนตรงหน้าเขาไม่ชี้ไปที่มุมตึก สิ่งของที่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะมีอยู่ที่นี่ทำให้ยุนกิตาเบิกโพลง เขาแทบลืมความเจ็บปวดที่ข้อมือเมื่อเห็นสิ่งที่ไว้ใช้บันทึกภาพที่ไม่ควรมีอยู่ในตึกที่กำลังถูกซ่อมแซมแบบนี้

     

                    กล้องวงจรปิด?

     

                    "ผมคิดว่าคุณคงไม่น่ามีข้อแก้ตัวอื่นนะ จริงมั้ยคิมซึงฮยอน"

                    "เหอะ แล้วไง มึงจะทำอะไรกูได้ คิดว่าสนามหญ้าโรงเรียนนี้ของใครวะ พ่อกูเป็นคนบริจาคโว้ย!"

     

                    ยุนกิถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองบนตามซิกเนเจอร์ เขาแอบเห็นว่าคนตรงหน้ามีดาวสองดวงใต้ชื่อของตัวเอง ชีวิตเขาต้องพัวพันกับเด็กปีสองไปชั่วชีวิตรึไง และการที่เขาแอบมองชื่อมันทำให้เจ้าของชื่อระบายยิ้มให้เขา ก่อนจะแค่นหัวเราะให้กับไอ้เด็กเวรคิมซึงฮยอน

     

                    "ต่อให้คุณเป็นคนสร้างตึกทุกตึกในโรงเรียน คุณก็ไม่มีทางพ้นข้อหาหรอก เพราะอะไรรู้มั้ยครับ?"

                    "...มึง"

                    "เพราะผมเป็นประธานนักเรียนโรงเรียนนี้ไง"

                    "..."

                    "แต่ตอนนี้คุณกำลังแข่งเรื่องเงินนี่ จริงมั้ย?"

                    "มึง ไอ้บัดซบคิมแทฮยอง!"

     

                    "พอดีพ่อผมเป็นผอ.ว่ะ"

     

     

                    ในตอนนั้น สิ่งที่ผมทำคือการหัวเราะกับคำตอบของคิมแทฮยอง

                    โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า อำนาจของโรงเรียนอินจองน่ะ ไม่ใช่ของมินยุนกิ ไม่ใช่เลย.

     

    (END ep.2)






    talk
    สงกรานต์เป็นยังไงกันบ้างคะ เราไม่ได้ไปไหนเลยค่า เย้ #เดวนะ
    ฮือ พรุ่งนี้ก็หมดแล้ว วันหยุดของปวงประชา T_T
    กว่าพระเอกจะได้ออก จนเพื่อนเราบอกให้โยนบทพระเอกให้จองกุกเหอะ ไล่ประธานไปเฝ้าหน้าประตูแทน
    ซึ่งเลยโคตรจะเห็นด้- บ้าเรอะ! 55555555555555555555555555555555555555555555
    อะไรเออะ อำนาจของโรงเรียนอินจองอะไร นี่แกเป็นผู้บริหารโรงเรียนกันเหรอ #ถุย
    หวังว่าจะไม่โดนแบนเพราะคำหยาบของพี่กินะคะ พยายามลดสุดๆแล้ว ฮือ (นี่ลด?)
    ขอย้ำอีกทีว่าเนื้อหาออกจะเคล้าเดียวกับเพลงซังนัมจาค่ะ และแน่นอนว่าซังนัมจาที่แท้จริงไม่ใช่มินยุนกิ
    แอร้้ยยยยยยยยยยยยย สปอยสุดอ่ะ 55555555555555555555555555555555555555555
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ ทุกทวิตด้วย เย้ ♥
    ใครอยากหวีดลงทวิตก็ #วิธีเอาตัวรอดของมินยุนกิ เลยค่า เดี๋ยวจะมีอีคนหน้าด้านไปกดรีกดเฟบ (ฮา)
    ใครอยากหวีดฟิคกับเราก็ @spriqx เลยนะคะ ไม่ต้องอายเนอะ ใครหลงยุนกิมาอยู่ลัทธิเดียวกะเราได้ค่ะ (ฮา)

    รักน้า ♥

    ปล. อย่าเชื่ออะไรรูปค่ะ 555555555555555555555555
    ปลล. *ย้ำนะคะ ตอนนี้เป็นเหตุการณ์ในอดีตน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา เผื่อใครไม่รู้*
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×