ตอนที่ 18 : Chapter 18 + พรีวิวรูปเล่ม
Chapter 18
“ดรีมเมอร์” จีมินทักชายหนุ่มที่เดินไล่หลังเขามาติดๆ เขาชะลอฝีเท้ารออีกฝ่าย ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินลงไปยังห้องโถงด้วยกัน ซอกจินกวาดตามองพวกเขาก่อนจะถามว่า “จองกุกยังหาแทฮยองไม่เจออีกเหรอ”
“หาไม่ง่ายน่ะสิ” โฮซอกตอบพลางนิ่วหน้า “เมื่อกี้ฉันช่วยซีกเกอร์หาไฮด์ ปรากฏว่าเขาติดอยู่ในอุโมงอะไรสักอย่างที่เต็มไปด้วยแสงวิบวับ ซีกบอกว่ารู้ว่าไฮด์อยู่ในตำแหน่งไหน แต่หาทางเข้าไม่เจอ ส่วนไฮด์ก็เขียนอักษรเอลฮาสไว้บนผนังด้วย ซีกเลยหาวิธีตามตัวเขาเจอ ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปช่วยแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนนะ” นัมจุนขยับตัวลุกขึ้นยืนทันที “นายบอกว่ารู้ตำแหน่งแต่หาทางเข้าไม่เจอเหรอ แล้วแทฮยองก็เขียนอักษรเอลฮาสเอาไว้ด้วย นี่มันหมายความว่ายังไง”
“หืม” โฮซอกมองเขากลับด้วยสายตาตั้งคำถาม “แล้วฉันควรเห็นแทฮยองของนายตกอยู่ในสภาพไหนเหรอ”
“นายเจออะไรมาในห้องปริศนา โฮซอก” ซอกจินรีบตั้งคำถามทันที
“แค่ถูกขังเอาไว้เฉยๆ รู้เอาไว้เลยว่านั่นล่ะสิ่งที่ทำให้ฉันกลัวที่สุดในโลก” โฮซอกตอบ ก่อนจะสังเกตุเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของคนอื่นๆรวมถึงจีมินที่ยืนอยู่ข้างเขาด้วย มีเพียงเฮลล่าคนเดียวที่นั่งยิ้มอยู่ เขาจึงย้อนถามว่า “พวกนายเจออะไรกันมา”
“อาคม” ยุนกิตอบเขา “อาคมที่จะทำให้นายกลับไปอยู่ในช่วงเวลาที่ทำให้นายไม่อาจได้สติกลับคืนมาง่ายๆ เหตุการณ์ที่นายเจ็บปวดที่สุด เหตุการณ์ที่นายล้มเหลวที่สุด อะไรพวกนั้น”
“หรือเหตุการณ์ที่มีความสุขที่สุดจนไม่อยากให้มันหยุดลง” จีมินเสริมพลางสบตากับยุนกิ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วกล่าวว่า “ทุกห้องต้องมีประตู เว้นเสียแต่ว่าห้องที่แทฮยองเข้าไปนั้นไม่เหมือนกับห้องที่พวกเราเข้าไป”
“ไม่เหมือนหรอก” ราชินีแห่งเฮลไฮล์มพลันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เขาไม่ได้เข้าไปในห้องปริศนาที่บิดาของข้าสร้าง แต่เข้าไปในห้องที่ข้าสร้างต่างหาก”
ซอกจินผุดลุกขึ้นยืนตามนัมจุนอีกคน ดวงตาของเขาฉายแววอันตรายอย่างยิ่ง “ท่านทำอะไรเขา”
เขาเพิ่งจะถูกตอกย้ำอดีตเรื่องน้องสาวมาหมาดๆ ตอนนี้น้องชายดูเหมือนกำลังเกิดเรื่อง โทสะของเขาพุ่งพล่านจนแทบระงับไม่อยู่ ร่างเริ่มจะเรืองแสงสีดำจางๆออกมาจนยุนกิที่นั่งอยู่ข้างๆต้องวางมือลงบนไหล่เป็นเชิงปราม
“จองกุกไปช่วยเขาอยู่ เขาจะต้องไม่เป็นอะไร”
“เขาไม่เป็นอะไรมากหรอก ข้าแค่แก้แค้นเขานิดหน่อย” เฮลล่าเอ่ยยิ้มๆ ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสายตาที่แทบลุกเป็นไฟของคนตระกูลคิมในชาตินี้ทั้งสองคน “ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้เขาสะกดข้าเอาไว้ด้วยพลังของเขาเล่า ข้าก็เลยเอาคืนนิดหน่อย จริงๆตอนแรกเขาก็เข้าไปเจอด่านปริศนาเหมือนพวกเจ้านั่นแหละ แค่หลังจากที่เขาหลุดออกมาได้แล้ว เขาก็จะยังไม่อาจหาทางออกได้ จนกว่าจะมีคนไปช่วยเขาออกมา”
“ท่าน...ปิดตายทางออกจากห้องปริศนา?” นัมจุนคาดเดา
“ใช่ และข้ายังทำลายหนทางที่เขาจะติดต่อกับคนภายนอกด้วย คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังฉลาดพอจะทำข้อความเอาไว้ เพื่อรอให้ผู้วาดฝันใช้นิมิตมองไป ข้าดูเบาเขาเกินไปกระมัง” เฮลล่ายกมือขึ้นเท้าคาง รอยยิ้มบนใบหน้ายังไม่จางหายไปไหน “ที่นี้ก็มารอดูกันดีกว่าว่าผู้แสวงหาจะตามหาตัวผู้หลบซ่อนเจอหรือไม่”
ตุบ!
