ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (bts) sf/os - how yoongi survive when- (vga/kookga/etc)

    ลำดับตอนที่ #2 : sf/ how yoongi survive when he's f*cking manly? [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.35K
      72
      16 ม.ค. 65

    T
    B

    Title : Short Fiction - How Yoongi survive when he is f*cking manly? | ซังนัมจามินยุนกิ [1]

    Paring : V x Suga

    Note : เป็นพล็อตที่คิดไว้นาน นานสมัยเพลงซังนัมจาปล่อยแรกๆเลยค่ะ (ฮา) และยังไม่ได้แต่งด้วย (ความขี้เกียจนี้) ตอนแรกนี่ว่าจะให้คาแรคเตอร์กลับกัน แต่ด้วยความชวู้บ ก็ต้องเป็นชวู้บค่ะ ♥

     

     

     

     



                    จับตัวผมไว้ดีๆ

                ก่อนที่ผมจะเอาตัวพี่ไป

     

    .

     

     

                ตือดึ๋ง

     

                    เสียงออดดังขึ้นพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์เครื่องบางที่วางอยู่บนโต๊ะเรียน เจ้าของเรือนผมสีสว่างกระตุกยิ้ม ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้สีดำที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากซองบุหรี่ยี่ห้อต่างๆ กับหนังสือการ์ตูนที่หาได้ทั่วไปแบบไม่ต้องซื้อ อ่า เขาไม่ได้ไปปล้นร้านหนังสือที่ไหนมาหรอกน่า แค่ยืมเด็กนักเรียนแถวนี้อ่านแล้วขี้เกียจคืนก็แค่นั้น

     

                    มินยุนกิลุกขึ้นก่อนจะก้าวออกไปนอกห้อง แรงกระแทกจากไหล่ซ้ายทำให้เขาเงยหน้ามามองบุคคลข้างตัว อาจารย์ประจำรายวิชาภาคบ่ายคาบแรก? ก่อนที่เขาจะเดินตรงออกไปโดยไม่คิดสนใจอะไรอีก

     

                    นอกจากข้อความที่ถูกส่งมาโดยเดอะแก๊งคนสนิท

     

     

     

                Park Jimin  : เฮ้ ไอ้เวรที่ยุ่งกับน้องสาวมึงรอการลงโทษอยู่นะ J

     

     

     

     

                    พลั่ก!

                    เสียงเปิดประตูโดยไร้การเคาะเรียกความสนใจของคนทั้งห้องให้หันมามอง ยุนกิโยนกระเป๋าเป้ลงที่พื้นห้องชมรมรักษ์โรงเรียน เหอะ ชื่อชมรมมันก็ปัญญาอ่อนพอๆกับวิธีที่เขาได้มาเป็นแหล่งกบดานนี่แหละ ซากอารยธรรมที่เต็มไปด้วยเศษถุงขนม เครื่องดื่ม รวมถึงก้นบุหรี่มากมายนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายึดชมรมที่มีชื่อน่าขนลุกนั่นมาเพราะตัวตึกอยู่ไกลจากชั้นเรียน และอยู่ในบริเวณที่ไม่มีคนชอบเดินเข้ามาเท่าไหร่นัก

     

                    มือขาวปลดเนคไทสีแดงเลือดหมูออกจากลำคอก่อนจะโยนมันลงพื้นตามกระเป๋าเป้ไปติดๆ การมาถึงของยุนกิสร้างความตื่นเต้นให้คนร่วมสิบขึ้นมากโข และมันก็ทะลุปรอทเมื่อมือขาวบีบเข้าที่คางของชายหนุ่มตรงหน้าที่ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ไม้อยู่กลางห้อง

     

     

     

                    "กล้ามากนะที่มายุ่งกับน้องสาวกูน่ะ"

     

                    แขนเล็กๆนั่นดูน่ากลัวขึ้นเป็นกองเมื่อยุนกิบีบคางของคนตรงหน้าอย่างเต็มแรง ขอบอกว่าเต็มแรงจริงๆโดยที่ใบหน้าขาวไม่ได้แสดงหน้าตาถึงความสงสารใบหน้าคมที่บูดเบี้ยวเพราะอาการเจ็บเลยซักนิด

                    เพราะเขาค่อนข้างมีอำนาจ ผู้คนต่างต้องการทำร้ายเขาทั้งนั้น แล้วพล็อตการ์ตูนตาหวานคืออะไรล่ะ การทำร้ายน้องสาวนั่นไงเป็นทางออกของคนปากดีแต่ไม่มีอะไรจะสู้

     

                    "ไหน บอกยูนากูว่ายังไง? ต่อให้กูเรียกพวกมาตีมึงมึงก็จะสู้ไม่ใช่หรอ?"

