ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    #เอยจะครองโลก (YOSEOK)

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ห้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 348
      75
      20 พ.ย. 62

    5



    โซฟาสีน้ำเงินเข้มกลางห้องถูกครอบครองไปทั้งตัวแถมคนนอนอยู่อย่างนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหนทั้งๆที่นอนเฉยๆแบบนี้มาทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว

    วันนี้น่าเบื่อหน่ายกว่าที่คิด ...

    ก็นะ จากแรกๆที่อารมณ์ดีจนใครด่าก็ไม่มีทางจะโกรธ แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขากำลังหงุดหงิด

    หงุดหงิดกับคำพูดของเพื่อน

    ทึกทักไปเองรึเปล่ามึงอ่ะ พี่เค้าคงจำมึงได้ตั้งนานแหละ ไหนบอกแรกๆเค้ายังเรียกชื่อมึงถูกอยู่เลย ลืมรึไง’

    ...

    หรือว่าอาจจะคิดไปเองแบบที่ซัมมันบอกจริงๆ

    แบบนี้ก็ภารกิจล้มเหลวงั้นสิ

    “เฮ้อ” ถอนหายใจมาแล้วรอบที่ร้อยสามสิบแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่ามันดีขึ้นจนต้องยอมแพ้ลุกจากโซฟาไปเปลี่ยนชุดนักศึกษาออกเพื่อลงไปหาข้าวกินร้านประจำแถวๆตึกเผื่อว่าจะกลบเกลื่อนความเซ็งของตัวเองลงได้บ้าง

    ไม่มากก็น้อยแหละ



    “พี่ยืนนนนน นั่งเลยค่ะๆ เดี๋ยวกะทิไปเอาน้ำเย็นๆมาให้จ้า”

    ร้านข้าวเจ้าประจำเป็นสิ่งที่เขาเลือกหลังจากที่ไปยืนเฝ้าหน้าเซเว่นมาเป็นเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆหลังจากที่ลงมาจากห้อง

    ยืนเป็นยาม ทั้งๆที่ไม่รู้เหมือนกันว่ารอแล้วจะได้อะไร

    เพราะวันนี้น่ะ

    ยังไม่เจอพี่เอยเลยแม้แต่เงา ...

    นาฬิกาข้อมือถูกหันขึ้นมาดูเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ท่าทางนิ่งๆแต่ภายในมันกำลังร้อนรน ดึกแล้ว แต่พี่เอยยังไม่กลับ เขาเดินย้อนไปดูที่บริษัททำงานของเจ้าตัว ก็ไม่มีวี่แววเลยสักนิดเดียว

    เป็นห่วงแหละ เอาจริงๆ

    ทางเดินแถวนั้นอันตรายจะตายไป

    “ร้านนี้เลยจอมอร่อยจริงๆ ลองดู อร่อยทุกเมนู สั่งเลย เราเลี้ยงๆ” เสียงคุ้นหูทำเอาคนที่ก้มหน้าอยู่ในตอนนี้นั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง

    “...” เสียงพี่เอยหรอ ?

    “ขอบคุณนะเอย แต่เราเลี้ยงเอยดีกว่า”

    พี่เอยจริงๆ ...

    กับคนอีกคนที่คงจะสนิทกัน

    “แต่จอมไปรับเราเลยนะ เราเลี้ยงแหละ” มีไปรับกันแล้วด้วยงั้นหรอ

    “สงสัยต้องมากินข้าวกับเอยบ่อยๆแล้ว จะได้เลี้ยงเราทุกวัน” กินข้าวด้วยกันบ่อยๆ...

    “ได้อยู่แล้วจอม แต่คราวหน้าไม่เลี้ยงแล้วนะ ฮ่าๆๆ”

    แบงค์ร้อยถูกวางทันทีที่ข้าวผัดกุ้งของเขามาเสิร์ฟ เดินออกไปไม่ได้ยินเสียงเรียกจากใครทั้งสิ้น ส่วนอีกคนนั้นพี่เค้าไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะมีตัวตนอยู่ตรงนี้

    ควรพอ (?)

    อื้ม

    คงจะควรเป็นแบบนั้นแล้วจริงๆ



    เป็นแบบนั้นซะเมื่อไหร่ล่ะ ...

    หลังจากที่เดินเล่นในสวนสาธารณะแถวนั้น ฟังเสียงเพื่อนที่เริ่มก่นด่าตัวเองในดิสคอสจนพอใจแล้ว ก็เห็นว่าควรจะต้องกลับ ได้อยู่คนเดียว คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็เพลินดี สมองมันโล่งขึ้นเยอะ

    เรื่องพี่เอยน่ะ

    ไม่ได้ถอดใจจริงๆหรอกนะ ก็คนมันชอบมาตั้งสามปีนี่เนอะ แต่ถ้าถามว่าเขาพอใจกับสถานะนี้มั้ย ...

    ก็คงจะพอใจนั่นแหละ ขอแค่เห็นเค้าในสายตา

    ขอแค่นั้นจริงๆ

    ขายาวๆก้าวพาตัวเองไปยังที่ๆเขาต้องไปอย่างเชื่องช้า ท้องที่ไม่ได้มีอะไรตกถึงตั้งแต่เที่ยงเริ่มส่งเสียงประท้วง แต่ใครจะสน ประตูลิฟต์เปิดออกยังชั้นที่อยู่ กับทางเดินที่คุ้นเคย

    และอีกคนที่เขาคุ้นเคยเช่นกัน

    พี่เอย ...

