ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ห้า
5
โซฟาสีน้ำเงินเข้มกลางห้องถูกครอบครองไปทั้งตัวแถมคนนอนอยู่อย่างนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหนทั้งๆที่นอนเฉยๆแบบนี้มาทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว
วันนี้น่าเบื่อหน่ายกว่าที่คิด ...
ก็นะ จากแรกๆที่อารมณ์ดีจนใครด่าก็ไม่มีทางจะโกรธ แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขากำลังหงุดหงิด
หงุดหงิดกับคำพูดของเพื่อน
‘ทึกทักไปเองรึเปล่ามึงอ่ะ พี่เค้าคงจำมึงได้ตั้งนานแหละ ไหนบอกแรกๆเค้ายังเรียกชื่อมึงถูกอยู่เลย ลืมรึไง’
...
หรือว่าอาจจะคิดไปเองแบบที่ซัมมันบอกจริงๆ
แบบนี้ก็ภารกิจล้มเหลวงั้นสิ
“เฮ้อ” ถอนหายใจมาแล้วรอบที่ร้อยสามสิบแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่ามันดีขึ้นจนต้องยอมแพ้ลุกจากโซฟาไปเปลี่ยนชุดนักศึกษาออกเพื่อลงไปหาข้าวกินร้านประจำแถวๆตึกเผื่อว่าจะกลบเกลื่อนความเซ็งของตัวเองลงได้บ้าง
ไม่มากก็น้อยแหละ
“พี่ยืนนนนน นั่งเลยค่ะๆ เดี๋ยวกะทิไปเอาน้ำเย็นๆมาให้จ้า”
ร้านข้าวเจ้าประจำเป็นสิ่งที่เขาเลือกหลังจากที่ไปยืนเฝ้าหน้าเซเว่นมาเป็นเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆหลังจากที่ลงมาจากห้อง
ยืนเป็นยาม ทั้งๆที่ไม่รู้เหมือนกันว่ารอแล้วจะได้อะไร
เพราะวันนี้น่ะ
ยังไม่เจอพี่เอยเลยแม้แต่เงา ...
นาฬิกาข้อมือถูกหันขึ้นมาดูเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ท่าทางนิ่งๆแต่ภายในมันกำลังร้อนรน ดึกแล้ว แต่พี่เอยยังไม่กลับ เขาเดินย้อนไปดูที่บริษัททำงานของเจ้าตัว ก็ไม่มีวี่แววเลยสักนิดเดียว
เป็นห่วงแหละ เอาจริงๆ
ทางเดินแถวนั้นอันตรายจะตายไป
“ร้านนี้เลยจอมอร่อยจริงๆ ลองดู อร่อยทุกเมนู สั่งเลย เราเลี้ยงๆ” เสียงคุ้นหูทำเอาคนที่ก้มหน้าอยู่ในตอนนี้นั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง
“...” เสียงพี่เอยหรอ ?
“ขอบคุณนะเอย แต่เราเลี้ยงเอยดีกว่า”
พี่เอยจริงๆ ...
กับคนอีกคนที่คงจะสนิทกัน
“แต่จอมไปรับเราเลยนะ เราเลี้ยงแหละ” มีไปรับกันแล้วด้วยงั้นหรอ
“สงสัยต้องมากินข้าวกับเอยบ่อยๆแล้ว จะได้เลี้ยงเราทุกวัน” กินข้าวด้วยกันบ่อยๆ...
“ได้อยู่แล้วจอม แต่คราวหน้าไม่เลี้ยงแล้วนะ ฮ่าๆๆ”
แบงค์ร้อยถูกวางทันทีที่ข้าวผัดกุ้งของเขามาเสิร์ฟ เดินออกไปไม่ได้ยินเสียงเรียกจากใครทั้งสิ้น ส่วนอีกคนนั้นพี่เค้าไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะมีตัวตนอยู่ตรงนี้
ควรพอ (?)
อื้ม
คงจะควรเป็นแบบนั้นแล้วจริงๆ
เป็นแบบนั้นซะเมื่อไหร่ล่ะ ...
หลังจากที่เดินเล่นในสวนสาธารณะแถวนั้น ฟังเสียงเพื่อนที่เริ่มก่นด่าตัวเองในดิสคอสจนพอใจแล้ว ก็เห็นว่าควรจะต้องกลับ ได้อยู่คนเดียว คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็เพลินดี สมองมันโล่งขึ้นเยอะ
เรื่องพี่เอยน่ะ
ไม่ได้ถอดใจจริงๆหรอกนะ ก็คนมันชอบมาตั้งสามปีนี่เนอะ แต่ถ้าถามว่าเขาพอใจกับสถานะนี้มั้ย ...
ก็คงจะพอใจนั่นแหละ ขอแค่เห็นเค้าในสายตา
ขอแค่นั้นจริงๆ
ขายาวๆก้าวพาตัวเองไปยังที่ๆเขาต้องไปอย่างเชื่องช้า ท้องที่ไม่ได้มีอะไรตกถึงตั้งแต่เที่ยงเริ่มส่งเสียงประท้วง แต่ใครจะสน ประตูลิฟต์เปิดออกยังชั้นที่อยู่ กับทางเดินที่คุ้นเคย
และอีกคนที่เขาคุ้นเคยเช่นกัน
พี่เอย ...
