ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    #เอยจะครองโลก (YOSEOK)

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่หก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 340
      77
      23 พ.ย. 62

    6



    ภารกิจที่ 2 : พัฒนาความสัมพันธ์

    ปล.จากโจ ใช้ฐานะคนรู้จักที่มึงมีอยู่ให้เป็นประโยชน์ให้ได้มากที่สุด เสนอหน้าไปให้พี่เขาเห็นบ่อยๆ

    ความอายน่ะมึงพับเก็บไปก่อนได้เลย !



    เป็นคนรู้จักกันแล้วทำอะไรได้บ้าง ...

    กินข้าวด้วยกันได้ทุกวันรึเปล่า

    เดินกลับด้วยกันบ่อยๆคงจะได้มั้ยนะ

    แม้แต่ไปเคาะห้องกันและกันทุกครั้งเวลาเจออะไรถูกปากแล้วซื้อไปฝาก

    แบบนี้น่าจะเรียกว่าสถานะคนรู้จักได้จริงๆใช่มั้ย หรือว่าจะเป็นแบบนั้นได้ จำเป็นต้องเลื่อนสถานะ

    อื้ม ... ก็อาจจะจริง


    “ถอนหายใจอะไรของมึงวะ ตั้งแต่เมื่อกี้ละ” โจได้ทีก็ถามขึ้นเมื่อเพื่อนรักข้างๆเอาแต่เหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วก็ถอนหายใจแบบนี้เป็นพักๆมาเกือบสิบนาทีเข้าไปแล้ว

    “พี่เอย”

    ...

    ไอ้นี่ กูก็นึกว่ามีเรื่องอะไรซะอีก

    “มึงว่าเค้าอยากจะเป็นแค่คนรู้จักกับกูมั้ยวะ”

    “แล้วอาทิตย์นี้เป็นไงบ้างล่ะ”

    “ก็ดี...ดีมากๆ” ว่าแล้วหัวก็เอนมาซบไหล่เขา เหม่อมองโปรเจ็คเตอร์ที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ราวกับสนใจ แต่ทว่าในสมองกลับไม่เข้าใจในสิ่งที่อธิบายสักเท่าไหร่

    “พี่เค้าทักกูบ่อยขึ้น ยิ้มให้กันมากขึ้น”

    “ก็ดีแล้วนี่ มึงจะมาเครียดทำห่าอะไร”

    “อยากกินข้าวกับพี่เอยอีก” ได้แต่ส่ายหัวกับท่าทางซึนๆของไอ้เพื่อนตัวดีที่หลงพี่เค้าจนถอนตัวไม่ขึ้นแต่ปากแข็งยิ่งกว่าหินเวลาเจอกัน

    “อยากไปรับพี่เค้าจากที่ทำงานบ้าง”

    “มึงก็บอกเค้าไปสิ”

    “กูเป็นแค่...คนรู้จัก” โจหัวเราะเบาๆ ท่าทีงอแงของพ่อหนุ่มสุดฮอตของคณะที่ใครหลายคนไม่เคยจะเห็นกันบ่อยนักทำเอาเขาอยากจะหยิบโทรศัพท์มาอัดไว้ให้ไอ้ซัมและแฮ็กได้ดูเป็นบุญตามันบ้าง เพราะอีกสองคนแยกไปเรียนอีกวิชาเลยไม่ได้นั่งด้วยกัน

    หงอยเหมือนหมาเลยเพื่อนกู

    “อยากสนิทกับพี่เอย”

    “บอกกูพี่เค้าจะรู้มั้ยล่ะ”

    “มึงก็รู้ ว่ากู...”

    “กูไม่กล้า”

    “เออไง ใครจะกล้าล่ะวะ” ตัดพ้อเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดดู แต่หน้าจอโฮมสกรีนทำเอาโจอยากจะหัวเราะออกมาอีกรอบ

    คงจะเป็นรูปพี่เอย

    ถ่ายจากหน้าเซเว่นที่ประจำของมัน โดยมีคนตัวเล็กอยู่ไกลๆท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินมาเช่นกัน

    “อยากเห็นพี่เค้ายิ้มให้กู...ยิ้มให้ใกล้ๆ” แล้วมันก็ยิ้มเมื่อนึกถึงความสุขที่ได้ไปกินข้าวด้วยกันเมื่อครั้งก่อน มองรูปหน้าจออยู่อย่างนั้นราวกับพลังงานชีวิตที่แห้งเหือดจนแทบจะหมดหลอดเมื่อกี้

    ถูกเติมเต็มด้วยรูปเพียงรูปเดียว

    ทฤษฎีที่ว่า ต่อให้มีคนเป็นร้อยแต่เราจะมองเห็นเค้าแค่คนเดียวเท่านั้นโดยที่ไม่ต้องเฝ้าหาที่เค้าพูดกัน

