NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ▴ PLUTONIUM • Short Fanfiction ▾

    ลำดับตอนที่ #6 : ▴[AU Fic Spideypool] DANGEROUSLY (Wade x Peter)-Part4 🚨NC🚨

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 65


    คำแนะนำก่อนอ่าน

    *คำเตือน มีคำบรรยายถึงกิจกรรมทางเพศ ไม่เหมาะสมสำหรับผู้อ่านที่อายุน้อยกว่า 18 ปีค่ะ*

    เพื่ออรรถรสในการอ่าน แนะนำให้เปิดเพลงคลอไปด้วยนะคะ :)










    DANGEROUSLY









    Manhattan, New York City ; 9:23 AM

     

              นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้ลงมาเดินขวักไขว่ท่ามกลางผู้คนที่วุ่นวายแบบนี้ พาลให้นึกถึงสมัยที่ยังทำงานอยู่ที่เดลี่ บูเกิ้ล ชีวิตในช่วงนั้นดิ้นรนอยู่กับการหารายได้เพื่อพยุงครอบครัวของตัวเอง การถูกเจ้านายก่นด่าคงเป็นกิจวัตรประจำวันที่เลี่ยงไม่ได้

     

              ช่วงสายของถนนในแมนฮัตตันแออัดไปด้วยผู้คนเดินเบียดไหล่กันเต็มไหล่ทาง ชีวิตคนเมืองที่วุ่นวายถ่ายทอดออกมาผ่านกิจวัตรระหว่างก้าวเดิน บ้างก็หยิบมือถือขึ้นมาคุยงาน บ้างก็รับประทานอาหารฟาสฟู้ดเพราะเป็นตัวเลือกแรกที่หารับประทานได้ง่ายและประหยัดเวลา ไม่เว้นแม้แต่พาหนะที่จอดเรียงรายกันเต็มพื้นถนนเนื่องจากการจราจรที่ติดขัด เสียงแตรดังไล่มาเป็นระยะชวนให้รู้สึกหงุดหงิด

     

              อากาศวันนี้อบอุ่นขึ้นกว่าเมื่อวานนัก แต่ความเย็นก็ทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะหาเสื้อกันหนาวหนาๆสักตัวมาสวมใส่ ปลายเท้าที่สวมรองเท้าผ้าใบก้าวเดินออกไปตามทางยาว มือเรียวคลายผ้าพันคอที่เคยใช้มันปิดบังใบหน้าของตนให้หลวมลง เผยให้เห็นพลาสเตอร์ปิดแผลขนาดไม่ใหญ่มากบริเวณลำคอ

     

              มีบางสิ่งดลใจให้วันนี้ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์เลือกที่จะเดินออกจากบ้านด้วยชุดธรรมดาที่กลมกลืนไปกับฝูงชน ไม่ใช่ชุดสูทราคาแพงหรือแม้แต่ชุดสไปเดอร์แมนที่สวมใส่เมื่อต้องการไปถึงที่หมายในเวลาอันสั้น

     

              เสียงปลายเท้าคู่หนึ่งที่แตะสัมผัสพื้นดังขึ้นราวกับกำลังสดับทุกสิ่งให้หยุดนิ่ง ร่างโตในชุดสีแดงประดับหนังเดินเข้ามาขวางขณะที่ปีเตอร์กำลังจะก้าวเดินออกไปบนทางม้าลาย พวกเขาพบกันที่หัวมุมถนนซึ่งมีร้านเบเกอรี่เป็นฉากประดับ ดวงตาภายใต้หน้ากากหยีเล็กลงพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่โบกทักทาย

     

    แม้ว่าการพบเจอครั้งนี้จะแลกมากับการเสี่ยงด้วยชีวิต แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ถูกเตรียมการไว้อยู่แล้ว...

     

    สวัสดีตอนสายๆนะคุณประธาน ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่เลย ” มันช่างเป็นคำพูดทักทายที่กวนประสาทที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา

     

    จำได้ว่าผมกับคุณไม่เคยรู้จักกันนะ ” ปีเตอร์ถอยหลังออกมาสองสามก้าวโดยอัตโนมัติ มือข้างหนึ่งที่มีเครื่องมือสื่อสารกดต่อสายถึงใครคนหนึ่ง ณ ตอนนี้เขาไม่มีอุปกรณ์ใดจะใช้ต่อกรกับคนตรงหน้าได้เลยสักอย่าง ถึงสู้ไปก็ตกเป็นเบี้ยล่างสถานเดียว

     

    เขารู้จักเวด วิลสัน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ...เพียงแต่ชายคนนั้นไม่รู้จักปีเตอร์ ปาร์คเกอร์

     

    ขี้ระแวงจังเลยนะ ทำไมถึงถอยหลังไปซะตั้งไกลล่ะ ”

     