     

                    มินยูนา คือชื่อของสาวของเขาเอง ยุนกิไม่ได้โง่หรอกนะไอ้การที่สาวเจ้าไม่ยอมออกมาทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ กับการอมยิ้มกับโทรศัพท์อยู่คนเดียว และเขาก็ไม่ได้ประสาทถึงขั้นไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหนเข้ามาในชีวิตน้องสาวอย่างที่การ์ตูนตาหวานว่าไว้หรอก เออ อย่างน้อยก็ทั้งโรงเรียนมัธมปลายที่นี่แหละคิดว่าเขาพร้อมจะฆ่าทุกคนที่ยุ่งกับน้องสาวของเขา ตลกดี แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่ต้องไปแก้ไขนี่ ลดปัญหาไปอีกหนึ่ง

     

                    ยุนกิกระตุกยิ้ม ใบหน้าของคนตรงหน้าที่มีรอยเลือดประปรายแต่ไม่มากตามคำสั่งของเขาที่บอกลูกน้องเอาไว้ เขาต้องการเรียกบัญชีคืนด้วยตัวเอง คนตรงหน้าเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินประโยคที่ดังออกมาจากริมฝีปากของมินยุนกิ หยาดเหงื่อผสมกับรอยเลือดน้อยๆบนหน้าทำให้เขาอยากจะถุยน้ำลายใส่แม่งจริงๆ

     

                    "แล้วเป็นอะไรไปล่ะ เห็นว่าพวกกูโง่มากรึไงที่ไม่รู้ว่ามึงเข้าหาน้องกูเพราะอะไร ไอ้สารเลวเอ้ย!"

     

                    มันจะมีอะไรนอกจากการจับน้องสาวเขาไปเป็นตัวประกันพร้อมส่งจดหมายให้เขาเข้าหากรงของพวกมันตัวคนเดียวโดยห้ามเรียกใครที่ไหนมาช่วย สาเหตุจะเป็นอะไรนอกจากต้องการโค่นอำนาจมินยุนกิ ผู้ที่มีอำนาจมากกว่าผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายอินจองนี่ โง่ โง่จริงๆ เขาไม่ได้ด่าตัวเองหรอกนะที่โง่ไปตัวคนเดียวตามที่บอก เอ่อ เขาหมายถึงเขาขับรถไปรับน้องสาวที่ต้องอุดอู้อยู่ที่โกดังเน่าๆของพวกนั้นข้ามคืนเพราะไม่กล้าออกมาตอนกลางคืน

     

                    ฝีมือศิลปะป้องกันตัวของยูนาอาจจะดีกว่าไอ้พวกกุ๊ยสิบตัวรวมกันได้ซะอีกเถอะ

     

                    มันดูเป็นเรื่องน่าตลก แต่ใบหน้าหวานของยูนาสลดมาสามวันแล้วแม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นคนจัดการไอ้หน้าหมาเองก็เถอะ ยุนกิก็พอจะรู้ ผู้หญิงน่ะยอมรับความจริงได้ที่ไหน คงจะสะเทือนไม่มากก็น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จริงๆแล้วเขาก็ไม่รู้จะอธิบายอาการของน้องสาวเขาว่ายังไง อาจจะใช้คำว่าอกหักได้ -ใช่ อกหักนี่แหละ อาการที่น้องเขากำลังจะเป็นเลยล่ะ

     

                    "ก็น้องมึงโง่เองนี่หว่า!"