ร่างของแทฮยองพลันร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นอย่างแรง เขามองดูประตูที่อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาด้วยสีหน้ามึนงง เขายังใม่ทันได้ตั้งตัวดี แค่เปิดประตูบานที่อยู่ตรงหน้าแล้วก้าวเข้ามา พื้นที่เท้าแตะลงไปก็หายวับไป แล้วร่างของเขาก็ร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงลงบนพื้น
โชคดีที่มันไม่สูงมากเท่าไรนัก แทฮยองรู้สึกว่าหัวเข่ากับฝ่ามือเจ็บแปลบเล็กน้อย แต่เขาก็เพียงใช้พลังเวทมนตร์เล็กๆน้อยๆรักษาตัวเองขณะที่กวาดสายตามองดูสถานที่ที่เขาตกลงมา
มันเป็นห้องเพดานสูงที่โค้งมน มองผ่านๆเหมือนอุโมงค์รถไฟใต้ดินที่เห็นในภาพยนตร์
เพราะ Ghost Town ไม่มีรถไฟฟ้าใต้ดิน เขาเลยไม่แน่ใจว่ามันคล้ายกันกับของจริงมากน้อยแค่ไหน แต่แทฮยองรับรู้ได้ในทันทีว่าสถานที่นี้ไม่ปกติอย่างแน่นอน
เพราะมันเงียบเกินไป นิ่งเกินไป
โลกมีเสียงตลอดเวลา คลื่นต่างๆก็ไม่เคยหยุดนิ่งเช่นกัน พวกมันเคลื่อนที่ตลอดเวลา
หากจะบอกว่าเพราะที่นี่คือเฮลไฮล์มไม่ใช่มิดการ์ดก็ไม่ถือว่าถูกต้อง ยิ่งเป็นเฮลไฮล์มเขายิ่งควรจะได้ยินเสียงของคลื่นพลังงานต่างๆ นี่ไม่ใช่ดินแดนของวิญญาณหรอกหรือ วิญญาณคือคลื่นพลังชนิดหนึ่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ได้ยินอะไรเลย
ดังนั้นห้องนี้ต้องมีปัญหาแน่
“ทริสทาน”
เฮือก!
เสียงเรียกชื่อเดิมในอดีตของเขาดังกังวานมาจากที่ไหนสักแห่งในอุโมงค์ ส่งผลให้แทฮยองที่กำลังพยายามจับต้นชนปลายสถานที่ที่เขาอยู่นี้สะดุ้งสุดตัว เด็กหนุ่มรีบรวบรวมสมาธิที่แตกกระจายแล้วหันไปมองทางต้นเสียง
นิ้วของเขาวาดไปในอากาศ ก่อนที่อักษร ᛋ จะปรากฏขึ้นแล้วพุ่งออกไปยังทิศทางนั้น
อักษรซีเกลแห่งแสงสว่างของเขาสว่างวาบ เผยให้เห็นเพียงห้องโล่งๆชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นแสงจากอักษรรูนก็ดับวูบไปในทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
“ใข้รูนไม่ได้?”