    คนที่โดดเด่นจนคนอื่นแทบจะไม่มีความหมาย

    สงสัยทฤษฎีจะจริงกับไอ้ยืน



    เฮ้อ

    กลับช้าอีกแล้วแฮะ

    เอยเดินกลับมาด้วยความเหนื่อยล้าที่กำลังจะถึงขีดสุด งานที่ทำมีเดดไลน์วันนี้เลยปั่นกันจนแทบข้าวไม่ได้กินตั้งแต่เช้า ดีที่เสร็จทัน ไม่งั้นคงได้โต้รุ่งกันแหงๆ

    ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาคิดถึงคือเตียงนอนและตุ๊กตาแมวนุ่มๆ

    ง่วงแล้วอ่ะ

    ร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นสิ่งที่เขาเลือกในวันนี้ ร้านป้าน้อยคงจะปิดเพราะดึกขนาดนี้แล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าอาหารกล่องมันไม่ดี แต่เขาจำเป็นนี่นา

    “ทั้งหมด 154 บาทครับ”

    จ่ายเงินเสร็จก็ยืนรออาหารที่กำลังเวฟ ขณะเดียวกันก็มีใครคนนึงที่เดินเข้ามาด้วยชุดที่เขารู้สึกว่ามัน...แปลกตาไปจากเดิม

    คนรู้จักของเขาแบบงงๆเมื่ออาทิตย์ก่อน

    “กลับช้า” ยืนมาหยุดตรงหน้าเขา พร้อมกับสายตาที่ดูจะตำหนินิดๆหน่อยๆจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด

    เหมือนกำลังโดนน้องดุเลยแฮะ

    “ทางก็อันตราย”

    “...”

    “มืดก็มืด”

    “...”

    “เดินกลับคนเดียวอีก”

    “...”

    “ดื้อ”

    เป็นพ่อรึไงมาบ่นใส่อ่ะ !

    “แล้วนี่จะกินข้าวกล่องแบบนี้หรอ” เขาพยักหน้ารับด้วยท่าทางที่ไม่กล้าขัดอะไรมาก กลัวว่าถ้าพูดอะไรไม่ดีไปรุ่นน้องตรงหน้าจะโกรธจนเดินหนีไปแบบครั้งที่แล้วอีก

    อยากจะผูกความสัมพันธ์ดีๆแบบนี้ไว้นี่นา

    “ของไม่ดีทั้งนั้น พวกอาหารแช่แข็ง ขนมถุง กินไปได้ยังไง” อีกคนพูดเพียงนั้น พวกพนักงานที่ยืนอยู่เคาน์เตอร์ก็หันมามอง ใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ตอนแรก เริ่มบึ้งตึง จนเขารีบรับถุงนั่นมาก่อนจะจูงมือลากอีกคนออกมาด้วยกัน

    เกือบไปแล้วมั้ยล่ะเอย


    “ทีหลังยืนอย่าไปพูดแบบนี้ที่ไหนอีกนะ” เขาปรามคนหน้านิ่งที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยตามสไตล์เจ้าตัว

    แต่ต่างกันตรงที่ใบหูอีกคนกำลังแดง

    แดงจัดเลยด้วย

    “ยืน เป็นอะไรรึเปล่า” เด็กตัวสูงเริ่มได้สติ กระแอมออกมาเบาๆก่อนจะเขย่ามือที่เขาจับอยู่เชิงบอกอ้อมๆ

    “โทษที” เผลอจับไปซะนานเลยเมื่อกี้

    “ค...ครับ” น้องมีท่าทางเหมือนแปลกๆไปจนเขาได้แต่ยืนมองอย่าง งงๆ มือไม้ที่อยู่ไม่สุก จับนั่นจับนี่ไปทั่ว สายตาก็มองไปทางอื่นไม่กล้าที่จะจ้องกันตรงๆ ท่าทีแบบนี้เขาเคยเห็นรุ่นน้องในบริษัทเป็น

    ท่าทางของคนเสียอาการ

    “ไอ้ยืน ! ไหนชาเขียวที่กูฝากซื้อ...ล่ะ” เสียงจากด้านหลังเขาทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเพราะตกใจ จนอีกคนได้แต่ส่งสายตาใส่คนที่คงจะเป็นเพื่อนกัน

    “งั้นกูไปซื้อเองนะ ฮ่าๆ” พูดเสร็จคนอารมณ์ดีก็เดินหายเข้าไปในเซเว่น ไม่วายหันมายิ้มให้เขาด้วย จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบไปตามนิสัยคนอัธยาศัยดี

    แต่คนตรงหน้านี่สิ

    “อย่าไปยิ้มให้มัน” หน้าก็ดุใส่ แถมยังเอาตัวมาบังกันอีก

    อะไรของเค้า ...