              ร่างที่สูงกว่าสับขายาวเข้ามาใกล้เพื่อลดระยะสนทนาลง ระยะเวลาเพียงสั้นๆที่แขนกำยำนั้นยื่นมาไว้ตรงหน้า แต่ปีเตอร์ก็ปัดมันออกอย่างแรงทันทีเสียจนผ้าพันคอที่ผูกไว้อยู่หลุดลุ่ยไม่เป็นท่า

     

              อาจเป็นความบังเอิญหรือความผิดพลาดของคนตัวเล็กกว่า ผ้าพันคอผืนนั้นร่วงลงสู่พื้นคอนกรีตตามแรงโน้มถ่วงของโลก เผยให้เห็นใบหน้าคมและพลาสเตอร์สีขาวอย่างชัดเจนจนเผลอสะกดคนมองไปชั่วขณะ

     

    เวดคว้าปืนสั้นมาอยู่ในมืออย่างรวดเร็ว ปลายกระบอกแตะเข้ากับหว่างคิ้วของชายตรงหน้า

     

    เดาถูกแล้วล่ะ คราวนี้นายเลือกสถานที่ตายได้เปิดเผยดีนะ ”

     

              เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเลือดเย็น บางสิ่งทำให้ความคิดของเวดสับสน จังหวะการเหนี่ยวไกจึงอ้อยอิ่งกว่างานปกติที่เคยได้รับนัก ซ้ำร้ายปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ที่แม้แววตาจะเกรงกลัวต่อความตาย แต่ก็เหยียดยิ้มน้อยๆเหมือนกับต้องการเย้ยหยันคนมอง

     

    แน่ใจแล้วหรือไงว่านายทำแบบนั้นได้? ”

     

              อาศัยช่วงจังหวะแห่งความงุนงง ร่างที่เล็กกว่าถูกคว้าไปโดยใครอีกคนอย่างรวดเร็ว เดดพูลได้แต่มองภาพปีเตอร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของสไปเดอร์แมนด้วยความประหลาดใจ ใยแมงมุมที่แม้จะดูบอบบางแต่ก็สามารถพาร่างของคนทั้งสองโฉบผ่านยอดตึกไปอย่างง่ายดาย

     

    โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง...

     

    ขอบคุณนะโฮบี้ คุณช่วยผมไว้ได้ทันเวลาพอดี ”

     

    ปีเตอร์เอ่ยสนทนา ในหน้านั้นระบายยิ้มพอใจ

     

    เดดพูลยังไม่ทันที่จะเหนี่ยวไกปืนเลยด้วยซ้ำ ได้แต่หวังว่าเขาจะเชื่อการแสดงต้นทุนต่ำนี้ต่อไปอีกซักระยะ

     

     

     

     

     

     

     

     

    Manhattan, New York City ; 7:49 PM

     

              วันนั้นทั้งวันโฮบี้ บราวน์อาสาอารักขาปีเตอร์ในสถานะสไปเดอร์แมนตัวปลอมจนถึงเย็น เขาส่งประธานบริษัทคนนั้นถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ร่างสูงก้าวไปตามท้องถนนในยามค่ำคืนอย่างใจเย็น หยิบสมาร์ทโฟนคู่ใจขึ้นมาเลื่อนดูความเคลื่อนไหวของข่าวสารประจำวัน

     

    นานๆได้รับงานแบบนี้ทีมันก็น่าสนุกอยู่เหมือนกัน...

     

    ไฮ~สไปดี้ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน! ”

     

              แต่แล้วเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้นมาจากด้านหน้า ผู้ชายตัวโตโบกมือทักทายด้วยท่าทีสะดีดสะดิ้งผิดกับอายุ ก่อนปลายเท้าทั้งคู่จะรีบพุ่งเข้ามาทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไว้กับเขา

     

              ผู้ชายที่กำลังโดนอุ้มอยู่ในท่าเจ้าสาวคนนี้คือเวด วิลสัน โฮบี้เคยเจอกันหลายครั้งขณะที่เขาปลอมตัวเป็นสไปเดอร์แมน พวกเขารู้จักกันแต่ก็ไม่ได้สนิทถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัวเช่นตอนนี้ นึกแปลกใจว่าสไปเดอร์แมนตัวจริงไปสนิทสนมกับคนสติไม่เต็มเต็งคนนี้ตั้งแต่เมื่อไร

     

    ตัวนายโคตรหนักเลยเพื่อน ช่วยรีบๆออกไปทีได้ไหม ”

     

    โหดร้ายชะมัด นั่นคือคำทักทายของนายหรือไง เรากลายเป็นอะไรกันไปแล้ว ” คนในชุดแดงตีหน้าเศร้า ขณะที่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากร่างของคนตัวเล็กกว่า

     

    สไปดี้ดูสุขุมกว่าทุกครั้ง นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกได้

     