แทฮยองลองวาดอักษรรูนสุ่มๆขึ้นมาอีกหลายตัว พวกมันล้วนแต่แสดงพลังเพียงวูบเดียวแล้วก็สลายหายไป เขาทดลองใช้เวทมนตร์บางบทบ้างนอกจากเวทมนตร์รักษาที่ใช้ไปก่อนหน้านี้ ค่อยพบว่าเวทมนตร์ยังสามารถใช้ได้อยู่
โชคร้ายตรงที่เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ถนัดใช้เวทมนตร์นัก
แทฮยองค่อยๆเดินคลำทางไปจนกระทั่งเจอผนัง เขาทาบฝ่ามือลงบนผนังแล้วหลับตาลง
“ทริสทาน”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกแล้ว
“เจ้ามันไร้ประโยชน์”
“ไม่รู้ว่าจะเกิดมาทำไม”
“อาณาจักรของเราร่ำรวย เลี้ยงเจ้าชายไร้ประโยชน์เอาไว้สักคนคงไม่เสียหายอะไรหรอก”
แพขนตาของเด็กหนุ่มสั่นไหว เสียงเหล่านั้นคล้ายกับคมมีดที่กรีดร่างกายของเขาอย่างช้าๆ แผลเก่าเมื่อครั้งยังเป็นเจ้าชายแห่งแคว้นแคว้นหนึ่งถูกเปิดออกอีกครั้ง
“ต่อสู้ก็ไม่ได้เรื่อง การปกครองก็วิสัยทัศน์คับแคบ”
“นอกจากหน้าตาที่หล่อเหลางดงามเหมือนองค์ราชีนีแล้วก็ไม่มีอะไรดีอีกเลย”
“ราชา ทรงคิดเรื่องรับอุปการะบุตรบุญธรรม หรือแต่งตั้งราชินีองค์ใหม่เพื่อให้กำเนิดพระโอรสอีกองค์เถิดพะย่ะค่ะ”
แทฮยองทรุดฮวบลงบนพื้น แม้มีเพียงเสียงที่ดังขึ้นแต่ภาพความทรงจำทั้งหมดก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขาเป็นฉากๆ นี่คือภาพที่เคยเกิดขึ้นจริงในอดีต เป็นเขาที่ยืนอยู่หน้าห้องทรงงานของเสด็จพ่อผู้เป็นราชาของแคว้นทางตอนเหนือแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากจักรวรรดิของราชานิโคลัสนัก และได้ยินคำพูดพวกนั้นทั้งหมดเต็มสองหู
แคว้นของเขาขึ้นชื่อในเรื่องของทองคำและแร่โลหะต่างๆ
ทริสทานเป็นเจ้าชายที่ไม่เก่งเรื่องการต่อสู้และไม่เก่งเรื่องการปกครอง สิ่งเดียวที่เขามีพรสวรรค์ติดตัวมาคือการเล่นแร่แปรธาตุ เขาสามารถใช้แร่หลายชนิดรวมเข้าด้วยกันแล้วผสมเป็นทองคำออกมาได้ นั่นยิ่งสร้างรายได้ให้กับแคว้น แต่ความสามารถเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้เป็นราชาองค์ต่อไปจำเป็นต้องมี
นี่เป็นความลับ...ที่นอกจากอาจารย์แล้วก็ไม่มีทูตคนไหนรู้
แม้แต่จูเลียสก็ไม่เคยรู้อดีตส่วนนี้ของเขา
ตึง!
แทฮยองทุบมือเข้ากับกำแพง ที่หัวตาของเขามีหยดน้ำตาซึมออกมา ขณะที่มันไหลลงอาบแก้ม เด็กหนุ่มพลันลืมตาขึ้น ในดวงตาคือโทสะที่ลุกโหมจนแทบไม่อาจสะกดกลั้น
คลื่นพลังไร้สีแผ่ออกจากร่างของเขาอย่างรุนแรง ทำเอาผนังรอบด้านสั่นกราว เสียงดังเปรี๊ยะเกิดขึ้น ก่อนที่แทฮยองจะถูกพลังบางอย่างดีดจนต้องกลิ้งตัวไปบนพื้นเพื่อลดทอนแรงกระแทก
เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็พบว่าห้องที่เมื่อครู่นี้ว่างเปล่านั้นไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไป
บนผนังทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยสิ่งของที่เขาคุ้นเคยดี เพราะเขามักจะใช้มันเสมอ
มันคือโทรศัพท์สมาร์ทโฟนนับร้อยเครื่อง...
แทฮยองยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พลางหยิบเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา เขาไม่แปลกใจที่เห็นหน้าจอปรากฏเครื่องหมายไร้สัญญาณ เครือข่ายโทรศัพท์อาจมีการใช้งานข้ามประเทศได้ แต่คงไม่อาจสัญญาณดีข้ามโลกมาได้แน่
ในเมื่อโทรศัพท์ของเขาไม่มีสัญญาณ แล้วทำไมเขาถึงรับรู้ได้ถึงสัญญาณจากโทรศัพท์พวกนี้กันล่ะ
ทันใดนั้นเองแสงจากหน้าจอโทรศัพท์บนผนังพลันสว่างวาบ คลื่นสัญญาณจากโทรศัพท์นับร้อยเครื่องแผ่กระจายออกมา โจมตีจนสมองของแทฮยองอื้ออึงไปหมด ร่างซวนเซเดินไม่รู้ทิศทาง เขารู้สึกว่าหัวสมองของตัวเองเริ่มออกอาการเบลอจนต้องรีบปิดจิตของตัวเองเอาไว้
เมื่อปิดจิตของตัวเองได้สำเร็จ สติเริ่มแจ่มชัดอีกครั้ง สีหน้าของเด็กหนุ่มก็เต็มไปด้วยร่องรอยของการไม่สบอารมณ์
เขารู้ว่านี่คือการแก้แค้นของเฮลล่า
เขารู้เพราะว่านี่คือวิธีการเดียวกับที่ก่อนหน้านี้ เขาใช้สะกดให้นางหลับ
เขาใช้โทรศัพท์มือถือปล่อยคลื่นใส่นาง นางจึงใช้วิธีการเดียวกันนั้นมาแก้แค้นเขา ทำให้เขาไม่อาจติดต่อคนที่อยู่ด้านนอกให้มาช่วยได้
“ให้ตาย” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด “แบบนี้จะติดต่อกับจองกุกหรือคนอื่นๆได้ยังไง”
ในเมื่อเขาส่งพลังจิตออกไปหาคนอื่นๆไม่ได้ คนอื่นๆเองก็คงไม่มีทางส่งพลังจิตมาตามหาตัวเขาได้หรอก แต่ถ้าเป็นจองกุกที่มีพลังในการค้นหาก็ไม่แน่ แต่ในเมื่อเฮลล่าจงใจกลั่นแกล้งกันแบบนี้ เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่านางต้องไม่ยอมให้จองกุกหาเขาเจอง่ายๆเช่นกัน
แทฮยองครุ่นคิดอยู่นานหลายนาทีก่อนจะปรบมือเสียงดัง
เขาอาจไม่ได้เรื่องในด้านการต่อสู้หรือการปกครอง แต่เขาไม่ได้เป็นคนโง่
อย่างน้อยๆเขาก็รู้ว่าคลื่นพวกนี้รบกวนพลังจิตได้ แต่ไม่อาจรบกวนไม่ให้คนบางคนใช้นิมิตตรวจสอบเข้ามาได้
เขาต้องหาทางบอกใบ้ให้ดรีมเมอร์รู้ หากอีกฝ่ายใช้นิมิตมองมาที่นี่
แต่...ในเมื่อใช้รูนไม่ได้เขาจะทำอย่างไรดี
เด็กหนุ่มเหลือบซ้ายแลขวา หน้าจอโทรศัพท์ยังสว่างวาบอยู่โดยรอบ ทำให้สามารถมองเห็นสภาพของห้องห้องนี้ได้ แทฮยองกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น ก่อนจะหลุบสายตาลงจ้องมองมัน
โทรศัพท์มือถือในมือของเขาถูกพลังจิตของเขาทำให้มันสลายกลายเป็นผุยผง
“เยี่ยม ใช้รูนไม่ได้ ใช้พลังจิตส่งออกไปนอกห้องไม่ได้ แต่ยังใช้พลังจิตควบคุมอนุภาคของวัตถุได้อยู่” แทฮยองมีสีหน้าดีขึ้นไม่น้อย เขาไม่มีปัญญาทำลายห้องห้องนี้ทั้งห้อง ที่จริง...หากทุ่มพลังเต็มที่ก็ย่อมสามารถทำได้ แต่ในเมื่อมันดูเหมือนอุโมงใต้ดิน เขาจะเอาอะไรมารับประกันกับชีวิตตัวเองว่าถ้าทำลายห้องห้องนี้ไปแล้วพระราชวังของเฮลล่าจะไม่ถล่มลงมาทับเขาตาย
ดังนั้นแทฮยองจึงเลือกมือถือสองสามเครื่องบนผนัง ทำลายพวกมันให้สลายกลายเป็นผง จากนั้นใช้ผงของพวกมันวาดเป็นตัวอักษรรูนเอลฮาสบนกำแพง
“ถ้าหากจองกุกใช้รูนเอลฮาส จะต้องหาทางมาที่นี่เจอแน่” แทฮยองกล่าวด้วยความมั่นใจที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหนมากมาย แต่เขารู้ว่าจองกุกจะต้องพยายามหาทางมาหาเขาได้แน่
แทฮยองยืนอย่างสงบนิ่งอยู่กลางห้องห้องนั้น
รอคอย...