     

                    เสียงทุ้มของคนที่ถูกมัดอยู่ดังขึ้น ปากดี ไม่ต้องรอสัญญาณอะไรทั้งนั้น มินยุนกิส่งหมัดไปที่แก้มขวาของคนตรงหน้าดังพลั่ก เสียงเชียร์ของกลุ่มของเขาดังขึ้นไปอีกเมื่อเห็นรอยเลือดที่เปรอะอยู่บนหน้าผู้ถูกกระทำ ยุนกิจะแสยะยิ้ม ก่อนจะชกใบหน้านั่นอีกทีจนเกิดเพลงดังตุบตับคละไปกับเสียงร้องเจ็บของคนตรงหน้า

     

                    ดือตึ๋ง

     

                    ไอ้เส็งเคร็ง : มาหาผม เดี๋ยวนี้

     

     

                    เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของยุนกิดังขึ้นมาจากกระเป๋าเป้ในขณะที่เจ้าตัวมึงจะสวนหมัดไปที่ใบหน้าคมของคนตรงหน้า ดวงตาเรียวเล็กมองตรงไปที่นาฬิกาแขวนผนัง พึ่งบ่ายสองโมง จะรีบอะไรขนาดนั้นวะ ยุนกิถอนหายใจฮึดฮัดก่อนจะปล่อยหมัดใส่คนตรงหน้าอีกเต็มแรง

     

                    "เฮ้ย เคลียร์ดิ้"

     

                    "อ้าว แล้วมึงไม่จัดมันต่อ?" จีมินถาม ยุนกิแค้นไอ้หนุ่มนี่ขนาดไหนใครก็รู้ ถึงกับไม่จับตัวให้โดยที่ใช้กำลังน้อยที่สุดเพื่อให้หัวหน้าได้ระบายอารมณ์แบบไม่ยั้ง แถมไอ้การที่มินยุนกิหยิบเนคไทสีแดงเลือดหมูขึ้นมาผูกแล้วเอาเสื้อเข้ากางเกงนั่นยิ่งแปลกไปใหญ่

     

                    "ทำธุระ เดี๋ยวกูกลับเอง ไม่ต้องรอ"

     

                    ยุนกิพูด ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ออกมาแล้วเดินออกจากชมรม ถ้าจีมินไม่ตาฝาด เขาเห็นยุนกิหยิบโทรศัพท์เครื่องบางขึ้นมาเป็นอำดับแรกหลังจากก้าวขาออกจากห้องเลยด้วยซ้ำ และแน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ยุนกิติดโทรศัพท์- ไม่สิ ต้องบอกว่าแทบจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตลอดเวลาเมื่อได้ยินเสียงเมสเสจแจ้งเตือนมากกว่า เขาเองก็พยายามดูชื่อคนที่ส่งข้อความมาเหมือนกัน แต่ยุนกิหวงโทรศัพท์มาก และแน่นอนว่าจีมินไม่ต้องการฆ่าตัวตายหรอกนะ

                    แต่นั่นแหละ ถึงจะเป็นห่วงแค่ไหน ตราบใดที่หัวหน้าไม่ออกคำสั่ง พวกเขาคงไปยุ่งอะไรไม่ได้ และเขาเองก็เชื่อว่ายุนกิดูแลตัวเองได้ อาจจะดีกว่าเขาซะอีก

     

                    ก็ยุนกิน่ะ มีอำนาจที่สุดในโรงเรียนแล้วนี่

     

     

     

     

    - 상남자 -

     

     

     

                    "หืม โดดคาบสองมาหรอครับ?"

     

                    เสียงทุ้มที่ยุนกิคิดว่ากวนประสาทที่สุดในโลกดังขึ้นในขณะที่เขาพึ่งดันประตูบานใหญ่เข้ามาได้สำเร็จ ยุนกิแค่นหัวเราะ ให้ตายเหอะ แอร์เย็นๆที่ซัดเข้าหน้าไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีซักนิดที่ต้องเผชิญกับไอ้เด็กนี่ เกลียดชิบหาย เกลียดตั้งแต่ประตูบานใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงความคอมมิวนิสต์จนถึงบุคคลในห้องเลย ให้ตายเถอะ

     

                    "เสือก"

     

                    ยุนกิตอบ เขาไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีกับมันเมื่อรู้ว่าไอ้รอยยิ้มฟันกระต่ายบ้าบอที่ผู้หญิงเขากรี๊ดกันมันเป็นเรื่องหลอกลวง แน่สิ เพราะเขาเองก็ถูกหลอกมาก่อน แต่ไม่ใช่เรื่องชู้สาวบ้าบออะไรทั้งนั้นแหละ จองกุกหัวเราะออกมา ก่อนที่ขายาวๆจะถูกยกขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะสภานักเรียนที่มีป้ายตรงหน้าสลักไว้ว่า 'รองประธานนักเรียน : จอนจองกุก'