“ยืน” ทำไมถึงยังไม่เข้าห้องล่ะ มายืนอยู่แบบนี้ทำไมวะ
“...”
“คือ...ป้าน้อยฝากเอาข้าว...มาให้”
“อืม” เขารับไป ไม่ได้ขอบคุณอะไรอีกคน ก่อนจะแตะคีย์การ์ดเพื่อเข้าห้อง แต่ชายเสื้อกลับโดนรั้งไว้ซะก่อน
“ครับ ?”
“ยืน...เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่า”
“ทำไมวิ่งออกไปแบบนั้น”
“สนใจด้วยหรอครับ”
“...”
“...”
เดดแอร์
กับความปากไวที่พาซวยแบบนี้
คนตัวเล็กตรงหน้าเม้มปากแล้วก็หลบสายตาออกไป คิ้วขมวดเข้าหากัน สีหน้าเหมือนกับคิดอะไรต่างๆก็ไม่รู้อยู่ในหัวเต็มไปหมด
แต่ก็พูดออกมาไม่ได้
รุ่นน้องตรงหน้ากำลังโกรธอะไรเขารึเปล่านะ ...
“เราเป็นคนรู้จักกัน ไม่ใช่หรอ”
“...”
“หรือพี่รู้จักยืนอยู่คนเดียวล่ะ ชื่อพี่ยืนยังไม่เคยเรียกเลยนะ”
“ผม...”
“งั้น...พี่ชื่อเอยนะครับ ทำงานแล้ว บริษัท xxx ที่เราเดินไปด้วยกันตอนนั้น” ท่าทางจริงจังของคนตรงหน้าทำเอาเขาเกือบจะหลุดขำออกมาเลยแฮะ
เหมือนเดจาวูวนย้อนกลับมาอีกครั้งเลยตอนนี้
‘เรียนเซนท์วีบริหารครับ อยู่ปีสาม ชื่อยืน’
“พี่อายุ 24 เพิ่งจบได้ไม่นาน ที่ทำงานนี้เป็นที่แรกที่พี่ยื่นไปและชอบที่นี่เอามากๆเลยด้วย”
“...”
“สายตาสั้นแบบนี้ว่าจะไปทำเลสิกอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่มีเวลาเลย ชอบสีม่วง อ้อ พี่ชอบกินข้าวผัดกุ้งมากๆด้วยนะ”
“...”
พี่เอยแม่งน่ารักมากๆตอนนี้
ไอ้ยืนจะตายครับ หมอ ! ช่วยผมด้วย
“แล้วยืนล่ะ” แล้วคำๆนั้นก็ทำเอาเขาหัวเราะออกมาจริงๆจนคนตรงหน้ามองอย่างอึ้งๆ คงจะไม่เคยเห็นเขาหัวเราะแน่ๆ ดูท่าทางแล้ว
ตาโตใส่ขนาดนี้
“ผมชื่อยืน ปีสามเรียนบริหาร เซนท์วี...” แล้วจากใบหน้าเครียดๆ ก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาให้เห็น
จนคนตัวเล็กเริ่มที่จะยิ้มตามมากขึ้น
“สอบชิงทุนเข้าเรียนได้ เล่นเทควันโด้และเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย อย่างที่เห็นผมสูงกว่าพี่ด้วย”
“อะไรกันเล่า!”
“ฮ่าๆ ผมพูดและแสดงสีหน้าไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่”
“...”
“และผมชอบข้าวผัดกุ้งเหมือนกันครับ” และตอนนี้รอยยิ้มในตอนแรกมันมากขึ้นไปกว่าเดิม จนกลายเป็นความสดใสที่อยากจะมองเก็บไว้นานๆถ้าทำได้
รอยยิ้มพี่เอยเหมือนเป็นพลังงานชีวิตยังไงยังงั้น
“เรารู้จักกันรึยังครับพี่เอย”
“อื้อ เรารู้จักกันจริงๆแล้วนะ” อีกคนชูข้าวกล่องที่ถือมาอีกอันให้เขาดู ก่อนจะพูดขึ้น
“คนรู้จักกินข้าวผัดกุ้งด้วยกันได้แล้วใช่มั้ย”
“คนรู้จักจะล้างจานให้พี่ด้วยเลยครับ” เท่านั้นแหละเขาทั้งคู่ก็หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน ราวกับว่าความสัมพันธ์ที่มันตึงและเรียบเฉยมาตั้งสามปีได้ค่อยๆดีขึ้น
และมันจะดีกว่านี้
เขารับรอง
:)
สถานะปัจจุบัน : คนรู้จัก(จริงๆสักที)
พี่เอย :: ง้อๆๆๆๆ เอาข้าวผัดจุ้งมาง้อแล้วนะน้อนยืน
#เอยจะครองโลก
Talk:
กินข้าวเย็นด้วยกัน แอบบอกว่ารักกัน ได้มั้ยนะได้มั้ยนะ 5555555
มาให้กำลังใจและซัพพอร์ตเด็กๆทั้ง 11 คนกันนะคะ เราเชื่อว่าเค้าจะยังอยู่ด้วยกัน จับมือกอดแมวไว้ด้วยกันนะคะพวกเรา ♡´・ᴗ・`♡
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น