    อย่าเมินกันแบบนี้สิ ไปทำเรื่องสนุกๆกันดีกว่านะที่รัก ”

     

              ในเมื่อไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน เดดพูลไม่ลังเลที่จะรีบประกาศจุดประสงค์ส่วนตัว ระยะหลังมานี้อีกฝ่ายไม่ค่อยปรากฏตัวให้เขาเห็นราวกับกำลังต้องการซ่อนบางอย่าง ปล่อยให้ต้องใช้ยูนิคอร์นประทังชีวิตไปตั้งพักใหญ่

     

    ไม่เอาล่ะ วันนี้ฉันจะรีบกลับ ”

     

    และโฮบี้คิดเช่นนั้นจริงๆ ลูกเมียเขากำลังรออยู่ที่บ้าน

     

    นายมันคนเย็นชา! ลืมความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นกับฉันไปได้ยังไง! ”

     

    วันนี้ฉันไม่ค่อยสะดวก ไว้วันหลังดีกว่า ” เดดพูลกำลังพล่ามอะไรของเขา ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

     

    นะนะนะ ฉันแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว นายไปกับฉันเถอะ ”

     

    นายเมาใช่ไหม แล้วก็อย่าเอาหน้ามาใกล้ฉัน! ”

     

    สไปดี้... ”

     

              โฮบี้ได้แต่มองภาพนั้นด้วยสีหน้าหนักใจ จะว่าเมาก็ไม่ใช่เพราะเดดพูลไม่ได้มีกลิ่นแอลกอฮอล์ติดอยู่ด้วยซ้ำ ใครจะไปคาดเดาอารมณ์ขึ้นๆลงๆของผู้ชายคนนี้ได้ เขาทำได้เพียงถอนหายใจราวกับช่างหัวแพลนที่วางไว้ล่วงหน้าทุกอย่างแล้ว

     

    โอเค นายต้องการอะไรว่ามาเวด ” ประโยคนั้นทำให้สีหน้าหมาหงอยของเวดเปลี่ยนมาเป็นยิ้มแป้นอีกครั้ง ร่างโตเด้งตัวออกจากอ้อมแขนของสไปดี้ ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายมาโอบไหล่ด้วยความสนิทสนมแทน

     

    ไปทำเรื่องปกติที่เราเคยทำกันเถอะ! ”

     

     

     

     

     

     

     

     

              แสงไฟมืดสลัวเคล้าไปกับเพลงจังหวะสนุกสนานที่ถูกเร่งเสียงให้ดังไปทั่วอาณาบริเวณ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ส่วนตัว มีผู้คนเดินสวนไปมาไม่ขาดสาย บริกรชายคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้า ก่อนวางเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ลงบนโต๊ะ

     

    ล้อเล่นหรือเปล่า!? นายพาฉันมาที่นี่เนี่ยนะ? ”

     

              เวดแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ราวกับโดนคำปฏิเสธกระแทกหน้าอย่างจัง ทำไมสถานที่ที่ควรจะเป็นห้องนอนของเขาดังคราวก่อนถึงกลายเป็นร้านขายแอลกอฮอล์ชื่อดังกลางเมืองไปได้

     

    ทำไมล่ะ นายกับฉันก็มาที่นี่ทุกทีที่เจอกันไม่ใช่หรือไง ” โฮบี้มองภาพคนข้างตัวที่กรอกเครื่องดื่มลงคอพร้อมใบหน้าน้อยใจอย่างไม่เข้าใจ

     

    ฉันเลี้ยงเพราะเห็นนายสภาพจิตใจไม่ค่อยปกติหรอกนะ ”

     

    ไม่สไปดี้... นายไม่เข้าใจความทุกข์ของชายโสดขี้เหงาที่อยู่ตรงนี้บ้างเลย

     

    ทำอย่างกับว่าลืมเรื่องราวทีเคยเกิดขึ้นในคืนนั้นไปหมดแล้ว ทั้งที่เขาแทบจะลงแดงตายที่ไม่ได้เจอขนาดนี้เนี่ยนะ

     

    ไม่ดื่มหน่อยหรือไง ” มือหนาของเวดยื่นเครื่องดื่มของตนไปไว้ตรงหน้าคู่สนทนา แต่คำตอบที่ได้กลับมามีเพียงการโบกมือปฏิเสธ

     

    ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ฉันมีธุระแต่เช้า ”

     

              ปีเตอร์เคยบอกกับเขาว่าให้เก็บเรื่องตัวตนของสไปเดอร์แมนเป็นความลับ แม้เขาจะไม่รู้ว่าสไปเดอร์แมนตัวจริงคือใคร แต่เรื่องความเป็นส่วนตัวไม่ว่าใครก็ต้องการทั้งนั้น หากเปิดหน้ากากดื่มตอนนี้เวดก็ได้เห็นพอดีว่าสไปเดอร์แมนเป็นผู้ชายหนวดเฟิ้ม