     

                    "การ์ตูนเรื่องนี้ตลกดีนะพี่ สาบานว่านั่นนมอ่ะ"

     

                    จองกุกพูดขึ้น ก่อนจะปิดหนังสือการ์ตูนที่กำลังอ่านอยู่เพื่อชูหน้าปกให้เขาดูชัดๆ นั่นแหละ จอนจองกุก ไอ้เด็กปีสองที่คนทั้งโลกสรรเสริญนักหนาที่กำลังอ่านหนังสือการ์ตูนโดยไม่ได้สนใจเรื่องราวอะไรนอกจากภาพ ก่อนที่มือหนาจะโยนหนังสือการ์ตูนเรื่องนั้นทิ้งไปรวมกับเล่มอื่นๆ

     

                    "มันอยู่ไหน?"

     

                    "หือ ใครหรอครับ" จองกุกตอบ น้ำเสียงทุ้มนั่นกวนตีนระดับล้านเมื่อพูดกับเขา สาบานเถอะว่าถ้ายุนกิไม่มีพันธะอะไรกับคนพวกนี้เขาคงถลาไปกระทืบมัน-- เป็นคนที่สอง

     

     

     

                    "ก็ไอ้ประธานสารเลวนั่นไง"

     

                    ยุนกิพูด ไม่รู้เมื่อไหร่ที่มือของเขาบีบเกร็งเข้าหากัน จองกุกหัวเราะออกมา โอเค ถ้าเขากำลังดูเทเลทับบี้อยู่ เสียงทุ้มๆของไอ้เด็กนี่คงกำลังพูดว่า 'ได้เวลาสนุกแล้วสิ' หรืออะไรทำนองนี้นี่แหละ

     

                    "เขารอพี่อยู่ในห้องนั่นแหละ แล้วก็นะ-"

     

                    "..."

     

     

     

                    "พี่ก็น่าจะรู้นะว่าประธานไม่ชอบรอใครน่ะ"

     

                    จองกุกกระตุกยิ้ม มือหนาถูกยกขึ้นมาทำท่าดอกไม้บานอย่างน่ารักแม้ว่าประโยคจะสวนทางกัน ให้ตายสิ ยุนกิสบถออกมา มือบางโยนกระเป๋าเป้ไว้ที่พื้นก่อนจะรีบเดินไปที่บานประตูไม้อีกบาน มือขาวตัดสินใจเคาะมันสามทีก่อนจะได้ยินเสียงจองกุกดังไล่หลัง

     

                    "ช่วยบอกประธานด้วยนะครับว่าอย่าเสียงดังมาก ถึงห้องมันจะเก็บเสียงก็เถอะ"

     

                    ถึงยุนกิจะไม่ได้หันไป ก็พอจะรู้ว่ามันต้องยักคิ้วน่ะ ไอ้เด็กเวร!

     

     

                พลั่ก!

     

                    มันไม่ใช่เสียงเปิดประตูของเขา อย่างน้อยเสียงเปิดประตูมันคงจะนุ่มนวลกว่านี้มากถึงแม้ว่ามันจะทำมาจากไม้ราคาแพงก็เถอะ และไอ้การเจ็บแปลบที่หัวไหล่ทั้งซ้ายและขวากับอาการนิ่วหน้าเพราะความเจ็บนั่นไม่ใช่ของใคร ใช่! ของเขา ของเขาเอง

     

                    ให้ตายเถอะ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงจะตะโกนด่าแล้วสวนกลับไปแล้ว สิ่งที่เขาทำได้มีแค่การเม้มปากอย่างเคียดแค้นเพื่อไม่ให้หลงออกเสียงซี้ดออกมาแสดงอาการเจ็บเท่านั้นแหละ ยุนกิไม่มีสิทธิ์ทำอะไรด้วยซ้ำในเมือแขนของเขาถูกมือหนาล็อคไว้กับผนังห้องสีสว่างที่โคตรจะคุ้นตา คุ้นตาจนยุนกิเริ่มจะเกลียดสีขาวขึ้นมาแล้ว

     

     

     