    “แล้วนี่ยืนจะไปไหนหรอ แต่งตัวซะหล่อเชียว” ไม่ได้จะอวยหรอกนะ แต่ยืนวันนี้น่ะหล่อจริงๆ ทุกๆวันว่าดีแล้ว แต่พอผมถูกเซ็ท เสื้อนักศึกษาถูกเปลี่ยนเป็นเชิ้ตดำปลดกระดุมนิดๆยิ่งทำให้ดูดีขึ้นไปอีก

    คนที่เดินผ่านยังต้องเหลียวหลังมอง

    เขาเองอาจจะเป็นหนึ่งในนั้น

    “หล่องั้นหรอ”

    “ใช่ หล่อมากเลยด้วยเนี่ย” แล้วคนตรงหน้าก็นิ่งไปอีกครั้ง คงจะคิดไปแล้วว่าน้องไม่พอใจ

    ถ้าไม่เห็นหน้าที่เริ่มแดงนั่นน่ะ

    “เอ่อ... ทีหลังจะกลับ อย่าดึกแบบนี้สิ” มีคนไม่เนียนพยายามจะเปลี่ยนเรื่องแฮะ ยังไม่ตอบคำถามกันเลยด้วยซ้ำ

    “พี่เดินคนเดียวได้ สบายมากเลย”

    “แต่มันอันตราย”

    “เดินจนชินแล้ว ไม่มีอะไรหรอกน่า” เขาพยายามบอกให้อีกคนคลายกังวล แต่ดูท่ายืนไม่มีท่าทีจะฟังเลย น้องยังคงมองเขาด้วยสายตาดุๆ เหมือนกับฟ้องว่าสิ่งที่เขาคิดมันผิด

    เอาจริงๆก็กลัวนั่นแหละ

    แต่ทำไงได้ จอมที่อาสาตอนนั้นเขาปฏิเสธไปแล้ว ไม่อยากให้คนอื่นลำบากมารอเขาทำงานเป็นชั่วโมงๆหรอกนะ

    “ผมจะไปรับ”

    “ห้ะ...” เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อนสิ

    “เลิกงานแล้วโทรบอก จะเดินไปรับเอง”

    “แต่ว่า...”

    “อย่าดื้อ”

    “...”

    “นะครับ” มือใหญ่ถูกวางลงบนหัวของเขา พร้อมกับลูบอย่างเบามือราวกับกลัวว่าเขาจะบุสลายถ้าอีกคนจับลงไปแรงๆ

    แล้วทำไม

    ใจมันเต้นแรงแบบนี้ล่ะเอย

    “พี่ยังไม่มีเบอร์เรา” ถามไปแบบนี้ แสดงว่ายอมหรอวะเอย

    ยอมเค้าไปแล้วหรอ

    “โทรศัพท์” ส่งให้อีกคนก็รับไปกด รอเพียงไม่นานเสียงโทรศัพท์ของตัวเองก็ดังขึ้นเป็นอันรับรู้ว่ามีเบอร์ของกันและกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “อย่าลืมโทรมานะ”

    “อื้อ”

    ปฏิเสธคนอื่นหัวชนฝาเรื่องไปรับ แต่ทำไมเด็กคนนี้

    เขากลับยอมง่ายๆ ...

    “เราสนิทกันมากขึ้นแล้วใช่มั้ยนะแบบนี้”

    “ก็...คงงั้น” คนพูดน้อยกลับกลายเป็นตัวเขาเองไปซะได้

    “เราคงสนิทกันแล้วแหละเนอะ” พูดเสร็จก็ได้แต่ส่งรอยยิ้มกลับไปให้เมื่อตอนนี้ไม่รู้ว่าต้องทำหน้ายังไงส่งไป ในใจมันร้อนรนแปลกๆราวกับไม่เคยเป็นมาก่อน

    คนสนิทที่เคยเป็นแค่น้องที่อยู่ห้องตรงข้าม

    อื้ม...น่ารัก

    ยืนน่ารักดี



    “มีคนแดกนมในร้านเหล้าว่ะ กูเป็นงง เพื่อนมึงมันเป็นไรมากป่ะวะซัม”

    “ไม่รู้ มึงไปถามมันดิ มันเมามั้ง”

    “นมเนี่ยนะ”



    #ยังไม่ได้ครอง(ใจ)เอย

    สรุปภารกิจ

    สำเร็จอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

    สถานะปัจจุบัน ; คนสนิท




    พี่เอย :: น้อนยืนต้องมารับจีงๆนะ ห้ามโกหกพี่เอยนะๆๆ 
    แตะมือสันยากันด้วยซี่ ยื่นมาแตะกันเดี๋ยวนี้เลยนะ !


    #เอยจะครองโลก



    Talk:

    เด็กมันเสียอาการ หน้าบานเป็นจานกระด้งแฮะ อิอิ 5555555555

    อยากขอบคุณสำหรับกำลังใจและฟีดแบคดีๆที่มีให้กันนะคะ จากยอดเฟบเล็กๆตอนนี้ 100 กว่าๆแล้ว (ใจหน่องไรต์ฟูเป็นไข่เจียว)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×