     

    อีกอย่าง...พรุ่งนี้ลูกสาวของเขาก็ต้องไปทัศนศึกษาแต่เช้าด้วย

     

    ทำไมนายถึงเอาแต่รับงานฆ่าปีเตอร์บ่อยนัก ” ได้โอกาสถามสิ่งที่กำลังสงสัย โฮบี้เอ่ยขึ้นขณะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูแจ้งเตือนแอพลิเคชันชื่อดัง ส่งให้เวดที่กำลังจะกระดกเครื่องดื่มชะงักมือไปเพียงเท่านั้น

     

    ตั้งแต่เข้ามาบริหารบริษัท หลายต่อหลายครั้งที่ปีเตอร์ต้องเสี่ยงตายเพราะผู้ชายคนนี้

     

    ถึงนายจะทำแบบนั้นอีกกี่ครั้ง ฉันก็จะปกป้องเขาเหมือนเดิมอยู่ดี ”

     

    ดูนายเป็นห่วงเป็นใยหมอนั่นจังเลยนะ ”

     

    นายอาจจะไม่รู้ แต่ฉันอยู่กับเขามานานพอที่จะพูดได้ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนเลว ” โฮบี้ตอบตามความเป็นจริง แม้จะไม่ได้สนิทกันมากมายขนาดนั้น แต่ปีเตอร์ก็เป็นเจ้านายที่สไปเดอร์แมนให้ความชื่นชม

     

              เวดเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก มันอาจจะผิดที่เขาตีความเองว่าชายคนนั้นต้องมีเบื้องหลังบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล คนดีที่ไหนจะมีคนต้องการให้ตายอยู่ตลอดเวลากันล่ะ

     

              แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจ ค่าตอบแทนอันมากมายต่างหากคือสิ่งที่เดดพูลจะวิ่งเข้าหา แม้จะดูเป็นทหารรับจ้างที่ไร้คุณธรรมไปหน่อย แต่ระยะหลังเขาเลือกภารกิจที่จะทำมากเสียจนกลายเป็นคนเรื่องมาก ก็ค่อนข้างเจาะจงสถานที่ปฏิบัติงานพอสมควรว่าให้เป็นในเขตแมนฮัตตันเท่านั้น

     

              ว่าแต่ชวนคุยอะไรในหัวข้อที่ซีเรียสซะจริง...ราวกับสไปดี้คนเดิมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ก็เป็นไปได้อยู่ว่าอาจจะโมโหเรื่องที่เขาไปวุ่นวายกับเจ้านายตัวเอง แต่ทั้งนี้งานของเขาก็ล่มไม่เป็นท่าเหมือนกัน อะไรก็ไม่รู้...แต่มันชวนให้เวดรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างน่าประหลาด

     

    ที่จริงฉันตั้งใจรับงานแถวนี้เพราะอยากเจอหน้านายบ่อยๆต่างหากล่ะเว็บ ”

     

    พูดอะไรน่าขนลุกน่า ” โฮบี้แกะมือของเดดพูลที่เริ่มเข้ามากอดแขนของเขาออก ผู้ชายคนนี้น่าจะเมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้ว

     

    ฉันพูดจริงนะ~ เมื่อไรนายจะยอมกลับไปกับฉันซักที ”

     

              แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรซักเท่าไรนัก เวดอาศัยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าคว้าคนตรงหน้ามาอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าที่แม้จะยังสวมหน้ากากเดดพูลอยู่คลอเคลียไปตามไหล่ลาดของอีกฝ่าย

     

    นายกล้ามใหญ่ขึ้นหรือเปล่าน่ะที่รัก? ”

     

              และโฮบี้รู้สึกว่ามันเริ่มจะมากเกินความจำเป็น มือใหญ่ไล้มาตามลำตัวของเขาราวกับกำลังประกาศจุดประสงค์บางอย่าง จนกระทั่งเมื่อสัมผัสหยาบโลนเคลื่อนเข้าไปใกล้กับต้นขา ความอดทนที่มีมันก็พลันขาดผึงไป

     

              โลกทั้งใบของเวด วิลสันสั่นสะเทือนเพราะแรงกระแทกจากหมัดหนักๆบริเวณข้างแก้ม รู้สึกตัวอีกทีใบหน้าก็แนบอยู่กับเก้าอี้บุฟองน้ำของร้าน และร่างของสไปดี้ที่โมโหฟึดฟัดจนเดินออกไปนอกร้านเสียแล้ว

     

    อะไรกัน แค่แกล้งแหย่ไปนิดเดียวเอง ” ร่างโตพยุงร่างของตนขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปาดของเหลวรสชาติเค็มปร่าบริเวณมุมปากออกอย่างลวกๆ ทั้งอย่างนั้นก็ยังคงฉีกยิ้มกว้างราวกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่

     

    แย่จัง วันนี้อดทำเรื่องสนุกๆเลย ”

     

    อย่างน้อยเขาก็ได้รู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่สไปเดอร์แมนล่ะนะ...