    “ยืน” ทำไมถึงยังไม่เข้าห้องล่ะ มายืนอยู่แบบนี้ทำไมวะ

    “...”

    “คือ...ป้าน้อยฝากเอาข้าว...มาให้”

    “อืม” เขารับไป ไม่ได้ขอบคุณอะไรอีกคน ก่อนจะแตะคีย์การ์ดเพื่อเข้าห้อง แต่ชายเสื้อกลับโดนรั้งไว้ซะก่อน

    “ครับ ?”

    “ยืน...เป็นอะไรรึเปล่า”

    “เปล่า”

    “ทำไมวิ่งออกไปแบบนั้น”

    “สนใจด้วยหรอครับ”

    “...”

    “...”

    เดดแอร์

    กับความปากไวที่พาซวยแบบนี้

    คนตัวเล็กตรงหน้าเม้มปากแล้วก็หลบสายตาออกไป คิ้วขมวดเข้าหากัน สีหน้าเหมือนกับคิดอะไรต่างๆก็ไม่รู้อยู่ในหัวเต็มไปหมด

    แต่ก็พูดออกมาไม่ได้

    รุ่นน้องตรงหน้ากำลังโกรธอะไรเขารึเปล่านะ ...

    “เราเป็นคนรู้จักกัน ไม่ใช่หรอ”

    “...”

    “หรือพี่รู้จักยืนอยู่คนเดียวล่ะ ชื่อพี่ยืนยังไม่เคยเรียกเลยนะ”

    “ผม...”

    “งั้น...พี่ชื่อเอยนะครับ ทำงานแล้ว บริษัท xxx ที่เราเดินไปด้วยกันตอนนั้น” ท่าทางจริงจังของคนตรงหน้าทำเอาเขาเกือบจะหลุดขำออกมาเลยแฮะ

    เหมือนเดจาวูวนย้อนกลับมาอีกครั้งเลยตอนนี้

    เรียนเซนท์วีบริหารครับ อยู่ปีสาม ชื่อยืน

    “พี่อายุ 24 เพิ่งจบได้ไม่นาน ที่ทำงานนี้เป็นที่แรกที่พี่ยื่นไปและชอบที่นี่เอามากๆเลยด้วย”

    “...”

    “สายตาสั้นแบบนี้ว่าจะไปทำเลสิกอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่มีเวลาเลย ชอบสีม่วง อ้อ พี่ชอบกินข้าวผัดกุ้งมากๆด้วยนะ”

    “...”

    พี่เอยแม่งน่ารักมากๆตอนนี้

    ไอ้ยืนจะตายครับ หมอ ! ช่วยผมด้วย

    “แล้วยืนล่ะ” แล้วคำๆนั้นก็ทำเอาเขาหัวเราะออกมาจริงๆจนคนตรงหน้ามองอย่างอึ้งๆ คงจะไม่เคยเห็นเขาหัวเราะแน่ๆ ดูท่าทางแล้ว

    ตาโตใส่ขนาดนี้

    “ผมชื่อยืน ปีสามเรียนบริหาร เซนท์วี...” แล้วจากใบหน้าเครียดๆ ก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาให้เห็น

    จนคนตัวเล็กเริ่มที่จะยิ้มตามมากขึ้น

    “สอบชิงทุนเข้าเรียนได้ เล่นเทควันโด้และเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย อย่างที่เห็นผมสูงกว่าพี่ด้วย 

    “อะไรกันเล่า!” 

    “ฮ่าๆ ผมพูดและแสดงสีหน้าไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่”

    “...” 

    “และผมชอบข้าวผัดกุ้งเหมือนกันครับ” และตอนนี้รอยยิ้มในตอนแรกมันมากขึ้นไปกว่าเดิม จนกลายเป็นความสดใสที่อยากจะมองเก็บไว้นานๆถ้าทำได้

    รอยยิ้มพี่เอยเหมือนเป็นพลังงานชีวิตยังไงยังงั้น

    “เรารู้จักกันรึยังครับพี่เอย”

    “อื้อ เรารู้จักกันจริงๆแล้วนะ” อีกคนชูข้าวกล่องที่ถือมาอีกอันให้เขาดู ก่อนจะพูดขึ้น

    “คนรู้จักกินข้าวผัดกุ้งด้วยกันได้แล้วใช่มั้ย”

    “คนรู้จักจะล้างจานให้พี่ด้วยเลยครับ” เท่านั้นแหละเขาทั้งคู่ก็หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน ราวกับว่าความสัมพันธ์ที่มันตึงและเรียบเฉยมาตั้งสามปีได้ค่อยๆดีขึ้น

    และมันจะดีกว่านี้

    เขารับรอง

    :)



    สถานะปัจจุบัน : คนรู้จัก(จริงๆสักที)




    พี่เอย :: ง้อๆๆๆๆ เอาข้าวผัดจุ้งมาง้อแล้วนะน้อนยืน


    #เอยจะครองโลก


    Talk:

    กินข้าวเย็นด้วยกัน แอบบอกว่ารักกัน ได้มั้ยนะได้มั้ยนะ 5555555

    มาให้กำลังใจและซัพพอร์ตเด็กๆทั้ง 11 คนกันนะคะ เราเชื่อว่าเค้าจะยังอยู่ด้วยกัน จับมือกอดแมวไว้ด้วยกันนะคะพวกเรา ♡´・ᴗ・`♡
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×