นานหลายนาทีทีเดียว กว่าจะมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ด้านบน แทฮยองเงยหน้าขึ้น ขณะที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร เขาก็ได้ยินเสียงจองกุกตะโกนเรียก
“แทฮยอง!”
“จองกุก!” เขาตะโกนตอบ ลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงไหม
“ใต้ดิน...” เขาได้ยินเสียงจองกุกพึมพำ จากนั้นจึงได้ยินเสียงเคาะไปเรื่อยๆ ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังหาทางเปิดประตู แทฮยองที่อยู่ข้างใต้ถอนหายใจ เขาเองก็จนปัญญาเพราะห้องห้องนี้ไม่มีประตู อีกทั้งดูไปแล้ว จองกุกก็ไม่ได้ยินเสียงของเขา แต่เดาเอาจากสัญชาตญาณที่ถูกขัดเกลาจนคมชัดโดยรูนเอลฮาสมากกว่า
เขาต้องทำอะไรสักอย่าง
แทฮยองตัดสินใจลองเปิดจิตอีกครั้ง หวังว่าจะส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้จองกุกที่อยู่ด้านบนได้ แต่ทันทีที่เปิดจิตออก คลื่นจากโทรศัพท์มือถือบนผนังก็จู่โจมเขาเข้ามาแทบจะในทันที จนแทฮยองต้องลงไปคุกเข่าบนพื้นอีกครั้ง
เขาโกรธจริงๆแล้ว
เด็กหนุ่มเรียกหน้ากากออกมาจากนั้นสวมมันลงบนใบหน้า ดวงตาเบื้องหลังหน้ากากของเขาทอประกายกร้าว เด็กหนุ่มยังอยู่ในท่าคุกเข่า ทว่ามือทั้งสองข้างของเขายกขึ้นมา ฝ่ามือทั้งสองข้างหันไปยังผนังห้องสองด้าน จากนั้นก็ค่อยๆรวบนิ้วมือเข้ามาจนกลายเป็นกำปั้น
ครืน....
โทรศัพท์มือถือทุกเครื่องบนผนังพลันถูกพลังบางอย่างบีบอัดจนกลายเป็นผุยผง ฝุ่นผงร่วงกราวลงมาบนพื้นจนร่างของแทฮยองเต็มไปด้วยผงสีขาว เด็กหนุ่มไม่ได้ใส่ใจจะปัดมันออก เขาเพียงแต่ส่งพลังจิตออกไปเป็นคลื่นอันรุนแรง
“จองกุก!”