     

    หมายถึงไม่ใช่สไปเดอร์แมนคนที่คุ้นเคยกันดีน่ะ :) ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              วันนี้สไปดี้ที่รักของเขามีภารกิจคุ้มกันนักโทษเพื่อไปส่งยังที่คุมขังอย่างปลอดภัย ส่วนผู้จ้างวานก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็นชิลด์เจ้าเก่าที่มักจะเรียกขอความช่วยเหลือจากชายคนนั้นอยู่เสมอ

     

    แหงล่ะ...คนจิตใจงามแบบนั้นจะไปกล้าปฏิเสธเพื่อนร่วมงานกันมาช้านานไปได้อย่างไร

     

              ส่วนเรื่องที่ว่าเดดพูลรู้เรื่องทั้งหมดได้อย่างไรนั้น เป็นเพราะเจ้าตัวถนัดเรื่องสืบเรื่องของชาวบ้านเป็นปกติสุข บวกกับเหตุผลว่าวันนี้ไม่มีงานจ้างใดๆเข้ามา แม้สไปดี้จะออกปากขอว่าไม่ให้ยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่าย แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะตามติดชีวิตคนอื่นแบบที่กำลังทำอยู่ ณ ปัจจุบัน

     

              กว่าจะแน่ใจว่าไม่มีนักโทษหลบหนีออกมาระหว่างทาง ชายหนุ่มคนนั้นต้องวนเวียนไปกลับสถานที่เดิมๆอยู่หลายครั้ง จนเมื่อทุกอย่างลงตัวเวลาก็ย่างเข้าช่วงพลบค่ำเสียแล้ว เขายกน้ำเปล่าขึ้นดื่มเพื่อคลายความเหนื่อยล้า ก่อนโบกมือลาสาวสวยผมทองแห่งชิลด์คนนั้นและแยกย้ายกันออกไป

     

              บรรยากาศกำลังดี ช่วงเวลาก็พอเหมาะ แต่อาจจะผิดแผนไปหน่อยที่ดันอยากดื่มอะไรบางอย่างระหว่างรอใครอีกคน สติที่มีมันจึงพลอยลดน้อยลงไปด้วย เดดพูลโบกมือทักทายสไปเดอร์แมนที่กำลังโรยตัวลงมาจากตึกสูงอย่างเริงร่า เขายืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกอีกฟากพร้อมกระป๋องแอลกอฮอล์จำนวนหนึ่ง ปลายเท้าทั้งคู่เหยียบอยู่ระหว่างพื้นกับอากาศ และหวิดจะตกลงไปข้างล่างอยู่ร่อมร่อ

     

    ทำบ้าอะไรของนายเนี่ยเวด ฉันไม่อยากให้คนข้างล่างเห็นภาพอุจาดตาหรอกนะ! ” ใยแมงมุมเส้นหนึ่งดึงร่างโตกลับมายังพื้นที่ปลอดภัยได้ทันเวลาก่อนเขาจะตกลงไปจริงๆ เดดพูลมีท่าทีมึนงงเล็กน้อย ได้แต่มองภาพคนร่างเพรียวที่กำลังสาวเท้าตรงมาทางเขาด้วยใบหน้ายินดี

     

    อย่างน้อยสไปเดอร์แมนคนเมื่อวันก่อนก็ไม่กล้าใช้คำพูดแบบนี้กับเขาแน่นอน...

     

    สไปดี้~ ฉันคิดถึงนายจะแย่ ไปหาอะไรทำแก้เบื่อกันเถอะนะ! ” ไม่รีรอที่จะพุ่งน้ำหนักทั้งร่างไปยังคนตัวเล็กกว่าจนร่างนั้นล้มลงไปนั่งกับพื้น

     

    เฮ้ นายเมาขนาดไหนกันเนี่ย ลุกออกจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ! ”

     

              มือเรียวพยายามดันร่างที่ใหญ่โตกว่าออก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น วงแขนกว้างโอบรัดร่างของเขาแน่นกว่าเดิม ทั้งใบหน้าที่แม้จะยังสวมหน้ากากอยู่นั่นก็เริ่มมาฝังจมูกตามลำคออย่างรักใคร่

     

    ฉันอยากไปบ้านนาย พาฉันไปบ้านนายบ้างสิ ” เวดใช้เสียงออดอ้อน แต่ท่าทางนั้นมันช่างดูน่าขนลุกเหลือเกินสำหรับคนฟัง

     

    อีกหนึ่งสิ่งที่สัมผัสได้คือลำตัวเพรียวบางและกลิ่นกายอันคุ้นเคย...เป็นสิ่งยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นคนละคนกันอย่างแน่นอน

     