                    "จากตึกสิบสองมาตึกสี่ใช้เวลาสิบห้านาทีเลยรึไง"

     

                    เสียงทุ้มดังขึ้นจากคิมแทฮยอง เจ้าของตำแหน่งประธานนักเรียนโรงเรียนอินจอง ยุนกิแค่นหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยิน ไอ้การที่เขาเคาะประตูเสร็จไม่ถึงเสี้ยววินาทีก่อนจะเปิดประตูแล้วจับเขากระแทกกับผนังห้องนี่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญรึไงถ้าหากแทฮยองไม่หยุดฟังบทสนทนาของเขากับไอ้เด็กเวรรองประธานนั่นน่ะ

     

                    "มึงก็รู้ว่ากูเสียเวลากับไอ้เด็กนั่น" ยุนกิพูด มันไม่ใช่ความผิดของเขาซักนิดและเขาเองก็รีบ คิดว่าการแหวกฝูงชนขณะเปลี่ยนคาบเรียนมันง่ายนักหรอวะ แถมยังไอ้เด็กเวรที่ทำตัวเป็นหมาเฝ้าประตูคอยกวนประสาทเขานั่นอีก

                    และเขาก็โง่ที่ไปเล่นกับมันนี่แหละ

     

                    "ต่อให้พี่ต้องอ้อมโลกมา ผมก็ต้องได้เจอหน้าพี่คนแรก"

     

                    แทฮยองพูด ก่อนที่มือเล็กจะถูกปลดพันธนาการจากมือหนา ก่อนที่แทฮยองจะเอามือดันผนังห้องที่อยู่ห่างจากใบหน้าของเขาไปสามคืบ ใบหน้าคมที่ค่อยๆเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาจนเขาหันหน้าหนีทำให้แทฮยองใช้มืออีกข้างบีบคางเขาให้หันหน้ามามอง

     

                    "พี่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่หันหน้าหนีผมด้วยซ้ำ รู้ตัวใช่ไหม?"

     

                    "f*ck"

     

                    ยุนกิสบถ แต่ถึงอย่างนั้นแทฮยองก็ยังคงเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ทำให้ยุนกิเม้มปากแน่น ลมหายใจของแทฮยองรดลงบนใบหูของเขาจนน่าขนลุก เขาอยากจะใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักแทฮยองไปให้ไกลก่อนจะกระทืบซ้ำให้ตายๆไปซะ

     

                    ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคย เขาเคยทำ และผลลัพธ์ที่ได้มันก็แย่พอที่จะทำให้คนอารมณ์ร้อนอย่างเขายอมแพ้

                    เขาผลัก มันก็กระชากเข้ามาหา

                    เขาทุบ มันก็จับกระแทก

                    หรือแม้กระทั่งเขาด่า มันก็-- จูบ

     

     

     

                    "พี่ก็รู้ว่าพี่ขัดคำสั่งผมไม่ได้ มินยุนกิ J"



    (END ep.1)





    talk
    Boy In Luv เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ที่เราใฝ่ฝันจะแต่งมากๆเลยค่ะ (ฮา)
    ตั้งแต่เอ็มวีนี่ก็เพ้อมาตลอด อยากแต่งมากเลยค่ะ พอได้มาแต่ง ก็แหวกเลย ฮือ
    ความจริงเราเคยวางพล็อตไว้ค่ะ เหมือนเอ็มวีเป๊ะ แต่เพราะความชวู้บ เราก็จะชวู้บค่ะ #ซังนัมจาแล้วไง
    เรารักคาแรคเตอร์ยุนกิแบบนี้จริงๆนะคะ ฮือ 5555555555555555555555555
    สำหรับตอนนี้ ไม่รู้จะมีคนติดใจมั้ย เราทิ้งปม ทำไมยุนกิถึงขัดคำสั่งขุ๋นประธานไม่ได้
    และจองกุกเคยทำอะไรกับยุนกิเอาไว้ค่า 5555555555 (สปอยสุด อิอิ)
    ฮือ คิดไม่ออกแล้วอ่ะ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ตกใจมาก ตีสองยังไม่นอนกันอีกหรอ 5555555
    รักน้า ♥
    ฝากแท็กด้วยนะคะ > #วิธีเอาตัวรอดของมินยุนกิ
    twt : @sugayeaplease ค่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×