“แทฮยอง” จองกุกที่อยู่ด้านบนขานรับทันที น้ำเสียงดีใจของเขาทำให้แทฮยองค่อยๆคลายโทสะลง เขาส่งข้อความทางจิตไปหาอีกฝ่ายทันทีเมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรมาขัดขวางเขาอีกแล้ว “จองกุก ฉันเพิ่งทำลายคลื่นที่กักพลังจิตของฉันได้ ฉันอยู่ข้างล่างนาย แต่ห้องนี้ไม่มีประตู”
“ขอแค่จับพลังจิตของนายได้ ไม่จำเป็นต้องมีประตูหรอก”
เสียงของจองกุกดังขึ้นที่ตรงหน้า ก่อนร่างของอีกฝ่ายจะปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขา จองกุกรีบประคองแทฮยองให้ลุกขึ้นพลางช่วยปัดฝุ่นผงบนเสื้อผ้าของเขา
แทฮยองจ้องมองเขา
จองกุกเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา อีกฝ่ายปลดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวแต่ก็ดูมีความสุขมาก จองกุกเก็บหน้ากากของตัวเองแล้วจึงยื่นมือมาปลดหน้ากากของแทฮยองออก มองดูสีหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่ายก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“ฉันหานายเจอแล้ว”
“อืม”
จองกุกดึงร่างแทฮยองเข้ามากอดแน่นๆก่อนจะปล่อยออกอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มเอ่ยยิ้มๆว่า “เอาล่ะ นี่ไม่ใช่เวลาที่ฉันจะมาแสดงความรักกับนาย ทุกคนรอเราอยู่ และอิกดราซิลก็รอเราอยู่เหมือนกัน”
“นั่นสินะ” แทฮยองรับหน้ากากคืนมาจากจองกุกแล้วเก็บมันไป “แต่ก่อนอื่นเลย นายรีบพาฉันไปหาเฮลล่าหน่อย เพราะฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับเจ้าหล่อนเยอะเลย”
บนใบหน้าของจองกุกมีแต่รอยยิ้มอ่อนโยน “ได้สิ” เขาตอบรับทันที พลางยื่นมือมาให้แทฮยอง
แทฮยองมองดูมือที่ยื่นมาให้ ก่อนจะจับมือข้างนั้นเอาไว้แน่น
นี่คือมือข้างที่ไม่เคยนำทางเขาผิดพลาดเลยสักครั้ง
เป็นมือข้างที่พาเขาเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้องเสมอมา
เป็นมือ...ของคนที่เขาเชื่อมั่นที่สุด
เขาที่ไม่เคยมีใครรู้สึกว่าสำคัญ กลับมีคนคนนี้ที่คอยจับมือเขาเอาไว้แล้วนำทางเขาไปสู่จุดหมายได้เสมอ
คงเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง ตอนนั้นเขาถึงได้ตกหลุมรักเจ้าขอทานนิสัยแปลกคนนี้เข้า
“ไปกันเถอะ” จองกุกกระชับมือของเขา ก่อนจะพาเขาออกจากห้องห้องนี้ กลับคืนสู่โลกที่เต็มไปด้วยสรรพเสียงอีกครั้ง
เมื่อตอนกลางวันของ เอ่อ ต้องเรียกเมื่อวานนี้เนาะ เราได้ลงรูปตัวอย่างหน้าปกของฟิคเรื่องนี้ฉบับรวมเล่มในทวิตเตอร์ไปแล้ว ผลตอบรับดีมากเลย ดังนั้นตอนนี้เราเลยจะมาลงตัวอย่างคร่าวๆของหน้าปก และของแถมต่างๆในเซ็ตให้นักอ่านทางเด็กดีได้ยลโฉมกันด้วย
เพราะต้องบอกก่อนเลยว่า ลงตอนจบปุ๊บ ลงฟอร์มพรีฟิคตามมาเลยนะคะ
(ซึ่งยังไม่ใช่ตอนหน้า ไม่ต้องตกใจ เราน่าจะเปิดพรีสักวันที่ 3 ช่วงเย็นๆค่ะ)
รูปด้านล่างนี่คือพรีวิวของทั้งหมดในเซ็ตนะคะ จะประกอบไปด้วย หนังสือ 1 เล่ม (ปกดำที่มีอิกดราซิล) ปกแจ็กเก็ต 1 ใบ (ปกด้านล่างที่เป็นรูป Dead tree) โปสการ์ดลายผู้แสวงหา 1 ใบ และที่คั่นหนังสือทั้งหมด 5 ลาย ค่ะ
นอกจากตอนทั้งหมด 20 ตอน (หรืออาจ 21 ตอน) ยังจะมีตอนพิเศษแถมในเล่มให้อีก 5 ตอนนะคะ เป็นภาคอดีตของเหล่าทูตค่ะ เน้นคู่กุกวี ยุนมิน นัมจิน ตามลำดับนะคะ
ทั้งหมดนี้อยู่ในราคาไม่เกิน 3XX บาท เดี๋ยวขอเราดูจำนวนหน้าหลังเขียนจบก่อน55555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฮื่ออออ จกุ๊กกับแทนี่คือบับเนื้อคุ่!
เปิดพรีเมื่อไหร่...หึหึหึ ไม่ต้องกินแล้วค่ะข้าว 555
//แทฮยองปล่อยนางไปเถะถือซะว่าหายกัน 555
แงงง้ กุกวีคือดีย์มากอบอุ่นมากมือที่เคยจับความเชื่อใจที่มีให้กันมันแบบฮื่ออออดีมากกก
ประทับใจ
ปล.หนังสือสวยมากๆเลยค่ะ