    ไม่เอาอะ ฉันไม่อยากดูแลคนเมา ” ปีเตอร์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ขืนพาไปจริงๆความลับก็ได้แตกหมดพอดี

     

    ใจร้าย จริงๆนายแค่ไม่อยากให้ฉันไปที่นั่นใช่ไหมล่ะ! ”

     

              คนตัวใหญ่พูดจาตัดพ้อก่อนนิ่วใบหน้าแสดงความน้อยใจ สไปเดอร์แมนทำได้เพียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย อยากจะตอบว่าใช่แต่มันจะดูไม่รักษาน้ำใจกันเกินไปหน่อย ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร แต่มันจะเป็นที่นั่นไม่ได้และวันนี้เขาก็เหนื่อยจากงานมาทั้งวันแล้ว

     

    เกาะดีๆ ฉันจะพานายไปส่งที่บ้านแล้วกัน ” ในเมื่อไม่ยอมปล่อยมือออกจากร่างของเขาง่ายๆ ปีเตอร์จึงเปลี่ยนวิธีคุยกับเวด วิลสันใหม่ วันนี้จะยอมใจดีพาคนเมาไปส่งที่บ้านเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน...

     

              น่าแปลกที่เด็กโตแต่ตัวคนนั้นยอมฟังอย่างว่าง่าย กลิ่นแอลกอฮอล์ที่มาจากอีกฝ่ายทำให้ปีเตอร์มึนหัวเล็กน้อย แต่เขาก็สามารถพาเดดพูลมาส่งถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แขนกำยำของอีกฝ่ายชี้ตรงไปยังทางเข้าพิเศษของบ้านขณะลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ส่งให้คิ้วเรียวเลิกชึ้นด้วยความไม่เข้าใจ

     

    ตรงไปทางนั้นเลย เกิดอะไรขึ้นฉันรับผิดชอบเอง ”

     

    นั่นมันหน้าต่างบ้านนายนะ ” มันคงไม่มีปัญหาอะไรมากหากหน้าต่างบานนั้นไม่ได้กำลังปิดสนิทอยู่ รู้ว่าเมาแต่ช่วยมีสติให้มากกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง

     

    ตรงไปเล้ย! ”

     

              แต่อะไรก็ห้ามความคิดนั้นไม่ได้ เมื่ออยู่ๆร่างใหญ่กว่าที่อยู่ด้านหลังก็ออกแรงผลักปีเตอร์เต็มแรงแขนเสียจนไม่มีโอกาสได้ป้องกันตัว

     

    เฮ้ย!! ”

     

    เพล้ง!!

     

              และหน้าต่างบานนั้นก็กลายเป็นเพียงอดีตไปอย่างสวยงาม สองร่างที่กอดรัดกันไว้แน่นตกลงสู่เตียงที่อยู่ในห้องอย่างพอดิบพอดี เศษกระจกแตกกระจายเต็มพื้นห้อง บาดผ้าสเปนเด็กซ์บางส่วนให้ขาดเป็นริ้ว แต่ก็ไม่ได้มีรอยขีดข่วนใดๆบนผิวหนัง ก่อนเสียงเจ้าของบ้านจะพูดชมตัวเองอย่างภาคภูมิใจว่า ‘ฉันคำนวณไว้แล้วยังไงล่ะ’

     

     

    ดีแค่ไหนที่ไม่ได้บาดแผลมาเพิ่มอีก…

     

    แต่แล้วปีเตอร์ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อหลังจากร่างของเขาแลนดิ้งลงบนเตียงไม่นานก็ถูกพลิกตัวลงไปอยู่ด้านล่าง มือหนาทั้งสองข้างล็อคสะโพกของเขาเอาไว้แน่น

     

    อา… สไปดี้ ฉันเมามาก เรามาทำกันตอนนี้เลยเถอะ” เวดครางต่ำในลำคออย่างพอใจ เขาเคลื่อนร่างกายที่แม้ในเวลานี้จะยังสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้นไปมาเป็นจังหวะเร็วๆ ส่งให้แกนกลางร่างกายของทั้งคู่เสียดสีกันโดยตรง

     

    อ๊า! ไม่เอาน่าเจ้าบ้า เหม็นเหล้าจะตายอยู่แล้ว!” ปีเตอร์เผลอหลุดเสียงครางออกมาดังอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาพยายามดิ้นต่อต้าน แต่ดูเหมือนความร้อนที่สัมผัสโดนกันในตอนนี้จะทำให้สงบใจลงไปไม่ได้เสียแล้ว

     

    ตัดสินใจพลิกร่างคนตัวโตกว่ามาไว้ข้างล่าง ก่อนพยายามคลานออกไปทั้งอย่างนั้น มือปลาหมึกของใครอีกคนก็คว้าเข้าที่เอวและต้นขาของเขาเอาไว้ได้ทันเวลา เกิดการยื้อร่างไปมาแบบนั้นพักหนึ่งจนทำให้คนโดนจำกัดอิสรภาพเริ่มรู้สึกหงุดหงิด

     

    อา…!”

     

    เวดรู้จุดอ่อนของปีเตอร์ดี จึงได้ตั้งใจสอดนิ้วมือเข้าไปในช่องทางด้านหลังแม้จะมีผ้าสเปนเด็กซ์กั้นอยู่ ไม่ปล่อยให้มืออีกข้างว่างโดยจัดการกุมส่วนอ่อนไหวเอาไว้จนคนร่างเล็กกว่าเทน้ำหนักตัวลงบนแผ่นอกกว้างของเขาอย่างหมดสภาพ ได้ยินเสียงครางอู้อี้อยู่ข้างหูเมื่อใบหน้าของสไปดี้กำลังซบลงกับบ่ากว้าง

     

    คืนนี้นายน่ารักชะมัด” เขาฝังจมูกไปตามลำคอของอีกฝ่าย ในขณะที่มือเปลี่ยนตำแหน่งมาเริ่มถอดเอาเครื่องแต่งกายออกทีละชิ้น

     

    ปล่อยเถอะน่า ฉันจะกลับแล้ว” ปีเตอร์รีบยกมือขึ้นมาดันคางของอีกฝ่ายให้ออกห่าง ด้วยงานวันนี้ทำให้เขาค่อนข้างเหนื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะมาต่อต้านผู้ชายตัวใหญ่ตรงนี้ได้เลยสักนิด

     

    ใครอนุญาตกันล่ะที่รัก? ”

     

    ดวงตาภายใต้หน้ากากเบิกโพลง ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายตัวโตคนนั้นจะเปลื้องผ้าของเขาออกทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น อีกทั้งยังกำลังแกะเข็มขัดออกจากเอวของตัวเองออกอยู่ด้วย เจ้าของใบหน้าที่สวมหน้ากากถึงสันจมูกบรรจงมอบจูบลงไปบริเวณต้นขาขาวอย่างเนิบนาบ

     

    หมอนี่มันแกล้งเมา เห็นชัดๆ ว่าสติยังอยู่ครบทุกอย่าง ไปอดอยากเรื่องแบบนี้มาจากไหนนักหนา

     

    เฮ้ๆๆ นายจะทำทั้งแบบนั้นไม่ได้นะ!” เขาพยายามเอามือดันแผ่นอกว้างนั้นออกไป เดดพูลคว้าเอาบางสิ่งที่กำลังตื่นตัวใต้ร่มผ้าของตัวเองออกมา ก่อนเอามันไปเสียดสีเข้ากับสิ่งที่กำลังตั้งชันของคนตัวเล็กกว่าโดยตรงจนอีกฝ่ายไม่อาจกลั้นเสียงครางเอาไว้ได้ มันไม่ได้มีการเตรียมพร้อมใดๆ ก่อนทั้งสิ้น

     

    ไม่ล่ะ ฉันทนรอขนาดนั้นไม่ไหวแน่ๆ ” เวดเลียริมฝีปากด้วยความหื่นกระหาย มือหนาทั้งสองข้างล็อคสะโพกกลมเอาไว้แน่นจนไม่อาจขัดขืน เขาทุ่มแรงทั้งหมดใส่ความใหญ่โตนั้นเข้าไปในคราวเดียวจนสไปดี้ต้องขยำผ้าปูที่นอนแน่นด้วยความเจ็บปวด

     

    ว..เวด นายมัน..!” ปีเตอร์ทั้งหงุดหงิดและจุกไปทั้งร่าง เขาเจ็บช่องทางด้านหลังไปหมดราวกับมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แม้จังหวะของคนตรงหน้าจะไม่ได้เร็วนัก แต่สิ่งนั้นที่กำลังเสียดสีกันมันแห้งเหือดเกินไปจนน้ำตาไหลพรากออกมาอย่างไม่อาจกลั้น

     

    อา… อ๊ะ เจ้าโรคจิต” เวดจูบพรมไปทั่วแผ่นอกของคนตัวเล็กกว่าราวกับกำลังปลอบโยน เขาไม่ได้รีบร้อนเพิ่มจังหวะจนทำให้คนตรงหน้ารู้สึกทรมาน กลับกันปีเตอร์ปฏิเสธไม่ได้ว่าความอ่อนโยนนั้นกำลังทำให้รู้สึกดี

     

    อีกไม่นานลูกๆ ของเจ้าโรคจิตก็จะเข้าไปอยู่ในตัวนายแล้วนะ”

     

    เพราะคำพูดนั้นจึงส่งให้ฝ่ามือของปีเตอร์ผลักใบหน้ายิ้มแป้นแล้นนั้นออกไปด้านข้างอย่างไม่เบานัก

     

    อ…เอาออกไปเลยนะ!” เวดระบายยิ้มพอใจ ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ คนๆ นี้ก็ไม่เคยทำให้ความต้องการของเขาลดลงเลยแม้แต่นิด มือหนาเปิดหน้ากากของคนตัวเล็กกว่าออกครึ่งหนึ่งก่อนประกบริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบา

     

    นายชอบขออะไรที่มันเป็นไปไม่ได้นี่นะ” เขาเริ่มเพิ่มจังหวะมากขึ้นเรื่อยๆ จนคนที่อยู่ใต้ร่างครางไม่ได้ศัพท์

     

    อา…สไปดี้ วันนี้นายนี่มันโคตรเซ็กซี่ไปเลยว่ะ”

     

    ริมฝีปากหวานฉ่ำนั้นกำลังส่งเสียงน่าฟังเพราะเขา ตุ่มไตสีชมพูบนแผ่นอกกำลังตั้งชันจนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปลิ้มลอง และฟันขาวที่กำลังกัดไปที่ริมฝีปากล่างเพราะความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ภายใน …ขนาดตอนสวมหน้ากากยังยั่วให้ขึ้นได้ขนาดนี้

     

    ฉันล่ะอยากเห็นใบหน้าลามกของนายจริงๆ ”

     

    เจ้าของร่างกำยำมอบสัมผัสหวาบหวามไปทั่วแผ่นอกและลำคอ เขาเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นกว่าเดิมจนคนตรงหน้าเริ่มบิดลำตัวไปมา รอยแผลเป็นที่ทำไว้คราวก่อนยังไม่หายดี มันเปลี่ยนเป็นสะเก็ดแผลสีเข้ม อีกทั้งยังเหลือพื้นที่ว่างบนผิวขาวอีกมากมายให้จับจอง เวดเคลื่อนริมฝีปากไปยังลำคอด้านซ้ายของปีเตอร์ ก่อนฝังเขี้ยวระบายความอัดอั้นที่มีทั้งหมดไปพร้อมกับความอุ่นวาบที่ฉาบไปทั้งช่องทางด้านล่าง

     

    อ๊า…!!” ไม่รู้ว่าเสียงที่เปล่งออกมานั้นจะเป็นความเจ็บปวดหรือความสุขสม ร่างกายของคนตัวเล็กกว่ากระตุกเกร็งเป็นจังหวะพร้อมกับของเหลวสีขาวขุ่นที่พุ่งตรงเข้าสู่หน้าท้องของตัวเขาเองอยู่หลายครั้ง

     

    เวดได้มอบความเจ็บปวดที่หอมหวานราวกับสัตว์ร้ายที่ค่อยๆ กัดกินเหยื่อ บาดแผลนั้นยังคงมีของเหลวสีแดงฉานไหลซึมออกมาตามร่องรอยของชุดฟันที่ฝังลงไป

     

    กับดักบางอย่างได้ถูกวางลงไปแล้ว และค่ำคืนแห่งความสุขสมนี้มันยังดำเนินไปอีกยาวไกลนัก

     

     





              

    อิเวดหื่นกามเหลือเกินค่ะสำหรับตอนนี้55555
    ความสัมพันธ์ระหว่างปีเตอร์กับเวดเป็นความสัมพันธ์ที่อันตรายสำหรับไรเตอร์
    ตามชื่อเรื่องที่ตั้งตามชื่อเพลงเลยค่ะ คือฟังแล้วพล็อตเข้าหัวเป็นฉากๆเลย;-;

    สนุกไม่สนุกยังไงคอมเม้นท์บอกไรเตอร์หน่อยน้า <3

    คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิค
    ** Spoil Alert!! ** ใครจะตามอ่านคอมมิคแนะนำให้>ข้ามข้อความด้านล่าง<ไปเลยนะคะ

    O โฮบี้ บราวน์ : คือฮีโร่ในนาม Prowler ที่ถนัดทำงานในความมืดและความเงียบมากกว่า เขาเป็นตัวละครใน The amazing spiderman ซึ่งในจักรวาลอื่นเป็นตัวร้ายก็มีค่ะ เป็นผู้ชายผิวสี ตัวสูงกว่าปีเตอร์เล็กน้อย และมีหนวดเคราล้อมกรอบหน้าค่ะ
    โฮบี้เคยปรากฏตัวใน Spiderman/Deadpool เพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาเป็นเพื่อนกับสไปเดอร์แมนและรู้จักกับปีเตอร์ เขาไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของสไปดี้ และคิดว่าสไปดี้เป็นบอดี้การ์ดจริงๆค่ะ
    ปีเตอร์เคยขอให้โฮบี้ปลอมตัวเป็นสไปเดอร์แมนหลายครั้งเพื่อปิดความลับของตัวเอง แต่โฮบี้ไม่มีพลังสไปเดอร์เซนส์นะคะ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×